อยากถามเกี่ยวกับโลกหลังความตาย

เรื่องนี้ส่วนตัวตอบไม่ได้ครับ.ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับดวงวิญญาน
ที่ตอนเป็นคนแล้ววิกลจริตมาก่อน..ส่วนตัวได้แต่เทียบเคียงหรือคาดว่า
แต่ถ้าจะให้ตอบเลยคงไม่ถูก..ที่เคยเห็นคนวิกลจริตทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่
แต่คิดว่า คุณ Deep Blue น่าจะพอทราบหรือเทียบเคียงได้แล้วนะครับ
ถ้าตั้งสมมุติฐานจากกิริยาสุดท้ายของผู้ตายเป็นเกณฑ์
..ส่วนตัวทราบเพียงแต่ว่า...เหตุเกิดเพราะว่า..
ความคิดที่เกิดจากจิต ปรุงแต่งร่วมกับจิต..เนื่องจากความคิดที่เกิดจากจิต
ตัวนี้จุดกำเนิดของเค้าอยู่ภายในจิต..บุคคลเหล่านั้นกำลังสติมีไม่เพียงพอ
ที่จะแยกได้.ว่าอะไรคือจิต.และอะไรเป็นความคิดที่เกิดจากจิต..
เป็นเหตุให้หลงไปว่า ความคิดที่ปรุงร่วมกับจิตตัวนี้ คือตัวสติและเผลอไปปรุง
แต่งต่อโดยที่คิดว่าเป็นปัญญา.หรือทางปฏิบัติเราเรียกกันง่ายๆว่า จิตหลอกจิต.
บางคนก็เรียกว่า วิปัสสนึก..
แต่ทั่วๆไปเรียกคนบ้า หรือคนวิกลจริตนั่นหละครับ
ส่วนกลุ่มที่วิเคราะห์เนื้อหาตามตำรากลุ่มนี้ก็ใช่.
แต่เป็นการวิเคราห์เพื่อให้เกิดปัญญาทางโลกในการนำมาประยุกต์ใช้งาน
กลุ่มนี้ไม่ถือว่าวิกลจริต.วิเคราะห์ประยุกต์ใช้งานได้เค้าเรียกว่าเก่ง.
แต่ถ้าเป็นภูมิปัญญาทางธรรมและวิเคราห์ด้วยปัญญาทางโลก
เค้าเรียกยึดติดในสมมุติ..แต่ก็มีความจำเป็นจะขาดเลยก็ไม่ได้..
ภายนอก คนเลยมองว่าบุคคลกลุ่มนี้เป็นคนวิกลจริต..และพระที่ตอบได้คือ
พระอาจารย์มีชื่อ ที่่อยู่กาญจนบุรี.ที่ทราบตอนนี้นะครับ.
เคยอ่านๆผ่านๆมาแต่ไม่ได้สนใจมาก
.ส่วนตัวต้องเจอวิญญานกลุ่มนี้ก่อนครับ.ถึงพอจะบอกได้ว่าอะไรเป็นไร..
ปล.เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ.​

 

