แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    เกี่ยวกับวงการค้าขายพระเครื่อง คำที่วงการค้าพระมักจะพูดน้มน้าวให้ผู้มาซื้อพระฟังว่า พระเครื่องนั้น "เป็นสมบัติผลัดกันชม" ในความเห็นส่วนตัวผมแล้ว

    1. พระเครื่อง พระบูชา ไม่สมควรเป็น"สมบัติ" ที่จะผลัดกันชม
    2. ถ้าพระเครื่อง พระบูชานั้น เป็นของแท้และมีอิทธิคุณวิเศษดังที่โฆษณาไว้แล้ว ผู้ครอบครองก็ควรที่จะสงวนเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูลไม่ดีกว่าหรือ
    3. ถ้ามีพระแท้ และคนก็แท้ (คือคนมีศีลและกตัญญูกตเวที) มีหรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ช่วยเหลือ การนำพระไปขาย ได้เงินมา แต่ยังเป็นคนไม่มีศีล ขาดกตัญญูกตเวที คิดหรือว่าเงินขายพระเหล่านั้นจะช่วยได้สักแค่ไหน
    4. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรถูกซื้อหรือขายเหมือนสินค้าอย่างหนึ่งที่ผู้คนเหล่านั้นเจาะจงจะแสวงหากำไรสูงสุดโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ

    ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2012
  2. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ประโยคเด็ดของพ่อค้าพระเครื่อง (บางคน)

    พระขาย ไม่แขวน
    พระแขวน ม่ขาย

    ลองพิจารณาข้อความข้างบนนี้ดีๆ ก็จะพบว่า พระที่วางขายนั้นน่าซื้อมาเพื่อบูชาหรือไม่
    แต่พ่อค้าพระบางคนก็เหลี่ยมจัด ถ้าอยากขายองค์ไหนก็ห้อยคอวันนั้นซะ แล้วก็บอกลูกค้าว่า นี่ไงผมยังแขวนติดตัวเลย.......
     
  3. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    พระคาถาตรวจอิทธิคุณพระพิมพ์ พระเครื่องของหลวงพ่อกวย
    ขอบพระคุณเจ้าของเดิมครับ (ไม่ทราบที่มา) [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    บทความของ ดร.ณัฐนนต์
    -----------------
    "คนคุ้มครองพระ" คือ เมื่อผู้ใดมีพระเครื่องที่ราคาแพงและหายาก มักจะเกิดความทุกข์ตามมาอาทิเช่น กลัวถูกปล้น ถูกขโมย จึงนำไปฝากธนาคาร หรือใส่ตู้เซ็ฟไว้ไม่นำติดตัวไปไหน ขอยกตัวอย่างความจริงที่เล่ากันมาว่า มีท่านหนึ่งมีพระสมเด็จวัดระฆังที่มีผู้รู้บอกว่าเป็นพระแท้และมีราคาแพงตาม สภาพในขณะนั้น จึงนำไปฝากตู้เซ็ฟของธนาคารไว้ ต่อมาอีกหลายปีจึงนำออกมาจากธนาคารเพื่อไปปล่อยให้เซียนพร้อมกับหาคนคุ้มกัน พระไปด้วย แต่เมื่อเซียนตีเป็นพระเก๊ก็ถึงกับเป็นลม อันนี้เรียกว่า คนคุ้มครองพระ เพราะมองพระเป็นเงิน จึงเกิดความทุกข์ตามมามากมาย


    "พระคุ้มครองคน"
    คือ เมื่อผู้ใดมีพระเครื่องราคาแพงและหายาก แต่ตัวเองได้มาราคาถูกหรือได้มาแบบปาฏิหาริย์ จึงเชื่อมั่นในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และศรัทธาว่าพระนั้นเสด็จมาเพื่อช่วยคุ้มครองตัวเองจากภัยอันตรายต่างๆ จึงนำติดตัวไปโดยไม่เกรงกลัวว่าพระจะอยู่หรือจะไป เพราะเชื่อว่า ถ้าพระองค์นั้นเป็นของเราและเรามีบุญแล้ว ก็ย่อมอยู่กับตัวเรา อันนี้จึงเรียกว่า พระคุ้มครองคน


