โชคดีสูตรสำเร็จ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 11 เมษายน 2013.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    12 ลักษณะของคนที่เป็นมหาเศรษฐี

    W.Randall Jones เขียนหนังสือชื่อ "The Richest Man in Town " โดย การสัมภาษณ์และวิเคราะห์คุณสมบัติ นิสัย แนวความคิด ปรัชญาการใช้ชีวิต และอื่นๆ ของคนที่รวยที่สุดในเมืองต่างๆของอเมริกาจำนวน 100 คน เขาพบลักษณะร่วมของคนที่เป็นมหาเศรษฐี 12 ประการ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

    1. ไม่หาเงินเพื่อเงิน การทำอย่างนั้นคุณจะไม่ได้เงิน เงินจะมาก็ต่อเมื่อคุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง และด้วยวิธีที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่คุณรักและมีความหลงใหลที่จะทำ คุณต้องทำในสิ่งที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์ แล้วเงินจะมาเอง มันเป็นผลพลอยได้ ในมุมของ VI หรือนักลงทุนเน้นคุณค่า ผมคิดว่ามันถูกต้องตรงกัน อย่าลงทุนแบบจ้องหา หรือหมกมุ่นกับผลตอบแทนเกินไป มีความสุขกับการลงทุนทำหรือเลือกลงทุนอย่างถูกต้องเงินจะมาเอง

    2. รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ที่สำคัญต้องรู้ว่าอะไรคือความสามารถหรือความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเอง ถ้าคุณคิดว่าต้องไปทำงานทุกวัน นั่นก็ผิดแล้วงานจะไม่ใช่งานถ้าคุณทำแล้วมีความสุข และเป็นสิ่งที่คุณอยากทำ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยบอกกับซูซี่ อดีตภรรยาที่ล่วงลับไป ในตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ ว่า เขาจะต้องรวย เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาทำงานหนัก หรือมีความเก่งเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะเขาเกิดมาด้วยทักษะที่ถูกต้อง ในสถานที่ที่ถูกต้อง และในเวลาที่ถูกต้อง นั่นคือ ทักษะในการจัดสรรเงินทุน หรือก็คือ การลงทุนนั่นเอง

    3. เป็นนายของตัวเอง คุณไม่สามารถรวยได้โดยการทำงานให้คนอื่น เรื่องนี้ผมคงไม่ต้องอธิบายกับ Value Investor เพราะนักลงทุนนั้นทุกคนเป็นนายของตัวเอง

    4. เสพติดความทะเยอทะยาน คนเราทุกคนต่างก็เสพติดอะไรบางอย่าง หรือหลายอย่างในชีวิต เราติดกาแฟ ติด Internet ติดเหล้า ติดเซ็กส์ ติดอำนาจ เราต้องคิดว่าติดอะไรแล้วจะเป็นประโยชน์ มหาเศรษฐีบอกว่า "ไม่มีความมั่งคั่งถ้าไม่มีความทะเยอทะยาน" ทำอะไรสำเร็จแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ความทะเยอทะยานนั้นมีด้านมืด มันอาจทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปและเป็นอันตราย ความทะเยอทะยานนั้นควรจะมีวัตถุประสงค์ชัดเจน และเราต้องไม่ปล่อยให้มันอยู่เหนือการควบคุมของเรา

    5. ตื่นเช้ามาถึงก่อน เริ่มตั้งแต่อายุน้อย ในเรื่องของการทำงานทั่วไป และในฐานะของผู้บริหารหรือผู้ประกอบการนั้น ผมคิดว่าต้องทำทั้งสามเรื่อง แต่เรื่องการลงทุนนั้น ผมคิดว่าการเริ่มตั้งแต่อายุน้อย เป็นสิ่งที่จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงและเป็นเศรษฐีได้ง่ายที่สุด แนวทางข้อนี้ค่อนข้างจะต้องสัมพันธ์กับข้อสอง นั่นคือ ถ้าคุณสามารถค้นพบตัวเองว่าเก่งทางไหนตั้งแต่อายุน้อย ความสำเร็จก็ไม่หนีไปไหน

    6. อย่าตั้งเป้าหมาย ลงมือทำให้สำเร็จทีละน้อย เดินหน้าไปทุกวัน เป้าหมายหรือแผนธุรกิจ พอเขียนเสร็จก็ล้าสมัยแล้ว มหาเศรษฐีบางคนไม่มี Business Plan และไม่ตั้งแม้แต่เป้ายอดขายด้วยซ้ำ ข้อนี้ฟังดูเหลือเชื่อ ผมคิดว่าเป้าหมายคงอยู่ในใจและเป็นเป้ากว้างๆ ที่จะช่วยบอกทิศทาง พวกเขาเน้นที่การปฏิบัติว่าต้องได้ผลมากกว่าการตั้งเป้าแต่ปฏิบัติไม่สำเร็จ นักลงทุนเองก็ควรคิดว่า Execution หรือการปฏิบัตินั้น สำคัญกว่าเป้าหมายมาก ถ้าเราลงทุนแล้วพอร์ตเราโตขึ้นเรื่อยๆนี่แหละความสำเร็จ

