คลังเรื่องเด่น
-
เปิดตำนาน ปฏิหาริย์สมเด็จโตฯ สู้กับพายุร้าย เพียงโบกพัดเบาๆ พายุก็พลันสลายไป!..สาธุ
เปิดตำนาน ปฏิหาริย์สมเด็จโตฯ สู้กับพายุร้าย เพียงโบกพัดเบาๆ พายุก็พลันสลายไป!..สาธุ
ครั้งหนึ่ง สมโภชพระราชวังบนเขามไหสวรรค์ เมืองเพชรบุรี สังฆการีวางฎีกาท่านไปเรือญวน ๔ แจว ออกทางปากน้ำบ้านแหลม เวลานั้นทะเลเป็นบ้า คลื่นลมจัดมาก ชาวบ้านอ่าวบ้านแหลมช่วยกันร้องห้ามว่า เจ้าประคุณอย่าออกไป จะล่มตาย
ท่านตอบไปว่า” ไปจ๊ะ ไปจ๊ะ”
ท่านออกยืนหน้าเก๋ง เอาพัชนีใบตาลโบกแหวกลมหน้าเรือ ลูกคลื่นโตกว่าเรือท่านมาก บังเรือมิด แต่ทางหน้าเรือคลื่นไม่มี ลมก็แหวกทางเท่ากับแจวในลำท้องร่อง น้ำเรียบแต่น้ำข้างๆกระเซ็นบ้าง เพราะคลื่นเข้าข้างเรือทั้งสองโตเป็นตลิ่งทีเดียว พระธรรมถาวรเล่าว่า เวลานั้นท่านเป้นพระครูปลัดไปกับท่านด้วย ได้เห็นน่าอัศจรรย์ ใจท่านหายๆ ดูไม่รู้จะคิดเกาะเกี่ยวอะไร
สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านยืนโบกพัดเฉย คนก็แจวเฉยเป็นปกติ จนเข้าปากน้ำเมืองเพชร ท่านจึงเข้าเก๋งเอนกาย ชาวปากอ่าวเมืองเพชรเกรงบารมีสมเด็จท่านมาก ยกมือท่วมๆ หัว สรรเสริญคุณสมบัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตลอดจนเจ้าขุนนางที่ตามเสด็จคราวนั้นว่า เจ้าพระคุณสำคัญมาก แจวฝ่าคลื่นลมกลางทะเลมาได้ตลอดปลอดโปร่งปราศจากอุทอันตราย... -
ตำนานอีกหน้า! ของพี่น้องพุทธรูปลอยน้ำ ว่ากันว่าแท้จริงมีมากถึง ๕ องค์ ไม่ใช่ ๓ องค์อย่างที่พูดกัน!!
ตำนานอีกหน้า! ของพี่น้องพุทธรูปลอยน้ำ ว่ากันว่าแท้จริงมีมากถึง ๕ องค์ ไม่ใช่ ๓ องค์อย่างที่พูดกัน!!
พุทธปัญจภาคีวารีปาฏิหาริย์
เล่าขานตำนานหลวงพ่อลอยน้ำ 5 พี่น้อง
มีตำนานกล่าวว่า กาลครั้งหนึ่งมีพี่น้องชาวเมืองเหนือ 5 คน บวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา ได้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน มีฤทธิ์อำนาจทางจิตมาก ได้พร้อมใจกันตั้งสัจจะอธิษฐานว่า
“เกิดมาชาตินี้จะขอบำเพ็ญบารมีช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ แม้ตายไปแล้ว ก็จะสร้างบารมีช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ต่อไป จนกว่าจะถึงซึ่งนิพพาน”
ครั้นพระอริยบุคคลทั้งห้าองค์นี้ดับขันธ์ไปแล้ว ก็เข้าสถิตอยู่ในพระพุทธรูปทั้งห้าองค์ มีความปรารถนาจะช่วยปลดเปลื้องทุกข์ให้คนทางเมืองใต้ จึงพากันแสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้พระพุทธรูปทั้งห้าองค์ลอยน้ำมาทางใต้ตามแม่น้ำสายหลักของภาคกลางทั้ง 5 สาย
ชาวบ้านชาวเมืองตามริมฝั่งแม่น้ำเห็นพระพุทธรูปทั้งห้าองค์ลอยน้ำมาก็พากันเลื่อมใส จึงได้นำพระพุทธรูปเหล่านั้นขึ้นฝั่งและอาราธนาให้ขึ้นสถิตอยู่ตามวัดต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับจุดที่ชะลอองค์พระขึ้นจากแม่น้ำ โดยพระพุทธรูปองค์แรก ลอยมาตามแม่น้ำบางปะกง... -
"หลวงตาแตงอ่อน" ฟันอสุรกายจนขาดครึ่ง!! เผยทีเด็ดอะไร? ไม่ต้องใช้คาถา...ผีก็กลัวหัวหด!!
"หลวงตาแตงอ่อน" ฟันอสุรกายจนขาดครึ่ง!! เผยทีเด็ดอะไร? ไม่ต้องใช้คาถา...ผีก็กลัวหัวหด!!
ครั้งหนึ่ง สมัยที่ "หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม" ได้ออกธุดงค์กับคณะพระเณรเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม โดยมุ่งหน้าไปทางเขตอำเภอพรรณานิคมจนถึงป่าดงแห่งหนึ่งนั้น เมื่อไปถึงก็จวนจะค่ำพอดี จึงตกลงพากันพักที่ดงแห่งนั้น
เมื่อปักกลด สรงน้ำเสร็จ ไหว้พระสวดมนต์แล้ว ก็เข้านั่งสมาธิภาวนาอยู่ในกลด เวลาผ่านไปไม่นานก็มีเสียงคนเดินเหยียบใบไม้แห้ง เสียงนั้นดังมาก หลวงตาแตงอ่อนสงสัยว่าเป็นเสียงอะไรก็เลยฉายไฟดู แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม
เมื่อมองไม่เห็น ท่านจึงเข้าสมาธิภาวนาเพื่อกำหนดจิตดู...ก็ปรากฏภาพของบุรุษร่างใหญ่ ตัวสูงมาก ร่างกายกำยำ ถือกระบอง และทำท่าจะเอากระบองทุบท่านให้ตาย
บุรุษร่างใหญ่พูดขึ้นว่า
"ป่าแห่งนี้ข้าเป็นใหญ่ ไม่มีใครกล้าเข้ามากล้ำกราย ... ท่านจงหนีไปเดี๋ยวนี้!!"
หลวงตาแตงอ่อนจึงกล่าวในสมาธิว่า
"เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า มาแสวงหาโมกขธรรมเพื่อความหลุดพ้น ไม่ได้มารบกวนใคร ... พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญภิกษุผู้อยู่ป่ามิใช่หรือ ... แล้วท่านมาพูดแบบนี้ไม่กลัวบาปกรรมเหรอ!!"... -
อยากให้พระเครื่องเข้มขลังมากๆ หลวงพ่อปาน ท่านแนะวิธี ต้องใช้คาถาอัญเชิญพระเข้าตัว ทำตามแนะนำ รับรองดีแท้แน่นอน!!!
