"เมืองหลวงใหม่ของไทยควรตั้งอยู่ที่ไหน"ขอเชิญร่วมแสดงความเห็น

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 26 ตุลาคม 2010.

  1. hanky

    hanky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +176
    ไปเพชรบูรณ์นะครับนะ (บ้านเมียผม) เกิดมาชาตินี้อยากมีเมียเป็นสาวชาวกรุงมั่ง อิๆ [Embarrass
     
  2. Humra

    Humra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +5
    อีสานบ้านเราอากาศดีแล้วครับ อย่าย้ายมาเลยไม่อยากได้ กลัวปัญหาสังคมตามมาติดๆ:cool:
     
  3. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    เห็นด้วย :cool::cool::cool:
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ดีมากได้เมืองหลวงอัพเกรดภรรยาฟรี ๕๕๕
     
  5. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    เขตขอนแก่น-โคราช ครับ
     
  6. อู๋9

    อู๋9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +229
    ตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว มีบอกไว้ว่าเมืองหลวงอยู่ที่ไหน






    <DD>เรื่องในตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว มี ๓ ตอน โดยแต่ละตอนจบในตัวเอง ขอยกมาตอนที่1 มีบอกว่าจะเป็นมหานคร <DD>ตอนที่ ๑ เริ่มกล่าวตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาจากดอยเกิ้ง (ในเขตอำเภอจอมทองเชียงใหม่) โดยมีพระอรหันต์ พระอินทร์ และพระยาอโสกธัมมิกราช ติดตามมาด้วย เมื่อทรงพบลัวะผู้หนึ่ง กำลังวิดน้ำเข้านา จึงทรงทำนายว่า ในที่นั้นต่อไปจะเป็นเมืองหอด ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหินที่มีลักษณะคล้ายเต่า เมื่อเดินทางต่อไป พระยานาคเกิดความเลื่อมใสจึงประทับรอยพระบาทไว้ให้และทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองมหานคร ครั้นเดินทางไปถึงบ้านลัวะที่เป็นช่างปั้นหม้อ ทำนายว่า ต่อไปจะเป็นเมืองภุญชานคร และสั่งเอาไว้ว่าหากพระองค์นิพพานไปแล้ว ให้นำเอาธาตุกระดูกศีรษะด้านขวามาบรรจุไว้ที่นี่<DD>จะเห็นได้ว่าระหว่างเมืองหอดหรืออำเภอฮอดไปจนถึงเมืองภุญชานครหรือจังหวัดลำพูล พระพุทธเจ้าทรงทำทายว่าต่อไปจะเป็นเมืองมหานคร หรือเมืองหลวงนั้นเอง ผมว่าคงเป็นเมืองสองเชียงสองลำตามที่หลวงพ่อบอกไว้แน่นอนครับ ย้ายที่เดียวขึ้นสูงสุดเลยจะได้ไม่ต้องมาย้ายหลายครั้งสิ้นเปลื่องงบประมาณครับ และถ้าไม่ใช้เมืองที่สำคัญจริงๆพระพุทธเจ้าคงไม่ให้ความสำคัญถึงขนาดสั่งให้เอาธาตุกระดูกศีรษะมาบรรจุไว้แถวเขตนี้ แสดงว่าที่นี้จะต้องทรงพระศาสนาถึง5000ปีอย่างแน่นอน <DD>บัดนี้จะ ได้แสดงเรื่องพระศรีอารย์สืบต่อไป ดำเนินความว่า เมื่อมหายักษ์ได้สมาทานศีลอยู่ตราบเท่าอายุขัยแล้วก็กระทำกาลกิริยา ตายไปบังเกิดเป็นบุรุษคนหนึ่ง มีกำลังร่างกายแข็งแรง อาศัยอยู่ ณ เชิงเขาแห่งหนึ่ง หาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกผักพืชพรรณต่างๆ เขาที่บุรุษอาศัยอยู่นั้นก็เป็นเขาลูกเดียวกันกับเขาที่สมเด็จพระพุทธองค์ เคยเสด็จไปสรงน้ำ และได้ทรงตากผ้าชุบสรงไว้ และได้มีฝูงลิงพากันมาถ่ายมูตรคูถ ทำให้เปรอะเปื้อนนั่นเอง ..... อเถก ทิวสํ อยู่มากาละวันหนึ่ง บุรุษอริยเมตไตรยนั้นได้ออกมาตรวจตราดูไร่แตงโมของตนซึ่งกำลังมีผลดกอยู่ เต็มไร่ ขณะที่ออกมายืนดูอยู่นั้นก็ได้เห็นฝูงลิงพากันมาลักแตงโมกินเป็นอาหาร บุรุษหนุ่มจึงวิ่งไล่กวดฝูงลิงเพื่อให้หนีไป
    บังเอิญ วันนั้น สมเด็จพระบรมศาสดามาถึงไร่แตงโมของบุรุษอริยเมตไตรย ประทับยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง บุรุษหนุ่มได้วิ่งไล่ลิงไปถึงสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับยืนอยู่นั้น และได้เหยียบเอาพระฉายา เงาขององค์พระบรมศาสดาโดยมิทันได้สังเกต
    ครั้นบุรุษหนุ่มเหลียวไป เห็นพระพุทธองค์ก็เกิดมีความเลื่อมใสเป็นกำลัง ตรงเข้าไปถวายอภิวาทแล้วจึงนำแตงโมจากไร่ของตน ๗ ผลด้วยกัน น้อมนำเข้าไปถวายพระองค์ แต่ว่าแตงโมผลหนึ่งนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมีรอยหนูเจาะกัดกินเสียก่อน .....