    7. อย่ากลัวความล้มเหลว ทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จก็คือ กล้าที่จะล้มเหลวและล้มเหลวต่อหน้าสาธารณชนด้วย ทุกคนจะต้องเคยล้มเหลวมาบ้าง ไม่มีใครประสบความสำเร็จตลอด โดยที่ไม่มีความล้มเหลวมาคั่นถ้า เรากลัวความล้มเหลว เราจะไม่กล้าทำอะไร ว่าที่จริงไม่มีคำว่าล้มเหลว ยกเว้นว่าคุณจะเลิก การลงทุนก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จตลอด อย่าเลิกเมื่อขาดทุนหนัก สู้ต่อไปวันหนึ่งเราจะชนะ

    8. ทำเลไม่สำคัญ ทำเลที่ว่านี้ คือ สถานที่ที่คุณอยู่ หรือที่ที่คุณทำงาน ไม่ว่าคุณจะอยู่เมืองไหน คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องย้ายไปอยู่เมืองใหญ่หรือเมืองธุรกิจหลัก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เรามีเครือข่ายการสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพ ว่าที่จริง บัฟเฟตต์ อยู่ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ซึ่งเป็นเมืองทางการเกษตรมา ตั้งแต่เริ่มธุรกิจลงทุนเมื่อ 50 ปีก่อน ที่การสื่อสารยังไม่ดีนัก แทนที่จะอยู่ที่นิวยอร์กหรือบอสตันที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุน ผมเองคิดว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องอยู่ที่กรุงเทพฯ ถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน ว่าที่จริงยิ่งห่างอาจจะยิ่งดี

    9. ยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจ นี่เป็นกฎเหล็กที่สำคัญที่สุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ พูดว่า "ชื่อเสียงใช้เวลา 20 ปีในการสร้าง แต่ใช้เวลาแค่ 5 นาทีในการทำลาย ดังนั้นคุณต้องสำนึกไว้ตลอดเวลา"

    10. เน้นที่การขาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าบางสิ่งบางอย่างจะถูกขายออกไป นักลงทุนไม่ได้ขายอะไร แต่ต้องรู้ว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้นขายอะไร การขายเป็นหัวใจของความสำเร็จของบริษัท และเป็นความสำเร็จของราคาหุ้น ในความรู้สึกของผม ผมคิดว่า VI จำนวนมากชอบดูกำไร ซึ่งเป็นบรรทัดสุดท้าย แต่ไม่ค่อยดูยอดขายที่เป็นบรรทัดแรกในงบการเงิน

    11.ขอยืมไอเดียจากคนที่เก่งที่สุดและคนที่แย่ที่สุด การอ่านประวัติและวิธีคิดของคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด อย่างการลงทุน ของบัฟเฟตต์ ผมคิดว่าไม่มีอะไรมาทดแทนได้

    12. ไม่มีวันเกษียณ การเกษียณจะทำให้ชีวิตคุณล้มเหลว การเกษียณเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การเกษียณเป็นอันตรายต่อความสนุกในชีวิต อันตรายต่อความมั่งคั่งส่วนตัว นักลงทุนไม่มีวันเกษียณ บัฟเฟตต์ และมังเจอร์ อายุเกือบ 80 ปีแล้วยังทำงานทุกวัน แม้แต่ปีเตอร์ ลินช์ หรือ จอห์น เนฟฟ์ ที่เกษียณจากการบริหารกองทุนรวม แต่พวกเขาก็ยังบริหารกองทุนส่วนตัวอยู่k-weplan
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/hAn6Ii5zB0U" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  3. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่แป่งปันให้สังคมนะครับ
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/TFNsL9U8dtw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/0womcFobXbE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/_HaY_OfJ92g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/soQkrCWUpkU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ต้อง เชื่อ "อย่าอยาก!!!"
    ถ้าต้องการประสบความสำเร็จ - ต้องเชื่อว่าประสบความสำเร็จ
    (อย่าอยากประสบความสำเร็จ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/ZHK5pxPnv7k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    [​IMG]

    เด็กๆ เขาถาม ....

    คนรวย ทำอะไรให้กิน อร่อยที่สุด.....
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คนรวยสอนทำอาหารให้กิน
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/DDLuMv7CdNw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/3n1QwIucCN4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/zgxzeM0I-RI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/cs3FMFecgKg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    จงเป็นผู้บริหารพันธ์ใหม่ รวยเพื่อดูเเลเเละรักษาโลก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/uLulYL_Ogsw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/1PBgzsUM4AQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/NGUsDaARHpg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/00XNXTVlZtQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/St_e6kHpqeY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/8IHdhLXY9lU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    สูตรความสำเร็จ อดีต + ปัจจุบัน + อนาคต (0+100+0)



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/ofQo7mxjX8I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/XOn7OqWhbnw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/8KYk1y5V-28" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/Yhb2NBBLRQE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/axi9s6eiPIg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/fu5ks1uoy6w" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/P8U0xyuAsBg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/6EmatcK5l98" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/RlcoxuYr2QU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/_b-n97-j-kE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/iKKL4kG0EQY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทำได้อย่างไง ? เป็นโค้ช 2 วัน มีรายได้เกือบ 22 ล้านบาท
    [​IMG]

