อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

เหรียญหลวงพ่อฤาษีหลังท้าวเวสสุวรรณ ปี ๒๕๒๑


สองสามวันมานี้กระแสทศกัณฐ์มาแรง เต็มหน้าฟีดในเฟซบุ๊คทั้งเพื่อนๆที่แชร์กันมาและในชมรมถ่ายรูปที่ต่างก็นำภาพยักษ์ที่ถ่ายไว้มาโชว์กัน ก็ขอเกาะกระแสนิดนึง เรื่องรามเกียรติ์นี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีก็เคยกล่าวถึงไว้ว่า ตอนที่สมัยท่านยังหนุ่มๆเป็นนักเทศน์อยู่ บางทีชาวบ้านก็มานิมนต์ให้เทศน์สามก๊กบ้าง รามเกียรติ์บ้าง ฯ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะสรุปใจความสำคัญของนิยายหรือละครทุกเรื่องก็ไม่พ้นหลักของพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีความไม่เที่ยง มีความเป็นทุกข์ มีความเสื่อมสลายไปในที่สุด ทุกเรื่องสู้กันแทบตาย แย่งกันแทบตาย สุดท้ายเมื่อตายลงก็ไม่มีใครนำสิ่งที่หามาติดตัวไปได้ ยกเว้นเพียงแต่บุญกุศลหรือบาปกรรมเท่านั้นที่จะติดตามตัวเราไป





ในพระพุทธศาสนาของเรา ก็มีการกล่าวถึงท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ ผู้ทรงมหิทธานุภาพ เป็นหัวหน้าของจตุโลกบาทผู้มีหน้าที่พิทักษ์พระพุทธศาสนาทั้งสี่ทิศ คนไทยต่างก็รู้จักท่านกันเป็นอย่างดี มีครูบาอาจารย์สร้างเหรียญ รูปหล่อ ผ้ายันต์ ออกมาให้ศิษยานุศิษย์ไว้ป้องกันภยันตรายต่างๆกันแทบทุกสำนัก เรื่องราวของท้าวเวสสุวรรณนี้ หลวงพ่อฤาษีท่านกล่าวถึงอยู่เสมอๆ แม้องค์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเองเวลาจะทำงานสิ่งใดก็ยังต้องตั้งโต๊ะบวงสรวงบอกกล่าวท้าวมหาราชทั้งสี่ทุกครั้ง หลวงพ่อฤาษีก็รับเอาประเพณีนี้มาและส่งต่อไปยังหลวงพ่ออนันต์เจ้าอาวาสวัดท่าซุงรูปปัจจุบัน ที่ยังคงรักษาคำสอนของหลวงพ่อฤาษีไว้เป็นอย่างดี





ท้าวเวสสุวรรณ นั้นท่านเป็นนายของภูตผี ใครกลัวผี สิ่งเร้นลับต่างๆมีท้าวเวสสุวรรณไว้บูชาก็อุ่นใจ ทางภาคเหนือนั้นก็นิยมบูชาท้าวเวสสุวรรณกันมาก ทางเว็บพระล้านนาถึงกับเปิดกระดานขึ้นให้โดยเฉพาะเลยทีเดียว แม้องค์พระพุทธชินราชทางฐานเบื้องซ้ายก็มีรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ คอยพิทักษ์รักษาอยู่ ทางขวาเป็นอาฬวกยักษ์ จึงเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ที่ผูกพันธ์กับคนไทยมาช้านาน





เมื่อพูดถึงยักษ์ สมัยเด็กๆได้ฟังนิทานพื้นบ้านบ้างดูละครจักรๆวงศ์ๆบ้าง ก็ดูภาพยักษ์ช่างน่ากลัว ตัวโตสูงใหญ่เจอคนก็จับกินเป็นอาหารบ้าง ทุบตีเอาบ้าง ภาพยักษ์ก็ดูเป็นสิ่งที่น่ากลัวแต่ครูบาอาจารย์แต่โบราณท่านก็ได้กล่าวสอนเอาไว้ว่า

"ยักษ์ภายนอกนี้ก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับยักภายในใจ เพราะหากเกิดแก่ผู้ใด ความฉิบหายความจันไรจะเกิดตามมา ยักตัวนี้ก็คือยักยอกนั่นเอง"

