เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

แก้ไขตัวคาถาบูชาใหม่ครับถ่ายไม่ครบ

 

สวัสดีช่วงเย็นทุกๆท่านครับ

 

ขอบคุณมากครับอาจารย์

 

สยามดียามเย็นค่ะสมาชิกทุกท่าน
ขออนุญาตลบข้อความบางข้อความออกจากกระทู้นะคะ เพื่อป้องกันปัญหาดูภาพประกอบและคำอธิบายแล้วยังไม่เข้าใจในภายภาคหน้า

เมตตาํธรรมค้ำจุนโลก

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=F0FDcGn3gZc&feature=related"]????????? ??????? - ????????????? - YouTube[/ame]

 

ขอบพระคุณ อาจารย์แก้วสว่าง มากคับ สำหรับความรู้

 

กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีสมาชิกทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขทุกท่านครับ

 

ขอบคุณสำหรับคาถาครับได้บทอาราธนาขุนแผนแล้ว ^ ^

 

อาจารย์ครับ ขออนุญาตินำไปเผยเเพร่ไห้ผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่ท่านอื่นได้อาราธนาได้ไหมครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีตอนเช้าครับทุกท่าน ขออนุญาตเซฟบทอาราธนา ขอขอบคุณอาจารย์แก้วสว่างด้วยครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot].................หลังจากยุคสมัยที่พระทิมท่านได้ครองตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่ว่างจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเพราะหลวงพ่อจ๋วมเจ้าอาวาสในขณะนั้นท่านได้ลาสิกขาไป ซึ่งชาวบ้านก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่ต่างก็พร้อมใจยินดีกันที่พระทิมได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดเพราะหมู่บ้านละหารไร่นั้นถือเป็นดินแดนถิ่นกำเนิดของพระทิมด้วย ซึ่งภายหลังจากที่พระทิมท่านมาเป็นเจ้าอาวาสท่านก็ยังถือการปฏิบัติตามแนวของสงฆ์อย่างเคร่งครัด และยามว่างจากการปฏิบัติกิจของสงฆ์พระทิมท่านยังต้องมีการหมั่นศึกษาและเรียนรู้อยู่เสมอคือการเรียนวิชาอาคม ซึ่งการร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆในยุคสมัยก่อนนั้นซึ่งยึดถือกันว่าต้องมีวิชาอาคมติดตัวถึงจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ แต่วิชาอาคมต่างๆนั้นก็มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์หรืออาจจะเรียกได้ว่าไสยขาวและไสยดำก็ได้ ซึ่งการเรียนในทางไสยศาสตร์ในสมัยก่อนนั้น การถือสัจจะนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านจะให้ลูกศิษย์นั้นยึดมั่นเสมอ เพื่อวิชาอาคมต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมานั้นจะมีอานุภาพหรือความขลังมากขึ้น ซึ่งจากการที่พระทิมท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลากหลายอาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาและเรียนรู้ ซึ่งวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมานั้นพระทิมท่านจะนำมาประยุคเพื่อให้ง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากที่พระทิมท่านได้ไปร่ำเรียนอาคมต่างๆมาหลายวิชาและวิชาที่สำคัญมากที่พระอาจารย์หลายๆคนต้องเรียนรู้ให้ได้คือวิชาการแพทย์แผนโบราณ โดยในสมัยก่อนนั้นการแพทย์ของไทยเราในยุคสมัยก่อนเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้วซึ่งตรงกับยุคสมัยของรัชกาลที่ห้า การแพทย์นั้นยังไม่มีความเจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ความเจริญจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ตามชานเมืองและนอกเมืองหรือตามชนบทนั้นการแพทย์แผนโบราณนั้นจะมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่มากอย่างยิ่ง ซึ่งโดยเฉพาะการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะรักษากันตามพื้นบ้านซึ่งตามหมู่บ้านในสมัยก่อนนั้นจะมีหมอบ้านหรือหมอแผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนกันมาตั้งแต่ยุคเก่าก่อน ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงบรมครูแห่งการแพทย์แผนนโบราณนั้นคงไม่มีใครรู้จัก หมอชีวกโกมารภัจจ์ซึ่งเป็นแพทย์ประจำองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปได้ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า [/FONT]“[FONT=&quot] ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นและสมุนไพรใด ในชมพูทวีปที่ใช้ทำยาไม่ได้นั้นไม่มีเลย ทุกอย่างเป็นยาทั้งนั้น [/FONT] “[FONT=&quot] ซึ่งเป็นคำพูดของหมอชีวกโกมารภัจจ์ที่ท่านได้ตอบคำถามต่อพระฤษีโรคา พฤกษตริณณ์ อาจารย์ทิศาปาโมกข์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาแพทย์แผนโบราณให้เป็นคนแรก ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าต้นไม้ใบหญ้าทุกชนิดนั้นเป็นยาหมดซึ่งสามารถนำมารักษาคนที่เจ็บป่วยได้ พระทิมท่านได้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์แผนโบราณมาก็หลากหลายอาจารย์ทั้งพระและฆาราวาส ซึ่งพระทิมท่านได้เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อชีวิตคนมากเพราะในยุคสมัยก่อนหมู่บ้านตามชนบทจะห่างไกลจากโรงพยาบาลมาก ซึ่งการที่จะรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยที่ทนทุกข์ทรมาณให้อยู่รอดปลอดภัยได้นั้นก็จะต้องมีการเรียนรู้หรือการศึกษาเล่าเรียนจากครูบาอาจารย์ที่สำเร็จในเรื่องวิชาการแพทย์แผนโบราณ หรืออาจจะศึกษาจากตำราการแพทย์แผนโบราณซึ่งในสมัยก่อนนั้นจะบันทึกไว้ในตำราใบลานหรือสมุดข่อยซึ่งก็เป็นวิชาการแขนงหนึ่งตามตำราไสยศาสตร์ที่ครูบาอาจารย์ในยุคเก่าได้บันทึกไว้สืบต่อกันมาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กันเพื่อใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ พระทิมท่านได้พยายามศึกษาและเรียนรู้อยู่เสมอและท่านยังได้ศึกษาเล่าเรียนในตำราเก่าของหลวงปู่สังข์เฒ่าควบคู่กันไปและตามคำบอกเล่าต่อกันมาว่าท่านยังได้เรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับปู่เฉิดซึ่งเป็นคนเก่าแก่ในหมู่บ้านละหารไร่ด้วย ซึ่งในสมัยก่อนนั้นหมู่บ้านละหารไร่นั้นยังเป็นพื้นที่ป่าดงดิบ จะมีป่าไม้เบญจพรรณมากมาย และมีสิงสาราสัตว์เยอะมาก โดยเฉพาะสัตว์ต่างๆนั้นอาทิเช่นเขาหรือกระดูกก็สามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรควบคู่กับพืชพรรณต่างๆที่มาทำสมุนไพรได้ (ติดตามตอนต่อไป )<o></o>[/FONT]

