สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ(อดีตรำลึกของบุญกุศล)

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Nar, 8 กรกฎาคม 2006.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post447302 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 07:56 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #2597 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Pattana<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_447302", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:37 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    อายุ: 40 ปี
    ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 9,362 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 14,503 ครั้ง ใน 1,116 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1602 [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_447302 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->จากภาพแรก เทวรูปองค์นี้มีชื่อว่าอย่างไร ขอรับ
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pattana : เมื่อวานนี้ เมื่อ 08:00 PM
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ภาพหลุด ค้นพบโดยน้าพัฒนา
    ทายถูกน้าพัฒน์ มีรางวัลอ่ะป่าว
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิชาเดาอะครับ อิอิอิ

    ล้อเล้นครับ จริงๆ เป็นความรู้สึกแว้บมาจริงๆ และผมก็นึกถึงพระอาจารย์สากับพระอาจารย์ชยางกูร คงเป็นที่ผมเองจะนำพระผงยาวาสนาและพระผงยาจินดามณีไปถวายทั้งพระอาจารย์สาและพระอาจารย์ชยางกูรละมั้งครับ

    .
     
  3. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112

    ผมเพ่งไปทางบ้านน้าแผนก็เลยเห็น แต่ไม่อยากตอบแบบละเอียดเดี๋ยวจะว่าแม่นเกิน
    ...พูดเล่นอะครับ คิคิคิ ที่จริงเดาเอาครับ
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post446530 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 05:43 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #20 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>The Third Eyes<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_446530", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:14 AM
    วันที่สมัคร: Mar 2005
    ข้อความ: 472 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 31 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,101 ครั้ง ใน 439 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 730 [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_446530 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ถ้าฝันไม่ผิด
    คนกรุงเทพไม่ได้พบ เคอร์ฟิวมาหลายปีแล้ว
    เคอร์ฟิว คือ การห้ามออกนอกบ้าน ระหว่าง 18.00-6.00 น
    เราเคยเจอครั้งสุดท้ายเมื่อ หลาบสิบปีมาแล้ว
    คนรุ่นหลังคงจะไม่ได้เจอ เลยไม่รู้จัก

    อาทิตย์หน้า ประมาณ กลางๆ ระหว่าง วันที่ 17 หรือ 18 มกราคม 2550
    เราอาจจะเจอ เคอร์ฟิว
    เราจะต้องกลับบ้านเลิกงานเร็วขึ้น
    เพื่อให้เข้าบ้านให้ทัน หกโมงเย็น

    ผลที่จะเกิด
    1. ผู้คนจะแห่เข้าซุปเปอร์ ซื้ออาหารแห้ง ตุนไว้ เพราะ ตลาด ธรรมดาจะมีปัญหา เปิด ขายไม่ได้ รถขนของวิ่งไม่ได้ ปากคลองตลาด ต้นทางส่งผักจะหยุด ของจะเกลี้ยง ซุปเปอร์ โดยเร็ว โดยเฉพาะพวก มาม่า น้ำปลา อาหารกระป๋อง ฯลฯ

    2. อีก 10 เดือน ต่อ มาสูตินารี แพทย์จะต้องทำงานหนัก เพราะเด็กจะเกิดมามากผิดปกติ

    เขตที่น่าจะหลีกเลี่ยง ช่วง 23-24-25-26 มค 50
    สมุทรปราการ ป้อมพระจุล คลองเตย ช่องนนทรี สีลม บางรัก

    ผมฝันทั้งนั้น
    เลยเอาความฝันมาเล่าให้ฟัง
    อย่าซีเรียส ครับ
    ฝันอย่าเป็นจริง เลย
    เดี๋ยว..ยุ่งตายห่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>พรหมประกาศิต, MOUNTAIN </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    <!-- controls above postbits --><TABLE style="MARGIN-BOTTOM: 3px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD class=smallfont>สวัสดีครับ พี่เม้า ซำบายดีบ่
    ผมคุยกับคุณโต้งแล้วนะครับ วันอาทิตย์เจอกันที่ ศูนย์.....ของ อ.สถิตย์ธรรม
    ผมจะเอาของไปให้ด้วย พี่เม้าไม่ได้เทวรูปนะครับแต่ผมจะให้เหรียญตราท่านพ่อจตุคามฯแทน รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่เห็นในนี้จะให้นำไปเสี่ยงทายครับพร้อมกับหินธิเบตอีกอันหนึ่งมีสายสร้อยด้วยครับ
    </TD><TD align=right>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    น้าแผน เจ้าแม่กวนอิมที่จะให้ไปเสี่ยงทายเป็นรางวัล
    ขอเอาไว้ก่อนได้มั๊ยครับ เนื่องจากองค์ท่านจะใหญ่ไป
    จัดส่งลำบากอ่ะคับ ผมจะพยายามหารางวัลชิ้นไม่ใหญ่เกินไป
    เพื่อสะดวกในการจัดส่ง ยิ่งใส่ในซองกันกระแทกกระทืบ ได้ยิ่งดี
    นิมนต์ท่านไว้บนหิ้งของน้าแผนก่อนนะครับ
     
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    องค์ท้าวจตุคารามเทพ ตามประวัติเล่าว่า
    สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ที่ปกครองโดย
    พระเจ้าจันทรภาณุ หรือ ขุนอินทรไศเลนทร์
    และขุนอินทรเขาเขียว
    พระองค์ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในแบบมหายานมาก่อน
    ต่อมาได้หันมานับถือพระพุทธศาสนาแบบหินยาน
    ตามแบบอย่างชาวเกาะลังกา หรือลัทธิลังกาวงศ์
    เมื่อทั้งสองพระองค์ได้สิ้นพระชนม์
    จึงได้มีการยกย่องให้ทรงเป็น
    พระเทวราชโพธิสัตว์

    ท้าวจตุคามรามเทพ ได้รับการยกย่องเคารพนับถือ
    ให้เป็นพระเสื้อเมืองพระทรงเมือง
    ดำรงฐานะประดุจจอมเทพในสรวงสวรรค์
    ดังปรากฏหลักฐานรูปปูนปั้นลอยองค์ประทับนั่ง
    ท่าชันเข่าสองข้างบันไดทางขึ้นลานประทักษิน
    รอบองค์ในวิหารพระทรงม้า
    เหนือเหล่าภาพยนต์ผู้ปกปักรักษาพระบรมธาตุ
    วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  9. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    <TABLE class=tborder id=post221364 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 30-03-2006, 08:25 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #12 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_221364", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:43 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 3,213 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 11,495 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 18,416 ครั้ง ใน 2,691 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2483 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_221364 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อาทิตย์ไหนว่าง ผมจะแวะไปหาอาจารย์ ที่จตุจักร รบกวนถ่ายสำเนาให้ผม 1 ชุด ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    รบกวนพี่เม้าช่วยถ่ายสำเนาให้ผมชุดนึง ได้มั๊ยครับ ผมจะได้ไม่ต้องไปรบกวน อ.ตาที่สามอ่ะครับ ถ้าฝึกแล้วมีปัญหาค่อยไปรบกวนท่านภายหลัง ขอบคุณครับ
     
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ผมจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ
    Hands of light ฉบับแปลเป็นไทย
    เฉพาะเนื้อหาที่สำคัญ อ่านแล้วลงมือปฏิบัติได้เลย
    ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาแปล 1 ชุด 9 แผ่น
    เดี๋ยวจะโพสให้ดูเป็นตัวอย่าง
     
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    " Hands of light" ฉบับแปลเป็นไทยเฉพาะ
    ในส่วนที่สำคัญ ที่อาจารย์ตาที่สามเคยแจก
    เป็นชีท 17 แผ่น แปลโดย คุณ superbat
    คงเป็นประโยชน์ได้บ้าง เชิญอ่านนะครับ


    ตาทิพย์..

    นั่งสมาธิ ปิดตา มองไปในร่างของคุณ
    ถ้าทำไม่ได้ ก็ลองหาสาเหตุดูละกัน ;p
    สัมผัส หรือ ฟัง กระบวนการภายใน จนกว่าจะได้ภาพของมัน
    (คงหมายถึงว่า ให้ฟัง แล้วจินตนาการถึงภาพมั้ง)

    แล้วก็ลองทำกับห้อง เริ่มจากเปิดตาก่อน
    จำลองภาพของห้องออกมา แล้วก็ลอง ปิดตา ทำอีกที

    แล้วทีนี้ ก็ลองไปทำที่ห้องอื่น โดยเริ่มทำตอนปิดตา

    เอาล่ะ เห็นอะไรมั่งยัง??

