ใครได้ไปดู โพรมีทีอุส กันมาบ้างแล้วครับ เข้ามาคุยกันหน่อย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย punk_devil, 7 มิถุนายน 2012.

  1. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_168 class=t_msgfont>จากส่วนหนึ่งของมาหกาพย์ มหาภารตะ มีวิมานะอยู่ประเภทหนึ่งครับมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ ส่งเสียงดังปานฟ้าผ่า แถมยังวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ลักษณะเหมือน UFOs ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันไม่มีผิดครับ เมื่อเร็วๆนี้เอง มีการแถลงการจากนักโบราณคดีรัสเซียถึงการค้นพบเครื่องยนต์ปริศนา ที่ถ้ำเล็กๆในทะเลทรายโกบี เครื่องยนต์ที่ว่าทำจากแก้วและโลหะคาดว่าต้องเป็นชิ้นส่วนของยานพาหนะสัก อย่างในอดีต ในโคนซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อไอเสียของเครื่องยนต์พบสารปรอทตกค้างอยู่เป็น จำนวนมาก เล่นเอานักโบราณคดีกลุ่มนั้นงงเป็นไก่ตาแตก เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าใครหนอ ที่มาทิ้งเครื่องยนต์อายุเกือบแปดพันปีเหล่านี้ไว้ในถ้ำเล็กๆ ในทะเลทรายที่ปราศจากผู้คนแบบนี้

    น่าเสียดายครับ ที่วิมานะก็เหมือนอากาศยานที่ใช้กันในปัจจุบัน คือเน้นงานสงครามเป็นหลัก ชาวภารตะโบราณเล่าขานถึงการขับเคี่ยวในเชิงยุทธ ระหว่างพวกเขาและคู่สงครามด้วยวิมานะอย่างน่าฟัง คู่สงครามของพวกเขาเป็นมหานครที่เจริญด้วยอายธรรมเสียยิ่งกว่าพวกเขาอีก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ Rama Empire ไกลโพ้นออกไปกลางมหาสมุทร ชาวภารตะดบราณเรียกอาณาจักรนั้นว่าอาณาจักรของพวก Asvin และเรียกวิมานะของฝ่ายนั้นว่า Vailixi ครับ

    [​IMG]

    มีอยู่บทหนึ่ง ในมหภารตะที่โด่งดังมากครับ เพราะให้ภาพชัดเจนเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์มาก มีการใช้ขีปนาวุธที่ "ยาวราวเจ็ดชั่วตัวคน ขับเคลื่อนด้วยเปลวไฟในตัวเอง สามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง" ถล่มกันจากวิมานะ มีอยู่บทหนึ่งกล่าวว่า อาวูธของฝ่ายข้าศึกช่างร้ายแรงราวกับรวมพลังจากทั่วสากลโลกมาไว้ในตัวเอง อานุภาพการทำลายเต็มไปด้วยไฟ ควัน และคลื่นความร้อนราวกับดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันทีละสิบดวง

    อาวุธนี้สามารถแปรสภาพพื้นที่รอบบริเวณได้ในพริบตา มันเผาผลาญธัญญาหารจนเกรียมวายวอดไปทั้งท้องทุ่ง ผู้คนจะผมเผ้าขาวโพลนและหลุดร่วง นกบนท้องฟ้าจะเปื้อนฝุ่นละอองสีขี้เถ้า ตกลงมาตายนับพันตัว มิช้ามินาน อาหารและเสบียงที่มีจะเป็นพิษจนหมดสิ้น วิธีการหนีรอดจากไฟบรรลัยกัลป์นี้ของทหารภารตะโบราณคือ ถอดเสื้อผ้าและชุดเกราะออก ลงไปชำระกายในน้ำครับ เพื่อมิให้ฝุ่นละอองนี้ติดตัว

