^__^เหรียญหล่อประภามลฑล หนึ่งในวิชาที่หลวงปู่ศุขถ่ายทอดให้หลวงปุ่สุภา

ทำไมของผมต้องเปนพระพรหมด้วยคับ มีคนนึงทักมาเหมือนกันช่วงนี้ให้บูชาพระพรหม

 

ท่านเคยมีบญหล่อพระพรหมไว้ ใน อดีตชาติ บุญมาเบิกใช้ได้ ท่านก็จะมาครับ

 

ตอนนี้รอขอบูชา 108 องค์พระปัจเจก อีก 1 ชุดก็จะพอแล้วครับ ^___^

 

ครับ ตามกำลังจตุ ปัจจัยครับ ............อย่าหักโหมครับ ยังมีหลายๆ คนที่ยังไม่ได้ จองไม่ทันครับ แบ่งๆ กันไปครับ ..................

 

วันก่อนได้รับองค์เหล็กไหล พอมาช่วงหัวค่ำ ก็ เกิดไฟดับทั้งภาคใต้ คิดเล่นในใจว่า กะจะโชว์พาวกันขนาดนี้เลยเร๋อ(คิดในใจเล่นๆนะคับ)
ไฟดับอยู่ไม่รู้ทำไร จุดธูป จุดเทียน สวดมนต์ นั้่งสมาธิไปเรื่อยๆโดยลองเอาเหล็กไหลมาวางในมือทีละองค์ จนมาองค์สุดท้าย พอนั่งเสร็จจะเอาท่านไปวาง ตอนที่วางรู้สึกเหมือนท่านรับรู้(วางไว้ที่บนโต๊ะหมู่) ไฟฟ้าก็ติดสว่างในทันใด
ปล.ผมไม่ได้ทำให้ไฟฟ้าติดนะคับ แค่บังเอิญว่าไฟฟ้ามาตอนวางเหล็กไหล ก็เท่านั้นครับ
เหมือนท่านรู้ว่าไฟจะติดเมื่อไร แสดงว่าต้องมีพลังสัมผัสถึงไฟฟ้าด้วย
มาเล่าให้ฟังเล่นๆครับ อิอิ

 

ภาษา หมอดูว่า มาฤกษ สว่าง ครับใช้ แล้วรุ่งเรือง ครับ ............

 

ดีค่ะ ชอบค่ะ ใครมีประสบการณ์ ช่วย เล่ามาด้วยนะค่ะ ชอบอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ;aa31;aa31;aa31

 

เหล็กไหลเทวา และพระปัจเจค ผมอารธนาสื่อจิต กับท่านไปเวียนเทียนในวันวิสาขบูชาครับ

1.ได้ฟังเทศนาธรรม ก่อนเวียนเทียน ด้วย
เวียนเทียนได้รอบเดียว ฝนก็ตกหนักมาก (ส่วนใหญ่ ท่านเก่งกสินน้ำเป็นหลัก)

2.ขณะเวียนเทียนวันนั้น คนแน่น แต่จิตสงบ ครับ ครบ 3 รอบ ก็เข้าหลบฝนในพระอุโบสถ ก็ได้

3.นั่งกรรมฐานแบบไม่รู้เวลา ลืมตาฝนก็หยุดตก

ได้ทำครบ 3 อย่างอย่างที่ตั้งใจไว้ เลยครับ

ปล. คนใกล้ตัวไม่ค่อยชอบเข้าวัดแต่ยอมไปด้วยครับ ไม่คิดว่าจะได้ทำครบอย่างที่ตั้งจิตไว้ตั้งแต่วันนั้น

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับ จิตที่ตั้งไว้ดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้

 

ไปเจอมาครับ เลยเอามาลงดูครับ อ.ก๋ง อันนี้เป็นเหล็กไหลชนิดไหนครับ

“หินเหล็กไหล” ที่วัดป่าแดนนาบุญ จ.กาฬสินธุ์ เชื่อเป็น “หินกินเหล็ก” ของดีมีค่าและหายาก โดยชายคนหนึ่ง ท่าทางเป็นเศรษฐี มาจากต่างจังหวัด อ้างว่าเป็นนักสะสมของเก่า หรือเซียนวัตถุมงคลประมาณนั้น ซึ่งชายคนนี้ได้ขอซื้อในราคากิโลกรัมละ 1 ล้านบาท หรือทั้งก้อนประมาณ 12 ล้านบาท แต่ทางวัดและคณะกรรมการวัดไม่ขาย เพราะตั้งใจจะเก็บรักษาเป็นของดีคู่วัด และให้ประชาชนได้มาอธิษฐานเสี่ยงทายโชคชะตาต่อไป

