สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ผมแค่สื่อให้คุณขันต์รู้ว่าเอาบุญเอาบาปมาให้ก็ไม่รับแล้ว
    เป็นโลกุตตระแล้ว
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พี่ศรี พี่ศรี ถามไรหน่อยจิ

    เห็นพูดบ่อยๆว่า พระธรรมนั้นมีปรากฏอยู่แล้ว พระพุทธองค์เป็นเพียงผู้เอามาประกาศ
    (สำนวนจริงๆ อยู่ในลายเซ็นพี่ศรี ผมหาไม่เจอ เลยเขียนเท่าที่จำได้ ผิดพลาดขออภัย)

    จากสำนวนนี้ ทำให้ผม เกิดคำถาม

    ถามว่า

    พระสงฆ์ที่รู้ตาม หรือ เป็นอนุพุทธะนั้น ท่านเหล่านั้นแสดงธรรมโดยเป็นสัมมาอาชีวะ
    ด้วยอาการอย่างไร ใช่หรือไม่ ที่แสดงเพื่อโปรดสัตว์ ไม่ใช่เพื่อหมายเอาไปแลก
    กับอะไร
     
  3. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
  4. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...เข้ามาชม..ผู้บรรลุธรรมเขาคุยกัน.....

    ...เห็นหนอ...รู้หนอ...ปลงหนอ....

    ..........
     
  5. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
     
  6. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ
    "
    หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
     
  7. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    พี่นิวรณ์ เราต้องมีสติอยู่ทุกเมื่อ หรือแค่พิจรณาความจริงในบางขณะแล้วเมื่อเข้าใจความจริงในบางขณะจิตจะค่อยปล่อยวางเอง
     
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    เด้วผมก็จะหาโอกาสไปถวายทองคำบูชาคุณหลวงตาเช่นกันครับ
    ส่วนผ้าป่าสร้างตึกสงฆ์นี้ก็ทำอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันนะครับ [​IMG]
     
  9. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    แบ่งเป็นมรรคและผล

    ท่านเรียกดังนี้ว่าเป็นมรรค
    (๑) พระโสดาปัตติมรรคบุคคล
    (๒) พระสกทาคามิมรรคบุคคล
    (๓) พระอนาคามิมรรคบุคคล
    (๔) พระอรหัตตมรรคบุคคล

    สภาพการเสวยผลจากมรรคนั้นๆ ท่านเรียกดังนี้ว่าเป็น สี่ผล
    (๕) พระโสดาปัตติผลบุคคล
    (๖) พระสกาทาคามิผลบุคคล
    (๗) พระอนาคามิผลบุคคล
    (๘) พระอรหัตตผลบุคคล
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สติ ของปุถุชน ไม่ได้มีอยู่ทุกเมื่อ เราอาศัย สติ ที่ไม่ได้มีอยู่ทุกเมื่อเพื่อการ
    สาวลึกไปเห็นจิต ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปทำเหตุให้ สติ มันเที่ยง

    เราเห็น สติ มัน เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง เป็นเพราะเหตุใก เมื่อระลึกได้ จิตเห็น
    สติ ไม่เที่ยงแปรปรวนอย่างไร เกิดอย่างไร มีอย่างไร ผลของการเกิดเป็น
    อย่างไร เราจะค่อยๆแจ้ง สัจจ ที่เป็นของ อริยะ อีกทอดหนึ่ง

    จิตปล่อยวางเอง หรือ เราเป็นคนปล่อยวาง จะเห็นเอง

    สภาวะห่างจากของหนักนั้น ไม่ได้เกิดจากการทำ แต่เกิดจากการรู้ทุกข์

    หากไม่รู้ทุกข์ ไม่แจ้งในทุกข์ ทำเท่าไหร่มันก็วางปลอมๆ วางอย่างคนไม่เอา
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แล้วการรู้อริยสัจจ์ เหตุใดท่านจึงกล่าวว่า 3 รอบเล่า