    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับผล แตงโมจากบุรุษหนุ่มอริยเมตไตรยแล้ว จึงได้ตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนบุรุษ กุศลผลทานที่ท่านได้นำเอาแตงโม ๗ ผลมาถวายแก่ตถาคตนี้ (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงได้) จะเป็นปัจจัยให้ท่านได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชอันประเสริฐในระหว่าง กลางแห่งศาสนาของตถาคต และท่านจะได้ช่วยยกย่องศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไป ก็แต่ว่า ผลกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาของตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมที่ท่านนำแตงโมไม่บริสุทธิ์ มีรอยหนูเจาะมาถวายตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมนั้นจะส่งให้ท่านบังเกิดเป็นมนุษย์มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ที่ศีรษะของท่านจะมีรอยแผลเป็น ดุจรอยหนูเจาะแตงโม ครั้นต่อมา ท่านจึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใส มีร่างกายงามผุดผ่องดุจสีทอง
    เมื่อพระ พุทธองค์ได้ตรัสพยากรณ์จบลงแล้ว ฝ่ายบุรุษหนุ่มศรีอริยเมตไตรยก็ได้สมาทานศีล อำนวนทานจนตราบเท่าอายุขัย ครั้นสิ้นชีพแล้วก็ได้ไปบังเกิดเป็นโอรสของพระราชา มีพระนามว่า “อชิต กุมาร” เมื่อเจริญวัยก็ได้เล่าเรียนศิลปวิทยา แล้วได้ออกบรรพชาในสำนักของพระพุทธเจ้า ได้เรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉานเชี่ยวชาญ และได้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่จนตราบเท่าอายุขัย เมื่อแตกกายทำลายขันธ์แล้ว ได้จุติไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเทวพิภพ
    ใน คัมภีร์อนาคตวงศ์ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อใกล้ศาสนาของพระบรมศาสดาของเราจะเสื่อมโทรม พระศรีอารย์บรมโพธิสัตว์จะได้จุติจากสวรรค์ลงมาเสวยพระชาติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ ช่วยยกย่องพระศาสนาให้รุ่งเรืองสืบต่อไป (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงได้)
    ในพระ คัมภีร์ได้กล่าวต่อไปว่า ในกาลเมื่อพระศรีอารย์จะได้จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นสมเด็จพระเจ้า จักรพรรดิราชนั้น ท้าวเธอจะมาประทับอยู่ในปราสาทราชวังอันใหญ่โต ณ ปราสาทที่ท้าวเธอประทับอยู่นั้น จะมีเทวดา๕หมื่นองค์มาคอยพิทักษ์รักษา นอกจากพวกเทวดาแล้ว ยังมียักษ์อีก๕หมื่นตน พร้อมทั้งพระยานาคและพระยาครุฑ รวมทั้งบริวารอีกมากมาย ต่างก็จะพากันมาเฝ้าปราสาท
    พระราชวัง ของพระศรีอารย์นั้น จะมีประตู๘๐ประตู แต่ละประตูจะมีฝูงเทพยดาและยักษ์คอยเฝ้าอยู่ทุกๆประตู ประชาชนที่จะผ่านเข้าประตูพระราชวังของท้าวเธอได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประพฤติแต่การสุจริต ส่วนผู้ที่ประพฤติทุจริตจะไม่สามารถผ่านเข้าไปภายในได้
    ในบริเวณปราสาทนั้นเล่า ก็จะสว่างไสวไปด้วยดวงประทีป รุ่งเรืองด้วยแสงแก้ว ๙ ประการ (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ อาจจะแสดงความจริงได้) กลางคืนกับกลางวันนั้นก็จะแลดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างกันแต่ว่าตอนกลางวันสว่างด้วยแสงอาทิตย์ ส่วนกลางคืนจะสว่างด้วยแสงจันทร์และแสงแก้วมณี เป็นที่น่าดูน่าชมยิ่งนัก .....
    รอบปราสาทของพระองค์ จะมีต้นกัลปพฤกษ์ ๑,๖๐๐๐ ต้น อาณาเขตของปราสาทนั้นจะกว้างขวางหลายโยชน์ จะเป็นที่อยู่ของประชาชนพลเมือง ซึ่งล้วนแต่มีจิตใจเป็นกุศลทั้งหมด บ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นสุขด้วยประการฉะนี้



    <DD>




    <DD>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=750 align=center><TBODY><TR><TD class=texte bgColor=#cdefef width=750 align=middle>












    </TD></TR><TR><TD class=textc width=750>
    เรื่องพระจักรพรรดินี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้แล้ว และมีอยู่ในศาสนาที่สำคัญๆของโลก ที่กล่าวไว้เหมือนๆกัน เห็นพระไตรปิฎก ๓/๒๐ ที่สำคัญ ว่าด้วยการมาปรากฏของพระศรีอารย์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าโคตม ตรัสอย่างไรเกี่ยวกับพระมหาเถระโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร. 9) และ พระธรรมมิกราช (พระจักรพรรดิ) สำหรับพระจักรพรรดิ ที่จะปรากฏในเวลาปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้าโคตมทรงตรัสอย่างไร มีหลักฐานอะไรสนับสนุน
    ---------------------------------------------------------------------------------------



