เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอบคุณครับ ยินดีด้วยครับ
     
  2. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ตรงจุดแก้ไขในชะตาชีวิตของทุกคน คนเราเกิดมามีชะตากำหนดต่างกัน มีกรรมเป็นพื้นฐานติดมาด้วย มีดวงชะตาที่ติดตัวมาแต่เกิดและจะผูกพันกันไปจนวันตาย เมื่อหนีสิ่งที่ติดตัวมาไม่พ้น ก็หาวิธีอยู่กับมันอย่างรู้ทันและไม่ให้เสียหายต่อการดำเนินชีวิต ไม่มีใครรวยพอที่จะซื้ออดีตกลับคืนมาได้และไม่มีใครดีที่สุดหากยังต้องดิ้นรนแข่งขันการดำเนินชีวิตในวิถีของปุถุชน และตามหลักของ “เมตาฟิสิกส์” ไม่มีความบังเอิญในโลกนี้ เพียงแต่จะเกี่ยวพันกันอย่างไรเท่านั้น และหลายอย่าง(แทบทุกอย่าง) ในชีวิตเราเป็นไปตามทฤษฏีสัมพันธภาพ

    ปาราจิตวิทยา(Parapsycology)หมายถึงปรากฏการ์ณที่เกิดขึ้นกับจิตที่ยังอธิบายหาเหตุผลไม่ได้ เช่น อาการหรือปรากฏการ์ณแปลกๆรวมทั้งเรื่องของระบบประสาทสำผัสพิเศษลึกๆ ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป

    ส่วนอภิปรัชญาหรือเมตาฟิสิกส์( Metaphysic) เป็นเรื่องวิชาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ ความร้อน แสงเสียง ที่อธิบายในรูปของปรัชญาที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ หากเทียบกับพระพุทธศาสนานั้นเทียบเคียงได้กับ วิชาอภิปรัชญา อันเป็นวิชาที่ศึกษาในเรื่องของความจริงในสมมุติที่เรียกว่าสมมุติสัจจะ และวิชาที่ศึกษาเรื่องของความจริงในความจริง ที่เรียกว่าปรมัตถสัจจะหรือปรมัตถธรรม อันได้แก่เรื่องของจิต เจตสิก รูป และนิพพานอันเป็นเรื่องของ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนันตตา

    สำหรับปาราจิตวิทยานั้นเทียบได้กับสมมุติสัจจะ คือความจริงในสมมุติยังเป็นนิจจัง สุขขัง อัตตาอยู่ เป็นขั้นที่เกือบถึงปรมัตถสัจจะ เรื่องของวิญญาณหากเราพิจารณาในแง่สมมุติสัจจะ คำว่าวิญญาณ คงเป็นเพียงคำเพื่อแยกความหมายเฉพาะว่าต่างจากสิ่งอื่นเท่านั้น แต่ในแง่ของปรมัตถสัจจะ วิญญาณหมายถึงคลื่นหรือพลังงานที่มีความเร็ว มีความถี่ มีรูปแบบที่ไม่แน่นอน

    ตัวอย่างทฤษฏีสัมพันธภาพได้ดังนี้ หากมีฝาแฝดคู่หนึ่งเกิดพร้อมกัน คนหนึ่งอยู่บนโลก อีกคนหนึ่งเดินทางด้วยยานอาวกาศไปนอกโลกด้วยความเร็วใกล้แสงในช่วงระยะเวลาเวลาหนึ่งแล้วกลับมายังโลก จะพบว่าฝาแฝดที่อยู่บนโลกจะมีอายุมากกว่า ฝาแฝดที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง ตามหลักของพระพุทธศาสนาเราเรียกว่าเวลาไม่เที่ยง ขนาดไม่เที่ยง ปริมาณไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยง ชีวิตคือองค์รวมของขันธ์ ๕ (อนัตตลักขณสูตร) ประกอบด้วย ธาตุ ๔ คือธาตุดินหรือปฐวีธาตุ , ธาตุน้ำหรืออาโปธาตุ ,ธาตุลมหรือวาโยธาตุ Eliment of motion และธาตุไฟหรือเตโชธาตุ : Eliment of heat อันเป็นกรรมสังขารหรือวิญญาณธาตุ ซึ่งเป็นพลังงานคลื่นชนิดหนึ่งเช่นกัน

    เมื่อเราปฏิบัติจิตให้ละเอียดขึ้น พลังงานของคลื่นวิญญาณเราจะเริ่มพัฒนาพลังงาน จนมีประสิทธิภาพ มีความร็วและพลังงานสูงขึ้นที่เรียกว่าแผ่รังสีออกได้ เมื่อเรากำหนดสมาธิเจริญสติจนนิ่งถึงจุดที่เรียกว่าอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จิตจะทรงพลังมาก พระอรหันต์สามารถกำหนดจิตละเอียดลึกไปถึงระดับจิตวิญญาณ ท่านสามารถกำหนดตัวรู้ของท่านในระดับวิญญาณของท่านไปทำอะไรต่อมิอะไรตั้งนานตั้งหลายเรื่องในโลกวิญญาณ เรียกได้ว่าเวลาขึ้นอยู่กับระดับของตัวรู้หรือความเร็วคลื่นวิญญาณภายในอันสามารถแปรเปลี่ยนเวลาไปสู่ระดับของตัวรู้ในอีกภพที่อยู่ในพลังงานคลื่นความเร็วสูงเหนือแสง อันสามารถแบ่งแยกตามความละเอียดของจิตและระดับพลังงานวิญญาณ เกิดเป็นภพภูมิต่างๆ ที่เราเรียกว่า ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดินอันจะสำผัสได้ด้วยตัวรู้ ซึ่งเวลาและพลังงานวิญญาณในแต่ละภพภูมินั้นจะต่างกัน เช่น ในภพสัญชีนรก ๑ วันนรก เท่ากับ ๙ ล้าน ปีมนุษย์ , ๑ วัน (ทิพย์)ของเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิก เท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เป็นต้น