เรื่องการยักยอกนี้หลวงพ่อฤาษีมักเล่าให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอๆคือเรื่องเปรตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร เรื่องมีอยู่ว่า(คร่าวๆนะครับ)

ย้อนถอนหลังไปหลายร้อยกัปในสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระเจ้าพิมพิสารเกิดเป็นนายเสมียน พระราชาและพระโอรสเป็นผู้ใฝ่ในธรรมจึงนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกจำนวนมากมาทำบุญเลี้ยงพระ โดยให้นายเสมียนเป็นผู้จัดการเมื่อเป็นงานใหญ่นายเสมียนก็เลยไปชวนบรรดาญาติๆมาช่วย นายเสมียนเป็นคนจิตใจดี ทำงานด้วยความซื่อตรง แต่ญาติของท่านไม่เป็นเช่นนั้นกับมุบมิบเงินบ้าง กันเอาข้าวของดีๆมาไว้เป็นของตนบ้าง เมื่อตายไปนายเสมียนไปสวรรค์ บรรดาญาติๆของท่านลงนรกหมดสิ้นกาลเวลายาวนาน พ้นจากนรกก็มาเกิดในอัตภาพต่างๆตามกรรมนับหลายร้อยกัป จนในที่สุดก็มาเกิดเป็นเปรต ได้มาพบพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ก็ขอพระองค์โปรดเมตตาด้วยว่าเวลานี้หิวเหลือเกินไม่ได้กินอะไรมานานหลายร้อยกัปแล้ว เห็นอาหารเห็นน้ำวางอยู่พอจะหยิบกินก็กลายเป็นแกลบแล้วก็ลุกเป็นไฟต้องโยนทิ้้ง พระพุทธองค์ทรงทราบว่ายังไม่หมดกรรมจึงไม่สามารถโปรดได้ แต่ได้ทำนายว่าอีก ๙๑ กัป(กัปนึงนานแค่ไหนถามใจท่านดู ถ้าไม่รู้ดูในกูเกิ้ลนะครับ) ในสมัยพระพุทธเจ้านามว่าพระสมณโคดม ญาติของเธอ ที่เป็นนายเสมียนจะมาเกิดเป็นพระราชานามว่าพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อพระองค์ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เมื่อนั้นพวกเธอจึงจะพ้นจากอัตภาพที่เป็นอยู่นี้​

 

ในอดีตหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ถือว่าเป็นสุดยอดพระเกจิแห่งยุคบารมีของหลวงพ่อท่านแผ่ไพศาล มีศิษยานุศิษย์มาพึ่งใบบุญหลวงพ่อกันมามาย แม้แต่ทางคณะสงฆ์วัดวาอารามใดที่ชำรุดทรุดโทรมหลวงพ่อก็เดินทางไปช่วยทำนุบำรุงให้มากมายหลายวัด สมเป็นเทพเจ้าแห่งบ้านหนองโพ วิชาความรู้ต่างๆของหลวงพ่อท่านได้ศึกษามาอย่างมากมาย สำแดงออกมาในรูปแบบวัตถุมงคลต่างๆ ไม่ว่าพระเครื่อง แหวน เครื่องรางต่างๆ ผ้ายันต์ แม้แต่น้ำลายหลวงพ่อก็ยังมีผู้นิยมให้หลวงพ่อถ่มใส่หัว

มี่สุดยอดวัตถุมงคลอย่างหนึ่งที่หากเอ่ยชื่อหลวงพ่อเดิมทุกคนต้องนึกถึง นั่นก็คือมีดหมอ ที่ถือว่าเป็นมีดสุดยอดแห่งวงการ มีดนี้มีอานุภาพมาก หลวงพ่อถึงเอ่ยปากแก่ผู้ที่รับไปบูชาให้ใช้ด้วยความระมัดระวังและมีสติว่า "หากน้ำตาไม่เป็นสายเลือด อย่าชักมีดออกจากฝัก"

มีดนี้หลวงพ่อเดิมได้ปลุกเสกโดยอัญเชิญสุดยอดเทพศาสตรา ๕อย่างมาสถิตยังมีดหมอนี้ โดยหลวงพ่อได้รจนา เป็นพระคาถา เพื่อบูชา มีดเทพศาสตรา ได้คุ้มครองรักษา ผู้สวดผู้มีมีดไว้บูชา





