๙๙๙"เหรียญเก่า เหรียญขลัง เหรียญดัง เมืองกรุงเก่า โดย เด็ก ฅนอโยธยา"๙๙๙

มาดูกระทู้พี่ทีไร กอปมือหงิกทุกทีเลย

 

ชอบกระทู้นี้มาก พี่เจ้าของกระทู้เก่งเหรียญมากๆ เหรียญสวยด้วยอะ

 

ดีจัง ได้ดูเต็มๆตาเลยครับ ขอขอบคุณมากครับ

 

สวยทุกเหรียญครับ ปิดตาไม้แกะของหลวงพ่ออุดม ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นที่ตู้บุชาวัตถุมงคลเมื่อปี51หรือ 52 ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ขอบคุณมากครับที่เอามาให้ชมกัน คิดแล้วอยากดูและศึกษาเหรียญจริงๆจังเลยครับ

 

ผมเป็นคนจังหวัดใกล้ อยุธยา เลยมีความสนใจเกจิหลายท่าน
ที่บ้านผมนับถือ
หลวงพ่อกัณหา วัดตาลเอน
หลวงพ่อฟอง กัณตสีโล วัดตาลเอน
พี่เจ้าของกระทู้พอจะมีปวัติและพระเครื่องของท่านให้ชมบ้างรึเปล่าคับ

 

"ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ"

"ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ"
เหรียญหลวงพ่อกัณหา ไม่มีที่ทันท่านครับ
ส่วนเหรียญหลวงพ่อฟอง มีทันท่าน ๑ รุ่นครับ ถ้ามีโอกาส จะถ่ายภาพนำมาให้ชมกันครับ วันนี้ ดูรูปถ่าย หลังจารดินสอ ของหลวงพ่อฟองไปก่อนนะครับผม

 

คอบคุณพี่ dekyodia
ที่นำภาพมาให้ชมคับ ผมชอบเกจิพระอยุธยา หล่ายท่าน(กรุพระอยุธยาก็มีเยอะ) ส่วนใหญ่พระเครื่องผมจะมีแต่พระท้องถิ่น พี่ dekyodia ตั้งพระอยุธยา ถูกใจผมมากเลยคับ(แต่เห็นวันที่ตั้งนี้นานแล้ว.. ผมพึ่งศึกษาคับ) ถ้ายังไงผมก็ขอฝากตัวด้วยนะคับ

 

ขอขอบคุณมากๆนะครับ
ที่ติดตามชมผลงาน
และยินดีให้คำปรึกษาครับผม
เด็ก ฅนอโยธยา

 

จุดเริ่มต้น แห่งตำนานการสร้างเหรียญพรหม ก็คือ วัดประดู่ทรงธรรม เมืองกรุงเก่า ตักสิลาด้านเวทย์มนต์ คาถา วิชาอาคม มาแต่โบร่ำโบราณ และก็เป็นท่าน อาจารย์เฮง ไพรยวัล และหลวงปู่สี วัดสะแก เป็นผู้สืบสานตำนานการสร้างเหรียญพรหม จนมีประสบการณ์โด่งดัง ไปทั่วเมืองไทย ในปัจจุบันนี้ ยังมีเกจิอาจารย์อีกหนึ่งท่าน คือหลวงพ่อวัดพิชัยสงคราม ที่ยังคงสืบสานสรรพวิชาต่างๆ รวมทั้งการ"สร้าง และเสก เหรียญพรหม"จากสำนักวัดประดู่ทรงธรรม อย่างเชี่ยวชาญอย่างชนิด"รู้แจ้ง เห็นจริง"จนเป็นที่ยอมรับของคนเมืองกรุงเก่าในปัจจุบัน
ที่เห็นเป็นเหรียญ"รัศมีพรหม รุ่นแรก"
เนื้อเงิน ที่สร้างใว้เพียง ๙๙ เหรียญ
เนื้อสำริด สร้างจำนวน ๓๘๒ เหรียญ
เนื้อตะกั่ว สร้างจำนวน ๖๗๔ เหรียญ

 

หลวงพ่อวัดพิชัยสงคราม เมืองกรุงเก่า สายวัดประดู่ทรงธรรม"ตัวจริง"ของอยุธยา

 

วันนี้ผมเอาพระมาให้ดูหน่อยคับ เหรียญหลวงพ่อกัณหา วัดตาลเอน
เหรียญนี้สร้าง พ.ศ. ไหนไม่ทราบคับยั้งไงฝากรบกวนคุณ dekyodia ทีนะคับ
มี 2 แบบคับ

