เพื่อการกุศล เชิญบูชาพระกริ่งขวานฟ้าฯลพ.วิชัยที่วัดถ้ำผาจม,ขอเชิญร่วมงานอธิษฐานล็อกเก็ตหลวงพ่อวันที่20/9/58

ขออนุญาตนำบทความ ที่มีผู้บันทึกเหตุการณ์เมื่อวาน มาให้อ่านกันครับ เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่ร่วมบุญกันไปเห็นภาพ และเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เป็นไปจนกระทั่งเสร็จสิ้นงาน มาให้รับรู้รับทราบร่วมกันนะครับ
------------------------------------------------------------

พิธีเททองหล่อพระกริ่งขวานฟ้าวิชัยมงคลอุดมบรมจักรพรรดิ์ ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2556

บรรยากาศในพิธี เป็นกันเองมากครับ พิธีเริ่มเวลา 10.30 น. อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักบัวแปดกลีบ จังหวัดชลบุรี เป็นผู้ประกอบพิธีบวงสรวงครูบาอาจารย์ เทพ พรหม ทั้งหลาย และมี คุณหญิง ม.ร.ว.จีริสุดา วุฒิไกร(กิติยากร) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส คุณหญิงท่านเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อครับ เลยเมตตามาเป็นประธานให้



ในขณะที่บวงสรวงอยู่นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูเกษมวรกิจ(หลวงพ่อวิชัย เขมิโย) ท่านกำลังเดินทางอยู่บนถนนอยู่พอดี ด้วยเหตุที่ว่า ในตอนเช้าวันเดียวกันนั้น หลวงพ่อท่านต้องไปให้คุณหมอตาที่ โรงพยาบาลกรุงเทพตรวจตา เพราะเมื่อคืนก่อนท่านหยิบยาหยอดตาผิดขวด จึงทำให้ดวงตาท่านอักเสบอย่างรุนแรง เป็นอันตรายมาก

 

คืนก่อนคุณหมอบอกให้นอนที่โรงพยาบาล แต่ท่านบอกว่า “คนรอฟังเทศน์มาก จะทิ้งคนเหล่านั้นไปได้อย่างไร” หลวงพ่อมักจะพูดกับศิษย์ทั้งหลายว่า ตราบใดที่สังขารท่านยังไหวท่านจะไปโปรดให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงนับเป็นความเมตตาของท่านไม่มีประมาณจริงๆ

ในวันเททองนั้น ทางผู้จัดได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อถนอมธาตุขันธ์ของท่านด้วยการจัดที่พักที่ร่มรื่น ไม่มีควันไฟมารบกวนให้ระคายเคืองดวงตาท่าน ซึ่งเราก็เตรียมสถานที่พิเศษไว้ ถ้าอากาศร้อนจัดและอื่นๆอีก ซึ่งคณะผู้จัดเองก็มีความกังวลใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้

แต่องค์ท่านได้มีเมตตาบอกว่า “จัดเตรียมงานไว้แล้วก็จะต้องไป” และทางคุณหมอก็ได้บอกว่าดวงตาของหลวงพ่อนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อวันก่อนมาก ทางโรงพยาบาลได้ปิดตาท่านไว้ข้างหนึ่งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทางคณะทำงานก็มีความอุ่นใจมากขึ้น ซึ่งเราวางแผนกันไว้ว่า ถ้าดวงตาท่านไม่ดีขึ้นหรือเกิดการติดเชื้อเราจะให้ท่านพักที่โรงพยาบาลทันที จะไม่ยอมให้ท่านออกไปไหน ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่อาการของท่านดีขึ้นแล้ว

 

พอออกจากโรงพยาบาลก็สังเกตอากาศว่าสงสัยฝนคงตกแน่ๆแล้วเพราะครึ้มมาก แต่เราเตรียมเต้นท์และเก้าอี้ไว้คงจะไม่เป็นอะไรมาก การเดินทางมาจากโรงพยาบาลและโรงหล่อนั้นระยะทางค่อนข้างไกล จึงให้ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ และไม่กวนท่านมาตลอดเส้นทาง