อยากให้พระเครื่องเข้มขลังมากๆ หลวงพ่อปาน ท่านแนะวิธี ต้องใช้คาถาอัญเชิญพระเข้าตัว ทำตามแนะนำ รับรองดีแท้แน่นอน!!!
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา บูรพาจารย์ที่ได้เคยกล่าวสอนลูกศิษย์ในการสร้างพระเครื่อง
“…ต้องอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสาวกทุกองค์ ตลอดจนพระพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย การชุมนุมบวงสรวงเช่นนี้ประเดี๋ยวก็เสร็จไม่ต้องถึงสามเดือนอย่างที่แล้วมา จงจำไว้ว่าการจะปลุกเสกพระหรือผ้ายันต์อะไรก็ตาม ถ้าจะอาศัยอำนาจของเราอย่างเดียวไม่ช้าก็เสื่อม
เราน่ะมันดีแค่ไหน การทำตัวเป็นคนเก่งน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่ง พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง พระพรหมท่านเก่ง ท่านมาช่วยทำประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จดีกว่าเราทำตั้งพันปีเราต้องการให้ท่านช่วยอะไรก็บอกไป
ของที่ทำจะคุ้มครองผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้ทุกคนถ้าหากพระก็ดี พระพรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครองให้ ท่านก็มองเห็นถนัด คุ้มครองได้ถนัดและจำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้านำของนั้นไปใช้ในทางทุจริตคิดมิชอบก็ไม่มีอะไรจะคุ้มครองได้... -
"สติ ความรู้จักผิดชอบชั่วดี" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"สติ ความรู้จักผิดชอบชั่วดี"
" .. "สติ คือความรู้ผิด รู้ชอบ รู้ชั่ว รู้ดี" ความหมายของสติ "ชี้ชัดถึงความสำคัญอย่างยิ่งของคำว่าสติ อะไรจะสำคัญสำหรับชีวิตยิ่งไปกว่า ความรู้ผิดชอบรู้ชั่วดีไม่มีแน่นอน" ความผิดความชั่วที่ทำกันอยู่มากมาย โดยเฉพาะในทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดจากเหตุใดที่สำคัญเท่ากับ "ความขาดสติ ขาดความรู้ผิดรู้ถูกรู้ดีรู้ชั่ว"
ทำลงไปแล้วอาจได้สติ "รู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่ผิดที่ชั่วก็สายเกินไป" ทำให้ต้องได้รับทุกข์โทษภัย จากการทำที่ไม่รู้ถูก ไม่รู้ผิดไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว "จึงพึงเห็นความสำคัญของสติให้อย่างยิ่ง" และพึงพยายามอบรมสติให้เกิดมาก ๆ "พยายามให้สติขาดไปจากใจให้น้อยที่สุด"
โดยยกเหตุผลสำคัญที่สุดไว้เตือนตน คือนึกถึงประโยคที่พูดกันเสมอ ดังเช่น "เรียกคนบ้าว่าคนเสียสติ หรือคนเสียสติว่าคนบ้า ไม่มีใครอยากเป็นคนบ้า" เราทุกคนไม่อยากถูกเรียกว่าคนบ้า "ดังนั้นพากันพยายามอบรมสติให้เต็มความสามารถ" ทุกเวลานาทีให้เตือนตนเองว่า "สติ สติเราต้องมีสติ เราต้องมีสติ" อย่าให้สติเสียไปจะเป็นคนบ้า .. "
แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๙
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
เคล็ดบูชาเทวดานพเคราะห์แบบไม่ต้องทำพิธี (หลวงปู่ครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)
เคล็ดบูชาเทวดานพเคราะห์แบบไม่ต้องทำพิธี (หลวงปู่ครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)
มีหลายท่านมักถูกทายทักว่านพเคราะห์หรือเคราะห์ไม่ดี จะต้องสะเดาะเคราะห์ซึ่งโหราบางทีก็มีสนนราคาที่แพง หรือจะรอพิธีสวดนพเคราะห์ที่วัด ก็นานบางวัดสวดปีใหม่ สงกรานต์ หรือลอยกระทงซึ่งช้าหรือไม่ทันการณ์เวลาที่มีพระเคราะห์เข้าหรือแทรก วันนี้ผมก็จะขอเสนอการสวดมนต์บุชาเทวดานพเคราะห์แบบไม่มีพิธีเยอะสามารถทำได้ที่บ้านและเห็นผลด้วย โดยเคล็ดนี้พ่อผมได้จากหลวงปู่ครูบาชัยวงศาท่านจดใส่กระดาษไว้และได้สงเคราะห์ทำให้คนอื่นและตัวท่านเองจนเห็นผลมาแล้วท่านจึงมอบมาให้บอกต่อครับ
ก่อนอื่นต้องเตรียมเครื่องบูชาเทวดานพเคราะห์ก่อนคือ
๑.ผ้าขาวและผ้าแดง ขนาด๙คูณ๙เซ็นติเมตร
๒.มะหร้าว ๒ ลูก
๓.กล้วยน้ำว้า ๒ผล
๔.เทียนสีผึ้ง หนัก สี่บาท ๑คู่
๕.ข้าวสาร ๑กระทง
๖.ข้าวตอกผสมกลีบดอกดาวเรือง ๑กระทง
๗.ขนมหวานตระกูลทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ๑ กระทง
๘.ถั่วห้าสี และเมล็ดธัญพืช ๑กระทง
๙. ธูปหอม จำนวน ๙ดอก
๑๐. เงินจำนวน ๑๐๘ (รวมกำลังวันนพเคราะห์)
เมื่อได้ของครบแล้ว ให้จัดของทั้งหมดยกเว้นธูป และเทียน ใส่ในถาด วางไว้หน้าพระประธานในบ้าน... -
หมดแล้ว หลวงพ่อบาทเดียว เกจิดังปาฏิหาริย์สองแผ่นดินไทย-ลาว
มีเสียงร่ำลือโจษขานมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ พลังศรัทธาที่เกิดขึ้นกับพระภิกษุรูปหนึ่งในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง ไม่เท่านั้นยังโด่งดังข้ามโขงไปยังนครเวียงจันทน์ และ สปป.ลาว เกือบทั่วแขวง แรงไม่หยุดทะลุไม่ยั้ง เวียดนาม, บรูไน, มาเลเซีย รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ประเทศ ของอาเซียน
หมายความว่าโด่งดังก่อนที่จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเมื่อปลายปีนี้เสียอีก โดยพลังศรัทธา!