    จินตนาการหรือครับ? นี่เป็นเพียงจินตนาการหรือการถ่ายทอดภาพของสงครามนิวเคลียร์ให้ชนรุ่นหลัง ได้รับทราบ? โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยกับเจ้าของหนังสือเล่มที่ผมแกะมานี้มากเลย ระเบิดและฝุ่นกัมตภาพรังสี ผลที่เกิดกับร่างกายมนุษย์ การปนเปื้อนและตกค้างของฝุ่นนิวเคลียร์ ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกแล้วว่า เมื่อนานแสนนานมาแล้ว มนุษย์ได้ทำลายล้างกันด้วยอาวุธมหาประลัยชนิดนี้มาก่อนและบันทึกเรื่องราว เอาไว้เพื่อตักเตือนอนุชนรุ่นหลังถึงพิษภัยของมัน

    ในเมืองโมเฮนโจดาโร อดีตชุมชนแสนโบราณบริเวณลุ่มน้ำสินธุ มีการพบว่าโครงกระดูกในสุสานจำนวนมากที่ปนเปื้อนกัมตภาพรังสีอยู่ รวมทั้งกำแพงเมือง และภาชนะบางชิ้นที่หลอมละลายจนกลายเป็นแก้ว เนื่องจากโดน "ความร้อนที่ไม่ทราบที่มา" หลอมละลายจนกลายเป็นแบบนี้

    ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าวิมานะของชาวภารตะโบราณ เกี่ยวข้องอย่างไรกับ UFOs ที่พบเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เพราะตามจารึกแล้ว Rama Empire ล่มสลายไปหมดเนื่องจากสงครามครั้งใหญ่ครั้งนั้น ทว่านักวิชาการส่วนหนึ่งยังมีความหวังอยู่ เนื่องจากในจารึกมีการกล่าวถึงการเดินทางระหว่างดวงจันทร์กับพื้นพิภพด้วยวิ มานะ มีการรบกับระหว่างชาวภารตะกับชาว Asvin บนน่านฟ้าเหนือวงโคจรดวงจันทร์ ไม่แน่นะครับ ในหลืบใดหลืบหนึ่งของดวงจันทร์ อาจมีผู้รอดตายจากสงครามครั้งนั้นเหลืออยู่ก็ได้

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2012
  2. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE border=0 cellPadding=0 width=575 align=center><TBODY><TR><TD width=611>http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no16-25-45/yuk.html

    [​IMG]

    มนุษย์ยุคหิน

    นักประวัติศาสตร์ได้แบ่งยุคตามความเจริญที่มนุษย์รู้จักเอาทรัพยากรของธรรมชาติมาสร้างเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็นยุคต่างๆเช่นยุคหิน ยุคบรอนซ์ และยุคเหล็ก

    "ยุคหิน" ตามที่นักประวัติศาสตร์กำหนดไว้กลายเป็นช่วงเวลานานที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์"และเป็นยุคที่สร้างความยุ่งยากซับซ้อนมากที่สุดให้กับนักศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษย์

    ความยุ่งยากของยุคหิน
    ถ้าหากเราไม่ได้ศึกษาเรื่องจุดกำเนิดของมนุษย์หรือประวัติความเป็นมาของมนุษย์แล้วเอา "นิยาม" ของนักวิทยาศาสตร์ที่กำหนดไว้ว่า "มนุษย์คือพวกที่รู้จักเครื่องมือเครื่องใช้" มากำหนดยุคทางประวัติศาสตร์อย่างที่นักโบราณคดีได้กำหนดไว้มานานแล้วว่า "เครื่องมือทำด้วยหินที่ค้นพบคือเครื่องมือของมนุษย์" จึงเป็นเรื่องของความไม่ถูกต้องและเกิดความผิดพลาด

    มนุษย์สมัยใหม่แบบปัจจุบันคือโฮโมซาเปียนเริ่มเกิดขึ้นมาบนโลกนี้เมื่อประมาณปี50,000ก่อนค.ศ.ดังนั้นการศึกษาประวัติศาสตร์และการแบ่งยุคประวัติศาสตร์ของมนุษย์จึงต้องแก้ไขใหม่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ความจริงเริ่มต้นเมื่อมนุษย์แบบปัจจุบันเกิด คือเมื่อ50,000ปีมาแล้ว