เมื่อเดินทางมาถึง เป็นเวลาพอดีกันกับที่ทางคณะที่มาล่วงหน้าก่อนได้เริ่มบวงสรวงพอดี เป็นเวลาที่เฉียดฉิวกับฤกษ์ที่ใกล้หมดเวลาบวงสรวงนั่นเอง เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อลงจากรถและเข้าที่พักที่จัดเตรียมให้ ท่านได้พูดขึ้นมากับศิษย์ที่มารอรับท่านที่ศาลาว่า “หลวงพ่อเห็นหน้าอาจารย์นี่แหละตอนอยู่บนรถช่วงเดินทาง เห็นอาจารย์มากับคนชุดขาวเต็มแน่นขนัดจนแทบไม่มีที่นั่งเต็มไปหมด” ซึ่งท่านเองก็คุยกันกับอาจารย์ธรรมนูญเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อาจารย์ท่านยกมือสาธุ และรับว่า สิ่งที่หลวงพ่อเห็นนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง

 

พอทำพิธีได้สักพักได้เวลาฉันเพล ก็นำคณะที่ไปร่วมงานทั้งหมดไปทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารครัวคุณป้า ซึ่งไม่ไกลจากสถานที่หล่อพระกริ่งมากนัก ซึ่งเรามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็จะหมดฤกษ์หล่อพระ แต่ทุกคนก็ทำเวลาได้อย่างลงตัวเพราะเมื่อกลับมาและเริ่มพิธี ก็ก่อนเวลาหมดฤกษ์ประมาณ 3-5 นาที ก็เป็นเวลาที่ฉิวเฉียดอีกเช่นกัน และฝนที่เราเป็นกังวลกันมาตลอดทางนั้นก็ไม่ตก แต่มีลมอ่อนๆพัดให้เย็นสบายอยู่ตลอด อากาศไม่ร้อน ฝนก็ไม่ตกและก็ไม่มีแดดอีกด้วยจนถึงเวลาช่วงบ่ายจึงเริ่มมีแดดจ้าซึ่งก็เสร็จพิธีพอดี

หลังจากเสร็จงานคณะผู้จัดสร้างเดินทางไปหาอาจารย์ธรรมนูญอีก ท่านได้กรุณาอธิบายเพิ่มเติมว่า “กลุ่มที่มาช่วงแรกสุดเลย คือกลุ่มของเทวดาที่อยู่โดยรอบที่มากันแน่นขนัด นอกจากนี้ยังมีเทวดาจีนมาร่วมงานอีกด้วย ต่อมาท่านพรหมจอปกาศิต(อาจารย์ของอาจารย์ธรรมนูญ) เทวดา พรหมที่อยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเทวดาชั้นผู้ใหญ่อีกหลายองค์มา และองค์สุดท้ายคือท่านปู่ชีวกโกมารภัทร แต่มีสัมภเวสีจำนวนมากรอกันแน่นอยู่ด้านนอกเข้ามาในพิธีไม่ได้" อาจารย์จึงสั่งให้คุณหวอ(ศิษย์ของอาจารย์)นำกระทงใส่อาหารบวงสรวงไปวางไว้นอกเขตโรงงาน



เสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต เป็น "พรหม" ที่ปกปักพิทักษ์พระพุทธรูปพระนาม "หลวงพ่อขาว" สถิต ณ วิหารประจำวัดประสาท ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา (รูปที่ติดอยู่บนกำแพง ด้านซ้ายมือของพระพุทธรูป) จาก www.navaraht.com/forum/forum42/topic3806.html

 

