เมื่อจิตเกิด-ดับ การดูจิตจะเป็นไปตามความเป็นจริงได้อย่างไร???

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 สิงหาคม 2009.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เดี๋ยวก็หายครับ ^-^
     
  2. เทพอาถรรพ์

    เทพอาถรรพ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +96
    อ้าวคุณเก่ง คุณอีกแล้วหรีอนี่
     
  3. เทพอาถรรพ์

    เทพอาถรรพ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +96
    โอ้โห นี่โดนเข้าไปจังเบ้อเร่อเลยนะนี่นะ หมัดน๊อกเอาเลยนะนี่
     
  4. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    พี่จินนี่เคยเป็นเหรอ แล้วสภาวะแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรคะ
     
  5. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ตอบแบบให้ดูดีก็เรียก เวทนาไม่ทุกข์ ไม่สุข (เฉยๆ)

    ตอบแบบตรงตัวคือ เซ็ง ^-^
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มานี่มา Voice Chat
    ห้องพระไตร
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    สงสัยจะ เซ็ง จริง ๆ นั้นหล่ะ พี่จินนี่ มันไม่อยากได้บุญเหมือนเมื่อก่อน
    จะตอบดูดี หรือไม่ดูดี ไม่เป็นไร นานาได้ประโยชน์
    ถูก รู้แล้ว รู้ว่าตอนนี้กำลังเซ็ง ๆ แล้ว เฮ้อ
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างแรงเลยครับ ผมอยู่นี่ครับ คนละคนกันครับ จะโกรธไหมที่จะบอกว่า อย่าเอาความคิดโสมมของตนมาใช้กับผู้อื่นเลย ผมไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องใช้ ชื่อหลายๆชื่อ และก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องปิดบังตนซ่อนเร้นเมื่อมาแล้วก็เมื่อไป ไม่มีเลย แต่ท่านทั้งหลายที่คิดว่าจิตใจสะอาดใสบริสุทธิ์เป็นอะไรกันไปหมด แต่ถามใจตัวเองครับอย่าตอบ จะได้เข้าใจอะไรได้ตามจริงตรงตามความเป็นจริง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองหลงทางแล้วพยายามคิดว่าผู้อื่นจะหลงทางไปด้วย ไม่รู้ว่าโดนใจท่านเทพอาถันต์ไหม โกรธก็ได้นะถ้าอยากโกรธ เพราะมันเป็นของที่หลอกกันไม่ได้เลยโดยเฉพาะตัวเอง
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    จริงๆแล้วไม่ได้ให้ตัวเองหรอกครับ ข้อความข้างบนนี้ ให้ อะมอก กับ เทพอาถันต์ กับ ป้าแมวด้วย จะได้ตื่นจากภวังค์หรือใครที่เข้าข่ายก็เอาไปพิจารณาดูว่าตรงตัวไหมถ้าเป็นก็แก้ซะก่อนจะสายคนใจสงบและนิ่งพอ
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อิอิ...วิชายืมบารมีพระเป็นผล

    ภาวนาถูกนะสิ...จะสงสัยทำไม...บอกแล้วว่าอย่าสงสัย....

    ท้อได้ แต่ต้องไม่เลิกภาวนา ศรัทธาเขาวัดกันที่จุดนี้แหละ ที่ผ่านมานั้นมันแค่ปรุง อจลศรัทธา

    ศรัทธาของจริงเกิดเมื่อไหร่ ก็จะหมดสงสัยไปด้วย พร้อมๆกับกิเลสหายไปอีกบานตะกียง..เป็นรางวัล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  11. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ตกลง จิตมันเกิดๆดับๆ ได้จริงๆหรือนี่ . . .
    เห็นมันเกิดดับจริงๆ หรือ ได้ยินได้ฟังมาว่าแบบนี้เรียกจิตเกิด แบบนี้เรียกจิตดับ . ..
     
  12. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    จิตเกิด (อาการอิน) กับ จิตไม่เกิด (อาการอิน) ก็เท่านี้เอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก วางตำราลง แล้วจะพบความจริงได้เองแหละ...
     