    เมื่อสี่ปีก่อนผมโทรศัพท์ติดต่อวิทยากรท่านหนึ่ง ชื่อ “ศุภกิจ รุ่งโรจน์” ตั้งใจจะเชิญมาเป็นวิทยากรฝึกอบรมให้กับองค์กรที่ผมทำงานอยู่ แต่พอทราบค่าตัวท่านแล้วก็รู้ว่าไม่มีปัญญาจ้างแน่นอน เพราะค่าบรรยายของวิทยากรท่านนี้ คือ ชั่วโมงละ 60,000 บาท ถ้าเชิญมาบรรยาย 1 วัน ประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ตก 360,000 บาทต่อวัน สำหรับผมถือเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดของวิทยากรฝึกอบรมในยุคนั้น

    ผมตกใจ และคิดในใจว่าวิทยากรคนนี้มีดีอะไร เขาเป็นใคร สอนอย่างไงเหรอ ทำไมค่าตัวถึงได้แพงขนาดนี้ จึงได้หาซื้อหนังสือที่คุณศุภกิจเขียนมาอ่าน เล่มแรกชื่อ “หัวใจลอยฟ้า” และเล่มที่สอง ชื่อ “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง (The Power of Change) ซึ่งเป็นเล่มที่ผมชอบหยิบมาอ่านบ่อยที่สุด หนังสือเล่มนี้เป็นพ็อกเกตบุ๊กขนาดเล็ก มีเพียง 146 หน้า เนื้อหากระชับ อ่านง่าย สร้างแรงบันดาลใจและเป็นโค้ชที่ดีของผมเสมอ ผมไม่ได้มาโปรโมตหนังสือ หรือได้ส่วนแบ่งอะไรจากเขานะครับ แต่ผมกล้าพูดได้ว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้อาชีพการงานของผมดีขึ้นมาจากหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้

    บางส่วนหนังสือเล่มนี้พูดถึงว่า คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องมีโค้ช แม้เราจะไม่ใช่นักกีฬาก็ตาม โค้ชคนแรกของเราคือ พ่อแม่ โตขึ้นเราเข้าโรงเรียน โค้ชของเราคือ ครูอาจารย์ พอทำงานหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานก็เป็นโค้ชของเรา รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทุกอย่างรอบตัวก็เป็นโค้ชของเราได้ ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังศึกษาเรื่องอะไร หรืออยากเรียนรู้เรื่องอะไร
    คุณศุภกิจบอกว่า ถ้าเราอยากเป็นคนเก่ง เราก็ต้องศึกษาจากคนเก่ง เช่น ตัวเขาอยากคิดเก่ง เขาก็หาหนังสือ เรื่อง “คิดอย่างไอน์สไตน์” มาอ่าน เพราะไอน์สไตน์คือนักคิด เก่งในการคิดสร้างอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ

    สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาแนะนำเทคนิคช่วยฝึกการอ่าน คือ ให้เริ่มอ่านทีละน้อย อาจจะเป็นวันละคำ วันละประโยค หรือวันละหน้า เหมือนกับประโยคที่ว่า “Repetition is Mother of Skill” การทำซ้ำเป็นต้นกำเนิดของการทำงาน ฝึกอ่านหนังสือวันละนิด ฝึกให้สม่ำเสมอในที่สุดจะติดเป็นนิสัย ก็เหมือนการออกกำลังกายนั่นแหละ ตอนเริ่มต้นจะรู้สึกยากทุกคน แต่ถ้าฝืนออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย วันไหนถ้าไม่ได้ออกกำลังจะรู้สึกหงุดหงิด
    ตัวผมเองชอบอ่านหนังสือและอ่านเยอะมากอยู่แล้ว แต่ก็ได้นำเทคนิคนี้ไปใช้กับลูกชายที่เพิ่งเริ่มหัดอ่านหนังสือ จริง ๆ แล้วลูกชายผมเขาชอบดูการ์ตูนในทีวีมากกว่า ผมก็เลยตกลงกับลูกว่าทุกครั้งก่อนดูทีวีต้องอ่านหนังสือให้พ่อหรือแม่ฟัง 3-5 บรรทัด ตอนนี้ฝึกมาได้เกือบ 2 อาทิตย์ก็ได้ผลครับ อ่านได้ครั้งละมากกว่า 5 บรรทัดแล้ว

    คุณศุภกิจบอกว่าโค้ชของเขาไม่ใช่มีแต่หนังสือ แต่เขามีโค้ชที่มีชีวิตด้วย แต่ไม่ใช่โค้ชส่วนตัวของเขาคนเดียว เป็นโค้ชของส่วนรวม ชื่อ “ แอนโทนี ร็อบบินส์” ซึ่งเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก และเคยเป็นโค้ชส่วนตัวให้แก่บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย เช่น นักเทนนิสชื่อดังอังเดร อากัสซี เลดี้ไดอานาเจ้าหญิงแห่งเวล รวมทั้งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิลล์ คลินตัน ซึ่งเคยจ้างแอนโทนี ร็อบบินส์ ประมาณเดือนละ 1 ล้านยูเอสดอลลาร์ ให้มาเป็นที่ปรึกษาหรือโค้ชส่วนตัวของเขา