ขออนุญาตมาลงต่อพรุ่งนี้นะครับ ผมขอตามภาพถ่ายเอามาประกอบก่อน เนื่องจากในบทความ ผู้บันทึกกล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ขณะนั้นผมไปรอเป่าสังข์ตอนเริ่มหล่อพระกริ่ง เลยได้ถ่ายภาพมาไม่ครบครับ

 

ตามที่บอกกล่าวกันไว้ ว่าจะนำมาลงต่อวันนี้ รูปประกอบงานพิธียังไม่ได้รับเลยครับ เลยต้องขอคั่นด้วยมวลสารที่ไม่ละลาย ในส่วนของโลหะที่มาหลอมทำพระกริ่งในครั้งนี้ มวลสารอื่นๆ ตั้งเตาหลอมไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เช้าครับ คาดไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง

มีอยู่ ๓ อย่างครับ ได้แก่



กำไลสำริดโบราณที่มีผู้ศรัทธาถวาย ทั้งถุงมีวงนี้ไม่ละลายครับ



ตะปูสังขวานร สมัยอยุธยา



พระเครื่อง ไม่ทราบที่ครับ

นำเสนอให้ได้ชมกันครับ ไม่ทราบว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เนื่องจากในงานตอนหย่อนแผ่นทองก็มีแผ่นทองคำแผ่นนึง ไม่ยอมละลายในทันทีแบบแผ่นอื่นที่ลงไปพร้อมกัน อีกทั้งตอนหลอมชนวนเงินก้อนที่หลวงพ่อมอบให้มา ก็ไม่ยอมละลายเช่นกัน แต่กลับละลายเมื่อไปบอกกล่าวหลวงพ่อก่อนครับ

 

อีกภาพชัดๆ หลังล้างออกจากเบ้าใหม่ๆ เนื้อชนวนล้วนครับ

 

พระสวยงามจิงๆ เห็นแล้วปีติเกิด

ดีใจที่ได้ร่วมบุญ เน้อ สาธุ สาธุ

 

เนื่องจากผมได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เพราะได้นำชนวนที่จะหล่อทำแหวนสัตตภุชงค์โพชฌงคปริตร (แหวนกันโรค-กันมะเร็ง) ที่จะทำถวายให้ ลพ.วิชัย
ก็เลยถือโอกาสนี้นำชนวนทั้งหมดมาทำการหลอมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
ได้ชนวนสำหรับทำแหวนในครั้งนี้นน.ถึง 80 กก.

ในพิธีนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก ท่านอ.ธรรมนูญ บุญธรรม เมตตามาเป็นเจ้าพิธีบวงสรวงให้
โดยผมได้ออกเดินทางจากชลบุรีมาพร้อมกับคณะของอาจารย์ ซึ่งระหว่างทางที่มาเมฆครึ้มมาก
ก็หวั่นๆ ใจ ว่าฝนจะตกหรือไม่ เพราะขนาด 8 โมงแล้วฟ้ายังมืดอยู่เลย อีกทั้งเตาหลอมก็ก่อกลางแจ้ง ถ้าฝนตกลงมานี่เสียท่าเลย
โชคดีที่ฝนไม่ตก แถมแดดก็ไม่จัด อากาศเย็นสบาย เพราะโรงหล่อนี้อยู่กลางทุ่งนา
เรียกได้ว่าหล่อพระท่ามกลางพระแม่โพสพก็ว่าได้