    ช่วงเวลาที่เลยจากนั้นไปไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ปัจจุบันแต่เป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์โฮมินิดพันธุ์อื่นๆที่ไม่ใช่โฮโมซาเปียน เพราะฉะนั้นการแบ่งยุคประวัติศาสตร์ของมนุษย์ใหม่อย่าเอาประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไปปะปนกับประวัติศาสตร์ของสัตว์คล้ายมนุษย์

    เช่นประวัติศาสตร์ของออสตราโลพิธีคัส โฮโมอิเลคตัส หรือแม้กระทั่งมนุษย์นีนเดอร์ธัล ซึ่งต่างก็สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว คงมีแต่มนุษย์พันธุ์ปัจจุบันนี้เท่านั้นที่ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อมาจากจุดเริ่มต้นกำเนิดเมื่อ50,000ปีมาแล้ว

    ดังนั้นยุคประวัติศาสตร์ของมนุษย์จึงควรเริ่มต้นเมื่อมนุษย์พันธุ์ปัจจุบันเกิดขึ้น หมายความว่า "ยุคประวัติศาสตร์" เริ่มต้นเมื่อประมาณ50,000ปีก่อนค.ศ.ถัดจากนั้นขึ้นไปเป็น "ยุคก่อนประวัติศาสตร์" เครื่องมือทำด้วยหินทุกชิ้นที่มีอายุเกินกว่า50,000 ปีขึ้นไป

    เป็นเครื่องมือหินของมนุษย์คนละพันธุ์กับมนุษย์แบบปัจจุบัน และเป็น "พันธุ์" ที่สาบสูญไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นสัตว์คล้ายมนุษย์ หรือมนุษย์วานรมากกว่าเป็นมนุษย์จริงๆอย่างมนุษย์ปัจจุบัน

    หากว่าเราแบ่งยุคประวัติศาสตร์ของมนุษย์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่มนุษย์ที่แท้จริงเกิดขึ้น ความชัดเจนจะชัดเจนมากขึ้น เพราะเราจะรู้ได้ทันทีว่า "ยุคหิน" ที่เคยแบ่งไว้ครอบคลุมเวลายาวนานตั้งแต่ยุคหินเก่า ยุคหินกลางและยุคหินใหม่ นับเป็นช่วงเวลาทั้งสิ้นตั้ง2,000,000ปี-10,000ปีก่อนค.ศ.นั้น

    ความจริงควรเป็นเวลายุคประวัติศาสตร์ของเครื่องมือหินมากกว่าโดยจะอธิบายประกอบด้วยว่าเครื่องมือหินอายุ10,000-2,000,000ปีเป็นเครื่องมือของโฮมินิดพันธุ์หนึ่งเรียกว่าออสตราโลพิธีคัส สัตว์ครึ่งลิงครึ่งมนุษย์ทำไว้ เครื่องมือหินตั้งแต่1,000,000-250,000ปี

    เป็นเครื่องมือที่โฮมินิดอีกพันธุ์หนึ่งมีรูปร่างเป็นมนุษย์วานรมากกว่าเรียกว่าโฮโมอิเลคตัสทำไว้ ส่วนเครื่องมือทำด้วยหินมีอายุตั้งแต่250,000-50,000ปีก่อนค.ศ. เป็นเครื่องมือของมนุษย์นีนเดอร์ธัล ซึ่งเป็นมนุษย์คล้ายกับปัจจุบันมาก (แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์อย่างปัจจุบันที่แท้จริง) ได้ทำไว้ เครื่องมือหินอายุตั้งแต่ปี50,000ก่อนค.ศ.จนถึงปัจจุบันจึงจะถือว่าเป็นเครื่องมือหินของมนุษย์

    การกำหนดไว้ดังกล่าวจึงเป็นการกำหนดเรื่องราวเกี่ยวกับ"ประวัติศาสตร์เครื่องมือหิน"ตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่เอามารวมไว้เป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์และกำหนดให้ช่วงเวลาอันยาวนานตั้งแต่2,000,000ปี มาแล้ว ว่าเป็นช่วงเวลาของมนุษย์ที่รู้จักทำเครื่องมือด้วยหิน ซึ่งความจริงด้พิสูจน์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามนุษย์ที่แท้จริงอย่างมนุษย์ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันเกิดมาเมื่อประมาณ50,000ปีมานี้เอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    หลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์

    http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/social04/11/ThaiGoodView_Competition/Inter.html