    **นี่เรากำลังพูดถึงตาทิพย์นะ ไม่ใช่นึกภาพเอาเอง นึกอะไรที่อยากเห็น - -"

    //อืม.. นะ วิธีน่ะแสนง่าย.. แต่จะเห็นจริงๆ นี่ ต้องไปลองกันเอาเอง..

    เอาล่ะ เห็นอะไรมั่งยัง??

    หูทิพย์..

    นั่งสมาธิ ฟังเสียงในตัว
    ถ้ามีปัญหา ก็ลองเอามือไปแปะส่วนที่จะฟังละกัน
    หรือ มองตรงนั้นเลยก็ได้

    แล้วก็ย้าย ไปฟังเสียงรอบๆ ตัว..
    ถ้าไปทำในป่า อาจจะได้ยินเสียงแบบวงดนตรีซิมโฟนี่เลย o_O!!

    อื้ม.. พยายามฟังให้ชัดขึ้นอีก

    เอาล่ะ.. ได้ยินอะไรมั่งเปล่า??


    เสียงที่มันเหมือนจะไม่มีจริง?

    ฟังดีๆ สิ ซักวัน มันอาจจะมีความหมายก็ได้

    **มีหนังสือเล่มนึงพูดถึงเสียงสูงๆ ที่คนทำสมาธิได้ยิน
    มันอยู่เหนือประสาทการได้ยิน แล้วก็วัดความถี่ได้ด้วย**

    อืม.. ง่ายอีกแล้วจ้ะ

    เอาล่ะ.. ได้ยินอะไรมั่งเปล่า??



    การเห็นระยะไกล

    ข้าพเจ้าพบว่า direct access สามารถกระทำได้ไม่ว่า บุคคลนั้นจะอยู่ภายในห้อง เดียวกันหรืออยู่อีกที่หนึ่งที่ห่างไกลออกไป

    โดยระยะทางที่ไกลที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยอ่าน
    แสงออร่าระหว่างการคุยโทรศัพท์คือระยะระหว่างกรุงนิวยอร์ค และประเทศอิตาลี

    โดยประสบการณ์ก็พบว่ามีความถูกต้องค่อนข้างดี แต่การรักษาจะไม่ค่อยได้ผลดีเท่ากับเมื่อบุคคลนั้นอยู่ในห้องเดียวกัน


    การเห็นล่วงหน้า

    บ่อยครั้งที่ผู้คนถาม my guide เกี่ยวกับเรื่องอนาคต และเขาก็จะตอบโดยกล่าวทำนองว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความจริงที่อาจจะเกิดขึ้น
    ในอนาคต

    แต่ไม่ใช่ความจริงที่ต้องเกิดขึ้น เพราะเราทั้งหมดมีเจตจำนงอิสระ (free will)ที่จะสร้างสรรค์อะไร

    ขึ้นมาก็ได้ในอนาคต และเขายังกล่าวว่า เขาจะไม่ทำนายอนาคต แต่บ่อยครั้งก็ยังตอบคำถามที่ถามอยู่

    และเท่าที่ผ่านมา อนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นที่ว่า
    ได้เกิดขึ้นจริงๆ ตัวอย่างเช่น Heyon(my guide?) ได้เคยบอกกล่าวกับหญิงคนหนึ่งว่า บางทีเธอจะได้ไปเกี่ยวข้องกับ สหประชาชาติ และต่อมาเธอก็ได้รับเชิญโดยสหประชาชาติถึงสองครั้ง

    ชายคนหนึ่งได้รับการบอกกล่าวว่า จะได้ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานทูตเม็กซิโกและจะได้ทำข้อสัญญาผูกพันกันในขณะที่อยู่ในช่วงพักผ่อนที่ปอตุเกส..และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

    กลุ่มบุคคลหนึ่งได้รับการบอกกล่าวว่า พวกเขาจำเป็นต้องกระทำบางสิ่งบางอย่างให้เสร็จสิ้นเพราะพวกเขาอาจจะต้องเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน และพวกเขาก็ย้ายที่อยู่จริงๆ โดยไม่คาดคิดมาก่อน

    เริ่มแรกของการรักษากรณีหนึ่งข้าพเจ้าได้รับการบอกกล่าวว่า คนป่วยเป็นมะเร็งและกำลังจะตาย และต่อมาเธอก็ตายจริงๆ

    โดยที่ก่อนจะมาทำการรักษาไม่เคยไปตรวจมาก่อน และมะเร็งถูกตรวจพบภายหลังจากการทำ CAT scan ถึงสี่ครั้งในสี่เดือนต่อมา

    ผลจาก CAT scan บอกรูปร่าง ขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง ตรงตามที่ข้าพเจ้าเห็น และข้าพเจ้าก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้รับรู้ดังกล่าวโดยไม่บอกให้เธอทราบ แต่ได้บอกให้เธอไปพบแพทย์โดยด่วน โชคไม่ดีที่ข้าพเจ้าไม่ได้ติดต่อแพทย์คนนั้นเลย

    จากประสบการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าความรับผิดชอบของผู้รักษา(healer)ควรจะอยู่แค่ไหนซึ่งก็จะได้กล่าวถึงต่อไป..

    ตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่เกี่ยวกับขบวนการ การเข้าถึงข้อมูลโดยตรง (process of direct access of information...การเห็นด้วยตาใน?) คือผลงานการทดลองการดูระยะไกล
    (remote viewing) โดย Russell Targ และ Harold Puthoff แห่งสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด

    พวกเขาพบว่า เมื่อให้ ผู้ดู (viewer) อยู่ในห้องใต้ดินของสแตนฟอร์ด เขาสามารถเขียนแผนผังบอกตำแหน่ง กลุ่มบุคคล ที่ถูกกำหนดให้ไปอยู่ ณ ตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

    ทั้งนี้ไม่ว่า ผู้ดูจะเป็นนักพลังจิต หรือ คนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

    และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า สิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำอยู่ก็คล้ายๆกัน เพียงแต่ว่านำไปประยุคใช้กับการรักษา

    กล่าวโดยย่อ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ใครๆ ก็สามารถใช้ direct access of information บางประเภทในวิถีชีวิตประจำวันได้เช่นกัน

    ข้อมูลอะไรที่จะช่วยทำให้ชีวิตการงานของคุณดีขึ้น ?โดยคุณอาจจะรับรู้ผ่านทาง Higher sense perception ของคุณเอง

    ทั้งหลายแหล่เหล่านี้ เพียงเพื่อบอกว่า มนุษย์สามารถรับรู้
    ข้อมูลและข้อชี้นำ ได้หลายทาง เพียงแต่ให้คุณ มีเจตนาขอรับ หรือ เปิดใจรับเท่านั้น

    direct access of information มีความหมาย ต่ออนาคตหลายประการ

    ถ้าเราเรียนรู้ที่จะเข้าถึงข้อมูลเพื่อไว้เป็น evidence suggests มันจะส่งผลกระทบ ระบบการศึกษาทั้งหมดรวมทั้งสังคมของเราด้วย กล่าวคือเราจะไม่ไปโรงเรียนเพียงเพื่อการเรียนรู้การใช้เหตุผล (inductive and deductive
    reasoning)เพื่อรวบรวมข้อมูล และการช่วยจำ


    แต่เราจะไปโรงเรียนเพื่อการเรียนรู้เพื่อเข้าถึงทุกสิ่งที่เราต้องการจะรู้เพียงชั่วขณะที่เรามองเห็น

    แทนที่เราจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อการจดจำสิ่งต่างๆ แต่เราจะเรียนรู้การเข้าถึงข้อมูลที่บันทึกในความทรงจำของสนามพลังจักรวาล เรียกข้อมูลที่ถูกบันทึกนี้ในคำศัพท์ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยว่า akashic records

    ข้อมูลเหล่านี้ เป็น พลังงาน ที่ปรากฏอยู่ภายใน universal hologram ของทุกสิ่งที่เคยปรากฏหรือ เคยถูกรู้

    การทำงานของสมองแบบนี้ ข้อมูลจะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในใจ แต่จะถูกเข้าถึง และการจำจะหมายถึง การปรับ
    (tune in) เข้าสู่ universal hologram เพื่ออ่านข้อมูล ซึ่งไม่ใช่การเรียกข้อมูลจากความจำ


    ประสบการณ์ การเห็นภายในกายครั้งแรกของข้าพเจ้าเกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่นอนอยู่บนเตียงและสังเกตเห็น โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อด้านหลังที่คอของสามีที่นอนตะแคงหลับอยู่ข้างๆ

