ไม่พิสูจน์จักษุธาตุ จริง-ปลอม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

จริงไม่จริง ถ้าตัวเองไม่สามารถพิสูจน์ได้ คิดว่าอย่าเอาตัวไปยุ่งจะดีกว่า

ถ้าจริง แล้วเราไปหาว่าไม่จริง ก็กลายเป็นปรามาส เป็นกรรมที่ติดตัวเรา

ถ้าไม่จริง แล้วเราไปรับรองว่าจริง กลายเป็นสมรู้ร่วมคิดทำสิ่งไม่จริงให้เป็นจริง กรรมก็มาอยู่ที่ตัวเราอีก

จริงหรือไม่จริง ให้เป็นบุญหรือกรรมของเจ้าของวัตถุดีกว่ามั้ย อย่าไปรับมาเป็นกรรมของตัวเราเลย

 

อ้าว ก็ในพระไตรปิฏก (ฉบับของไทยมีหรือเปล่าเพราะพี่ไทยแกชอบดัดแปลง ตามใจฉันซะด้วย)ระบุไว้ไม่ใช่หรือว่า.....หลังจากประชุมเพลิงสรีระของพระพุทธเจ้าแล้ว กระดูกที่ยังเป็นชิ้นๆอวัยวะอยู่เป็นอัศจรรย์มี 7 ชิ้นเท่านั้นคือ
กระดูกกระโหลกหน้าผาก 1 ชิ้น
กระดูกไหปลาร้า ซ้าย ขวา 2 ชิ้น
ฟันบนและล่าง อย่างละ 2 รวม 4 ชิ้น (เรียกพระเขี้ยวแก้ว)
นอกนั้นแตกเป็นชิ้นเล็กๆหมด ที่โทณพราหมณ์ จัดตวงแบ่งให้แคว้นต่างๆไง แล้วทำไม มีอะไรใหม่ๆมาเรื่อยๆ เห็นมีมานานแล้วนะ แปลกๆๆ คิดกันเอาเองก็แล้วกัน
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทั้ง 7 ชิ้นนี้ จำลองจากของจริงเลย (อย่า งง เทวดาให้จำลองไว้) โชว์ไว้ที่ สำนักปู่สวรรค์ ซ.65 เพชรเกษม บางแค มาร่วม 20 กว่าปีแล้วนะ ไปชมได้ทุกวันฟรี

 

ยังยกตัวอย่างขาดไป 2 กรณี คือ

ถ้าจริง แล้วเราไปยืนยันว่า "จริง" และ
ถ้าไม่จริง แล้วเราไปสะกิดชี้ว่า "ไม่จริง"
ผลทั้งสองกรณีนี้เป็นอย่างไร

ชาวพุทธถูกอบรมมาให้ใช้ปัญญา ไม่ควรใช้เพียงศรัทธาเป็นตัวนำ
พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวในโลก ที่ชี้ให้เห็นถึงแก่นของเหตุและผล
ตั้งสติพิจารณา แล้วคัดกรองคัดแยกด้วยปัญญา ก็จะถึงซึ่งคำตอบนี้

 

สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ผู้ใดถูก ผู้ใดผิด ผู้ใดมีเจตนาบริสุทธิ์ ผู้ใดมีเจตนาเคลือบแฝง มนุษย์ด้วยกันอาจไม่รู้ การกระทำของทุกผู้ทุกนามที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะถูกบันทึกเข้าไปในระบบกรรม และก็จะเป็นไปตามแรงกรรม

สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม.......

 

ผม เคย ไหว้พระจักษุธาตุ ที่วัดสัมพันธวงศ์ มาเมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อน
ทำให้ผมเลิกสงสัยเรื่อง ... พระธาตุเสด็จเอง จากในอากาศรอบๆตัว
เพราะพี่ ๆ และผมประสบกับตัวเอง ตอนที่ไปนั่งสนทนากัน ที่ห้องแสดงพระธาตุ ที่วัดสัมพันธวงศ์

แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล ครับ

แล้วเรื่องการทำบุญ ท่านพระครูพันธกิจประจักษ์ ก็ไม่ได้บังคับนะครับ ว่าจะทำบุญมากน้อยเท่าใด

ห้องพระธาตุก็เป็นห้องใหญ่ๆ บนตึกมงคลวิทยา ที่เป็นกุฏิพระที่ใหญ่และดีพอสมควร ...

