ได้ไปเจอ "ซัน" ผู้มีญาณทิพย์

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 7 เมษายน 2008.

  1. prarahu

    prarahu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +2,664
    55555555 เตือนความจำ
     
  2. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    สวัสดีทุกท่านที่เคารพรัก
    กระผม รักไร้พ่าย ชายไม่ประสารัก มาขอรายงาน
    บรรยากาศในงานเปิดตัวหนังสือของซัน วันที่ 17 พ.ค 51 นี้

    ผมได้มีโอกาสไปสังเกตุการณ์ในงาน ณ
    สถานที่อันแสนจะใกล้ที่อยู่ของผม
    คือ The Mall บางกะปิ

    งานจัดขึ้น 1 ลานหน้าร้านหนังสือซีเอ็ดบุค เซนเตอร์
    ใกล้ร้านกาแฟ

    ตอนผมไปถึงก็ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ซึงถึงกำหนดการ
    เริ่มงานพอดี บรรยากาศในงานผู้คนมามุงดูกันอุ่นหนาฝาคั่ง
    มีการจัดเวที และฉากเวทีเป็นรูปหนังสือ เล่ม 3 ของซันชื่อ
    พ้นเคราะห์เพราะซัน

    สายตาของผมก็กำลังเมียงมองไปหาชายหนุ่มเป้าหมาย
    หรือพระเอกของงานนี้ และได้สะดุดหยุดตรงชายหนุ่ม
    ในชุดเสื้อยืดสีแดง
    ใช้แล้ว เขาก็คือ "ซัน" นั่นเอง

    เขากำลังยืนคุยกับผู้คนด้วยอัธยาศรัยไมตรี ใบหน้าเปิ้อนยิ้ม
    และน้ำเสียงที่ยังด้งก้องกังวาน

    บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก
    ทีมงานซีเอ็ดได้จัดเตรียมเครื่องขยายเสียง
    และกล้องบันทึกวีดีโอมาวาง และลำโพงขนาด
    ใหญ่ที่ดังเพียงพอให้รัศมีสองร้อบเมตรได้ยินกันทั่ว

    ยังผลให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมาหยุดมองดู
    และภายในร้านหนังสือซีเอ็ด หน้าร้านและเคาเตอร์ได้นำหนังสือ
    พ้นเคราะห์เพราะซันมาวางจำหน่ายกันเรียงรายเป็นจุดเด่น
    ผู้คนมากมายได้หยิบจับหนังสือ และได้อ่านกันคร่าวๆ
    และหลายคนได้ซื้อหนังสือกันไป เป็นจำนวนมาก

    อีกทั้งได้เห็นผู้จัดการใหญ่ร้านซีเอ็ด ท่านมาด้วยตนเอง
    มาคอยเป็นกำลังใจให้ซันในวันนี้

    และเพื่อนๆของซันและแฟนคลับทั้งหลายต่างมาคอยให้กำลังใจซัน
    กันล้นหลาม ตั้งแต่ที่นั่งอยู่แถวหน้าเวที พี่ผู้ชายใส่แว่นเสื้อสีม่วง
    คนนี้ผมเห็นตั้งแต่ตอนงานสัปดาห์แห่งชาติด้วย

    และผู้ใหญ่หลายท่านก็มาในงานนี้
    และร้านกาแฟใกล้ก็ได้นำไอศครีมแสนอร่อยมาบริการผู้คนที่
    มาดูในงานนี้ด้วย

    เมื่อพิธีกรสาวน่ารักได้จับไมค์ขึ้นเวทีและกล่าวต้อนรับสวัสดี
    เรียกความสนใจของหัวใจทุกดวงที่กำลัง คุยกันในสัพเพเหระ
    ให้มุ่งตรงสู่ลานเวที

    เสียงพิธิกรได้กล่าวเชิญ นายซัน ให้ขึ้นเวที
    เรียกเสียงปรบมือกันดังกึกก้อง ทำให้ผู้คนเดินผ่านไปมาต้องหยุด
    เพื่อมาสังเกตุการณ์ รวมถึงผู้ที่เดินไปมาบนชั้น 2 และ 3 ของห้าง
    ที่มองลงยังเทีมาในงานนี้