    พระอรหันต์สามารถปฏิบัติจนวิญญาณหรือรังสีของท่านสามารถเข้าถึงเอกภพ ทั้งนี้ท่านสามารถสลายจิต เจตสิก รูปได้ด้วยนิพพาน สามารถพัฒนาจิตซึ่งเป็นคลื่นในภาวะปรมณูกระจายสู่ความว่าง เมื่อสังขารพระอรหันต์สิ้นไปก็จะเข้าสู่ปรมัตถสัจจะสมบรูณ์ สู่ภาวะว่างอนันต์ ทำให้พระอรหันต์สามารถอยู่ในแดนนิพพาน คงไว้ได้ด้วยตัวรู้ได้จนนิรันดร์ในลักษณะของปรามณูที่ไม่มีขีดจำกัดของขนาด ของเวลา ฯลฯ ตรงข้ามหากโลกวิญญาณลงมาเกิดที่โลกมนุษย์ใช้เวลาในโลกมนุษย์ไปตั้งนานหลายสิบปี กลับไปโลกวิญญาณใช้เวลาไปนิดเดียวเช่นกัน ทั้งนี้ภพภูมิของผู้ปฏิบัติจะแตกต่างกันตามความละเอียดของคลื่นวิญญาณที่ปฏิบัติได้ พระอรหันต์จะไปเยี่ยมภพภูมิไหนก็ได้ที่มีความละเอียดของจิต และความเร็วความถี่วิญญาณที่น้อยกว่า

    ในขณะเดียวกันคนที่ปฏิบัติจิตน้อยก็จะไม่สามารถเดินทางไปยังภพภูมิที่ความละเอียดของจิต และความเร็วของคลื่นวิญญาณที่สูงกว่าได้ เรื่องของสมมุติสัจจะนั้นเป็นเรื่องของวิญญาณที่เราตั้งจิตอธิษฐาน อาจเป็นวิญญาณที่เป็นองค์เทพที่เรามีศรัทธาการในโลกวิญญาณ อันเป็นฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในท่ามกลางของการปฏิบัติธรรม ซึ่งก็คือเรื่องของสิ่งเหนือสามัญวิสัยเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ส่งมาผสมผสานกับคลื่นวิญญาณเราจนเกิดเป็นนิมิต หรือสำผัสพิเศษในองค์ฌาน องค์ญาณ เกิดเป็นปรากฏการ์ณทางจิตในวิชาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ที่ต่างประเทศเรียกว่าพาราไซโคโลยีนั่นเอง
     
  3. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เมื่อคนเราเกิดมานับไม่ถ้วนชาติ เราคงต้องยอมรับว่าในอดีตชาตินั้น เราคงจะต้องมีคนที่เกี่ยวข้องกับเรามา ลึกซึ้งซับซ้อนไม่เท่ากัน ซึ่งบางคนมีเงื่อนไขกรรมที่แตกต่างกัน คนที่มาแวดล้อมเราในชาตินี้อาจเคยเกิดเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน คนรัก ฯลฯ กับเรามาก่อนพอมาถึงชาตินี้ ในเบื้องต้นเราคงไม่ทราบว่าใครเคยเป็นใครมาก่อน หรือไม่ทราบเงื่อนปมเหล่านั้น เราคงเคยก่อกรรมดี และกรรมชั่วเอาไว้โดยรวมแล้วนับไม่ถ้วนชาติทับถมกันอยู่มากมาย เราคงต้องเคยแต่งงานและให้คำมั่นสัญญากับใคร ที่เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเนื้อคู่ ซึ่งก็คงมีอยู่โดยรวมทุกชาติและคงจะมีอยู่หลายคนด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมาถึงชาตินี้ผู้เกี่ยวข้องกันและผู้ที่จะต้องมาพบกันในชาตินี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องชดเชย ชดใช้กันและกัน ด้วยเบ้าหลอมของพรหมลิขิตใหม่ เพราะชาตินี้เรามีทั้งบุญและบาปที่เกี่ยวโยง เกี่ยวพันกับคนหลายคนและถูกดึงดูดให้มาพบกัน เราจะรับแต่บุญของเราไปอย่างเดียวโดยไม่ใช้กรรมที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้เบื้องต้นเราไม่สามารถรู้ได้ถึงกลไกกรรมหรือเหตุการณ์ในอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่การรู้เท่าทันและการที่เราได้รับรู้ถึงกลไกกรรมย่อมจะเป็นการได้เปรียบซึ่งระดับความสัมพันธ์ในกลไกกรรมพอสรุปได้ดังนี้

