คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ -
"สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด"
" .. "ในทางพุทธศาสนารวมลงแล้วถือเอาสติเป็นใหญ่" สติกับปัญญามัน มาด้วยกัน เพราะฉะนั้นทุกคนเมื่อฝึกฝนอบรมสมาธิ-ภาวนา อย่าลืม "สตินั้นตั้งให้มั่น สตินั้นให้พร้อมอยู่เสมอทุกขณะ เมื่อสติตั้งมั่นพร้อมอยู่เสมอแล้ว ตัวปัญญาเกิดจากสตินั้นแหละ"
"ปัญญา คืออะไร คือ รู้ตัวเอง เห็นตัวเองอยู่ทุกขณะ" คิดดีคิดชั่ว คิดหยาบคิดละเอียดก็รู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ อันนั้นเป็นปัญญา "ปัญญาที่กว้างขวางไปสักเท่าไรก็ตาม ก็มารวมอยู่ที่สดิตัวนั้น ถ้าสติไม่มีเสียแล้ว ปัญญาก็จะไม่เกิด"
สิ่งสารพัดทั้งปวงหมดที่มากระทบจิต เกิดความรู้สึกตัวเห็นตัวเองขึ้น นั้นตัวปัญญา "ถ้าไม่มีสติเสียแล้ว ถึงรู้สึกขึ้นก็ไม่รู้ไม่เห็นตัวเอง ไม่ทราบว่าอะไรต่ออะไรจะไม่รู้สึกตัว สติจึงเป็นหลักสำคัญ" .. "
"สติ ปัญญา"
พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ -
พระเครื่องที่ไปขโมยมา
พระเครื่องที่ไปขโมยมา
ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ พระเครื่องที่เขาไปขโมยมา แล้วเราเอามาห้อยคอ อย่างนี้จะบาปไหมครับ?
หลวงพ่อ : เดี๋ยวก่อน พูดเรื่องพระเครื่องก่อน พระที่คุณห้อยน่ะ ไม่มีเครื่องหรอก พระเครื่องต้องอย่างฉันนี่ เดินได้ วิ่งได้ใช่ไหม.. อย่างนั้นเขาไม่เรียกพระเครื่อง เขาเรียกพระห้อย
ผู้ถาม : (ยิ้ม)
หลวงพ่อ : เขาขโมยมาจากใครล่ะ?
ผู้ถาม : ก็ไม่ทราบแน่ครับ อาจจะขโมยเจาะกรุมาก็ได้ครับ
หลวงพ่อ : เสร็จ ไอ้นี่พังแน่
ผู้ถาม : อย่างนี้จะบาปไหมครับ?
หลวงพ่อ : รับของโจรมันก็บาปซิ
ผู้ถาม : แต่ถ้าเราไม่ทราบนี่คงไม่เป็นไรนะครับ
หลวงพ่อ : เราไม่ทราบก็บาป เราทราบก็บาป ไอ้บาปนี่เขาแปลว่า ชั่วคนไปขโมยมาจากกรุ กรุมันเป็นของสงฆ์ ลักษณะของอาการขโมยมันเป็นของชั่ว ถ้าเราเอาของชั่วมาอยู่กับเราเราก็ชั่วด้วย อย่างในมงคลข้อหนึ่งท่านบอกว่า
"อเสวนา จ พาลานัง" อย่าคบคนพาล ถึงแม้ตัวเราจะไม่พาล ถ้าเราเดินกับคนพาล เขาก็คิดว่าพาลไปด้วย และท่านก็มีข้อเปรียบเทียบ ท่านบอกว่า
"ใบตองนี่ ไอ้ความเน่าของเนื้อสัตว์มันจะไม่ซึมลง แต่ว่าถ้าเราเอาใบตองห่อของเน่า แล้วเอาของเน่าทิ้งไป... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗ -
เทวดามีลูกกันอย่างไร
เทวดามีลูกกันอย่างไร
ผู้ถาม : ดิฉันถามคนๆหนึ่งว่า "เทวดารูปร่างอย่างไร ?" ท่านก็บอกเหมือนเราแต่งตัวอย่างนี้
แล้วก็ถามเขาอีกว่า "มีผู้หญิงผู้ชายไหม" เขาก็บอกว่า "มี"
แล้วก็ถามว่า "แล้วมีลูกได้อย่างไร ลูกออกทางไหน" เขาก็บอกว่า "ลูกออกทางตัวแยกออกมาเป็นลูกได้"
แล้วก็ถามอีกว่า "แล้วพรหมเล่าคะแต่งตัวอย่างไร" เขาก็บอก "พรหมค่อนข้างจะเป็นผู้ชายนะ ก็แต่งตัวอย่างเรานี้ แล้วแต่จะนึกเอา อยากให้เป็นแบบอะไรก็ได้"
แล้วความจริงเป็นอย่างไรเจ้าคะ ?