 

ขอบคุณพี่เด็กมากๆคับ ที่ให้คำแนะนำน้อง ที่ดีเยี่ยม

พี่เด็กอัธยาศัยดีมากๆคับ

 

สวัสดีครับพี่
เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อกัณหา
น่าจะเป็นเหรียญกลม ข้างดอกบัว
ปี ๒๕๐...กว่าๆ
ส่วนเหรียญ ๒ หน้า หลวงพ่อเกตุ หลวงพ่อกัณหา
น่าจะเป็นรุ่นที่ ๒ ครับ
ปีที่สร้างน่าจะราวๆ ๒๕๑....กว่าๆน่ะครับผม

 

ขอบคุณมากคับ (ผมได้อ่าน PM มาแล้วคับบ้านผมนับถือท่านมากคงยังไม่ได้ ให้คำตอบละกันคับ) วันนี้เป็นแหวนคับ ผ้ายันต์ผมมี 2 แบบ แต่มันยับมาก(+กับเก็บไม่ดีอีกเสียดาย)
ผมหายไป2-3 วันนะคับเดี่ยว อาทิตย์หน้าจะขอคำแนะนำพระชุด วัดพนัญเชิง ด้วยนะคับ
(ผมมีเหรียญหลวงพ่อแกล วัดพนัญเชิง ปี 2509 คนอยุธยานิยมกันรึเปล่าคับ)

 

ไม่เป็นไรครับ เด็ก ฅนอโยธยา รอได้

ไม่เป็นไรครับ เด็ก ฅนอโยธยา รอได้
นานแค่ไหน ก็จะรอ 555
..............หลวงพ่อแกล ท่านออกเหรียญครั้งแรก ตั้งแต่สมัยที่ท่านครองวัดตองปุแล้วครับ เป็นเหรียญรูปดาว มีแต่ยันต์ นะโมพุทธายะ ในปี ๒๔๘๔ ว่ากันว่า ท่านนิมนต์หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกมาเสกให้ ส่วนเหรียญรุ่นที่ ๒ เป็นเหรียญรูปท่าน ออกในปี ๒๔๙๙ ที่วัดตองปุเช่นกัน ยังจัดเป็นของดีราคาเบาอยู่ครับ

 

ผมถึงว่าหลังเหรียญเป็น หลังเป็นยันต์สิงห์
แต่ออกที่วัดพนัญเชิง(แต่เหรียญนี้ทำในปี 2509 ) รูปเดี่ยวผมค่อยมาให้ลงทีหลัง
เหรียญหลวงพ่อจงผมมีเหรียญเดียวเอง
เดี่ยวผมกลับมาวันจันทร์ นะคับ

 

กระทู้เยี่ยมครับ ทั้งพระและเจ้าของกระทู้ครับ

 

