คลังเรื่องเด่น
-
"ไม่รับกิจนิมนต์ ต้องการอยู่แบบพระผู้เฒ่าธรรมดาๆ" 2 กค. วันคล้ายวันละสังขารหลวงปู่แหวน ปณิธานแน่วแน่แม้อาพาธหนัก จนในหลวงต้องอาราธนา
"ไม่รับกิจนิมนต์ ต้องการอยู่แบบพระผู้เฒ่าธรรมดาๆ" 2 กค. วันคล้ายวันละสังขารหลวงปู่แหวน ปณิธานแน่วแน่แม้อาพาธหนัก จนในหลวงต้องอาราธนา
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน(ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามศิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้
พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอํย...แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ...
หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน... -
พระฝรั่งศิษย์หลวงปู่ชารูปแรกที่บรรลุธรรมในประเทศไทย ประวัติพระอาจารย์สุเมโธ
พระฝรั่งศิษย์หลวงปู่ชารูปแรกที่บรรลุธรรมในประเทศไทย ประวัติพระอาจารย์สุเมโธ
พระอาจารย์สุเมโธ (โรเบิร์ต แจ็คแมน) เกิดในเมืองซีแอตเติ้ล มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1934 (พ.ศ 2477) เมื่อสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ท่านได้เข้ารับราชการในกองทัพเรือแห่งสหรัฐอเมริกา ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และได้เข้าร่วมปฏิบัติการในสงครามเกาหลี เมื่อออกจากราชการท่านก็ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในสาขาวิชาเอเชียใต้ศึกษา (South Asian Studies) มหาวิทยาลัย แห่งแคลิฟอร์เนีย (เบิร์กเลย์) ในปี 1963 (พ.ศ. 2506) หลังจากนั้นได้ร่วมงานเป็นระยะเวลาสั้น ๆ กับสภากาชาดอเมริกัน ก็ได้เดินทางไปยังแถบตะวันออกไกล และทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ กับหน่วยสันติภาพ (Peace Corp) ซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียว ด้วยความที่ท่านสนใจในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี 1966 (พ.ศ. 2509) เพื่อหาทางเข้าสู่ชีวิตอนาคาริก (ผู้ไม่ครองเรือน) ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่จังหวัดหนองคายและอุปสมบทเป็นพระภิกษุในอีกหนึ่งปีต่อมา โดยมีท่านเจ้าคุณพระราชปรีชาญานมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่ช้านานหลังจากที่ท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ... -
"พุทโธ ที่พึ่งที่เกาะยึด" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"พุทโธ ที่พึ่งที่เกาะยึด"
" .. "ไปที่ไหนอย่าลืมพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ" การทำบุญให้ทานอย่าปล่อยอย่าวาง นี้คือเกาะยึดของหัวใจเรา "เจริญเมตตาภาวนา นี้คือธรรมเครื่องยึดของหัวใจ" อย่าปล่อยอย่าวาง "หลักใหญ่ของหัวใจอยู่ตรงนี้"
"อย่าเร่ ๆ ร่อน ๆ ไขว่โน้นคว้านี้" คว้าน้ำเหลวทั้งนั้นละ มหาเศรษฐีตายจมลงนรกมีจำนวนน้อยเมื่อไร ไม่ได้น้อยนะ "คือไขว่คว้าหาสิ่งที่ไร้สาระ เอามาสำคัญว่า เป็นของเรา เป็นสมบัติของเรา" ตายแล้วไม่ได้เป็น
"ตั้งแต่ร่างกายเจ้าของมันก็ยังพัง จะให้สมบัติเหล่านั้นมาเป็นของเจ้าของได้ยังไง" ก็ต้องพังแบบเดียวกันกับเรา "ไม่มีอะไรคว้าก็เลยลงนรกปึ๋งเลย" นั่น "ถ้ามีธรรมเป็นเครื่องยึดแล้วไม่ลง" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
วีดีโอ "โรบิน ฟิลลิปป์ มัวร์" ฝรั่ง "หัวใจพุทธ" ธรรมะ "เชื่อม" โลก
"โรบิน ฟิลลิปป์ มัวร์" ฝรั่ง "หัวใจพุทธ" ธรรมะ "เชื่อม" โลก -
ความสวยงามของพุทธศาสนา!! หนุ่มขับรถผ่านเห็น “พระจูเลี่ยน” กำลังตักบาตรพระสงฆ์รูปอื่นอยู่
ความสวยงามของพุทธศาสนา!! หนุ่มขับรถผ่านเห็น “พระจูเลี่ยน” กำลังตักบาตรพระสงฆ์รูปอื่นอยู่ เห็นแล้วถึงกับต้องจอดรถลงกราบสาธุรัวๆ
จากที่ก่อนหน้านี้ในโลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราวของพระสงฆ์รูปหนึ่ง โดยระบุว่า พระรูปนี้คือ “พระจูเลียน” ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าเขาสบเมย จ. แม่ฮ่องสอน โดย พระฝรั่งบ้านปูทา (พระจูเลียน) ซึ่งเป็นชาวแคนนาดา และเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนวิชาเกษตรกรรม ได้ฝึกสมาธิมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี การฝึกสมาธิทำให้พบความสุขที่แท้จริงที่เกิดอยู่ภายใน ทิ้งทุกอย่างจากบ้านเกิด มาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 18 ปี ในโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ในด้านการทำเกษตรกรรม เมื่อมาถึงได้ไม่นานก็รู้สึกว่า จะอยู่ที่นี่ตลอดไป
ล่าสุด แฟนเพจเฟซบุ๊ก YouLike “ภาพเด็ดข่าวดัง” ได้แชร์คลิปวีดีโอจากผู้ใช้ Somchai Somchai ระบุข้อความว่า…เมื่อเช้าขับรถผ่านพระท่านกำลังบิณฑบาต…พระจูเลียนท่านบอกจอดๆ…ขอใส่บาตรหน่อย…ก็เลยเกิดเหตุการณ์ดังภาพ
ขณะที่ชาวโลกโซเชียลต่างตั้งคำถามว่า ภาพที่พระจูเลี่ยนกำลังตักบาตรพระสงฆ์รูปอื่นนั้นสามารถทำได้หรือไม่? โดยส่วนใหญ่บอกว่าสามารถทำได้ เพราะเป็นการให้... -
( เรื่องเล่า อาจารย์ยอด ) : อรหันต์ 7 ขวบ
( เรื่องเล่า อาจารย์ยอด ) : อรหันต์ 7 ขวบ
-พระอินทร์แปลงกายมาเป็นหลวงตาแก่ๆ กราบสามเณรอรหันต์ 4 รูปเพื่อเจริญศรัทธา ตาและยาย
-สามเณรเหาะทะลุหลังคากลับวัด
-สามเณรผู้บวชโจรกลับใจ 500 คน -
แจกฟรี...หนังสือธรรมะโบราณ..หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบปัญหาธรรมะ มี 500 เล่ม
แจกฟรี...หนังสือธรรมะเก่าแก่โบราณหายากที่นำมาพิมพ์ใหม่..
