10 สุดยอดพระคณาจารย์ ผู้มีพลังจิตสูง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. su37berkut

    su37berkut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,121
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส(สังฆราชเข) วัดบวรนิเวศ

    ..ดวงตา ของท่านออกเข จึงหรือกันสั้นๆ แบบนั้น เพื่อแยกเจ้า ที่เป็นพระได้ง่าย หรือเรียกได้ง่ายขึ้น..
    ...ท่านมีชื่อเสียงอันโด่งดัง ในการวางรากฐานอันมั่นคงแก่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งครับ...

    พระองค์ได้เลื่อนพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส เมื่อปี พ.ศ. 2449 และเมื่อปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเลื่อนพระอิสริยยศจากกรมหลวงขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่แห่งพระสงฆ์ ทั้งกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองทั่วพระราชอาณาเขต

    หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า การเรียกพระนามพระบรมราชวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" หรือที่เรียกอย่างย่อว่า "สมเด็จพระสังฆราช" พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า" เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย โดยพระองค์ได้เปลี่ยนคำนำพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อเฉลิมพระเกียรติเป็นพระองค์แรก

    ในปีต่อมาคือ ปี พ.ศ. 2454 พระองค์ได้ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเสนาบดีกระทรวงธรรมการ มีความว่า ควรถวายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์แก่พระองค์ ในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชให้เด็ดขาด เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เรียบร้อย หลังจากนั้นอีก 6 เดือน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมอบการทั้งปวงซึ่งเป็นกิจธุระพระศาสนา ถวายแด่พระองค์ผู้เป็นมหาสังฆปรินายก เมื่อปี พ.ศ. 2455


    งานด้านการปกครอง (สังฆราชเข)
    พ.ศ. ๒๔๒๔ พระชนมายุ ๒๒ พรรษา ทรงเป็นคณะสงฆ์ เจ้าคณะรองคณะธรรมยุติกนิกาย
    พ.ศ. ๒๔๓๖ พระชนมายุ ๓๔ พรรษา ทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติกนิกาย และเจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
    พ.ศ. ๒๔๔๒ พระชนมายุ ๔๐ พรรษา ทรงรับศาสนภาระในฐานะ สมเด็จพระสังฆราช สืบต่อจาก สมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทว สา) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในศกนั้น (ในรัชกาลที่ ๕ มิได้ทรงสถาปนาสมเด็จ พระสังฆราชขึ้นอีกตลอดรัชกาล) ได้ทรงปฏิบัติศาสนกิจเพื่อประโยชน์แก่สังฆมณฑลทั้งสิ้น
    พ.ศ. ๒๔๔๕ พระชนมายุ ๔๓ พรรษา ทรงจัดการปกครองคณะสงฆ์ให้เข้าระเบียบ ตามพระราชบัญญัติ ลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๔) ซึ่งเป็นงานสืบเนื่องมาจากทรงจัดการศึกษาในหัวเมือง โดยจัดให้มีมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะ บังคับบัญชากันตามลำดับชั้น เนื่องในการปกครองคณะสงฆ์ตาม พระราชบัญญัติฯ ร.ศ.๑๒๑ นี้ พระองค์ทรงบำเพ็ญพระกรณียะ คือ-
    ประทับเป็นองค์ประธานในที่ประชุมเถรสมาคมทั้งสองนิกาย
    ทรงปรึกษาและแนะนำในวิธีการปกครองคณะสงฆ์
    ทรงวางแผนในการบริหารคณะสงฆ์
    ทรงออกพระมหาสมณาณัติ บังคับบัญชา ทรงเลือกและแต่งตั้งพระเถระผู้ดำรงตำแหน่งทางการคณะสงฆ์
    ประทานพระมหาสมณวินิจฉัยในอธิกรณ์ ปัญหาทางพระวินัย ทางการปกครองคณะสงฆ์ และการพระ ศาสนาทั่วไป
    พ.ศ. ๒๔๕๓ พระชนมายุ ๕๑ พรรษา ทรงรับมหาสมณุตมาภิเษก เป็นองค์สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปกครองคณะสงฆ์ทั่วพระราชอาณาจักร โดยเรียกคำนำหน้าว่า "สมเด็จพระมหาสมณะ" แทน "สมเด็จ พระสังฆราช"
    พ.ศ. ๒๔๕๕ พระชนมายุ ๕๓ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ มณฑลปักษ์ใต้ ๗ จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์,ชุมพร,สุราษฎร์ธานี,นครศรีธรรมราช,สงขลา,พัทลุง,และตรัง
    พ.ศ. ๒๔๕๖ พระชนมายุ ๕๔ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลฝ่ายเหนือ ๙ จังหวัด คือ นครสวรรค์,กำแพงเพชร,ตาก,อุทัยธานี,ชัยนาท,สิงห์บุรี,อ่างทอง,อยุธยา,และปทุมธานี
    พ.ศ.๒๔๕๖ ทรงจัดการให้ออกหนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์สำหรับแถลงข่าวและประกาศต่างๆของ ทางการคณะสงฆ์ ลักษณะคล้ายกับหนังสือราชกิจจานุเบกษาของทางราชการ และยังคงเป็นหนังสือ สำคัญของคณะสงฆ์มาจนปัจจุบันนี้
    พ.ศ.๒๔๕๗ พระชนมายุ ๕๕ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลฝ่ายเหนืออีก ๖ จังหวัด คือ พิษณุโลก,อุตรดิตถ์,แพร่,สุโขทัย,พิจิตร,นครสวรรค์
    พ.ศ. ๒๔๕๗ เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลกรุงเก่า ๖ จังหวัด คือ ลพบุรี,สระบุรี,อยุธยา,อ่างทอง, ปทุมธานี,และนนทบุรี
    พ.ศ. ๒๔๕๘ พระชนมายุ ๕๖ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลราชบุรี ๕ จังหวัดคือ สมุทรสงคราม,ราชบุรี,กาญจนบุรี,เพชรบุรี,และประจวบคีรีขันธ์
    พ.ศ. ๒๔๕๙ พระชนมายุ ๕๗ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลปราจีนบุรี ๖ จังหวัด คือ ปทุมธานี,นครนายก,ปราจีนบุรี,ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี และสมุทรปราการ
    พ.ศ. ๒๔๕๙ เสด็จตรวจการคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี โดยผ่านจังหวัดต่างๆ คือ นครปฐม,สุพรรณบุรี ชัยนาท,สิงห์บุรี,และลพบุรี
    พ.ศ. ๒๔๖๐ พระชนมายุ ๕๘ พรรษา เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลพิษณุโลก ๔ จังหวัด คือ พิจิตร, สุโขทัย,อุตรดิตถ์และพิษณุโลก