    ๑. กงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่า (เงื่อนธรรมดา)
    กงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่าที่เป็นลักษณะของกรรมสัมพันธ์ซึ่งเป็นการเกี่ยวข้องกันระหว่างผู้คน สัตว์ เทพ เทวดา ในลักษณะของการมีความเกี่ยวข้องที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เงื่อนไขของการแก้ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยซับซ้อน ซึ่งเราอาจเรียกได้ว่าเป็น เงื่อนธรรมดา (แต่บางครั้งก็ไม่ค่อยจะธรรมดาแล้วแต่คน) การเคยทักทายช่วยเหลือกันกันเล็กๆน้อยๆ การทำงาน การที่เรามีกงเกวียนกำเกวียนกรรมเก่าเกี่ยวเก่าในลักษณะนี้ถือได้ว่าเป็นความสัมพันธ์พื้นฐานของกลไกกรรมในทุกระดับ

    ๒. บุพกรรม( เงื่อนไข )
    ได้แก่ บุคคลที่ต้องมาพบและจะต้องมีความสัมพันธ์กับเราในชาตินี้อย่างมี เงื่อนไข ยกตัวอย่างเช่น บางคนจะต้องมีจิตใจที่ดีให้กัน บางคนจะต้องให้ความอุปถัมภ์เรื่องงาน หรือต้องทำงานร่วมกัน ถ้าเราสามารถเข้าใจและเข้าถึงเงื่อนไขนั้นๆ เราก็จะสามารถปฏิบัติต่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเราในทิศทางที่ถูกต้องได้ ดังนั้นผู้ที่มีบุพกรรมกับเรา ก็จะมีกรรมสัมพันธ์ในลักษณะกงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่าด้วยเหมือนกัน

    ๓. บุพเพสันนิวาส ( เงื่อนชักกระตุก )
    ได้แก่ บุคคลที่ต้องมาเป็นเนื้อคู่ หรือสัมพันธ์กับเราในชาตินี้เป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความลงตัว ถือเป็นกุญแจที่สำคัญมาก ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบได้เท่ากับ “เงื่อนชักกระตุก” เราอาจเคยมีความสัมพันธ์กับคนหลายคนหรือสัญญากับคนรักของเราว่าจะรักกันทุกชาติไว้ในอดีตชาติหลายชาติหลายสัญญา มาถึงในชาตินี้เกิดเป็นบุพเพสันนิวาสซ้ำซ้อน คือเราอาจไปแต่งงานกับบุคคลที่เคยมีบุพกรรมกับเราก่อน แล้วเราถึงมาพบกับผู้ที่เป็นบุพเพสันนิวาสของเราทีหลัง หรืออาจพบคู่ที่เคยแต่งงานกันมาในอดีตชาติมากกว่า 1 คนในชาตินี้ แต่ลักษณะนี้จะถือเป็นข้ออ้างให้คนเรามีภรรยาหลายคนในชาตินี้ได้นั้นคงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะผิดหลักพระพุทธศาสนา เนื่องจากลักษณะความสัมพันธ์หลายคู่ครองเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและสังคมไทย ดังนั้นเราจึงต้องมีตัวรู้ และจำเป็นต้องศึกษาหาทางออกใหม่ โดยการปรับปรุงวิถีชีวิตและบริหารจัดการชีวิตใหม่ ให้สอดคล้องกับกรรมเก่าที่ได้เคยกระทำร่วมกันมา ถ้าเราพบกันผิดกาลหรือคลาดเวลากับผู้ที่มีบุพเพสันนิวาสซึ่งกันและกัน แล้วเราไม่มีตัวรู้มาบริหาร หรือมาปรับปรุงสถานการณ์ให้สอดคล้องกันตามเงื่อนไข จากรางวัลชีวิตที่เราสมควรจะได้รับ ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิบากกรรมได้ ดังนั้นถ้า ซึ่งทำได้โดยการเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหน่อยในการชดใช้ ก็ยังดีเสียกว่าผิดหลักศีลธรรม ผิดหลักทางโลก อันอาจก่อความเสียหายในชาตินี้มากเสียกว่าที่เราต้องใช้ให้เขาในชาตินี้เสียอีก

    ๔. พรหมลิขิต (เงื่อนงำ)
    เรื่องพรหมลิขิต จะซับซ้อนยุ่งยากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจำนวนภพชาติที่เราได้เกิดดับ และปริมาณบุญและบาปรวมที่เราได้ทำมา การเข้าถึงฐานแห่งกรรมในกรรมฐาน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาต่างๆให้คลี่คลาย เมื่อเราทราบว่าใครเกี่ยวข้องกับเราด้วยเงื่อนไขใด เราก็จะสามารถปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นได้ถูกทิศทางและให้สอดคล้องกับเวรกรรมเก่าของเรา ซึ่งเราอาจเรียกได้ว่าพรหมลิขิตนี้เป็น “เงื่อนงำ” ถือได้ว่าเป็นเงื่อนสำคัญอันหนึ่งของชีวิตที่เราต้องค้นหา หรืออาจถึงขั้นที่เราจะต้อง งมหา เงื่อนงำนั้นๆ อันจะเป็นการคลี่คลายปัญหาต่างๆที่สำคัญในชะตาชีวิตของเราได้ ทั้งนี้เราสามารถบริหารพรหมลิขิตของเราเองได้ โดยนำบันได 3 ขั้นแรกของกลไกกรรมได้แก่ กงเกวียนกำเกวียน กรรมเก่าเกี่ยวเก่า บุพกรรม รวมทั้งบุพเพสันนิวาส มาบริหารจัดการใช้ในพรหมลิขิตใหม่ เพื่อที่เราจะก้าวไปสู่การได้รับรางวัลชีวิต หรืออาญากรรม ในทางตรงกันข้ามเราก็อาจจะไม่สามารถที่จะรับรางวัลชีวิต หรืออาญากรรมได้เลย ทั้งนี้ผลของพรหมลิขิตนั้น ขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการบริหารจัดการของแต่ละคน