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบปัญหาธรรมะ
ณ วันที่ 27 กพ 2561....เหลือ 500 เล่ม มี 264 หน้า
หลวงปู่หล้าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดท่านอยู่ที่ จ มุกดาหาร
สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มีญาติโยมเขียนจดหมายมาถามปัญหาธรรมะ
และท่านได้เมตตาตอบจดหมายทุกฉบับและส่งกลับไป......
หนังสือเล่มนี้รวบรวมเนื้อหาในจดหมายเหล่านั้น
เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติธรรมและชนรุ่นหลัง......
ขอแจกให้ ผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือจริงๆ
โดยขอรบกวนท่านนิดนึง ช่วยส่ง
- ซองพัสดุหนาสีน้ำตาล ขนาด A4
จ่าหน้าซอง ชื่อ-นามสกุล + ที่อยู่ ของท่านผู้ประสงค์จะรับหนังสือ + ติดแสตมป์ 8 บาท
(หรือ ถ้าต้องการให้ ส่งไปรษณีย์ แบบ (สำหรับหนังสือ 1 เล่ม น้ำหนัก 320 กรัม):
1. สิ่งตีพิมพ์ : ติดแสตมป์ 8 บาท: 1 เล่ม / 2-3เล่ม: 13บาท / 4-6เล่ม 25บาท /7-9 เล่ม 37บาท/ 9-13 เล่ม 49บาท / 14-16 เล่ม 61 บาท
2. สิ่งตีพิมพ์ลงทะเบียน : ติดแสตมป์ เพิมอีก13(ค่าลงทะเบียน) = 21 บาท (มากสุด 6 เล่ม 2kg)
3. EMS ติดแสตมป์ 52 บาท สำหรับหนังสือ 1 เล่ม (หนังสือหนัก 320 กรัม)
***... -
"ปัญญาเกิดก่อน" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ปัญญาเกิดก่อน"
" .. ครั้นถ้าหากพูดถึงเรื่องปัญญาแล้ว "หัดสมถะก็ต้องเกิดปัญญาเสียก่อน จึงค่อยเกิดสมถะ" อย่างพิจารณาอสุภะ พิจารณาธาตุ พิจารณาขันธ์อายตนะต่าง ๆ "เห็นเป็นของไม่เที่ยง เห็นเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อันนั้นละตัวปัญญา"
ปัญญาเกิดก่อนจึงค่อยมีสมถะ ครั้นเห็นชัดอย่างนั้นแล้วจิตก็รวมลงไปได้ ถ้าไม่เห็นชัดอย่างนั้นจิตไม่รวม "อันเห็นชัดนั้นเรียกว่าปัญญา อันนี้เรียกว่าปัญญาเกิดก่อนสมถะ สมถะเต็มที่แล้วจึงค่อยเกิดปัญญาวิปัสสนา"
"ปัญญาวิปัสสนาอันหนึ่งต่างหาก ปัญญาธรรมดาสามัญนี้อีกอันหนึ่งต่างหาก"
อย่าว่าตั้งแต่สมถะเลย ทาน ศีล ภาวนา เบื้องต้นแหละ "ทานนี้ต้องมีปัญญาจึงสามารถทําทานได้ เห็นว่า ทานเป็นของดีวิเศษ" เป็นของช่วยมนุษย์คนทั้งปวงหมดให้อยู่ได้ด้วยการทําทาน เฉลี่ยความสุขให้คนอื่น "เห็นประโยชน์ของการเฉลี่ยความสุขให้คนอื่น นั้นจึงค่อยทําทาน"
"การเห็นประโยชน์อันนั้นน่ะ นั่นแหละเรียกว่าปัญญา" เห็นคุณค่าของการทําทานนั้นเรียกว่า "มีปัญญาจึงค่อยทําทานได้ นั่นละเกิดปัญญาก่อน"
รักษาศีลก็เหมือนกัน "ศีลห้า ศีลแปด เห็นโทษของการทําชั่วบาปต่าง ๆ จริงจังด้วยใจจริง ๆ ชัดเจนจริง ๆ... -
ทำไม ศาสนาพุทธ มีหลายนิกาย
ทำไม ศาสนาพุทธ มีหลายนิกาย
ผู้อ่านถาม: ทำไม ศาสนาพุทธ มีหลายนิกาย เช่น เถรวาทกับมหายาน แม้ในเมืองไทย นิกายเถรวาทยังแบ่งเป็นธรรมยุติ กับมหานิกาย อะไรคือนิกายที่เป็นคำสอนจริงแท้จากพระพุทธเจ้าสมณโคดมครับ
ดร.พระมหาบวรวิทย์ รตนโชโต ขอไขปัญหาข้อนี้ว่า
การที่พระพุทธศาสนามีหลายนิกายนั้นเป็นเพราะมีความเห็นในเรื่องของพระธรรมวินัยไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องปลีกย่อยและวัตรปฏิบัติที่ปรับไปตามยุคสมัยและสภาพภูมิประเทศ แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ พระนิพพาน
ผลเสียของการมีหลายนิกายคือ ไม่สามารถที่จะรวมพลังให้มีความเข้มแข็งมั่นคงเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่ละนิกายต่างก็ดำเนินไปในแนวทางที่เห็นว่าเหมาะสมและถูกต้องตามความเชื่อของตน จึงทำให้ขาดพลัง เหมือนกับสายน้ำที่ไหลลงจากภูเขา ต่างที่ก็ต่างไหลไปสู่ที่ลุ่มตามภูมิประเทศนั้น ๆ แต่หากสายน้ำเหล่านั้นไหลรวมเป็นสายเดียว ย่อมมีพลังมหาศาลแต่ก็มีผลดีเหมือนกัน คือมีอิสระในการประพฤติปฏิบัติตามจริตนิสัยและพื้นเพของแต่ละกลุ่ม สามารถประกาศสัจธรรมไปสู่ประชาชนได้หลายมิติ
แม้นิกายและความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทถึงกับเข่นฆ่ากันเอง... -
ปะทะกันจนสว่าง!! หลวงปู่ตื้อ เจอ เปรตจอมดื้อ ไม่ยอมรามือทั้งคืน จนสุดท้ายต้องใช้วิธีสุดท้าย??