    [​IMG]

    การกำหนดช่วงเวลาประวัติศาสตร์

    1.1 การแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ ตามเกณฑ์ของนักประวัติศาสตร์

    นักประวัติศาสตร์คำนึงถึงการประดิษฐ์ตัวอักษรและนำมาบันทึกเรื่องราว และนำมากำหนดยุคสมัยโดยแบ่งเป็นสองยุค ได้แก่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ เมื่อพบหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรจึงถือว่าเริ่มยุคประวัติศาสตร์

    1.2 การแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ ตามเกณฑ์ของนักโบราณคดี
    นักโบราณคดีส่วนใหญ่ กำหนดตามเทคนิควิธีและวัสดุที่ใช้ทำเครื่องมือใช้สอย เช่น ยุคหินและยุคโลหะ

    1.3 การแบ่งตามแบบแผนของนักมานุษยวิทยา เน้นการดำรงชีพและลักษณะสังคม

    แบบแผนที่สำคัญได้แก่
    สมัยชุมชนล่าสัตว์-หาของป่า (Hunting – Gathering Society Period) ราว 500,000-4,500 ปีมาแล้ว

    สมัยหมู่บ้านเกตรกรรม ( Agricultural Village Society Period ) เป็นสังคมระดับหม่บ้าน เริ่มเมื่อราว 4,500 ปี

    สมัยสังคมเมือง ( Urban Society Period) สังคมมีลักษณะซับซ้อนมากขึ้น เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2,500 ปีมาแล้ว
    อย่างไรก็ตาม การศึกษาประวัติศาสตร์ทุกช่วงสมัยจำเป็นต้องมองทั้งด้านพัฒนาการของเครื่องมือเครื่องใช้และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ควบคู่กัน จึงสรุปได้ดังนี้

    1. ยุคหินเก่า ( Paleolithic หรือ The Old Stone Age )

    พัฒนาการในยุคหินเก่า สรุปได้ดังนี้
    <TABLE border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=205>
    ระยะเวลาโดยประมาณ
    </TD><TD vAlign=top width=205>
    ชื่อเรียกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์และเครื่องมือหิน

    </TD><TD vAlign=top width=205>เรื่องที่ค้นพบ

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>2 ล้านปี

    </TD><TD vAlign=top width=205>Australopitheecus

    </TD><TD vAlign=top width=205>เรียกกันว่า มนุษย์วานร

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>1.75 ล้านปี

    </TD><TD vAlign=top width=205>Homo habilis

    </TD><TD vAlign=top width=205>

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>1.5 ล้านปี

    </TD><TD vAlign=top width=205>Homo erectus

    </TD><TD vAlign=top width=205>

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>หินเก่าตอนต้น

    </TD><TD vAlign=top width=205>เครื่องมือแบบเชลลีนพบมากตอนกลางของยุโรป
    และเครื่องมือแบบอาชลีน

    </TD><TD vAlign=top width=205>เครื่องมือหินกะเทาะหรือขวานกำปั้น ใช้สับ ตัด ขูด
    มนุษย์ไฮเดนเบิร์ก
    มนุษย์ชวา มนุษย์ปักกิ่ง ในเอเซีย

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>หินเก่า ตอนกลาง
    ประมาณ 150,000 ปี ระหว่างหิมะละลาย

    </TD><TD vAlign=top width=205>เครื่องมือแบบมูส์เตเรียน ปลายแหลม

    </TD><TD vAlign=top width=205>มนุษย์นีแอนเดอธัล (Neanderthal Man) กะโหลกศีรษะแบน หน้าผากลาด เริ่มรู้จักศิลปะวาดภาพสัตว์บนผนังถ้ำ เริ่มมีพิธีฝังศพ

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=205>หินเก่าตอนปลาย ประมาณ 40,000 ปี ระยะที่ 4 ของยุคน้ำแข็งสุดท้าย