    และซันก่อนขึ้นเวทีได้เอาเสื้อนอกสีครีมมาคลุม
    แล้วถือไมค์ที่ถูกส่งมาให้ กล่าวสวัสดีทุกท่านด้วนรอยยิ้ม
    ที่บริสุทธิ์

    จากนั้นพิธิกรได้เชิญซันนั่งบนเก้าอี้ และเริ่มสนทนาเชิงสัมภาษณ์ถึง
    ความเป็นมาของหนังสือ พ้นเคราะห์เพราะซันนี้

    และซันได้เล่าถึงที่มาของหนังสือว่าก่อนหน้านี้เขียนมา 2 เล่ม
    และซันได้บอกว่าจริงๆจะไม่เขียนต่อแล้ว

    แต่ด้วยวิบากกรรมที่ต้องไปประสบพบความทุกขเวทนาของ
    โคที่กำลังจะถูกปลิดวิญญาณในโรงฆ่าสัตว์ ที่ จังหวัดขอนแก่น
    และด้วยใจที่อยากจะช่วยเจ้าโคเหล่านี้น
    แต่ด้วยเงินติดตัวที่มีมาไม่พอจะไถ่ชีวิตโคได้

    จึงได้กลับมาเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ
    ที่ได้ช่วยเหลือคนไว้เพื่อจะนำมาช่วยเหลือโค

    การสนธนาโดยรวมของงานนี้ เน้นหนักไปในเรื่องทำบุญ
    กุศลในกรณีต่างๆ และเล่าประสบการ์ต่างๆของซันที่ได้ช่วยคน
    เพื่อนำมาเป็นอุธาหรณ์สอนใจ

    ไม่ได้เน้นเรื่องการดูกรรมของกับผุ้คนเหมือนในงานหนังสือ
    แห่งชาติครั้งก่อน
    งานนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร้าใจผู้คน
    แต่งานนี้เต็มไปด้วยความรู้ทางธรรม

    จากนั้นพิธีกรได้ถามเรื่องการทำบุญ ให้ซันได้อธิบายในเรื่อง
    บุญกุศลว่าบุญชนิดใดให้ผลมาก
    ซึ่งซันก็บอกว่าทำบุญกับพ่อแม่
    ให้ผลมาก และทำบุญประเภทไม่ไปหวังผล

    และอย่าทำบุญแบบหวังรวย เช่นทำบุญ 20 บาท
    แต่หวังรถเบนซ์

    และซันยังแนะนำให้คนที่มางานได้กตัญญูต่อพ่อแม่
    และให้พูดจากับพ่อแม่ดีๆ ซันบอกว่าเขาจะค่อนข้าง
    แอนตี้กับผู้ที่ไม่กตัญญูต่อบุพพการี
    และเวลาพูดกับพ่อแม่อย่าได้ขึ้นเสียงเถียงพ่อแม่
    เพราะจะเป็นกรรมหนัก
    เมื่อจะอธิบายให้พ่อแม่ฟังในเหตุผลก็ให้พูดด้วยเหตุด้วยผล

    จากนั้นซันบอกว่า ซันชอบดูการ์ตูนเด็กๆเพราะทำให้จิตใจสบายๆ
    ไม่คิดไปในทางไม่ดี เพราะการ์ตูนเด็กๆเปรียบเสมือนความไร้เดียงสา

    พิธีกรได้ถามถึงกรรมหนักของคนอื่นที่มาให้ซันช่วยว่า
    ซันเจอกรรมของผู้มา
    ให้ช่วยแบบไหนที่หนักมาก จนยากจะช่วยได้
    ซันบอกว่า กรรมที่ทำต่อแผ่นดิน