    "พระเลือกคน" คือ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือผู้มีบุญ มักเจอเหตุการณ์และพบเห็นพระดีแบบมหัศจรรย์ เช่น มักมองเห็นพระองค์นั้นๆเด่นมาแต่ไกล พอจับจะมีพลังวิ่งเข้าสู่ตัวจนเกิดปีติ หรือดลใจให้ได้รับพระองค์นั้นๆด้วยวิธีแปลกๆ บางครั้งก็ได้ด้วยวิธีอธิษฐานจิต หรือได้รับมาด้วยราคาถูก เป็นต้น อันนี้เรียกว่า พระท่านทรงเลือกคน หรือคนดีจึงถูกพระเลือกนั่นเอง


    "คนเลือกพระ" คือ เกิดจากกิเลสของคนที่อยากได้พระองค์นั้นๆ จึงพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ไม่ว่าจะเป็นมุกของเซียนที่ตีพระของเขาปลอมแต่ลับหลังกลับหาวิธีให้ได้มา หรือยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มา จึงเกิดความทุกข์ตามมา บางครั้งจึงมักได้ข่าวว่าเซียนพระถูกตี ถูกฆ่า หักหลังกัน หรือเจ้าพ่อใหญ่ถูกยิงถล่มตายคาที่ทั้งที่ห้อยพระชุดเบญจภาคีราคาแพงก็ตาม นั่นเป็นเพราะกิเลสที่ทำให้คนผิดศีลธรรม แม้จะเป็นพระแท้แต่พระท่านไม่คุ้มครองคนชั่ว แม้บางคนจะร่ำรวยจากการซื้อขายพระโดยไม่สุจริตในภพนี้ แต่ในบั้นปลายหรือในภพหน้าก็มิอาจหลีกเลี่ยงกฎแห่งกรรมไปได้

    ...อย่าง ไรก็ตาม ข้อเขียนทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการนำเสนอมุมมองหนึ่งที่ได้จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับวงการพระเครื่องของเมืองไทยในช่วงเวลาหนึ่ง จนเข้าใจในสภาวธรรมหรือสัทธรรมของสรรพสิ่งซึ่งล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และการสะสมพระเครื่องก็เป็นดังนั้นเช่นกัน ผู้เขียนได้เรียนรู้จากหลายๆแหล่ง จากกิเลสที่อยากมีอยากได้ นำไปสู่การค้นคว้าทั้งจากตำรา ผู้รู้ ผู้ไม่รู้ ของจริงของแท้ ของไม่จริงของไม่แท้ ผสมปนเปกันไป เสียเวลา เสียเงินไปก็มาก ได้รับทั้งพระแท้และพระปลอมคละเคล้ากันไปนับพันๆองค์ มีทั้งสุขและทุกข์ อยู่ในโลกอีกมิติหนึ่ง จนหลงเข้าไปสู่วงการพระเครื่องเกือบเต็มตัว ได้รับเกียรติไปบรรยายพระก็หลายครั้ง เห็นความทุกข์ของคนเล่นพระก็มาก(เกือบทั้งหมด) ซึ่งหนีไม่พ้นสองคำอมตะคือ "แท้" กับ "ไม่แท้"