    </TD><TD vAlign=top width=205>เครื่องมือแบบแมกดาเลเนียน

    </TD><TD vAlign=top width=205>มนุษย์โครมันยอง ( Cro-magnonan) พบที่ฝรั่งเศส เครื่องมือทำจากกระดูก
    เขาสัตว์ เครื่องประดับหลายรูปแบบ ภาพเขียนในถ้ำที่เสปนและฝรั่งเศส

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลักฐานยุคหินเก่า แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนต้น ตอนกลางและตอนปลาย ยุคหินเก่าตอนต้น เครื่องมือหินกะเทาะ ได้แก่ ขวานมือหรือ ขวานกำปั้น พบมากในยุโรปตอนกลาง อายุใกล้เคียงกับมนุษย์ชวา และมนุษย์ปักกิ่ง ที่พบในเอเซีย มนุษย์บางกลุ่ม เช่น มนุษย์ไฮเดนเบิร์ก สามารถพัฒนาเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เครื่องมือหินกะเทาะแบบอาชลีน (Acheulean) เป็นต้น

    เครื่องมือหินกะเทาะแบบ อาชลีน ( Acheulean ) ยุคหินเก่าตอนกลาง รูปร่างของเครื่องมือหินกะเทาะแบบนี้มีปลายค่อนข้างแหลม มนุษย์กลุ่มที่ทำเครื่องแบบนี้ ได้แก่ นีแอนเดอธัล ( Neanderthal ) ในเยอรมันนี เครื่องมือหินกะเทาะที่ทำขึ้นเรียกกันว่า แบบมูส์เตเรียน ( Mousterian )

    เครื่องมือหินกะเทาะ แบบมูส์เตเรียน (Mousterian ) อายุกว่า 60,000 ปีมาแล้ว ยุคหินเก่าตอนปลาย เป็นผลงานของมนุษย์โครมันยอง เรียกกันว่าแบบแมกดาเลเนียน (Magdalenian ) ซึ่งนอกจากทำด้วยหินไฟแล้ว ยังนำกระดูกสัตว์เขาสัตว์ เปลือกหอยและงาช้าง มาใช้ ประโยชน์ เครื่องมือสมัยนี้มีความประณีตมาก รู้จักใช้มีดมีด้าม ทำเข็มจากกระดูกสัตว์ มีการฝน และขัดเครื่องมือให้เรียบและคม ใช้ประโยชน์ได้หลายด้านมากขึ้น

    ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก http://www.iquat.u-bordeaux.fr/paleo-art/Images.htm

    เครื่องมือหินของพวกโครมันยองแบบแมกดาเลเนียนจัดเป็นแบบสุดท้ายของยุคหินเก่าตอน
    ปลาย มีพัฒนาการมากขึ้น รู้จักประดิษฐ์เข็มทำจากกระดูกสัตว์ แสดงว่าเริ่มรู้จักการเย็บเครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ และทำเครื่องมือ เครื่องใช้หลากหลายมากขึ้น

    เช่น ฉมวกจับปลา เป็นต้น ที่สำคัญคือ เริ่มรู้จักทำเครื่องประดับและวาดภาพในผนังถ้ำ ศิลปะแบบแมกดาเลเนียนที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ ภาพวาดบนผนังถ้ำในประเทศฝรั่งเศสและเสปน


    ปลายยุคหินเก่า เครื่องมือหินมีขนาดเล็กลง และสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    มากขึ้น บางแห่งจึงจัดเป็นยุคหินกลาง ระหว่าง 10,000 – 6,000 ปี

    2. ยุคหินใหม่ ( Neolithic หรือ The New Stone Age ) เริ่มต้นในช่วง 6,000 ปีก่อน
    คริสต์กาล แบ่งตามลักษณะเครื่องมือหิน ได้แก่ หินขัด คือ การทำเครื่องมือหินขัดจนบางเรียบ
    มีด้าม ทำให้คม ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย บางแห่งนำซุงมาขุดเป็นเรือ ทำธนูและลูกศร รู้จักนำสุนัขมาเลี้ยง ในราว 8,000 ปีก่อนคริสต์กาล

    ปรากฏหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มรู้จักทำการเกษตรอย่างเป็นระบบ สามารถเพาะปลูกพืชและเก็บไว้เป็นอาหาร รู้จักทอผ้าและทำเครื่องปั้นดินเผา แหล่งโบราณคดีที่เก่าที่สุด คือ บริเวณตอนเหนือของเมโสโปเตเมียหรืออิรัคในปัจจุบัน

    การขยายตัวของการเกษตรกรรมระหว่าง 8,000 – 5,000 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่การสร้างสรรค์ความเจริญระดับอารยธรรมในเวลาต่อมา จากเอเซียตะวันตก ไปสู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในราว 4,000 ปีก่อนคริสต์กาล การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นอาหารของชุมชนและแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่น ๆ ได้ขยายไปสู่บริเวณเอเซียกลางและรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    ชุมชนเจอริโกเป็นตัวอย่างของหมู่บ้านยุคหินใหม่ ที่เริ่มมีการปลูกข้าวสาลีและข้าวบาเลย์ รู้จักใช้เครื่องมือล่าสัตว์และทำภาชนะจากดินเหนียว สำหรับเก็บข้าวเปลือกและใส่อาหาร ตั้งแต่ราว 5,000ปี ก่อนคริสต์กาล
    สมัยหินใหม่

    จัดเป็นการปฏิวัติครั้งแรกของมนุษย์ ที่ประสบความสำเร็จขั้นต้นในการปรับตัวให้เข้ากับข้อจำกัดของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องร่อนเร่ย้ายถิ่น และเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นการรวมกลุ่มเป็นตั้งหลักแหล่ง ในบริเวณที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์

    (แม้ว่ายังมีบางกลุ่มที่ยังคงวิถีชีวิตผูกพันกับการเลี้ยงปศุสัตว์ ที่ต้องเปลี่ยนที่ไปตามความอุดมสมบูรณ์ของทุ่งหญ้า เช่น พวกอนารายชนมองโกล เป็นต้น)

    ความสามารถในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าและกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งยังเริ่มมีความเชื่อทางศาสนา แสดงความเคารพอำนาจของธรรมชาติ เพื่อให้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์

    ตัวอย่างความเชื่อที่สำคัญ คือ การนำก้อนหินขนาดกลางหรือขนาดใหญ่มาเรียงต่อกัน เรียกว่า เมกาลิธิค ( Megalithic ) เช่น สโตนเฮนจ์ (The Stonehenge) ในอังกฤษ

    บางแห่งมีความเชื่อเรื่อง การบูชารูปผู้หญิงอวบอ้วน แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และการให้กำเนิดชีวิตใหม่ บางแห่งมีการบูชายัญสาวพรหมจรรย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพื่อให้เทพเจ้าพอใจและนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์
    การอยู่เป็นหลักแหล่ง มีประชากรมากขึ้นและมีอาหารอุดมสมบูรณ์

    ทำให้มนุษย์ยุคหินใหม่ มีเวลามากขึ้นและเริ่มแบ่งงานตามความถนัด สามารถนอกจากรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผาแล้วยังรู้จักเทคโนโลยีสำหรับทำเครื่องมือ เครื่องใช้จากสำริดและเหล็ก ดังนี้

    2.1 สมัยโลหะ ประกอบด้วยสมัยสำริด และสมัยเหล็ก สมัยนี้เครื่องมือ เครื่องใช้ทำจากสำริดและเหล็ก กำหนดอายุด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อยู่ในราว 5,600 – 1,200 ปี ก่อนคริสต์กาล เริ่มต้นเมื่อมนุษย์พบวิธีถลุงแร่ทองแดงและดีบุก นำมาผสมผสานกันเป็นสำริด สามารถทำแม่พิมพ์เป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับและอาวุธหลากหลาย เช่น ใบหอก กำไล กลองมโหระทึก เป็นต้น

    2.2 สมัยเหล็ก ประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของมนุษย์ที่สามารถทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่คงทนมากขึ้น จึงมีเครื่องมือการเกษตรกรรมที่ใช้ในการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บางกลุ่มรู้จักเทคโนโลยีสำหรับถลุงเหล็กและนำมาตีเป็นดาบและอาวุธต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของการสร้างกองทัพขนาดใหญ่ ส่งผลต่อการเปลี่ยนรูปแบบสงครามและยุทธวิธีในการรบอย่างต่อเนื่อง