    ซึ่งในหนังสือ พ้นเคราะห์เพราะซัน ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วย
    ซันได้บอกว่า ครั้งหนึ่งมีทหารยศสูงคนหนึ่งมาหาซัน
    ตอนเปิดบ้านช่วยคน เขาเดินแทบไม่ได้ และยืนตรงไม่ได้
    จะโอนเอียงล้มลง ต้องมีคนคอยพยุง
    และเขาเป็นมะเร็งด้วย

    ซันดูกรรมแล้วคนนี้ เคยให้คำสัตย์ปฎิญาณและด่มน้ำพิพัฒน์สัตยา
    ว่าจะรับใช้แผ่นดินอย่างซื่อสัตย์ แต่เขาได้โกงแผ่นดิน
    ยักยอกเงินภาษีของราษฎรเอามาใช้ส่วนตัว
    และผลกรรมนั้นส่งผลให้เขา
    ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ และรักษาอย่างไรก็จะไม่หาย
    เพราะเขาเป็นมะเร็งร้ายแรง

    ซันบอกว่า การผิดต่อคำสาบานต่อน้ำพิพัฒน์สัตยา
    ไม่ได้ส่งผลแต่เฉพาะต้องคมหอกคมดาบเสมอไป
    แต่ต้องเจอกับโรคร้ายประหลาดๆที่รักษาได้ยาก

    พิธีกรได้นำปกหนังสือ พ้นเคราะห์เพราะซันแล้วถามว่ารูป
    ที่ซันรอบไฟนี้หมายถคงอะไร ซันบอกว่า เป็นการเผาใจ เพราะทุกข์ใจ
    ตอนหมาของซันชื่ออัลเฟรตต้องมาตายเพราะรับเคราะห์แทนซัน

    และพิธีกรได้ถามถึงเสียงวิพากษ์ต่างๆของสังคมที่มีต่อซัน
    โดยเฉพาะ จากเวบไซด์ ( แห่งนี้ )

    ซันบอกว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์ซันไปต่างๆนานา แม้แต่ผู้
    ใช้คำไม่สุภาพกับซัน แต่ซันใช้ความอดทน และตอบกลับด้วยคำสุภาพ
    และซันได้กล่าวขอบคุณ คุณ ไอย คุณแซค และ คุณรักไร้พ่าย
    ที่คอยให้กำลังใจซัน ที่ช่วยดูแลซันโดไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
    ( แต่ซันเขาเรียกผมว่า รักพ่าย แง แง ผมชื่อ "รักไร้พ่าย" นะจ๊ะจะบอกให้ !! )
    พิธีกรถามว่าซันทุกข์ใจหรือเปล่ากับการมายืนตรงจุดนี้
    ซันบอกว่า ซันทุกข์ใจเพราะคน แต่สุขใจเพราะมนุษย์

    ซันได้พูดถึงบุคคลต่างๆ เช่น พี่หม่อง ที่ดูดวงแม่น
    แต่ยังพัวกันกับทางโลก
    หากมาทางธรรมจะมีญาณต่างๆเหมือนซันได้

    พิธิกรได้ถามถึง รายได้ ต่างๆของซัน คล้ายๆจะบอกว่าซันมา
    ทำแบบนี้คงจะรวยน่าดู ซันบอกว่า
    ซันมีรายได้จากการทำงานด้วยเงินน้อยนิด
    และรายได้จาการขายหนังสือไม่ได้มากมายอะไร

    และรายได้อีกทางหนึ่งคือ จากการดูดวง
    ซึ่งซันบอกว่าซันนำเงินที่เขามาดูดวงนี้ ไปทำบุญ
    และคนที่มาให้ซันดูดวง ก็มาหลายคนในวันงานซึ่งนั่งอยู่
    เก้าอี้แถวหน้าสุด

    ซันบอกว่าซันได้นำเงินจากผู้หญิงคนนั้นที่มาด้วยในงาน
    ไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ที่เป็นขอทานกับยาย

    หลังจากที่ซันได้พบเด็กกำลังขอทานและขอตรวจสอบสมุดพก
    และสอบถามครูประจำชั้นที่มีเบอร์ของครูในสมุดพก
    โดยซันได้นำเงินจากการดูดวง ดูกรรมนี้ไปซื้อเสื้อผ่า
    หนังสือเรียนให้และบอกให้เด็กนั้นอย่ามาทำแบบนี้อีก