    </TD></TR><TR><TD class=textc width=750>พระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ นี้มีข้อมูลไม่น้อย ที่ตรงกับพุทธทำนายบนศิลาในเขตมหาวิหารสวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย และตรงกับข้อมูลอื่นๆ ที่ได้นำไปลงไว้แล้วในเวบ metteya.org (ไม่รวมข้อมูลจากศาสนาอื่นๆ) จึงได้นำข้อมูลที่เพิ่มมาใหม่นี้ มาเผยแพร่ต่อให้สาธุชนได้ทราบ เพื่อเราจักได้พยายามช่วยกันเปิดเผยความเป็นจริงในเรื่องพระจักรพรรดิว่า ที่แท้จริงแล้วพระจักรพรรดิมาปรากฏในปัจจุบัน ไม่ใช่ พ.ศ. 5000 ตามที่เคยฟังตามกันมาโดยไม่มีหลักฐานที่เป็นเหตุผล ไม่มีมีที่มาที่ไปยืนยันข้อเท็จจริง
    คนไทยจะได้มีโอกาสพิสูจน์ความเป็นจริงเรื่องพระจักรพรรดิ และความเป็นจริงจะนำพระศรีอารย์ปรากฏองค์ เพื่อจะได้มาผู้คนช่วยชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ และสร้างสันติสุขที่แท้จริงขึ้นบนโลก ในเวลาปัจจุบันนี้
    ขออนุโมทนาผู้เป็นเจ้าของข้อมูลพระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ ไว้ ณ ที่นี้
    ที่มา พลน้อย สาชิกเวบพลังจิต
    ยุคศรีวิไล อันใกล้นี้ -เป็นยุคที่พระศรีอารย์ จะปกครองโลกนี้ทั้งหมด (ตรงตามพระพุทธทำนาย และพระสูตรอื่นๆ และที่ทุกๆศาสนาบ่งไว้)


    ในคริสต์ศาสนา ความในพระคัมภีร์วิวรณ์บอกว่า

    เมื่อคริสต์ศักราชครบ 2,000 ปีแล้ว พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จลงมาปกครองโลก โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่นครเยรูซาเลม และการปกครองของพระเยซูในครั้งนี้จะกินเวลารวมทั้งสิ้น 1,000 ปี

    ในคติทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ได้มีความเชื่อในหมู่ของชาวพุทธแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะชาวพุทธของเมืองไทยว่า ภาคเหนือของไทยจะถูกสถาปนาขึ้นเป็นมหาอาณาจักรสัมมาทิฏฐิ ปราสาทพระจักรพรรด์อยู่ที่เมืองฝาง

    ผมเป็นเพียงแต่ผู้เห็นด้วยกับบทความจึงขอcopyมาแบ่งปันเท่านั้น โปรดใช้ปัญญาพิจารณาด้วย
    ขอความสุขสวัสพิพัฒธนมงคลสมบูรณ์พูลผลจงมีแก่ท่านทั้งหลายสวัสดี



    </TD></TR></TBODY>












    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2011
  7. อู๋9

    อู๋9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +229
    สิ่งที่จะนำมาให้อ่านต่อไปนี้บางท่านอาจจะคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้คงมีแต่ในหนังจีนกำลังภายในเท่านั้น เเต่อย่าลืมว่าเรื่องฤทธิ์ทั้งหลายอภิญญาเหาะเหินเดินอากาศพระที่ท่านสำเร็จท่านทำได้จริงแต่ท่านจงใจทำให้ฆาราวาสญาติโยมเห็นไม่ได้เพราะผิดพระวินัย ฉนั้นแล้วท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามอัธยาสัย
    สงครามแย่งภูเขาทองที่ เขตระหว่างเชียงราย, ฝาง, เชียงใหม่,ลำพูน

    เมื่อปรากฏภัยพิบัติ ๑๐ ประการหนาแน่นขึ้นก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาวเหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย

    หลังจากนั้นไม่นานขุมทรัพย์ทั้ง 4 ของพระศรีอาริย์ก็จะปรากฎเกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ ระหว่างเชียงราย ฝาง เชียงใหม่ ลำพูน เพราะขุมทรัพย์อันมหาศาล คือแก้วแหวนเงินทองจะระเบิดออกในภาคเหนือของประเทศไทย ดอยเงินดอยคำและเพชรนิลจินดาจะแตกออกทั้งลูกดอย และจะมีหลายลูกด้วยกัน กองทัพจะเข้าแย่งชิงสมบัติเหล่านี้ มืดมัวไปทั้งสี่ทิศ ทหารของชาติต่างๆ จะล้มตายไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงเหลืออยู่เพียงส่วนเดียวเลือดจะไหลนองเป็นห้วยน้อย จนถึงกับพวกหนูต้องว่ายข้ามต่างก็จะยิงกันจนเหลวแหลก เพราะโลภตัณหา จะรบกันถึง7 ชาติ แต่ขุนศึกสำคัญนั้นมี 3 คน คือพญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นราว (คืนแขนสั้นข้างยาวข้าง) พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ) ในตำนานพระศรีอาริย์จุติ ซึ่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าไปนิมนต์มาเกิดนั้นกล่าวไว้เป็นปัญหาว่า"ฤทธิ์เดชของพระยาแขนสั้นยาวนั้นมากมายเหลือหลาย เหล็กกลม 7 กำยาว 4 ศอก นั่งหย่องเยาะ เอามือซ้ายขว้างไปไกลได้ถึง 7 - 8 ไร่นา" ผู้เขียนขอวิจารณ์ว่า "เหล็กกว้าง 7 กำยาว 4 ศอกนั้นคงไม่ใช่เหล็กธรรมดา คงเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่นั่นเอง" แก้วแหวนเงินทองนั้นใครๆ ก็อยากได้ด้วยกันทุกคน ถ้ามันมีมากขนาดเท่าภูเขาเลากา และมันเกิดประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องตกเป็นจุดยุทธศาสตร์ขนาดล้างโลก และนั่นก็เป็นวันตัดสินโลก(Doomsday) ได้มาถึงแล้วโดยไม่มีปัญหา

    พระศรีอาริย์ นารายณ์ปราบสงครามล้างโลก

    พอถึงวันคำรบ 8 ซึ่งเป็นวันรุ่งสางสว่างแจ้ง ฝูงมนุษย์ที่เหลือจากความตายด้วยภัยสงครามก็พากันร้องไห้ระงมถมทึก แทบว่าจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ เพราะจะมองไปทางใดก็พบแต่ซากศพของคนตาย เช่น ลูกตายพลัดพ่อแม ่พ่อแม่พลัดลูก ผัวตายเมีย เมียตายพลัดผัว ญาติมิตรที่ต้องตายพลัดตายพรากจากกัน เหลือที่จะนับคณา เพราะวันตัดสินโลกได้ผ่านไปแล้ว พร้อมกับมนุษย์ที่ชั่วร้าย คงเหลือแต่มวลมนุษย์ที่เชื่อในคำสั่งสอนของพระศาสนา ซึ่งมีเมตตาภาวนาเพื่ออยู่สืบโลกและศาสนาต่อไป

    ในวันที่รุ่งแจ้งซึ่งความมืดได้ฉุดกระชากลากพาเอาวิญญาณร้ายผ่านพ้นไปแล้วนั้น กองทัพอากาศของพระศรีอาริย์บรมจักร พร้อมด้วยเทพเจ้าบนสวรรค์ก็เคลื่อนขบวนเวชยันตรถทิพย์เลื่อนลอยไปโดยทางนภากาสเวหา เพลงสวรรค์ซึ่งคนธรรพ์ทั้งหลายอันมีปัณจสิกขคนธรรพเทพบุตรเป็นหัวหน้า ก็ดีดสีตีเป่าสะท้านหวั่นไหวไปพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายก็โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไป ครั้นแล้วกองทัพพระศรีอาริย์ก็หยุดลอยอยู่เหนือดอยสุวรรณคีรี ซึ่งกองทัพมนุษย์กำลังพิฆาตฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วง เมื่อกองทัพเหล่านั้นได้ยินเสียงอึกทึกโกลาหลอยู่เบื้องนภากาศ และร้อนรุ่มกลุ้มใจไปด้วยไฟพิษ ซึ่งหมู่มวลนาคราชได้พ่นออกจากปากเป็นประกายอยู่ทั่วไป ทางเบื้องซ้ายก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหวด้วยแสงอาวุธของมวลยักษ์ ตะบองใหญ่เท่าลำตาลก็กวัดแกว่งเป็นเปลวไฟ ทหารที่ทนได้ก็ทนไป ที่ทนไม่ได้ก็สลบล้มลงไป ด้วยความร้อนสุดที่จะทนทาน อิทธิฤทธิ์ของทหารผีกระทำปาฏิหาริย์อยู่ครู่เดียว ทหารมนุษย์ก็กลิ้งทูต ระเนระนาดตามกันลงไป ร่างกายสั่นเทาเหมือนผีสิงสิ้นหมดทั้งกองทัพ พลันก็มีเสียงคำรามลั่นลงมาจากฟากฟ้าแทบว่าแก้วหูจะแตกตาย

    " อะโห! มาริสสา- มาริสสาดูก่อนทะแกล้วทหารผู้ใจบาปหยาบช้าทั้งหลาย!พวกสูจะมารบราฆ่าฟันกันตายด้วยเหตุผลกลใด? ขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นนี้ หาใช่เป็นสมบัติของพวกสูทั้งหลายหรือผู้ใดไม่ดอก! หากเป็นสมบัติของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในรถนี้ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งบรมจักรอันประเสริฐ เพื่อจรรโลงโลกไปสู่สันติสุขและสันติภาพอันเที่ยงแท้! เลิก- เลิกรบกัน !เลิกรบกันเว้ย!! ประเดี๋ยวตายโหงหมดเอ้า! ไม่เชื่อก็ลองไปดู!!" พระอิศวรผู้เป็นเจ้าได้สำแดงเสียงอยู่บนศรีษะทหารมนุษย์ อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปล่งสิงหนาทสืบต่อไปว่า