ผมสงสัยว่าพระท่านใด อนุญาตให้ใช้ห้องนั้นแสดงพระธาตุครับ ไม่ได้ตั้งมาแค่เดือนสองเดือนก่อนออกข่าวนะครับ

ผมไม่รู้ว่าทำไมรองเจ้าอาวาสเพิ่งมาสอบสวนเรื่องการบริจาค เพราะคาดว่าห้องนี้น่าจะประดิษฐานพระจักษุธาตุและพระธาตุ มานานน่าจะเป็นปีแล้ว รองเจ้าอาวาสและพระในวัดเพิ่งมารู้มาเห็นหรอครับ
และทำไมเพิ่งมาประโคมข่าว ตอนที่จะวางศิลาฤกษ์ของพระมหาเจดีย์บรรจุพระจักษุธาตุ

แล้วเรื่องที่ว่าพระจักษุธาตุ ไม่มีในตำรา .... ก็ไม่รู้ว่าการที่หนังสือพิมพ์บางฉบับ ...ออกข่าวเน้นๆๆ เรื่องพระธาตุนอกตำรา จะทำให้ได้ข้อเท็จจริงแค่ไหน
บางครั้งคนเราอาจจะต้องศึกษานอกตำราบ้าง โดยมีผู้รู้คอยชี้แนะ เพื่อให้ได้รับความรู้จริงๆ ครับ

ตำราที่มีอยู่ก็คือองค์ความรู้ อาจจะครบถ้วน 100% หรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ตำราที่คนเรา หรือบุคคลทั่วไปยอมรับ หรือผู้รู้จริงเป็นผู้เขียน ก็คือตำรานั้นเราต้่องยอมรับว่า....คือองค์ความรู้ที่สามารถอ้างอิงได้ครับ

แค่แสดงความคิดเห็นนะครับ ถูกหรือผิดบ้าง ขออภัยพี่ ๆ ทุกท่านล่วงหน้าด้วยนะครับ
ผมคิดว่าพี่ๆแต่ละคนมีครูบาอาจารย์ที่นับถือ ... ถ้าสอบถามจากครูบาอาจารย์ท่านผู้รู้ น่าจะดีกว่าอ่านหนังสือพิมพ์ ครับ

(เพราะผมเองไม่เคยเชื่อหนังสือพิมพ์ 100% เพราะเคยโดนใส่สีปั้นแต่งตอนเรื่องของญาติที่โดนยิง เขียนเปนนิยายเลย)

 

ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าผลของการยืนยันความจริง (คือจริงก็บอกว่าจริง หรือไม่จริงก็บอกว่าไม่จริง) เป็นอย่างไร รู้แต่ว่าถ้าบิดเบือนความจริง (ของจริงบอกไม่จริงหรือของไม่จริงบอกว่าจริง) กรรมแน่ๆ

การที่ดิฉันไม่ยกตัวอย่างเรื่องของการยืนยันความจริงมาไว้ด้วย เพราะมองว่าความเป็นจริง (ว่าใช่จักษุธาตูหรือไม่ใช่จักษุธาตุ) อยู่ในตัววัตถุนั้นๆ อยู่แล้ว ถ้าเป็นจักษุธาตุจริงแล้วไปช่วยยืนยันว่าจริง ดิฉันมองเป็นเรื่องเท่าตัว ไม่ขาดทุนไม่กำไร เพราะว่าของจริงคือของจริงวันยังค่ำ จักษุธาตุไม่ได้เป็นจริงขึ้นมาเพราะคำยืนยันของใคร คนที่อยู่ฝ่ายยืนยันถ้าคิดว่าการยืนยันจะทำให้คนทำบุญมากขึ้นแล้วจะได้บุญมากขึ้น ดิฉันมองว่าที่คนเราทำบุญอยู่ทุกวันนี้เกิดจากศรัทธาส่วนตัวของเขาเอง ถึงของจริงบอกไม่จริง คิดหรือว่าจะห้ามการทำบุญของคนที่ศรัทธาได้ แต่ถ้าจักษุธาตุเป็นของไม่จริงแล้วอยากช่วยสะกิดให้คนรู้ว่านี่คือของไม่จริงนะ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อที่คนจะได้ตาสว่างไม่หลงทำบุญกับสิ่งจอมปลอม ก็คงต้องย้อนกลับไปย้ำอีกครั้งว่า คิดหรือว่าจะห้ามการทำบุญของคนที่ศรัทธาได้