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ต่อภาค 2 ไม่อยากตั้งกระทู้ ขออนุญาติใช้กระทู้ของ น้าภูตนะคะ

    "เป็นนักปฏิบัติ แต่ทำไมจิตคิดอกุศล"

    หลังจากเกิดเรื่อง ได้ไปวัดกับแม่ แล้วเขามีการบริจาค แต่ละคนเขาก็บริจาคตามฐานะบางท่านก็บริจาคแล้วบริจาคอีก เขามีความสุขที่เขาให้ เราก็ไปนั้งดูเฉย ๆ วัดสร้างใหญ่สร้างไปทำไหม ตกแต่งให้วัดสวยไปทำ เอาอีกแล้วจิตฉัน พอเขาให้อนุโมทนา ปากพูดใจไม่คิดนะ ทำบุญก็ทำไป แต่ไม่อิน คือจิตไม่สะดุ้งในการทำบุญ และเห็นคนเอาน้ำที่วัดกลับบ้านก็ไม่ห้ามเขานะ ไม่ได้คิดไม่ดีกับเขา เราก็เฉยอีกนั่นแหละ เอทำไมเราเย็นชาอย่างงี้จัง
    นะ แต่เราก็ปฏิบัติตัวปกตินะ เพียงแต่จิตใจมันเปลี่ยนไป
     
  14. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของจิต...

    1.รู้จักรักษาอารมณ์ที่เป็นกุศล...กุสลา ธัมมา

    2.รู้จักขจัดอารมณ์ที่เศร้าหมองเป็นอกุศล..อกุสลา ธัมมา

    3.รู้จักอารมณ์ที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล..อัพยากตา ธัมมา

    ทั้งหมดเป็นกรรมฐาน เวทนานุปัสสนา...


    << ส่วนเรื่องที่ว่า "เป็นนักปฏิบัติ แต่ทำไมจิตคิดอกุศล" >>

    มันเป็นปกติของจิตที่ยังคิดดีคิดชั่ว...

    เวลาที่มันคิดชั่ว..เราก็อย่าไปเชื่อมันหลงตามมัน

    เวลาที่มันคิดดี..เราพึงรักษาความคิดที่เป็นกุศลให้สืบต่อไป

    จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องอาศัยการ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส..

    จนกว่าบุญบารมีเต็ม มันก็จะไม่เอาทั้งดีและชั่ว

    มีแต่ความบริสุทธิ์..ของใจ
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    จริงๆ หากจะให้เข้าเป้ากว่านนั้น จะเป็นอาการไม่เห็นว่าใครทำอะไรเลยนะ

    ทุกอย่างมันจะราบเป็นหน้ากองลงไปหมด ไม่มีอะไรถูกให้ค่า ทุกอย่างถูกมอง
    หลอมรวมกันเป็นสภาวะธรรม หากจะให้ค่าไปหยิบฉวยอะไรขึ้นมารู้ จะต้อง
    บีบจิตลงไปเฉพาะส่วนที่ต้องการรู้ ....ตรงนี้ถึงจะเป็นภูมิรู้ของโสดาบัน ซึ่ง
    จะเป็นสภาวะรู้ ไม่ใช่สภาวะหมดสติสตังค์ลอยเป็นผีเสื้อ

    แต่ทีนี้ มีสภาวะชนิดหนึ่งที่นักดูจิตที่ใช้อานาปานสติเป็นวิหารธรรมจะเป็น
    หรือเข้าไปติด คือ อากาสาวิญาตนะ เป็นอรูปฌาณชนิดหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้น
    คือจิตเข้าไปแทรก เข้าไปรู้อยู่ในอนูของอากาศธาตุเบื้องหน้า แบบนี้ก็จะทำ
    ให้เห็นทุกอย่างไม่ถูกให้ค่าได้ ตอนเห็นพระรัตนไตรก็จะมีอาการลอยขึ้นเหมือน
    เป็นดาวเทียม เหมือนเป็นปุยเมฆ มองโลกเป็นพื้นราบพุทธเกษตร แล้วเหมือน
    ชำเลืองเห็นที่พึ่งเป็นรัตนไตรลอยอยู่....สังเกตุให้ดีว่ามีการแบ่งเป็นสอง หาก
    เห็นเป็นสองแบบนี้ไม่ใช่เห็นธรรม วิธีแก้ก็คือ ให้ระลึกลงมาที่กายที่ใจ จะรู้สึก
    ได้ว่ามันไม่เข้ามา อะไรกัด อะไรกระแทกไม่รู้สึกเจ็บ นี้วิธีหนึ่ง อีกวิธีหนึ่งคือให้
    รู้ทันสภาวะว่าจิตส่งออกนอก จิตมาแปะแถวข้างหน้า แล้วทันทีที่รู้สึก จิตจะเข้า
    ฐานของสติเอง เมื่อเข้าฐานของสติแล้วอย่าเข้าไปเพ่งเพื่อประครองอีก ก็จะ
    พอดี แต่ถ้าเข้าไปประครองจะกายเป็นการติดสมถะอีกแบบหนึ่ง
     
  16. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    หลบภัย<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2342991", true); </script> สมาชิก