    และเรื่องรายได้ต่างๆเหล่านี้ ซันได้อธิบายเพื่อทำความเข้าใจ
    ในหลายประเด็น และเล่าว่าเคยมีผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศนำเงิน
    มาให้ซัน เพื่อต้องการช่วยเหลือ แต่ซันยังยืนหยัดที่จะยังชีพด้วยเงินที่หา
    มาด้วยตนเองแม้จะน้อยนิดก็ตาม ส่วนเงินที่ได้จากผู้คนมอบให้ก็นำไปทำบุญ


    พิธิกรได้พูดแซวว่า ในหนังสือซันพูดเสียงดังกับคนที่มาให้ช่วย
    คนอาจมองว่าซันกำลังดุ ซันบอกว่า ซันไม่รู้ว่าเสียงดุ
    แต่เป็นคนพูดเสียงดังอยู่แล้วเป็นปรกติ

    และพิธีกรได้ยิงคำถามอื่นตามมา เช่นในเรื่องขององค์
    เทพที่ช่วยเหลือซัน
    ซันเรียกองค์เทพองค์นั้นว่า" พ่อใหญ่" และซันเล่าว่าพ่อใหญ่ก็เรียกซันว่า "น้องซัน"
    ฟังแล้วเหมือนเป็นความผูกพันส่วนตัวกัน แบบญาติผู้ใหญ่กับลูกหลาน
    มากกว่า ที่จะเป็นองค์เทพกับคน ในรูปของประเพณีคนนับถือเทพ

    และพิธีกรได้ถามว่า การที่ซันมีญาณ ดูอดีต อนาคตของคนอื่นได้
    เพื่อจุดประสงค์อะไร
    ซันบอกว่า สิ่งนี้ต้องสั่งสมมาแล้วในกาลก่อน
    และเป็นเจตนารมณ์ของเบื้องบนที่ต้องการจะบอกมนุษย์ใน
    2 ประเด็น คือ
    1 ญาณทิพย์ต่างๆเหล่านี้มีอยู่จริง
    2 ให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงบาป บุญ คุณโทษและกฏแห่งกรรม
    ต่างๆให้มาก

    ซันบอกว่าได้ระลึกถึงคำสอนของคุณพ่อซันเสมอว่า
    หากเราไม่รู้จริงก็อย่าได้ไปช่วยคน
    และซันก็เน้นเรื่องปัญญา ธรรมต้องประกอบด้วยปัญญา

    ซันถามพิธีกรว่า หากเรายืนตรงหน้ากระจกเงา หากเรายกมือขวาขึ้น
    ถามว่ารูปเงาในกระจกจะยกมืออะไร
    เล่นเอาพิธีกรตอบไม่ถูกเลย
    ซันบอกว่ารูปเราในกระจกจะยกมือตรงข้ามกับเรา
    แม้แต่เราเองบางครั้งยังหลอกตัวเราเอง
    ซันเน้นเรื่องการใช้ปัญญานั้นสำคัญมาก

    จากนั้นก็เป็นรายการตอบปัญหาทางธรรม จากผู้ชม
    ที่เขียนใส่กระดาษมาถามปัญหา
    เช่น การทำสังฆทาน หรือทำการอุทิศส่วนบุญกุศล

    และซันได้เล่าว่า คุณแม่ซันให้ซันไปตักบาตรพระวันฝนตก
    เพราะวันนั้นคนจะมาทำบุญน้อย
    พระอาจไม่ได้ฉันอาหารก็ได้
    ส่วนวันทางศาสนาคนมาทำบุญมาก ของเหลือเยอะ

    ซันได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณมากมายที่มาช่วยเหลือซัน
    และบางครั้งก็มีคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
    มาอาสาช่วยเหลือซันทั้งในงานวันนั้น
    หรือตอนเปิดบ้านช่วยเหลือคน จะมีพื่อนๆของซัน
    อาสากันมาช่วยบริการให้แก่ผู้มาขอความช่วยเหลือจากซัน