    ข้าพเจ้าคิดว่า ลักษณะการยึดระหว่างกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังส่วนคอนั้นน่าสนใจมาก ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็ต้องตระหนัก ว่ากำลังทำอะไร และหยุดการเห็นนั้นทันที

    ข้าพเจ้าฝืนไม่กลับไปสู่ระดับของความจริง(การเห็นภายใน)นั้นอีก ช่วงระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายมันก็กลับมา ข้าพเจ้าเริ่มการเห็นภายในกายอีก

    ระยะแรกๆ ก็รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจแต่ก็ปรับตัวได้ในเวลาต่อมา สิ่งที่เห็นภายในกายสัมพันธ์กับข้อมูลที่ได้รับจากคนไข้เองหรือจากหมอของพวกเขา

    การเห็นภายในกายคือขบวนการ x-ray หรือ ขบวนการ nuclear magnetic resonance(NMR)ของมนุษย์ ซึ่งมีความละเอียดอ่อน

    โดยรวมทั้งความสามารถมองเข้าไปในร่างกายที่ระดับความลึกและความละเอียดเท่าไรก็ได้ตามที่ต้องการ มันเป็นแนวทางใหม่ในการรับรู้สิ่งต่างๆ

    ถ้าข้าพเจ้าต้องการเห็นอวัยวะภายในส่วนใด ข้าพเจ้าเพียงเพ่งความสนใจไปที่นั่น ถ้าต้องการเห็นภายในของอวัยวะนั้น หรือบางส่วนของอวัยวะนั้นก็เพียงแต่เพ่งไปที่นั่น

    ถ้าต้องการเห็นเชื้อโรค (micro organism)ที่เข้าไปในร่างกายก็เพ่งไปที่เชื้อโรคนั้น

    ข้าพเจ้าได้รับภาพเหล่านี้เหมือนกับรูปภาพปกติทั่วไป เช่น ตับที่สมบูรณ์แข็งแรงจะมีสีแดงเข้ม เช่นเดียวกับที่เห็นทั่วไป ถ้าเป็นดีซ่าน จะดูไม่แข็งแรงมีสีน้ำตาลเหลือง

    หรือถ้าได้รับคีโม ตับก็จะมีสีน้ำตาลเขียว

    พวกเชื้อโรคต่างๆ ก็จะเห็นเหมือนกับที่เห็นผ่านกล้องจุลทรรศน์

    ประสบการณ์การเห็นภายใน ของข้าเจ้าตอนแรกนั้น เกิดขึ้นเอง แต่ต่อมาก็สามารควบคุม

    ได้ ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจสภาพนั้นว่า ถ้าต้องการจะเห็น จะต้องอยู่ในสภาวะเปิดอย่างหนึ่ง ซึ่งตาที่สาม (จักกระที่ 6)ถูกกระตุ้น และจิตอยู่ในภาวะสงบและเพ่ง

    ต่อมาข้าพเจ้าพบเทคนิคที่จะเข้าสู่สภาวะนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าสามารถมองเห็นภายในกายเมื่อใดที่ต้องการเพียงแต่เมื่อสามารถเข้าสู่ภาวะจิตและอารมณ์นั้น

    แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยอาจจะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเพ่ง และความสงบทำได้ยากเมื่อมี
    ความเหนื่อยอ่อน. และเมื่อเหนื่อยก็ยากที่จะยกระดับ vibrational rate ด้วยเช่นกัน

    ข้าพเจ้ายังพบอีกว่าจะลืมตาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ยกเว้นการสอดแทรกข้อมูลเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นขณะลืมตา บางทีข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้ช่วยในการเพ่ง แต่บางทีก็ทำให้การเพ่งยากขึ้น

    ตัวอย่างเช่น บางทีข้าพเจ้าใช้ตาช่วยในการเพ่งจิตไปยังจุดที่กำลังดูอยู่ หลายๆครั้งข้าพเจ้าจะปิดตาเพื่อปิดการรับข้อมูลที่อาจจะทำให้เสียสมาธิ


    ตัวอย่างของการเห็นภายใน

    ตัวอย่างการเห็นภายในแสดงในภาพที่ 18-1 18-4





    กระบวนการเห็นภายในกาย

    ข้าพเจ้าขออธิบายว่าการเห็นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ข้าพเจ้าสังเกตเห็นแนวของแสงที่ผ่านเข้ามาในกายด้วยการเห็นภายใน (internal or x-ray vision...ตาใน?) และ


    สิ่งที่เห็นนั้นคือ แสงผ่านเข้ามาที่ตาที่สามและตาเนื้อทั้งสองข้างและไหล ผ่านไปทางประสาทสายตา

    ดังแสดงในภาพที่ 18-6 แสงนี้มีความสั่นสูงกว่าแสงที่เรามองเห็น และสามารถผ่านผิวหนังได้

    แสงนี้ผ่านไปทาง optic chiasm (เส้นประสาทสายตา?) และไปรอบๆ pituitary ซึ่งอยู่ด้านหลังและติดกับเส้นประสาทตานั่นเอง

    แล้วแสงดังกล่าวแยกออกเป็นสองทาง คือส่วนหนึ่งไปสู่ สมองด้านท้ายสำหรับการเห็นปกติ อีกส่วนหนึ่งไปสู่ thalamus สำหรับการควบคุมการเคลื่อนไหวลูกตา

    จากการสังเกตข้าพเจ้าเห็นว่า ที่สภาวะ ของสมาธิและเทคนิคการหายใจ ที่เหมาะสม จะเป็นเหตุให้ pituitary เกิดการสั่น และเปล่งแสงออราสีทอง (หรือสีดอกกุหลาบ
    ถ้าคนนั้นกำลังมีความรัก)ได้

    การสั่นและแสงสีทองนี้จะทำให้ปริมาณแสงกระจายเข้าสู่ส่วน thalamus เพิ่มมากขึ้น

    จากการเห็นของข้าพเจ้าแสงออราดังกล่าวนี้จะเปล่งประกายตลอดทั่วส่วนล่างของ corpus collosum และตรงเข้าสู่ต่อม pineal ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเครื่องตรวจจับการเห็นภายใน (ตาใน?)

    โดยควบคุมการหายใจอัดเอาอากาศผ่านเข้า ด้านหลังส่วนบนของคอหอยและเพดานอ่อน(ลิ้นไก่)ซึ่งอยู่ใกล้กับ pituitary (เหมือนตอนทำเสียงกรน ?) ข้าพเจ้าจะสามารถกระตุ้น pituitary ให้เกิดการสั่นได้

    การหายใจแบบมีสมาธิเช่นนี้ ยังช่วยให้จิตรวมและสงบ และยังนำแสงสีทองผ่านไปตามด้านหลังของกระดูกสันหลังและ แสงสีกุหลาบผ่านไปทางด้านหน้า(ของกระดูกสันหลัง)

    ลำแสงทั้งสองนี้จะมารวมกันในส่วน thalamus ทำให้มีการนำพลังงานสู่กึ่งกลางหน้าผาก และสู่ศูนย์กลางสมอง(จุดที่เสมือนเป็นตาใน)มากขึ้น


    ความรู้สึกเฉพาะตัวในการเห็นเช่นนี้ ปล่อยให้มีบางสิ่งบางอย่าง (พลังงาน, ข้อมูล)เข้ามาสู่บริเวณตาที่สามของศีรษะ

    ควบคู่กับการเห็นเช่นนี้คือความสามารถที่จะ สแกนที่ระดับความลึกเท่าใดที่ต้องการก็ได้และที่ช่วงความละเอียดต่างๆ จนถึงระดับเซลหรือแม้กระทั่งระดับไวรัส

    ความรู้สึกเฉพาะตัวของข้าพเจ้าคือ ข้าพเจ้ามี สแกนเนอร์อยู่ภายในศีรษะ มันอยู่ที่บริเวณกึ่งกลางสมอง ด้านหลังตาที่สาม และห่างประมาณสองนิ้วจากจุดตัดกันระหว่างเส้นที่ลากจากตาที่สามไปด้านหลัง และเส้นที่ลากระหว่างขมับทั้งสองข้าง

    จุดดังกล่าวเป็นเสมือนหัวใจของ สแกนเนอร์ จากจุดนี้ ข้าพเจ้าสามารถมองไปในทิศทางใดๆโดยไม่เคลื่อนไหวศีรษะได้ อย่างไรก็ตาม การมองตรงไปยังที่ ที่ต้องการสแกนจะช่วยได้ดี