    ...ใน ปัจจุบันเราต้องยอมรับกันว่า คติความเชื่อและการสร้างพระได้เปลี่ยนไปจากคติดั้งเดิมมาก ในอดีตท่านผู้สร้างพระมีเจตนาเพื่อเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนา จึงไม่ได้ผูกติดกับการตีค่าเป็นเงินตรา แต่ในกาลปัจจุบัน ผู้คนได้แปรค่าจากอริยทรัพย์(บุญฤทธิ์) ไปเป็นโภคทรัพย์(เงิน)เรียบร้อยแล้ว จึงไม่แตกต่างอะไรกับสินค้าชนิดหนึ่ง ผู้เขียนจึงอยากให้ท่านทั้งหลาย ลองกลับมาพิจารณาให้ดีว่า เราควรแสวงหาพระดีๆสักองค์ เพื่อเป็นสิ่งมงคลหรือเป็นอริยทรัพย์ เพื่อช่วยปรับภูมิภายในของผู้แขวนให้มีความเป็นอริยทรัพย์ไม่ดีกว่าหรือ เมื่อผู้ใดมีศีลและความเป็นอริยทรัพย์ภายในดีแล้ว คลื่นพลังงานดีย่อมแผ่ออกมาดึงดูดโภคทรัพย์ภายนอก ให้หลั่งไหลเข้ามาสู่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือหากท่านมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน หรือมีหลายๆองค์ ก็อาจขออนุญาตและขอพระบารมีพระองค์นั้นๆ เพื่อแบ่งให้ผู้อื่นเช่าก็ย่อมได้ แต่ขอให้กระทำด้วยจิตอันเป็นกุศล ให้เป็นไปโดยธรรมชาติ และตามบุญบารมี ท่านจึงจะไม่เกิดความทุกข์ หากได้เงินหรือปัจจัยมาก็ขอให้แบ่งไปทำบุญ แล้วอุทิศให้แก่องค์ผู้สร้าง ตลอดจนเทวดาผู้รักษาพระองค์นั้นๆด้วย จึงจะนับว่า เป็นการสะสมพระที่ถูกทาง และถูกต้อง แล้วท่านจะได้รับแต่สิ่งดีๆ อย่างคาดไม่ถึง การศึกษาตามแบบของนักปฏิบัติธรรมและนักวิชาการ จึงเป็นการศึกษาแบบนอกกำมือเซียน แล้วท่านล่ะจะเลือกแบบใด

     
  5. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    มาบริจาคโลหิตกันเถอะ
    ----- กราบเรียน ผู้ที่เข้ามาอ่านกระทูนี้ทุกท่าน ผมเรียนเชิญให้ทุกท่านร่วมทำบุญใหญ่และทำทานใหญ่โดยใช้ "ส่วนหนึ่งของชีวิตเราเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น" ผมขอแนะนำให้ท่านไปบริจาคโลหิตครับ เราทุกคนล้วนทำทาน มีศีล มีภาวนา แต่ทานส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทานอันเกิดจากสมบัตินอกกายทั้งสิ้น
    ---- โปรดตรองดูเถิดว่า หากเราสามารถให้ทานโดยสละส่วนหนึ่งของชีวิตเรา การที่เราสามารถช่วยให้ชีวิตผู้อื่นได้ดำรงสืบไป ได้ทำความดี ได้ทำกุศลต่อไปได้อีก อานิสงส์นั้นจะสูงเพียงใด การสละทรัพย์สินของนอกกายนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก แต่การสละโลหิตนั้น ท่านต้องเตรียมและตั้งใจพร้อมที่สละ คือ ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเสมอ ไม่เสพสิ่งเสพติดใดๆ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหรืออยู่ในระหว่างรับประทานยา
    [​IMG]

    ขณะบริจาค--ผมมองโลหิตไหลไปตามสายลงไปยังถุงเก็บนั้น ผมรู้สึกถึงความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในบุญกุศลที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ พระสงฆ์องค์เจ้าโดยไม่เลือกว่าโลหิตของเรานั้นจะเจาะจงไปช่วยผู้ใด ตั้งแต่ยาจก เศรษฐี นักบวชในทุกศาสนา เป็นการให้ชีวิตเราไปต่อชีวิตผู้อื่น นับเป็นมหาทานอันยิ่งใหญ่กว่าการบริจาคทรัพย์สิ่งของนอกกายมากนัก

    ---- ผมเองไม่สักแต่ว่าจะชวนทุกท่านอย่างเดียว ผมเองก็บริจาคโลหิตมาตั้งแต่อายุ 17 ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนบริจาคได้เพียง 83 ครั้งก็ต้องหยุด เนื่องจากเกิดโรคประจำตัว อันเป็นโรคที่เราไม่ได้ไปแส่หาเรื่องนำมันมาใส่ตัว แต่มันเป็นเรื่องของกรรม ทำให้บริจาคต่อไม่ได้เพราะเป็นข้อห้ามของสภากาชาดที่จะไม่รับโลหิตของคนที่กำลังรับประทานยา