สุดยอดเทพศาสตราทั้ง ๕ ได้แก่

๑ วชิราวุธ ของพระอินทร์
๒ กระบอง ของท้าวเวสสุวรรณ
๓ ผ้าโพกหัว ของอาฬวกยักษ์
๔ จักร ของพระนารายณ์
๕ ดวงตา ของพระยายมราช

ยังมีพระวิหารหลังหนึ่งแห่งสยามประเทศนี้ ที่เป็นที่สถิตของ ๕ เทพศาสตราอย่างครบถ้วน วิหารหลังนี้คือวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช ที่ผู้ศรัทธานอกจากจะมากราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงพ่อแล้ว ยังไดรับความคุ้มครองจากเทพศาสตราอีกด้วย





แก้ววชิราวุธ ของท้าวสักกะเทวราช คือเพชรที่ประดับอยู่กลางพระอุณาโลม ที่พระพักตร์พระพุทธชินราช หรือในพงศาวดารเหนือ เรียกว่า ตรีศูล (ข้อมูลจาก อ.ขวัญทอง สอนศิริ)






รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณสถิตยังฐานเบื้องซ้าย พระพุทธชินราช และรูปหล่ออาฬวกยักษ์สถิตยังฐานเบื้องขวา พระพุทธชินราช


สำหรับดวงตาพระยายมนั้น คนรุ่นเก่าแต่โบราณของเมืองพิษณุโลก เล่าว่า สถิตอยู่ ณบานประตู เสี่ยวกาง หน้าฐานชุกชีพระพุทธชินราช (ข้อมูลจาก อ.ขวัญทอง สอนศิริ)





หน้าบันวิหารพระพุทธชินราช แกะสลักรูปพระนารายณ์(พระวิษณุ)ทรงสุบรรณ สมญานามเมืองแห่งพระวิษณุ พระพิษณุโลกสองแคว


นอกจากมีดหมอแล้ว ไม้ครูก็จัดเป็นเครื่องรางชั้นสูง มีอานุภาพเช่นเดียวกับมีดหมอ และยังถือเป็นสิ่งแทนครูบาอาจารย์ จะเห็นว่าครูบาอาจารย์หรือบัณฑิตเจ้าพิธีเวลาประกอบพิธีกรรมจะถือไม้ครูไว้ด้วย โดยเฉพาะทางใต้ไม้ครูพ่อท่านครน แห่งวัดบางแซะก็เป็นอีกสำนักที่ขึ้นชื่อ ว่ากันว่าองค์สุลต่านแห่งมาเลย์ก็นิยมพกไม้ครูนี้

และบางตำราว่ากันว่าไม้ครูนี้จำลองมาจากกระบองท้าวเวสสุวรรณนั่นเอง​

 

เรื่องบังเอิญ ครั้งที่ ๒


หลังจากที่ได้เขียนเรื่องหลวงพ่ออุตตมะไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(๒๔ ก.ย.) ก็มีลูกศิษย์ใกล้ชิดครูบากฤษดาได้โพสต์เรื่องราวดังที่ปรากฏ นับเป็นความบังเอิ๊ญบังเอิญอีกครั้ง ต่อจากเรื่องหลวงพ่ออุตตมะหุงปรอท ทุกอย่างช่างตรงจังหวะราวกับจับวางจริงๆ



ขอเล่าเรื่องความบังเอิญอีกเรื่องนึงครับ ผมเคยได้ไปกราบครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนอยู่ ๓ ครั้ง ครั้งแรกไปไม่ถูก งมหาทางไปอยู่นานทีเดียว ถามคนเชียงใหม่แทบไม่มีคนรู้จัก รู้จักกันแต่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี กว่าจะหาคนรู้ได้เล่นเอาแทบเหนื่อย