ปะทะกันจนสว่าง!! หลวงปู่ตื้อ เจอ เปรตจอมดื้อ ไม่ยอมรามือทั้งคืน จนสุดท้ายต้องใช้วิธีสุดท้าย??
ครั้งหนึ่ง “หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม” ได้เข้าไปเดินจงกรมในป่าแห่งหนึ่งที่พระพุทธบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเป็นคนร่างสูงใหญ่ ประมาณ ๑๐ วา มายืนกางขาที่ปลายทางจงกรม คล้ายกับจะคร่อมทางเดินไว้ แสดงท่าทางว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในถิ่นนั้น
หลวงปู่ตื้อก็เดินจงกรมตามปกติ แสดงท่าว่าไม่สนใจมัน แต่ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าอยู่บ้างเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏว่าเริ่มมีกลิ่นสาบสางเหม็นขึ้นมาและก็เหม็นมากขึ้นทุกที จนท่านรู้สึกว่าจะทนไม่ไหว เพราะไม่สามารถดับเวทนาตัวนี้ได้
หลวงปู่ตื้อจึงได้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้มันไป แต่ก็ไม่เป็นผล แม้จะออกปากไล่ให้มันหนีไป มันก็ยังทำเฉย แถมยังคงปล่อยกลิ่นสาบสางนั้นเช่นเดิม
หลวงปู่ตื้อพยายามเดินจงกรมไปมาและกำหนดจิตไล่มันอยู่นานพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ผล ท่านจึงยึด “พุทโธ” อยู่ในอารมณ์ตลอดเวลา ตอนนี้จิตใจของท่านไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัวมันแล้ว
ในที่สุด หลวงปู่ตื้อก็หยุดเดินแล้วพูดขึ้นว่า
“มึงรออยู่ตรงนี้ก่อน… เดี๋ยวจะได้ลองดีกัน!!”
หลวงปู่ตื้อเดินขึ้นไปบนเพิงที่พัก จุดเทียนไข... -
สาธุ...กระแสจิตแรงกล้า ! "หลวงปู่ตื้อ" อรหันต์ผู้มีฤทธิ์ ส่งกระแสจิต ให้คนพายเรือมารับ โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ !!!
สาธุ...กระแสจิตแรงกล้า ! "หลวงปู่ตื้อ" อรหันต์ผู้มีฤทธิ์ ส่งกระแสจิต ให้คนพายเรือมารับ โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ !!!
สมัยที่หลวงปู่ตื้อกับหลวงปู่แหวน เพิ่งจะพบกันและเป็นสหธรรมมิก หลวงปู่แหวนได้กราบหลวงปู่มั่นเป็นครูบาอจารย์แล้ว แต่หลวงปู่ตื้อยังไม่มีโอกาสได้พบเจอหลวงปู่มั่น แต่เนื่องจากทั้งสองท่านมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่แสวงธรรม เดินทางตามรอยพระศาสนา จึงพากันออกธุดงค์ จะข้ามแม่น้ำโขง ไปทางสุวรรณเขต ประเทศลาว
หลวงปู่ทั้งสองท่านมายืนหยุดอยู่ฝั่งไทย มองหันหน้าไปฝังลาว แม่น้ำโขงที่ขวางหน้ากระแสน้ำเชี่ยวกราก ผ่านช่องเขาแคบๆ ความรุนแรงของน้ำจึงมากกว่าที่อื่น ระยะทางฝั่งลาวห่างไปไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตร แต่ไร้วี่แววของเรือสักลำที่จะพาข้ามฝาก หลวงปู่ตื้อหันมาบอกสหธรรมิกว่า
“ท่านแหวนไม่ต้องวิตก เดี๋ยวก็มีเรือมารับเราข้ามฟากไป”
ว่าแล้ว หลวงปู่ตื้อ ยืนนิ่ง หลับตา เพียงอึดใจใหญ่ๆ จึงลืมตาขึ้น แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “เดี๋ยวเรือจะมารับ”
สักพัก มีเรือหาปลาพายผ่านมาพอเห็น ชายหนุ่มที่หาปลา มองเห็นพระหนุ่มสองรูปยืนอยู่ที่ท่าน้ำ ตามประสาชาวพุทธ... -
หลวงตามหาบัว! ตอบชี้แจ้งเรื่อง”ปัญหาเรื่องอัฐิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กลายเป็นพระธาตุ?”