    ---- ผมหวังเหลือเกินว่า หากท่านใดที่ยังสามารถบริจาคโลหิตได้ ขอให้ทำเถิดครับ ใครจะรู้บ้างว่าโลหิตของท่านนั้นอาจจะไปช่วยต่อชีพดำรงขันธ์พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์องค์ใดบ้างในขณะปัจจุบันนี้


    มหาทานนี้ยิ่งใหญ่เหลือประมาณนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2012
  6. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    อย่ารอชาติหน้า.... ทำซะเลยชาตินี้
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=CbMS4UdR1SU"]ชาติหน้า - YouTube[/ame]
     
  7. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมในวงการพระเครื่อง ในความเห็นส่วนตัวผมคือ
    1. ใช้พระ
    2. จับ
    3. ปล่อย
    4. ร่อนมา
    5. ฯลฯ

    พระเครื่องนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่ หลวงพ่อที่เรานับถือท่านนั้นเป็นผู้เสก ผู้อธิษฐานจิตให้ และยังมีรูปแทนท่าน หรือรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหรือที่เราควรใช้คำว่า "ใช้พระ" "จับ""ปล่อย" "ร่อน" ฯลฯ กับรูปสมมติแทนองค์ท่าน

    โปรดตรองดูดีๆ เถิดครับ และใช้คำให้เหมาะสม ส่วนตัวผมแล้วใน
    ข้อ 1 ผมจะพูดว่า "อาราธนาพระ"

    ข้อ 2 "บูชาพระ" หรือ "ทำบุญ"
    ข้อ 3 "ให้บูชา" หรือ "ให้ทำบุญ"
    ข้อ 4 "ท่านเมตตามา"

    ก็แล้วแต่ว่าท่านผู้อ่านจะใช้คำอะไรที่เป็นการยกย่องให้เกียรติแก่พระคุณเจ้าผ้เมตตาอธิษฐานจิตและ[SIZE=4]เทิดพระเกียรติรูปสมม[SIZE=4]ุต[/SIZE]แทนองค์พระศาสดา

    [SIZE=4]ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตนครับ[/SIZE]
    [/SIZE]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2012
  8. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ถ้าผมจำไม่ผิด ลายมือบนผ้ายันต์นี้เป็นลายมือของหลวงปู่กวย ใช่มั้ยครับ
     
  9. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    บุญเท่านั้นที่ติดจิตวิญญาณไป สมบัติทั้งหลาย รวมถึงพระเครื่องพระพิมพ์ทั้งหมดก็ไม่สามารถนำไปด้วยเมื่อตายลง แต่ที่ผมสะสมไว้ก็เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่ชนรุ่นหลัง ไม่ว่า ลูก หลาน ญาติ มิตร ผู้ที่มาร่วมทำบุญกับผม เมื่อหลายปีก่อนนั้น ผมไม่เคยเลยที่จะสนใจเรื่องพระศาสนา แต่เมื่อได้พระเครื่องพระพิมพ์จากคุณพ่อคุณแม่คุณยายมาหลายร้อยองค์ ก็เริ่มศึกษาหาที่มา จนในที่สุดก็พบว่าจิตใจเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่เคยมีศีลก็มีศีลครบ ไม่เคยสวดมนต์ก็สวดทุกวันมิได้ขาด ไม่เคยปฏิบัติวิปัสสนาก็เริ่มปฏิบัติ สิ่งดีๆก็เริ่มเข้ามาสู่ชีวิต เหตุการณ์ไม่ดีไม่งามที่จะเข้ามาก็ถูกปัดเป่าไปอย่างอัศจรรย์ จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ ด้วยเหตุนี้จะขอส่งต่อไปยังลูกหลานต่อๆไปได้เกิดจิตศรัทธาธรรมแบบที่ผมได้ เกิดมีขึ้นมาเมื่อได้รับพระพิมพ์พระเครื่องต่อจากคุณพ่อคุณแม่และคุณยายครับ
     
  10. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    [​IMG]
    ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า
    "ความสำเร็จสูงสุดของมนุษย์ ไม่ใช่ความสำเร็จในการหาเงิน"
     