อีกรูปสมัยรัชกาลที่ 5 ใหญ่มากๆครั บกรมศิลป์จัดแสดง เหล็กไหล ร.5 หนักกว่า 60 กก. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการถวายมาจากประชาชน น้ำหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม มีลักษณะมันวาว สีดำ

ทำไมฝรั่งชอบซื้อครับให้ราคาแพงมากด้วย เค้าเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรือครับฝรั่งที่ชอบเหล็กไหล

ส่วนประสบการณ์ผมเคยเล่าไปแล้วครับ ขอเล่าใหม่อีกนิดและเพิ่มอีกเรื่องนึงครับ

คือองค์เหล็กไหลท่านวิศะชินราช และปุราณ ครับ ช่วยให้ผมได้งานชิ้นใหญ่ครับ ผลตอบแทนก็ 7 หลักครับ เพิ่งเซ็นสัญญาไปครับ แต่เงินจะได้รับหลังจากนั้นหลายเดือนหน่อยแต่ก็ท่านช่วยครับ เพราะได้ไปก็อธิฐานเลยว่าขอให้ได้เซ็นสัญญาไม่เกิน 15 วัน ก็อยู่ในช่วงนั้นจริงๆครับ สุดๆครับ

อีกเรื่องก็คืออธิฐานองค์พระปัจเจกฯที่มีอยู๋แล้ว 2 พระองค์ ขอให้ได้พระสหายปัจเจกพระพุทธเจ้ามาเพิ่มอีก 2 พระองค์ครับ และก็ได้ในคืนนั้นเลยครับ แบบบังเอิญสุดๆที่ได้ทั้ง 2 พระองค์เพิ่มมาและเป็นจริตตามที่อธิฐานขอเด๊ะๆเลยครับ

 

อันนี้เอามาให้อ่านกันแก้เหงาครับ อิอิ

ธาตุศักดิ์สิทธิที่เราเรียกกันว่า “เหล็กไหล” นี้ พอจะแบ่งแยกได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน

1. ธรรมธาตุ กำเนิดของเหล็กไหลประเภทนี้ เกิดจากจิตของเทพพรหมในอดีตอันไกลโพ้น ซึ่งเป็น “อรูปพรหม” ที่ปรารถนาจะมาช่วยรักษาพระพุทธศาสนา จึงได้ลงมาบำเพ็ญฌาณในมนุษย์โลก ได้เข้ามาสัมผัสเข้ากับกลิ่นอันโอชะของง้วนดิน ที่เป็นธาตุ บริสุทธิ์มาแต่เดิม แล้วเกิดติดใจในความโอชาของง้วนดินเข้า เมื่อเสพแล้วก็เลยหาที่พักพิงอาศัยอยู่ ตามเงื้อมเขา ตามถ้ำอันสงบ เป็นอยู่อย่างนั้นตามสภาพของจิต ล้านปีบ้าง แสนปีบ้าง หมื่นปีบ้าง ร้อยปีบ้าง หนึ่งปีบ้าง

เมื่ออัธยาศรัยของจิตเริ่มเกาะรูปธรรม จึงได้เนรมิตรธาตุบริสุทธิ อันประกอบด้วย ธาตุทั้ง 4 อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยการเนรมิตรเอาด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ขึ้นมาประกอบเป็นเรือนกาย ฝังตัวอยู่ในก้อนธาตุเหล่านั้น อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นเพศผู้ก็มี เพศเมียก็มี อยู่โดดเดี่ยวก็มี เป็นคู่ก็มี เป็นกลุ่มก็มี มีรังอาศัยอยู่ก็มี ที่ไม่มีรังอาศัยอยู่ก็มี โดยปกติแล้วปีหนึ่ง ๆ ประมาณเดือน 5 ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จะออกหาเสพง้วนดิน