หลวงพ่อ : ความจริงเขายังตอบไกลไปนะ ถ้าถามฉันว่าพรหมเป็นอย่างไร ก็ตอบต้องไปดูที่ "ไทปิง" นี่เขาทำพรมขาย (หัวเราะ)
ความจริงเขาเดา เทวดากับนางฟ้าที่มีลูก เขาไม่ได้ออกจากตัวหรอก
คือว่าเทวดาหรือนางฟ้าเป็นอิสระ พอตายจากความเป็นคน เกิดปั๊บเป็นหนุ่มเป็นสาวทันที รูปร่างจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ที่เรียกว่า "เทพบุตร" หรือ "เทพธิดา" มันเป็นอย่างนี้ คือเกิดมาแล้วมีวิมานตัวเองเป็นเจ้าของวิมาน
ถ้าใครจะเป็นลูกใคร เขาจะไปเกิดบนตักของคนนั้น ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา ไปอยู่บนตักเทวดาองค์นั้น ถ้าไปเกิดบนตักนางฟ้าองค์ไหน ก็เป็นลูกนางฟ้าองค์นั้น... -
การใช้คาถาเป็นก็คือต้องวางกำลังใจให้เป็น
ธรรมะบางส่วนจากเก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ธันวาคม ๒๕๔๓
รวมเวลา ๒๕ - ๒๖ ปีที่ผ่านมา ที่อาตมามอบกายถวายชีวิตอยู่รองพระบาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ทั้งหมดที่เก็บมาได้ไม่เคยปิดบังใคร มีอะไรให้แค่หมด เพราะว่าพ่อก็ไม่เคยหวงวิชา อาตมาเองเมื่อทำมาถึงระดับนี้สิ่งที่ตัวเองมีความสุขกายสุขใจอยู่ ก็อยากให้ญาติโยมมีความสุขเช่นนั้นบ้าง สิ่งที่เราทำได้ ทำอะไรทำง่าย ๆ สำเร็จลงง่าย ๆ ก็อยากให้ทุกท่านได้อย่างนั้นบ้าง ก็พยายามเคี่ยวเข็ญกัน
แต่เพียงแต่ว่าอาตมามีเวลาเคี่ยวเข็ญพวกเราน้อยมาก เนื่องจากว่าภาระต่าง ๆ มันมากเหลือเกิน บวชมาแค่ ๑๐ กว่าพรรษามีแต่คนมาขอความช่วยเหลือ มีแต่คนมาขอพึ่งพิง ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งเอกชน ทั้งหน่วยราชการ ทั้งในและต่างประเทศ แต่อาตมาเองมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อ เป็นที่พึ่ง มีญาติโยมทั้งหลายเป็นผู้สนับสนุน ดังนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงสามารถสำเร็จลุล่วงลงไปได้ในทุกเรื่อง จนกระทั่งเขาถามว่าทำไมถึงทำอะไรง่าย ๆ ทำอะไรไม่เคยลำบากกับใคร
อยากจะบอกว่าถ้าบารมีเต็ม บารมีคือ กำลังใจ ถ้าบารมีเต็มบุคคลจะทำอะไรได้ไม่มีคำว่ายาก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ -
ปล่อยปลาให้คนมีชีวิตอยู่เขาจะได้บุญไหม
ปล่อยปลา
ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ถ้าเราปล่อยปลาแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่มีชีวิตอยู่แล้วบอกเขาว่าปล่อยปลาให้ ขอจงโมทนา อย่างนี้เขาจะได้บุญไหมครับ?