ในความเห็นที่ดิฉันโพสต์ลงไปข้างต้น ถ้าอ่านละเอียดก็จะทราบว่า เป็นมุมมองภายใต้เงื่อนไขที่ว่า "ถ้าตัวเองพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง" เพราะฉะนั้นดิฉันโพสต์ในฐานะที่ตัวดิฉันเองไม่ใช่ผู้รู้ ไม่ใช่ผู้มีปัญญาหรือความสามารถพิเศษอะไรที่จะพิสูจน์เรื่องนี้

แต่ถ้าใครมั่นใจว่าตนเป็นผู้รู้ มีความสามารถที่จะพิสูจน์ได้ และมองว่าเป็นภารกิจอันสำคัญที่จะต้องกระทำเรื่องนี้ให้กระจ่างเพื่อประโยชน์อะไรก็ทำไป ถือเป็นเรื่องของเขา ดิฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยอยู่แล้ว

เห็นด้วยกับคุณว่าชาวพุทธต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ศรัทธานำ แต่เผอิญเรื่องนี้ดิฉันไม่มีปัญญา(พิสูจน์) เลยขออยู่เฉยๆ แบบสมองว่างเปล่า ไม่มีทั้งความเชื่อว่าจริงหรือความเชื่อว่าไม่จริงทั้งนั้น มองเป็นแค่หนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมก็เท่านั้นเอง ที่ผ่านมาก็มีแบบนี้มาหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ

 

ผมขอถามและฝากถามไปยังใครก็ได้ที่คุณรู้จักและที่มีความสนใจในเรื่องนี้หน่อยครับ ว่าคนที่ได้ดูภาพข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ที่เขาเขียนขาย โดยที่ตัวเองได้แต่นั่งอยู่ที่บ้านและได้แต่นั่งอยู่ที่ทำงานและออกมาแสดงความคิดเห็นว่าพระบรมฯจักษุธาตุเป็นของปลอมบ้างเป็นเพชรรัสเซียบ้าง ผมถามจริงๆเหอะ ว่าเคยไปเห็นจริง ๆ แล้วหรือยัง เคยไปสัมผัสที่นั่นแล้วหรือยัง

และที่สำคัญคนที่ได้ดูแค่รูปภาพแล้วก็ออกมาบอกได้เลยว่าเป็นเพชรรัสเซีย ผมต้องขอกราบอย่างงามๆสักทีหรือสามทีก็ได้ ขอคารวะต่อความรู้ความสามารถของคนผู้นั้นจริง ๆ นับว่าคุณเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเก่งฉกาจกว่าผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรเรื่องอัญมณีที่ทางคณะกรรมการเขาเชิญมาร่วมตรวจสอบเสียอีก เพราะผู้เชี่ยวชาญเขาบอกมาว่า การที่เขาเห็นด้วยสายตาเพียงอย่างเดียวถึงแม้ว่าจะเห็นแบบใกล้ๆก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าเป็นเพชรหรือเพชรรัสเซีย


และที่สำคัญที่สุดผมใคร่ขอความเมตตาจากคนที่ใกล้ชิดกับคณะกรรมการทุกท่าน ช่วยถามไปยังคณะกรรมการแต่ละท่านหน่อยว่า
ถ้ามีคนที่ไหนก็ไม่รู้เขาเกิดสงสัยขึ้นมาว่าลูกตาของคุณข้างใดข้างหนึ่งเป็นลูกตาปลอม ซึ่งอาจส่งผลให้การทำหน้าที่ของคุณบกพร่อง จึงได้ร้องเรียนไปยังเจ้านายของคุณว่าการทำหน้าที่ของคุณอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ และเจ้านายคุณเกิดบ้าจี้ขึ้นมาและสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยมีมติว่า จะต้อง ควักลูกตาของคุณออกมาตรวจสอบว่าเป็นลูกตาจริงหรือเปล่า ผมขอถามจริงๆว่าคุณจะยอมไหม คุณจะยอมให้เขาควักลูกตาคุณหรือเปล่า เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าลูกตาของคุณไม่ใช่ของปลอม?