    ปล. ขออภัยที่ถามมาก เรารู้น้อย ^-^
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้อ การรู้ว่า มีสติ หรือ ไม่มีสติ อันพึงหวังได้ว่า เห็น สัจจในการมีสติ นั้น

    ต้องรู้ จนมาถึงฐานขอวสติก่อนนะ ฐานของสติอยู่ที่ไหน อันนี้ต้องไปดู
    เอาเอง เห็นฐานของสติ จิตตั้งมั่นในการรู้ เป็นอย่างไรแล้ว ค่อยกล่าว
    ว่า เห็นสติมีอยู่ หรือ ไม่มีอยู่ได้อย่างเต็มปาก เต็มคำ
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พุทธบุตรฝึกตนได้แล้วได้ที่พึ่งอันได้อยากแล้ว
    ชนะกิเลสในใจตนได้แล้ว ก็ออกเผยแพร่อาณาจักรธรรมทางใจ
    ถึงท่านหมดกิเลสแล้วท่านก็ไม่ตีตัวเสมอพระบรมครู กลับถ่อมตน
    เผยแพร่จิตใจของพระพุทธองค์แทน

    ฝึกตนเองได้แล้ว

    ค่อยฝึกผู้อื่น ขึ้นชื่อว่าทำตามคำสั่งสอน

    ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    จิตจินนี่ต้องตกกระแสนิพพานเสียก่อน
    แล้วถึงจะเข้าใจได้อัตโนมัติ

    ไม่อย่างนั้นความลังเลสงสัย
    จะมาขวางกั้นคุณธรรมเบื้องสูง
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    การเจริญสติพึงหวังอย่างเร็ว ๗ วัน อย่างช้า ๗ ปี
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมี
    อุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑

    ๗ ปี ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้
    ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ... ๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

    พระอรหัตผลใน ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑
    ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้ หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑

    ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้ ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ...
    ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

    พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้
    ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด

    อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น พระอนาคามี ๑ ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อ
    ล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้

    แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนา

    มาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุ
    เหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ก็ทำให้แจ้งในปัจจุบัน

     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ดีแล้ว ประเสริฐแล้ว สำหรับ ผู้ที่ได้สดับมาก่อนว่า พระพุทธองค์ได้ประกาศ
    ธรรมเอาไว้ ถึงแม้ว่าธรรมจะปรากฏอยู่แล้ว แต่หากขาดพระพุทธองค์ไป
    ย่อมไม่เคยได้ยินนามของพระพุทธองค์มีอยู่ และย่อมไม่เคยได้ยินธรรม
    ที่ท่านตรัสแสดงเป็นแน่แท้

    นี่เป็นเพราะ เราๆ ท่านๆ แม้แต่พี่ศรีฯ เอง ก็อาศัยการได้ยินชื่อมหาบุรูษ
    เอกบุรุษ อย่างพระสมณโคตมมาก่อน จึงรู้ว่า โลกนี้มีพระพุทธเจ้า

    แล้วเมื่อได้รู้แจ้งแก่ใจตนเป็นอันดับแรก ก่อนรู้ธรรมใดๆ แล้วว่า ชื่อพระ
    พุทธองค์ปรากฏอยู่เป็นสัจจญาณ จึงทำให้รู้เหตุของการปรากฏของพระ
    พุทธองค์เป็นกิจญาณ และทำให้เราทุกคนในวันนี้ได้สดับธรรมตาม เป็น
    กตญาณ รู้ถ้วนครบรอบครอบอยู่ ไม่หนีไปจากนี้ ไม่มีเป็นอื่น

    เหตุนี้ผู้ที่รู้ตามท่าน ไม่ควรเลยที่จะยกตนเหนือพระพุทธองค์ ควรที่จะ
    นอบน้อมนอมถ่อมตน อันเป็นกริยาอันชอบองค์ประกอบแห่งมรรค อันเป็น
    การแสดงออกถึง กต(กะตะ)เวทิตา อันมิควรพร่อง