หลวงตามหาบัว! ตอบชี้แจ้งเรื่อง”ปัญหาเรื่องอัฐิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กลายเป็นพระธาตุ?”
อัฐิพระอรหันต์ก็ดี ของสามัญชนก็ดี ต่างก็เป็นธาตุดินเช่นเดียวกัน การที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุได้นั้น ขึ้นอยู่กับใจหรือจิตเป็นสำคัญ อำนาจจิตของพระอรหันต์ท่านเป็นอริยจิต เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสเครื่องโสมมต่างๆ อำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุบริสุทธิ์ไปตามส่วนของตน อัฐิจึงกลายเป็นพระธาตุไปได้ แต่อัฐิหรือกระดูกสามัญชนทั่วไป แม้จะเป็นธาตุดินเช่นเดียวกัน แต่จิตสามัญชนทั่วไปเต็มไปด้วยกิเลส จิตไม่มีอำนาจและคุณภาพที่จะซักฟอกธาตุขันธ์ของตนให้บริสุทธิ์ได้ อัฐิจึงจำต้องเป็นสามัญธาตุไปตามวิสัยจิตของคนมีกิเลส จะเรียกไปตามภูมิของจิตภูมิของธาตุ ว่า อริยจิต อริยธาตุ และ สามัญจิต สามัญธาตุ ก็คงไม่ผิด เพราะคุณสมบัติของจิตของธาตุ ระหว่างพระอรหันต์กับสามัญชน ย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอน ดังนั้นอัฐิจึงจำเป็นต้องต่างกันอยู่
ผู้สำเร็จอรหันต์ทุกองค์ เวลานิพพานอัฐิต้องกลายเป็นพระธาตุด้วยกันหมดทั้งสิ้นหรือเปล่านั้น ข้อนี้ยังเป็นเรื่องน่าสงสัยไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้อย่างนั้นทุกๆ องค์... -
ทำบุญละลายบาป จะได้หรือไม่ ?
ทำบุญละลายบาป จะได้หรือไม่ ?
การทำบุญละลายบาปนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ คือ ใช้ความดีละลายความชั่วให้เจือจาง เช่น ความชั่วเกิดขึ้นในใจ เมื่อความคิดดีขึ้น ความชั่วย่อมถอยไป ถ้าความดีเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ให้โอกาสแก่ความชั่ว ความชั่วก็เกิดขึ้นไม่ได้ เรียกว่า เอาความดีมาไล่ความชั่ว หรือละลายความชั่ว
อีกอย่างหนึ่ง ความชั่วที่บุคคลทำลงไปแล้ว ซึ่งจะมีผลในโอกาสต่อไป ถ้าผู้นั้นเร่งทำความดีให้มากขึ้น จนท่วมท้นความชั่ว ผลของกรรมชั่วก็ค่อยๆ จางลง จนไม่มีอนุภาพในการทำอันตรายให้ทุกข์
เปรียบเหมือนกรด ซึ่งมีคุณสมบัติทำลายชีวิตได้ แต่ถ้าเติมด่างลงไปเรื่อย ๆ กรดนั้น ก็เจือจางลง หมดคุณสมบัติในการทำลายให้โทษ
เปรียบอีกอย่างหนึ่ง เหมือนเกลือกับน้ำ สมมุติว่า เอาเกลือกำมือหนึ่งใส่ลงไปในน้ำแก้วหนึ่ง น้ำนั้นจะเค็มมากเพราะน้ำน้อย
แต่ถ้าเราเอาเกลือจำนวนนั้น ใส่ลงไปในถังใหญ่ๆ ความเค็มจะไม่ปรากฏ แม้เกลือจะยังมีอยู่เท่าเดิม มันกลายเป็นมีเหมือนไม่มี
ที่ทางพระท่านเรียก "อัพโพหาริก" แปลว่า "มี เหมือนไม่มี" เหมือนน้ำในก้อนดินแห้ง หรือเนื้อไม้ เรารู้ได้ว่า ความชื้นเป็นคุณสมบัติของน้ำ เมื่อเราจุดไฟเผา... -
กินปลาตัวเองปล่อย, บาปเล็ก กรรมใหญ่
ถ่ายทอดโดย...อาจารย์ปรีชา เรืองเดช
อาจารย์ยอด -
"ทุกข์เพราะถ้วยชา" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"ทุกข์เพราะถ้วยชา"
" .. กิตติศัพท์ว่า พระสังฆราชองค์หนึ่ง "เขาถวายถ้วยชาจากเมืองจีนโอย ... พอถ้วยชาถึงมือปุ๊บ มันทุกข์เลย" จะวางตรงไหนหนอ จะเก็บตรงไหนหนอ กลัวมันจะแตก
แต่ก่อนไม่มีถ้วยชาสบาย "พอเขาให้ถ้วยชา พอเขาถวาย จับถ้วยชาทุกข์แล้วนะ แต่ก่อนมันยังไม่ทุกข์ ถ้วยชานี้แหละมันหนักเห็นไหม" เณรเข้าไปใกล้ก็ว่า "ระวังให้ดีนะ" เป็นทุกข์ตลอดเวลาได้ถ้วยชาใบนั้นมา
มันเป็นทุกข์ ทุกข์มันมากับถ้วยชา "เพราะไปยึดมั่นถือมั่นเลยเป็นทุกข์" อีกวันหนึ่งสามเณรไปจับหลุดมือแตกเพี๊ยะ เอ้อ ... "หมดทุกข์ไปซะทีโว๊ยมันทุกข์มาหลายปีแล้ว" แน่ะ ... เห็นไหม
"ขันธ์ ๕ นี้ก็เหมือนกัน มันหนัก ให้ทิ้งของหนักเสีย" ทิ้งรูป ทิ้งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนี้เสีย "อย่าไปเข้าใจว่า ตัวเราหรือของเรา มันสักแต่ว่า" รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้น
"อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ถ้าเรารู้เช่นนี้มันก็เป็นวิมุตติขึ้นมา" พ้นขึ้นมาแล้วแต่ก่อนมันติดสมมุติ "เมื่อเห็นเป็นสักว่า" มันก็พลิกขึ้นมา "เป็นวิมุตติพ้นจากสมมุติอันนั้น" ในขันธ์ ๕ "สมัยก่อนไปยึดขันธ์ ๕ เมื่อมาปล่อยขันธ์ ๕ มันก็เบา นี่ตัวอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น"... -
