เมื่อลมหายใจ จะหายไป

ก็บอกแล้วแล้วไง ว่าให้มีสติที่ปลายจมูก ตรงริมฝีปากบน..

ตรงร่องจมูกไปหาปาก นั้นแหละ จับความรู้สึกที่ส่วนปลาย..

จะให้บอกอะไรอีก..


ปั๊ดโธ่!!!

 

"นิพพาน"

นิพ คือ ยอด..

นิพ คือ ดับ..

พาน คือ ที่รองรับ..

จับความรู้สึกที่ยอด

ยอดปลายตรงสุดรอบขอบหนัง นั้นแหละ

ตรง จงอย ปาก นั้นแหละ..

ทำความเพียรไปสิ ไปลองค้นหาดูสิ..

ปั๊ดโธ่!!!!

 

เอ๊า น้าชาติ ทำตามนี้เลย อย่าไปจี้ลงสะดือ

 

คุณปราบไปลองนะครับ หายใจเข้าลึกๆหายใจออกช้าช้า จิตจับที่ท้องที่ค่อยๆยุบลง จนหยุด หยุดตรงไหน เอาจิตรวมไว้ตรงนั้นเลย ไม่ต้องหายใจเข้านะ มีเท่านี้และที่ผมทราบ

 

ถ้าเป็นยังงั้นก็คือยังเรียนไม่ผ่านก็คง
ต้องซ่อมไปเรื่อยๆ
ไม่งั้นจะไปถ่ายทอดให้คนอื่นก็จะเป็น
เรื่องฮา
ไปคับ

 

เอาตรงไหนแน่ คนฝึก งงนะ เดี๋ยวปลายจมุก เดี๋ยว สะดือ
เอาไงดี

 

ตามเนรละกันครับ555
ของผมแค่ว่างๆลองเล่นๆ
ทำท่านอนน่าจะดี

 

พอดี ผมทำอย่างอื่นนะครับ แล้วแต่ถนัด


ที่น้าชาติพูดมา จะคล้ายๆ หลวงพ่อเยื้อนแต่หลวงพ่อเยื้อนไม่ได้ไปบังคับลม
ท่านจะให้เอาน้ำเย็น ดื่มลงไปก่อน
น้ำเย็นสุดไปที่ไหน ที่รู้สึกถึงความเย็นในท้อง ท่านให้จับจุดนั้น
บริกรรมพุทโธไว้ตรงนั้น หรือทำความรู้สึกไว้ที่ตรงนั้น
เทคนิกหลวงพ่อเยื้อน

ลองไปหาฟังเรื่อง กรรมฐานน้ำเย็น ผมอาจจะจำมาผิดก้ได้

 

ไอ้ความสามารถพิเศษ
ไม่ควรเอามาพูด

แล้ว คนในนี้ไม่มีใครรู้จักหลวงพี่ท่านนั้น
พูดเพื่ออวดคุณวิเศษตัวเอง เพื่อลาภ สักการะ อันตราย

อยู่ในผ้ากาสาวพัสควรระวังคำพูด
เป็นฆารวาสก็เตือนได้เท่านี้

 

ทำสมาธิ จิตสงบ สงบที่จิต ครับ ไม่ใช่ไปกลั้นหายใจ ใดๆ
ร่างกายไม่หายใจ ก็เพราะ จิตสงบลงจนจิตเข้ามาสมาธิ
รู้ลมหายใจ

คนละเรื่องกันเลยครับ

 