เด็ก ฅนอโยธยา
ขอขอบคุณทุกๆท่าน
ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ
เกจิเก่ง แห่งเมืองนักรบ และประวัติโดยย่อ
.......................................หลวงพ่อวัดพิชัยสงคราม ท่านเป็นสุดยอดเกจิในยุคปัจจุบันอีกท่าน ที่คนเมืองกรุงเก่า ให้การยอมรับ และศรัทธาท่านมาก ท่านเป็นอีกหนึ่งท่าน ที่ศึกษาร่ำเรียนมาจากสาย"วัดประดู่ทรงธรรม"มาอย่างครบถ้วนกระบวนความ ชนิดยากที่จะหาใครเทียบ วัตถุมงคลของท่าน สร้างน้อย โดยเฉพาะของในยุคแรกๆด้วยแล้ว นอกจากจะหายากแล้ว ตอนนี้ ราคาก็เริ่มขยับไปเรื่อยๆแล้วครับ เรื่อประสบการณ์ในวัตถุมงคลของท่าน มีประสบการณ์มาจนนับไม่ถ้วน ทั้งเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด โดนกันมาแบบ"จะจะ จังๆ"กันทั้งนั้น ขนาดเซียนใหญ่ของอยุธยา ยังตามเก็บพระของท่านเลยครับ ลองมาดูประวัติโดยย่อของท่านกันครับ...........................................วัดพิชัยสงคราม ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา วัดนี้เป็นวัดราษฎร์โบราณ ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่จะสร้างเมื่อใด ใครเป็นผู้ร้างไม่ปรากฏหลักฐานเอกสาร กล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวถึงวัดนี้ สรุปความได้ว่า ณ วันเสาร์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก (จุลศักราช ๑๑๒๘ ตรงกับพุทธศักราช ๒๓๐๙) ขณะกองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ พระยาวชิรปราการ (สิน) เจ้าเมืองตาก ประเมินสถานการณ์สงครามว่า กรุงศรีอยุธยาจะต้องเสียให้แก่กองทัพพม่าอย่างแน่นอน เพราะข้าราชการ แม่ทัพยายกองขาดความเป็นธรรม ขาดความสามัคคีที่จะร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านกองทัพพม่า จึงพร้อมด้วยพรรคพวกทหารหาญร่วมอุดมการณ์ ประมาณ ๑,๐๐๐ คน ฝ่ากองทัพพม่าทางทิศตะวันออก ข้ามลำน้ำป่าสัก รวมพล ณ “วัดพิชัย” เวลาค่ำ ร่วมให้สัตยาธิฐฐานต่อพระประธานในพระอุโบสถ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย กลับมากู้กรุงศรีอยุธยามีชัยชนะต่อข้าศึก เป็นอัศจรรย์ฝนโปรยลงมาเป็นมหาพิชัยฤกษ์ก่อนออกเดินทางไปมีชัยชนะต่อกองทัพพม่าที่ติดตามโจมตี ทิ้งกรุงศรีอยุธยาซึ่งถูกเพลิงเผาผลาญไว้เบื้องหลัง ผ่านเมืองนครนายก เมืองระยอง ตั้งมั่นรวบรวมไพร่พล ณ เมืองจันทบุรี จนกลับมากอบกู้อิสรภาพมีชัยชนะต่อข้าศึกโดยเด็ดขาด ปราบดาขึ้นครองราชย์สมบัติเป็น “พระเจ้ากรุงธนบุรี” ได้รับการถวายพระเกียรติเป็น “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”........................................................................................ วัดพิชัยคงเป็นวัดร้างมาแต่ พ.ศ.๒๓๐๙ ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา จนสมัยรัตนโกสินทร์ ประมาณสมัยรัชกาลที่ ๔ หรือ รัชการที่ ๕ ชาวบ้านมีจิตศรัทธาร่วมใจกันบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ขนานนามมงคลอันเป็นเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์ เป็นอนุสรณ์ว่า “วัดพิชัยสงคราม” มีพระสงฆ์จำพรรษาสืบมาจนทุกวันนี้......................................................................... พระครูวิชัยกิจจารักษ์ (หลวงพ่ออุดม อุตตมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดพิชัยสงคราม ตำบลกะมัง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาติภูมิ พระครูวิชัยกิจจารักษ์ อายุ 75 ปี พรรษาที่ 53 เดิมชื่อ เด็กชายอุดม ลัดดา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2479 ปีชวด ที่แพ ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคนโตของคุณพ่อบัว ลัดดา คุณแม่ชั้น ลัดดา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 5 คน ตามลำดับดังนี้ คนแรก หลวงพ่ออุดม อุตตมปญฺโญ (พระครูวิชัยกิจจารักษ์) คนที่ 2 นางปราณี พงษ์สุวรรณ์ คนที่ 3 ว่าที่ร้อยตรีสุนทร ลัดดา คนที่ 4 นายวิชัย ลัดดา...................................................................... เริ่มการศึกษา เมื่ออายุเข้าสู่วัยเรียน ได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดพระญาติการาม จากนั้นติดตามคุณพ่อ คุณแม่ไปอยู่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่วัดอุโลม มีพระอาจารย์เยื้อนเป็นครูใหญ่จาดนั้นติดตามคุณพ่อ คุณแม่มาอยู่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับมาเรียนที่โรงเรียนวัดพระญาติการามอีก มีครูเทียมประเสริฐ เป็นครูใหญ่ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เข้าเรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่ 1 มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ โรงเรียนสุนทรวิทยามีครูสุทัศน์ (เสมอใจ) สัมภวผล เป็นครูใหญ่ เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไปสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนช่างไม้ท่าวาสุกรี (วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบัน) เรียนอยู่ได้ประมาณ 5 เดือน เกิดเจ็บป่วยรักษาอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น จึงขอลาพักการเรียน 7 วัน แล้วจะกลับไปเรียนใหม่........................................................................................... เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ หลังจากลารักษาสุขภาพ อายุครบ 15 ปี คุณแม่ไปบนหลวงพ่อโต (พระพุทธไตรรัตนนายก) วัดพนัญเชิง ว่าถ้าหากหายป่วยจากอาการที่ไม่ทราบสาเหตุจะบวชเณรถวาย 7 วันหลังจากนั้นก็หายป่วยเด็ดขาด คุณแม่จึงนำเด็กชายอุดม ลัดดา เข้าบรรพชาเป็นสามเณรกับท่านพระครูศีลกิตตุคุณ (หลวงพี่อั้น) วัดพระญาติการาม เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2494 เมื่อบรรพชาแล้วโยมแม่จึงนำสามเณรอุดมมาฝากให้อยู่กับพระอาจารย์ต่วน วัดกล้วย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อบรรพชาครบ 7 วัน สามเณรอุดม มีความมุ่งมั่น มีจิตศรัทธาในพระบวรพระพุทธศาสนา ไม่คิดกลับไปเรียนทางด้านวิชาสามัญ โยมแม่จึงตัดสินใจให้ลาออกจากโรงเรียนช่างไม้ท่าวาสุกรี สามเณรอุดม จึงหันมาเอาดีทางด้านธรรมะ โดยศึกษาหาความรู้ ศึกษาเล่าเรียน ตั้งใจบำเพ็ญบุญกุศล ไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ภาวนา อยู่เป็นนิจ........................................................................... การศึกษาทางธรรม พ.ศ. 2494 (อายุ 15 ปี) เรียนกัมมัฏฐาน กับท่านอาจารย์จาบ สุวรรณ สำนักเรียนกัมมัฏฐาน วัดประดู่ทรงธรรม (ซึ่งมีศักดิ์หรือฐานะเป็นตาแท้ ๆ ของสามเณรอุดม ลัดดา) พ.ศ. 2495 (อายุ 16 ปี) เรียนนักธรรมชั้นตรี ที่สำนักเรียน วัดสุวรรณดาราราม สอบได้นัดธรรมชั้นตรี ในสนามหลวง พ.ศ. 2496 (อายุ 17 ปี) เรียนนักธรรมชั้นโท ที่สำนักเรียน วัดสุวรรณดาราราม สอบได้นักธรรมชั้นโท ในสนามหลวง พ.ศ.2499 (อายุ 20 ปี) เรียนนักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียน วัดสุวรรดาราม สอบได้นักธรรมชั้นเอก ในสนามหลวง................................................................ เมื่ออายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ สามเณร อุดม ลัดดา มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและสืบทอดพระพุทธศาสนา ได้บอกกับโยมพ่อ โยมแม่ ขออุปสมบทตามความตั้งใจ สามเณรอุดม ลัดดา ได้เข้าอุปสมบทเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2499 เวลา 16.05 น. โดยมี · หลวงพ่อพระครูศีลกิตติคุณ (หลวงพ่ออั้น) วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ · พระอธิการทองดำ ปิยกโร วัดพิชัยสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ · พระอาจารย์เฉลิม เขมทสฺส วัดพระญาติการาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “อุตตมปญฺโญ” แปลว่า ผู้อุดมไปด้วยสติปัญญา จำพรรษา ณ วัดกล้วย ตำบลกะมัง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้นถึงปลายปี พ.ศ.2502 คณะกรรมการวัดพิชัยสงคราม ได้กราบอาราธนานิมนต์มาจำพรรษา ณ วัดพิชัยสงคราม ต่อมา วันที่ 15 กรกฏาคม พ.