เรื่องเล่าอาจารย์ยอด | หลวงพ่อเงิน (วัดบางคลาน)
เรื่องเล่าอาจารย์ยอด | หลวงพ่อเงิน (วัดบางคลาน)
TV Akane Official :-
Published on Jun 28, 2017
✔ ฝากทุกท่านกดติดตามและกดรูปกระดิ่ง นะครับ เพื่อรับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่ลงคลิปใหม่ๆ และจะได้ไม่พลาดคลิปของ อ.ยอด ในทุกๆวัน ✔
ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538652326 -
วีดีโอ สุดทึ่ง ! "น้องแอนฟิลด์ super 10" หนูน้อยวัย 6 ขวบ ผู้มีหนังสือสวดมนต์ในสมอง
สุดทึ่ง ! "น้องแอนฟิลด์ super 10" หนูน้อยวัย 6 ขวบ ผู้มีหนังสือสวดมนต์ในสมอง
น้องแอนฟิลด์ หนูน้อยวัย 6 ขวบ โชว์ความสามารถสวดมนต์บทสุดยาก จนได้รับเสียงปรบมือลั่นสตูดิโอ
ทำเอาทึ่งกันทั้งสตูดิโอ super 10 อีกแล้ว เมื่อ ด.ช.ภัทรชนน บัวอ่อน หรือน้องแอนฟิลด์ หนูน้อยวัย 6 ขวบ จาก จ.นครปฐม ขอพิชิตฝันเลโก้ด้วยการสวดมนต์
โดยน้องแอนฟิลด์สามารถโชว์กรรมการ ด้วยการสวดมนต์บทยากๆ อย่างที่ผู้ใหญ่บางคนยังท่องไม่ได้ อาทิเช่น บทพาหุง-มหากา บทชินบัญชร รวมถึงพุทธวัจนะ จึงได้รับเสียงปรบมือลั่นสตูดิโอ ส่วนน้องแอนฟิลด์จะชนะใจกรรมการได้เลโก้อย่างที่หวังไว้หรือไม่ พบคำตอบได้จากคลิปนี้เลย
VDO
--------------
ที่มา ::
http://workpointtv.com/news/20982 -
หลวงปู่ไดโนเสาร์ อธิบายเรื่อง พระสึกไปแต่งงาน
หลวงปู่ไดโนเสาร์ อธิบายเรื่อง พระสึกไปแต่งงาน
บทสนทนาระหว่างพระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร) หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกวัน ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ สิริอายุ ๘๗ พรรษา ๖๖ กับ ครูบาพระอุปฐาก !!!
หลวงปู่ไดโนเสาร์ : ครูบา อาจารย์มิตซูโอะเป็นใคร
ครูบาอุปฐาก : เป็นหยังครับผม องค์พ่อแม่ถามทำไมครับผม
หลวงปู่ไดโนเสาร์ : ก็เมื่อเช้าเห็นโยมในศาลามาเล่าให้ฟัง ผมก็อือๆ นอไปกับเขา แต่ผมไม่รู้เรื่องนี้
ครูบาอุปฐาก : โอ๋ ขอโอกาสกราบเรียนองค์พ่อแม่ ท่านอาจารย์มิตซูโอะ ท่านเป็นคนญี่ปุ่นที่มาเรียกกรรมฐานในสายพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง บวชมา ๓๐ กว่าปีแล้วท่านก็สึกกลับบ้านท่านที่ญี่ปุ่น เมื่อเช้าแม่ออกมาบอกว่าท่านสึกไปมีเมีย ที่ญี่ปุ่นครับผม
หลวงปู่ไดโนเสาร์ : โอ๋ มันก็ดีแล้วนี่ แล้วเอามาเล่ากันทำไม
ครูบาอุปฐาก : ขอโอกาสองค์พ่อแม่ ดียังไงครับผม พระกรรมฐานบวชมา ๓๐ กว่าปีแล้วมาสึกไปมีเมีย
หลวงปู่ไดโนเสาร์ : โอ้ย ญาท่านสีทนศาลาพันห้องนั้น สึกตอนอายุ ๙๒ ไปเอาเมียอายุ ๑๖ นี่ผมก็ยังไม่ถึง ๙๒ เด้อ (พูดแล้วท่านก็หัวเราะ)
คนบวชคนสึกมันเป็นธรรมดาโลก... -
โอวาทของหลวงปู่พระธุดงค์ลึกลับกลางป่า
โอวาทของหลวงปู่พระธุดงค์ลึกลับกลางป่า
บันทึกธรรมโดย อาภัสสะโร ภิกขุ
(ภาพประกอบทาง Internet)
ครั้งหนึ่งในอดีต... สมัยที่ยังชอบท่องเที่ยวหาความสงบวิเวก อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ได้พบหลวงปู่ผู้เฒ่าอายุเกือบจะ 90 ปี แต่ยังแข็งแรงปราดเปรียวเกินวัย ท่านว่า ท่านเป็นชาวไทยใหญ่ แต่พูดภาษาคนเมืองได้ชัดเจนดี ท่านธุดงค์มาจากเมืองตองยี ประเทศพม่า ท่านปักกลดอยู่ใต้ต้นตะเคียนยักษ์ริมลำห้วยเล็ก ๆ สายหนึ่งกลางป่าลึก
หลวงปู่ผู้เฒ่าองค์นี้ ท่านมีพลังจิตแก่กล้าเหลือคณานับ ดูเหมือนจะไม่เคยพบเคยเห็นท่านองค์ใดเหมือนหลวงปู่ไทยใหญ่องค์นี้มาก่อนเลยดวงตาของท่านคมกล้า แฝงพลังลึกลับอัศจรรย์ยิ่ง ไม่ว่าท่านจะหันไปจ้องมองดูอะไรรอบ ๆ ข้างสิ่งเหล่านั้นจะหยุดสงบนิ่งทันที นกที่กำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้งอยู่บนคาคบไม้ ยามเมื่อท่านแหงนหน้าจ้องมองดูก็จะหยุดร้องเกาะสงบนิ่งทันที ใบไม้ กิ่งไม้ ที่กำลังแกว่งไกวอยู่ก็จะหยุดเคลื่อนไหว
แม้แต่กระรอกป่าหนุ่มสาวคู่หนึ่ง กำลังวิ่งหยอกล้อกันมาเสียงโครมครามบนกิ่งมะค่า เพียงท่านแหงนหน้ามองดู เจ้ากระรอกน้อยคู่นั้น เหมือนมีอำนาจอะไรสักอย่างหยุดตรึงให้อยู่กับที่... -
เรื่องเล่าของพระธุดงค์ พระป่าผู้ลึกลับ!