    ๕. กฎแห่งกรรม ( เงื่อนเวลา )
    ดังคำที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า กาลเวลาผ่านไปไม่หวนกลับ สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะมาตามกาลเวลา ผ่านแล้วผ่านเลยไม่หวนกลับมาอีก หากยังไม่ถึงเวลา การแสดงออกของกรรมตามกฎแห่งกรรม ก็จะรอคอยวาระการแสดงออก ทั้งอำนาจบุญและบาปที่เคยได้กระทำมา

    ๖. อาญากรรม หรือรางวัลชีวิต (เงื่อนตาย)
    เมื่อพิจารณากรรมหนักๆทั้งหมดที่เคยได้ทำมา ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว หากเรารวบรวมผลแห่งกรรมในชาตินี้ทั้งหมดแล้ว จะเห็นได้ว่ามากมาย และเมื่อใครได้รับผลของบุญรวม แล้วอาจเรียกได้ว่าบุคคลผู้นี้ได้รับ “รางวัลชีวิต” เลยก็ว่าได้ แต่ในขณะเดียวกัน ในแง่ของบาปหนักโดยรวม ถ้าใครได้รับผลของบาปไป ชีวิตของบุคคลนั้นย่อมหนักหนาสาหัสหรือที่เราอาจกล่าวได้ว่าถูกลงทัณฑ์ด้วย “อาญากรรม” เลยทีเดียวก็ว่าได้ ทั้งนี้ปัญหาของทุกคนก็คือ คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีทั้งอาญากรรมและรางวัลชีวิตด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ผลของ “รางวัลชีวิต”และ “อาญากรรม” ของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกัน ทั้งนี้ผลของกรรมนั้นๆขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนที่ได้กระทำไว้ คำถามที่เราควรถามตัวเองอยู่ตลอดเวลานั้นก็คือ จุดหมายปลายทางของเราที่เราต้องการนั้นคืออะไร อาญากรรมหรือรางวัลชีวิต และในขณะเดียวกัน จะทำอย่างไรชีวิตของเราจึงจะได้รางวัลชีวิตให้มากที่สุดและโดนอาญากรรมให้น้อยที่สุด

    เมื่อสังคมถูกมอมเมา และกิเลสตัณหาถูกส่งเสริม ด้วยธุรกิจที่ไม่สนในจริยธรรม วัยรุ่นกลายเป็นเป้าหมายทางการตลาดที่ใหญ่ที่สุด การมอมเมาประชาชน ทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ในปัจจุบันห่างจากตัวรู้ในหลักธรรมคำสั่งสอน และแนวทางการแก้ไขปัญหาชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ในขณะเดียวกันคนที่หันมาสนใจศึกษาธรรมะในยุค IT หรือยุคอวกาศนี้ กลับถูกมองว่าเชย เมื่อขาดตัวรู้หรือครูผู้นำทางที่ดี จะทำให้ชีวิตคนเราในปัจจุบัน ขาดแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ดังนั้นการส่งเสริมการปฏิบัติจิตให้เข้าถึงฐานแห่งกรรมจึงแทบจะไม่มีใครสนใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันเรามักจะรู้จักแต่การทำบุญด้วยการสร้างวัตถุกันโดยไม่หันมาสนใจศึกษาธรรมะ ตามแนวทางมรรค ๘, อริยะสัตย์ ๔ และการทำบุญตามบุญกริยาวัตถุ ๑๐ หรือการทำบุญให้ตรงกับหนี้กรรมเก่าที่เราได้กระทำไว้ในอดีตชาติ