  11. jacky57

    jacky57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,863
    เพิ่งเข้ามาในกระทู้นี้เป็นครั้งแรก เห็นด้วยอย่างยิ่ง ผมเองบริจาคเป็นประจำทุก 3 เดือน จนอายุเริ่มมากขึ้น เจ้าหน้าที่แนะนำให้บริจาคทุก 4 เดือน ผมจึงปฏิบัติตามคำแนะนำ เดือนหน้าก็ถึงกำหนดการบริจาคอีกครั้งแล้ว อยากเชิญชวนทุกคนร่วมสร้างมหากุศลโดยการบริจาคเลือดครับ
     
  12. BabooZaa

    BabooZaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +174
    ดูคุณsomlatriเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยมากไปรึเปล่าครับ อะไรนิดๆหน่อยก็มองข้ามไปบ้าง ศรัทธาไม่ได้อยู่ที่คำพูด. แค่เราไม่ทำผิดศีลไม่ด่าพ่อแม่เค้า พระก็คุ้มครองแล้วครับ
     
  13. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. oatlovetong

    oatlovetong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +17,292
    "สมบัติผลัดกันชม"
    มีบุญได้ครอบครอง ไม่มีบุญไม่มีโอกาสครอบครอง
    มีบุญจึงครอบครองไว้ได้ หมดบุญจึงครอบครองไว้ไม่ได้
    สมบัติของเก่าแก่ ลูกหลานมีบุญได้ครอบครองต่อ
    ลูกหลานรู้ค่าได้ใช้ ไม่รู้ค่าไม่ได้ใช้
    สมบัติของเก่าแก่ลูกหลานไม่มีบุญครอบครองมิได้

    พระเครื่องเป็นวัตถุมงคล เมื่อเป็นวัตถุจึงเป็นสมบัติที่สามารถสืบต่อให้ลูกหลานได้
    เพราะพระแท้แต่คนไม่แท้จึงมิสามารถรักษาพระไว้ได้
    -อย่างพ่อผมมีพระ แต่ผมเป็นคนงานการไม่ทำ ผลาญแต่สมบัติพ่อ
    สุดท้ายเอาพระไปขาย (เพราะผมหมดบุญได้ครอบครอง) กลายเป็นสมบัติของคนอื่น
    -อย่างพ่อผมมีพระ แม้นผมเป็นคนทำงานทำการ แต่ไม่เคยสนใจไม่รู้คุณค่า
    จะเรียกว่ามีบุญได้ครอบครองมั้ย? แต่อย่างน้อยก็ไม่ขายสมบัติพ่อรอรุ่นต่อไป
    -ถึงผมเป็นเหมือนพ่อ บูชาพระ ทำงานเลี้ยงดูครอบครัว แต่สุดท้ายพอผมตาย
    ก็ไม่รู้ว่าลูกผมจะเป็นอย่างไร?

    ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง พระอาจช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
    ถ้าเรายังมีบุญอยู่ หมดบุญพระก็คงช่วยไม่ได้เมื่อกรรมตามมาทัน

    ราคาเกิดจากอุปสงค์และอุปทาน
    ถ้าคนที่ครอบครองนับถือพระองค์นั้นมากจนอุปทานเป็น0 (พันล้านก็ไม่ขาย เท่าไหร่ก็ไม่ขาย)

    ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อครับ เพียงแต่บางอย่างก็ต้องเป็นไปตามทาง ช่างมันเถอครับ คุณชื่ออะไรครับ ผมโอ๊ต ลีเวอร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  15. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    สวัสดีครับคุณโอ๊ต
    เรียกผมว่าอ๊อดก็แล้วกัน ผมเคารพในความเห็นต่างของท่านครับ การมีสัมมาวาจานั้นเป็นเรื่องน่าเคารพในหมู่ผู้ที่เจริญแล้ว

    ไปร่วมพูดคุยกันในกระทู้ที่ผมเปิดไว้ก็ได้ครับ ที่ลิ้งค์นี้ครับ http://palungjit.org/threads/มณีนาคราช-เพชรนาคา-เสด็จทางอากาศเรื่องอจินไตย.337687/