    คุณศุภกิจเล่าว่าตัวเขาคงไม่สามารถจ้างแอนโทนี ร็อบบินส์มาเป็นโค้ชส่วนตัวได้ แต่เขาใช้วิธี ซื้อบัตรใบละแสนกว่าบาท เพื่อไปนั่งฟังสัมมนา ของแอนโทนี ร็อบบินส์ ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ท่ามกลางผู้ฟังที่มาจากนานาประเทศ รวมทั้งสิ้นสี่พันกว่าคน

    เขาซื้อบัตรราคาแพงที่สุด นั่นคือบัตรที่ได้นั่งหน้าสุด ได้รับประทานอาหารกลางวันในห้อง วีไอพี และได้รับการทักทายจากแอนโทนีอีกด้วย เขาบอกว่าการไปเข้าฟังครั้งนี้เป็นการลงทุน แล้วเชื่อว่าต้องได้รับผลจากการลงทุน จึงต้องใกล้ชิดและชัดเจนที่สุด

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าครับว่า ภายในครึ่งชั่วโมงแรกที่เขาฟัง แอนโทนี ร็อบบินส์ พูดอยู่ในห้องสัมมนานั้น เขาคิดโครงการสัมมนาของตัวเองขึ้น เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะเป็นนักพูด และจะเป็นนักพูดสไตล์สร้างแรงบันดาลใจแบบนี้ แอนโทนี ร็อบบินส์ คือโค้ชของเขา และเขาจะทำสิ่งเดียวกันนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย
    หลังกลับมาจากสัมมนาที่สิงคโปร์ คุณศุภกิจจึงได้เริ่มโครงการสัมมนา ชื่อว่า “ The Power of Change” หรือ “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ชื่อเดียวกับหนังสือเล่มที่ผมกำลังแนะนำอยู่ตอนนี้

    การจัดสัมมนาของเขาครั้งแรกมีผู้ฟัง 80 คน และครั้งที่สองมีผู้ฟัง 350 คน เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัว ตัวผมเองก็เคยซื้อตั๋วไปเข้าฟังสัมมนาของคุณศุภกิจ ซึ่งเป็นการจัดครั้งที่ 4 จัดอบรม 2 วันที่ยิมเนเซียม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(รังสิต) ครั้งนั้นเขาคิดค่าสัมมนาคนละ 2,000 บาท คน มีคนเข้าฟังครั้งนั้น 3,600 คน

    ผมเองได้ประโยชน์เยอะมากจากการสัมมนาครั้งนั้น ไม่เสียดายเลยที่โดดเรียนปริญญาโท 1 วัน ไปเข้าฟังคุณศุภกิจ ทำให้ผมซึ่งตอนนั้นอายุจะ 40 ปีแล้วมีเป้าหมายและมุ่งมั่นในการเรียนให้ได้เกียรตินิยมเป็นอันดับที่ 1 ของรุ่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เรียนแบบสนุก ๆ ไม่ได้ตั้งใจอยากได้เกียรตินิยมอะไร นอกจากนั้นยังทำให้ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งที่ผมพาไปฟังสัมมนาด้วยกลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญผมได้เทคนิคใหม่ ๆ หลายอย่างมาใช้ในอาชีพการเป็นวิทยากรของผมแต่ก็มีบางคนไปเข้าสัมมนาหลักสูตรนี้มาแล้ว บอกว่าหลักสูตรนี้เหมาะกับวัยรุ่นมากกว่า ไม่เหมาะกับคนอายุเยอะ ๆ บ้างก็บอกว่าเนื้อหาไม่มีอะไรใหม่เลยเคยเรียนมาแล้วทั้งนั้น หรือก็บอกว่าเหมาะกับตัวแทนขายประกันมากกว่า หรือไม่ก็คุณศุภกิจจะมาล้างสมอง เป็นเจ้าลัทธิอะไรหรือเปล่า คุณศุภกิจบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า โปรดอย่าศรัทธาในตัวเขา แต่เมื่อฟังเรื่องของเขาแล้ว อยากให้คุณคิดว่า เขาทำได้อย่างไรมากกว่า”เรื่องนี้ก็ขอให้ใช้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพวกเราไว้มาพิจารณา คือ หลักกาลามสูตร ที่ว่า อย่าเชื่ออะไร ง่าย ๆ อย่าเชื่อคำสั่งสอนของใครง่าย ๆ จนกว่าเราจะได้ปฏิบัติดูก่อน แล้วจึงค่อยพิจารณาว่าเป็นจริงดังคำสอนนั้นหรือไม่