    การทำบุญที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ แทบจะเปลี่ยนภาพพระพุทธศาสนาไปเลยก็ว่าได้ แท้จริงโอวาท ๓ ประการที่พระพุทธองค์ประสงค์และหวังให้ทุกคนปฏิบัตินั้นก็คือ “ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส” ปราศจากกิเลส ตัณหา และ อุปาทานทั้งปวง เพื่อดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระพุทธองค์ เพื่อเข้าสู่หนทางพระนิพพาน สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในปัจจัยมรรคมีองค์ ๘ ที่เราทุกคนพึงปฏิบัติ การศึกษาธรรมะและการให้ธรรมะเป็นทาน ถือเป็นทานสูงสุดในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทานที่เหนือกว่าทานใดๆทั้งปวง แต่ทานที่ปฏิบัติได้ยากที่สุดนั้นคืออภัยทาน ในขณะเดียวกันวัยรุ่นที่สนใจธรรมะกลับถูกตำหนิว่าทำตัวเชย บ้างก็ว่าธรรมะนั้นไว้เรียนตอนแก่ก็ได้ จริงๆแล้วหากเราสามารถปฏิบัติกรรมฐานจนเข้าใจและเข้าถึงฐานแห่งกรรมได้ เราก็จะไม่พลาดเลือกเจ้ากรรมนายเวรมาแต่งงานด้วย หรือตัดสินใจแต่งงานกับบุพกรรมก่อนแล้วจึงมาพบบุพเพสันนิวาสทีหลัง ไม่ความเสน่ห์หากับเพศตรงข้ามไปหมด จนทำให้เกิดเป็นบุพเพสันนิวาสซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดเป็นปัญหาชีวิตและปัญหาครอบครัวจนเกิดความวุ่นวายกันไปหมดเหมือนเช่นในสังคมปัจจุบัน การชดใช้สามารถแก้ด้วยการมีกิจกรรมต่างๆที่ต้องทำร่วมกัน โดยเฉพาะกิจกรรมสำคัญทางงานพระพุทธศาสนา เช่น ในการประกอบพิธีกรรมร่วมกันในคนหมู่มากอาจมีคนที่เคยมีกรรมสัมพันธ์กับเราในทุกระดับของกลไกกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าพิธี ถ้าบุคคลเหล่านั้น ที่มีกรรมเก่าเกี่ยวเก่ากับเราหรือผู้เข้าร่วมพิธีกับเรา ก็ยิ่งจะสามารถแก้ไข หรือชดใช้หนี้กรรมเก่าเกี่ยวเก่าในพิธีกรรมไปได้มาก การเรียนรู้เรื่องเหล่านี้และการมีจิตเมตตาให้อภัยและการอโหสิกรรมให้กับสรรพสัตว์ต่างๆในชาตินี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความวุ่นวายซับซ้อนของพรหมลิขิตหรือเท่ากับเป็นการลดเงื่อนปมให้ตัวเองไปได้มากในอนาคต
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระพรหม เทพเจ้าแห่งความรักและดวงชะตา

    พระพรหมในศาสนาพราหมณ์นั้นเราคงเคยพบเห็นรูปภาพ รูปปั้นกันอยู่ทั่วไปตามสถานที่ต่างๆ เราจะเห็นว่ามีสี่พระพักตร์ แปดกร พระพรหมจะมีจริงหรือไม่นั้น ในพระพุทธศาสนาเราสามารถพบเรื่องของพระพรหมได้ในพระไตรปิฎก แม้แต่ในพุทธประวัติก็มีกล่าวถึงอย่างชัดเจน ก็คงจะยืนยันได้ว่ามีจริง แต่ความสำคัญของพระพรหมนั้นคงเป็นปริศนา ว่าทำไมพระพรหมจึงเป็นที่ยอมรับนับถือกันมาก และเราสามารถพบรูปจำลองของพระองค์ได้มากที่สุดองค์หนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นที่ทราบกันแต่เพียงว่าพระพรหมเป็นตัวแทนของความรัก เป็นผู้กำหนดพรหมลิขิตชีวิตเรา หลายคนจึงบนบานขอสิ่งต่างๆจากพระพรหม หวังเพียงให้พระพรหมช่วย แท้จริงแล้วหากมองในแง่มุมของพระพุทธศาสนาพระพรหม ๔ หน้า คงเปรียบได้กับพรหมวิหารธรรม ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

    คนเรามักยึดติดกราบไหว้เทวรูปจำลองพระพรหมมากกว่าศึกษาให้เข้าถึงพระพรหมว่าพระพรหมคือสิ่งใด แท้จริงแล้วพระพรหมเป็นรังสีที่มองไม่เห็น ที่เราเรียกว่าพรหมรังสี รูปจำลองของพระพรหมจะมีหรือไม่มีแต่รังสีแห่งพรหมนั้นมีแน่นอน การพัฒนาตัวเราเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อเป็นการนำพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จในชีวิต นำตัวเองฟันฝ่าเพื่อผ่านพ้นวิบากกรรม การบนบานศาลกล่าวไม่ใช่แนวทางของพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน การพัฒนาตัวเองต่างหากที่เป็นแนวทางของพระพุทธศาสนา เราจึงควรพัฒนาจิตของเราให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา อันหมายถึงมีพรหมวิหารธรรมสมบูรณ์

    นั่นจึงเป็นการเข้าถึงพระพรหมแท้จริง รู้จักพัฒนาจิตของเราให้ละเอียดลึกลงไปสู่ระดับจิตวิญญาณ และลึกลงสู่ระดับวิญญาณ และระดับวิญญาณแท้ที่เป็นสากลให้ได้ตามลำดับ โดยพัฒนาจิตให้เข้าสู่องค์ฌานองค์ญาณ พัฒนาจิตและวิญญาณหรืออภิสังขารของเราให้เป็นพรหม ตั้งแต่ระดับรูปพรหม สู่อรูปพรหม หรือระดับมหาพรหม หรือมหาเทพเสียเอง ไม่ควรหวังพึ่งแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คอยช่วยเราฝ่ายเดียว โดยไม่พยายามพัฒนาตนช่วยเหลือตนเอง พัฒนาความรักของเราให้ก้าวสู่ความรักสูงสุดของพระพรหม นั่นคือความรักระดับอัปปมัญญาพรหมอันเป็นความรักกลางๆ ที่รักได้ถ้วนทั่วทุกคน ทุกสัพชีวิตเสมอภาค ช่วยเหลือผู้อื่นตลอดจนเจริญเมตตา หรือส่งจิตที่ดี หรือรังสีที่ดีไปให้กับทุกสัพชีวิตอย่างจริงใจ รู้จักพัฒนาตัวรู้ของเราเข้าสู่ตัวรู้แจ้งแทงตลอดในองค์ธรรม เจริญในไตรลักษณ์ คือพัฒนาจิตให้เข้าถึง อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เพื่อก้าวผ่านพรหม เข้าสู่ธรรมสมบูรณ์ ไม่ยึดติดในตัวตน ไม่ติดในรูป หรือเทวรูปมีตัวรู้แจ้งแทงตลอดในระดับวิญญาณ ชีวิตเราก็จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ และสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ด้วยตัวเราเองจึงจะเรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง
     