แต่ในสมัยปัจจุบันโลกมนุษย์ของเรา ผิวพื้นโลกไม่มีความสะอาดเพียงพอ จึงไม่มีง้วนดินอยู่ ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จึงต้องอาศัย เสพน้ำผึ้งแทนเฉพาะในเวลากลางคืนโดยอาศัยป่าเขาต่าง ๆ ซึ่งบางคนอาจจะเคยพบเห็น

ลักษณะการเคลื่อนที่ของธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ จะปรากฏเป็นดวงกลมใหญ่ เล็ก ลอยออกจากหน้าผาหรือถ้ำ ออกไปจับรังผึ้งตามต้นไม้ บางดวงก็ลอยหายไปในโพรงไม้เพื่อกินน้ำผึ้งโพรง บางดวงก็ลอยหายไปใต้พื้นดินเพื่อกินน้ำหวานของแมงขี้สูตร

ถ้าผู้พบเห็นมีความสามารถพิเศษ ก็สามารถเชิญเขามาสนทนาได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการที่จะครอบครองของสิ่งนี้ ต้องมีวาสนาบารมีสั่งสมร่วมกันมาตั้งแต่อดีต หรือมิเช่นนั้นก็ต้องเป็นผู้มีศีลธรรม จิตใจเป็นบุญเป็นกุศล ถึงพร้อมพรหมวิหารธรรม เจตนาเป็นกุศลจิต ก็อาจทำพิธีอัญเชิญท่านให้ปรากฏตนออกมา เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทรงคุณธรรมทั้งฝ่ายฆราวาสและบรรพชิตที่ประสงค์จะช่วยกันสืบพระศาสนาขององค์พระศรีศากยมุณี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีตชาติ แล้วได้จุติลงมาเป็นมนุษย์

เทพพรหมเหล่านี้มุ่งการบำเพ็ญบารมีทำความเพียรจนเข้าถึงอริยสัจจธรรม เพื่อที่จะได้น้อมนำชีวิตอุทิศตนเอง ถวายเป็นพุทธบูชาเสริมสร้างบารมีของตน จนเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า และจรรโลงกอบกู้อุปถัมภ์ค้ำชู พระพุทธศาสนาที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามความเป็นจริงแห่งธรรม

ดังนั้นฤทธิ์อำนาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะสูงกว่าธาตุกายสิทธิ์ทุกประเภท สามารถทำปฏิกิริยาต่อเชื้อปะทุทุกชนิดและศาสตราวุธต่าง ๆ ให้หมดอานุภาพได้ เมื่อเทพนั้นมีความประสงค์จะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดู หรือเพื่อคุ้มครองรักษาเจ้าของเหล็กไหลนั้น คือจะแสดงฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังล่องหนหายตัวได้เมื่อต้องการ โดยการสลายรูปธาตุทั้งสี่ให้เป็นอรูปธาตุ (วิญญาณธาตุ) แล้วประกอบขึ้นใหม่ได้ และเมื่อยังไม่ประกอบรูปธาตุก็จะยังไม่กินน้ำผึ้ง ต่อเมื่อประกอบธาตุแล้วจึงจะกินน้ำผึ้ง และต้องเป็นน้ำผึ้งที่บริสุทธิ์อีกด้วย

ลักษณะพรรณสัณฐานของเหล็กไหลประเภทนี้มีหลายรูปแบบ เช่น รูปไข่ กลมรี ครึ่งซีก ทรงกลม หนำเลี๊ยบ รักบี้ เป็นต้น เพราะมองดูเผินจะมองไม่ออกเลยว่าเป็นเหล็กไหล เพราะเหมือนก้อนหิน ก้อนกรวดธรรมดา ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ที่เป็นธรรมธาตุนี้ แต่ละองค์จะมีนามของตนเองโดยเฉพาะ จะต้องสอบถามนามของท่านเอาเอง