ครั้งที่สอง ไปกราบครูบากฤษดาก่อนเสร็จแล้วจึงขึ้นเชียงใหม่ไปกราบครูบาดวงดี กราบครูบากฤษดาท่านเสร็จสนธนากันตามสมควร ครูบาท่านทักว่าจะไปไหนต่อ(ราวกับท่านรู้) เรียนท่านว่าจะไปกราบครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ท่านนิ่งไปชั่วครู่แล้วบอกว่า คงต้องออกเดินทางแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาท่านลงรับแขก ซึ่งตอนนั้นต้องตีรถจาก บ้านธิ ลำพูน ตัดไปหางดง เชียงใหม่ ด้วยเวลาอันกระชั้นชิดมาก ทางก็ไม่เคยวิ่งมาก่อน อาศัยดูจากแผนที่ และความรู้สึกว่าควรจะไปทางไหน ในที่สุดก็ไปถึงทันเวลาพอดี ไม่มีหลงทางด้วย ราวกับครูบาท่านเปิดทางให้

ครั้งที่สามไปเส้นทางเดิมเหมือนกับคราวแรก คือออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่เลย ทั้งที่เคยมาแล้วถึงสองครั้ง แต่กลับหลงทางเสียอย่างนั้นช่างแปลกจริงๆ

​

 

ขอบารมีพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ประทานความสุขสวัสดีแก่ทุกท่าน


งานนวราตรี ประจำปี ๒๕๕๖ จัดระหว่างวันที่ ๒-๑๑ ตุลาคมนี้ โดยวันที่ ๑๑ จะเป็นวันแห่พระแม่(วันวิชัยทัสสมิ) ขบวนแห่จะออกจากวัด เวลา ๑๙.๓๐ น.


และวันนี้จะทำพิธีบูชาองค์มหาเทพและมหาเทวี เพื่อขออนุญาตเริ่มพิธีนวราตรี ตอนเช้า ๙.๐๐ น. และเวลา ๑๖.๐๐ น. ช่วงค่ำมีขบวนแห่งองค์พระแม่ในเส้นทางถนนปั้น​

Cr.ภาพคุณ Aksorn Pichai​

 

น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี


เนื่องในวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อ​

 

Cr. เพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถารโร​

 

น้อมรำลึกถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๓ ตุลาคม



Cr. เพจ ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช​

 

น้อมรำลึกถึงหลวงพ่อคูณ มหานักบุญแห่งที่ราบสูง

เนื่องในวันคล้ายวันเกิด วันที่ ๔ ตุลาคม



คำสอนของหลวงพ่อ


สอนคนไทยมีศีลธรรม
- อยากให้บ้านเราเจริญนะ ไม่ยากหรอก ตั้งอยู่ในองค์ปัญจะทั้ง 5 คือรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ หรือใครก็ตาม แม้แต่พระเราก็ต้องรักษาศีล 5 ถ้าไม่มีศีล 5 ประจำใจ ไม่ว่าพระรูปใดรูปหนึ่ง ก็เป็นพระไม่ได้เหมือนกัน

บุญบาป
- กูไม่มีอะไรมาก กูไม่มีอะไรจะสอนพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงก็รู้ว่ากูพูดไม่เป็น พูดไม่เก่งเหมือนเขา เทศนาว่ากล่าวอะไรก็ไม่เป็น กูมีแต่ว่าให้ละชั่ว ทำดีกันเท่านั้นแหละ บุญบาปมีจริงลูกหลานเอ๊ย ให้เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ให้ละชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ บุญเห็นกับตา บาปเห็นกับตา รักตัวกลัวภัยอย่าทำชั่ว ให้ตั้งอยู่ในเมตตา

- คนนับถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องเชื่ออะไร เชื่อบุญมีจริง บาปมีจริง ก็ใช้ได้ เท่านั้นพอ ไม่ต้องทำอะไร

- พ่อแม่อยู่บนบ้าน มึงไม่ทำบุญเลย มึงควรทำบุญทุกวันก็จะได้มาก มึงอย่ามัวรอทำบุญ 100 วันมึงจะได้สักเท่าไร

- คนทำบุญนี้ ก็ต้องฝึกมาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อเคยฝึกทำมาแล้ว ภายหลังมีเงินมีทอง จะบริจาคก็ไม่เสียดาย

ความประมาท
-การขับรถอย่างระมัดระวังไม่ประมาท สำคัญกว่าการเจิม อย่างโบราณท่านว่า วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็ชนกันตาย การขับรถจะต้องดูทาง ถ้ามันคดโค้งจะต้องระมัดระวัง