 

เท่าที่ผมอ่านความเห็นของคุณ ผมเชื่อว่าคุณยังไม่ใช่ นักปฏิบัติ

 

ถ้าจริง แล้วเราไปยืนยันว่า "จริง" และ
ถ้าไม่จริง แล้วเราไปสะกิดชี้ว่า "ไม่จริง"

ผลที่จะเกิดกับการยืนยันในสิ่งที่เป็นจริงทั้งสองประการคือ "สัจจะ" หรือความเป็นจริงที่จะนำพาผู้คนไปสู่ "ปัญญา" และหลุดพ้นจากความงมงายโดยไม่ใช้สติไตร่ตรอง ดังในกรณีตัวอย่างนี้

1. ถ้าพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุ ที่นำมาแสดงนั้น "เป็นของจริง" ก็ควรเป็นโอกาสที่จะเทิดพระเกียรติองค์พระจักษุธาตุที่มีเพียงหนึ่งเดียวนี้ ให้ยิ่งใหญ่ระดับประเทศหรือระดับโลก มิใช่แค่เพียงวัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น เพราะแม้แต่องค์พระเขี้ยวแก้วที่อุบัติในโลกนี้มีทั้งหมด 4 องค์ พระรากขวัญมีเพียง 2 องค์ แต่ละประเทศที่เป็นเจ้าของต่างก็หวงแหน ชื่นชมยินดี เป็นที่ยึดเหนี่ยวอย่างยิ่ง โดยการประดิษฐานและอารักขาท่่านไว้ด้วยความปลอดภัยอย่างสูงสุด ห้อมล้อมด้วยประตูและกุญแจหลายชั้น และเปิดให้ชาวพุทธทั่วโลกได้สักการะบูชา ถือเป็นความพากพูมใจและบุญบารมีของประเทศผู้เป็นเจ้าของ

ฉะนั้นจึงน่าเสียดาย ที่พระครูประจักษ์ไม่ยินยอมให้มีการพิสูจน์ให้รู้ชัด ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่เห็นพ้องกันได้ โดยกระทำต่อหน้าพระและลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง จะได้พ้นข้ออ้างว่าเกรงการสับเปลี่ยน หรือลบหลู่ด้วยสารเคมี

2. ถ้าพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุ ที่นำมาแสดงนั้น "เป็นของไม่จริง" ก็จะได้รับรู้กันทั่วว่า มีการหลอกลวงครั้งใหญ่ เรื่องนี้ก็จะได้จบสิ้นเสียที แต่ผลที่ได้ ทั้งตัวเจ้าของและวัดที่เตรียมปรับที่ทางไว้รองรับ จะเกิดผลเช่นไร ยอมรับได้หรือไม่ คงนึกมโนภาพได้เองโดยไม่ต้องอธิบาย

การพิสูจน์ในเรื่องนี้ นอกจากใช้ผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในรูปพรรณสัณฐานที่เป็นเสมือนเพชร ว่ามีความเป็นเพชรหรือวัสดุคล้ายเพชรที่ผ่านการเจียรนัยและมีขายกันทั่วไปในโลกมนุษย์หรือไม่เพียงใด ซึ่งถือเป็นการพิสุจน์ทางกายภาพที่มองเห็นและอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งคือการพิสูจน์ทางกำลังสมาธิโดยผู้ปฏิบัิติที่เข้าถึงทิพยจักษุอภิญญา เพราะเป็นธรรมดาอย่างยิ่งที่พระบรมสารีริกธาติ จักต้องมีเทพเทวดาคอยดูแลรักษา โดยเฉพาะองค์จักษุธาตุนี้ที่อ้างไว้ว่าเป็นจักษุซ้าย-ขวาของพระพุทธองค์มารวมตัวกัน ก็ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าหนึ่งเดียวในจักรวาล เทพเทวาย่อมเฝ้าบูชาโดยรอบกันอย่างหนาแน่นเป็นแน่

 

ยังหวังว่าพระครูฯท่านจะยอมให้มีการตรวจสอบ หากมีความบริสุทธิ์ใจจริง เพราะนี่จะเป็นองค์พระบรมธาตุที่ควรเคารพบูชาอย่างยิ่งในระดับประเทศ ระดับโลก หรือแม้ในระดับเทพ-พรหม เว้นไว้แต่ รู้ว่าไม่ใช่ของจริง