    อนุโมทนา...สาธุ แก่ทุกๆ ท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. jorpa

    jorpa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอเชื้อเฃิญทุกท่านที่มีพลังจิตสูงช่วยกันส่งจิตไปพิทักษ์รักษาวัดถ้ำนารายณ์ จ.สระบุรี
    เนื่องจากมีพวกโรงปูนคิดจะยึดครองสถานที่แห่งนี้..ขอได้โปรดสงเคราะห์ด้วย สาธุๆ
    จ่าทศพร แจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน
     
  3. dangsticker

    dangsticker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +1,590
    น้อมนำครูบาอาจาร์ยเหนือเศียรเกล้า ลูกไม่มีข้อสงสัยต่อครูอาจาร์ยทุกองค์
    อย่าว่าหรือปรามาศเลย ถ้าอยากรู้ก็ฝึกเองเลยคับ เอาให้เห็นจริง อย่าบอกว่าไม่จริงเพราะยังไม่เคยเห็น เลยคิดว่าไม่มีจริง ...........................................ใกล้ตัวสุดก็มโนมยิทธิ แล้วขึ้นไปถามครูบาอาจาร์ยเลยครับ
     
  4. เตมินทร์

    เตมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +302
    ไม่เชื่อ ก็อย่าไปปรามาสท่านครับ นรกจะกินกะบาลท่านเองนะ พุทธคุณเหล่านี้ละที่ช่วยชีวิตให้คนรอดตายมานักต่อนักแล้ว แล้วอีกอย่างการที่ท่านจะแสดงอภินิหารนั้นก็เพื่อทำให้คนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ในศีล อย่าคิดแบบพระพะยอม เลยครับ ใจแคบ เปิดใจให้กว้างๆหน่อยครับ พี่น้อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...