 

ดีแล้วครับในการที่จะนำไปเผยแพร่ในเรื่องที่ดีๆที่มีคนเขาได้ศรัทธากันและได้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง จะเป็นบุญอย่างมากครับ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=xrt9jqhMQts]พระคาถาบูชาหลวงปู่ทิม - YouTube[/ame] เพิ่งทำเสร็จครับ ไม่ดียังไง ติชมได้น่ะคราฟ

 

""""""""""""
ดีมากเลยครับ..แต่บางช่วงเร็วไปนิด..อ่านพระคาถาไม่ทันครับ

 

สวัสดีทุกๆท่าน.....ในรุ่งอรุณยามเช้าของเช้าวันพฤหัสบดี

 

หวัดดีตอนเช้าครับอ.แก้วสว่าง และทุกๆท่านครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot](ต่อจากตอนที่แล้ว)สมุนไพรต่างๆนาๆที่นำมาทำเป็นยานั้นก็มีทั้งคุณอนันต์และโทษอย่างมหันต์ถ้าไม่รู้จักการใช้ให้ถูกต้อง หรือถูกวิธี ซึ่งการที่จะทำให้ถูกวิธีนั้นก็ต้องมีการเรียนรู้และเข้าใจและต้องมีการหมั่นฝึกฝนเรียนรู้สมุนไพรในธรรมชาติที่กำเนิดขึ้นมาในโลกและจะต้องมีการฝึกฝนไปจนกว่าจะเกิดความรอบรู้หรือความชำนาญขึ้นมา ซึ่งใบไม้ใบหญ้าทุกชนิดสามารถนำมาทำคุณประโยชน์ได้หมด ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้นั้นสามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรได้แต่ต้องมีการแยกแยะให้ถูกต้องเพื่อการรักษาให้ถูกวิธีที่จะช่วยในการบำบัดโรคต่างๆได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่จะใช้ยาสมุนไพรให้ปลอดภัยนั้นมีผลที่ดีมากและผลข้างเคียงนั้นน้อยมาก ซึ่งแล้วแต่ผู้ใช้ยาจะมีความรอบรู้และมีความสามารถตัดสินใจใช้ยาสมุนไพรต่างๆเหล่านี้ให้ถูกต้องกับโรค โรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็จะหายและปลอดภัยได้ พระทิมในยุคสมัยที่ท่านยังเป็นฆราวาสท่านก็ได้ใช้ชีวิตดำรงชีพอยู่กับผืนป่าอันกว้างใหญ่ท่านจึงสามารถเรียนรู้เรื่องสมุนไพรได้ง่าย ถ้าจะกล่าวถึงหมู่บ้านละหารไร่ในยุคสมัยก่อนนั้นหรืออาจจะเป็นยุคที่บุกเบิกก่อตั้งหมู่บ้านละหารไร่ขึ้นมาซึ่งส่วนใหญ่เมื่อมีการเจ็บไข้ได้ป่วยในหมู่บ้านก็จะมาหาหลวงพ่อสังข์เฒ่าซึ่งเป็นเจ้าอาวาสซึ่งท่านมีชื่อเสียงมากในเรื่องของการรักษาด้านการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆโดยเฉพาะคนในหมู่บ้านละหารไร่และพื้นที่ใกล้เคียงนั้นจะมาหาหลวงพ่อสังข์เฒ่าซะเป็นส่วนใหญ่ และพอมาถึงยุคของหลวงพ่อทิมซึ่งในยุคสมัยนี้ก็ยังไม่เจริญเท่าที่ควร การแพทย์หรือการสาธารณสุขนั้นก็ยังมาไม่ทั่วถึง การรักษาก็ยังใช้การรักษาแบบพื้นบ้านหรือการใช้ยาสมุนไพรเป็นหลักใหญ่ ซึ่งเวลาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆนั้นก็จะหาหมอตามพื้นบ้านหรือหมอสมุนไพรแต่ส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นพระที่ต้องมีบทบาทเป็นอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้เรื่องยาและสมุนไพรต่างๆให้ได้เพราะถือว่าเป็นที่พึ่งแห่งเดียวที่ชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือเมื่อมีความจำเป็นในทุกๆเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยรวมไปถึงการโดนอำนาจของคุณไสยหรือโดนการกระทำมาซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือเป็นสิ่งที่ไม่อาจที่พึงจะเกิดขึ้นมา และวัดนั้นถือว่าเป็นแหล่งพักพิงที่เป็นตัวหลักสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนส่วนมากต้องการความช่วยเหลือจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้หมดหายจากความทุกข์นั้นให้ได้ และตัวบทแสดงที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือพระสงฆ์ ซึ่งเป็นตัวบทบาทหรือตัวหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเพื่อการช่วยเหลือในยามที่ชาวบ้านต้องการบำบัดทุกข์บรรเทาสุขในเรื่องสิ่งต่างๆได้ ฉะนั้นพระสงฆ์ก็เป็นตัวหลักที่สำคัญมากอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้ในยามเดือดร้อนในทุกๆเรื่อง ในสมัยก่อนนั้นเราจะเห็นได้ว่าตั้งแต่บรรพบุรุษของไทยเราตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะในยุคสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายนั้นตามประวัตินั้นตัวบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งที่เป็นทั้งขวัญและกำลังใจในการสู้รบศึกสงครามนั้นก็คือ พระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ท่านได้สร้างผ้าประเจียดและตระกรุดพิสมรแจกให้แก่ชาวบ้านที่ได้ออกสู้รบในศึกสงครามแห่งค่ายบางระจันเพื่อสู้รบกับพม่าเพื่อให้ได้ชัยชนะในการป้องกันบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าพระนั้นมีส่วนสำคัญยิ่งและเป็นตัวหลักสำคัญทางด้านขวัญและกำลังใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีพระเป็นตัวหลักบ้านเมืองเราคงจะระส่ำระสายหรืออาจแตกความสามัคคีกันเป็นแน่แท้ พระนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ได้ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อให้เป็นที่ยึดมั่นและวัดก็ศูนย์รวมแห่งจิตใจของชาวบ้านเป็นอย่างมากในยามศึกสงครามสมัยนั้น อย่างเช่นในยุคของสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นท่านก็ได้ยึดวัดเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจในการออกศึกสู้รบทุกครั้ง จะเห็นว่าท่านได้ยกบทสวดมนต์ พุทธชัยมงคลคาถาในการออกศึกสู้รบเพื่อให้ได้ชัยชนะต่อศัตรูทุกครั้ง ต่อมาท่านก็ได้มีดำริสร้าง พระยอดธง ซึ่งมีบันทึกตำนานโบราณบอกไว้ว่าดังนี้[/FONT] "[FONT=&quot]เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราช[/FONT] [FONT=&quot]ตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า[/FONT] [FONT=&quot]สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว[/FONT] [FONT=&quot]จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น[/FONT] [FONT=&quot]แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลา ยมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ[/FONT] [FONT=&quot]และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วยการเจริญพาหุงม[/FONT] [FONT=&quot]หากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"[/FONT][FONT=&quot] จะเห็นว่าพระและบทสวดมนต์ต่างๆที่ได้บันทึกไว้แล้วนั้นจะมีอิทธิพลมากเป็นอย่างยิ่งต่อชาติบ้านเมืองในยามที่บ้านเมืองเดือดร้อนที่ต้องการขวัญและกำลังใจและความสมัครสมานสามัคคีกันเพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการออกสู้รบและในยามที่บ้านเมืองสงบจากภัยสงครามพระก็มีบทบาทอย่างมากที่ต้องการเป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือที่พึ่งทางจิตใจในการต่อสู้กับการดำเนินชีวิตที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า ( ติดตามตอนต่อไป )<o></o>[/FONT]

 

สวัสดีตอนค่ำครับ ขอบคุณ อ.แก้วสว่างสำหรับเรื่องราวหลวงปู่ครับ

 

เข้ามาติดตามบทความดีๆจาก อ.แก้วสว่างต่อครับ

 

วันนี้ขอโชว์พระกริ่งชินบัญชร ญสส. 3 องค์ครับ

 

โอ้วสวยงามครับพี่ภู เค้าเรียกกริ่งสามพี่น้องหรือไม่ครับพี่ภู