หลวงพ่อ : เขาดีใจด้วยเขาก็ได้บุญ เขาไม่ดีใจเขาก็ไม่ได้บุญ โมทนาคือดีใจ
ผู้ถาม : หรือถ้าเขาฝากให้เราซื้อไปปล่อย จะได้ไหมครับ?
หลวงพ่อ : เขาได้ซิ ได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปล่อยก็ต้องปล่อยให้ปลอดภัย ปล่อยให้ปลาตัวนั้นไม่ตายต่อไปอีก
ผู้ถาม : ถ้าปล่อยแล้วลูกอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของหลวงพ่อ อย่างนี้จะได้ไหมเจ้าคะ?
หลวงพ่อ : ได้ ยังไงก็ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แน่ เจ้ากรรมนายเวรจะได้หรือไม่ได้ก็ช่างเขาเถอะ แต่เราได้
ผู้ถาม : แล้วสามารถจะบรรเทาเวทนาของหลวงพ่อได้หรือเปล่าเจ้าคะ?
หลวงพ่อ : ได้ ถ้ามันไม่ป่วยก็ได้ (หัวเราะ) เอ้า ความจริงที่เขาทำให้เรื่อยๆ อันนี้มีผลนะ วันนี้ (10 ต.ค.) ดีขึ้นนะ มาเที่ยวนี้ดีกว่าทุกเที่ยวมากแต่ยังไม่หาย แต่รู้สึกว่าดีขึ้นเยอะ ไม่อย่างนั้นวันที่ 3 นี่งอกแงกเต็มที วันนี้รู้สึกดีขึ้น
ผู้ถาม : ฉะนั้นลูกหลานถ้าช่วยกันคนละเล็กละน้อย หลวงพ่อก็มีส่วนได้รับอานิสงส์... -
เคล็ดลับการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล
ท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธา อยากจะปฏิบัติในพระคาถาเงินล้าน อาตมภาพขอบอกว่า อย่าใช้คำว่า "สวด" แต่ให้ใช้คำว่า "ภาวนา" ก็คือภาวนาพระคาถาควบกับลมหายใจเข้าออก เหมือนกับเป็นคำภาวนากรรมฐานทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่า จะเป็นคำภาวนาที่ยาวอยู่สักหน่อยเท่านั้น
และที่ขอร้องไว้ก็คือให้ทำวันละ ๑๐๘ จบ เหตุที่ต้องขอเอาไว้มากขนาดนั้น เพราะว่าในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ผลของสมาธิยังมีส่วนอยู่มาก ถ้าหากว่าสมาธิน้อย ผลก็เกิดขึ้นน้อย ถ้าสมาธิมาก ผลก็เกิดขึ้นมาก ที่ให้ภาวนาถึง ๑๐๘ จบ ก็เพื่อว่าท่านทั้งหลายที่มีกำลังสมาธิน้อย อย่างน้อย ๆ ภาวนาไปนานขนาดนั้น อารมณ์สมาธิก็ต้องทรงตัวสูงกว่าปกติอยู่บ้าง
และอีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บุคคลที่ใช้พระคาถาเงินล้านนั้น จะต้องมีการทำบุญให้ทานเป็นปกติ ถ้าเป็นสมัยหลวงปู่ปาน ท่านให้ใส่บาตรทุกวัน แต่ว่าพอมาสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ญาติโยมติดขัดด้วยเรื่องหน้าที่การงาน ใส่บาตรประจำวันไม่ค่อยได้ ท่านก็ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน โดยตั้งใจว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้เป็นค่าภัตตาหารพระ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ณ วัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๐๗.๔๕ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) นำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๗ ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ
ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗ -
สามีจิกรรม
สามีจิกรรม คือการทำสิ่งที่ดี ๆ ต่อผู้ใหญ่กว่า อาวุโสกว่า เป็นต้น เพราะการอยู่ร่วมกันของคนเรานั้น อย่างน้อย ๆ ก็มีการล่วงเกินกันด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะว่าสติของเรายังไม่สมบูรณ์ ในเมื่อเป็นดังนั้น โอกาสที่จะเกิดโทษย่อมมี ถึงเวลาพวกเราก็ควรจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อขอขมา อย่างเช่นว่า วันปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด ไม่ว่าจะเป็นของผู้ใหญ่ ของแม่ ของพ่อ ของพระภิกษุที่เราเคารพนับถือ เป็นต้น