    “ วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง 7 วันแล้ว(อาจเป็น 7 อาทิตย์แล้ว)วันนี้เป็นวันคำรบ 8 ( อาจเป็นอาทิตย์ที่ 8 ) โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป

    พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจมเสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพแม้พวกจอมทัพจอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจ เหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้น พญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนถอนกลับไปสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้วพระอิศวรเป็นเจ้าก็บันดาลฝนห่าใหญ่ตกลงมาถึง 7 วัน 7 คืน ท่วมท้นซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินป็นปรกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลก จะต้องบังเกิดมรสุมทำลายความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้น แล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำขึ้นให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอน พระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

    พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ตำนานพุกามทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้วพระอาริย์ธรรมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง 2 ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล

    ลักษณะพระศรีอาริย์

    ผู้มีบุญนั้นเป็นคนหลายเชื้อชาติ เกิดในปีขาล บ้านเกิดอยู่ปลายหล้าน้ำ ที่เกิดมีเรือน๓หลัง ทางตะวันออกมีลำคลอง ทางตะวันตกมีภูเขารูปร่างคล้ายครกกระเดื่อง บิดามารดาเป็นชาวนาและช่างทอหูก เมื่อเริ่มเติบใหญ่ได้ศึกษาศิลปวิทยาการต่างๆแล้ว บัดนั้นไปก็บวชๆสึกๆอยู่๗หน เคยบวชเป็นฤาษีชีป่า

    เมื่อบวชอยู่เพื่อนนักบวชก็รุมชัง เมื่อสึกออกมาเป็นฆราวาส ฆราวาสก็รุมชัง สมณะชีพราหมณ์ตลอดจนฝูงท้าวพระยาที่มีใจหนาแน่นไปด้วยบาปต่างก็ไม่คบค้าสมาคมด้วย อยู่ที่ไหนไม่มั่นพลันหนีเพราะมีศีลธรรมและความประพฤติผิดกับคนทั้งหลาย จึงคบค้าสมาคมกับคนที่มีใจบาปหยาบช้าไม่ได้นาน

    เมื่อเป็นทารกนอนดั่งลิงลม เมื่อบวชเรียนอยู่นอนดั่งนกกาน้ำ เมื่อสึกออกมาเป็นฆราวาสแล้วนอนดั่งพญาช้างสาร และเมื่อปรากฏเป็นพระเจ้าบรมจักรธรรมิกราชแล้ว นอนดั่งพญาสีหะ

    ตำหนิรูปพรรณสัณฐานนั้น รูปร่างลักษณะท่าทางเหมือนดังครุฑ จมูกดังยักษ์ ใบหน้าดังครุฑ มีฟันเหมือนฟันม้า ตัวกลม ตาลึก ท้องใหญ่เล็กน้อย อกเต็ม ไหล่ขด มือและเท้ายาว นิ้วมือเบื้องซ้ายกิ่วคอดเป็นแผลเป็นหนึ่งแห่ง ที่ไหล่ซ้ายมีขนยาวหนึ่งเส้น ฝ่าเท้าเบื้องขวามีปานแดง บนศีรษะมีแผลเป็นลักษณะไม่สูงไม่ต่ำไม่ดำไม่ขาว สีผิวเนื้อขาวเหลือง ยามเจรจามีเสียงแลบออกจากไรฟัน พูดจามั่นเที่ยงไม่กลับกลอก กระแสเสียงแจ่มใสไพเราะและก้องกังวาน

    เมื่อบวชอยู่ในเพศบรรพชิตนั้นมักมีรัศมีพุ่งออกจากศีรษะเสมอ และมักมีดวงแสงสว่างขนาดลูกมะพร้าวบ้าง ส้มบ้าง เป็นท่อเป็นลำยาวบ้าง ปรากฏแก่สายตาประชาชนอยู่ไม่ขาด นอกจากนั้นก็มักมีเสียงดนตรีและฆ้องกลองประหลาดที่ไม่เห็นผู้บรรเลงปรากฏอยู่ครึ้มเครือ

    มีปัญญาดุจมโหสถ มีความเพียรดุจมหาชนก มีสัจจะดั่งวิธุรบัณฑิต มีขันติดุจขันติวาทีดาบส มีความกล้าหาญดุจสุรยักษ์ มีใจเบาและรวดเร็วดังลิงลม มีไมตรี รักคนใจบุญและสัตย์ซื่อ เมตตากรุณาต่อคนทุกข์ไร้อนาถา ไม่ถือตัวไม่ถือชั้นวรรณะ แก่กล้าด้วยศีลและทานจนตกทุกข์ได้ยาก
    เมื่อเริ่มจะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกนั้นจึงได้นามสมัญญาอีกอย่างว่า “ทลิททกธรรมิกราชา” คือ พระราชาผู้เข็ญใจไร้ทรัพย์

    บางตำนานกล่าวว่า ท่านจะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลก เมื่อมีอายุได้๔๙ปี บางตำนานว่า๕๕ แต่กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า น่าจะเมื่อท่านมีอายุได้ ๕๒ปี.