    และคุณพ่อคุณแม่ซันต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมข้าวปลาอาหาร
    ไว้เลี้ยงผู้คน และคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็มาช่วยจนเหน็ดเหนื่อย
    และไม่ได้หลังผลตอบแทนอะไร

    และซันบอกว่าซันยังต้องล้างห้องน้ำด้วยตนเอง
    เพราะคนที่มาหาซันที่บ้านมาตอนเปิดบ้าน มีประมาณ 80 คน
    20 คนเป็นคนรู้จัก อีก 60 ไม่รู้จัก ซันบอกว่าการล้าง
    ห้องน้ำก็เป็นการฝึกใจให้ปลงในสิ่งสกปรกในเรื่องต่างๆได้

    และพิธีกรได้ประเคนคำถามถามซัน ว่า จะช่วยเหลือคนแบบนี้
    ไปอีกนานไหม
    ซันบอกว่า ซันมีอายุไม่ยืน และจะอายุสั้น เพราะการไปล่วง
    รู้กรรมคนอื่นเหมือนไปเปิดความลับสวรรค์
    แต่ที่ซันมาทำแบบนี้ก็เป็นหน้าที่
    เมื่อเสร็จแล้วก็จะกลับไปที่ๆ ซันมา

    หลังจากนั้นพิธีกรได้ถามคำถามต่างๆอีก
    ได้ให้แง่คิด ข้อธรรมมากมาเลยและได้กล่าวปิดงาน

    งานนี้ใช้เวลาสนทนากันประมาณ ชั่วโมงครึ่ง
    เกินกำหนดการเดิมคือ 1 ชั่วโมง

    จากนั้นเป็นพิธิการมอบดอกไม้ให้ซันจากผู้จัดการซีเอ็ด
    จากสำนักพิมพ์หนังสือของซัน

    และผู้คนได้มามอบดอกไม้ให้กำลังใจซัน ตลอดงานตั้แต่ก่อน
    ขึ้นเวที ขณะสัมภาษณ์ และหลังเลิก แม้แต่คนที่ป่วยไม่สบาย
    ก็มาให้กำลังใจซันด้วย

    ซันได้กล่าวขอบคุณและประทับใจกับงานนี้
    ดูเหมือนซันจะปลื้มจนน้ำตาไหลเลย

    ผู้คนได้มาร่วมถ่ายรูปกับซัน
    จากนั้นก็ถึงคราวผู้คนมาต่อคิวขอลายเซนต์จากซัน

    บรรยากาศในงาน ชื่นมื่นมาก เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
    ทั้งจากซันและผู้คนที่มาดู ทั้งแฟนคลับ แฟนหนังสือ
    หรือคนผ่านไปมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2008
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    อ่านของน้องซันแล้ว วางแทบไม่ทัน
    ไม่มีอะไรจะพูด โกหกไม่เป็นครับ หุหุ
     
  4. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ทำดีได้ดี ถ้าซันมีเจตนาดี ก็อย่าท้อค่ะ

    การช่วยคนหมู่มาก ต้องใช้ความอดทนมาก

    เรื่องกรรม เป็นฐานสำคัญ ของการเข้าใจ กฏวัฎฎะสังสาร
    อย่างน้อยถ้ายังไม่สามารถบอกเขาเรื่อง โลกุตตระ
    การเตือนเรื่องกรรมนี้ ก็นับว่า เป็นการบอกสัจธรรมทางโลก

    เพื่อความไม่ประมาท
     
  5. nu778i

    nu778i สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +16
    พรุ่งนี้วันพระ ..ทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใสไปทำบุญตักบาตรถือศีล ปฏิบัติธรรม ทำคุณความดี ..อย่าโกรธกันเลยนะคะ ทุกคนเป็นคนดีกันทั้งหมดเลยค่ะ

