อยากบรรลุธรรมเข้ามา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 13 ธันวาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป้นไปเพื่อ สติสัมปชัญญะ นั้นเป้นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ในกรณีนี้ เวทนาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ หรือดับไป ก็เป้นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ สัญญาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ หรือดับไป ก็เป้นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ วิตกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ สติสัมปชัญญะ-----จตุกก.อํ.21/58/41:cool:....สำคัญที่อะไรเจ่ก...อยู่ที่การรู้
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" อานนท์ ข้อนั้นเป้นอย่างที่เธอกล่าว อานนท์ข้อนั้นเป้นอย่างที่เธอกล่าว อานนท์ ภิกษุหรือ ภิกษุณีรูปใด มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติ ปัฎฐานทั้งสี้่อยู่ ข้อที่ภิกษุหรือภิกษุณีนั้น จะพึงหวังได้ก็คือ จักบรรลุคุณอันวิเศษโอฬารยิ่งกว่าที่บรรลุอยู่ก่อน สติปัฎฐานสี่อย่าง อย่างไรเล่า สี่อย่างคือ....อานนท์ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ปรกติตามเห็นกายในกาย มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อเธอนั้นตามเห็นกายในกายอยู่ ความเร่าร้อนมีอารมณ์ทางกายเกิดขึ้นในกายก็ดี ความหดหู่แห่งจิตเกิดขึ้นก็ดี จิตฟุ้งไปในภายนอกก้ดี อานนท์ภิกษุนั้น พึงตั้งจิตไว้ในนิมิตอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเธอนั้นตั้งจิตไว้ในนิมิต อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด ปิติย่อมเกิดแก่ผู้มีจิตปราโมทย์ กายของผู้มีใจปิติ ย่อมระงับ ผู้มีกายระงับย่อมเสวยสุข จิตของผู้มีสุขย่อมตั้งมั่น....ภิกษุนั้น ย่อมพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า เราตั้งจิตไว้เพื่อประโยชน์ใด ประโยชนืนั้นสำเร็จแก่เรา ถ้ากระไร บัดนี้เราจะเพิกถอน ดังนี้ ภิกษุนั้นจึงเพิกถอน คือไม่กระทำซึ่งวิตก ไม่กระทำซึ่งวิจาร รู้ชัดว่า บัดนี้ เราเป็นผู้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีสติเป็นสุขอยู่ในภายในดังนี้(ในกรณีแห่ง เวทนา จิตก็ดี ธรรมก็ดี ก็มีข้อความตรัสอย่างเดียวกัน) อานนท์อย่างนี้แล ชื่อว่า ภาวนา ย่อมมีด้วยการดำรงจิตไว้---มหาวาร.สํ.19/207-208/716-718...(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ปัญญามันล้ำหน้าไปน่ะครับ ยังไม่ทันอะไร คุณก็หลงทึกทักไปเองก่อนซะแล้ว สภาวะนั้นเป็นแค่ปรากฏการณ์หนึ่ง ๆ ที่ขณะนั้นคุณไม่สามารถคิดได้ก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงต้องไปตีความหมายไกลไปถึงขนาดเกิดเป็นตัวเป็นตน โสดา สกิทาคาขึ้นมาล่ะ ในเมื่อมันก็แค่ปรากฏการณ์ขณะหนึ่ง ๆ เท่านั้นเอง

    การเข้าถึงสภาวะไร้ความปรุงแต่งใด ๆ ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า เราจะพ้นจากอุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่นไปได้หรอก ตรงกันข้าม หากเดิมเคยยึดฝั่งหนึ่ง แล้วไปเห็นอีกฝั่งหนึ่งแปลกกว่าก็เลยเลิก ไปยึดอีกฝั่งแทน อย่างนี้ก็ถือว่าไม่ต่าง คือยังยึดอยู่ดี มันก็แค่นั้นเอง ไม่ได้พ้นจากความยึดมั่นถือมั่นอย่างแท้จริง

    ตราบใดที่ปัญญามันยังรู้ไม่รอบพอ เราก็ยังคงจะโดนความเคยชิน อุปาทานมันหลอกให้รู้ยาว ๆ อยู่ร่ำไป ผมว่า เราหมั่นฝึกสติไปเรื่อย ๆ นั่นแหละดีที่สุด อะไรที่มันหวือหวาขึ้นมา เราก็ฝึกรู้ให้ทันมัน รู้ขณะจิตไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยก็เบื่อเองแหละครับ :D
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ต้องปล่อยให้ บรรลุ ด้วยอาการแบบนั้น สัก 5 6 7 8 9 10 หน

    หรือไม่แน่ก็อาจจะ 100 หน

    ก็อาจจะเอะใจว่า เอ.............................................


    แต่โดยสถิติ เท่าที่เห็น จะไม่ เอ...............