ในเรื่องของกรรมนั้น ทั้ง ๓ หมวด ๑๒ ประเภท มีอยู่ตัวหนึ่ง เขาเรียกว่า อโหสิกรรม ถ้าหากว่าทั้งโจทก์และจำเลยอยู่ต่อหน้ากัน เอ่ยปากยกโทษให้กัน กรรมอันนั้นจะหมดไปเลย ส่วนการอโหสิกรรมอีกแบบหนึ่ง คือการทำความดีจนถึงที่สุด อย่างเช่นว่าเป็นพระอรหันต์ กรรมทั้งหลายเหล่านั้นจะเลิกแล้วต่อกันไป เพราะตามท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็จะเหลือแต่เศษกรรมที่สนองท่านได้บ้างในขณะที่ยังทรงขันธ์ ๕ อยู่
โดยเฉพาะพวกเราทั้งหมด เป็นผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ดังนั้น...ในเรื่องของโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับการปรามาสพระรัตนตรัย จะเป็นตัวขวางไม่ให้เราเข้าถึงมรรคผล เนื่องจากกติกาความเป็นพระอริยเจ้า ข้อแรกก็คือ... -
ภาพงานก่อพระเจดีย์ทราย เทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗
แนวคิด เต่าที่ว่ายน้ำอยู่เสมอ ไม่ย่อท้อ ไม่หยุดนิ่ง
คลื่นรอบเต่า แสดงถึงการว่ายทวนน้ำอยู่เสมอ
ดอกทานตะวัน คือผลแห่งความสำเร็จ
แนวคิด การเปลี่ยนผ่านจากปีเก่า ไปปีใหม่ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน
ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปพระนิพพานกันดีกว่า... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗ -
การสรงน้ำพระ
การสรงน้ำพระ
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเห็นการสรงน้ำของญาติโยมแล้ว อาตมารู้สึกว่าเขาห่างวัดเกินไป ถึงเวลาสรงน้ำพระพุทธรูปก็ราดตั้งแต่เศียรพระลงไปเลย
การสรงน้ำพระเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นการถวายของหอมเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ความหยาบละเอียดของกำลังใจเห็นได้ชัดมาก หลายท่านสรงน้ำถวายด้วยการรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป บางท่านก็รดที่พระอังสาคือที่บ่า แต่ว่าส่วนใหญ่ร้อยละ ๘๐-๙๐ รดที่พระเศียรคือรดหัวเลย กลัวพระพุทธรูปจะไม่เย็น...!
แม้แต่คนทั่ว ๆ ไป เราก็ไม่ควรที่จะไปราดหัวเขาอยู่แล้ว นี่ราดหัวพระพุทธรูปเล่นกันสนุกสนานเฮฮา ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่อนาถมาก แสดงออกถึงความหยาบของกำลังใจ ที่ไม่ได้ดูว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ตายแล้วเกิด เพราะติดของเก่า" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ตายแล้วเกิด เพราะติดของเก่า"
" .. มนุษย์วนเวียนเกิดแล้วตาย "ตายแล้วเกิด ติดของเก่า" กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ "ท่านพวกนี้ติดของเก่า"
พระไตรปิฎก "มีกิน ๑ มีนอน ๑ สืบพันธุ์ ๑ แม้ปู่ย่าตายายของเราล้วนแต่ติดของเก่า" พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์ก็ดี "เมื่อท่านยังไม่ตรัสรู้ก็ติดของเก่า เพลิดเพลินของเก่า" ในรูป เสียง กลิ่น รสของเก่า ทั้งนี้ "ไม่มีฝั่งในมีแดน ไม่มีต้นไม่มีปลาย ย่อมปรากฏอยู่เช่นนั้น" ตื่นเต้นกับของเก่า ติดรสชาติของเก่า
"ใช้มรรค ๘ ให้ถอนของเก่า ให้อิทธิบาท ๔ ตีลิ่มสะเทือนใหญ่ปัง ๆ ลิ่มเก่าถอนคืออวิชชา ลิ่มใหม่คือวิชชาเข้าแทน" ดังนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านพูด "ใช้ตบะความเพียรอย่างยิ่งที่จะถอนได้"
ต้องสร้างพระบารมีนมนานจึงจะถอนได้ "เพราะของเก่ามันบัดกรีกันได้ เนื้อเชื้อสายของกิเลสมาพอแล้ว" ย่อมเป็นอัศจรรย์ของโลกนั้นทีเดียว .. "
"มุตโตทัย"
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) -
ภาพงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ
วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๐๙ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) บวงสรวงไหว้ครูประจำปีและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปี ๕ (มะโรง)
ณ มณฑลพิธีอุโบสถ วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗ -
ความหมายของสงกรานต์
ประเพณีสงกรานต์นั้น เป็นประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิม โดยรับมาจากประเทศอินเดีย นำมาปรับจนกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทย
คำว่า “สงกรานต์” เป็นภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า เคลื่อน ย้าย หรือ เปลี่ยน เมื่อพระอาทิตย์ยกย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ก็ถือว่าเข้าสู่วาระปีใหม่แต่เดิมของไทยเรา
ในช่วงเดือน ๕ นั้น เป็นหน้าร้อนจัด เรามีประเพณีสงกรานต์ที่มีการรดน้ำดำหัวและเล่นน้ำสาดน้ำกัน เพื่อเป็นการดับร้อนผ่อนเย็น เหมาะสมกับฤดูกาล แต่นั่นเป็นการการดับร้อนทางภายนอกเท่านั้น การดับร้อนที่จะให้ได้ผลดีจริง จำเป็นต้องดับความร้อนภายในของเรา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ความร้อนภายในเกิดจากการเผาผลาญของไฟใหญ่ ๔ กอง ได้แก่ โลภัคคิ ไฟคือความโลภ ราคัคคิ ไฟคือราคะ โทสัคคิ ไฟคือโทสะหรือความโกรธ โมหัคคิ ไฟคือความลุ่มหลงมัวเมา
มนุษย์หรือสัตว์ล้วนแล้วแต่โดนไฟใหญ่ ๔ กองนี้เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวิธีการดับไฟทั้ง ๔ กองนี้ว่า การดับไฟแห่งความโลภนั้น ต้องมีการให้ทานเป็นปกติ ก็คือการที่เราเสียสละให้ปันทรัพย์สินสิ่งของของเรา เพื่อให้แก่คนหรือสัตว์ที่ขาดแคลนอยู่... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ -
ตั้งใจทำความดีเข้าไว้ บุญจะช่วยตัดเคราะห์ เสริมดวงได้ดีที่สุด
ในเรื่องของบุญกุศลนั้น ตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นบุญกุศลก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าบุญกุศลนั้นจะส่งผลต่อชีวิตเราในด้านดีอย่างเดียว เพียงแต่ว่าเราท่านทั้งหลายส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ทำความดีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน มักจะมีการทำดีทำชั่วบ้าง สลับผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป จึงทำให้ถึงเวลาก็มีกรรมชั่วเข้ามาแทรก ให้เราต้องลำบากเดือดร้อน
ขอให้ทุกท่านทำใจแบบอนาถปิณฑิกเศรษฐี ที่ถึงเวลากรรมเข้ามาแทรก ทำให้โดนน้ำซัดเอาคลังสินค้าริมแม่น้ำพังถล่มลงน้ำไปหมด กองเรือที่ส่งไปค้าขายต่างเมือง ก็โดนพายุพัดหลงทาง หากันไม่เจอ ทรัพย์สมบัติที่มีมากมาย ก็ลดน้อยถอยลง แต่กำลังใจของท่าน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในกองบุญการกุศล ยังคงทำบุญเลี้ยงพระทุกวัน เพียงแต่ว่าจากที่เคยเลี้ยงข้าวมธุปายาส ก็เหลือเพียงข้าวต้มกับน้ำผักดอง แต่ท่านก็ไม่คลายศรัทธาเลย
จนกระทั่งเทวดาที่รักษาฉัตรในบ้านท่าน มาดุท่านว่า "ฐานะตกต่ำถึงปานนี้แล้ว ยังจะทำบุญให้ทรัพย์สินหมดลงไปอีก" อนาถปิณฑิกเศรษฐีก็เลยไล่เทวดาว่า "อัปเปหิ..เธอจงไป เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่รู้จักคุณงามความดีแบบนี้ เราไม่ต้องการ"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ -
อาราธนารับพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน
อาราธนารับพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน
อาจารย์ยกทรง : กราบเท้านมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง งานสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง 4 เมษายน ศกนี้
หากลูกหลานบางคนจำเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ได้ไป สมมติ ติ๊ต่างว่าถึงเวลา 4 โมงเช้า
หลวงพ่อ : ติ๊ต่างๆๆๆ
อาจารย์ยกทรง : ไอ้ติ๊งต่าง ตุ๊ง มันตัวเดียวกันหรือเปล่าพ่อ
หลวงพ่อ : ติ๊งต่อง (หัวเราะ)
อาจารย์ยกทรง : เอานะ ถึงเวลา 4 โมงเช้าก็ดี บ่าย 2 โมงก็ดี ในขณะนั้นลูกควรจะปฏิบัติแบบไหน เผื่อจะได้มีโอกาสได้รับสิริมงคล
หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้แล้วกัน ตั้งใจรับแล้วภาวนาว่า พุทโธ
อาจารย์ยกทรง : อ้อ..ใช้พุทโธหรือครับ
หลวงพ่อ : ใช้เวลาประมาณสัก 15 นาที เวลาที่นั่นเขาจะทำเขาแนะนำกันก่อน เวลามีมากไป เวลาไม่น้อยก็ 15 นาทีก็แล้วกัน
ขอรับด้วยใช้ได้ เหมือนยันต์เกราะเพชรก็เหมือนกัน
อาจารย์ยกทรง : อ้อ..สะเดาะเคราะห์กับเป่ายันต์นี่คล้ายๆกัน
หลวงพ่อ : คล้ายๆกัน เพราะว่าทำพิธีเดียวกัน แต่บทต่างกัน
(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 15 หน้า 374-375)
******ท่านที่ไม่สามารถไปร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์ที่วัดได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ -
การด่าว่าผู้อื่น จิตต้องประกอบด้วยโทสะ โมหะ ลงนรกได้ง่าย ๆ เลย
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้พระพุทธศาสนาของเราค่อนข้างจะสั่นคลอน เพราะว่าสื่อสังคมต่าง ๆ ทำให้ข่าวไปถึงได้เร็วแล้วก็ง่าย แต่การรับข่าวของพวกเราก็ควรที่จะรับอย่างมีสติ คำว่ามีสติในที่นี้ก็คือ อย่าไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าว ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ตาม ถ้าเราไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าวเมื่อไร โอกาสที่เราจะขาดทุนมีสูงมาก
โดยเฉพาะบรรดาท่านทั้งหลายที่ไปลงความเห็นในลักษณะของการตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ การที่เราตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ ท่านยิ่งบริสุทธิ์เท่าไร โทษก็ยิ่งหนักเท่านั้น
ถ้าหากว่าจะดูตัวอย่างในพระธรรมบท ซึ่งเศรษฐีไปด่าพระที่ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปแล้ว ปรากฏว่าเศรษฐีต้องไปเกิดเป็นเปรตอยู่ในหลุมขี้ ก็เพราะว่าคนอื่นทำผิดทำชั่วก็จริง แต่พอเราไปด่าว่า เราก็ทำชั่วไปด้วย ก็คือทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจนั่นเอง การไปจ้องจับผิดผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว การด่าว่าจิตก็ต้องประกอบไปด้วยโทสะ โมหะ
ดังนั้น...เมื่อตายไปเศรษฐีก็เลยกลายเป็นเปรต เหมือนอย่างกับว่าคนอื่นหาทางลงอบายภูมิ เราเห็นเข้าเราก็โดดตามลงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗ -
"การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก"
" .. "การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก เหมือนแบกไม้หามเสา" เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใด ก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ "จนจิตใจผ่องใสสะอาดตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย" นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ในตัวคนเรานี้ "เมื่อจิตใจสบาย กายก็พลอยสบายไปด้วย อะไร ๆ ทุกอย่างมันก็สบายไป มันแล้วแต่จิตใจ" .. "
(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
หน้า 18 ของ 412