ที่เกิดขึ้นนั้นแม้จะไม่โด่งดังเท่ากับลูกไฟที่โผล่จากลำน้ำโขงในช่วงเทศกาลออกพรรษาก็ตามเถิด (โยม) แต่ก็ได้สร้างความพิศวงให้แกผู้พบเห็นหรือผู้ที่ได้ประสบกับตัวเองเป็นจำนวนมาก จนเป็นกระแสที่ถูกถ่ายทอดปากต่อปากจากอดีตจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งจากปรากฏการณ์ดังกล่าวต่อมา ได้กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งความเลื่อมใสศรัทธาในที่สุด
“หลวงพ่อบาทเดียว” คือที่มาแห่งความเลื่อมใส และได้มีการเล่าขานจนกลายเป็นตำนานอย่างที่เห็นนับเป็นปรากฏการณ์ ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในแผ่นดิน แห่งความศรัทธาในพระพุทธศาสนา คือหลวงพ่อพระใสนั่นเอง และจากการที่จังหวัดแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นจังหวัดที่มีความสุขในระดับต้นๆ ของเมืองไทย... -
ธูปเทียนในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร
✨ ธูปเทียนในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ✨
ถาม : ธูปเทียนที่ใช้ในการเป่ายันต์เกราะเพชรเอาไปจี้คนที่.. ❓
ตอบ : ถ้าใครผีเข้าก็ใช้ได้เลย
ถาม : ต้องจุดก่อนไหมคะ ❓
ตอบ : ไม่ต้อง...แค่แตะผีก็เผ่นแน่บแล้ว ‼️
ถาม : เอาไปแตะเฉย ๆ หรือคะ ❓
ตอบ : ถ้าจุดด้วย คนดี ๆ ก็เผ่น ..(หัวเราะ).. ไม่ต้องจุด ใช้แบบนั้นได้เลย
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ฯ
เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
การปฏิบัติไม่มีทางลัด มีแต่ทางตรงและลำบากทุกอย่าง
การปฏิบัติไม่มีทางลัด มีแต่ทางตรงและลำบากทุกอย่าง
เพียงแต่ว่า ถ้าหากเราต่อสู้ ก็ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถ
ยกเว้นว่าเราจะไม่สู้เท่านั้น
ในเมื่อเราเห็นว่านี่เป็นทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้ ก็ต้องทุ่มเทกันอย่างจริงจัง
รักษาศีลก็ต้องรักษาจริง ๆ
ทำสมาธิก็ต้องทำสมาธิจริง ๆ
ใช้ปัญญาพิจารณาก็ต้องพิจารณาจริง ๆ
ฉะนั้น .. ต้องทุ่มเท ทำเล่น ๆ ไม่ได้
นี่เป็นการศึกการสงคราม ทำเล่นเมื่อไรก็ตายฟรี.. ‼️
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
ทำบุญกับพระที่เข้านิโรธสมาบัติ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
“หลวงพ่อครับ อยากจะทราบว่าการเข้านิโรธสมาบัตินี่ใครจะเป็นผู้ที่สามารถเข้าได้ครับ...?
สามารถเข้าได้ทุกคน ถ้าคนนั้นเคยได้อรูปฌานมาก่อนและก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันต์
“ถ้าเป็นพวกสุกขวิปัสสโก เข้าได้ไหมครับ”
พวกสุกขวิปัสสโกเข้าไม่ได้ เขาใช้ผลสมาบัติ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ นี่เข้าผลสมาบัติ
ถ้าหากว่าปฏิสัมภิทาญาน จึงเป็นนิโรธสมาบัติ แต่มันมีความสำคัญว่า ท่านได้สมาบัติ ๘ มาก่อนหรือปล่า ถ้ามีพื้นฐานมาจากสมาบัติ ๘ ก็เข้าได้เหมือนกันหมด
“แล้วอานิสงส์ของการถวายทานกับพระที่ออกนิโรธสมาบัติมีอานิสงส์มากไหมครับ...?
ถ้าเป็นคนจนอยู่ ก็เป็นมหาเศรษฐีในวันนั้น
" มีบุคคลตัวอย่างบ้างไหมครับ...? "
มี อย่างคนใช้ของนางวิสาขากำลังไถนาอยู่ พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติท่านก็เดินไป พอดีภรรยาเอาข้าวมาส่งพอดี พอเห็นเข้าก็คิดว่า เราเป็นทาสเขานี่ ทรัพย์สินเราก็ไม่มี บุญอยากจะทำก็ทำไม่ได้ วันนี้พระมาบิณฑบาต ภรรยาก็เอาข้าวมาให้พอดี ก็อย่ากินมันเลยวะ แกไถนาอยู่คนเดียว ภรรยาก็เอาข้าวไปเผื่อคนเดียว แกก็ใส่บาตรหมด ความหิวมันเกิดขึ้นก็เพลีย เพลียมากท่านก็หลับไป
“พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่าไถเป็นทองคำ”... -
"เล่าเรื่องหลวงปู่หลุย" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"เล่าเรื่องหลวงปู่หลุย"
" .. พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ยกให้ "ท่านอาจารย์หลุยฯ"(หลวงปู่หลุย จันทสาโร) ที่ท่านมรณภาพทางหัวหินนู่นน่ะ "นี่องค์หนึ่งยกให้เรื่องมักน้อยที่สุด" คือท่านอาจารย์หลุย บรรดาลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูจารย์มั่น "ท่านอาจารย์หลุยเป็นองค์หนึ่ง เป็นที่หนึ่งทีเดียว มักน้อย" ไม่เอาอะไร ใครให้อะไรไม่เอาทั้งนั้น
กระโถนของท่าน "ท่านก็คว้าเอากระป๋องกระแป๋งหิ้วไป ฟังว่าไปถึงพระราชวังนะ เอาอย่างนี้ซิ" เราเป็นพระไปไหนก็ต้องเอาแบบพระไปซิ แบบโลกแบบสงสารเป็นโลกเป็นสงสาร แบบพระต้องเป็นแบบพระ เข้าที่ไหนต้องเข้าแบบพระ
เราชมท่าน "ยกให้เป็นที่หนึ่งนะท่านอาจารย์หลุย มักน้อยที่สุด" พอท่านมรณภาพแล้วเห็นไหมอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเรียบร้อย สมมักสมหมาย "เราชี้ไว้แล้วว่าองค์นี้คือพระอรหันต์องค์หนึ่ง ทีนี้พอท่านมรณภาพ อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุประกาศป้างขึ้นมาแล้วชัดเจน" นี่ละทางเดินของพระพุทธเจ้า ท่านผู้นี้คือท่านผู้พ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง "ถึงขั้นพระอรหันต์แล้วทุกข์นี้ดับหมดไม่มีอะไรเหลือเลย เหลือแต่วิมุตติคือความหลุดพ้น จิตสง่าจ้าครอบโลกธาตุ"
นี่ละปฏิปทาของท่านไปจากด่าง ๆ ดาว ๆ... -
สีเล น นิพพุติง ยันติ ฯ
มหาสัฏฐิวัสสเถระ บวชเรียนมาหลายสิบปี ตั้งสำนักอยู่ในบริเวณต้นสาละในซอกเขา ต่อมาเมื่อพระเถระนอนอยู่บนเตียงที่จะมรณภาพเกิดความเจ็บปวด ร้องครวญครางอยู่ เพราะเวทนากล้า
ครั้งนั้นมีพระราชาองค์หนึ่งชื่อ พระติสสวสภมหาราช คิดถึงพระเถระจึงทรงเสด็จไปเยี่ยม แต่เมื่อเสด็จมาถึง ทรงประทับยืนที่บริเวณประตูทรงได้ยินเสียงร้องครวญคราง จึงตรัสถาม "นี่เสียงของใคร?"