รู้จักหน้าที่
-ลูกหลานเอ๋ย...การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลย


การเป็นผู้นำ
-หากมึงคิดเป็นผู้นำของแผ่นดิน องค์กรหรือครอบครัวที่ดี มึงต้องทำตัวเหมือนกระโถน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีเลว เรื่องดีมึงเก็บไว้กับตัว เรื่องเลวมึงทิ้งไว้ตรงนั้น แม้เขาถูกหรือผิดมึงก็ต้องรับฟังค่อยๆ บอกให้เขาแก้ไข

เลี้ยงลูก
-มึงอย่าไปดุไปด่าลูกมัน จะเป็นไปตามปากมึง ให้เรียกมันอีคนดี ไอ้คนดี โตไปมันจะได้เป็นคนดีของสังคม เพราะพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างให้กับลูก ถ้ามึงด่ามันเลว มันก็จะไปทำเรื่องไม่ดี พ่อแม่เองก็ต้องไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ทำเรื่องไม่ดีที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูก

สอนคนทำงาน
- คนส่วนใหญ่ที่มาวัดเพราะมันมีทุกข์ ถ้าไม่มีทุกข์ไอ้คนพวกนี้มันก็ไม่เข้ามา แต่ถ้ามึงงานยุ่งไม่เข้าวัดไม่เป็นไร มึงก็ตักบาตรอยู่หน้าบ้านก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องตักบาตรทีละร้อยๆ องค์ ตักบาตรวันละองค์สององค์ตามกำลังมึง พอทำบุญแล้วร่างกายมึงจะแข็งแรง ความคิดความอ่านปลอดโปร่งเฉียบแหลม เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ อาชีพที่มึงทำอยู่ก็จะก้าวหน้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่า พ่อแม่มึงสอนให้ทำบุญตักบาตรตั้งแต่ยังน้อยหรือเปล่า? ถ้ามันสอนมาลูกหลานก็กล้าทำบุญเข้าวัด แต่ถ้ามึงไม่สอนมันก็ไม่กล้าทำบุญ ไม่กล้าเข้าวัด

เกี่ยวกับวัตถุมงคล
- วัตถุมงคลเหมือนเปลือกไม้ หากผ่านเปลือกไปได้ท่านก็จะถึงแก่น ซึ่งการฝ่าเปลือกไม้ไปได้ท่านต้องรู้จักให้ทาน

เรื่องจริงทั่วๆ ไป
- คนเราเมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล

- โลภ โกรธ หลง มึงอย่าไปหลงงมงายเชียวน่ะ ถ้ามึงไม่อยู่ในศีลในธรรมมึงก็จะเป็นไปตามกรรมที่มึงสร้างไว้

- อย่ามัวมองคนอื่นว่าเขาไม่ดี แต่เราต้องมองตนเองก่อนว่าดีพอหรือยัง



ตบท้ายด้วย 10 คำคม "กูให้มึง"

1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้


2. กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง


3. กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา


4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ


5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญ ก็ไม่รู้จักกัน


6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน


7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก…ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง


8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน


9. เกิดมาแล้ว รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น 


10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

จากคำสอนที่ไล่เรียงมา จะเห็นได้ว่า ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจ หลายคนจึงยกย่องให้ท่านเป็น "เทพเจ้าแห่งที่ราบสูง"​

 

เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นเพชรน้ำเอก ปี ๒๕๓๖​

 

เรื่องราวขององค์พ่อ ท้าวจตุคามรามเทพ ก็ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึกแก่ผู้ศรัทธาเลื่อมใส อาจจะไม่เยอะเหมือนก่อน แต่ก็ยังมีอยู่และทุกวันนี้ก็ยังเห็นมีจตุคามรุ่นใหม่ออกมากันอย่างเนืองๆ