    เมื่อผู้ป่วยมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสแกนคร่าวๆก่อนตลอดทั้งร่างเพื่อหาจุดที่น่าสนใจ จากนั้นก็จะเพ่งเล็งไปยังพื้นที่ของร่างกายที่ต้องดูอย่างถ้วนถี่ และปรับบริเวณให้แคบลง
    แล้วสแกน ด้วยความละเอียดสูง

    บางครั้งข้าพเจ้าก็จะวางมือลงบนพื้นที่ที่กำลังสงสัยอยู่ ซึ่งก็พบว่าทำให้การเห็นง่ายขึ้น


    บางครั้งข้าพเจ้าก็ใช้วิธีการอื่นโดย เพียงแต่ขอให้เห็นภาพว่าปัญหาคืออะไร และ ข้าพเจ้าก็จะได้รับภาพทางจิตของปัญหานั้นๆ




    1. travelling through the body

    การฝึกหัดที่ดีที่สุด ในการเรียนรู้การเห็นภายในคือโดยการผ่อนคลายแบบเต็มที่และดูกายภายในให้ทั่ว
    (travelling through the body)


    อันดับแรกนอนทอดตัวลงไป คลายเสื้อผ้าให้หลวมๆ หายใจลึกๆ และผ่อนคลาย ทำอีกซ้ำๆ

    จากนั้น หายใจเข้าลึกๆ และเกร็งทั้งตัวอย่างแรงเท่าที่จะทำได้แล้วกลั้นหายใจไว้แล้วผ่อนหายใจออกพร้อมคลายการเกร็งตัว ทำอีกซ้ำๆ...

    คราวนี้ทำอย่างเดิมแต่ให้เกร็งตัวเพียงครึ่งเดียว...

    จากนั้น ให้หายใจลึกๆและผ่อนคลายโดยไม่ต้องเกร็งตัว โดยทำซ้ำกันสามครั้ง

    จินตนาการเห็นว่าความตรึงเครียดกำลังเคลื่อนออกจากร่างกายเสมือนน้ำผึ้งเหนียวๆไหลสู่พื้นที่รองรับเราอยู่

    ให้รู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงๆ จนอยู่ในระดับช้าอย่างพอดี..

    จากนั้นให้จินตนาการว่าตัวคุณมีขนาดจิ๋ว เหมือนจุดที่ปลายลำแสง และเข้าสู่กายคุณที่ส่วนไหนก็ได้แล้วแต่เลือก

    ตัวจิ๋วของคุณไหลไปสู่ไหล่ซ้าย และคลายความตึงเครียดในจุดที่ผ่านไป

    จากนั้นตัวจิ๋วของคุณไหลลงสู่แขนซ้ายและเข้าสู่ มือ ให้ผ่อนคลายด้วยความรู้สึกยุบยิบ อบอุ่นและมีพลัง

    แขนซ้ายคุณหนักและอุ่น

    จากนั้นตัวจิ๋วของคุณไหลกลับไปที่แขนซ้าย แล้วลงไปที่ขาซ้าย คลายความตึงเครียดที่ขา จากนั้นไปที่ขาขวา
    แล้วกลับไปที่แขนขวา

    ทั้งกายคุณหนักและอบอุ่น

    จากนั้นเริ่มสำรวจระบบต่างๆในร่างกายด้วยตัวจิ๋วของคุณ


    ไปที่หัวใจ และไหลไปตามกระแสเลือดขณะถูกสูบฉีดไปทั่วร่างกาย สำรวจดูว่าระบบการสูบฉีดดังกล่าวยังทำงานดี หรือมีสุขภาพดีอยู่หรือเปล่า

    จากนั้นไปที่ปอดดูที่เนื้อเยื่อของปอด แล้วไปที่ระบบย่อยอาหาร ตามสายทางอาหารที่เข้าสู่ร่างกายโดยเริ่มจากปากลงผ่านหลอดอาหารไปสู่กระเพาะ

    ให้ดูว่าสภาพมันเป็นอย่างไร ได้รับพลังงานเพียงพอไหม ปริมาณของเอนไซม์ช่วยย่อยสมดุลหรือไม่

    จากนั้นตามอาหารไปสู่กระเพาะส่วนล่าง ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ สำรวจดูว่าทุกอย่างยังดีอยู่ไหม..

    จากนั้นเข้าสู่ตับ ตับออ่น ม้าม..ดูว่ามันยังทำงานดีอยู่หรือเปล่า

    ไปที่อวัยวะเพศ ดูว่ามันได้รับการดูแลตามที่มันควรจะได้รับหรือไม่

    ถ้ามีส่วนไหนของร่างกายที่คุณมีความกังวลอยู่ ก็ส่งตัวจิ๋วของคุณไปที่ส่วนนั้นด้วยความรักและพลังงาน

    โดยดูอย่างถ้วนถี่ที่บริเวณนั้น ขาดสิ่งใดก็ให้ตัวจิ๋วจัดการ โดยถ้าต้องทำความสะอาดก็ให้ตัวจิ่วจัดการเสีย หรือถ้าขาดพลังงาน ก็ให้ตัวจิ๋วส่งพลังงานเข้าไป

    เมื่อได้สำรวจและดูแลตัวคุณเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้ตัวจิ๋วกลับสู่สภาพปกติและกลมกลืนไปกับร่างจริง

    คุณสามารถกลับสู่การสำรวจอย่างนี้เวลาไหนก็ได้ตามต้องการ

    นำตัวคุณกลับมาสู่สภาพความตระหนักปกติ แต่ยังอยู่ในสภาพการผ่อนคลายอย่างลึกอย่างมีสติและความเชื่อมั่นในตัวเอง

    คุณได้กำลังสแกนตัวของคุณเอง


    2. Scanning a friend.

    นั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเพื่อนให้คนหนึ่งเป็นคนดู และอีกคนหนึ่งเป็นคนถูกดู

    ทำสมาธิให้จิตใจสงบ แล้วค่อยๆเพ่งไปที่เพื่อนในขณะที่หลับตาอยู่

    จำความรู้สึกที่เหมือนเมื่อคุณสำรวจร่างกายของคุณ

    จากนั้นเพ่งให้เห็นไปตลอดกายของเพื่อนคุณ ซึ่งจะให้ความรู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อยเพราะคราวนี้เป็นการสแกนจากด้านนอกของร่างกาย

    แรกสุดเลยทำการสแกนหาพื้นที่บนร่างกายที่อาจจะเป็นปัญหา โดยคุณอาจจะใช้มือช่วยก็ได้แต่อย่าแตะตัวเพื่อนคุณ

    ต่อๆไปคุณจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้มือช่วย

    เมื่อรู้สึกว่าพบพื้นที่บนตัวเพื่อนคุณแล้ว ให้เพ่งไปที่ตรงนั้นมากขึ้น

    เพ่งไปที่อวัยวะตรงส่วนนั้น เชื่อในสิ่งที่คุณเห็น โดยคุณอาจจะได้เห็นสี ลวดลายลาย ความรูสึกบางอย่าง หรือได้รู้สึกสัมผัสเลือนรางกับบางสิ่งบางอย่าง

    ให้เกิดเป็นภาพขึ้นในหัวคุณ

    เมื่อคุณรู้สึกพอใจแล้วกับสิ่งที่คุณพบ ก็ย้ายไปที่บริเวณอื่นที่น่าสนใจแล้วทำแบบเดิม หรือไม่ก็เริ่มสแกนใหม่

    คุณสามารถสแกนบางส่วนของร่างกาย แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับองค์ประกอบของร่างกาย(ซึ่งคุณควรจะต้องเรียนถ้าต้องการเป็นผู้รักษา-healer) ก็สแกนระบบต่างๆได้เลย และสังเกตุสิ่งที่คุณเห็น

    เมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว ค่อยๆกลับมาสู่ตัวคุณและลืมตาขึ้น

    แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในสิ่งที่คุณสามารถเก็บเกี่ยวได้ และสิ่งนั้นๆ สัมพันธ์กับเรื่องที่เพื่อนคุณรู้เกี่ยวกับตัวเขาเองมาก่อนหรือไม่

    มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกัน..และคุณสามารถอธิบายได้ไหมว่าทำไม เพราะบางทีคำตอบอยู่ที่สมมุติฐานของคุณ บางทีปัญหานั้นอยู่ในตัวคุณเอง บางที่คุณถูก แต่เพื่อนคุณไม่ทราบมาก่อนในเรื่องที่คุณเห็น