ภิกษุหนุ่มผู้อุปฐากกราบทูลว่า "มหาบพิตร นี่เป็นเสียงร้องครวญครางของพระเถระ"
พระองค์ตรัสว่า "พระเถระบวชมาแล้วตั้ง ๖๐ พรรษา แต่ไม่รู้จักการกำหนดรู้เวทนา เราจะไม่เข้าไปกราบไหว้ท่านแล้ว" ว่าแล้วก็เสด็จกลับไป แล้วแวะนมัสการต้นมหาโพธิแทน
ภิกษุหนุ่มผู้อุปฐากเห็นดังนั้น จึงเข้าพูดกับพระเถระว่า "พระอาจารย์ ทำไมท่านจึงทำให้พวกผมได้รับความอับอายอย่างนี้ พระราชาอุตส่าห์มีพระราชศรัทธา แต่กลับเสด็จไปเสีย ประกาศว่าจะไม่ไหว้ท่าน"
พระเถระจึงถามว่า "ทำไมเล่า?"
ภิกษุหนุ่มผู้อุปฐากกล่าวตอบว่า "ก็เพราะทรงสดับเสียงร้องครวญครางของท่าน"
พระเถระทราบเหตุแล้ว จึงกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น ขอเวลาเราสักหน่อยเถอะ" ว่าแล้ว พระเถระก็ข่มเวทนาเสียได้ จนบรรลุพระอรหัต... -
ปาฏิหาริย์ "หลวงพ่อโต" มักแปลงร่างเป็นภิกษุชราเดินออกมาจากโบสถ์ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และห้ามบนบานในเรื่องเดียวกับหลวงพ่อโสธร???
ปาฏิหาริย์ "หลวงพ่อโต" มักแปลงร่างเป็นภิกษุชราเดินออกมาจากโบสถ์ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และห้ามบนบานในเรื่องเดียวกับหลวงพ่อโสธร???
ตำนานของ “หลวงพ่อโต”แห่งคลองสำโรง แม่น้ำเจ้าพระยา
วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
หนึ่งในพระห้าพี่น้อง ที่พร้อมใจกันลอยน้ำมาจากทางเหนือนั้น มีอยู่องค์เดียวที่มิได้มีพระนามตามชื่อวัด หรือตามชื่อของหมู่บ้านที่ชาวบ้านเป็นผู้พบเห็นครั้งแรก แต่พระนามของท่านนั้น ชาวบ้านขนานนามตามพุทธลักษณะของท่านที่มีองค์ใหญ่โตว่า “หลวงพ่อโต” ประดิษฐานอยู่ ณ วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ประวัติความเป็นมาหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน
หลวงพ่อโตได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วลอยเข้ามาในลำคลองสำโรง ผู้พบเห็นต่างโจษจันกันไปทั่วถึงปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ จึงพากันอาราธนาหลวงพ่อขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ฉุดดึงเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ท่านไม่ยอมขึ้น มีผู้มีปัญญาดีคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า คงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน แม้จะใช้จำนวนผู้คนสักเท่าไรอาราธนาฉุดท่านขึ้นบนฝั่งคงไม่สำเร็จเป็นแน่ ควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยมาตามลำน้ำสำโรง... -
จะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวแล้ว - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
จะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวแล้ว
เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไป จะทราบได้อย่างไรว่าเราได้รับยันต์นั้นแล้ว ? ก็คือในช่วงที่เริ่มพิธีกรรม ถ้าท่านทั้งหลายหลับตาภาวนา เมื่อถึงเวลาแล้วเกิดอาการร้อนหูร้อนหน้า หนักหัว หนักไหล่ หรือว่ามีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ หรือเหมือนอย่างกับมีมดแมลงไต่อยู่ตามตัว ให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรกำลังเข้าสู่ตัวของท่านแล้ว ให้ตั้งใจภาวนานึกถึงพระอย่างเดียว
ในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชรก็ให้พนมมือที่มีธูปสามดอก เทียนหนึ่งเล่ม ซึ่งเป็นเครื่องบูชาคุณพระรัตนตรัย นึกถึงภาพพระประธานในศาลาหรือภาพยันต์เกราะเพชรก็ได้ ให้ครอบตัวของเราลงมา จนกว่าอาตมาจะบอกว่าเต็มแล้วก็ให้เลิกได้
ในขณะที่ท่านภาวนาอยู่หากว่าผู้ใดมีสิ่งไม่ดีแฝงมา ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์หรือผีเจ้าเข้าสิงก็ตาม อาตมาขอบารมีขอท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ พร้อมทั้งอินทกะและบริวารให้สงเคราะห์ช่วยขับไล่สิ่งเหล่านี้ให้ ท่านที่มีสิ่งแฝงมา จะส่งเสียงร้องก็ดี จะดิ้นก็ดี ท่านที่อยู่ใกล้ไม่ต้องไปสนใจ
ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว มีหน้าที่คือต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ ห้ามลักขโมยกับห้ามกินเหล้า... -
พระคาถาดับไฟนรก พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ผู้มีฤทธิ์มาก!!! ถอนพิษไฟทุกอย่างให้หายสิ้น เห็นผลจริงๆ!!!!
สาธุดังๆ...พระคาถาดับไฟนรก พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ผู้มีฤทธิ์มาก!!! ถอนพิษไฟทุกอย่างให้หายสิ้น เห็นผลจริงๆ!!!!
คาถามหามงคล....คาถาดับไฟในนรก (ของพระโมคคัลลานะ)...