อันนี้เป็นข้อมูล การหายใจ

"การหายใจอย่างถูกวิธี"ด้วยความที่ร่างกายของเราใช้พลังงานจากการเผาผลาญออกซิเจนที่หายใจเข้าไปในร่างกาย ยิ่งออกซิเจนมากเท่าไหร่ การสันดาปก็จะเกิดขึ้นเร็วและสมบูรณ์มากเท่านั้น การหายใจอย่างเต็มปอดจึงทำให้ร่างกายเราได้รับพลังงานที่เสถียร การฝึกหายใจทำได้ง่าย ๆ คือหายใจช้า ๆ เข้าไปจนเต็มปอด (สังเกตว่าหน้าท้องของเราจะบวมขึ้น) จากนั้นกลั้นหายใจไว้ประมาณ 3-5 วินาที แล้วจึงค่อย ๆ ผ่อนลมออกมาจนสุด (สังเกตว่าหน้าท้องจะแฟบลง) เพียงแค่นี้คุณก็สามารถทำให้ร่างกายของคุณทำงานได้อย่างเสถียรแล้ว
ข้อเสียของการหายใจผิดวิธี
1.ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
2.มีอากาศเก่าตกค้างอยู่ในปอดมาก
3.มักจะอ่อนเพลีย มึนงง เหนื่อยง่าย และใจสั่น
4.ร่างกายอ่อนแอ
ข้อดีของการหายใจถูกวิธี
1.ข้อดีที่สำคัญที่สุดของการหายใจอย่างถูกวิธีนั่นคือ ความสวย อย่างที่ทราบกันดีว่าอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของความแก่ ทำให้ผิวเสีย มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งอนุมูลอิสระในร่างกายเราเกิดได้หลายสาเหตุ รวมถึงของเสียจากการเผาผลาญอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ดังนั้นหากเราหายใจไม่ถูกวิธี หายใจถี่และเร็วเกินไปจะยิ่งกระพือการเผาผลาญพลังงานทำให้เกิดของเสียซึ่งเป็นอนุมูลอิสระมากขึ้นเป็นทวีคูณ นอกจากนี้การหายใจตื้นก็เป็นการสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ในร่างกาย ซึ่งเป็นผลให้ผิวเราหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการหายใจอย่างถูกวิธีจึงทำให้คุณดูดีขึ้นจากภายในแน่นอน
2.การหายใจอย่างถูกวิธีช่วยลดความอ้วน เพราะการหายใจอย่างถูกวิธีช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด เลือดจึงเข้าไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดี และกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ ระบบการเผาผลาญไขมันของเรายิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นอันเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
3.พัฒนาการทำงาน ถ้าใช้เวลาสักเล็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วกลับไปทำงานที่ทำอยู่ต่อ จะทำให้มีพละกำลังในการทำงานนั้น ๆ ต่อไปอีกโดยไม่รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด
4.เพิ่มพละกำลัง ในขณะที่หายใจลึก ๆ ลองกลั้นลมหายใจไว้ แล้วไปลองยกของหนัก ๆ ดูจะรู้สึกว่าของหนัก ๆ นั้นเบาขึ้นได้อย่างน่าแปลกใจ ทำให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
5.หายเหนื่อย ในขณะที่ขึ้นบันไดสูง ๆ ถ้าลองใช้วิธีขึ้นไปสักสองขั้นแล้วหายใจลึก ๆ กลั้นไว้แล้วค่อยขึ้นไปอีก 4 ขั้นจึงหายใจออกมา ทำสลับกันอย่างนี้จะรู้สึกว่าเหนื่อยน้อยลง แต่ถ้ามีความรู้สึกว่าเหนื่อยมากให้หายใจออกมาดัง ๆ ทางปากคล้ายเสียง "ฮา" สัก 2-3 ครั้ง ก็จะทำให้ความรู้สึกที่เหนื่อยนั้นหายไป
6.เพิ่มความอบอุ่นเวลาอากาศหนาว ถ้าหายใจทางปากคล้ายเสียง "ฮา" ดัง ๆ จะสังเกตเห็นว่าความหนาวลดน้อยลงและความรู้สึกอบอุ่นจะเข้ามาแทนในเวลาอันรวดเร็ว
7.ความเครียด หอบหืด ไซนัส ก็จะบรรเทาลง
8.นอนหลับดีขึ้น เนื่องมาจากออกซิเจนเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เราสามารถหลับได้อย่างปกติ
เห็นหรือไม่ว่า เพียงแค่วิธีง่าย ๆ ที่คุณอาจไม่เคยนึกถึงหรือไม่เคยรับทราบมาก่อน แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายคุณมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพและความงามค่ะ

ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์

ที่มา..http://www.samrong-hosp.com/ความรู้คู่สุขภาพ/การหายใจอย่างถูกวิธี

 

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า

+++ พระศาสดา "สอนตาม ประโยคข้างบนนี้" ก่อนจะแสดงรายละเอียด "อานาปานสติ"
+++ ปัญหาที่ถาม ก็จะอยู่กับคำตอบของผู้ถามเองว่า "อาการที่กล่าวมานั้น เป็นการ สอนสมาธิ หรือไม่"

+++ หาก "ผู้ถาม" เห็นว่า "ไม่ใช่" และนี้เป็นการ "สอนสติ" คำตอบก็จะเป็น "การสอนสติ"
+++ หาก "ผู้ถาม" เห็นว่า "ใช่" และนี้เป็นการ "สอนสมาธิ" คำตอบก็จะเป็น "การสอนสมาธิ"
+++ เพราะเป็นการ "สอนให้สติ มั่นคงจนชำแรกลงไปข้างใน องค์สมาธิได้"
+++ หากสามารถ "ดำรงค์สติมั่น ได้จริง" สติจะเป็นประธาน ณ ใจกลางเนื้อธาตุของสมาธิ
+++ และจะตรงกับใน "มหาปัฏฐานสูตร เหตุปัจจัยโย" ตรงข้อ "อธิปัตติปัจจัยโย"