    ส่วนตัวหนูเองจะไปถือศีลอุโบสถ์ปฏิบัติธรรมที่วัดพิชัยญาติ และร่วมสวดมนต์บทพระธรรมจักรฯเนื่องในวันวิสาขบูชา เวียนเทียนรอบองค์พระบรมสารีริกธาตุและรอบโบสถ์หลวงพ่อสมปรารถนา ขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับหนู และให้ได้บุญเท่าๆกันเลยนะคะ
     
  6. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    เมื่อคนเราโกรธแล้วไม่รู้ตัวหรือรู้แต่ยังปล่อยไปตามอารมณ์โกรธ อย่างนี้ก็เรียกว่าโง่
    เมื่อคนเราหลงหรืองมงายในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ก็ยังไหลไปตามอารมณ์ นั้นก็เป็นคนโง่
    เมื่อคนเราอยากได้อะไรแล้วไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแล้วสนองไปตามอารมณ์นั้นก็เรียกว่าโง่
    เพราะฉะนั้นที่กล่าวว่าท่านคือคนโง่นั้น ถ้าท่านไม่มีในสิ่งเหล่านี้แล้วท่านจึงจะพูดได้เต็มปากว่าท่านฉลาด แต่ที่เราชี้ไปเพราะยังเห็นว่าท่านยังโง่อยู่
    ก็เห็นว่าท่านเคยบอกว่า ท่านมี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ แล้วท่านก็มีความโง่อยู่ไง
     
  7. prarahu

    prarahu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +2,664
    คนที่คอยจ้องมองคนอื่นแล้วว่าคนอื่นโง่โดยที่ไม่เคยกลับไปมองตนเองเขาเรียกว่า โคตรโง่
     
  8. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    ส่วนคนที่รู้ตัว ว่าตัวเองยังโง่อยู่ คือคนฉลาด
     
  9. prarahu

    prarahu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +2,664
    ถูกต้องแล้วครับ
     
  10. ganesh

    ganesh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +30
    สรุปว่าท่านขันธ์ยังไม่ได้อ่านอ่ะจิ... เค้าบอกว่าออกหนังสือไปเพื่อนำเงินไปไถ่ชีวิตโคกระบือบนหน้าปกตัวเท่ากระบือ แล้วข้างในยังแจงว่า 70 % จากรายได้... ถ้ามีจิตเมตตาต่อสัตว์โลกก็อยากซื้อแล้วแค่เล่มละร้อยกว่าบาทจะได้กำไรเท่าไรเชียว

    ได้เงินมาร้อยนึงทำบุญเกินครึ่งก็หรูแล้ว คนเราเกิดมาก็ต้องกินไม่ได้ร่ำรวยอย่างท่านว่า ร่ำรวยมีเงินเยอะ บ้านใหญ่มีสนามกว้าง งั้นเอา 70% ไปทำบุญสิจ๊ะ..

    แล้วเรื่องฟิตเนสน่ะไปเล่นแล้วมันแปลกมากเลยเหรอครับ ที่บ้านเค้าไม่มีสนามหญ้ากว้างเหมือนคุณนี่ ไม่รวยขนาดซื้ออุปกรณ์มาตั้งที่บ้านด้วยสิ...

    เออ ตอบมากไปเดี๋ยวหาว่าผมเป็นสาวกคุณซัน เปล่าเลยแค่อ่านแล้วรู้สึกว่าทำไมคนเรามันคิดได้แค่เนี้ยเหรอ ตื้นเขินเกินกว่าจะอวดตัวว่าเป็นนักปฏิบัติ... ว่าแต่คุณขันธ์จะลองเป็นสาวกคุณซันก็น่าจะดีนะครับเพราะว่าเค้าสอนให้เราคิดดีทำดีน่าจะรวมไปถึงพูดดีด้วย หุ หุ

    ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด คำนี้ใช้ได้จริง ๆ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    สีแดงจะเหมาะกว่าคะ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สวัสดี ganesh อย่ามานะ

    คนทำดี ไม่ต้องการผลตอบแทน เอาเท่านั้นแหละนะ
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แล้วพวกเรา ก็ไม่คุยเรื่องแก้กรรมนะคะ