ยุคสมัยปัจจุบันมีผู้ตั้งค่านิยมของ ธาตุกายสิทธิ์ ไว้สูงมาก จนเกิดการทุ่มเทติดตามหาวัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้อย่างจริงจัง จนหลายคนหมดเงินหมดทองไปเป็นจำนวนมาก แต่มีน้อยรายที่จะพบกับความสำเร็จ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ความเป็นมาของธาตุวิเศษเหล่านี้ รวมทั้งขาดบุญวาสนาอีกด้วย พึงตระหนักอยู่เสมอว่า สิ่งใดมีคุณอนันต์ ก็ย่อมเกิดโทษอันมหันต์ได้เช่นกัน

2. ธาตุสำเร็จ เหล็กไหลชนิดนี้เป็น “รูปธาตุ” มีแต่เพียงจิตครอง ไม่มีวิญญาณครอง เกิดจากฤทธิ์อำนาจของเทพระดับต่ำลงมาในระดับ “รูปพรหม” โดยเมื่อครั้งในอดีตได้เคยบำเพ็ญตบะเป็นฤาษีชีไพรจนสำเร็จรูปฌาณ แต่ด้วยบุพกรรมและความปรารถนาบางอย่าง จึงได้ลงมาสู่โลกมนุษย์ในลักษณะเป็นก้อนธาตุสำเร็จ รูปทรงต่าง ๆ กัน ที่เป็นเหมือนโลหะธาตุก็มี เหมือนแก้วใสก็มี สถานที่ อยู่ของเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ภายในถ้ำที่มีความสะอาด เย็น หรือชื้นแฉะ ธาตุเหล็กไหลประเภทนี้ไม่สามารถล่องลอยไปหาน้ำผึ้งกินเองได้ จะต้องอาศัยวัตถุธาตุที่เป็นสื่อเป็นสะพานนำไป โดยการไหลไปตามพื้นดิน ผนังถ้ำ หรือ หน้าผา

หากสถานที่นั้นไม่มีผึ้งทำรังอยู่ นานวันเข้าเหล็กไหลก็จะเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่ อยู่ใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็จะมีการขับถ่ายของเสียออกมา ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” เมื่อถ่ายมูลเสร็จจะกลับเข้ารังต่อไป

สำหรับเหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับธาตุกายสิทธิ์ประเภทแรก เพราะเป็นการประกอบธาตุให้ถูกส่วนของผู้มีวิชาแก่กล้าทางโลกียฌาณ คือ ฤาษี ชีไพร คนธรรพ์ วิทยาธร เป็นต้น แต่ไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้ เพราะถ้าเจอะผู้มีวิชาอาคมที่ แก่กล้า จะถูกทำลายหรือแย่งชิงได้ง่าย เนื่องจากมีเพียงวิญญาณธาตุ คือ พลังงานอย่างเดียว

ดังนั้นผู้มีเหล็กไหลประเภทนี้อยู่ มักจะไม่เปิดเผย เพราะเกรงผู้มีวิชาเรียกเอาได้ ลักษณะของเหล็กไหลประเภทนี้มักจะพบเห็นบ่อยครั้ง มีชื่อเรียกหาแตกต่างกันไปตามความคิดความเข้าใจและคุณสมบัติที่พบเห็น บางครั้งต้องทำพิธีพลีกรรมตัดเอา แต่ สำหรับผู้ทรงฌาณระดับสูงแล้ว เพียงแต่ทำการอัญเชิญท่าน ก็จะเสด็จมาอยู่ด้วยโดยไม่ ต้องมีพิธีกรรมที่ยุ่งยากแต่อย่างใด

 

คุณสมบัติของผู้ครอบครองเหล็กไหล

เหล็กไหลจะอยู่กับผู้มีบุญเท่านั้น ผู้มีบุญในที่นี้หมายถึง ผู้ประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ยึดมั่นในศีล 5 พรหมวิหาร 4 ผู้ละแล้วเสียซึ่ง ความโลภ โกรธ หลง เหล็กไหลเมื่อมีความยินดีจะอยู่คุ้มครองให้กับผู้ใดก็จะอยู่ด้วยตลอดไป เว้นแต่ผู้นั้นจะมีจิตใจที่เปลี่ยนไปในทางอกุศล เหล็กไหลก็อาจหายไปทันที
ดังนั้นผู้ครอบครองเหล็กไหล จึงควรมีคุณสมบัติดังนี
1 บุญวาสนาและบารมี ที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฐิ เป็นคนดีมีศีลธรรม
2 มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในธาตุกายสิทธิ์นี้
3 มีความปรารถนาอยากได้อย่างแรงกล้า