เรื่องเล่าของพระธุดงค์ พระป่าผู้ลึกลับ!
“พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาจาก หลวงตารูปหนึ่ง ณ.ที่วัดที่อำเภอ ศรีราชา ขณะนี้ท่านเองยังมีชีวิตอยู่เป็นภิกษุผู้มีวัยเกือบ ๘๐ ท่านเป็นภิกษุผู้เคร่งในศีลน่าเคารพมาก การสวดมนต์ท่านสามารถท่องบทสวดหนังสือมนต์พิธีได้ทั้งเล่มรวมถึงบทปาฎิโมกข์ด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า ท่านเป็นผู้ที่บวชเมื่ออายุมาก ตอนพรรษาต้นๆ ปี ๒๕๓๒ ท่านได้เดินทางไปที่ถำ้ผาจม จ.เชียงรายและได้พบกับคณะพระธุดงธ์คณะหนึ่งกำลังหาพระภิกษุร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียให้ครบเก้ารูปเพื่อสักการะสังเวชสถานทั้งสี่ตำบล ท่านจึงตอบตกลงร่วมคณะเดินทางไป วิธีการเดินทาง คือ การเดินเท้าข้ามประเทศพม่าและต้องหลบหลีกเจ้าหน้าที่ของพม่าด้วยเนื่องจากเวลาขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังไม่ราบรื่นนัก เอกสารหลักฐานคือใบสุทธิเพียงอย่างเดียว
ปัจจัยเงินทองทั้งหมดไม่รับ ทั้งหมดต่างปวารณาถือธุดงธ์ควัตรเอาชีวิตเป็นเดิมพัน การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าไม่เคยได้กินอิ่ม อดข้าวเป็นเรื่องปกติ 2วันบ้าง 4วันบ้าง... -
ระวังให้ดี! ภัย ๔ อย่าง ที่ "หลวงปู่ชอบ" เตือนนักปฏิบัติธรรม
กลางดึกคืนหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่ชอบกำลังจำวัดอยู่ ท่านได้สะดุ้งขึ้นอย่างแรง พระผู้ปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ต่างรีบจัดหมอนและผ้าห่มถวายท่าน พระองค์หนึ่งสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านว่า ท่านสะดุ้งตื่นด้วยเหตุใด หลวงปู่เลยบอกศิษย์ว่า “ดูเมื่อกี้นี้ไม่เห็นพระ มีแต่จระเข้อยู่เต็มกุฏิ ไปดูซิ นอนอยู่ใต้ถุนตัวหนึ่ง นอนอยู่บนเตียงตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ๆ นอนอยู่ตรงกลาง ไปดูซิ...ใช่ไหม...”
พระเณรรีบไปดูก็จริงดังท่านว่า...! กล่าวคือ แทนที่จะเห็นภาพพระเณรศิษย์ของท่านนั่งภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตายให้สมกับที่ปวารณาตัวถวายเป็นศิษย์พระกรรมฐาน แต่กลับมีพระเณรนอนอยู่ที่ใต้ถุน...บนเตียง...องค์ใหญ่นั้นนอนตรงกลาง... ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมบรรดาศิษย์จึงเกรงกลัวท่านกันนัก ท่านไม่ต้องลุกเดินไปตรวจตราดูใคร ท่านเป็นอัมพาต นอนอยู่กับที่ แต่ท่านก็ทราบได้ดีว่า ศิษย์คนไหนภาวนาหรือไม่ ผู้ที่ไม่ภาวนา ท่านเห็นเป็นภาพจระเข้นอนกลิ้งเกลือกกองกิเลสอยู่...!!
หลวงปู่ชอบเตือนเสมอถึงภัย ๔ อย่างของพระกรรมฐาน ท่านได้สอนศิษย์ของท่านให้ระวัง...