ให้สอบพระครู ข้อหาอวดอุตริฯ



แนะวัดไปแจ้งความยึดจักษุธาตุมาพิสูจน์

เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา เล็งจัดการขั้นเด็ดขาด จับสึกพระครูเจ้าของจักษุธาตุ หลังได้รับร้องเรียนอีก ยังทำใบปลิวเชิญชวนคนบริจาคเงินสร้างเจดีย์บรรจุจักษุธาตุ อ้างเหตุอวดอุตริมนุสธรรม เข้าข่ายหลอกลวงต้องอาบัติปาราชิก พร้อมส่งเรื่องถึงวัดต้นสังกัดให้ตรวจสอบพฤติกรรม หวั่นกลับไปแอบอ้างหากินซ้ำ และให้สำนักพุทธฯ คุมเข้มตามวัดและพวกอวดอ้างมีพระบรมสารีริกธาตุ ด้านตำรวจแนะให้วัดแจ้งความดำเนินคดีเพื่อนำจักษุธาตุมาตรวจพิสูจน์ความคืบหน้ากรณีคณะสงฆ์วัดสัมพันธวงศ์ กทม. มีมติขับพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี ที่มาอาศัยจำพรรษาในวัดสัมพันธวงศ์ แล้วอ้างเป็นเจ้าของวัตถุที่เชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนจักษุธาตุ ทำให้พุทธศาสนิกชนหลงเชื่อและร่วมบริจาคทรัพย์ แต่เมื่อทางวัดสัมพันธวงศ์ขอตรวจพิสูจน์ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงหรือไม่ กลับไม่ยอมให้มีการตรวจ

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. พระเทพวิสุทธิกวี วัดราชาธิวาส ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานขอข้อมูลเรื่องจักษุธาตุจากพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์และกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อจะตรวจสอบ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าพระครูพันธกิจประจักษ์ มีการทำใบปลิวโฆษณาขอเชิญร่วมบริจาคสมทบสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุจักษุธาตุ โดยมีข้อความที่เข้าข่ายอวดอุตริมนุษยธรรม เพราะมีการระบุว่าสามารถสนทนาสื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้ ถามว่า พระครูพันธกิจประจักษ์วิเศษมาจากไหน พระพุทธเจ้านิพพานไปกว่า 2,500 ปี มาแล้ว พระอุปัชฌาย์ไม่เคยสั่งสอนหรือว่าพุทธบัญญติไม่ให้ภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรมหรือคุณวิเศษที่เกินปกติของมนุษย์สามัญ เช่น สมาธิ ฌาน สมาบัติ มรรคผล เพราะถือเป็นการหลอกลวงย่อมต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ และต้องสึกจากความเป็นพระทันที

เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธสาสนาฯกล่าวต่อว่า จะทำหนังสือถึงคณะสงฆ์ธรรมยุต เพื่อให้ตรวจสอบในสิ่งที่พระครูพันธกิจประจักษ์อวดอ้างว่าเข้าข่ายอวดอุตริฯหรือไม่ และจะทำหนังสือไปถึงเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ฝ่ายธรรมยุต เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระครูพันธกิจประจักษ์ที่จะย้ายไปจำพรรษาที่วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี อีกทางหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ให้มีการใช้จักษุธาตุ ซึ่งไม่มีในตำราพระไตรปิฎกไปโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงประชาชนอีก นอกจากนี้จะประสานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ช่วยตรวจสอบและดูแลการอวดอ้างพระบรมสารีริกธาตุตามวัดหรือสถานที่ต่างๆด้วย

ขณะบรรยากาศที่ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 กุฏิจำพรรษาของพระครูพันธกิจประจักษ์และที่ประดิษฐานจักษุธาตุ ค่อนข้างเงียบเหงากว่าทุกวัน รวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ที่เคยไปมาหาสู่ก็น้อยลงมาก โดยพระครูพันธ
กิจประจักษ์เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในกุฏิ ทั้งนี้ พระวินัยเมธี ผู้ช่วยและเลขานุการวัดสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า ได้มีประชาชนทั้งเดินทางมาหาและโทรศัพท์มาขอบคุณที่ทำความจริงให้ปรากฏว่าจักษุธาตุไม่ใช่ของจริง เพราะพระครูพันธกิจประจักษ์ไม่ยอมให้มีการพิสูจน์ เท่ากับเป็นการหนีความจริง ขณะที่ประชาชนหลายรายระบุที่ผ่านมาได้บริจาคเงินทำบุญไปกับจักษุธาตุนับแสนบาท คงเลิกทำบุญต่อไป

ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 ได้แนะนำให้วัดไปแจ้งความดำเนินคดีกับพระครูพันธกิจประจักษ์ เพื่อที่ตำรวจจะได้ไปยึดจักษุธาตุมาเป็นของกลางและจะได้มีการพิสูจน์ให้รู้เลยว่าเป็นพระธาตุหรือเป็นเพชรรัสเซีย รวมทั้งดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ต้องรอพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ก่อน


ที่มา - นสพ.ไทยรัฐ 13 มีนาคม 2554, 08:04 น.

 

ขอแสดงความนับถือครับ

ผมขอกราบอนุโมทนาด้วยครับ กับความคิดเห็นของคุณBodhithas

ผมขออนุญาติเรียนกับคุณ Bodhithasa โดยตรงเลยว่าผมเป็นคนนึงที่ไปร่วมทำบุญและได้เข้าไปสัมผัสมากับตัวเองร่วมกับหมู่เพื่อนของผมเกือบสิบคน

และตัวผมเองยังได้ไปที่วัดสัมพันธวงศ์ในวันที่เขามีการตรวจสอบ ซึ่งผมก็อยู่ฟังคำแถลงการผลสรุปของคณะกรรมการจนจบ จนพอจะเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร

และผมก็เชื่อว่าถ้าคุณ Bhodhithas ได้เข้าไปร่วมรับฟังคำแถลงในวันนั้น คุณBhodhithas อาจจะไม่มีทางที่จะกล่าวถึงในลักษณะแบบนี้อย่างแน่นอน "....ยังมีอีกทางหนึ่งคือการพิสูจน์ทางกำลังสมาธิโดยผู้ปฏิบัิติที่เข้าถึงทิพยจักษุอภิญญา เพราะเป็นธรรมดาอย่างยิ่งที่พระบรมสารีริกธาติ จักต้องมีเทพเทวดาคอยดูแลรักษา โดยเฉพาะองค์จักษุธาตุนี้ที่อ้างไว้ว่าเป็นจักษุซ้าย-ขวาของพระพุทธองค์มารวมตัวกัน ก็ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าหนึ่งเดียวในจักรวาล เทพเทวาย่อมเฝ้าบูชาโดยรอบกันอย่างหนาแน่นเป็นแน่"

ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่จะเป็นการลบหลู่ภูมิธรรมของคุณ Bhodhithas แต่อย่างใดน่ะครับแต่เป็นเพราะสิ่งที่ผมเห็นมานั้น ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า สองฝ่ายเหมือนอยู่กันคนละโลกเลยครับ มันเหมือนน้ำกับน้ำมันเลยครับที่ตามธรรมชาติมันต้องแยกกันอยู่เป็นคนละชั้น ไม่มีทางเลยที่น้ำกับน้ำมันจะรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ พระอาจารย์ประจักษ์และผู้ต้องการสร้างบุญบารมีกับอีกฝ่ายหนึ่งดูแล้วก็ไม่มีทางที่จะมาบรรจบพบกันได้เลย

ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณ Bhodhithas สักหน่อยนะครับ ถ้าคุณทราบมาก่อนแล้วผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งนึงในความไม่สะดวก คือผมอยากจะเรียนรายนามของครูบาอาจารย์องค์ใหญๆที่ท่านได้รับนิมนต์จะมาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างพระเจดีย์ในวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2554 เท่าที่ผมจำได้นะครับ

มีประธานสงฆ์ คือท่านเจ้าคุณอุดร (ท่านเป็นสหธรรมกับองค์หลวงตามหาบัว )
หลวงปู่ท่อน หลวงปู่บุญเพ็ง...และองค์เถระอีกหลายองค์ครับแต่ผมจำท่านชื่อไม่ได้