 

เจอก็เอามาให้อ่านกันเฉยๆนะครับ แก้เหงาในวันหยุดครับ จริงเท็จประการใด อยู่ที่วิจารณญานของทุกๆท่านครับ

เหล็กไหลของท่านพระอาจารย์ในดงมูลค่า 40 ล้าน (ราคาปี 2510)

หลวงพ่อประสารอดีตนายทหารนอกราชการผู้ผ่านสงครามอินโดจีน
ก่อนที่จะออกบวชและกลายเป็นพระอาจารย์ในดงลึก
ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า
ท่านจะต้องสร้างวัดเป็นของท่านเองให้ได้
เหมือนโยมบิดาสร้างไว้ที่นครสวรรค์
สิ่งที่จะช่วยให้ความฝันท่านกลายเป็นความจริงคือ
เหล็กไหลที่ท่านมีไว้ในครอบครอง
เป็นครั้งแรกที่อาจารย์ผมได้เห็นเหล็กไหลกับตา
และได้สัมผัสกับมือตนเอง
มันมีลักษณะเหมือนก้อนเทียนที่ละลายและหลอมตัวแล้วแข็ง
เป็นก้อนมีสีคล้ายก้อนกรวด
น้ำหนักเกือบเท่าทองคำหนักหนึ่งบาท
มีผู้สนใจติดต่อเสนอราคาขอซื้อท่านมนราคาสี่สิบล้านบาท
ท่านจึงคิดวางแผนที่จะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัด
และจะเปิดเป็นสถานที่ฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
แก่พระภิกษุสงฆ์และประชาชนทั่วไป
ท่านได้ทำการทดสอบความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหล
ให้อาจารย์ผมซึ่งเป็นศิษย์คนเดียวของท่านพิสูจน์
ด้วยการใช้เปลวเทียนลนที่เหล็กไหล
ทำให้เหล็กไหลละลายไหลยืดเยิ้มลงเป็นสายแต่ไม่ขาดและไม่รู้สึกร้อน
แต่เมื่อนำเทียนที่ลนออกเหล็กไหลกลับหดตัวแข็ง
ตามรูปทรงเดิมได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ท่านกำเหล็กไหลไว้ในมือจุ่มมือลงไปแช่ในกระทะน้ำมันเดือด
ที่ร้อนจัดจนเดือดพล่านได้นาน
โดยไม่รู้สึกร้อนและมือไม่มีอาการพอง
กำไว้ในมือแล้วใช้มีดโกนกรีดเชือดเฉือนท่อนแขน
ไถไปมาแบบสีซอโดยปราศจากร่องรอยขีดข่วน
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เวลาทดสอบด้วยการยิงด้วยปืน
ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งอาจารย์ผมไม่มีโอกาสได้ไป
เพราะท่านเดินทางไกลไปทำการทดสอบกันที่
ต่างจังหวัดเกือบสุดเขตชายแดนไทย
ท่านเล่าให้อาจารย์ผมฟังว่า
ท่านได้เหล็กไหลมาจากถ้ำลึกในภูเขาใหญ่มาก
ขณะที่ท่านออกธุดงค์ในป่าลึกชายแดนไทย
ท่านต้องผวาออกจากสมาธิกลางดึก
เมื่อได้ยินเสียงและเกิดความรู้สึกว่าได้ยินเสียง
ภูเขาที่ท่านใช้เป็นสถานที่ฝึกจิต
สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเกิดเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงฟ้าผ่า
ท่านเห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
คล้ายอาการเลื้อยของงูบนพื้นถ้ำ
ท่านใช้ไฟฉายส่องดูแต่ไม่พบเห็นสิ่งที่มีชีวิตเลย
เห็นแต่การเคลื่อนตัวของโลหะสีเงินเป็นสายยาวคล้ายเส้นลวดใหม่
เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเหมือนการเลื้อยของงู
