สุตมยปัญญา เท่าไหร่ชื่อว่าเพียงพอ ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สิกขา1, 20 พฤษภาคม 2020.

  1. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    ปฏิฆะ มานะ ทิฏฐิ..

    ลด ละ วาง..
     
  2. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    วางจิต เห็นจิต..

    วางใจ เห็นใจ..

    วางหมดทุกสิ่งอย่างได้ ก็หมดภาระ เท่านั้นเอง..
     
  3. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    รู้ว่าไม่ถูกต้องก็แก้ไขได้ ลดมานะละทิฐิ
    เราลบบ่อยๆ
     
  4. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    มาฝึกๆทิฎญิธรรมกะอัตตาธรรกันมัยสนุก
    ว่างความสนุกได้กะสบาย
    หึหึ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ รู้กาย จะเป็นอาการ "รู้เฉย ๆ" ผลลัพธ์ จะ "รู้กายทั้งตัว" ได้เอง รวมทั้ง "รู้สภาวะแวดล้อมไปในตัว" เป็นวิปัสสนา
    +++ รู้กาย จะไม่มีอาการ "จิตส่งออก" เป็นอาการ "รู้เฉย ๆ" เมื่อยามใดที่ "จิตจะส่งออก" ก็จะ "รู้/เห็น กิริยาจิตนั้น ๆ"
    +++ ในยามที่ "ทุกข์ กาย/ใจ เกิดขึ้น" ก็จะ "รู้" ได้ เพราะมัน "ซ้อนอยู่ ภายในกาย"
    +++ จะตรงกับ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ที่กล่าวว่า "จิตส่งออกเป็น สมุทัย ผลลัพธ์เป็น ทุกข์"
    +++ "จิตเห็นจิตเป็น มรรค ผลลัพธ์เป็น นิโรธ (ดับทุกข์)"
    +++ "รู้กาย" จะ รู้/เห็น "กระบวนการ กิริยาจิต/จิตส่งออก/ผลลัพธ์ ทั้งหมด" เป็น "วิปัสสนา"

    +++ ดูกาย จะเป็นอาการ "ดูเป็นส่วน ๆ ตามกาย" ผลลัพธ์ จะเป็นอาการ "เพ่งเป็นส่วน ๆ เฉพาะส่วน"
    +++ เกิด "ความรู้สึก เป็นส่วน ๆ ณ ส่วนที่ ถูกดู" จะได้อาการ "ดูทีไหน รู้สึกที่นั่น" เช่นเดียวกับ "อาการเพ่ง"
    +++ แม้ว่าจะเป็น "เพ่งตามกาย" ก็ตาม ณ ขณะที่ กำลังเพ่ง จะ "ตัดสภาวะแวดล้อมออก ไม่รับรู้" จึงเป็นสมถะ

    +++ จนกว่าจะ "แผ่ขยายความรู้สึกที่เพ่ง ให้ได้ทั้งตัว" จึงจะเป็น "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" และจะ "รับรู้" ได้อย่าง "รู้กาย"
    +++ แต่จะมี "ความแตกต่าง" กับ "รู้กายเพียงอย่างเดียว" คือ ได้ทั้ง "สมถะ+วิปัสสนา"

    +++ รู้กายทั้งตัว จัดเป็น "สติ" ส่วนรู้สึกกายทั้งตัว จัดเป็น "สัมปชัญญะ"
    +++ รู้สึกกายทั้งตัวจะได้ "สัมโภชฌงค์" ไปในตัว
    +++ ส่วนรู้กาย หากปล่อยให้ "ตั้งมั่น" ได้ ก็จะได้ สัมโภชฌงค์ เช่นกัน

    +++ แต่ ส่วนใหญ่ มักจะ "ทำ" กันไม่ได้

    +++ ปัญหา คือ "ดูกาย" มักจะ ติดและไม่รู้จัก "อาการดู" ภายหลังจะ "ติดเพ่ง"
    +++ พวกสาย "ดูจิต" หากไม่มาจาก "การรู้กายทั้งตัว" จะเกิดอาการ "วิปลาส" ภายหลัง

    +++ สติปัฏฐาน 4 เริ่มจาก "รู้กาย (กายานุปัสสนา)" ก่อนเพราะ "ง่ายที่สุด"
    +++ ต่อมาจึง "รู้สึกกาย (เวทนาของกาย)" แล้วค่อย ๆ "รู้จิต รวมทั้ง กิริยาจิต (จิตตานุปัสสนา)"
    +++ ลงท้ายที่ "รู้สึกถึงความเป็นจิต (ตน/ธัมมานุปัสสนา)"

    +++ สืบเนื่องมาจาก คำถามของคุณ สิกขา1 หน้า 1 (คงต้อง ย้อนหลังกันเอาเอง นะ)
    +++ คำตอบอยู่ที่ "การลงมือทำ" แล้วต้องได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น "ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า"
    +++ หากได้ตามนี้ "พระสูตรเดียว ก็ผ่านได้หมด" แต่ถ้าไม่ได้ "จะกี่สูตร ก็ไม่เป็นผล" นะครับ
     