    นอกจากที่กล่าวแล้วนั้น ในตำนานยังมีกล่าวถึงพิธีมุรธาภิเษกพระศรีอารย์ขึ้นเป็นพระราชาของเมืองใหม่ ซึ่ง จะจัดกันขึ้นที่จอมดอยฮด(ดอยรดน้ำมุรธาภิเษก) ในเขตเชียงใหม่ ซึ่ง หมู่เทวดาเป็นผู้จัดพิธีขึ้น

    ในหนังสือพระศรีอารย์ ของ ส.พลายน้อย กล่าวว่า พระศรีอารย์จะได้ม้าแก้วจากดอยดินแดง ในเขตเมืองฝาง. (ซึ่งก็ไม่ทราบว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ผู้เฒ่าผมขาวหนวดยาว ขี่ม้าขาวนั้นด้วยหรือเปล่า)
    ผมเป็นเพียงแต่ผู้เห็นด้วยกับบทความดังกล่าวจึงขอcopyมาแบ่งปันเท่านั้น โปรดใช้ปัญญาพิจารณาด้วย
    ขอความสุขสวัสพิพัฒธนมงคลสมบูรณ์พูลผลจงมีแก่ท่านทั้งหลายสวัสดี




     
  8. ภูทยานฌาน

    ภูทยานฌาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +188
    อย่าเพิ่งเดากันไปต่างๆนานา ว่าเมืองหลวงของไทยจะตั้งอยู่แห่งหน ตำบลใด...
    รอให้ภัยพิบัติธรรมชาติจัดการทำแผนที่โลกให้ใหม่่ก่อน....
    5555...(อย่าไปคิดมาก)
    ธรรมชาติคือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ทั้งธรรมะและธรรมชาติต่างก็ล้วนเป็น ธรรมดา เพราะฉะนั้นเมื่อมีการเกิด ก็ต้องมีการตายนั้นย่อมเป็น ธรรมดา....
     
  9. เกาะแก้ว

    เกาะแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +58
    ชัยภูมิ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีความสำคัญในอนาคต ตามความหมาย
    ของชื่อจังหวัด ผมเคยมีโอกาสไปร่วมสร้างบุญที่จังหวัดชัยภูมิ กับหลวงปู่สมหมาย
    หรือบางท่านเรียกหลวงปู่ศรี วัดผาเกิ้ง ตอนนี้ท่านกำลังเร่งสร้าง
    มหาวิทยาลัยสงฆ์ของจุฬา เคยตามท่านบิณฑบาตในตลาดชัยภูมิ
    ร่วมกับท่านนายอำเภอบ้านเขว้า และบางวันผู้ว่าราชการจังหวัดก็ตาม
    ท่านบิณฑบาตด้วย นับว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก และหลวงปู่ศรี
    หรือหลวงปู่บุญมาท่านกับยังรับสร้างพระเจดีย์ที่อำเภอบ้านเขว้าต่อจาก
    หลวงปู่จันทา อนากุโล ซึ่งท่านได้เริ่มสร้างไว้ก่อนจะมรณะภาพ
    คิดว่าสถานที่แห่งนี้ต่อไปจะเป็นที่รองรับคนได้มาก
    และผมคิดว่าครูบาอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่คนชัยภูมิควรภาคภูมิใจคือ
    หลวงปู่สมภาร วัดหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองชัยภูมิ ผมได้มีโอกาศกราบ
    หลวงปู่ในวันที่ท่านมรณะภาพพอดี ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาล
    และได้อธิฐานจิตน้อมนำหลวงปู่สู่แดนพระนิพพาน หลวงปู่ชอบสร้างสะพาน
    ข้ามแม่น้ำให้ชาวบ้านได้ใช้ และในวันที่หลวงปู่มรณะภาพผมได้นำตู้พระธรรม
    และพระไตรปิฏกที่หลวงปู่ได้นำไปตั้งไว้ให้ชาวบ้านได้อ่านและศึกษา
    แต่ชาวบ้านไม่สนใจดูแลรักษาผมกับหลวงพี่ลูกศิษย์หลวงปู่จึงได้อัญเชิญมาไว้ยัง
    ห้องสมุดของหลวงปู่ ที่วัดหนองไผ่ล้อม ในวันเดียวกันก่อนที่หลวงปู่จะมรณะภาพ
    เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ทราบข้อมูลจากลูกศิษย์ของปู่ว่าก่อนหลวงปู่มรณภาพได้ต่อเรือ
    ไว้แล้วหลายลำเพื่อใช้ขนคนหากน้ำท่วม
    ขอทุกท่านโมทนาบุญ
    และหากท่านใดมีโอกาศไปจังหวัดชัยภูมิขอเชิญร่วมสร้าง
    มหาวิทยาลัยสงฆ์ และสร้างเจดีย์กับหลวงปู่ศรี(หลวงปู่บุญมา) วัดผาเกิ้ง
    ได้ตามกำลังศรัทธา<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    รออีกสัก 10 ปีละกันครับ 2561-2 ค่อยพิจารณานะ
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    นักวิจัย เตือนมาเป็นครั้งที่ร้อยแล้วเรื่องนี้ จะรอให้วัวหาย แล้วค่อยล้อมคอกก็ได้ ถ้าคิดว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=ecxheadline vAlign=baseline align=left>สื่อนอก ชี้ “น้ำท่วมไทย” บ่งบอกวิกฤตโลกร้อน เตือน กรุงเทพ เสี่ยงจมบาดาล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=ecxdate vAlign=middle align=left>7 พฤศจิกายน 2554 </TD><TD vAlign=middle align=left>