ในพิธีครั้งนี้ อาจารย์ได้เมตตาทำ น้ำมนต์ปทุมจักร ให้เป็นการพิเศษ โดยท่านนำดอกบัวทุกดอกมาลงอักขระทีละกลีบๆ
เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ
เมื่อถึงตอนบวงสรวงก็ต้องแปลกใจที่ท่านกล่าวคำอัญเชิญเทพทั้งไทย จีน แขก
มีทั้ง พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระแม่อุมา พระแม่กาลี พระพิฆเนศ พระขันธกุมาร พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาล เทวดานพเคราะห์ทั้ง 9
พระแม่กวนอิม ไท้แปะกิมแซ ไฉ้ซิ่งเอี๊ยะ ปุนเถ้ากง ฯลฯ
เมื่อมีโอกาสก็เลยถามอาจารย์ว่าทำไมอาจารย์ถึงเชิญเทพทั้งไทย จีน แขก ด้วย
ท่านก็บอกว่า....ก็เห็นท่านมาก็ต้องออกชื่อให้เกียรติท่านสักหน่อย
แล้วก็เลยถามท่านว่าแล้วมีท่านใดมาอีกบ้าง ท่านก็่ว่า...เยอะให้ลองไปถามลพ.วิชัยดู
เพระาถ้าจะให้จาระไนทีละองค์ไม่ไหว
ก็เลยถามว่าแล้วเสด็จปู่พรหมเทพฯ กับท่านย่าเฒ่ามาด้วยไหม
ท่านบอกว่า เสด็จปู่ฯ มา แต่เสด็จย่าท่านฝากพรมากับเทวดาให้ ปกติท่านย่าท่านไม่ค่อยไปไหน นอกจากพิธีที่เกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง
นอกจากนี้เหล่าเทวดาและบรรดาครูอาจารย์ในอยุธยานี่มากันเยอะ หลวงปู่รอดเสือท่านก็มา
ผมก็เลยถามท่านว่าแล้วท่านปู่หมอชีวกฯ ท่านมาไหม (ที่ถามเพราะผมหลอมชนวนที่จะทำแหวนเกี่ยวกับการรักษาโรคในพิธีนี้ด้วย)
ท่านก็ว่ามาแต่มาเป็นองค์สุดท้าย เพราะยังไม่ใช่พิธีที่เกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง
อาจารย์ยังเล่าให้ฟังอีกว่า เสด็จปู่พรหมเทพฯ กับท่านปู่ชีวกฯ นี่ท่านเป็นเพื่อนสนิทกัน เคยพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกัน

ตอนที่อาจารย์เริ่มบวงสรวงนั้น ลพ.วิชัยท่านยังมาไม่ถึงเพราะต้องไปพบจักษุแพทย์ก่อน
จนพิธีบวงสรวงเริ่มไปพักหนึ่งแล้วท่านจึงได้มาถึง
พอท่านเห็นหน้าอาจารย์ธรรมนูญ ท่านก็บอกเลยว่า...นี่ท่านตอนนั่งอยู่ในรถท่านเห็นอาจารย์นั่งอยู่ในรถบัสคันใหญ่ มีคนชุดขาวตามมาแน่นเต็มรถเลย
ซึ่งต้องขอบอกว่านี่เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกระหว่างอาจารย์ธรรมนูญกับลพ.วิชัย
และก็เป็นที่น่าแปลกใจที่หลวงพ่อให้ความสำคัญกับพิธีในครั้งนี้มาก
ถึงขนาดสั่งให้ส่งคลิปวีดีโอที่อัดตอนที่อาจารย์กำลังทำพิธีบวงสรวงส่งไปให้ท่านดูที่วัดด้วย

ในพิธีหล่อพระครั้งนี้ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ หลายอย่างเกิดขึ้น
เช่น ตอนบวงสรวง ก็ไม่รู้นกจากไหนบินมาเกาะตรงต้นไม้ใกล้ๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันไปหมด
แผ่นทองคำแท้มีอยู่แผ่นหนึ่งที่ไม่ละลายจนช่างบ่นด้วยความแปลกใจ จนผ่านไปอีกครู่หนึ่งถึงได้ละลาย
แท่งเงินสวิสที่หลวงพ่อท่านนำมาเพื่อหลอมทำพระกริ่งเนื้อเงินโดยเฉพาะ ก็ไม่ละลายจนต้องไปบอกท่านถึงได้ละลายลง
ซึ่งแท่งเงินสวิสแท่งนี้ท่านเก็บไว้อยู่กับท่านมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว
นอกจากนี้ก็มีพวกกำไลสำริดโบราณที่ไม่ละลาย พระเครื่องบางองค์ และกำไลของวัดถ้ำตะโก ลพบุรี ก็ไม่ยอมละลายเช่นกัน