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เรื่องเหนือสามัญวิสัย อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดา ในแง่มุมของพระพุทธศาสนา อิทธิปาฏิหาริย์ก็ดี เทพเทวดา ก็ดี จะมีจริงหรือไม่นั้น.... ถ้าหากเราถือตามตัวอักษรในพระไตรปิฏก รวมทั้งในพระพุทธประวัติ เราจะเห็นว่ามีระบุอยู่ทั่วไปในคัมภีร์ ก็คงยืนยันได้ว่า “มี”

    แต่การที่เราจะพิสูจน์ว่าเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจลึกลับว่ามีจริงหรือไม่นั้น ยากที่จะทำให้คนทั้งหลายยอมรับหรือเห็นพ้องเป็นคำตอบเดียวกันได้ พระพุทธศาสนาไม่ประสงค์ให้ผู้คนเชื่อถือและงมงายในสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้ “พระพุทธศาสนากล้าท้าให้สิ่งเหล่านี้มีจริง เป็นจริง โดยประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์ ท่ามกลางความมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้”

    การที่เราจะพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับว่าในกรณีที่มีอยู่จริง สิ่งเหล่านั้นมีฐานะอย่างไรต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และอะไรคือความสัมพันธ์อันถูกต้องระหว่างมนุษย์กับสิ่งเหล่านั้น และเพื่อให้รู้ถึงความเกี่ยวข้องของมนุษย์ เทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไรนั้น เราควรเปิดใจในการศึกษาต่อสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและจำเป็นที่เราจะต้องพึงศึกษาให้รู้แจ้ง

    หากแต่ไม่ควรรีบปฏิเสธด้วยเพียงการใช้ “ความเห็น” เนื่องจากความเห็นไม่ใช่ “ข้อเท็จจริง” เพราะความเห็นนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน ส่วนความจริงคือเรื่องจริงถึงกระนั้นหากเราเชื่อ เราก็ไม่ควรเชื่อจนงมงาย หรือยึดติดในเทพ เทวดา เครื่องราง ของขลัง ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนเกินพอดี ดังนั้นการปฏิบัติต่อเทพ เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย เราจึงควรคิดพิจารณาด้วยปัญญา ด้วยศิลปะ ด้วยความคิดที่ถูกต้อง ตามแต่ละสถานการณ์ แต่ละโอกาส ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เทพคุ้มครอง เทพครอบครอง
    คงจะเป็นการดีหากเทพนั้นมาคุ้มครองเรา เราคงจะมั่นใจขึ้นได้มากว่ายังไงก็ต้องเป็นสิ่งดีแน่หากเทพท่านมาคุ้มครองเรา คุ้มครองจากอันตราย คุ้มครองเราจากสิ่งไม่ดีไม่งามที่จะมาทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะเทพนอกจากท่านจะมาคุ้มครองเราแล้วท่านก็ยังถือสิทธิ์มาครอบครองเราด้วย เทพมาช่วยเราเพราะเงื่อนผูกพันธ์ในสัญญากรรม แต่เราก็ต้องรู้จักกติกาแห่งเทพว่า ท่านจะช่วยเราได้ในเงื่อนไขใดบ้าง ในแง่ของอภิสังขารถือได้ว่า แม้เราจะเป็นเจ้าของสังขารของเราเอง แต่เทพท่านก็เป็นเจ้าของอภิสังขารของเรา หมายความว่าเราจะทำสิ่งใดก็ต้องอยู่ในกรอบของเทพ จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ เพราะเรามีทั้งกรรมดีของเราเองคือส่วนของปุณญาภิสังขาร และกรรมชั่วติดตัวมาตั้งแต่เกิดในอปุณญาภิสังขาร อาจร่วมกับโอปาปติกะ สัมปเวสี เช่นเทวดาใน ๖ ชั้นฟ้าที่มีสัญญากรรมเกี่ยวเนื่องกับท่านสืบต่อมา อันนี้เป็นพันธะของเราที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญากรรมของเรา

    หากเราขาดตัวรู้ วางตัวหรือปฏิบัติไม่ได้ตามสัญญากรรม ยิ่งถ้าขาดตัวรู้เรื่องการบริหารกรรม และหมดเวลาเสวยบุญในช่วงเวลาของกฏแห่งกรรม ชีวิตคงมีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะต้องมาพบกับความยากลำบากในที่สุด ท่านก็ต้องวางอุเบกขากับเราเลิกคุ้มครองเรา ในช่วงเวลานี้ชีวิตเราจึงมีโอกาสพบกับความยากลำบาก การรับใช้เทพในเป็นร่างทรงในขั้นแรก เทพท่านจะมาเป็นรังสีเราต้องใช้ฌานและใช้ปัญญาในองค์ญาณปรับจนเป็นการแสดงออกในรูปธรรมชาติที่เรียกว่าเป็นสื่อ การที่จะให้เทพท่านมาคุ้งครองเราในช่วงที่กรรมชั่วกำลังส่งผลทำได้แต่โดยการเล่นเกมกลกรรมกับเทพ เราต้องปรับอภิสังขารโดยต้องปรับปุณญาภิสังขารกับอปุญญาภิสังขารให้เป็นอเนญชาภิสังขารโดยการปรับด้วยตัวเองนั้นของมีระดับพลังงานในระดับมโนมยิทธิในจิตที่เป็นประภัสสรซึ่งทำได้ก็จะจัดอยู่ในระดับสื่อแต่การเกิดจะเกิดได้ช้า