    พวกเรา คุยกันเรื่อง ทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร

    เรื่อง เทพ มีองค์ อะไรเนี๊ย พวกเรา เลิกคุยกันไปนานเเล้วคะ

    เพราะ พระพุทธองค์ สอนเกี่ยวกับ มรรคผลนิพพาน

    วันนี้ วันวิสาขบูชา เป็น วันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้เเละ ปรินิพพาน

    ถ้ายังไง พวกเรา คงนับถือ คนละองค์กัน
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนฉลาด คือ คนที่รู้เห็น เหตุโดยรอบ แก้ไขตรงจุด

    อุปมาว่า คนร้อนรน ไม่มีความสุข เพราะเหนื่อยต้องทำงานนั้นทำงานนี้
    เหตุที่ต้องเหนื่อยนั้นมันมีหลายปัจจัย ไม่ใช่เพราะเคราะห์กรรมเฉพาะอย่าง และไม่อาจจะแก้ได้ด้วยการแก้ไขเพียงการทำทาน ทำบุญแก้กรรม

    แต่จะต้อง ละทิ้ง ละวาง ความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่พอใจในสภาวะของตนเองที่เป็นอยู่ เมื่อละวางแล้ว ก็ทำใจให้ยอมรับ และเดินหน้าหาหนทางแก้ปัญหา นั้นแหละเรียกว่า แก้ด้วยปัญญา

    ไม่ใช่ งอมืองอเท้า เอาแต่อะไรง่ายๆ พยายามอ่านแล้วทำความเข้าใจความเป็นจริงหน่อย
     
  15. ganesh

    ganesh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +30
    แหมขนาดพิมพ์ไทยยังแสดงปัญญาระดับป.สองออกมาอีกนะครับ อ่านแค่นี้ยังอ่านไม่ถูกนับประสาอะไรจะไปวิจารณ์คนอื่น คุณขันเนี่ยสมกับชื่อจริง ๆ ครับ พูดอะไรก็ขัน..

    ผมว่าถ้าท่านว่าละทิ้งละวางได้ แล้วทำไมท่านไม่ละทิ้งละวางเล่า... เห็นว่าจะไม่ตอบแล้วก็ยังละทิ้งละวางไม่ได้

    คุณสันโดษครับ ผมก็นับถือศาสนาพุทธจ๊ะ
     
  16. ganesh

    ganesh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +30
    โทษทีนะครับ ผมพูดผิดผมว่าขนาดเด็ก ป.สอง ยังอายว่าอ่านผิดได้ไง
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พุทธ หรือ พราหมณ์ หรือ ฮินดู ไปศึกษาใหม่

    ศาสนาพุทธ ไม่มี พระศิวะ, พระนารยณ์ ฯลฯ

    อย่า สับสน เด็กน้อย
     
  18. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอบคุณที่ท่านช่วยเตือนสติเรา หวังว่าผลที่ท่านได้ให้สติแก่เราจงส่งผลไปถึงท่านให้ท่านได้มีปัญญาด้วย
     
  19. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ก็บอกแล้วไงว่าของจริงก็คือของจริง เมื่อไปเชื่อของที่ไม่จริงก็ได้แต่สิ่งลวงๆ เมื่อท่าน อยาก ได้ในสิ่ง ลวง แล้วท่านจะหาความจริงมาจากไหน แล้วปัญญาท่านจะเกิดได้อย่างไรเมื่อสิ่งที่เห็นเป็นสิ่งลวง
     
  20. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    <TABLE class=tborder id=post1212321 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สันโดษ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1212321", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:49 AM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 2,089 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,582 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 5,249 ครั้ง ใน 2,254 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 291 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1212321 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->มีแต่แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป

    1.ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ

    2. การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10

    ศีล 227 ตามเพสภาวะ

    3. เจริญสมาธิภาวนา แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม

    เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ

    4. การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน

    ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน

    ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี

    หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้น

    5. ขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว

    หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้

    ดังนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...