    แต่จะผลิกเป็น แบบนักเลงภาวนาซอยเรวดี เยื้อง กระทรวงสาธารณสุข นิดหน่อย

    คือ ไปโน้นเลย บอกว่า เป็น อวตารของ อรหัม ที่จุดติด หรือ บรรลุแล้วบรรลุอีก
    เกิดแล้ว ตายอีก ได้ไม่จำกัด เพราะ เป็น โบ๋ธิวิสัย( Bothi Capacity )

    **********************************


    ทีนี้ หากบรรลุแล้วบรรลุอีกเนี่ยะ คือ ทำซ้ำแบบนั้นให้ได้อีกเนี่ยะ ยังไงก็มีผลดี
    เพราะว่า หากมันไม่จริง มันก็ต้อง ทะลุ แนวรับที่ 4 จุดแน่ๆ

    เมื่อเลยระดับ เพดานไปแล้ว นักลงทุนไม่ได้ โกหกหน้าเป็นเอาไว้มาก มันจะไม่
    เสียหัว เสียกระบาน อายแม้กระทั่งตัวเอง เกินไปนัก

    ก็ขอแนะนำว่า ให้เจอสภาวะแบบนั้น ซ้ำต่อไปอีก เป็น 5 6 7 8 .... 8 เนี่ยะ
    จะต้องตำราพระวัลกลิ

    ดังนั้น ต้องไม่ลืมหลักสำคัญเท่านั้นเองว่า " พุทธบุตรของพระพุทธองค์มีปรกติ
    ตัดรากคือตัณหา "

    แต่เกรงว่า ทุกวันนี้ จะ อ้างเอาสุขจาก ทาน จาก ศีล เพราะ กริ่งเกรงว่าจะ
    เจอหนที่ 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ก็เลย ยึด ทาน ศีล ศรัทธา
    แบบดื้อตาใส อะจิ................หากทำเพื่ออาศัยระลึก ตามรู้ตามดู ก็ไม่มีอะไร
    แต่หาก ทำเพื่อยึดสุขจากทาน ศีล ศรัทธา ละก้อ ......... ก็ว่ากันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ความจริงยังพูดไม่หมดนะ
    เพราะเกรงว่าผู้ปฏิบัติใหม่อาจสับสนได้
    จึงได้พูดเพียงเท่านี้

    ความจริงแล้ว
    การทำสมาธิจะทำให้จิตมีความสงบได้ก็ต้องมีสติ
    การทำสมาธิ ก็คือการเจริญสติไปด้วย
    เมื่อออกจากสมาธิ ก็ต้องเจริญสติไปด้วยเช่นกัน

    ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า
    "สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา.
    สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง"
     
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ^แล้วสองย่อนี่พูดหมดยังครับพี่เตช
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ยังไม่หมด
    ถ้าควรพูดจะพูดอีก
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เล่าว่า ระหว่างที่ได้อุปัฏฐากหลวงปู่เสาร์ คราวหนึ่งได้ยินท่านเปรยขึ้นมาว่า “เวลานี้จิตข้ามันไม่สงบ มันมีแต่ความคิด”
    หลวงพ่อพุธแปลกใจ จึงถามว่า “จิตมันฟุ้งซ่านหรือไงอาจารย์”
    หลวงปู่เสาร์ตอบสั้น ๆ ว่า “ ถ้าให้มันหยุดนิ่งมันก็ไม่ก้าวหน้า”
    หลวงพ่อพุธเล่าว่า กว่าจะเข้าใจความหมายของท่านก็ใช้เวลาหลายปี กล่าวคือท่านหมายความว่า เวลาปฏิบัติถ้าจิตมันหยุดนิ่งก็ปล่อยให้มันหยุดนิ่งไป อย่าไปรบกวนมัน ถ้ามันจะคิดก็ให้มันคิดไป เราเอาสติตัวเดียวเป็นตัวตั้งตัวตี
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ต้อง จัดยา คู่ 6เยอะๆ