พระกริ่งขวานฟ้าวิชัยฯ รุ่นนี้ ทั้งอาจารย์ธรรมนูญและหลวงพ่อบอกตรงกันว่า ไม่ต้องเสกก็ใช้ได้แล้ว
แต่ด้วยความตั้งใจอันบริสุทธิ์และเจตนาอันดีของเจ้าภาพที่ต้องการจะสร้างวัตถุมงคลที่ดีที่สุดถวายแก่หลวงพ่อ
ดังนั้นจึงมีโครงการจะนำไปให้พระเถราจารย์ที่ทรงคุณท่านอธิษฐานจิตเพิ่มให้ ก่อนน้อมถวายให้เป็นของสงฆ์ต่อไป
ดังนั้นใครที่พลาดการจองก็สามารถไปร่วมทำบุญบูชาที่วัดของหลวงพ่อได้ แต่น่าจะประมาณสิ้นปีถึงจะออกให้ทำบุญ

 

สุดยอดครับ

 

โมทนาสาธุกับพี่หมอด้วยครับ
งานบุญครั้งนี้ก็ได้พี่หมอเป็นเรี่ยวแรงสำคัญทั้งเรื่องมวลสาร พิธีกรรมและเรื่องอื่นๆอี
ขอขอบพระคุณผู้ร่วมบุญทุกท่านและพี่หมอมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ผมจะทยอยนำวีดีโอที่ถ่ายไว้ในวันงานมาลงให้ชมกันนะครับ

 

ขอรบกวนช่วยแก้ไขรายชื่อหน่อยครับ
ลำดับที่ 60 จาก Puwadon เป็น Puwadon1 ครับ
เนื่องจากชื่อสมาชิกเก่าเข้าไม่ได้ครับ ตั้งแต่เวปพลังจิตมีปัญหา ผมเลยสมัครสมาชิกใหม่ครับ
เลยเปลี่ยนชื่อนิดหน่อยครับ...ขอบคุณครับ

 

รับทราบแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

ขออนุญาตนำบันทึกของผู้ร่วมงานมานำเสนอต่อครับ ภาพภายในงานที่ถ่ายสวยๆ ค่อยนำมาเสนออีกทีนะครับผม เพื่อไม่ต้องให้รอติดตามนานเกินไป
------------------------------------------------------------

ในช่วงที่หล่อโลหะเงินที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวิชัย ท่านได้นำมาร่วมหล่อด้วยนั้นเป็นเงินสวิสที่มีโยมถวายท่านหลายปีแล้ว ไม่ยอมละลาย ช่างได้บอกว่า สงสัยจะไม่ใช่เงินมั้งชิ้นนี้เพราะป่านนี้น่าจะละลายได้แล้ว พวกเราก็เถียงกับช่างว่า ไม่ใช่หรอกเพราะยังตีตราเงินสวิสอยู่เลย

ยังมานั่งคุยกันกับเพื่อนว่า สงสัยพวกช่างจะว่า หลวงพ่อโดนโยมหลอกว่าเอาเงินแท่งปลอมมาถวาย ป่านนี้ไม่ละลายเสียที จนเพื่อนคนหนึ่งในคณะฉุกคิดได้ว่า ต้องขออนุญาตหลวงพ่อท่าน จึงรีบวิ่งไปเรียนท่านว่า “เงินยังไม่ละลายเลยครับ ขออนุญาตหลวงพ่อให้ละลายด้วยครับ” พอเพื่อนท่านนั้นวิ่งกลับมาดูก็ละลายแล้วเป็นเวลาเดียวกันกับที่เพื่อนคนนี้วิ่งไปขออนุญาตหลวงพ่ออีกฟากของโรงงาน