    ผมนั้นถึงแม้ไม่ร่ำรวย จะออกแนวค่อนข้างจนด้วยซ้ำ แต่ก็ยังรักษาพระเครื่องพระพิมพ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาทั้งทางสืบทอดทางวงศ์ตระกูลหรือการได้รับมาแบบอจินไตยไว้ ไม่คิดขายกินครับ บางคนอาจจะคิดว่า ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ขายได้เอาเงินมาใช้จะไม่ดีกว่าหรือ แต่สิ่งที่ผมได้ให้สัจจะกับสมเด็จฯ โต ก็คือ ผมจะไม่ขายพระทุกองค์ที่ผมครอบครองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้ก็ก็เกิดอะไรขึ้นมากับผมแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งทดสอบผมว่าผมจะขายพระกินหรือไม่ พระที่ผมมีนั้น มีพิมพ์นิยมในวงการอยู่หลายสิบองค์ ไม่อยากตีเป็นมูลค่า มีพ่อค้าเห็นรูปพระใน blog ผม แล้วส่งเมล์มาเลียบๆ เคียงๆ ถามมาอยู่บ้าง ทำฟอร์มเป็น "ผมถูกใจองค์นี้เป็นพิเศษ จะให้เช่าหรือไม่ เปิดเท่าไหร่" อะไรแบบนี้

    ขืนผมขายพระไปโดยผิดสัจจะกับสมเด็จฯ โต สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ อาจจะได้เงินมาใช้จำนวนหลายล้าน แต่จะได้ใช้แบบไหนล่ะ ใช้แบบต้องนอนแบ่บ เป็นซากแห้งบนเตียง มีสายระโยงระยางจากเครื่องพยุงชีวิต หรือหลังจากนั้นก็ไปตกอบายภูมิ ผมไม่เอาด้วยครับ

    อย่างที่ผมเขียนไว้ครับว่า "เป็นความคิดเห็นส่วนตน" เท่านั้นครับ ส่วนใครที่คิดต่างก็สุดแต่ท่านครับ เพราะต่างคนต่างความคิด ความศรัทธา

    ผมเคยโดนพ่อค้าพระหลายคนในกระทู้ต่างๆ โจมตีทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ผมได้แต่อโหสิให้ครับ เพราะความจริงที่ผมได้ทำนั้น คนอื่นรู้ไม่จริง และรู้ไม่หมด ไม่เคยมาพิสูจน์ แต่พระเบื้องบนรู้ว่าผมทำอะไร สุจริตและบริสุทธิ์หรือไม่ ผมก็อุ่นใจและพอใจแล้วล่ครับ

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ
    อ๊อด
     
  16. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    บทเรียนจากการส่งพระประกวดจากเว็บพระดอทคอม ขอบพระคุณท่านเจ้าของเรื่องด้วยครับ

    http://www.web-pra.com/Forum/Topic/Show/59483/Page/1

    -------------------------------------
    [​IMG]
    saelim999 (1)

    สวัสดีครับ พี่ๆ เพื่อนๆ ชาว WEB-PRA ทุกท่าน

    เป็นประสบการณ์ตรงที่ผมเพิ่งได้รับมาด้วยตนเองเมื่อวานนี้ครับ จากที่ได้ส่งพระประกวดในงานใหญ่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นงานที่มีมาตรฐาน ผมได้ส่งพระประกวดทั้งหมดรวม 15 องค์
    ได้รับรางวัลที่ 1 จำนวน 7 องค์
    ได้รับรางวัลที่ 2 จำนวน 4 องค์
    ได้รับรางวัลที่ 3 จำนวน 4 องค์