    3. ยุคประวัติศาสตร์ เริ่มต้นราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มรู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร ใช้บันทึกเรื่องราวและนำมาใช้สื่อสารระหว่างกัน ในที่นี้ขอกล่าวโดยสรุปคือ สมัยนี้เริ่มมีชุมชนขนาดใหญ่และมีความเจริญในระดับอารยธรรมตามแหล่งต่าง ๆ แบ่งย่อยได้ดังนี้
    1. สมัยโบราณ แหล่งอารยธรรมเก่าที่สุด ได้แก่ เมโสโปเตเมีย ประมาณ 3,000 ปี
    ก่อนคริสต์กาล ผู้คนในบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสหรือดินแดนพระจันทร์เสี้ยวเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประดิษฐ์อักษรคูนิฟอร์ม บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ปัจจุบันคือ บริเวณประเทศอิรัคและบางส่วนของซีเรีย แหล่งอารยธรรมที่มีอายุในเวลาใกล้เคียงกันคือ
    อียิปต์ ชุมชนบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์เจ้าของอักษรเฮียโรกริฟฟิคเป็นผู้สร้างสรรค์อารยธรรมอียิปต เริ่มตั้งแต่ประมาณ 3,300 ปีก่อนคริสต์กาล จนถึงประมาณ 30 ก่อนคริสต์กาล เมื่ออียิปต์ตกเป็นเมืองขึ้นของโรมัน

    จีน เริ่มต้นด้วยราชวงศ์ชาง บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ตั้งแต่ประมาณ 1,800 ปีก่อนคริสต์กาล
    ฮารัปปา-โมเฮ็นโจดาโร บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ ประมาณ 3,000 ปี

    แหล่งอารยธรรมที่สำคัญในสมัยต่อมา คือ กรีก พัฒนาจากอารยธรรมไมนวล ที่เกาะครีต ราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล จนถึงสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (323 – 30 ปีก่อนคริสต์กาล ส่วนจักรวรรดิโรมัน เริ่มต้นราว 1,000 ปีก่อนคริสต์กาล และพัฒนาเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ จนสิ้นสุดเพราะถูกรุกรานโดยอนารยชนเยอรมนิค ในค.ศ. 476 ถือเป็นการสิ้นสุดสมัยโบราณ ศูนย์กลางความเจริญได้ย้ายไปอยู่ที่ไบเซ็นไทน์ หรือต่อมาคือคอนสแตนติโนเปิล อยู่ในตุรกีปัจจุบัน) หรือที่เรียกว่าอาณาจักรโรมันตะวันออก
    1. ยุคมืด (Dark Age ) และสมัยกลาง ( The Middle Ages) เป็นช่วงต่อระหว่าง
    จักรวรรดิโรมันล่มสลาย ความเจริญหยุดชงัก ประดุจยุคมืด ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4 - 5 เพราะการบุกทำลายเมืองต่าง ๆโดยอนารยชนเยอรมันนิคเผ่าวิสิกอธ ( Visigoth ) ประชาชนในยุโรปต่างไม่มีที่พึ่ง เจ้าผู้ครองแต่ละเมืองตั้งตัวเป็นใหญ่ ในระบบศักดินาสวามิภักดิ

    ประชาชนให้ความสำคัญกับศาสนาจักรคริสต์โรมันคาธอลิคอย่างมาก ต่อมาศาสนาจักรจึงมีอำนาจเหนือการปกครอง ยุคนี้ผู้คนศรัทธาในพระเจ้า จนยอมสละชีพเดินทางไปตะวันออกกลาง เพื่อสู้รบแย่งชิงดินแดนปาเลสไตน์อันศักดิ์สิทธิ์จากมุสลิมในสงครามครูเสดหลายครั้ง ( ค.ศ. 1096 – 1291 ) ต่อเนื่องนานกว่า 300 ปี
    ปลายสมัยกลาง ราว ค.ศ. 1347 หรือคริสต์ศตวรรษที่ 14 เกิดกาฬโรคหรือ Black Death ระบาดทั่วยุโรป ผู้คนเสียชีวิตกว่าสามล้านคน ส่งผลกระทบต่อสังคมยุโรปในเวลานั้นอย่างมาก