    [​IMG] หลานนานา นักปฏิบัติบางคนก็ผ่านสภาวะนี้เหมือนกัน ลุงก็เคยเป็นแบบหลานแหละ เขาแสดงความไม่เที่ยงออกมาให้เห็นน่ะ ก็ดูแล้วรู้ซะ รู้แล้วเฉย ตามครูบาอาจารย์เราสอนนั่นแหละ เมื่อจิตไม่ติดในความยินดียินร้าย ก็จะเข้าสู่ความเป็นกลางนะ
    แต่ถ้าอยากให้ศรัทธากลับมาก็ลองน้อมจิตน้อมใจดูนึกถึงบุญกุศลใหญ่ๆที่เคยทำ มันจำสภาวะได้มันก็กลับมาเองแหละ (เวลาลุงอยากได้ปีติมาหล่อเลี้ยงใจก็อาศัยนึกถึงตอนไปถวายทองกับหลวงตาแค่นี้มันก็มาแล้ว หุ หุุ หุ) อ้อ อีกอย่างหนึ่งคนเคยทำบุญใหญ่(บุญกรรมฐาน)เป็นปกติแล้ว เล็กๆ ก็รู้สึกเฉยๆแบบนี้แหละ เคยนั่งรถเบนซ์มาแล้วพอนั่งรถญี่ปุ่นก็ไม่ตื่นเต้นซิ อิ อิ อิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  17. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ก็ก่อนนี้บางทีก็ทำด้วยความเคยชิน บางทีก็หลงทั้งวันก็ไม่ค่อยเห็นกิเลส น่ะซิ
    พอดูจิตเห็นจิตมีสติ มันก็เห็นกิเลสล่ะมั๊ง เคยบอกแล้ว ว่ายิ่งปฏิบัติยิ่งเห็นตัวเองชั่วขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อก็คอยดูนะ หุ หุ หุ
     
  18. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ทุกคนก้มีกรรมครับ และผมไม่เคยสงสัยในกรรมของผมเลย
    ทำสิ่งใดได้ผลอย่างนั้นครับ ปัญญา บารมีคงจะเป็นตัวเดียวที่ต้องสั่งสมไห้มากทำไห้มากกว่าจะได้มาถึงที่สุดแห่งการเห็น เห็นอริยะสัจที่แท้
    ผมไม่ทราบว่าคุณเตือนเรื่องอะไรนะครับ ช่วยพูดและพิจารนาเป็นข้อๆๆ
    สิ่งที่จะพาไห้ผมรอดก้คือตัวผมเอง กรรมของผมเอง ปัญญาของตัวผมเองนี้แหละ ผู้อื่นหรือสิ่งอื่นใดจะมาทำให้ผม รอดไม่ได้
    คุณ Amoxcycol หากมีญาณ หยั่งรู้กรรมผู้อื่น ก้ขออนุโมทนา แต่ขอให้รู้จริงอย่าเดาเอาว่าตน บรรลุ แล้ว ผู้อื่นมาปรามาส เป็นบาปเป็นกรรมอย่างนั้นไม่ใช่ญาน เป็นความหลงเป็นความยึดมั่นถือมั่นเอาเองมากกว่า
    หากรู้จริงไม่ต้องสงสัย หากรู้จริงมันชัดยิ่งกว่า ช่วยแสดง ปัญญาที่คุณว่าออกมาบ้าง ไม่ใช่เพื่ออวดอุตริหรือเพื่อให้คนอื่นเข้าใจแต่แสดงความเห็นที่เป็นสัมมาออกมาบ้างดีกว่า ทำตัวเช่นนี้ เรียกว่า ไร้สาระ
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ
    ที่ช่วยให้รายละเอียดและอธิบายให้ฟัง คืออาการแบบนี้หากเราไม่เข้าวัดที่เป็นเขตและกลิ่นอายของศีล เราก็ไม่ทราบว่าเดี่ยวนี้ เราเฉยกับการทำบุญไปแล้วเหรอ หากอยู่ภายนอกเขตวัดก็ไม่รู้สึกเท่าไรค่ะ คือเวลาทำบุญจะมีแก่กิริยาเท่านั้น ไม่มีศรัทธาหรือศรัทธา
    หรือบางครั้ง เห็นคนมีปัญหาทุกข์ใจ หรือคนอื่น ๆ เขามีความสุข เขาก็มองเฉยๆ ค่ะ
    สรุปคือจิตเฉย ๆ กับทุกเรื่อง อาจจะเซ็ง จนเย็นชา แต่ไม่มีอาการทุกข์ใจ นอกจากสงสัยจิตของตัวเองเฉย ๆ คือจิตเราเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนจนเราไม่เข้าใจ
    สิ่งที่กลัว กลัวจิตตัวเองเป็นมิฉาทิฐิ
     
  20. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    และขอถามอีกข้อหนึ่ง อาการติดสมถะเหมือนเป็นอุปทานที่ต้องทำ
    ควรจะแก้ไขอย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...