    หากเทพนำปุณญาภิสังขารมาปรับช่วยเราได้เราทำกรรมดีผ่านกติกาแห่งเทพ โดยท่านจะมาปรับเราได้แม้ในขั้นจิตตรานุภาพหรือขั้นจิตศักดิ์สิทธิ์โดยจะเกิดได้เร็วกว่าขั้นมโนมยิทธิมาก โดยเทพดีจะมาเพิ่มเสริมปุณญาภิสังขาร หรือมาลดบาปหรือปรับเปลี่ยนบาปให้เป็นกลางหรือ อเนญชาภิสังขาร หากเราปรับไม่ได้ หรือขาดตัวรู้ก็จะเกิดเป็นกรรมเก็บกด เราก็จะลำบากได้ หากเราจะปฏิบัติตามเทพท่านไปเสียทุกอย่างเพียงหวังเพื่อให้เทพท่านคอยคุ้มครองโดยไม่ใช้สติความคิดพิจารณาเลยว่าสอดคล้องกับทางโลกหรือไม่ก็ถือเป็นทางหย่อนเช่นเทพสั่งให้ทานเจ สั่งให้เปลี่ยนอาชีพ ห้ามแต่งาน ให้แต่งชุดขาวตลอดชีวิต ฯลฯ ในขณะเดียวกันการปฏิเสธต่อต้านเทพท่านอย่างรุนแรง ไม่รับ ไม่ฟัง ไม่เชื่อ ก็ถือเป็นทางตึงก็ผิดประสงค์ของมหาเทพเช่นกัน บางครั้งเทพที่ดีก็มาช่วยเสริมมาคุ้มครอง เทพที่ไม่ดีก็มีก็จะมาหลอกมาทำร้ายมาครอบครองเราและมาก่อให้เกิดปัญหากับเราได้ในที่สุด พระพุทธศาสนาสอนให้เราเดินสายกลาง แท้จริงแล้วเราสามารถต่อรองกับเทพได้ในกฏเกณฑ์กติกาแห่งเทพ เราจึงควรคิด พิจารณา เรื่องเทพเทวดาด้วยปัญญา ด้วยศิลปะ ชีวิตก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ฝากไว้เพื่อพิจารณาร่วมกับการใช้วัตถุมงคลในชีวิตประจำวัน

    เป็นที่แน่นอนว่าสังคมในปัจจุบัน ยอมรับคนที่มีความสามารถในการทำงาน รวมทั้งในส่วนของความรู้ ระดับการศึกษา มนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่น มีความกล้าที่จะแสดงออกและ มีความคิดสร้างสรรค์ ถึงเวลาต้องเป็นผู้นำก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี ถึงเวลาเป็นผู้ตามก็ต้องเป็นผู้ตามที่ดี แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคนที่มีความสามารถหลายคนก็ไปไม่ตลอดรอดฝั่งเหมือนกัน เรียกว่าเป็นม้าตีนต้น บางคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว ล้มละลายไปก็มี

    อะไรเป็นต้นเหตุของของสิ่งเหล่านั้น เรียกว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งสู่เมรุ เป็นที่ยอมรับกันในมาตรฐานสากลว่าว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้จะต้องมีปัจจัยที่สำคัญสองประการคือ “ความสามารถ” มาบรรจบกับ“โอกาส” ความสามารถนั้นคนเราสามารถรับรู้และพัฒนาได้ในส่วนของรูปธรรม แต่เรื่องของโอกาสคนหลายคนมีความสามารถหรือที่เรียกว่ามีศักยภาพมีความเก่งแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิตการงานเสียที ไม่มีโอกาสที่จะทำกิจการเป็นของตัวเองเสียที โอกาสนั้นมันหายไปไหน ในเรื่องเหนือสามัญวิสัยสิ่งที่ต้องมีมาประกบคู่อยู่เสมอคือจิตศักดิ์สิทธิ์ หรือ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดจากการเรียนรู้หลักธรรมที่แท้ รู้จักกรรม รู้ถึงกลไกกรรม รู้จักและเข้าใจในเทพ รู้จักการทำบุญที่ตรงกับหนี้กรรม รู้จักบริหารกรรม สามารถพัฒนาความรู้จากจิตนึกคิดสู่ ตัวรู้ในองค์ธรรมระดับวิญญาณคือองค์ฌาน องค์ญาณ เมื่อเราเข้าถึงสัญญากรรม ชนกกรรม หรือ หนี้กรรมที่ตรงกับสัญญากรรมในอดีตภพอดีตชาติ รวมทั้งตรงกับปัจจุบันกรรมที่สอดคล้อง ยิ่งหากสามารถรู้ถึงเงื่อนปมต่างๆก็จะช่วยคลี่คลายเกิดเป็นภาวะที่เรียกว่าศักดิ์สิทธิ์หรือที่เรียกว่าเฮง