    ต่อไปนี้ก่อนจะเข้าฟังอบรมสัมมนาหลักสูตรใดก็ตาม ผมขอให้ท่านนึกถึงคำพูดของ แอนโทนี ร็อบบินส์ ที่มักใช้เป็นคำพูดแรกในตอนเริ่มต้นสัมมนาของเขาว่า “ You have to be a white paper ” คือคุณต้องทำตัวเป็นกระดาษขาว นั่นคือ อย่าเพิ่งคิดล่วงหน้า อย่าตีความล่วงหน้าก่อนผู้อื่นพูดจบ การคิดแบบนี้เท่ากับ สกัดกั้นความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้พูดกำลังพยายามอธิบาย คนพูดมีจุดประสงค์ให้คนฟังรับรู้และเข้าใจอย่างหนึ่ง แต่คนฟังอาจจะคิดล่วงหน้าไปก่อนและตีความไปอีกแบบหนึ่ง ทำให้เรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ครับ

    [​IMG]

    วันที่ 3 พฤษภาคม ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสพบและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องการสอนหนังสือกับคุณศุภกิจ ผมก็บอกเขาว่าประทับใจกับลีลา และเทคนิคแนวการสอนแบบ Edutainment ของเขามาก แล้วเขาก็ถามผมกลับว่าแล้วอาจารย์ล่ะใช้เทคนิคอะไรเป็นพิเศษ ผมบอกว่าชอบให้ผู้เข้าอบรมดูภาพยนตร์และทำการบ้านที่มอบหมายให้มาล่วงหน้า และนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในห้องอบรม จำได้ว่าวันนั้นคุณศุภกิจแนะนำให้ผมไปหาซื้อดีวีดี หนังเรื่อง “300” มาดูเพราะเนื้อหาเหมาะกับการสอนเรื่องภาวะผู้นำ และการบริหารคนมาก หลังจากนั้นผมก็นำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้ไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟังอยู่ป็นประจำ
    ก่อนจากกันวันนั้น ผมถามคุณศุภกิจว่ายังจัดสัมมนา “Power of Change” อยู่หรือเปล่า เขาตอบว่ายังจัดอยู่ จัดทุกปี ๆ ละ 1 รุ่น ๆ ละ 2 วัน
    ก็เลยถามว่าในปี 2549 ที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดในตอนนั้น) มีคนเข้าฟังเยอะไหมครับ เขาตอบว่าประมาณ 7,250 คน จัดที่อิมแพค เมืองทองธานี ผมถามต่อว่าเก็บค่าสัมมนาคนละเท่าไรครับ เขาตอบว่า 3,000 บาท จากการคำนวณของผม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่ามีโค้ชคนไทยที่สามารถทำรายได้เกือบ 22 ล้านบาท จากการจัดสัมมนาสร้างแรงบันดาลใจ 2 วัน เฉลี่ยรายได้เกือบ 11 ล้านบาทต่อวัน (ปีหนึ่งจัดครั้งเดียวครับ เนื่องจากคุณศุภกิจ รุ่งโรจน์ มีภารกิจมาก ทำธุรกิจส่วนตัวเป็นเจ้าของ และซีอีโอ ของบริษัท พิซซ่าทูเดย์)
    ถ้าอยากรูจักเขามากขึ้น อยากรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร อย่าลืมหาหนังสือมาอ่านดูนะครับ
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/BRfaIoFvfKU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    หลังจากมีโอกาสได้อ่านเเละฟังผลงานนักสร้างเเรงบันดาลใจจากคนไทยเเละต่างประเทศ ทำให้เกิดเเรงบันดาลใจในการเปลี่ยนชื่อจากกระทู้พลังจิตเพื่อเป้าหมายในการสร้าง "อิสรภาพทางการเงินถาวร" เป็น "โชคดีสูตรสำเร็จ" เพราะการอ่านเเละฟังนักธุรกิจเเละนักพูดที่ประสบความสำเร็จเเต่ละท่านทำให้รู้สึกว่าทุกคนล้วนใช้หลักการเดียวกันหมดเพียงเเต่มีวิธีการเเสดงวิธีทำต่างกันเพียงเท่านั้น

    สูตรที่ว่า คือ คิดถึงเป้าหมายด้วยความเชื่อ (ให้เป็นภาพที่ชัดเจน)+ระบุวัน + บอกต่อ +ออกเดินทาง

    เมื่อออกเดินทางไปเรื่อยๆเเล้วถึงทางเเยกที่คุณต้องเลือก ให้ดูว่าทางใดที่ทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุด ก็ให้คุณเดินเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ โดยปล่อยวาง ไม่ว่าจะสมหวัง หรือ ผิดหวังในปัจจุบันล้วนเเล้วเเต่เป็นขั้นตอนเเห่งการเดินทางไปสู่ความสำเร็จของคุณ เมื่อคุณสมหวังในความฝันเเล้ว ถ้าคุณยังคงต้องการโชคดีต่อไปเรื่อยๆ อย่าลืมที่จะเเบ่งปันความโชคดีให้กับผู้อื่นในอนาคตต่อไปไม่ว่าจะเป็นสอนผู้คนให้เกิดปัญญาเช่นเดียวกันกับคุณ หรือ เเบ่งปันสิ่งที่ดีๆที่มีคุณค่าต่อคุณให้กับผู้อื่นต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุดที่จะทำความดี อย่าหยุดฝันเรื่องใหม่ๆ คิดฝันอย่างมั่นคง คิดสร้างสิ่งที่ดีเเละตั้งปณิธานที่ยิ่งใหญ่เป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อที่คุณจะได้อยู่บนโลกใบนี้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นต่อไปในอนาคตด้วยความรู้สึกมีความสุขอย่างเเท้จริงเเละนี้ คือ เหตุผลที่เริ่มต้นสร้างกระทู้เเละ facebook โชคดีสูตรสำเร็จ ขึ้นมาเป็นงานใหม่สำหรับตนเองเเละเผยเเพร่ให้ผู้อื่นทางอินเตอร์เน็ตได้อ่านกัน