    4.สมัยใหม่

    ราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นสมัยแห่งการฟื้นฟูความคิดและศิลปกรรมของกรีก-โรมัน
    จึงเรียกว่าสมัยศิลปวิทยาการ ( Renaissance ) ในแหลมอิตาลีและขยายไปสู่ยุโรปส่วนอื่น ๆ นำไปสู่การเปลี่ยนความคิดออกจากอิทธิพลของศาสนา เน้นความสำคัญของมนุษย์และเหตุผลมากขึ้น

    ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ เช่นเซอร์ไอแซก นิวตัน เหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ เช่น
    1. สงครามกลางเมืองในอังกฤษ โอลิเวอร์ คลอมเวลเป็นผู้ปกครองอังกฤษในนาม
    รัฐสภาและประหารกษัตริย์อังกฤษ ต่อมาเมื่อเขาสิ้นชีวิต ราชวงศ์อังกฤษจึงได้กลับมาครองราชย์อีกครั้ง
    1. การปกครองแบบกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ล้มเลิกระบอบศักดินา
    สวามิภักดิ์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจสูงสุดเหนือนครรัฐทั้งหลาย กษัตริย์หลายพระองค์ส่งเสิรมการสำรวจและการยึดครองดินแดนเป็นอาณานิคมโพ้นทะเล มีนักสำรวจเส้นทางสู่ดินแดนใหม่ เช่น โคลัมบัส และแมคเจแลนด์ เป็นต้น

    ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตอนปลาย ถึงคริต์ศตวรรษที่ 19 มีการปฏิวัติการเกษตรและการปฏิวัติอุตสาหกรรม เริ่มในอังกฤษเป็นที่แรก ทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนสู่ระบบเสรีนิยมและการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดความต้องการทรัพยากรในการผลิตและตลาดจำหน่ายสินค้า ประเทศในยุโรปจึงขยายอำนาจครอบงำดินแดนต่าง ๆ ในสมัยจักรวรรดินิยม

    จนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ( ค.ศ. 1914 – 1918 ) และสงครามโลกครั้งที่สอง ( ค.ศ. 1939 – 1945 )

    5. สมัยปัจจุบัน
    นักวิชาการส่วนใหญ่กำหนดให้สมัยปัจจุบันเริ่มต้นในสมัยสงครามเย็น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงที่มีการประจัญหน้ากันระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำมีอิทธิพลเหนือยุโรปตะวันออก กับสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ มีอิทธิพลเหนือยุโรปตะวันตก

    ทั้งสองมหาอำนาจแทรกแซงทางการเมืองในประเทศต่าง ๆ แต่ไม่มีสงครามระหว่างกันโดยตรง เพราะต่างเกรงกลัวหายนะจากอาวุธนิวเคลียรส์ สงครามเย็นเริ่มยุติลงสมัยประธานาธิบดีโกบาชอฟ

    ในค.ศ. 1989 เมื่อกำแพงเบอร์ลินที่สหภาพโซเวียตเป็นผู้สร้างเพื่อแบ่งเขตปกครองเยอรมัน
    ถูกทำลาย สงครามเย็นยุติอย่างเด็ดขาดเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในค.ศ. 1991

    ทุกวันนี้สถานการณ์ในโลกร่วมสมัย (contemporary ) เปลี่ยนเป็นความขัดแย้งด้านความคิดทางศาสนาและการปราบปรามการก่อการร้าย เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

    อิสลาเอล- ปาลเสลไตน์ เหตุการณ์ที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาหลังเหตุการณ์ 9/11 กับชาติมุสลิมในตะวันออกกลาง ได้แก่ อิรัค อัฟกานิสถานและอิหร่าน เป็นต้น

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2012
  4. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    รู้สึกหน้าผู้สร้างจะเหมือนทั้งโมอายทั้งเดวิดเลยนะ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    อยากดูแต่ไม่มีตังค์อะ ขอหน่อยดิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...