    ก็ดูดีและน่าพอใจครับ แต่มันมามีประเด็นตรงที่ ผมได้พระคืนแค่ 14 องค์ครับ สรุปว่าองค์ที่ได้รางวัลที่ 2 หายแบบไร้ร่องรอยไป 1 องค์ เป็นพระสวยที่หายากมาก ราคาที่ได้เช่ามาเมื่อหลายปีก่อนในราคา 30,000 บาท ผมได้แจ้งกรรมการช่วยตามเรื่อง ก็ดูเรื่อยๆ ผมรู้สึกไร้ความหวัง ถ้าเจ้าหน้าที่ทำเป็นเฉยๆ แล้วหายไป ก็คงทำอะไรได้ยาก การตามให้ของเจ้าหน้าที่ก็ดูลอยๆ ผมก็ได้แต่รอไปเรื่อยๆจนคืนพระจนหมด เริ่มเก็บของ ฟ้าก็เริ่มมืด ของในงานก็เก็บจนเกือบหมด และเริ่มปิดไฟบางส่วน ทางก็เจ้าหน้าที่จัดงานก็มาคุย ว่าอยากให้เรื่องจบ ให้บอกราคาพระที่ต้องการ ผมก็บอกไปว่าผมเช่ามาเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้แค่ครึ่งหนึ่งแล้วให้จบกัน ผมก็บอกผมต้องการแค่ราคาที่ได้เช่ามาก็พอ ซึ่งราคานี้เป็นราคาเก่าที่เช่ามาหลายปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามให้ผมตกลง แต่ผมก็บอกผมมันน้อยเกินไป เจ้าหน้าที่ก็พูดให้รู้สึกเหมือนผมบอกราคาสูงเกินจริง ผมก็บอกผมมีหลักฐานการเช่าจาก WEB และราคาพระองค์นี้ผมประมูลมา ในระบบก็มีการเก็บข้อมูลไว้อยู่ทั้งหมด ทั้งรูป ราคา เและวันที่เช่า

    ในขณะที่ได้คุยกัน ก็มีเจ้าหน้าที่บางคนพูดเสียงดังๆลอยๆให้ได้ยินกัน ว่าขนาดมีพระทองคำหายยังฟ้องไม่ชนะเลย ผมได้ยินแล้วผมรู้สึกหดหู่ ถึงความรับผิดชอบของผู้จัดงานครับ

    ในระหว่างที่ที่คุย ว่าพระอะไรหา ผมก็มีรูปพระที่หายไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ พร้อมใบรับพระคืน ก็มีเจ้าหน้าที่บางคนพูดเหมือนว่าเราคงเอาพระไปแล้ว แต่มาทำเป็นพระหาย ทำไมเรามีการถ่ายรูปไว้ เสมือนเป็นการเตรียมการไว้อย่างเหมาะเจาะ ทั้งๆที่ กรรมการคืนพระก็เป็นคนแจ้งว่าพระองค์นี้ไม่ได้คืนใส่ตู้ก่อนเริ่มคืนพระแต่ แรกแล้ว เป็นการพูดดูถูกกันชัดเจน

    ซึ่งสาเหตุที่ผมถ่ายรูปพระไว้ก่อนประกวดทุกครั้งหลังใส่กล่องประกวดเ เพราะมีคนเคยแนะนำ และผมเคยได้พระคืนสลับกันในงานอื่นมาแล้ว ก็ได้รูปที่ถ่ายไว้ช่วยยืนยัน และเคลียกันได้อย่างรวดเร็ว ผมจึงมักทำการถ่ายรูปไว้เสมอครับ

    ก็ได้มีการรคุยกันอีกหลายเรื่องในการตามเรื่องกันต่อ แต่ผมดูแล้วคงไปเรื่อยๆ ต้องเสียเวลางานมาตามมาคุยกันอีกยาวและไม่รู้จะมีอะไรดีขึ้น จึงจำใจต้องรับข้อเสนอรับเงินชดใช้แล้วให้จบกัน ก็ยอมขาดทุนได้เงินคืนมา 25,000 บาท สรุปกำ..ก็ดีกว่ากำ..ครับ งานนี้ต้องบอกว่ามั่วมากๆ ตั้งแต่รับพระจนถึงคืนพระ

    เรื่องนี้เป็นบทเรียนของผมที่อยากมาแบ่งปันให้ท่านอื่นๆ ได้รู้ เพื่อจะได้ระวังและเตรียมใจไว้ หากคิดจะทำการส่งพระเข้าประกวดงานต่างๆครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2012
  17. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
  18. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    เผื่อไปเห็นพระองค์นี้ที่ไหน จะได้แจ้งตำรวจนำส่งคืนวัดครับ
    ---------------------------------------------
    พระพิศาลประชานารถ เจ้าอาวาสวัดสุทธาราม (วัดสำเหร่ ) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ว่าพระพุทธรูปพระปางลีลา มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาทได้หายไปจากพระอุโบสถ จึงไปตรวจสอบภายในพระอุโบสถประจำวัดพบประตูบริเวณหลังโบสถ์พระอุโบสถซึ่ง อยู่หลังพระพุทธรูปกลอนประตูถูกปลดล็อค ส่วนบนโต๊ะหมู่บูชาพบว่า พระพุทธศรีเสถียรชัยยุทธมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลา สูงประมาณ 3 ฟุต หล่อด้วยเงินบริสุทธิ์น้ำหนักประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาทได้หายไป