    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=556><TBODY><TR><TD vAlign=top width=556 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ชี้ วิกฤตอุทกภัยไทย เป็นสัญญาณภาวะโลกร้อน พร้อมเตือน รัฐบาลเร่งหามาตรการป้องกันเมืองหลวง จากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ห่างจากชายฝั่งตอนเหนือของอ่าวไทย เพียง 30 กิโลเมตร กำลังทรุดตัวลงอย่างช้าๆ และอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณเตือนภัย ที่ร้ายแรงกว่า จากวิกฤตโลกร้อน ที่จะสัมผัสได้มากขึ้นทุกที

    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยากรณ์ว่า อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น จะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นราว 19-29 เซนติเมตร ภายในปี 2050 ซึ่งจะกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เอ่อล้นตลิ่งอยู่เป็นระยะแล้ว

    หากรัฐบาลไทย ไม่คิดหามาตรการปกป้องเมืองหลวงแห่งนี้เอาไว้ “ภายใน 50 ปีข้างหน้า พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล” อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุ

    อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ยังไม่ใช่แค่ปัญหาเดียว แต่การขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค ของโรงงานอุตสาหกรรม และคนเมืองหลวงกว่า 12 ล้านคน ยังส่งผลให้ พื้นดินเขตกรุงเทพมหานครทรุดต่ำลง เฉลี่ยปีละ 10 เซนติเมตร ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ผลการศึกษาซึ่งเผยแพร่ในปีที่แล้ วโดยธนาคารโลก, ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และธนาคารแห่งญี่ปุ่นเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (JBIC) ระบุ

    อัตราการทรุดตัวค่อยๆ ลดลง จนเหลือปีละไม่ถึง 1 เซนติเมตรในปัจจุบัน เนื่องจาก รัฐบาลหันมาควบคุมการขุดเจาะน้ำบาดาลมากขึ้น ซึ่งผู้สรุปรายงานคาดว่า หากความพยายามเหล่านี้ยังคงอยู่ อัตราการทรุดตัวของกรุงเทพมหานคร จะลดลงเรื่อยๆ ปีละ 10 เปอร์เซ็นต์

    อย่างไรก็ดี อานนท์ ไม่เห็นด้วยกับคำพยากรณ์เหล่านี้ และเตือนว่า พื้นที่ กทม. ยังคงทรุดตัวราว 1-3 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเร็ว ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

    แม้นักวิทยาศาสต ร์จะยังถกเถียงถึงตัวเลขที่แน่ชัด ทว่า ทุกฝ่ายต่างสรุปตรงกันเกี่ยวกับอนาคตที่น่าหวาดหวั่นของมหานครแห่งนี้

    “ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว กรุงเทพมหานครจะไม่ยกตัวสูงขึ้นอีก” เดวิด แม็คคอลีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลง ของสภาพอากาศ จากธนาคารเอดีบี ระบุ

    ด้วยความเสี่ยงหลายประการ ทั้งการทรุดตัวของพื้นดิน, ภาวะโลกร้อน และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ธนาคารโลกจึงทำนายว่า กรุงเทพมหานคร จะเสี่ยงเกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ถึง 4 เท่า ภายในปี 2050

    นอกจากนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)ยังจัดให้กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งใน 10 เมืองใหญ่ของโลก ที่เสี่ยงเผชิญวิกฤตน้ำท่วมชายฝั่ง (coastal flooding) ภายในปี 2070

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=556><TBODY><TR><TD vAlign=top width=556 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    ชาวกรุงเทพฯ หันมาใช้เรือเป็นพาหนะ หลังกระแสน้ำไหลบ่า เข้าท่วมบ้านเรือน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แม้กรุงเทพมหานคร จะมีระบบเขื่อนกั้นน้ำ, คูคลอง, ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อกั้นน้ำทะเล มิให้รุกคืบถึงเขตเมือง ทว่า ความพยายามเหล่านี้ ก็ไม่อาจสกัดกั้นมวลน้ำเหนือ ที่ไหลบ่าลงมาท่วมพื้นที่เมืองหลวง ถึง 1 ใน 5 แล้ว

    การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้กรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงมาก พื้นที่ ที่ต้องการการป้องกันน้ำท่วม มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้น้ำ “มีทางไปน้อยลง”ฟรองซัวร์ มอลล์ ผู้เชี่ยวชาญการจัดการน้ำ จากสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส กล่าว

    มอลล์ ระบุด้วยว่า ในอนาคต กรุงเทพฯ จะต้องจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน “แต่คำถามสำคัญก็คือ เมื่อไหร่”

    ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่า รัฐบาลไทย ควรเข้ามาดูแลการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในกรุงเทพ, วางแผนรับมือความเสี่ยงต่างๆ และย้ายนิคมอุตสาหกรรม ออกไปให้พ้นจากเขตน้ำท่วม... หรือแม้กระทั่ง ย้ายเมืองหลวงทั้งเมือง!