    เมื่อก่อนเคยฝันอยากทำหนังสือให้จบอยู่หลายเล่มเเต่ก็ไม่สำเร็จซะทีเพราะใจจริงๆของจิตใต้สำนึกตัวเองไม่อยากเป็นสาเหตุเเห่งการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างหนังสือ ถึงเเม้ว่าจะไม่สำเร็จเเต่ก็ไม่เสียใจเพราะเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า ทุกอย่างมีเหตุผลในการเกิดเหตุต่างๆในชีวิตของตนเอง ถึงจะไม่สำเร็จเป็นรูปร่างที่สามารถจับต้องได้เเต่ก็มั่นใจว่าข้อเขียนที่ผ่านมาคงจะช่วยเปลี่ยนวิถีความคิดของคนหลายคนไม่มากก็น้อย วันนี้เกิดเเรงบันดาลใจใหม่อีกครั้ง รู้สึกมีไฟเเห่งความคิดสร้างสรรค์อีกครั้ง ต้องการสร้างเเรงบันดาลใจให้ผู้อ่านอีกครั้ง รู้สึกว่าเราต้องเริ่มต้นใหม่ (เพราะถ้าอยากจะไม่สำเร็จในการเปลี่ยนเเง่คิดของผู้ต้องการประสบความสำเร็จ) รู้สึกว่าตนเองต้องการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมให้ทุกคนที่ได้อ่านโชคดีเเละต้องการที่จะสร้างบางสิ่งบางอย่าง ที่ช่วยทำให้ผู้อ่านประสบความสำเร็จในทุกงานที่ทำจากกระทู้เเห่งความโชคดีเเห่งนี้ต่อไป ต่อจากนี้ไปจะเขียนข้อความที่พัฒนาบุคลิกภาพ ความสามารถ ความมั่นใจ โอกาสในการทำงาน โอกาสทางธุรกิจ โอกาสเเห่งการลงทุน โอกาสเเห่งความสำเร็จ เพื่อเป็นเเรงบันดาลใจเเละไอเดียใหม่ๆให้ผู้อ่าน ได้ค้นพบว่าตนเองก็มาเพื่ออะไรในอนาคตต่อไป ต้องการเห็นทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อช่วยคุณเพียงคนเดียว เเต่ต้องการช่วยครอบครัวของคุณให้มีชีวิตที่ดีทั้งทางจิตวิญญาณเเละวิถีชีวิตเเห่งการเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในสังคมโลกต่อไปจนสิ้นลมหายใจ ถ้าคุณเปลี่ยนความคิดได้เเละในวันที่คุณรู้สึกว่าคุณมั่นใจที่จะช่วยผู้อื่นให้พวกเขาประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะช่วยให้พวกเขาโชคดีเช่นเดียวกับคุณด้วยนะคะ อย่าลืมว่ากรรมออนไลน์เดี๋ยวนี้เร็วมากถ้าคุณช่วยคนออนไลน์ก็เท่ากับคุณช่วยคนจำนวนเท่ากับผู้คนที่ได้อ่าน ถ้าคุณทำให้คนมีความสุขมากเท่าไร คุณก็โชคดีเร็วมากขึ้นเท่านั้น ที่นี้คุณอยากประสบความสำเร็จเรื่องอะไร? การเรียน, การงาน ,การเงิน, ความรัก เเละครอบครัว ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จด้านใดก็ให้คุณช่วยคนประสบความสำเร็จในด้านนั้นเเล้วไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนคุณก็จะพบกับคนที่พร้อมจะช่วยคุณในสิ่งที่คุณต้องการเช่นเดียวกัน