ศ.2509 พระอธิการทองดำ ปิยกโร ได้ลาสิกขาบท คณะกรรมการวัดพิชัยสงคราม จึงมีมติให้พระอุดม อตตมปญฺโญ รักษาการแทนเจ้าอาวาส รับหน้าที่ปกครองสงฆ์ วัดพิชัยสงคราม จนกระทั่ง วันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2511 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดพิชัยสงคราม เป็นองค์ที่ 7 ของวัดสืบมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่ออุดม อุตตมปญฺโญ ได้รับสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2527 เป็นพระครูสัญบัตรชั้นโท ได้รับพระราชทินนามว่า “พระครูวิชัยกิจจารักษ์”............................................................................ การศึกษาทางพุทธาคม นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณร นอกจากการเรียนกัมมัฎฐาน กับท่านอาจารย์จาบ สุวรรณแล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาอาคมควบคู่กันไปด้วย โดยท่านได้ฯึกษาด้วยตนเองจากตำรา คัมภีร์โบราณของวัดกล้วย ซึ่งเป็นสรรพวิชาในสายวัดประดู่ทรงธรรม หลวงพ่อได้มุ่งุมั่นฝึกฝน ท่องจำภาวนาปฏิบัติ ทุกบท ทุกวรรค ทุกตอน จนแม่นยำ และเชี่ยวชาญ จนจบสิ้นกระบวนความตำรา ซึ่งครบด้วย เวทมนต์คาถาลงอักขระ เลขยันต์ หลังจากเรียนจบ หลวงพ่อได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายอย่าง แต่ที่นับได้ว่าเป็นพระเครื่องรุ่นแรกของท่าน ก็คือ พระพิมพ์ขุนแผนเนื้อผง ปี พ.ศ.2509 ต่อมาก็ได้มีการสร้างพระเครื่องขึ้นมาอีกหลายอย่าง เช่นพระพิมพ์สมเด็จ พระปิดตา ตะกรุดโทน ตะกรุดสี่มหา ตะกรุดมหาระงับ และวัตถุมงคลอื่น ๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน......................................................................... นอกเหนือจากความศักดิ์สิทธิแห่งองค์พระเครื่อง เครื่องรางของขลังแล้ว หลวงพ่อได้ใช้วิชาอาคมต่าง ๆ ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่เดินทางมาหา ท่านได้ช่วยเหลือและแนะนำให้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามดวงชะตาของแต่ละคนให้บรรเทาเบาบางหมดไป แม้ว่าหลวงพ่อไม่ใช่พระที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ด้วยความเมตตา คอยช่วยเหลือชาวบ้านทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน จึงมีผู้คนพากันเดินทางมากราบเป็นประจำ ด้วยความเคารพและศรัทธาอย่างสูงสุด............................................................................ งานการพัฒนาและก่อสร้างศาสนสถาน เมื่อมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพิชัยสงคราม หลวงพ่อได้พัฒนาศาสนสถานต่าง ๆ จนเจริญรุ่งเรือง ผิดไปจากสภาพเดิมอย่างมาก งานด้านการก่อสร้างหลวงพ่อได้บูรณะปฎิสังขรณ์อุโบสถที่ชำรุดเสียหายขึ้นใหม่ และได้ก่อสร้างถนนเข้าวัด เมรุเผาศพ เทพื้นรอบอุโบสถ สร้างศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิ ศาลาเอนกประสงค์ หอฉัน โรงเรียนพระปริยัติธรรม รั้วกำแพง พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ตำหนักพระเจ้าตากสิน ศาลวีรชน เขื่อนกั้นน้ำ และถาวรวัตถุอีกมากมาย นอกจากงานด้านก่อสร้างแล้ว หลวงพ่อยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม และคุมสอบธรรมศึกษาตั้งทุนสนับสนุนพระภิกษุสามเณรในการศึกษาธรรม และ เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ให้ความรู้ธรรมะแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป............................................................................ ปัจจุบันถึงแม้หลวงพ่อจะมีอายุ 75 ปีแล้ว หลวงพ่อยังคงพัฒนาวัดอย่างต่อเนื่อง และคอยต้อนรับพุทธศาสนิกชน ที่เข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเมตตา อย่างทั่วถึงกัน.....................................................

 

แอบเข้ามาเยี่ยมชมครับ กระผมเด็กน้อยด้อยความรู้ ขอเอากระทู้นี้เป็นครูด้วยคนครับ

 

กลับมารายงานตัวคับ
ผมจำด้านหลังเหรียญผิด (โทษทีด้วยนะคับ) เหรียญไหนดีไม่ดีบอกกันได้นะคับผมเพียงได้แต่ศึกษาหาความรู้ หาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วแต่เจ้าของกระทู้และเพื่อนชาวพลังจิตจะเมตตานะคับ กลับบ้านหลายวันเลยนำพระมาหลายองค์ (ยังไงก็ขอรบกวน พี่ เจ้าของกระทู้ด้วยนะคับ ถามบางทีอาจบ้านๆ หรือขัดข้องใจก็โทษทีด้วยนะคับ)