ในฐานะที่ผมเองก็เคยโดดลงไปร่วมวงกับเขาด้วยเมื่อสิบปีก่อน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ตอนนั้นปี ๒๕๔๗ คุณอุ๊กรุงสยามได้สร้างจตุคามรุ่น "ชนะมาร" ขึ้นมา มีการโปรโมท อธิบายความหมายขององค์จตุคาม พร้อมทั้งอักขระ สัญลักษณ์ต่างๆ ว่ามีความหมายอย่างไร พร้อมทั้งมีการเปิดศูนย์จองกันอย่างเป็นวงกว้าง ทำให้ชื่อองค์พ่อเริ่มขยายออกไปเป็นที่รู้จัก น่าจะเรียกได้ว่าเป็นปฐมบทของจตุคามในยุคหลังเลยทีเดียว





ผมเองเมื่อได้อ่านดูเรื่องราว พร้อมทั้งเห็นรูปแบบก็ยอมรับว่างดงามแปลกตาดี อีกทั้งยังมีพระราหูด้วย(ผมเกิดวันพุธกลางคืน) พร้อมทั้งอักขระ และสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ว่ากันว่าไว้คุ้มครองดวงชะตา การสร้างก็ถือว่าพิถีพิถันมาก องค์พระกดมาได้คมชัดงดงามมากๆ ก็เลยเป็นรุ่นแรกที่ผมเช่ามา เมื่อมีองค์ที่หนึ่งองค์ที่สองก็ตามมา จนมาถึงรุ่นโคตรเศรษฐึ ในปี ๒๕๔๙ ที่ทำให้จตุคามถึงจุดพีคสุด ด้วย รูปแบบที่งดงามเหนือคำบรรยาย มีคนต้องการมากมาย จึงเกิดการสร้างจตุคามออกมากันอย่างมาก ช่วงนั้นวัตถุมงคลอย่างอื่นนิ่งสนิทเลยทีเดียว แม้แต่เซียนพระใหญ่ๆก็ออกโรงมาเล่นมาสร้างจตุคามกับเขาด้วย จนเกิดการล้นตลาด อีกทั้งช่วงหลังๆรูปแบบก็ไม่เหมือนกับภาพกราฟฟิคที่ออกแบบไว้ งานออกมาไม่สวย พระออกล่าช้ากว่าที่กำหนด หลายๆรุ่นที่ผมได้มาพระยังมีความชื้นอยู่เลยต้องเอามาผึ่งที่บ้านต่ออีก พระได้ครบบ้างไม่ครบบ้างกล่องไม่ได้บ้าง เกิดปัญหาร้อยแปดพันประการ ปัญหาต่างๆไม่ได้เกิดจากองค์พ่อเกิดจากคนเรานี่แหละนับว่าครั้งนั้นเป็นบทเรียนที่ดีบทหนึ่งแก่ผมเลยที่เดียว





ปัจจุบันนี้องค์พ่อจตุคามก็ยังไม่มีใครชี้ชัดได้ว่าท่านคือใครกันแน่ ก็ได้แต่สันนิษฐานกันไปแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน บ้างว่าท่านคือเทวดาอารักษ์องค์พระธาตุ บ้างว่าคืออดีตกษัตริย์ผู้ครองนคร บ้างว่าท่านคือองค์พระพรหมพระนารายณ์ บ้างว่าคือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร บ้างว่า......

โดยส่วนตัวผมเองก็นับถือและบูชาเทพต่างๆ ด้วยว่าหนึ่งในครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือคือองค์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ท่านก็นับถือเทพเป็นครูของท่านด้วยเช่นกัน และในกรรมฐาน ๔๐ ก็มีข้อเทวตานุสติกรรมฐาน เป็นการระลึกนึกคุณธรรมที่ส่งผลให้เป็นเทวดาคือ หิริโอตัปปะ(ความละอายและเกรงกลัวต่อผลของบาป) บูชาพระพรหมก็ให้นึกถึงพรหมวิหาร ๔ หากประพฤติได้สิ่งเหล่านี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านสอนว่าเป็นพื้นฐานที่ทำให้ศีลมั่นคง ซึ่งส่งผลต่อทำให้สมาธิตั้งมั่น และเกิดปัญญาอันเฉียบคมในที่สุด

เป็นการดึงสิ่งรอบตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ บูชาเทพพรหม แต่ก็ยังนับถือพระรัตนตรัยเป็นสิ่งสูงสุด​

 