    คราวนี้ให้คุณถูกสำรวจโดยเพื่อนของคุณบ้าง และให้ความร่วมมือกับเพื่อนของคุณเพื่อให้เธอทำง่ายขึ้น

    3. Meditation to open your third eye scanner

    บทฝึกหัดแนะนำโดย Rev.C.B.ครูคนหนึ่งของข้าพเจ้า

    โดยการนอนราบลงไป หรือนั่งหลังตรง ให้อยู่ในลักษณะสบายๆ หายใจลึกๆเข้าทางจมูก ให้อากาศเข้าไปเต็มส่วนท้องน้อย เต็มช่วงกลางและช่วงบนของปอด

    แล้วอ้าปากให้กว้างเท่าที่จะทำได้ ให้ส่วนหลังของลิ้น
    อัดกับส่วนหลังของคอหอย เมื่อปล่อยลมออกทำให้เกิดเสียงเรอ

    ลองทำให้เกิดเสียงเรอยาวๆ เท่าที่ทำได้ เสียงเรอควรเบาๆ ไม่ดังน่าเกลียด

    อย่าโยกศรีษะไปด้านหลัง ให้ตั้งตรงไว้ แล้วปล่อยลมออกช้าๆ ลมส่วนท้องน้อยออกมาก่อน ช่วงกลาง ช่วงบนของปอด จนหมด

    หายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย แล้วทำซ้ำการหายใจแบบเรออีก

    ขณะที่ปล่อยลมออกให้จินตนาการเห็นลำแสงสีทองเริ่มจากบริเวณกระดูกเชิงกรานด้านหลัง วิ่งขึ้นไปตามกระดูกสันหลังเข้าสู่สมองส่วนกลาง

    ทำซ้ำสามครั้งพร้อมกับหายใจแบบเรอ


    ต่อไปเพ่งไปที่ด้านหน้าของลำตัวและเห็นลำแสงสีชมพู ทำซ้ำสามครั้งพร้อมกับหายใจแบบเรอ

    สังเกตุว่าลำแสงทั้งสองจะเปล่งแสงรวมกัน และเข้าไปสู่กึ่งกลางของสมอง

    เมื่อคุณได้ฝึกทำเช่นนี้แล้ว อย่าทำซ้ำเกิน สามหรือสี่ครั้งเพราะจะทำให้มึนงงได้

    กรุณาให้ความศรัทธาต่อการฝึกหัดเพราะมันทรงประสิทธิผลมาก

    ทำทุกอย่างอย่างช้าๆ คุณไม่สามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นในแบบที่กระทำกับวัตถุได้ มันจะไม่ได้ผล แม้ว่าเราส่วนใหญ่หวังจะให้ได้ผล

    หลายครั้งในระหว่างการรักษา ข้าพเจ้าได้หายใจอย่างเร็ว เพื่อช่วยยกระดับการสั่น และพลังงานเพื่อที่ว่าจะสามารถเห็นแสงออราได้ดีขึ้น เห็นแสงออราระดับที่สูงขึ้น และ การส่งผ่านความถี่ที่สูงขึ้นผ่านสนามพลัง

    ในการที่จะทำเช่นนั้นข้าพเจ้าเรอผ่านส่วนบนของลำคอ แต่ด้วยการหายใจสั้นๆและเร็วผ่านจมูก ทั้งนี้เนื่องเพราะข้าพเจ้าได้ฝึกหัดทำมาหลายครั้งมากจึงทำได้อย่างง่ายดาย

    บางครั้งก็ใช้การสูดลมหายใจเข้าออก ยาว สม่ำเสมอ ต่อเนื่องกันไปโดยไม่หยุดและเรอออกมา เพื่อทำให้รวมศูนย์การเพ่ง ทำใจให้ใสและให้เกิดสมดุลของสนามพลัง

    ข้าพเราเรียกเทคนิคการหายใจอย่างนี้ว่า nasal rasp breath

    เมื่อมีการเห็นและการได้ยินเหนือปกติ เกิดร่วมกัน ข้อมูลที่ได้รับจะมีประโยชน์มากขึ้น.

    Finding the cause of illness...การหาสาเหต ของความเจ็บป่วย ด้วยการย้อนอดีต

    ข้าพเจ้าได้ค้นพบหนทางที่จะรู้สาเหตุของปัญหาทางกายภาพบางอย่าง มันประกอบด้วยเทคนิคสองประการ


    ประการที่หนึ่ง ด้วยการฟื้นความจำในแบบปกติ โดยการระลึกถึงอดีตเมื่อยังอยู่ในวัยที่หนุ่มกว่า แล้ว ที่ อายุ หรือสถานที่ ในช่วงชีวิตนั้น

    ระลึกจำมันไว้ แล้วย้อนระลึกความจำในอดีตที่นานกว่านั้น ขบวนการภายในอะไรของคุณที่ฟื้นความจำ? มันรู้สึกเหมือนอะไร?

    เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงบางสิ่งในอดีต ข้าพเจ้าใช้จิต
    ในรูปแบบเฉพาะบางอย่าง ข้าพเจ้ารู้ว่าความรู้สึกนั้น เป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจดจำความรู้สึกในรูปแบบใดแบบหนึ่งคือ เป็นภาพ หรือเป็นเสียง

    มันเป็นเรื่อง่ายมากในการระลึกย้อนอดีต เราทำทุกคน เราส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า เราสามารทำเช่นนั้นได้กับเฉพาะตัวของเราเท่านั้น ไม่ใช่ทำเพื่อคนอื่นซึ่งนั่นเป็นความเชื่อที่คับแคบ

    ข้าพเจ้าพบว่าด้วยขบวนการภายในการย้อนกลับสู่ช่วงอดีตเช่นนี้ ใช้อ่าน-รู้ ประวัติของการเจ็บป่วยได้

    ประการที่สอง โดยการใช้การเชื่อมต่อกับปฏิกิริยาทางกายและการเห็นภายใน คือ ข้าพเจ้าจะเชื่อมต่อกับส่วนของร่างกายที่กำลังสงสัยว่ามีปัญหาด้วย kinesthetic sense

    แล้วนำภาพของบริเวณปัญหานั้นขึ้นมาเพื่อบอกอาการในปัจจุบันจากนั้นก็ย้อนกลับ สู่อดีต ดูประวัติการเจ็บป่วยของ
    บริเวณนั้น เมื่อย้อนกลับสู่อดีตที่ยาวนานขึ้นเรื่อยสุดท้ายก็จะเห็นเหตุของปัญหา

    ตัวอย่างเช่นข้าพเจ้าจะเห็นความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่บริเวณร่างกายส่วนนั้นของคนไข้ที่เวลาในอดีตช่วงต้นๆ ของคนไข้ และเห็นความเจ็บปวดอีกอันหนึ่งที่เวลาในอดีตที่นานกว่า และย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ...

    ความเจ็บป่วยรุนแรงส่วนมาก เป็นผลมาจากความเจ็บปวดต่อเนื่องอันยาวนานจากอดีต ข้าพเจ้าเพียงแต่ย้อนกลับไปในอดีตเรื่อยๆ จนถึงเวลาก่อนที่จะเกิดความเจ็บปวด
    เริ่มแรกที่บริเวณนั้น

    ความเจ็บปวดเริ่มแรกที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุก่อเกิดปัญหาปัจจุบัน




    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #dddddd 1px solid; BORDER-TOP: #dddddd 1px solid; BORDER-LEFT: #dddddd 1px solid; BORDER-BOTTOM: #dddddd 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#eeeeee><TD class=text_style2 style="BORDER-BOTTOM: #99ccff 1px solid" vAlign=top align=left colSpan=2>
    [​IMG]
    (ต่อ)

    The meaning of color in the aura

    ผู้คนมากมายมาหาข้าพเจ้าและถามว่า ออร่าของฉันสีอะไร? และ มันหมายความว่าอย่างไร? หลายผู้คนได้รับการบอกกล่าวจากผู้อ่านออรา(อื่นๆ)ว่า ออราของคุณสีอย่างนั้น อย่างนั้น และหมายความว่าอย่างนั้น อย่างนั้น..

    โดยปกติข้าพเจ้าจะไม่กล่าวอย่างนั้น ดังที่จะได้เห็นในหนังสือเล่มนี้ เมื่อมีคนถามว่า ออราของฉันสีอะไร?

    โดยปกติข้าพเจ้าจะตอบว่า ออราของระดับไหน? หรือบางทีข้าพเจ้าก็จะอ่านออราโดยดูสีที่โดดเด่น จากรูปร่างรวมๆของออรา และกล่าวทำนองว่า ออกไปทางน้ำเงิน และมีสีเหลืองและม่วงปนอยู่บ้าง....

    เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าชื่อ Pat (Rodegast) de Vitalis ผู้ซึ่งให้การชี้นำ(ทางจิตวิญญาณ)กับ Emmanuel สามารถอ่านสีออราในระดับ จิตวิญาณ (soul level)ได้

    Emmanuelมีสีออราของเทพคุ้มครอง (the person on the soul level as it connectes to the task in this lifetime)

    สีเหล่านี้สื่อความหมายเฉพาะ และ Pat ก็แปลความจากการที่เธอเห็น ดังที่แสดงในตารางที่ 23-1.

    โปรดจำไว้ว่า การใช้ความหมายเหล่านี้ แปลความหมายจากที่คุณเห็น คุณจะต้องมีความสามารถในระดับเดียวกับ Pat

    การอ่านสีในระดับจิตวิญญาณ จะต้องทำใจให้ใสด้วยการทำสมาธิขั้นสูง เมื่อมีสมาธิแล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เห็น. เมื่อผ่านการฝึกพอสมควรแล้วสีเหล่านี้จะปรากฏ
    ในมโนภาพ (mind-screen)

    คุณอาจจะเห็นรูปแบบ หรือ ภาพ ประกอบกับสีเหล่านี้ด้วยเช่นกันซึ่งคุณสามารถอธิบายต่อคนป่วยเพื่อว่าเขาจะได้เข้าใจความหมายของสีด้วย

    สีแดง หมายถึง ความรุนแรงทางความรู้สึก อารมณ์ ความกระตือรือร้น

    แดงสีกุหลาบ (reddish-pink)หมายถึงความรัก
    แดงสดใส(clear red)หมายถึง อิสรภาพ ความโกรธ
    แดงเลือดหมู(dark red) หมายถึงมีอารมณ์โกรธ
    แดงส้ม (red-orange) หมายถึง อารมณ์ทางเพศรุนแรง

    สีส้ม หมายถึง ความทะยอทะยาน

    สีเหลือง หมายถึง ความเฉลียวฉลาด

    สีเขียว หมายถึง พลังในการรักษา (healing/nurturing energy)

    สีน้ำเงิน หมายถึง ความเป็นครู ความอ่อนไหว

    สีม่วงแดง(purple) หมายถึง สื่อสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจิตวิญญาณ

    สีน้ำเงินม่วง-คราม (indigo)หมายถึงมีแนวโน้มสื่อสัมพันธ์กับจิตวิญญาณ

    สีม่วงจาง (lavender) หมายถึง จิตวิญญาณ

    สีขาว หมายถึง ความจริง

    สีทอง หมายถึง เทพเจ้า การรับใช้มนุษย์ด้วยรัก

    สีเงิน (silver)หมายถึงความสามารถในการสื่อสารที่ดี

    สีดำกำมะหยี่ (velvet black) หมายถึง ประตูสื่อสารกับอีกโลกความจริงหนึ่ง เหมือนหลุมดำในอวกาศ

    สีเลือดนก(Maroon) หมายถึงหน้าที่การงาน


    สีดำ หมายถึง สัญญาณนำไปสู่ด้านลบ อุปสรรค


    Color in Healing Session

    สีรุ้งทุกสีใช้ในการรักษา โดยแต่ละสีมีผลต่อการรักษาต่างกัน โดยผ่านทางจักระ

    สีแดง เพื่อ ประจุสนามพลัง เผาผลาญมะเร็ง และให้ความอบอุ่นกับส่วนที่เย็น

    สีส้ม เพื่อ ประจุสนามพลัง เพิ่มพลังทางเพศ เพิ่มภูมิคุ้มกัน

    สีเหลือง เพื่อ แก้อาการวิงเวียน และช่วยให้มีสติ สัมปชัญญะ

    สีเขียว เพื่อ ความสมดุลทั่วไป และการรักษาทุกกรณี

    สีนำเงิน เพื่อ ความเย็น และความสงบ และใช้เพื่อปรับ eteric field และ เกราะป้องกัน (shielding)

    สีม่วงแดง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสื่อสัมพันธ์กับเทพผู้รักษาของเขา

    สีคราม เพื่อเปิดตาที่สาม เสริมการเห็น สมองโล่ง

    สีขาวเพื่อ การประจุสนามพลัง ให้เกิดความสบ แก้ความเจ็บปวด

    สีทอง เพื่อ ปรับ(ออรา?) ระดับที่เจ็ดและเพิ่มความเข้มแข็งของ สนามพลัง

    สีดำกำมะหยี่ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะเงียบ สงบ เข้าถึงเทพเจ้า ปรับเปลี่ยนกระดูกที่ไม่แข็งแรงเนื่องจากมะเร็งหรือ ความเจ็บปวดอื่นๆ

    สีม่วง-นำเงิน เพื่อ สลายความเจ็บปวดขณะปฏิบัติเกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อและกระดูก และยังช่วยให้ผู้ป่วยมีพลังเพิ่ม

    โดยทั่วไปในการรักษา ข้าพเจ้าจะไม่ควบคุมสีที่ผ่านเข้ามา แต่สามารถคงสภาวะของสีเหล่านั้นได้ และมีน้อยครั้งที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะส่งสี หนึ่งเพื่อการรักษาหนึ่งๆ

    ตาราง 23-2 แสดงสีที่ใช้ในการรักษา

    Maturity:

    ในขณะเมื่อเราเข้าใกล้ความแก่และความตาย สามารถเพิ่ม higher-vibration rate ให้กับพลังงานของกาย (energy bodies).

    เมื่อแสงขาวผ่านเข้ามาสู่ชีวิต สีผมเปลี่ยนเป็นขาวสว่าง (bright white) ทำให้เข้าใกล้กับโลกจิตวิญญาณ ความสัมพันธ์แบบ I-thou(..ความเป็นฉัน ของฉัน หรือ ตัวกู ของกู ..) เพิ่มความสัมพันธ์ส่วนบุคคลอันลึกซึ้งกับพระเจ้า

    พลังงานระดับต่ำที่ที่ผ่านทางจักระจะลดลง
    โดยถูกแทนที่ด้วยพลังงานระดับสูงที่จะทำให้เข้าใกล้โลกแห่งวิญาณมากกว่าชีวิตที่อยู่บนโลกกายภาพนี้

    บุคคลมีการเตรียมตัวที่จะกลับคืนสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ และเมื่อเข้าใจหรือรับทราบขบวนการทางธรรมชาติเหล่านี้ความรัก ความเข้าใจ ความสงบก็จะเกิดขึ้น

    สิงเหล่านี้ดำเนินไปตลอดที่มีการเจริญเติบโตอันยาวนาน จักรที่ลิ้นปี่(solar plexus chakra)จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย

    บุคคลสามารถเพิ่มขีดความสามารถการเรียนรู้ที่ทำให้ชีวิตตื่นเต้นและน่าค้นหา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่
    วัฒนธรรม(ตะวันตก) ของเราไม่ยอมรับและใช้ประโยชน์จากความรู้เหล่านี้ เหมือนกับวัฒนธรรมอื่นๆ เช่นวัฒนธรรมของชาวอเมริกันพื้นเมือง ซึ่ง ผู้เฒ่า ผู้แก่
    ยังคงมีบทบาทต่อการตัดสินใจของชุมชน...



    Death:

    Phoebe Bendit กล่าวว่า ที่ภาวะความตาย ขณะที่บุคคลจากโลกนี้ไปจะมีแสงเปล่งออกจากส่วนบนของศีรษะผ่านทางจักรที่ 7 (crown chakra)

    ประสบการณ์การออกจากจักรนี้มักจะถูกอธิบายว่า เป็นการออกสู่อุโมงค์ที่เชื่อมต่อความมีชีวิตและความตาย ซึ่งอุโมงค์ดังกล่าวจะมีความมืดและยาวและมีแสงอยู่ที่
    ปลายอุโมงค์

    ประสบการณ์อุโมงค์นี้ สามารถกล่าวได้ว่าวิญญาณกำลังขึ้นเบื้องสูงผ่านกระแสพลังงานหลักของกายตามแนวสันหลัง และออกไปทางแสงจ้าของจักรที่เจ็ด

    ที่ภาวะความตายวิญญาณจะพบกับเพื่อนเก่าๆที่เสียชีวิตไปก่อนแล้วและผู้นำวิญญาณ (spirit guide).