    “การตั้งเมืองหลวงใหม่ คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการปลอดภัย จากน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง ใน 1 วัน และ 365 วัน ใน 1 ปี”
    อานนท์ กล่าว

    “เรายังมีพื้นที่อื่นๆ ที่สามารถตั้งเป็นเมืองหลวง ที่ปราศจากน้ำท่วม ประเทศนี้ ยังมีพื้นที่อีกเยอะ”

    แม้จะฟังดูเลวร้ายเกินเหตุ แต่แน่นอนที่สุดว่า กรุงเทพมหานคร ต้องเริ่มลงมือแก้ไข หากไม่ต้องการ กลายเป็นเมืองใต้บาดาล เช่นเดียวกับ “แอตแลนติส”

    “หากจะตั้งเมืองหลวงที่นี่ต่อไป กรุงเทพมหานคร ต้องเตรียมการป้องกันที่ดีขึ้น” โรเบิร์ต นิคอลส์ อาจารย์ด้านวิศวกรรมชายฝั่ง จากมหาวิทยาลัยเซาท์ แธมป์ตัน ของอังกฤษ เผย พร้อมระบุว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้ อาจกระตุ้นให้รัฐบาลไทย ต้องทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อป้องกันเมืองหลวง ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=516><TBODY><TR><TD vAlign=top width=516 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    เด็กๆ ยังออกมาเล่นน้ำที่ท่วมขัง บนผิวถนน อย่างไม่อนาทรร้อนใจนัก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    <TABLE id=post3962750 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>26-10-2010, 10:19 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #36 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3962750", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,578
    Groans: 1
    Groaned at 473 Times in 325 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 214
    ได้รับอนุโมทนา 70,753 ครั้ง ใน 10,164 โพส
    พลังการให้คะแนน: 5275 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3962750 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** เมืองสวรรค์ ****

    เมืองในอดีต ที่ต้องกลับมาทำใหม่
    เหตุเพราะแผ่นดินสูง เคยรอดพ้นน้ำทะเลในอดีต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "



    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ย้ายไปที่ใหม่ไม่ว่า แต่ไม่ควรปล่อยกรุงเทพเดิมให้ถูกลอยแพ นโยบายที่จะป้องกันแก้ไขก็ต้องทำด้วย
    ประเทศเนเธอร์แลนด์อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลยังอยู่ได้ ญี่ปุ่นมีทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ ยังอยู่ได้ อเมริกาเจอพายุเฮอริเคนก็ยังอยู่ได้ ถ้าคิดเพียงแค่หนีจะมีสักกี่ที่ที่ปลอดภัยไร้ภัยพิบัติ จะสามารถรองรับประชากรจำนวนมากได้หรือไม่ แล้วจะอยู่กันแบบประมาท ไม่สำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมกันอีกรึเปล่า พอย่ำแย่ทรุดโทรมก็หาที่ใหม่ไปเรื่อยๆ หรือควรจะคิดหาทางแก้ปัญหา ปรับตัว ป้องกันบรรเทาภัยที่จะเกิดขึ้น
    เสียดายภาคกลางที่เคยเป็นแหล่งเกษตรกรรม สุดท้ายกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย โรงงาน น้ำมามากก็ระบายไม่ได้ ไม่อยากให้ต้องมาเกิดกับภาคอื่นจังหวัดอื่นอีก
     
  14. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    กรรมธรรมชาติ น่าจะจัดสรรได้ลงตัวที่สุุด ค่ะ สำหรับเมืองหลวงแห่งใหม่

    หวังว่า ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง ผู้นำคงมาจากเทพคัดสรร ไม่ใช่ไปหยอดบัตรเลือกตั้ง อิอิ.

    ถึงตอนนั้น ประชาไพร่ฟ้าหน้าใส

    พวกที่ชอบบ่อนทำลาย คงไม่เหลือแล้วล่ะ

    แต่ไม่รู้อย่างเราๆ จะมีบุญ มีชีวิตรอด อยู่ชื่นชมเมืองศิวิไลซ์ กับท่านๆ บ้างรึป่าว น่ะสิ !
     
  15. catniss

    catniss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +96
    อาจารย์ ดร.อาจอง บอกว่าควรจะต้องสูงกว่าระดับน้ำทะเล 45 เมตรขึ้นไป

    ราชธานีเก่าคือสุโขทัย บริเวณที่เป็นเมืองเก่าจริงๆ น้ำไม่ท่วม สายเก่าไปทุ่งเสลี่ยม

    คือเส้นทางถนนพระร่วงเก่าก็ไม่ท่วมเช่นกัน โหวตสุโขทัยจ้า ฉึกๆ
     
  16. interpoo

    interpoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    2,970
    ค่าพลัง:
    +19,781
    สุโขทัย น้ำท่วมทัวร์
     
  17. catniss

    catniss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +96
    ท่วมไม่นานไม่ใช่หรือท่าน

    และมีบางส่วนที่ไม่ท่วมหรือเปล่าค่ะ ไหนๆท่านก็กรุณามาบอกแล้ว ช่วยชี้แนะข้าน้อยหน่อยนะคะ แบบเจาะลึกเลยนะคะ ^^
     
  18. boy9999

    boy9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +196
    จังหวัดขอนเเก่น ไมก็มหาสารคามไงครับ
     
  19. ธรรมดาของธรรม

    ธรรมดาของธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +50
    นครนายกครับ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เทวดาทายโลก


    เผยแพร่เมื่อ 22 ก.ค. 2011​
     

แชร์หน้านี้

Loading...