ข้อมูลที่ผมเรียนเพิ่มเติมมานั้นผมก็แอบหวังว่ามันพอจะเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมาได้บ้างหรือจะเป็นสิ่งที่กระตุกให้ใครได้คิดเฉลียวใจขึ้นมาเกี่ยวกับความจริงแท้ของพระบรมฯจักษุธาตุ

กราบขอบพระคุณที่อ่านข้อความของผมจนจบ
ที่ผมกล่าวมานี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองบนพื้นฐานข้อมูลและสติปัญญาที่ผมมีอยู่ ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการล่วงเกินคุณ Bhodhithas และพี่น้องชาวเวปผมก็ต้องกราบขอขมามา ณ.ที่นี้ด้วยครับ

 

ขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับ มีพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่บุญจันทร์) วัดโพธิสมภรณ์
หลวงปู่หนู กนฺตสีโล วัดป่าศิริวัฒนา หลวงปู่เจริญ ราหุโล พระราชญาณวิสุทธิโสภณ
(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร) พระโสภณวิสุทธิคุณ (หลวงพ่อบุญเพ็ง กัปปโก) วัดป่าวิเวกธรรม
หลวงปู่ศรี วัดป่าโนนทองอินทร์ และเกจิอาจารย์อีก 38 รูป มาร่วมเจริญพุทธมนต์กันครับ

ผมขออนุโมทนากับคุณ poon-pan และ bhodhiths ด้วยนะครับ สำหรับผมวิทยาศาสตร์
อาจล้ำหน้าในโลกยุคนี้ก็จริง แต่บ้างทีก็พิสูจน์ไม่ได้บ้างอย่างไม่ได้เช่นกัน การให้ผู้มีญาณ
มานั่งสมาธิหรือพระสุปฎิปันโน ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ได้พิจารณาดูนั้นอาจจะบ่งบอกได้มากกว่าว่าตามที่เป็นข่าวนั้นจริงหรือไม่ เพราะต่างสรุปเองว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช้ ไม่จริงหรอก
ในตำราไม่มีปรากฎ พระพุทธเจ้าบอกกับท่านพระอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปพระธรรมก็ดีคำสั่งสอนในพระวินัยก็ดี จะเป็นตัวแทนตถาคตต่อไป และพระธรรมของตถาคตยังไม่แพร่
หลายในชนอันมาก ซึ่งยังไม่ทั่วถึง พระองค์จึงอธิษฐานจิตก่อนปรินิพพานว่า หากผู้ใดได้
บูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ แม้เป็นพระบรมสารีริกธาตุองค์เล็ก องค์เดียว และ
หมั่นปฎิบัติบูชาและอุปัฎฐาก พระบรมสารีริกธาตุแล้วไซร้ จะเกิดประโยคสุขกับบุคคลเหล่า
นั้นสืบไป อย่าเคลือบแคลงอย่าสงสัยในตัวตถาคตเลย เพราะจะเป็นการปรามาสกรรมหนัก
มากนัก ความจริงอย่างไรก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ แต่ก็ต้องใช้เวลานานหน่อย กว่าสิ่งนั้น
จะปรากฎ ผู้ใดเชื่อศรัทธา ก็ขอให้ตั้งใจตามนั้นก็ไป หากผู้ใดไม่ศรัทธาไม่เชื่อ อันนี้ก็แล้ว
แต่ท่านทั้งหลาย ซักวันนึงสิ่งที่ยังสงสัยจะปรากฎเอง ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

สาธุ....สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ

วันเสาร์ที่ 19 คุณrung_zero ไปด้วยหรือเปล่าครับ
ผมจะไปกับครอบครัว กะว่าจะไปนอนค้างที่เขื่อนอุบลรัตน์ในคืนวันศุกร์ แล้วตอนเช้าวันเสาร์จึงค่อยไปที่วัดป่าศรีฯ เผื่อจะได้พบกันสักครั้ง

 

ไม่พิสูจน์จักษุธาตุ จริง-ปลอม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ตอบ...ถูกต้อง...ความจริง(สัจจะ) อยู่ที่ใจใคร ใจมัน ของจริงก็เป็นของปลอมได้ ถ้าใจผู้นั้นไม่เชื่อ(ศรัทธา) ของปลอม ก็เป็นของจริงได้ ถ้าใจผู้นั้นเชื่อ(ศรัทธา)

 