" เถโร โมคคัลลาโน นะระกัตตัง โลหะกุมพี ทิสาวะ อัคคิปัตติ กัมปะติฯ "
คาถาบทนี้ เป็นของพระมหาโมคคัลลานะเถระ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ผู้มีฤทธิ์มากใช้ภาวนาแหวกเพลิงลงไปในนรก เพื่อโปรดสัตว์ท่านว่าให้ใช้คาถาบทนี้ เสกเป่าคนที่ถูกน้ำร้อนหรือไฟลวกแก้และถอนพิษไฟหายสิ้นไม่ร้อนไม่พอง หากใครถือขลังๆก็จะสามารถเอามือล้วงลงในกาน้ำร้อนเดือดๆได้สบายไม่รู้สึกร้อนเลย
ประวัติพระมหาโมคคัลลานเถระ
เอตทัคคะในทางผู้มีฤทธิ์
พระมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์นายบ้านในหมู่บ้านโกลิตคาม ได้ชื่อว่า
“โกลิตะ” ตามชื่อของหมู่บ้าน มารดาชื่อ โมคคัลลี คนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “โมคคัลลานะ”
ตามชื่อของมารดา ท่านเป็นสหายที่รักกันมากับอุปติสสมาณพ เที่ยวแสวงหาความสุขความ
สำราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย นอกจากนี้ยังมีอุปนิสัยใจคอเหมือนกัน และ
ยังได้ออกบวชพร้อมกันอีกด้วย
พระเถระทรมานพญานาค
สมัยหนึ่ง... -
เกิดเป็น "เจ้าเหนือหัวคน" เพราะสะสมบุญบารมี แต่กลายเป็น "เจ้าในหัวใจคน" เพราะสั่งสมคุณความดี สมเด็จพระเทพฯ เทพธิดาในดวงใจไทยทั้งผอง
เกิดเป็น "เจ้าเหนือหัวคน" เพราะสะสมบุญบารมี แต่กลายเป็น "เจ้าในหัวใจคน" เพราะสั่งสมคุณความดี สมเด็จพระเทพฯ เทพธิดาในดวงใจไทยทั้งผอง
นิตยสาร Secret ฉบับที่ ๙๐ (๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕) ได้อัญเชิญพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพฯ ขึ้นปก โดยทางด้านคุณ อุษาวดี สินธุเสน ที่บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Secret ได้เขียนส่วนของ Editor's Talk ไว้ดังนี้
เกิดเป็น "เจ้าเหนือหัวคน"
เพราะสะสมบุญบารมี
แต่กลายเป็น "เจ้าในหัวใจคน"
เพราะสั่งสมคุณความดี
วันที่ ๒ เมษายน ที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้านายผู้ทรงเป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดพระองค์หนึ่ง
Secret จึงขออัญเชิญพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านมาเป็นปก พร้อมด้วยเรื่องราวที่ทั้ง "น่ารู้" และ "น่ารัก" ที่หลายท่านอาจยังไม่ทราบเกี่ยวกับเจ้านายพระองค์นี้มานำเสนอให้ได้อ่านกัน
สำหรับดิฉัน สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นแบบอย่างของ "ผู้ที่มีความสุขจากภายใน" อย่างแท้จริง เวลาเห็นพระองค์ท่าน ดิฉันจะสัมผัสได้ถึงความเรียบง่าย สงบเย็น และเป็นธรรมชาติ และทุกครั้งที่สื่อนำเสนอภาพพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจยังที่ต่าง ๆ... -
"ให้ทำประโยชน์ตนเสียก่อน" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
"ให้ทำประโยชน์ตนเสียก่อน"
" .. พากันทำภาวนา วันหนึ่ง ๆ อย่าให้ขาด อย่าให้มันเสียเวลาไป "ภาวนาไป ชั่วโมงหรือยี่สิบสามสิบนาที อย่าให้มันขาด อาศัยอบรมจิตใจของตน" ทำมันไป ขัดเกลาใจของตน ใจมันมีโลภะ โทสะ โมหะเข้าครอบคลุม ใจจึงเศร้าหมอง
ธรรมชาติจิตเดิมแท้นั้น เป็นธรรมชาติผ่องใส "ปภัสสรมิตัง ภิกขเว จิตตัง ตัญจโข อาคันตุเกหิ อุปกะกิลิฏฐัง" ธรรมชาติจิตเดิมเป็นของเลื่อมปภัสสร เป็นของใสสะอาด แต่มันอาศัย อาคันตุกะกิเลสเข้าครอบย่ำยี ทำให้จิตเศร้าหมองขุ่นมัวไป
เพราะฉะนั้น "ให้พากันทำอย่าประมาท อย่าให้มันเสียชาติ" อย่าให้มันโศกเศร้าเป็นทุกข์ "มนุสสปฏิลาโภ ความได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นลาภอันประเสริฐ ให้พากันทำอย่าให้มันเสียไป" วันคืนเดือนปีล่วงไป ๆ อย่าให้มันล่วงไปเปล่า
ประโยชน์ภายนอกก็ทำ ประโยชน์ของตนนั่นแหละมันสำคัญ พระพุทธเจ้าว่า "ให้ทำประโยชน์ตนเสียก่อน" แล้วจึงค่อยทำประโยชน์อื่น .. "
อนาลโยปูชา
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
นักทฤษฏีสมคบคิดตาลุกวาว!! หลังนักวิทย์ชี้ "มีดตุตันคาเมน" แท้จริงแล้วทำมาจากวัตถุที่มาจากนอกโลก!?
นักทฤษฏีสมคบคิดตาลุกวาว!! หลังนักวิทย์ชี้ "มีดตุตันคาเมน" แท้จริงแล้วทำมาจากวัตถุที่มาจากนอกโลก!?
นักทฤษฎีสมคบคิดส่วนมากมักชอบหาทฤษฎีมาสนับสนุนว่าพิระมิดนั้นถูกสร้างขึ้นโดยผู้มาจากนอกโลกหรือ "เอเลี่ยน" อยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ได้แตกต่างกันออกไปเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่ามีวัตถุบางอย่างในสมัยนั้นที่มาจากนอกโลกจริง!!
สำหรับ "มีด" ของ "ตุตันคาเมน" ฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ที่ถูกค้นพบในปี 1922 โดยทีมสำรวจของนาย Howard Carter ก่อนถูกศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยทีมผู้เชี่ยวชาญรวมถึงเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์อียิปต์ในจากกรุงไคโรจนได้ข้อสรุปว่า
จากการตรวจสอบ "มีดตุตันคาเมน" ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้แสดงให้เห็นว่าใบมีดนั้นมาจากหินของ "อุกกาบาต" ซึ่งจากการวิเคราะห์ส่วนประกอบพบว่า แร่เหล็กทั่วไปที่ใช้ในการทำมีดนั้นมีส่วนผสมของนิกเกิลอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่มีดตุตันคาเมนเล่มนี้มีปริมาณนิกเกิลอยู่ถึง 11 เปอร์เซ็นต์แสดงให้เห็นว่ามีดเล่มนี้ทำขึ้นจากหินอุกกาบาต!!