ถ้าจะลงไปในห้วงน้ำข้ามโอฆสงสารก็ต้องระวังภัย ๔ อย่าง คือ
คลื่น หนึ่ง
จระเข้ หนึ่ง
วังน้ำวน... -
สาธุ..เมตตาบารมี"หลวงพ่อเดิม" ก่อนละสังขารแสดงอภินิหารเป็นครั้งสุดท้าย!! บันดาลฝนเพื่อช่วยชาวบ้าน
อภินิหารครั้งสุดท้ายในวันมรณภาพของหลวงพ่อเดิม
ด้วยความรักและห่วงใยที่มีต่อลูกหลานชาวบ้านหนองโพ
ในวันนั้นหลวงพ่อเดิมมีอาการเพลียหนัก แต่สติของหลวงพ่อเดิมยังดีอยู่ คงหลับตานอนอยู่กับที่พร้อมกับเจริญภาวนาเป็นลำดับ สลับกับการลืมตาถามเวลาว่าเวลาเท่าใดแล้วเป็นระยะๆ ไป ไม่แสดงอาการกระสับกระสายให้เห็นเลย คงมีความอดทนอย่างเยี่ยมยอดสมกับเป็นนักปฏิบัติธรรม เป็นเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. หลวงพ่อลืมตาแล้วถามเวลาเป็นครั้งสุดท้าย คราวนี้หลวงพ่อถามว่าน้ำในสระทั้งสองลูกมีระดับเป็นอย่างไร พอกินกันไหม เพราะหลวงพ่อไม่ได้ออกไปตรวจตรา จึงเป็นห่วง ด้วยน้ำในสระนั้นคือเส้นโลหิตใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านหนองโพด้วยเป็นที่ดอนกันดารน้ำ หลวงพ่อพยายามขยายสระให้กว้างขึ้นเป็นลำดับเพื่อเก็บกักน้ำ ผู้ดูแลท่านจึงตอบว่าแห้งขอดลงไปแล้วเพราะฝนไม่ตกมาเป็นระยะนานแล้งมาก ถ้าฝนไม่ตกลงมาในวันสองวันนี้น่ากลัวจะอดน้ำกันแน่นอน เมื่อหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวว่าอะไร สองมือของท่านประคองขึ้นไว้บนหน้าอกของท่าน นัยน์ตาของท่านหลับสนิทมองเห็นทรวงอกของท่านสะท้อนขึ้นลงแผ่วๆ ในลักษณะการเข้าสมาธิเป็นลำดับ... -
ลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิ, ศัตรูของสมาธิ
ต้องฝึกต้องทำเอา ไม่ใช่พูดพูดเอาโดยไม่ทำ ผู้จะนำลิงมาใช้งานยังต้องฝึกด้วยกระบวนวิธีต่างๆ จิตท่านเปรียบเสมือนลิง ก็จึงต้องฝึกต้องหัดด้วยกระบวนธรรมเพื่อให้มันเชื่องแล้วนำมาใช้งาน
ลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิ
อธิจิตตสิกขา คือ การฝึกปรือเพื่อเสริมสร้างคุณภาพ และสมรรถภาพของจิต ดังนั้น สมาธิซึ่งเป็นเป้าหมายของอธิจิตตสิกขานั้น จึงหมายถึงภาวะจิตที่มีคุณภาพและมีสมรรถภาพดีที่สุด -
สุดสยอง ขนลุกซู่ !!! ทหารพม่าแห่งวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร ที่มาของศาลแปลกตากับเหตุผลสุดสะพรึง !?! ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย !!!
สุดสยอง ขนลุกซู่ !!! ทหารพม่าแห่งวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร ที่มาของศาลแปลกตากับเหตุผลสุดสะพรึง !?! ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย !!!
หากจะพูดถึงวัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน ทั้งการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ และความหลอน สุดสะพรึงกลัว คงหนีไม่พ้นที่จะต้องพูดถึงวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นวัดที่ขึ้นชื่อมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร หรือ วัดทอง ในสมัยกรุงธนบุรี
วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร หรือ วัดทอง ในอดีต เป็นสถานที่สำคัญที่พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระราชดำรัสให้นำตัวเฉลยศึกพม่าจากค่ายบางแก้ว ในจังหวัดราชบุรีในสมัยนี้ ไปประหารชีวิตที่ วัดสุวรรณารามแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย วัดสุวรรณาราม ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเมื่อมาถึงสมัยกรุงธนบุรี ลานวัดสุวรรณารามแห่งนี้ก็ขึ้นชื่อในการใช้เป็นสถานที่ประหารเฉลยศึกสงครามจากประเทศพม่าโดยใช้การตัดคอ ซึ่งก็มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนเคยเห็นร่างของผู้ชายร่ายยักษ์ สูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบน แต่ไม่มีหัวมายืนให้หลายคนเห็น นอกจากลานวัดจะเป็นที่ตัดคอเฉลยศึกแล้ว... -
โศกนาฏกรรมความรัก!! "นางสาวสามมุข" สู่ "เจ้าแม่สามมุข" ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ณ หาดบางแสน แม้แต่"สุนทรภู่" บรมครูสยามประเทศยังเคารพนับถือ!!
โศกนาฏกรรมความรัก!! "นางสาวสามมุข" สู่ "เจ้าแม่สามมุข" ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ณ หาดบางแสน แม้แต่"สุนทรภู่" บรมครูสยามประเทศยังเคารพนับถือ!!
“เขาสามมุก” เป็นเนินเขาที่อาศัยของฝูงลิง ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านอ่างศิลาและหาดบางแสน ขับรถไปตามถนนเลียบริมหาดจากอ่างศิลาเป็นทางลาดขึ้นไปนั่นก็คือบริเวณที่เรียกกันว่าเขาสามมุก และที่เป็นที่เลื่องลือในหมู่คนท้องถิ่นและคนนอกท้องถิ่นคือ “ศาลเจ้าแม่สามมุก”ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา อันเป็นสัญลักษณ์แห่งโศกนาฏกรรมความรัก ตามตำนานดังต่อไปนี้...