มันแทรกตัวเข้าไปในผนังถ้ำทั้งที่ไม่มีช่องทางเข้า
แต่มันกลับผ่านไปได้อย่างสบาย
ท่านตัดสินใจรีบตระคลุบไว้แต่มันกลับลื่นไหลหลุดมือท่านไป
ท่านหันไปคว้ามีดหมอกลั้นใจฟันส่วนปลาย
ที่กำลังจะมุดหายเข้าไปในผนังถ้ำ
เปล่งพระคาถาว่า นะโมตัด(คำว่าตัดมาจากตัสสะนั่นเอง)
สับมีดหมอลงไปพร้อมกับคำว่าตัด
เหล็กไหลขาดออกจากกันมีความยาวประมาณเกือบหนึ่งศอก
แล้วกลับหดตัวเหลือก้อนเหล็กหนักประมาณ
เท่าทองคำหนักหนึ่งบาทเท่านั้น
ท่านได้ทำพิธีขอเหล็กไหลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ในถ้ำนั้น
แล้วทำการทดสอบตามกรรมวิธีทางไสยศาสตร์จนแน่ใจแล้ว
จึงเก็บรักษาไว้ในขวดเล็กๆหล่อเลี้ยงไว้ด้วยน้ำมนต์
ใส่ย่ามติดตัวไว้ตลอดเวลา
(ยามนอนท่านจะใช้ย่ามหนุนศีรษะแทนหมอน)
ท่านเดินทางไปพักกับอาจารย์ผมเป็นการชั่วคราว
เพื่อติดต่อซื้อขายเหล็กไหลที่ท่านได้มา
แต่อาจารย์ผมไม่สนใจเรื่องการซื้อขายเหล็กไหลของท่านเลย
ท่านพ่อพระบรมคุรุแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์เตือนท่านผ่านอาจารย์ผมว่า
ให้ยุติเรื่องการซื้อขายเหล็กไหลนั้นเสียมิฉะนั้นท่านจะต้องเสียใจ
อาจารย์ผมนอนข้างท่านเห็นอาการผิดปกติเกิดขึ้น
กับท่านหลายครั้งหลายหน
ท่านละเมอแต่คำว่าสี่สิบล้านทั้งคืนจนอาจารย์ผมนอนไม่หลับ
บางครั้งท่านดิ้นรนทุรนทุรายเกิดอาการเสมือนคนถูกผีอำ
บางคืนละเมอร้องเอะอะโวยวายร้องลั่นว่า ไม่ให้ ไม่คืน
การซื้อขายในครั้งนั้นไม่สำเร็จเพราะตกลงต่อรองกันไม่ได้
ท่านเกิดความรู้สึกว่ามีคนคอยคิดร้ายจะปล้น
ฆ่าท่านเพื่อแย่งชิงเหล็กไหล
เพื่อมิให้อาจารย์ผมและครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปกับท่านด้วย
ท่านจึงสั่งเสียคนว่าท่านจะหนีออกป่าไปธุดงค์
ในภูเขาและถ้ำที่ท่านพบเหล็กไหลนั้นอีก
โดยไม่มีกำหนดเมื่อใดที่ท่านกลับออกจากป่า
จากถ้ำท่านจะรีบมาหาอาจารย์ผมเป็นคนแรก
จากนั้นอาจารย์ผมก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากท่านเลย
ประมาณสามสี่ปีต่อมา
อาจารย์ผมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลสงฆ์ที่กรุงเทพ
แจ้งว่าท่านกำลังไปนอนพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งร้ายที่ลำคอ
ให้อาจารย์ผมรีบไปคอยดูแลรับใช้ท่านโดยด่วนด้วย
เมื่อพบหน้ากันท่านเล่าให้อาจารย์ผมฟังว่า
เหล็กไหลได้มาอย่างไรก็หายไปอย่างนั้น
อาจารย์ผมเองก็ไม่สนใจถามต่อ
ที่เป็นดังนี้เพราะท่านไม่เชื่อฟังคำเตือนของท่านพ่อชีวก
ท่านเองก็รู้ตัวดีว่าท่านคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ได้ประมาณ
ห้าหกเดือนก็มรณภาพไปอย่างสงบ
สิ้นสุดกันทีเรื่องเหล็กไหลอาจารย์ผมไม่เคยคิดติดใจอะไรอีก
เพราะมิได้ให้ความสนใจตั้งแต่แรกแล้ว