ใช่ครับเรื่องวางนะคงยากแน่ๆ..แต่ข้อดีอย่างก็คือเราก็ได้รู้ไงครับ..
ตอนนี้ก็พอทราบแนวทางส่วนของวิญญานแล้ว..แต่ส่วนวิญญานมีอีกวิธี
ที่ดีกว่าหลังจากที่ดวงวิญญานวางใจเป็นกลางได้..คือการให้ครูบาร์
อาจารย์ทางภพภูมิท่านปรับภพภูมิให้ดวงวิญญานนั้นโดยที่เราไม่ต้อง
ไปยุ่งเกี่ยว..แต่เรื่องนี้เล่าให้ฟังไว้เพื่อการประกอบการตัดสินใจใน
อนาคต.อนางอ.ส่วนตัว คุณ Dush ก็รู้แล้วด้วยนิครับ.ว่าตัวเองก็ตัด
ยังไม่ได้ในตอนนี้ ณ จุดนี้ก็ถือว่าดีกว่ายังไม่รู้นะครับ..
เรื่องสภาวะการกระทบกระเทือนทางจิตใจเนี่ย..มันเป็นอะไรที่อธิบาย
เป็นคำพูดหรือภาษาใดๆก็ตามบนโลก.ให้คนอื่นๆเข้าใจได้ยากยิ่ง..เพราะเค้า
ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและมีเหตุบวกกับปัจจัยเหมือนกับเรา.
แม้ว่าคำแนะนำบางบทบางตอน.คนกลางเข้ามาอ่านจะมองดูว่าเป็นคำ
แนะนำที่ดีแล้วก็ตาม..แต่ทางปฏิบัติและการนำไปใช้งานจริงหาได้เป็นเช่น
นั้นไม่..เหตุเพราะสภาพจิตใจที่ได้รับการกระทบกระเทือนมา.และสิ่งที่ฝั่ง
อยู่ในจิตใจหรือความทรงจำของผู้แนะนำ.ช่างแตกต่างจากกับใจเรายิ่งนัก..
การที่เรามาถามบางครั้งมันจำเป็นแต่ก็เพียงแค่เพื่อที่จะหาแนวทางใน
การแก้ปัญหาทั้งๆที่ความจริงเราก็อาจทราบแล้ว..แต่เพื่อต้องการข้อมูล
ที่ได้มาวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจเพื่อความแน่นอน..ไหนจะถูกแซะ
ถูกกะแนะกะแน๋ จากบุคคลที่ไม่เข้าใจเราอีก..
อาจเป็นเหตุให้เรายิ่งเบื่อคนเบื่อโลกเข้าไปอีก.
.แต่ทางปฏิบัตินั้นแล้วจริงๆหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เราถือว่ามีประโยชน์มาก..เพราะเป็นตัวชี้ให้เราเห็นได้ว่า...
ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการที่เราย้อนมาดูใจตนเองได้
ทำให้เราเห็นว่าเราควรมองผู้อื่นๆในแง่ดีบ้าง..
ไม่ใช่ด่วนไปตัดสินใจผู้อื่นด้วยความเย่อหยิ่งเป็นเหตุทำให้
ตัดสินผุ้อื่นผิดพลาดจากการที่คุณโดนมาและ
จากความรู้สึกที่คุณสัมผัสได้จากหลายๆคำแนะนำที่ผ่านมา..
ทำให้คุณย้อนมองได้อีกว่า..เรามองโลกในแง่ดีพอหรือยัง.
และเราเคยแบ่งปันอะไรดีๆให้คนอื่นๆบ้างไหม.ทั้งๆที่กล่าว
มาทั้งหมด.คุณได้จากการที่คุณไปตั้งคำถามมา.แล้วเจอคำแนะนำต่างๆ
ทำให้คุณย้อนกลับมาคิดในมุมที่กล่าวมาแล้วนั้นได้ทั้งหมด
หากสัมผัสจากความรู้สึกของคำแนะนำต่างๆที่เราไม่ชอบแล้วน้อม
มาใส่ตนเองได้..ส่วนเรื่อง.การแก้ปัญหาในส่วนวิญญานของคุณ
เป็นเรื่องของอนาคต..ตอนนี้เราพอทราบแนวทาง.แต่จะถึงวาระที่เหมาะสม
ตอนไหนยังไม่ทราบและไม่ใช่ประเด็นที่ควรนำมาใส่ใจ..
ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมันสามารถแก้ไขได้.แต่ต้องร่วมกับองค์ประกอบ
อีกหลายๆอย่าง..ถึงจะทำให้ถึงวาระในการแก้ปัญหานั้นๆ.
และสำเร็จลุล่วงลงไปได้..ตามเหตุและปัจจัย...
ตอนนี้.เราอยู่กับเพื่อนที่ดีที่สุดคือลมหายใจและปัจจุบันก็พอครับ
ใครจะว่าอย่างไรเรื่องของเค้า.เป็นเหตุที่มาจากภายนอกทั้งสิ้น
ไม่ใช่ประเด็นที่ควรจะต้องนำมาใส่ใจอะไรเลย..
ปล.ถือว่าเล่าสู่กันฟังเล่นๆเนาะ..​

 

เหมือนแม่ของดิฉันก็เหมือนกันคะ ท่านจะแนะนำให้แต่สวดมนต์ โทรมาถามสวดมนตร์ หรึยัง ถ้าสวดแล้วจะเปลี่ยนให้อย่างน้อยร้ายกลายเป็นดีหรือทุเลาลง แต่ท่านไม่รู้หรอกว่าความทุก์ที่เรามีนี้มันทุกข์ขนาดที่ว่า ทำอะไรไม่ได้ ข้าวก็ยังไม่อยากกินเลย สถาบันเรียน ยังไม่ไปจนโดนไล่ออก........ ภาพเหตุการณ์ในอดีตทั้งดีทั้งร้ายมันเข้ามาในตาเป็นช็อตๆ...... ตอนนี้ทนายของดิฉันได้ไปติดต่อแพทย์ให้ แต่ก็ยังไม่สามารถพูดอะไรหรือ ให้หมอช่วยได้เต็มที่เพราะถ้าดิฉันโดนหมอกักให้อยู่ในเคสผู้ที่ป่วยหนักจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ดิฉันจะโดนตัดสิทธิ์ทางกฏหมายในการมีสิทธิ์ในการดูแลมรดก และจะต้องถูกโอนไปให้ฝ่ายตรงข้ามที่เขาก็อยากได้กันจนตัวสั่นอยู่แล้ว.......จากคนที่ขี้เกียจ ไร้ความผิดชอบ ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องทำอะไร ก็มีพ่อแม่เลี้ยง ถึงเวลาก็มีคนพาไปเที่ยว อยากได้อะไรไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ได้ทุกอย่าง ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้ เขาซื้อให้หมด ไม่เคยเดินถนน นิสัยเหมือนเด็กอมมือ ทำอะไรไม่เป็น ไม่เคยทำอะไรสักอย่าง.......พอมาตอนนี้ต้องมาเจอปัญหาที่หนักกว่าคนธรรมดาหลายร้อยเท่า มันทำให้เรารู้สึกเหมือน เจ้ากรรมนายเวรแกล้งได้เจ็บแสบมากคะ ทุกนาทีที่ผ่านมา ที่เขาทำให้ดิฉันได้พบเห็น ความสุขกว่าคนอื่นๆ ทุกนาทีที่มันสวยงามเหมือนกับในนิยาย ตอนนี้เขามาเอาคืนหมดหลายเท่า เหมือนกับนรก

 

คนที่ตายด้วยมะเร็งหรืออุบัติเหตุวิญญาณยังจะเจ็บปวดอยู่ไหมครับ

ขอบคุณครับ