เมื่อปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยาบริเวณบางแสนและเขาสามมุข ยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนหนาแน่นเหมือนปัจจุบันนี้ ชื่อบางแสนและเขาสามมุขก็ยังไม่ปรากฏ จะมีก็แต่ตำบลอ่างหิน ในปัจจุบันก็คือตำบลอ่างศิลาอันเป็นชุมชนของชาวประมงริมทะเล ณ ตำบลอ่างหินนี่เอง (อ่างศิลา) มีเจ้าของชื่อโป๊ะ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า “กำนันบ่าย” มีลูกชายชื่อว่า “แสน” ห่างจากตำบลอ่างหินออกไปพอประมาณมียายหลานอาศัยกันอยู่คู่หนึ่ง ยายมีชื่อเสียงเรียงนามใดไม่ได้ปรากฏไว้ ส่วนหลานสาวนั้นมีชื่อว่า “สามมุข” อาศัยอยู่ในเมืองปลาสร้อย... -
การขอโทษและการให้อภัย (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
การขอโทษและการให้อภัย (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะโกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง... -
จุดจบของผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา
ย้อนหลังไป 52 ปี พ.ศ.2507 ประเทศเวียดนามมีผู้นับถือศาสนาพุทธ
อยู่ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างกับประเทศไทย รวมทั้งประเทศเพื่อน
บ้านอื่นๆเช่น ลาว กัมพูชา และพม่า แต่พุทธศาสนาในเวียดนามต้องพบกับการบีบคั้นเป็นอย่างมาก จากรัฐบาลที่เป็นกลุ่มตัวแทนของคาทอลิค และมีใบสั่งจากอเมริกา
เหตุการณ์เลวร้ายในเวียดนามเกิดขึ้นในสมัยของ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ผู้โค่นล้มระบอบกษัตริย์บ่าวได๋ และ ตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ร่วมกับกรุงวาติกัน(ศูนย์กลางคริสต์จักรคาทอลิค)
จนกลายเป็นรัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โดยโง ดินห์ เดียม
ได้แต่งตั้งญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดที่เป็นคาทอลิคด้วยกันเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับให้ความสำคัญและให้สิทธิพิเศษแก่ข้าราชการ
ทหาร ตำรวจ รวมถึงประชาชนที่นับถือศาสนาคริสต์ ส่วนผู้
นับถือศาสนาพุทธกลายเป็นบุคคลชั้นสอง -
อานุภาพแห่งการสวดมนต์!! ป้องกันเภทภัยอันตรายทุกชนิด ทั้ง”สมเด็จโต” และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย รับรองตรงกัน
อานุภาพแห่งการสวดมนต์!! ป้องกันเภทภัยอันตรายทุกชนิด ทั้ง”สมเด็จโต” และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย รับรองตรงกัน
อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร
ในสมัยนั้น…เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา
อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้... -
พระกริ่งชัยวัฒน์มงคลวราภรณ์ พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่5
พระกริ่ง(เล็ก)ไชยวัฒน์ ประจำรัชกาลที่5 มีชื่อเรียกว่า พระชัยวัฒนมงคลวราภรณ์ (พระชัยศิริวัฒน์) เป็นเบญจภาคีพระไชยวัฒน์อันดับ1
ฝีมือช่างสิบหมู่ สร้างครั้งที่2 ปีพ.ศ.๒๔๒๘ โดยมีพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวรเรศ เป็นประธานการจัดสร้าง และรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้เชื้อพระวงศ์และเจ้านายชั้นสูงตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๒๘-๒๔๔๓
พระไชยวัฒน์ที่มีหายากและมีความนิยมที่สุดคือ พระชัยวัฒนมงคลวราภรณ์ (พระชัยศิริวัฒน์) ที่สร้างในรัชกาลที่5
https://www.komchadluek.net/news/knowledge/52990
พระชัยวัฒน์ ในวงการพระที่นิยมกันสุดๆ หายากสุดๆ และแพงสุดๆ อ.เกี๊ยก ทวีทรัพย์ ผู้ชำนาญพระกริ่งพระชัยวัฒน์ บอกว่า มี ๕ องค์ คือ
๑.พระชัยวัฒน์มงคลวราภรณ์ ที่ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลขึ้น เพื่อพระราชทานแก่เชื้อพระวงศ์ พระราชโอรส พระราชธิดา เหล่าองค์มนตรี โดยสร้างครั้งแรก (พ.ศ.๒๔๒๗) และครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๔๒๘) ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นประธานและครั้งที่ ๓ (พ.ศ.๒๔๓๖) ที่วัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส... -
ตำนานเล่าขาน ตอน พระพุทธเสรฏฐมุนี พระพุทธรูปปราบยาเสพติด
ตำนานเล่าขาน ตอน พระพุทธเสรฏฐมุนี พระพุทธรูปกลับร้ายกลายดี
พระพุทธเสรฏฐมุนี
พระพุทธเสรฏฐมุนี เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุทองเหลือง หน้าตักกว้าง 1 ศอก 1 คืบ 1 นิ้ว ประดิษฐานเป็นพระประธานในศาลาการเปรียญ
ครั้งแผ่นดินรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชาวต่างชาตินำฝิ่นเข้ามาเผยแพร่ในราชอาณาจักรเป็นสินค้าเข้า ให้รายได้สูง แต่ฝิ่นเป็นสิ่งเสพติด มอมเมาพลเมือง เสพแล้วทำให้ร่างกายเปลี้ย สติปัญญาเสื่อมถอย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ทรงมีพระราชดำริว่า เมื่อพลเมืองของชาติติดสิ่งเสพติดย่อมเป็นการบั่นทอนความมั่นคงของบ้านเมือง การที่กำลังของชาติคือประชาชนอ่อนแอ หมดความรับผิดชอบในหน้าที่ ดูเป็นที่น่าเวทนา
จึงมีพระบรมราชโองการให้ปราบอย่างเด็ดขาด ในปีพ.ศ.2382 มีการปราบฝิ่นครั้งใหญ่ตั้งแต่ภาคกลางลงไปจนภาคใต้ คราวที่ใหญ่ที่สุดนี้ปราบตั้งแต่ปราณบุรีจนถึงนครศรีธรรมราชฟากหนึ่ง ตะกั่วป่าถึงถลางอีกฟากหนึ่ง ได้ฝิ่นดิบเข้ามา 3,700 หาบเศษ ฝิ่นสุก 2 หาบ รวมแล้วเกือบ 2.6 แสนกิโลกรัม
ตัวฝิ่นนั้นโปรดให้เผาที่หน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์...
หน้า 366 ของ 414