พอเงินที่หลวงพ่อมาร่วมละลายหมดพวกเราก็กลับไปหาท่าน พอท่านเห็นหน้าท่านได้ถามว่า “เงินละลายหมดหรือยัง” เรียนท่านว่า “ละลายหมดแล้วครับหลวงพ่อ” แล้วท่านก็ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ เหตุอัศจรรย์นี้ท่านอาจารย์วิษณุเจ้าของโรงงานเป็นพยานได้ดีเพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

 

พอตอนหย่อนทองลงเบ้า ทางคณะได้นำทองคำแท้หนักสลึงเศษทำการรีดเป็นแผ่นบางเพื่อใส่ลงในเนื้อชนวนล้วน และได้ขอเมตตา หลวงพ่อท่านได้จารอักขระ ท่านได้เลือกจารหัวใจปาฏิโมกข์ ซึ่งท่านว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

อีกแผ่นให้ท่านอาจารย์ธรรมนูญ เป็นผู้จาร แผ่นที่หลวงพ่อจารนั้นอาจารย์ธรรมนูญ ได้นำไปให้หลวงพ่อเจิมเป็นสิริมงคลอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งของแผ่นจารของอาจารย์ธรรมนูญท่านจะพับใส่กระบวยเททอง และของคุณหญิงที่ท่านหล่อก็ทำการพับด้วยเช่นเดียวกัน แต่ของหลวงพ่อที่จารนั้น ไม่ได้พับ

ช่างได้นำทองไปเทลงเบ้าที่ไฟแรงมาก ปรากฎว่า ช่างได้เอียงเบ้าให้ดูว่า ทองที่หย่อนลงไปไม่ยอมละลาย ซึ่งมีน้องที่มาร่วมงานมาเล่าให้ฟังหลังจากเสร็จพิธีแล้วว่า ได้เห็นว่าเป็นแผ่นทองคำที่ไม่ได้พับ ซึ่งเป็นของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ละลายลอยอยู่บนโลหะเหลวร้อนนั้น

ทองคำรีดบางหนึ่งสลึงเศษโดนไฟแรงกว่าพันองศาก็น่าจะละลายในพริบตา แต่นี้คงค้างลอยอยู่ในเบ้าน้ำโลหะเป็นเวลานาน จะเป็นไปอย่างอื่นได้อีกหรือนอกจากถือเป็นเหตุอัศจรรย์ได้อีกวาระหนึ่ง

 

เมื่อดำเนินการหล่อ กริ่งเนื้อชนวนล้วน พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตามาก ท่านเดินมาดูด้วยตนเองถึงเตาหลอมโลหะซึ่งพวกเราตกใจว่าท่านเดินมาเกรงจะกระทบกระเทือนดวงตาท่าน แต่ก็เมตตาเดินมาประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับวัตถุมงคลและให้พรช่างที่โรงงานให้เกิดความสิริมงคล

มาทราบภายหลังจากศิษย์อาจารย์ธรรมนูญที่อยู่ใกล้ชิดว่า “อาจารย์บอกหลวงพ่อว่า ไม่จำเป็นต้องเดินไปเองหรอก วัตถุมงคลที่ทำการหลอมในพิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแล้วไม่ต้องเสกอีกยังได้เลย” ภายหลังหลวงพ่อท่านก็ได้พูดว่า “ให้เก็บพระรุ่นนี้ไว้เป็นพระประจำตระกูลนะ” ปกติท่านจะไม่พูดเรื่องนี้เลย เพราะท่านสอนแต่ธรรมะเสียมากกว่าให้มาสนใจเรื่องนี้ ท่านยังย้ำหลังจากนี้อีกว่า “ใครที่ไม่มีให้หาเก็บไว้นะ เพราะเจตนาดี พิธีดี มวลสารก็ดี ศักดิ์สิทธิ์ในตัวแล้ว ” “วัตถุมงคลนี้ไม่ต้องอธิษฐานจิตแล้วศักดิ์สิทธิ์ดีเยี่ยมแล้ว”