    ถ้าคุณรู้จักใช้ กฎแห่งเเรงดึงดูด ควบคู่กับ กฎแห่งกรรม คุณจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเเละมั่นคงถาวร ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จด้านใดขอให้คุณคบเพื่อนที่ช่วยคุณเรื่องที่คุณต้องการเช่น อยากเรียนเก่งก็คบเด็กเรียน, อยากทำงานเก่งก็ตั้งใจทำงานเป็นทีมอย่าทำตัวโดดเด่นจนไม่มีใครอยากทำงานด้วย, อยากมีเงินก็คบหาสมาคมกับนักลงทุนตามข่าวสารเป็นประจำ, อยากมีความรักก็เริ่มต้นจากรักตัวเองเเละทำดีกับคนในครอบครัวเเล้วคุณจะพบกับรักเเท้ที่สุขจริงจากความสุขภายในของตนเอง หลังจากนั้นก็เลือกทำในสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุขสบายใจ สร้างความดีเพื่อความดีไม่ว่าทำอะไรในอนาคตก็จะประสบความสำเร็จเเละยิ่งใหญ่จนวันสุดท้ายของชีวิตถ้ารู้จัก ค้นหาว่า ตนเองต้องการอะไรที่เเท้จริง ซึ่งความฝันสามารถเปลี่ยนเเปลงได้เสมอ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร หรือ ถูกบังคับหรือไม่ เช่น ถ้าคุณเป็นหนี้คุณจะมีฝันอยากจะมีเงินใช้หนี้ให้หมด, ถ้าคุณมีเงินมากมายคุณอาจจะมีฝันอยากนำเงินไปสร้างโรงเรียนให้เด็กกำพร้า คนเราล้วนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่เเตกต่างกันไป ไม่ว่าข้างในของคุณต้องการอะไร ขอให้คุณฟังตัวเองเเละจริงใจ ซื้อสัตย์กับตัวเองต่อให้คุณคิดว่ามันยากที่จะเป็นไปได้เเต่การที่ไม่มีความฝันอะไรเลยจะทำให้ชีวิตของคุณไม่เกิดการเปลี่ยนเเปลง คุณจะมีวิถีที่ชีวิตเเห่งการปล่อยวางไปเรื่อยๆไม่หวือหวา ไม่ดีไม่ร้ายนิ่งๆจนสุดท้ายวันนึงคุณจะรุ้สึกเบื่อหน่ายเเละกลับมาค้นหาคำตอบของการเกิดเป็นคนอีกครั้ง ความทะเยอทะยานไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายถ้าอยู่ในความคิดของคนดีเพราะเมื่อคนดีที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นกว่าคนที่ยิ่งใหญ่เเละมีอำนาจเเต่เห็นเเก่ตัวเเน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อก่อนเขียนเเนวฝึกพลังจิตจนมีนักพลังจิตเป็นทีมที่เก่งมากๆที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทในปัจจุบัน
    ต่อจากนี้ไปจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยการเขียนเเนวพลังจิตใต้สำนึกเพื่อธุรกิจ
    เเล้วเราจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจด้วยการใช้พลังจิตใต้สำนึกด้วยกันนะคะ
    ตอนนี้มีความฝันอยากสร้างทีมนักธุรกิจพลังจิตเริ่มจากกระทู้นี้สู่ตลาดโลกเเล้วล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ทดลองเสียเงินค่าโฆษณาเพจเป็นครั้งเเรกใน 2 ส่วน เรียนรู้ระบบการโฆษณาของFacebook ว่าเขาทำงานยังไงกัน

    1. Promote Page (16-19 เมษา) งบ 150 บาท (ตอนนี้จ่ายไปเเล้ว 0.93 บาท)
    2. Advertise Page (16 - 27 เมษา) งบ 350 บาท (ตอนนี้จ่ายไปเเล้ว 0.00 บาท)

    Facebook จะคิดเงินจากจำนวนผู้เข้าชมเพจของเราถ้าคนเข้ามาชมมากก็จ่ายมาก ถ้ามาชมน้อยก็จ่ายน้อย ระยะเวลาโฆษณานานเท่าไรก็ต้องตั้งงบประมาณมากขึ้น

    ใช้วิธีการสมัครผ่าน Paypal โดยหักจากบัตรเดบิตออนไลน์เเทนบัตรเครดิต (หักตามเงินที่มีในบัญชีธนาคารเท่านั้น) K-Web Shopping Card ของกสิกรไทย วันนี้ทดลองสมัครครั้งเเรกในบัญชีตัวเองถูกตัดไป 29.15 บาท (น่าจะเป็น 1 ดอลล่าร์ค่าธรรมเนียม) ยังใช้ Paypal ไม่ชำนาญเท่าไรเเต่อยากทำธุรกิจออนไลน์จริงๆจังๆเลยยอมจ่ายจริงเพื่อเรียนรู้เป็นค่าเรียนให้กับระบบการจ่ายเงินออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2013
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ถ้าคุณกำลังคิดหาโรงเรียนให้ลูกๆ หรือ คิดว่าจะสอนลูกอย่างไร ลองดูไว้เป็นทางเลือกครับ

    Bill Gates แห่งไมโครซอฟท์ได้กล่าวยกย่อง Salman Khan ที่งาน Aspen Ideas Festival (Aif | Aspen Ideas Festival) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แถมยังบอกว่า “ผมให้ Khan Academy สอนลูกผม”