ผมเห็นตั้งแต่ทีแรกแล้ว มีเพื่อนสมาชิกส่ง CD มาให้ ....นึกในใจว่า"โอ้เอาแบบนี้เลยรึ??" ดูยังไง ก็เป็นเพชรหรือพลอยที่เจียรนัย เท่านั้น ส่วนองค์อื่นๆ สีขาวที่วางอยู่ด้วยนะ เท่าที่ดูด้วยสายตาพระธาตุแน่นอน ก็ไม่อยากจะปรามาส หรือว่าอะไรหรอกนะ ก็ว่าด้วยสายตาที่เห็น ภูมิที่รู้มา ศึกษามา พระธาตุที่มีอยู่ในครอบครอง พระธาตุที่เคยเห็น ก็ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีพระจักษุธาตุ ที่มีรูปร่างเหมือนเพชรที่เจียรนัยแบบนี้...เฮ้อ

 

ถ้าพี่ sanomtip ตัดสินจากสายตาภูมิความรู้ที่ได้ศึกษามา และพระธาตุที่มีอยู่ในครอบครอง พระธาตุที่เคยเห็น

ผมก็ขออนุโมทนากับพี่ sanomtip ด้วยครับ

อย่างไรก็ตาม .... ผมก็ยังภาวนาและเชื่อว่าพระบรมจักษุธาตุองค์นี้เป็นพระบรมสาริกธาตุแท้ๆ เพื่อที่ผมและเพื่อนๆ และพี่ๆที่เป็นพุทธศาสนิกชน ที่ศรัทธา ได้ร่วมทำบุญ และสืบต่อพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

เรียนคุณ poon-pan คุณได้เจอผมที่งานอยู่แล้วล่ะครับ และคุณก็รู้จักผมเป็นอย่างดี
คุณwowa007 คุณ sanomtip ซักวันความจริงจะปรากฎให้เห็นเองว่าสิ่งที่คุณเห็น
และเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ขอให้ทุก ๆ ท่าน ตั้งมั้นใจองค์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วคุณจะเข้าใจเองครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

อ้อ ผมนึกออกแล้ว คุณ rung_zero ก็คือคุณรุ่งคนเดียวกับที่ผมได้นั่งคุยกันพร้อมกับอาจารย์ที่สอนผมตอนมัธยม ในวันที่มีการตรวจสอบพระจักษุธาตุ ใช่หรือเปล่าครับ

ถ้าใช่ผมขอปรึกษาต่อได้มั้ยครับ เรื่องรถที่จะไป วันศุกร์นี้ ไม่ทราบว่าคุณรุ่งพอจะรู้หรือเปล่าครับ ว่าพอจะมีที่ว่างสัก 1 ทีมั๊ย (เผื่อมีคนถอนตัวน่ะครับ ) คือมีพี่คนนึงที่ผมแนะนำเขาให้ไปกราบพระธาตุ พี่เขาอยากไปมาก ส่วนผมนั้นก็ไม่สะดวกที่จะพาเขาไปด้วยเพราะ ต้องพาลูก ๆ กับภรรยาไป และต้องแวะหลายที่ แต่อยากให้พี่เขาไปด้วยพี่เขาเป็นคนปฏิบัติดีมาก ผมเลยรับอาสามาถามเรื่องรถหรือ ถ้าคุณรุ่งจะกรุณาแนะนำฝากไปกับใครที่รู้จักและมีที่นั่งก็จะดีมากครับ พี่คนนี้เป็นผู้หญิง อายุ ประมาณ 40 กว่า ตัวเล็ก ๆ

ขอบคุณมากครับ

 

พระธาตุนั้นมีหลายรูปเเบบ สัณฐานดั่งเมล็ดพันธ์ผักกาด สัณฐานดั่งเมล็ดถั่วเขียว
สัณฐานดั่งเมล็ดข้าวสาร สัณฐานดั่งวรรณทองอุไร วรรณเเก้วมุกดา วรรณใสดังเพรช
วรรณดอกมะลิตูม วรรณสีชมพู-เเดง วรรณสีทับทิม ไปหาดูข้อมูลในเวปนี้เเละศึกษาเอา
อย่ามัวเถียงกันเลย.

 

จะว่าก็กลัว จะอยู่เฉยก็กลัวเค้าว่าไม่รู้