ข้อมูล
-------------------
ที่มา
http://www.tnews.co.th/contents/191248 -
มันมาแล้ว..ภัยร้ายจากนอกโลก!! ผู้เชี่ยวชาญ “เตือน” อุกกาบาต ทำลายล้างโลกใกล้เข้ามาแล้ว หลายประเทศทุ่มงบมหาศาลเพื่อสร้างวิธีป้องกัน
มันมาแล้ว..ภัยร้ายจากนอกโลก!! ผู้เชี่ยวชาญ “เตือน” อุกกาบาต ทำลายล้างโลกใกล้เข้ามาแล้ว หลายประเทศทุ่มงบมหาศาลเพื่อสร้างวิธีป้องกัน
ลอร์ด มาร์ติน รีส นักดาราศาสตร์แห่งราชสมาคม (Astronomer Royal) ของสหราชอาณาจักร บอกว่ามีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน หากต้องการปกป้องมนุษยชาติจากหินอวกาศทำลายล้าง
ระหว่างการแถลงข่าวในลักเซมเบิร์ก ลอร์ด มาร์ติน รีสกล่าวว่า “ผมคิดว่าเราทุกคนคงทราบดีว่าโลกอ่อนแอต่อแรงกระแทกจากภายนอก เรารู้จากหลักฐานสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทางเดียวที่จะลดความเสี่ยงนี้คือใช้เงินจำนวนมหาศาลลงทุนในระบบหันเหทิศทาง”
เขากล่าวต่อว่า “มันอาจยังไม่ใช่ความเสี่ยงใหญ่หลวงหรือมีความเสี่ยงชนโลกสูงลิ่วในระยะเวลาอันใกล้ แต่ถ้าคุณลองประเมินดูว่าคุณจำเป็นต้องจ่ายเงินมากน้อยแค่ไหนเพื่อการันตีลดโอกาสจากการถูกอุกกาบาตพุ่งชน คุณจะลงเอยด้วยตัวเลขหลายร้อยล้านยูโรต่อปี ซึ่งมันเป็นจำนวนที่โลกจะต้องลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงนี้”
“เรารู้ว่าอุกกาบาตเสี่ยงต่อโลก และความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เมื่อเร็วๆ นี้ช่วยพัฒนาศักยภาพของเราอย่างมากในการตรวจหาและหันเหวัตถุเฉียดใกล้โลก” ลอร์ด มาร์ติน... -
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! จะเชื่อไหมถ้าปี ค.ศ.4674 มนุษย์จะเป็นอมตะ อยู่กับมนุษย์ต่างดาว เปิดคำทำนายชะตาโลก ที่ผ่านมาแม่นเหมือนตาเห็น
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! จะเชื่อไหมถ้าปี ค.ศ.4674 มนุษย์จะเป็นอมตะ อยู่กับมนุษย์ต่างดาว เปิดคำทำนายชะตาโลก ที่ผ่านมาแม่นเหมือนตาเห็น
บาบา วานก้า หรือชื่อจริงคุณยาย วานเกเลีย ปานเดว่า กุชเตโรว่า เป็นชาวบัลแกเรีย คุณยายแกเสียชีวิตไปตั้งแต่ 11 สิงหาคม 1996 เวลา 10:10 น. ซึ่งวัน เดือน ปี หรือแม้กระทั่งเวลา ที่ตัวเองจะเสียชีวิต คุณยายเองได้ทำนายเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คุณยายผู้นี้เกิดเมื่อ 31 มกราคม 1911 ในครอบครัวชาวนายากจนที่หมู่บ้าน สตรูมิซ่า ที่ปัจจุบันอยู่ใน มาเซโดเนีย เมื่อคลอดออกมา คุณยายทำท่าว่าจะไม่รอดตั้งแต่หลังคลอด แต่ไม่ยักกะตาย และหลังจากมีอายุได้ 2 เดือน เด็กน้อยก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ ตอนอายุ 3 ขวบ แม่คุณยายก็เกิดมาตาย ไม่นานหลังจากนั้น พ่อก็ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามโลกครั้งแรก เพื่อนบ้านต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยแทน หลังจากพ่อกลับมา ชีวิตของท่านก็ดีขึ้น เมื่อพ่อมีเมียใหม่ แม่ใหม่ก็ไม่ได้รังเกียจลูกเลี้ยง
พอคุณยายมีอายุได้ 12 ขวบ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับตัวท่าน กล่าวคือได้เกิดพายุหมุนในหมู่บ้าน ( โดยก่อนและหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น... -
ครั้งแรกเมื่อข้าพเจ้าได้รู้จักพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์....."กัสสปมุนี"..
เกือบยี่สิบปีแล้วครับที่ผมได้รู้จักหลวงพ่อกัสสปมุนี.....ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้จากคุณพ่อของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คุณพ่อท่านแขวนรูปใบเล็กๆเป็นรูปพระนั่งอยู่หน้าเจดีย์ จำได้ว่าท่านถามผมว่าชอบพระเครื่องเหรอ ผมตอบว่าครับท่านจึงควักรูปที่เลี่ยมทองในคอแล้วถามผมว่ารู้จักองค์นี้ไหม ตอนนั้นยังไม่รู้จักเลยตอบไปว่าไม่รู้จักครับ ท่านจึงบอกว่านี่คือ "หลวงพ่อกัสสปมุนี" ท่านอยู่ระยองเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อท่านก็แปลกใจว่าชื่อแปลกๆดี ผมจึงถามท่านว่าหลวงพ่อท่านเก่งอย่างไร คุณพ่อท่านจึงเล่าให้ฟังว่า ท่านรู้วาระจิตคนที่ไปหา ท่านมีอำนาจจิตที่อัศจรรย์ และสามารถเหาะเหิรเดินอากาศได้จริง....ผมได้ยินเเค่นี้หูผึ่งเลยทีเดียวครับ จึงถามท่านต่อว่าคุณพ่อรู้จักหลวงพ่อกัสสปมุนีได้อย่างไร ท่านจึงเมตตาเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งมีเพื่อนชวนท่านไปพบหลวงพ่อที่บ้านของศิษย์ท่านหนึ่งที่กทม.เพราะหลวงพ่อจะลงมาจากระยองมาโปรดญาติโยมที่นั่น ซึ่งตอนนั้นท่านประสบปัญหามากมายเรื่องธุรกิจ จึงหาที่พึ่งดังนั้นจึงเดินทางไปกับเพื่อนเพื่อพบหลวงพ่อ... -
"เรือนใจ เรือนกาย" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"เรือนใจ เรือนกาย"