  6. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    ผมรู้กายเคลื่อนไหวตลอดแทบทั้งวันส่วนมากเน้นการเิดิน หลังๆมันเพิ่มขึ้นเองเป็นเหลียวซ้ายขวา นั่ง ยืน เอนนอนเปลี่ยนท่าง
    วันนี้ รู้สึกทำไมกายมันมีแต่ทุกข์ ทั้งๆที่หายป่วยร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก กลับไม่รู่สึกสบายเท่าที่ควร รูัสึกแต่ทุกข์...
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ OK ทำได้ดีถ้า "รู้ทั้งกาย คลุมได้ทั้งกาย ทุกส่วน ในเวลาเดียวกัน" ก็จะตรงกับ "กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ได้
    +++ หากไปได้จนถึง "รู้ว่า กายอยู่ข้างใน คล้ายซ้อนกันกับ เรา อยู่ด้วยกัน" ตรงนี้จะ "เริ่มรู้ว่า กายไม่ใช่ตน"
    +++ OK ตรงส่วนนี้ เป็น "เวทนาอันเกิดจากกาย" เป็นส่วนของการ "รู้สึกกาย"
    +++ หากจะให้ดี ควรทำให้ถึง "อาการ รู้สึกตัวทั่วถึง ทั้งตัว" จัดเป็น "เวทนานุปัสสนา"
    +++ ทำให้ได้ถึง "1. รู้คลุมทั้งตัว 2. รู้สึกทั้งตัว" ทั้ง 2 อาการ "คร่อมอยู่ด้วยกัน"

    +++ ให้ รู้คร่อมทั้งตัว แล้วตรง "ร่างกายมันมีแต่ทุกข์" นั้น
    +++ ทุกข์แต่ละส่วน มันมีความเข้มข้น "ต่างกัน" หรือไม่
    +++ แต่ละหย่อมที่เป็น "ทุกข์" นั้น มีความหนาแน่น Density ต่างกัน
    +++ และแต่ละหย่อม ก็มี "อาณาเขต" ต่างกันออกไป

    +++ ให้เป็นทั้ง "รู้และรู้สึก ครอบคลุมให้ได้ทั้งตัว"
    +++ จึงจะ "รู้ประดุจเห็น" อาการ ทุกข์เป็น "หย่อม ๆ" นี้
    +++ ให้ "อยู่กับ รู้+รู้สึก ทั้งตัว" พร้อมทั้ง "รับรู้ ทุกหย่อมแห่งทุกข์"
    +++ หากทำได้ "ถูกต้อง" หย่อมแห่ง ทุกข์เวทนา จะ "แยก" ตัวมันเองออกไป
    +++ หากสามารถ "ตั้งอยู่กับ วิธีทำ ที่ผมกล่าวมา" จะสามารถ "เห็นอาการ ทุกข์ แยกตัวออกไปได้"
    +++ อาการตรงนี้เป็น "วิมุติญาณทัศนะ เบื้องต้น แค่ในระดับ พ้นทุกข์เป็นส่วน ๆ เท่านั้น"
    +++ หากฝึกฝนต่อไป ก็จะพัฒนาเข้าสู่ "การเห็นกิริยาจิต และเห็นสิ่งที่เรียกว่า ตน" ได้เอง นะครับ
     
  8. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    อ่านดูทำไมรู้สึกมันคล้ายๆ อานา้้้้เขตแห่งกายที่บางคนพยามอธิบาย อานาปานะคนละอย่างกับที่เข่าใจกันว่าคือลมหายใจเท่านั้น
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ อยู่ที่ "บางคนที่พยายามอธิบาย" ตรงนั้นแหละ ว่า
    +++ บางคนที่พยายามอธิบาย นั้น "ปฏิบัติถึงตรงไหน"

    +++ อาณาเขต/ขอบเขต แห่งกายนั้น "ผู้อธิบาย" ได้ กายานุปัสสนา แล้ว
    +++ ผู้นั้นไปถึง "อยู่กับกาย/ขอบเขตกาย/รู้ทั้งกาย" ได้ทั้งตัวแล้ว
    +++ จะได้อาการ "กองลมทั้งหมด ถูกรู้" และ "กองลม ไม่ใช่กาย ไม่ใช่ตน"

    +++ ส่วนผู้ที่ "อธิบาย" ว่า เอาลมเป็นกาย นั้น ยังอธิบายอยู่ในขั้น "ดูลม" อยู่
    +++ ซึ่งตรงนี้ ขึ้นอยู่กับว่า "อธิบายให้ นักปฏิบัติ ในระดับใด มากกว่า"

    +++ อานาปานสติ นั้น หากทำให้มาก ย่อมได้ "กายานุปัสสนา"
    +++ ดังนั้น อานาปาน เป็นขั้นแรก ก่อนที่จะถึง "กายา/ขอบเขตกาย"
    +++ ตรงนี้ เป็นการ "ระบุคนละระดับชั้นของการปฏิบัติ" นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...