    (||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    จริมกะ3ที่แสดงในวิสุทธิมรรคนั้นผมไม่เคยอ่านมาก่อนนะ แต่ตรวจสอบจากที่ผมเจอมาเองด้วยตัวเองนั้นก็คือการดับกิเลสนั้นเอง(ดับภพ)ที่ผมเข้าใจและตรงตามพระสูตรอานาปานที่พระองคืทรงแสดงต่อพระราหุล ส่วนอาการที่2คือการเข้าฌาน และ3การจุติของจิตนั้นเอง ผมจึงมั่นใจลมอัสสาสะ ปัสสาสะนั้นในอานาปานคือที่สุดของอานาปานอยู่ตรงนั้นนั้นคือการดับกิเลสในขั้นอนุสัยกิเลส
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    555+++ผมไม่ได้มาแสดธรรมนะ ผมมาบอกแนวทางการเข้าถึงด้วยการปฎิบัติ ส่วนการเจออะไรนั้นท่านๆที่ยังอาจจะไปไม่ถึงก็ได้นะ จะเข้าใจได้อย่างไรเล่า ผมบอกแล้วไงให้นั่งจนลมหายใจดับไปนั้นแหล่ะใช่แล้ว ธรรมทุกอย่างอยู่ตรงนั้นทำซิ!จะได้เจอ เจอแล้วจะได้ไม่ต้องสงสัย ธรรมะที่ท่านเข้าใจกันอยู่ตอนนี้ท่านคิดว่าท่านเข้าใจแล้วทำให้ท่านบรรลุกันหรือปล่าครับ อ่านไปอ่านมาก็เรื่องเิดิมซึ่งเป็นแค่ขั้นสุตตะ จินตาเท่านั้นเองก็เรื่องงเิดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2012
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ความหวังในส่วนลึกนะมีอยู่เราเห็นอยู่เพราะเรายังไม่เสร็จกิจ แต่เรามีปัญญาว่าอะไรคืออะไรก็เลยทำเพื่อความไม่มีไงล่ะ เพราะมันมีอยู่และรู้อยู่ ถ้าเราทำเพื่อหวัง เท่ากับมันก็เพิ่มอัตตาเข้าไปอีกมันก็จะมีแต่บุญที่เจือด้วยความอยาก ฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงความจริงนั้นย่อมทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิไม่หวังอะไร
    ไม่ว่ามันจะมากหรือน้อย ในขณะที่จิตที่เกิดเมตตาไปในเรื่องทานฯก็ไม่หวังว่าสิ่งนั้นจะมีอานิสงค์มากหรือน้อยก้ยินดีที่จะทำเพราะปัญญารู้ว่า สัพเพธรรมาอนัตตา ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าสิ่งนั้นมากน้อย ส่วนเรื่องทานที่มีอนิสงคืมากผู้มีปัญญาก็ไม่เคยขาดการทำอยู่แล้ว ขอย้ำผู้มีปัญญารู้ว่าอะไรมีผลมากน้อยแต่ก็ทำโดยไม่หวังในอานิสงค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2012
  13. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ยิ้ม...สิ่งที่เรากล่าวนั้นนอกจากสิ่งที่เราเห็นเราก็บอกแล้วว่าเราเห็นท่านก็ไม่รู้ว่าเราเห้นอะไร คำว่าสัพเพอนัตตาใครก็พูดได้จริงมั้ย แต่สิ่งที่เจอนี่ซิ ทำให้เราหายสงสัยในคำสอนทั้งหมด ถามตัวท่านเองนะ ว่าหายสงสัยหรือยัง ถ้าหมดก้ใช่ได้ถ้ายังก็ฟังๆไว้ได้เกี่ยวกับการเข้าถึงไม่ต้องเชื่อก็ได้ ส่วนผมมันหมดสงสัยแล้ว

    แต่การอธิบายท่านอาจจะไม่เข้าใจหรืออาจจะไม่ตรงตามที่อ่านมาก็แล้วแต่นะเพราะการเรียนกับการเข้าถึงนั้นมันอาจจะมีอะไรที่แตกต่างบ้างในขั้นการอธิบาย แต่สิ่งที่ประจักษ์นั้นต้องทำลายการเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นตัวเป็นตนได้หมดสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2012
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ยิ้มให่ญ 4 ครั้งเท่านั้นก็จบแล้ว เราไม่เห็นการยึดเลย เพราะทำโดยไม่หวัง จะมีอะไรยึดได้
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ^-^เราไม่เห็นการยึดเลย :'(
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    คุณ newamazing มีความเห็นอย่างไรในสังโยชน์ 10 ครับ
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    กำจัด3อย่างได้ ทุกอย่างที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว
     
  18. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอาเข้าไป...

    ผู้มีปัญญาแท้จริง จะเห็นว่าทุกอย่างมันไม่มีผลอะไรโดยสิ้นเชิงอีกแล้ว ต่างหากเล่า

    เอ้า แล้วเวลาหลวงปู่ หลวงพ่อ ท่านแสดงธรรมให้ญาติโยมดู ท่านแสดงให้ญาติโยม เอาไปไปทำมะเขือ จารใบลานเปล่า หรือไงหละคร้าบ

    อันนี้พูดแบบมีหูไว้คั่นหัวมากๆ เลย

    เวลาสาธุชนเขาแสดงธรรมกัน เขาก็แสดงเพื่อบอกการเข้าถึงให้ผู้อื่นทั้งนั้นแหละคร้าบ นี่แหละเรียกว่าการแสดงธรรม

    ไอ้แบบการแบ๊ะๆๆๆ ไปเรื่อยๆ แต่คนมาฟังบอกว่า ไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะทำให้ไปถึงได้เลย อันนี้มันเข้ามาอวดอัตตาคร้าบท่าน

    อย่าลืมนะครับ หลวงปู่ หลวงพ่อ พระอริยเจ้าทั้งหลาย เวลาท่านพูด ท่านก็แค่ชี้ทางให้คนปฏิบัติเท่านั้นแหละนะ

    พูดประโยคนี้ออกมาได้ น่าสงสัยว่ากระบวนการคิด มีปัญหาหรือเปล่านะคร้าบ
     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ละสังโยชน์ได้สามข้อแล้ว คุณนิวบอกโนพลอมแพลม:'(โอ้เย่เย้
     
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ยกธรรมะครูอาจารย์มาทำไม
    มีข้อข้องใจในโพสต์ของผมตรงไหนก็ว่ามา
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...