    ที่เวลานี้วิญญาณจะเห็นเรื่องราวทั้งชีวิตของตัวเอง
    ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วและชัดเจน ทั้งเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น ทางที่เลือกแล้ว บทเรียน ที่เรียนแล้ว และบทเรียนที่ยังค้างอยู่เมื่อต้องเกิดในครั้งต่อไป มีข่วงเวลาของการฉลองเมื่อการงานเสร็จสิ้นในโลกของวิญญาณ ก่อนที่จะมีการเกิดครั้งต่อไป

    ภายหลังการตายของบุคคลเนื่องจากการป่วยอันยาวนาน ข้าพเจ้ามักจะเห็นเสมอว่า บุคคลจะพักโดยมีแสงสีขาวหุ้มห่อในช่วงระยะหนึ่งคล้ายกับการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล

    ข้าพเจ้าได้เฝ้าสังเกตบุคคลสองคนเป็นระยะเวลาสองสามวันก่อนจะเสียชีวิต ทั้งสองกรณีเขามีอาการป่วยมาระยะหนึ่งและกำลังจะเสียชีวิตเนื่องจากมะเร็ง ร่างกายส่วนล่าง
    ปริแตกเป็นก้อนสีขาวซีด ทำให้ผู้ป่วยดูขาวซีด

    จักรส่วนล่างทั้งสามก็แตกสลายมีพลังงานออกจากจักรลิ้นปี่ จักรทั้งสี่ส่วนบนเปิดเป็นรูกว้างมาก ไม่มีเกราะคลุมเหมือนเช่นเคย


    บุคคลผู้อยู่ในภาวะนั้น วิญญาณจะใช้เวลาอยู่นอกกายเป็นส่วนใหญ่แล้วก็จากไปที่ใดที่หนึ่งพร้อมกับผู้นำวิญญาณ เมื่อวิญญาณยังอยู่ในร่าง จะมีวิญญาณมากมายอยู่ร่วมในห้อง

    มีกรณีหนึ่ง ข้าพเจ้าได้เห็น ยมทูต เฝ้าประตูอยู่. เมื่อผู้ป่วยมีความเจ็บปวดมากๆ ข้าพเจ้าถาม ยมทูตว่าทำไมคุณไม่ช่วยให้เธอตาย เขาตอบว่า เขายังไม่ได้รับคำสั่ง..



    Heyon on death:

    อาจารย์ของข้าพเจ้า (my guide-Heyon)ได้เคยบรรยายเกี่ยวกับกระบวนการของการตายและข้าพเจ้าขอนำเสนอดังนี้

    ท่านกล่าวว่า ความตายไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเข้าใจ แต่มันคือ
    การเปลี่ยนสถานะจากความรู้สึก(consciousness)ในสภาพหนึ่ง ไปสู่ความรู้สึกอีกสภาพหนึ่ง

    ท่านกล่าวว่า เราได้ตายแล้วด้วยการลืมว่าเราคือใคร ซึ่งการลืมนั้นมันเป็นกำแพงกั้นเราจากความเป็นจริงและเรามาเกิดขึ้นใหม่เพื่อเรียกคืนความจำนั้น


    ดังนั้นแม้ว่าเราจะกลัวความตายแต่เราก็ได้ตายแล้ว และในกระบวนการเกิดใหม่เราจะพบว่ามีหลายครั้ง ท่านกล่าวว่า สิ่งที่ตายคือความตายเท่านั้น (ชีวิตเกิดใหม่หลายรอบ..)

    ระหว่างการมีชีวิต เราได้ลบประสบการณ์ที่เราปรารถนาที่จะลืมและเราได้ทำอย่างได้ผลด้วยการไม่จำอะไรเลย เราเริ่มกระบวนการการปิดกั้นนี้ตั้งแต่ในวัยเด็กและต่อเนื่อง
    ไปตลอดชีวิตของเรา

    ความรู้สึก(consciousness)ที่ถูกปิดกั้นไว้นี้สามารถเห็นได้จากสนามออรา ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป

    Heyon กล่าวว่าความตายที่แท้จริงได้เกิดขึ้นไปแล้วในรูปแบบกำแพงภายใน


    อย่างที่คุณทราบแล้วสิ่งเดียวที่แยกคุณออกจากทุกสิ่งคือตัวคุณเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความตายได้เกิดขึ้นแล้วในตัวคุณ บางทีสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่เรารู้จักในความเป็นมนุษย์คือความตายมันปิดกั้น และแยกเราออกจากความจริง ความสูญสิ้นความจำทำให้เราไม่ทราบว่าเราเป็นใครและนั่นแหละคือความตาย

    เราได้ตายมาแล้วและเราก็ได้มาเกิดใหม่..

    กระบวนการการตายซึ่งเราจะเรียกว่าการเปลี่ยนสภาพไปสู่ภาพที่ดีกว่า สามารถเห็นได้จากสนามพลังงาน (energic field) อธิบายในมุมมองของออราคือ


    มีการชะล้างสนามพลัง มีการเปิดจักรทุกตำแหน่ง เมื่อคุณตายคุณกำลังเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง จักรด้านล่างทั้งสามหายไปและ ร่างกายส่วนล่าง(ออรา..?) หายไปด้วย

    สำหรับผู้ที่กำลังเฝ้าดูผู้ที่กำลังจะตายจะเห็น ความซีดเผือดของผิวหนังที่มือ และที่หน้า ความซีดเผือดดังไข่มุกเกิดขึ้นกับผู้ที่กำลังจะตายในขณะที่ความซีดเหมือนกลุ่มเมฆอัน
    สวยงามค่อยๆหายไป ซึ่งกลุ่มความซีดดังกล่าวหมายถึงพลังงานส่วนล่างที่รักษาร่างกายไว้ มันจะแยกตัวออกและหายไป จักรที่ส่วนล่างนั่นจะเปิดและมีสายใยพลังงานออกมาจักรส่วนบนเปิดกว้างออกสู่มิติหนึ่ง

    นี่คือสภาวะเริ่มต้นของการตายโดยที่สนามพลังส่วนล่างและส่วนบนแยกออกจากกัน และหลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง มีการชำระกาย การทำกายให้บริสุทธิ์ โดยพลังงาน
    ชะผ่านเหมือนกับน้ำพุพุ่งตามแนวกระแสพลังงาน หลัก(แนวกระดูกสันหลัง) น้ำพุของแสงสีทองไหลชะผ่านทำความสะอาดและแสงออราจะเป็นสีทองขาว

    ประสบการณ์อย่างนี้ผู้กำลังจะตายจะจำได้อย่างไร? คุณอาจจะเคยได้ยินว่า บุคคลเห็นภาพชีวิตของเขาทั้งหมดถูกล้างออกไป ซึ่งนั่นก็คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับการล้างออรา นั่นคือ อุปสรรคกีดขวางถูกล้างไป ความหลงลืมทั้งหมดในชีวิตถูกเปิดเผย ทั้งหมดไหลผ่านทางความรู้สึกตัว-สติ และเมื่อบุคคลจากไป ความรู้สึกตัวก็จากไปด้วย

    มันเป็นการหลอมรวมกันเข้าของกำแพงต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมา และด้วยการหลอมรวมกัน

    ของกำแพงแห่งความลืม คุณจะจำได้ว่าคุณคือใคร และคุณจะรวมเข้ากับ
    ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่เบาและไพศาล

    ดังนี้ความตายจึงเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดซึ่งขัดกันกับความเข้าใจโดยทั่วไป

    คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวของคนที่ตายแล้วในทางการแพทย์แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีก

    เขาทั้งหมดจะพูดถึงอุโมงค์ที่มีแสงอยู่อีกด้าน และได้พบพูดคุยกับชีวิตที่ปลายอุโมงค์นั้น ส่วนใหญ่จะได้ย้อนเห็นภาพชีวิตตนเอง ส่วนใหญ่เผยว่า เขาตัดสินใจที่จะกลับ
    มาสู่โลกของกายหยาบเพื่อทำภาระให้เสร็จสิ้น แม้ว่าโลกใหม่นั้นจะสวยงามเพียงใด และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่กลัวความตายแต่จะอย่างยินดีที่จะได้ไปสู่ดินแดนแห่งความสงบนั้น

    ดังนั้น มีกำแพงกั้นคุณออกจากความจริงนี้ สิ่งที่คุณเรียกว่าความตายมันเป็นเพียงการเปลี่ยนสภาพเข้าสู่ความเป็นแสง