หลายๆ เหตุการณ์เมื่อนำมาประมวลดูแล้วทำให้ทราบได้ว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์ทั้งสองนั้นพูด ท่านรู้เห็นในสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็น และเหตุการณ์หลายๆ อย่างปรากฎเป็นที่อัศจรรย์ให้กับพวกเราในพิธีที่ผ่านไปเมื่อวานนี้ ทำให้ต้องเชื่ออย่างแน่นอนว่า พระกริ่งชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์จริงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เห็นคนอื่นมาเล่า ก็อยากเล่าบ้างคันปาก...อิอิ ผมได้มีโอกาสได้ขอติดตามไปด้วย ทราบว่าพิธีนี้เข้มขลัง...

​

คณะของผมมาถึงช่วงประมาณ 09.00 กว่ามาช่วยเตรียมพิธีการ​

​

ได้มาช่วย อ.ธรรมนูญ จัดเตรียมพิธีอันเข้มขลังครับ พบกันครั้งแรกก็รู้ว่าท่านไม่ธรรมดา!!​

 

​

ในที่สุดเวลาที่เรารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ก็มาถึง หลวงพ่อวิชัย เขมิโย ท่านก็มาถึงในบริเวณพิธีการ เป็นที่ปิติแก่คณะศิษย์ยิ่งนัก สาธุ๊​

​

ท่านเมตตาคณะพวกเรามาก ท่านเจ็บตาอยู่ ทางคณะศิษย์ก็ได้ก็ไม่อยากรบกวนท่าน อยากจะถนอมธาตุขันธ์ท่านไว้กับเรานานๆ แต่ท่านก็ยืนยันที่จะมาพิธีนี้ให้ได้เพราะเป็นพิธีที่สำคัญ​

​

และแล้วก็ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลบวงสรวงช่วงเช้า หลวงพ่อท่านฯจุดเทียนชัยนำบวงสรวง​

 

​

คุณหญิง ม.ร.ว.จีริสุดา วุฒิไกร(กิติยากร) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส คุณหญิงท่านเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อครับ เลยเมตตามาเป็นประธานให้ ​

​

 

​

บวงสรวงครูบาอาจารย์ ตลอดจนเทวดา พรหมฯ เพื่อให้ท่านเมตตาประสิทธิ์ประสาทให้องค์พระกริ่งครั้งนี้ เข้มขลังด้วย พุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพฯ​

​

หลังกล่าวบวงสรวง อ.ธรรมนูญท่านว่า บรรดาครูบาอาจารย์มากันเยอะ ทั้งพระอริยสงฆ์ที่ละสังขารไปแล้ว ตลอดจนเทวดาชั้นผู้ใหญ่ มาร่วมอนุโมทนาและมาช่วย อธิษฐานให้ฯ​

​

มวลสารและวัตถุมงคลแต่ละอย่างแต่ละชิ้นอย่าให้พูดครับ เป็นของมงคลที่พระอริยสงฆ์ ทั่วใต้ฟ้าเมืองไทย ทั้งที่ยังทรงสังขารและละสังขารไปแล้ว ได้ร่วมอธิษฐานจิตมาแล้วมากมายมารวมกันอยู่ในงานนี้ เพื่อนำมาหล่อพระกริงในครั้งนี้ คณะศรัทธาฯ เขาทุ่มทุนสร้างจริงๆ ใครไม่มีพระกริ่งรุ่นนี้จะเสียดายนะครับ เพราะหลวงพ่อวิชัยฯ กล่าวว่า เอาไว้เป็น "พระประจำตระกูลได้เลยนะ ศักดิ์สิทธิ์มาก ต่อไปจะหายาก"​