    พระพิศาลประชานารถ เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าเวลา 08.50 น.พระที่ดูแลพระอุโบสถดังกล่าว ได้เปิดมาเพื่อให้พระภายในวัดประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา แต่กลับพบว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้หายไปจากฐานโต๊ะหมู่ที่ตั้งแล้ว ส่วนกลอนประตูด้านหลังก็ถูกปลดล็อค โดยปกติพระอุโบสถดังกล่าวจะถูกล็อคไว้อย่างดีเนื่องจากภายในมีพระสำคัญโบราณ เป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ให้พระอยู่เฝ้านั้นสาเหตุจากเป็นห่วงความปลอดภัยของพระ สงฆ์ เนื่องจาก เมื่อปี 2537 เจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ถูกฆาตรกรรมและคนร้ายได้ขโมยเงินบริจาคไป จนทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ หลังจากนั้นมาพระโบราณต่างๆภายในวัด รวมถึงฐานโต๊ะหมู่บูชาโบราณที่ทำจากไม้ชิงชังฝังมุกก็ถูกคนร้ายขโมยเรื่อยมา แม้กระทั่งตู้เงินรับบริจาคหรือแม้ตาลปัตรที่ด้ามเป็นมุกก็ถูกขโมยไปเหลือ ทิ้งไว้แต่ตัวพัดให้ดูต่างหน้า

    พระพิศาลประชานารถกล่าวต่อว่า ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายด้านจิตใจของเจ้าภาพที่จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชน ได้สักการะยึดถือยึดเหนี่ยวจิตใจ นอกจากพระพุทธรูปและทรัพย์สินภายในวัดจะหายแล้วนั้น ติดกันซึ่งเป็นคลีนิคสำหรับล้างไตของผู้ป่วยที่ทางวัดจัดสร้างขึ้น ลิ้นชักสำคัญที่เก็บเอกสารรวมถึงเงินก็ถูกขโมยเช่นกัน ทั้งนี้ทางวัดถูกขโมยทุกอย่างจนนับครั้งไม่ถ้วนแทบไม่อยากจะนับ และไม่เคยจับได้เลย ส่วนตัวอาตมาเองเป็นเจ้าอาวาสไม่สามารถพูดได้ว่าสงสัยใคร แต่ขอเถอะว่าเรานับถือพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน อายเค้าคนที่นับถือศาสนาอื่นเค้าจะมองได้ว่าขนาดมันถือศาสนาเดียวกันมันยัง ขโมยกันเอง ก็อยากฝากให้คนที่ขโมยอยากให้สำนึกอย่าให้กิเลศหรือความยากจนเข้าครอบคลุม จิตใจ เมื่อสำนึกแล้วถ้าอยากนำมาคืนก็สามารถนำมาคืนได้ โดยหลังจากนี้อาตมาจะหาเวลาว่างไปเดินตามตลาดนัดมือสองที่ขายของเก่าเพราะ อาจจะเจอของที่หายไปก็เป็นได้เพราะตอนนี้ไม่อาจจะพึ่งใครได้แล้ว
    [​IMG]
     
  19. cnuangnun

    cnuangnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +486
    หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว จ.สระแก้ว

    www.prachaolay.com
     
  20. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    เมื่อคราวไป Austria พบพระบูชา 2 องค์นี้วางขายอยู่ในตู้กระจกย่านธุรกิจในเวียนนา ราคาสูงมาก

    ำภาพมาลงไว้ เผื่อเจ้าของเดิมมาเห็นจะได้รู้ว่าพระอยู่ที่ไหน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_5057.jpg
      100_5057.jpg
      ขนาดไฟล์:
      289.2 KB
      เปิดดู:
      216
    • 100_5058.jpg
      100_5058.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.6 KB
      เปิดดู:
      217

แชร์หน้านี้

Loading...