    ความตายที่คุณจินตนาการ คุณมีประสบการณ์
    สามารถพบได้ในกำแพงของคุณ ทุกๆครั้งที่คุณแยกตัวคุณด้วยวิธีใดก็ตาม คุณตายไปทีละน้อย ทุกครั้งคุณปิดกั้นพลังชีวิตอันยอดเยี่ยมจากการไหลลื่น คุณก็กำลัง
    สร้างความตายเล็กๆขึ้น


    ดังนั้นเมื่อคุณจดจำช่วงชีวิตของคุณได้และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คุณก็กลับมาสู่ความมีชีวิต และเมื่อคุณขยายความตระหนักรู้ ละลายกำแพงระหว่างโลก กำแพงระหว่างโลกจิตวิญญาณและโลกกายภาพ ความตายก็หายไป ซึ่งมันไม่มีอะไรเลยมันเป็นการปลดปล่อยกำแพงของภาพลวงเท่านั้น

    และคุณในนิยามใหม่ก็คือความจริงอันยิ่งกว่า คุณจะยังคงมีสภาพตัวตน กล่าวคือเมื่อคุณออกจากกายคุณจะยังมีความเป็นตัวตนและคุณสามารถสัมผัสตัวตนนั้นได้ในการทำสมาธิ

    เมื่อกายหยาบคุณตายลง คุณจะเข้าสู่ความจริงอีกมิติหนึ่ง โดยยังคงความเป็นตัวตนนั้นอยู่



    และเมื่อคุณจากร่างไป คุณอาจจะรู้สึกตัวเป็นเพียงจุดของแสงสีทอง แต่คุณ
    จะยังคงคงความรู้สึกเป็นตัวตนอยู่

    ขอขอบคุณอาจารย์ตาที่สาม ,คุณ supperbat
    ที่ทำให้เราได้อ่านและศึกษาถึงเรื่องราว
    การปฏิบัติ เพื่อเข้าสู่เส้นทางตาที่สาม
    ขอประโยชน์ที่พึงได้จงสำเร็จแก่เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย
    สาธุๆๆ

    ขอได้รับการคารวะจาก...เม้าตาอิน...



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ชื่อว่า "ทิพยอำนาจ" เขียนโดยพระอริยคุณาธาร ตั้งแต่ปี 249* ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ท่านเป็นพระปฎิบัติสายพระป่าและศึกษาด้านปริยัติจนได้ ปธ ๙ ในหนังสืออธิบายแนวทางการฝึกเพื่ออภิญญาแบบต่าง ๆ ทุกแบบ ผมอ่านจบไป 10 กว่ารอบแล้ว สรุปได้ว่าทิพยอำนาจต่าง ๆ ต้องมีฌาน ๔ เป็นพื้นฐาน หากผู้ใดพากเพียรฝึกฝนจนได้ฌาน ๔ แล้ว อภิญญาก็อยู่แค่ตรงหน้า เพราะฉนั้นใครอยากได้หูทิพย์ ตาทิพย์ ก็พยายามฝึกฝนด้านสมถให้ดีครับ


    *** เดี๋ยวผมจะมาสรุปให้ฟังครับ ว่าอภิญญาแต่ละอย่างมีแนวอย่างไร มีอะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญ และมีแนวฝึกอย่างไร แต่ก็ขอบอกก่อนว่าต้องมีฌาน ๔ เป็นพื้นฐาน ถ้ายังไม่ได้ฌาน ๔ ก็ฝึกด้านสมถไปก่อนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2007
  13. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    เรียนคุณ บรรพต(ภูเขา...สูงเสียดเมฆ)

    ผมส่งรูปหินธิเบตเจ้าแม่กวนอิมที่จะให้พี่เม้าร่วมนำไปแจกมาให้ดูอ่ะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • new 013.jpg
      new 013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.1 KB
      เปิดดู:
      45
    • new 014.jpg
      new 014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.9 KB
      เปิดดู:
      68
    • new 016.jpg
      new 016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.6 KB
      เปิดดู:
      58
  14. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ผมไม่ได้มีแต่เฉพาะเทวรูปนะครับ พระพุทธรูปผมก็มี แต่เก็บไว้ที่ระยองอ่ะครับ
    โชว์ภาพให้ดูครับ
     
  15. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385

    ดีครับเอามาให้ดูบ้างนะครับ พระพุทธรูปกับผมนี่ส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้หรือจะแบ่งมาทางผมบ้างก็ได้ครับ อิอิ
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post449349 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px"> วันนี้, 05:52 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #614 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_449349", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:49 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 3,223 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 11,549 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 18,530 ครั้ง ใน 2,704 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2495 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_449349 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->รูปขนาดเล็ก
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    หินทิเบต ชิ้นนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณพรหมประกาศิต
    มอบให้เป็นของรางวัลร่วมเสี่ยงทาย ให้กับผู้บริจาคสร้างพระแม่ฯ
    รวมของรางวัลเป็น 33 รางวัล

    ขอขอบคุณคุณ พรหมประกาศิต
    และขออนุโมทนา เป็นอย่างยิ่ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ขอขอบพระคุณ คุณ สิทธิพงษ์ และคุณเม้าฯ ในความรู้องค์จตุคามรามเทพครับ ดูแล้วก็อาจจะเป็นกระแสความนิยม ในส่วนตัวผมเคารพทั้งนั้น พรหม เทพเทวาทั้งหลาย แต่ที่ยึดเหนี่ยวจริงๆคือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด เที่ยงแท้แน่นอนเพราะไปได้ไกลจนถึงความหลุดพ้นเข้าแดนพระนิพาน

    การเกาะวัตถุมงคล ต่างๆที่เป็นของศักสิทธิ์อาจทำให้เราพ้นภัยพญัญตรายได้ชั่วคราว แต่ภัย เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ยังไม่พ้นอยู่ดี ถ้าเราเกาะพระรัตนะตรัยอย่างเหนียวแน่น เกิดก็เกิดกับพระรัตนะตรัย แก่ก็แก่กับพระรัตนะตรัย เจ็บก็เจ็บกับพระรัตนะตรัย ตายก็ตายกับพระรัตนะตรัย เมื่อมันจะหลุดพ้นออกจากวัฏฏะสงสารก็ต้องพึ่งพระรัตนะตรัยเป็นสิ่งนำทางให้เราหลุดพ้น ขอเกาะพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสง์ ตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้าพระนิพาน สาธุ
     
  19. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541

    เอ...รูปที่ผมโพสไว้มันหายไปไหนง่ะ...ลงใหม่ละกัน มีพระพุทธรูปนาคปรกแบบโบราณ แต่อยู่ข้างหลังมองไม่เห็นอ่ะ ต้องเอาตาที่สามส่องดูเองนะครับ
    และวันนี้ ก็ได้ไปบริจาคเลือดมาครับ โดยไปคนเดียวครับ เนื่องจากว่าคุณพี่เม้าของเราเกิดถอดใจไม่ยอมไปบริจาคในวันอาตย์ เพราะกลัวเข็มตอนแก่อ่ะครับ
    อิ..อิ..(แซวเล่นหนุกๆ ไปอย่างงั้นเอง พี่แกติดภาระกิจอื่นอ่ะครับ)
    ไปคราวนี้ก็งงไปเหมือนกัน เพราะเขาย้ายไปทำการอยู่ที่ตึกใหม่แล้วเป็นตึกกระจก สถานที่โอ่โถง สะดวกสะบาย นัยว่าเป็นการเอาใจผู้ที่ไปบริจาคอ่ะครับ
    มีบันไดเลื่อนเหมือนในห้างด้วยครับ ถ่ายรูปมาให้ดูกันด้วย แต่เป็นรูปจากกล้องมือถือ เลยไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร เห็นทางศูนย์บอกว่าเลือดไม่ค่อยพอใช้ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีคนมาบริจาคเท่าไหร่ กลัวระเบิดกันอ่ะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขอโมทนากับน้าณรงค์ ครับ
    จิตที่เกาะติดอยู่กับพระรัตนตรัย ถือว่าประเสริฐสุด จริงๆ
    ยิ่งในยุคกระแส คลั่งไคร้วัตถุมงคลพระจตุคาม ฯ ฯลฯ กำลังแรง
    ต้องดึงใจให้มั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถ้าจะยึดไว้บ้าง พอช่วยเป็นทาง
    ส่องให้เห็นพระนิพพานบ้าง ก็คงไม่เป็นไร
    เพราะทุกพระองค์ ก็สายตรง จากพุทธะ ทั้งน้าน นะ ข รับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...