" .. แต่กาลใด "ศาสนาหรือศีลธรรมเจริญในใจ กาลนั้นมีความสุข จิตใจชุ่มเย็น หน้าตาเบิกบาน ถ้าเจริญมากก็มีความสุขมาก ความเมตตาสงสารมาก" ตลอดจนความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและสัตว์อื่นก็พลอยมากไปตาม ๆ กัน
ฉะนั้น "ธรรมมีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นจึงเป็นผู้ร่มเย็นน่าเข้าใกล้ชิด น่าเคารพนับถือ" ท่านจึงสอนให้พากันสร้างเรือนใจ "เรือนธรรมเพื่อใจ เรือนไม้เพื่อกาย" ได้อยู่สบายด้วยกันทั้งสองฝ่าย "ถ้าใจมีเรือนหลังเย็นสบาย คือสันติธรรมเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว เรือนกายจะเป็นเรือนชนิดใด พอกันแดดกันฝนได้ ก็สบาย" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
ฉันกำลังคุยกับหลวงพ่อเกษมที่ลำปางอยู่... หลวงปู่ดู่ส่งกระแสจิตคุยกับพระอริยสงฆ์
ฉันกำลังคุยกับหลวงพ่อเกษมที่ลำปางอยู่ ... หลวงปู่ดู่ส่งกระแสจิตคุยกับพระอริยสงฆ์
ในหนังสือ “ตามรอยหลวงปู่ใหญ่ พ.ศ. 2549” โดยคุณพรหมินทร์ อึ้งสกุลรัตน์ มีช่วงหนึ่งคุณวิรัตน์ โรจนจินดา ได้บันทึกไว้ดังนี้
“เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ข้าพเจ้าเริ่มตระเวนหาครูบาอาจารย์ตามวัดต่างๆ ตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัติธรรม วันหนึ่งข้าพเจ้าได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อไปถึงนั้นเป็นเวลา 4 โมงเย็น ข้าพเจ้าได้ไปถามเด็กวัดว่ากุฏิหลวงปู่ดู่อยู่ทางไหน เด็กคนนั้นก็พาข้าพเจ้าไปจนพบตัวท่านในขณะที่ท่านกำลังอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ข้าพเจ้าเข้าไปกราบเท้าท่าน ท่านก็เมตตาและถามว่ามาจากที่ไหน ข้าพเจ้าก็กราบเรียนท่านว่ามาจากกรุงเทพฯ แล้วท่านก็นั่งหลับตาอยู่นานสองนานจนข้าพเจ้าคิดไปต่างๆ นานาว่า ท่านคงไม่สบาย เวลาผ่านไปนานพอสมควร พอท่านลืมตาขึ้น ข้าพเจ้าก็รีบถามท่านทันทีว่า หลวงปู่ไม่สบายหรือเปล่า หลานจะไปซื้อยามาถวาย ท่านก็ตอบข้าพเจ้าว่า “ฉันกำลังคุยกับหลวงพ่อเกษมที่ลำปางอยู่จึงไม่ได้พูดคุยกับเธอ”
เหตุการณ์ครั้งนั้นข้าพเจ้าแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า... -
สวดมนต์รับเสาร์5!! 1เมย.นี้ ...ฤกษ์ที่ขลังที่สุด นานทีมีครั้ง ทำเองเลยที่บ้าน! 9มนต์เพื่อความเข้มแข็งในทุกราศี #ปาฏิหาริย์แห่งการสวดมนต์
สวดมนต์รับเสาร์5!! 1เมย.นี้ ...ฤกษ์ที่ขลังที่สุด นานทีมีครั้ง ทำเองเลยที่บ้าน! 9มนต์เพื่อความเข้มแข็งในทุกราศี #ปาฏิหาริย์แห่งการสวดมนต์
"เสาร์ห้า" หมายถึง วันเสาร์ที่ตรงกับขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ถือเป็นฤกษ์สำคัญที่นานทีจะเกิดขึ้นสักครั้ง
ถือเป็นฤกษ์ยามสำคัญในการสร้างวัตถุมงคล และประกอบพิธีต่างๆ ในทางปลุกเสกเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งสำหรับปีระกานี้ เสาร์ห้าตรงกับวันที่ 1 เมย. 60 พอดี หลายๆ สิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกราศีจะทำได้ในค่ำคืน เสาร์ 5 คือ การน้อมอาราธนาเอาพระรัตนตรัย เป็นที่ตั้ง สวดมนต์ ภาวนา เพื่อทำจิตใจให้สงบ รับพลังงานมงคลและสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแรงอธิษฐานของแต่ละคน
และจะดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังดวงคตก ผู้ที่กำลังพบอุปสรรค มีปัญหาชีวิตมาก การสวดมนต์ในค่ำคืนดังกล่าว ก็จะเสริมพลังงานให้จิตใจเข้มแข็ง แม้จะนั่งสวดมนต์ทำสมาธิ ก็สามารถสื่อสารบอกกล่าวให้เทวดาประจำตัวมาคุ้มครอง ขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร ได้ประสบความสำเร็จมากกว่าวันอื่นๆ
ถ้าจะกล่าวว่าเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดเพื่อเสริมความแข็งแรงและพลังงานในด้านดีๆก็ว่าได้ หากกรรมไม่หนักนัก เจ้ากรรมนายเวรก็เปิดทาง... -
วิญญาณสัมภเวสีมาขอส่วนบุญกับหลวงพ่อเกษมที่ป่าช้าแม่อาง
วิญญาณสัมภเวสีมาขอส่วนบุญกับหลวงพ่อเกษมที่ป่าช้าแม่อาง
หลวงพ่อเกษม เขมโก
หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์จ.ลำปางเมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ละสังขารขันธ์นั้น ชื่อของท่านขจรขจายเลื่องลือกว้างไกลไปในหมู่พุทธบริษัทมีพุทธศาสนิกชนไปกราบไหว้สักการะท่านด้วยความเคารพศรัทธาเนืองแน่นทุกวันแม้จะไม่ได้พบตัวท่านก็ขอให้ได้กราบนมัสการกุฏิหลังน้อยที่ท่านพักผ่อนอยู่ภายใน แค่นี้ก็เกิดปีติยินดีแล้ว
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ผู้ใกล้ชิดที่สุดได้มาจากบันทึกสั้นๆ ... เป็นคำบอกเล่าของเจ้าประเวท ณ ลำปางซึ่งเป็นหลานของท่านมีความว่า ...