    เรื่องของ Salman Khan น่าสนใจมากครับ เขาใช้อินเตอร์เน็ทและ YouTube สร้าง leverage ในการเผยแพร่ความรู้ไปทั่วโลกแบบต้นทุนต่ำสุดๆ เครื่องมือในการสอนของ Khan มีเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ตัว Digital Notepad 1 ชุด และกล้องถ่ายวิดีโอ 1 ตัว ต่อไปไม่ว่าจะอยู่มุมไหนในโลก ถ้าคุณสามารถเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เน็ท (และประเทศคุณไม่บล๊อค YouTube) คุณก็สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้กับ Salman Khan ได้ทั้งวันทั้งคืน

    Salman Khan โพสท์บทเรียนต่างๆ เป็นคลิปวีดีโอบน YouTube คลิปละ 6-8 นาที อธิบายเรื่องยากๆ เช่นทฤษฎีคณิตศาสตร์ การเงิน เศรษฐศาสตร์ ที่ใครได้ยินก็เบือนหน้าหนี ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ผมนั่งเรียนเรื่องนู้นนี่กับ Salman Khan อยู่จนเพลิน เผลอแป๊บเดียวปาไป 3 ชั่วโมงแล้ว (อย่างนี้เรียกว่าติดเน็ทใช่มั๊ยครับ)


    หลังจบการศึกษา Khan ทำงานเป็น Hedge Fund Manager อยู่ช่วงหนึ่ง ถ้าเขาจะเอาดีด้านแสวงหาความร่ำรวยให้กับตัวเองในโลกการเงินละก็ ด้วยระดับไอคิว 160 + เครดิตทางการศึกษา + ความสามารถส่วนตัว คงไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ Khan กลับทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นแบบประมาณมูลค่าไม่ได้ เขาหันหลังให้กับการสร้างประโยชน์ส่วนตนมาสร้างประโยชน์ให้คนทั้งโลก เขาได้ก่อตั้ง Khan Academy (Khan Academy) ขึ้นมาเพื่อเป็นองค์การที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ มีวัตถุประสงค์เผยแพร่ความรู้ให้แก่คนทั้งโลก เพื่อให้ผู้ที่มีคอมพิวเตอร์และเข้าถึงอินเตอร์เน็ทได้เข้ามาเรียนกันฟรีๆ ไม่คิดมูลค่าใดๆ ทั้งสิ้น !!

    เป็นชาวบังคลาเทศ-อเมริกัน จบการศึกษาชั้นปริญญาตรี 3 สาขาด้วยกัน คือ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมไฟฟ้า และ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และจบปรฺญญาโท วิศวกรรมไฟฟ้า และ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ Massachusetts institute of technology พร้อมทั้งยังจบ MBA ที่ harvard business school อีกด้วย ทำงานด้าน hedge fund analyst สุดท้ายได้ลาออกเมื่อปี 2009 เพื่อออกมาพัฒนา KHAN ACADEMY ซึ่งจัดทำคลิบการสอนใน youtube ของเค้า ที่เค้าได้เริ่มต้นไว้ในปี 2004 โดยได้รับหน้าที่สอนคณิตศาสตร์ให้กับหลานสาว ซึ่งอยู่คนละรัฐกันและมีปัญหาทางด้านเวลา เลยได้คิดวิธีสอนโดยบันทึกการสอนลงในเว็บไซต์ youtube แล้วให้หลานเปิดดูเมื่อมีเวลา ปรากฏว่าหลานสาวสามารถทำคะแนนได้ดีมาก เกิดการพูดปากต่อปากออกไป ทำให้มีคนจำนวนมากเข้ามาชมคลิบ ตรงนี้เองทำให้ คุณKhanคิดว่าตรงนี้น่าจะมีประโยชน์เลยหันมาทำอย่างจริงจัง นอกจากทำคลิบการสอนคณิตศาสตร์แล้วยังเพิ่มการสอนทางด้านฟิสิกส์ การเงิน และประวัติศาสตร์ ในขณะที่เขียนบันทึกนี้อยู่ มีคลิบการสอนทั้งหมด 2,800 บทเรียนด้วยกัน และแต่ละวันจะมีคนเข้าชมคลิบการสอนเหล่านี้ถึงกว่า 50,000 คน และที่สำคัญคือคุณKhanทำสิ่งนี้ขึ้นโดยเป็นสถาบันที่ไม่หวังผลกำไร ใครก็ตามสามารถเข้าชมได้โดยไมต้องเสียเงินสมัครใดๆ แต่เปิดให้ผู้ที่สนใจสนับสนุนการเงินด้วยการบริจาค หนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Bill Gates และยกย่องสิ่งที่คุณKhanทำ ว่า "Khan Academy คือ สถานศึกษาแห่งใหม่ ที่ผมให้ลูก เข้าไปเรียน" นอกจากนี้เค้ายังไดรับการยกย่องว่า ไอคิวน่าจะเหนือกว่า ไอสไตน์ เค้าสามารถอธิบายเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนให้ง่ายได้โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือราคาน่าจะไม่เกินพันเหรียญ มีแค่เพียงคอมพิวเตอร์ ปากกาที่เขียนลงบน tabletและอัดเป็นวิดีโอขึ้น youtube

    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    https://th.khanacademy.org/
    Khan Academy

    credit ข้อความ และ รูปภาพ: SaNook Ker
     

แชร์หน้านี้

Loading...