+++ ตรงอาการนี้ในสติปัฏฐาน 4 จะเป็น "ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (อรูป)"
+++ ซึ่งเป็น "ดำรงค์สติมั่น" วางกาย วางลมหายใจ รวมทั้ง วางคำบริกรรม ด้วยทั้งหมด
+++ ซึ่งปกติวิสัยของ "นักปฏิบัติ" จะลงความเห็นว่า "มันเป็น รู้เฉย ๆ โง่" จึงไม่ผ่าน "ธัมมานุปัสสนา" ได้
+++ เฉพาะ "ตรงอาการ รู้เฉย ๆ โง่" นั้น เนื้อสภาวะของ "รู้บริสุทธิ VS เฉยโง่" มันรวมตัว "อยู่ด้วยกัน"
+++ จึงเป็นที่ "น่าเสียดาย" ว่า นักปฏิบัติเหล่านั้น "ไม่สามารถผ่าน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ได้
+++ เพราะยังติดอยู่ที่ "กรรมฐาน ฝ่ายรูป อันมี กาย/ลมหายใจ/คำบริกรรม" ร่วมกัน
+++ จึงไปไม่ถึง "กรรมฐาน ฝ่ายนาม อัน วาง กาย/ลมหายใจ/คำบริกรรม ไปแล้ว"

+++ อนึ่ง "กรรมฐาน ฝ่ายนาม" มักจะเกี่ยวพันกับ "อรูป" เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ผู้ที่ปฏิเสธ จึงไปไม่ถึง "อรูป"
+++ อรูป คือ สิ่งที่กล่าวกันว่า "เนื้อธาตุ เนื้อธรรม" และตรงนี้แหละ คือ "สภาวะธรรม ทั้งหมดที่ พ้นรูป" ไปแล้ว
+++ เนื้อบริสุทธิ์เป็น "อสังคตะธาตุ อสังคตะธรรม" ส่วนเนื้อฌาน ยังเป็น "เนื้อสังคตะธาตุ เนื้อสังคตะธรรม" อยู่
+++ สำหรับผู้ที่ "ฝึกสติ ผ่านมาทาง กสิณ" ต้องเข้าถึง "อารมณ์กสิณ" เสียก่อน
+++ เพราะมันเป็นอาการเดียวกับ "ธัมมานุปัสสนา" ซึ่ง เพิก "รูปกสิณ" ออกโดยสิ้นเชิงแล้ว

+++ ดังนั้น คำถามข้างล่างนี้

+++ ขึ้นอยู่กับว่า "ได้เคยทำตามที่ พระศาสดาสอน ไปถึงไหนแล้ว" เท่านั้นแล...

 

+++ กลับไปอ่าน "โพสท์ข้างบน" ให้เรียบร้อยก่อนนะ

 

+++ ไป "ไม่ถึงหรอก" เพราะมัน "ติดตัวดู" ไปไม่รอดหรอก
+++ หากยังไปไม่ถึง "รู้กาย รู้จิต" มันก็ "พังตรง นั่งดู" นั้นแล...
+++ หึหึหึ... "ผู้รู้/ผู้ดู ที่เป็น จุด ๆ หย่อม ๆ" ไอ้นั่นแหละ...

 

แหะแหะ คับคับ
ถ้าไม่ละ ไม่ปล่อยวางผู้รู้
ก็ยังไม่พ้นวงจรปฏิจจสมุปบาท
ต้องวนมาเกิดอีกแหงๆ คับ

 

จะไปดีก็ถูกลากใหเ้สีย
สายบุญสายกรรม

น่าสังเวชใจ

 

ติดอะไรกะทุกข์เพราะอันนั้น
ไม่ติดอะไรกะเลือยลอย
.....
อย่าไปติดตังแล้วกันครับ
เบื่อใช้หนี้ที่สุด
ต้องขู่เจ้าหนี้อย่าทวงนะทวงชักดาบ55

 

เหรอ..

แต่เราไม่ได้ให้ใครมา ยกยอ สรรเสริญ ไม่ต้องการลาภสักการะ ก็แล้วกันล่ะน๊าาา..

และที่สำคัญ ไม่ได้อวดอ้างตนเองด้วย ก็มันมีจริงๆก็พูดความจริง..

 

ที่เข้ามาร่วมพูดคุยด้วย คงไม่ใช่สายบุญสายกรรมสินะ..

คงพ้นแล้วสินะ ถ้าพ้นแล้วไม่เข้ามาหรอก

หนวด จอน วิก เอ๋ย..

อย่าอ่อนนักสิ..

 

ถ้าทำสติรู้ตัวทั่วพร้อมไม่ได้ ทีหลังอย่ามาคุยว่าตัวเองทำสติปัฏฐาน..

ยังไกล สติปัฏฐาน อยู่มาก..