เชื่อว่าหลายคนที่เคยอยู่ในช่วงจตุคามตอนนั้นก็คงมีเก็บกันไว้บ้าง ๕ องค์ ๑๐ องค์ หลายคนก็มีกันเป็นลังๆ มาช้ำใจกันในช่วงหลังๆ งานมักไม่ค่อยเหมือนภาพกราฟฟิคที่โฆษณาเอาไว้(อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า) ได้แต่นั่งบ่นกับศูนย์พระบ้าง ลูกค้าท่านอื่นที่มารับพระกันบ้าง ก็สนุกดี





คทาครู(ไม้ครู) จตุคามรามเทพ หลวงหนุ่ย วัดคอหงส์ ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังดังอยู่ ไม้ครูนี่จัดว่าเป็นของแรร์ไอเทมกันเลยทีเดียว แต่จะว่าไปทุกวันนี้ก็แทบไม่เห็นตามหน้าเว็บเหมือนกัน ขนาดเล็กยังพอมีเห็นอยู่บ้างแต่ขนาดใหญ่นี่หายหมด คงอยู่ตามบ้านผู้ที่เลื่อมใสศรัทธากัน





หลวงหนุ่ยถือประกอบพิธีปลุกเสก องค์พ่อจตุคามรามเทพ


​

 

เรียนเชิญทุกท่านร่วมกันสวดมนต์เจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ววันครับ



Cr.ภาพพระนิรโรคันตรายจาก เว็บthaprachan.com​

 

ทรงพระเจริญ


ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยคุณแห่งครูบาอาจาย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลพิภพได้โปรดปกปักรักษาอภิบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววันด้วยเทอญ​

 

ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัย

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
​

 

ปรากฏการณ์"หมอกธุมเกตุ"คืนวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559

เนื่องจากคืนนี้พยายามข่มตานอนยังไงก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ มันรู้สึกจุก แน่นหน้าอก น้ำตาจะไหล ผมเชื่อว่าคงเป็นเหมือนคนไทยทุกคนในประเทศนี้ครับ สุดท้ายนอนไม่หลับเลยออกไปสูดอากาศนอกระเบียงคอนโด แต่ก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็น นั่นคือหมอกลงจัดมาก ทั้งที่ทุกวันก็ไม่เคยลงจัดขนาดนี้ มานั่งหาข้อมูลดูจึงทราบว่า หมอกลงจัดที่เห็นนั่นคือ ปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกศ" ครับ ขนลุกเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีจริง ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ผมเลยเอากล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกปรากฏกการณ์นี้ไว้ครับ

ปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกตุ" ซึ่งตำรากล่าวถึงว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น เช่นเหตุการณ์สวรรคตของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

เมื่อครั้งองค์ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 ก็มีบันทึกว่าได้เกิดปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกตุ" นี้เช่นเดียวกัน ดังข้อความบางส่วนจากพระนิพนธ์ใน หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิสกุล

๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้ ที่ได้บรรยายไว้ว่า

"พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียวทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดคุ้มมีหมอขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละหมอกธุมเกตุ ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น"








Cr.ภาพและบทความโดยคุณBigg Sirirojwong



**************








ขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ


​

 

ธ สถิตย์ในดวงใจนิรันดร์


ด้วยนิสัยส่วนตัวที่อาจไม่ค่อยเหมือนใครนัก ที่ชอบความเงียบสงบ ไม่ชอบความอึกทึกวุ่นวายซะเท่าไร จึงเป็นคนนอนเร็วแต่ช่วงหัวค่ำ แล้วตื่นกลางดึกสงัดอันเงียบสงบ คุ้นเคยกับบรรยากาศเช่นนี้มานานหลายปี แต่สองวันมานี้หลังจากที่พ่อจากไป ยามดึกที่คุ้นเคยกลับแปลกไป ไม่รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนเช่นเคย มันช่างเงียบจนแสนเงียบ ราวกับว่าเหลืออยู่เพียงผู้เดียวบนโลกนี้ ท่ามกลางความกลัวและความสับสน ยังดีที่มีครูบาอาจารย์คอยเตือนสติให้พึงปฏิบัติตามคำสั่งสอนพ่อ ชื่อว่าพ่อยังอยู่กับคนนั้นอยู่ในใจคนผู้นั้นตลอดไป




​