เวลานั้นเจ้าประเวทย์บวชเป็นสามเณรคอยรับใช้อุปัฏฐากหลวงพ่อเกษมอยู่ที่ป่าช้าแม่อางปฏิปทาของหลวงพ่อเกษมนั้นพอใจจำพรรษาในป่าช้ามาโดยตลอดเสนาสนะของท่านคือกระต๊อบหลังเล็กๆที่ญาติโยมปลูกสร้างถวายขณะที่เกิดเหตุนี้สามเณรประเวทย์นอนอยู่กับพระหวันอีกที่หนึ่ง(พระหวันบวชหน้าไฟเพียง๗วันเนื่องจากบุพการีเสียชีวิตแล้วนำศพมาเผาที่ป่าช้าแม่อางในวันนั้นพระหวันบวชแล้วก็ขออยู่ในป่าช้ากับหลวงพ่อเกษม)
เช้าวันรุ่งขึ้น...... -
หลวงพ่อพระราชยานกล่าวว่าถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลาพุทธภูมิ ก็จะสำเร็จอรหันต์ได้ทันที
หลวงพ่อบอกว่าถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลาพุทธภูมิก็จะสำเร็จอรหันต์ได้ทันที เพราะบารมีสาวกภูมิ เต็มนานแล้ว
(พระเจ้าอยู่หัวทรงลำบากเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ ขอพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน)
ในหลวง :"เขาพูดกันว่า ผมปรารถนาพุทธภูมิ เป็นความจริงไหมครับ"
หลวงพ่อ : "เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานานแล้ว แต่เวลานี้บารมีก็เป็นปรมัตถบารมีแล้ว เหลือเพียง 5 ชาติ ก็จบกิจ"
ในหลวง : "ต้อง 5 ชาติหรือ ผมนึกว่าชาติเดียวนี้ก็เต็มทีแล้วนะครับ ชาตินี้ชาติเดียวก็เต็มที"
หลวงพ่อ : "ที่พระองค์ปฏิบัติมานี่มันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญบารมีกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเป็นวิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญถึง 16 อสงไขยแสนกัปป์ พระองค์บำเพ็ญมาแล้ว16 อสงไขย ยังขาดอีกแสนกัปป์ จึงต้องเกิดอีก 5 ชาติพระองค์บำเพ็ญมาตั้ง 16 อสงไขยแล้ว ถ้าจะเป็นอรหันต์ชาตินี้ก็ควรจะได้ถ้ากลับ"(ถ้าลาพุทธภูมิ)
ในหลวง : "โลกนี้มันเต็มไปด้วยความเบื่อ แต่ทำไปนี่ทำไปด้วยความเมตตา"
พระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่ง ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... -
คิดว่าไม่มีดี - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
คิดว่าไม่มีดี
.
ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่มักจะไม่พอใจในผลการปฏิบัติของตน โดยที่มักจะขาดการไตร่ตรองว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไร ดังที่เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ได้มานั่งบ่นให้ท่านฟังในความอาภัพอับวาสนาของตนในการภาวนา ว่าตนไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็นในสิ่งต่างๆ ภายใน มีนิมิตภาวนา เป็นต้น ลงท้ายก็ตำหนิว่าตนนั้นไม่มีความรู้อรรถ รู้ธรรมและความดีอะไรเลย
หลวงปู่นั่งฟังอยู่สักครู่ ท่านจึงย้อนถามลูกศิษย์จอมขี้บ่นผู้นั้นว่า
.
“แกแน่ใจหรือว่าไม่มีอะไรดี
แล้วแกรู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเปล่า”
.
ลูกศิษย์ผู้นั้นนิ่งอึ้งสักครู่จึงตอบว่า “รู้จักครับ”
.
หลวงปู่จึงกล่าวสรุปว่า
“เออ นั่นซี แล้วแกทำไมจึงคิดว่าตัวเราไม่มีดี”
.
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความเมตตาของท่าน ที่หาทางออกทางปัญญา ให้ศิษย์ผู้กำลังท้อถอยด้อยความคิด และตำหนิวาสนาตนเอง หากปล่อยไว้ย่อมทำให้ไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติเพื่อผลที่ควรได้แห่งตน
.
--- จากหนังสือ ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
เล่าขานตำนานหลวงพ่อจง เอกอรหันตเถระแห่งเมืองกรุงเก่า
เล่าขานตำนานหลวงพ่อจง เอกอรหันตเถระแห่งเมืองกรุงเก่า ตอน ปฐมวัยวันเยาว์
หลวงพ่อจง พุทฺธสโร ท่านได้ถือกำเนิดที่ตำบลหน้าไม้ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในต้นสมัยรัชกาลที่ 5 ของราชวงศ์จักรี ท่านเกิดในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2415
นามเดิมของท่านชื่อว่า "จง" ในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล เลยยังไม่มีนานสกุลพ่วงท้ายชื่อ เป็นบุตรชายคนโตของ "นายยอด" และ "นางขลิบ" ที่มีอาชีพเป็นชาวนา หลวงพ่อจงท่านมีน้องร่วมอุทรเดียวกันอีก 2 คน คือ "นายนิล" หรือ "พระอธิการนิล" และ "นางปลิก"
ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงพ่อจงท่านอยู่ในฐานะเฉกเช่นผู้อาภัพอับโชค อุดมไปด้วยทุกขโรคา มากกว่าความสุขร่าเริงสดใสเหมือนกับเด็กในวัยเดียวกันทั่วไป
หลวงพ่อจงท่านถูกโรคพยาธิเบียดเบียนมาตั้งแต่เล็ก จึงทำให้มีรูปร่างค่อนข้างจะผอมโซ ไม่แข็งแรง หน้าตาซีดเซียว แถมยังมีอุปนิสัยค่อนข้างขี้อาย เซื่องซึม ขาดความกระตือรือร้น ชอบเก็บตัวอยู่ตามลำพังคนเดียว ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ถามมาคำก็ตอบกลับไปคำ... -
เมื่อไหร่จะเป่ายันต์เกราะเพชร - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
เมื่อไหร่จะเป่ายันต์เกราะเพชร
ถาม: เรื่องการเป่ายันต์เกราะเพชร ?
ตอบ: การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น เป็นการสงเคราะห์ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า ถ้าใช้ความสามารถของตัวเอง จะได้ไม่ถึง ๑ % ดังนั้น ท่านที่ถามว่า เมื่อไรจะเป่ายันต์เกราะเพชร ที่ตอบว่าไม่รู้นั้น ไม่ใช่การเล่นตัว หากแต่ว่าถ้าไม่ได้รับคำสั่ง ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้จริงๆ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (หลวงพ่อเล็ก สุธัมมปัญโญ)
ช่วงแรกของเล่ม "อดีตที่ผ่านพ้น ๑๖-๒๐" "๒๑-๒๕" "๒๖-๓๓"
หมายเหตุ : หลวงพ่อเล็ก สุธัมมปัญโญ จัดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐ (เสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕) ณ วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี รอบแรก 10.00 น. รอบสอง 13.00 น.
ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะมีอานุภาพดังนี้
๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง
ข้อห้าม
ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ศีลข้อที่ ๒ และ ศีลข้อที่ ๕
ถ้าทำผิดศีล ๒ ข้อนี้ ข้อใดข้อหนึ่ง ยันต์เกราะเพชรก็จะหายไปทันที -
"เล่าเรื่องหลวงปู่มั่น" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"เล่าเรื่องหลวงปู่มั่น"
" .. มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้วว่า "ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมาหาเถระ ท่านเคยเล่าว่า คืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา" ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์และ "สมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์ได้เฝ้าพระพุทธบาท" รับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง
ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่า "สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาท ได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น" ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่าว่า "ท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่าน" ที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใด "แต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่านแล้วจริง โปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ"
"จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้"...
หน้า 384 ของ 412