    นั่นคือคนเรามีเก่งอย่างเดียวนั้นไม่พอต้องมีเฮงหรือศักดิ์สิทธิ์ด้วย ทางโลกก็จะค่อยๆเปิด บุญเก่าของเราก็จะค่อยๆ มาด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ หรือเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อย่างต่อเนื่องตามเวลาของกฏแห่งกกรม คำว่า“โอกาส” ที่รอคอยก็จะมาถึงในไม่ช้า วันนี้เราจึงควรหันมาพิจารณาตัวเราเรามีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุงทั้งทางโลกภายนอกสามัญวิสัยเราควรเร่งพัฒนาศักยภาพให้สอดคล้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีสูง และเร่งพัฒนาความศักดิ์สิทธิ์ให้สอดคล้องกับศักยภาพ เร่งพัฒนาความรู้ในทางใน อันเหนือสามัญวิสัยไม่ควรประมาทว่ามีเพียงศักยภาพ หรือศักดิ์สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอนำเหรียญพรหมชุดพิเศษของ อ.เทพย์อีกหนึ่งชุดมาแบ่งให้คนที่สนใจอยากได้ของแรงของดี เป็นของแท้จริงที่ปลุกเสกมากกว่าสิบพิธีตลอด10ปีหลังการสร้างในปี26 และนำเข้าพิธีไหว้ครูอีก10ครั้ง หากสนใจใคร่จะนำไปเป็นตัวช่วยในวิถีชีวิตที่ยังมองช่องแสวงหาโอกาสมานานแล้ว ก็ลองพิจารณาดูได้ครับ เรื่องระยะเวลาการชำระเงิน พูดคุยกันได้ครับ
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หมายเลข 78 เหรียญพรหม ชุดพิเศษเนื้อทองแดงผสม(สัตตะโลหะ)
    ปลุกเสกแบบทับถมยาวนานกว่า10ปี นำเข้าพิธีไหว้ครูทุกปีอีก10 ครั้ง
    ครบถ้วนทั้งการพรหมาภิเษก ลงนารายณ์แปลงรูป ลงวิชาพรหมศาสตร์
    อีกหนึ่งเหรียญหายากที่ไม่เคยนำออกมาแบ่งกันจากห้องเก็บวัตถุมงคล

    (bfirst จองบูชาแล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หมายเลข 79 เหรียญพรหม ชุดพิเศษเนื้อทองแดงผสม(สัตตะโลหะ)
    ปลุกเสกแบบทับถมยาวนานกว่า10ปี นำเข้าพิธีไหว้ครูทุกปีอีก10 ครั้ง
    ครบถ้วนทั้งการพรหมาภิเษก ลงนารายณ์แปลงรูป ลงวิชาพรหมศาสตร์


    (season007 จองบูชาแล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  11. nookylaw

    nookylaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +1,039

    ขอทราบราคาครับ
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หมายเลข 80 เหรียญพรหม ชุดพิเศษเนื้อทองแดงผสม(สัตตะโลหะ)
    ปลุกเสกแบบทับถมยาวนานกว่า10ปี นำเข้าพิธีไหว้ครูทุกปีอีก10 ครั้ง
    ครบถ้วนทั้งการพรหมาภิเษก ลงนารายณ์แปลงรูป ลงวิชาพรหมศาสตร์

    (Thamsin จองบูชาแล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หมายเลข 81 เหรียญพรหม ชุดพิเศษเนื้อทองแดงผสม(สัตตะโลหะ)
    ปลุกเสกแบบทับถมยาวนานกว่า10ปี นำเข้าพิธีไหว้ครูทุกปีอีก10 ครั้ง
    ครบถ้วนทั้งการพรหมาภิเษก ลงนารายณ์แปลงรูป ลงวิชาพรหมศาสตร์
    อีกหนึ่งเหรียญหายากที่ไม่เคยนำออกมาแบ่งกันจากห้องเก็บวัตถุมงคล

    (sutketb จองบูชาแล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หมายเลข 82 เหรียญพรหม ชุดพิเศษเนื้อทองแดงผสม(สัตตะโลหะ)
    ปลุกเสกแบบทับถมยาวนานกว่า10ปี นำเข้าพิธีไหว้ครูทุกปีอีก10 ครั้ง
    ครบถ้วนทั้งการพรหมาภิเษก ลงนารายณ์แปลงรูป ลงวิชาพรหมศาสตร์

    (คนชานเมือง จองบูชาแล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เหรียญพรหมชุดพิเศษ มีลงไว้ 5องค์ พิจารณากันตามสะดวกครับ
     
  16. 1ศรัทธา

    1ศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +439
    ขอทราบราคา หมายเลข 81 ด้วยครับ
     
  17. ฅนคลองหลวง

    ฅนคลองหลวง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +3,569
    ขอทราบราคาเหรียญพรหม ด้วยครับ
     
  18. ธรรมศิล

    ธรรมศิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +800
    ขอจองเหรียญ หมายเลข 80 ครับ
     
  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยืนยันการรับจองไว้แล้ว ยินดีด้วยครับ
     
  20. sutketb

    sutketb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    480
    ค่าพลัง:
    +1,592
    พี่หนุ่มสอบถามราคาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...