 

แร่เกาะล้านธาตุกายสิทธิ์

แร่เกาะล้าน หรือขี้เหล็กไหล ตามความเชื่อของบรรดาเซียนพระ อยู่ตรงที่แร่สามารถงอกได้หรือขยายตัวให้โตขึ้นได้ หากเป็นแร่ที่อยู่ตามธรรมชาติแล้ว

มีการงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไป ก็ดูไม่น่าแปลก แต่ถ้านำแร่เกาะล้านมาเลี่ยมใส่กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้ว ปรากฎว่ายังสามารถขยาย

ขนาดหรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัสจรรย์แต่ก็เป็นเรื่องจริง การที่องค์แร่เกาะล้านจะงอกจะขยายมากเท่าไรขึ้นอยู่กับ

คนใช้ว่าหมั่นบูชาสวด มนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่โคตรแร่เกาะล้านก็จะงอกขึ้น รื่องอิทธิปาฏิหารย์ที่เขาจำได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

เกิดขึ้นในสมัย หลวงจบกระบวนยุทธ (พ่อตาของจอมพลถนอม) ในสมัยนั้น ทางรัฐบาลไทยได้ทำสัญญาจะขุดแร่เกาะล้านส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น

ผลปรากฏว่าเมื่อเรือบรรทุกแร่เดินทางถึงท่าเทียบเรือของญี่ปุ่น แร่ที่ขนมานั้นได้กลายเป็นหินไปทั้งหมด สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก

จนในที่สุดญี่ปุ่นจึงยกเลิกสัญญาการขนส่งแร่เกาะล้านไป


ท่าน ที่ต้องการหาวัตถุมงคล เพื่อใช้คุ้มครอง ขอโชคลาภ ทำมาค้าขายกันคุณไสย อยู่ละก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งปัจจุบันนนี้ก็เริ่มที่จะหายากแล้ว

เพราะทางเกาะไม่อนุญาติให้นำออกมา จะมีก็แต่รุ่นก่อน ๆ เท่านั้น พกติดตัวไว้ดีนัก พุทธคุณท่านดีจริง ๆ ถ้าเลี้ยงดีแร่จะงอกขึ้นตามวาสนาของผู้ที่ครอบครอบ

แร่นี้สามารถใส่สร้อยคอร่วมกับพระวัตถุมงคลอื่น ๆ ได้ เด็กห้อยได้คุ้มครองดี ผู้ใหญ่ห้อยไว้ขอโชคลาภ ค้าขาย ป้องกันภัย คุณไสยดีนักแล

 

เอาไปเลี่ยมเปิดหน้าไว้คือแบบนี้ใช่มั้ยครับ อ.ก๋ง ครับ

 

ลงพระสลับกันนิดนึง พอดี ไปบ้านลุงคนนึง แกต้องการขายพระเพื่อ เลี้ยงหลาน ที่พ่อแม่ ทิ้งไป เห็นแล้ว ก็อด ซื้อไม่ได้ เอามาไม่แพงครับ ขายไม่แพงครับ แบ่งให้กันครับ .......ขอถ่ายรุปแปปครับ ...........ของดีราคาเบาๆ แบ่งๆ กันไปครับ พักหายใจหายคอกันนิดครับ ของดี ราคาเบาครับ .........อย่าช้านะครับ .............

 

ชุด พระ 55

สายพระป่าไม่ควรพลาดครับ หลวงปู่เหรียญ ๆนี้ หลักพันไปนานแล้วครับ ได้มาถูกแบ่ง กันไปใช้คืนกำไรให้ลุกค้าครับ 500 ..........ท่านเป็นหนึ่งใน พระป่าที่ เก่งระดับแนวหน้าครับ ขนาดปู่ฝั้น ยังให้ความเคารพใน อภิญญาญาณครับ

 

จองค่ะ
:z15:z8:z8

 

สายอริยเมตไตร 300.......................

 

ว้าว เลี่ยมได้สวยทุกองค์เลยค่ะ อิจฉา อิอิ:VO:VO:VO