    เรากล่าวแบบนี้ ถูกหรือไม่ถูกอย่างไรหละ พี่ศรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2009
  17. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ชอบธรรมบทนี้ครับ
    เป็นธรรมะที่พระอัสสชิเถระแสดงแก่อุปติสสปริพาชก(พระสารีบุตร)

    พระอัสสชิขนาดท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว
    และแม้กล่าวธรรมท่านก็ยังกล่าวอิงถึงพระพุทธองค์ว่ามีปกติทรงสอนอย่างนี้
     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ก็ถูกอยู่สำหรับสาวกภูมิแต่พี่นี้ถึงซึ่งพุทธภูมิ เป็นชั้นภูมิของพระพุทธเจ้า

    <CENTER>ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย ตอนที่ 1 </CENTER>
    <!--detail--><!--images--><!--images-->สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในพระสุตตันตปิฎก ฑีฆนิกาย ปาฎิวรรค ในเรื่อง การเสด็จอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า เมตไตรย ว่า พระเมตไตรยจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจารณะ รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นศาสดาของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระเมตไตรยอยู่ในพุทธวงศ์หรือเป็นวงศ์วานเดียวกันกับพระพุทธเจ้าโคตมในภัทรกัป ที่มีพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง 5 พระองค์คือ พระกกุสันธะ ,พระโกณาคมมนะ,พระกัสสปะ,พระพุทธเจ้าโคตม และพระเมตไตรย ซึ่งเรื่องนี้บ่งบอกอยู่ในพุทธปกิณณกกัณฑ์หรือว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในพระสุตตันตปิฎก ขุทกกนิกาย พุทธวงศ์
    เหตุการณ์ก่อนหน้าที่พระเมตไตรยหรือพระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฏตนนั้น พระพุทธศาสนาจะเริ่มเสื่อมลงด้วยสาเหตุ 5 ประการ คือ
    1.การเสื่อมลงของหนทางแห่งความสำเร็จบรรลุมรรคผล ศีลธรรมและจริยธรรม
    2.การเสื่อมลงของวิธีการปฎิบัติธรรมและการเจริญภาวนา
    3.การเสื่อมลงของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม
    4.การเสื่อมลงของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา
    5.การเสื่อมลงของบูรพาอาจารย์
    อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าโคตรมทรงตรัสว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรย จะมาปรากฏและสามารถแก้ปัญหาความเสื่อมลงของพระพุทธศาสนา และจะนำพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรื่องเป็นที่พึ่งที่แท้จริงตลอดไป จากความเป็นจริงที่เห็นได้ในปัจจุบันศาสนาพุทธได้แบ่งแยกนิกายเป็น 3 นิกายใหญ่คือ มหายาน,หินยาน และวัชรยาน ในแต่ละนิกายก็จะมีการแบ่งแยกออกไปอีก มีการปรุงแต่ง เพิ่มเติมหลักการสอนและปฎิบัติตามความเชื่อและความนิยม แต่ละบุคคลมีความเชื่อในผลบุญต่างๆโดยไม่ทราบว่า การกระทำไปนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ มากกว่าการทำความเข้าใจถึงหลักธรรมที่แท้จริง ผู้คนโดยทั่วไปส่วนใหญ่เชื่อว่า พระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฏหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 5000 ปี ซึ่งเป็นความเชื่อที่ขาดหลักฐานยืนยัน เชื่อโดยขาดเหตุผล จากตำนานโบราณ และตามพระพุทธพจน์ทำนายหรือคำตรัสของสมเด็จพรพุทธเจ้าโคตมจากศิลาจารึกในเขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย แสดงว่า พระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฎพระองค์เมื่อพระพุทธศาสนาได้ล่วงมาถึงกึ่งพระพุทธกาล (2,500 ปี) ซึ่งขณะนี้พุทธศักราช 2500 จริงยังมาไม่ถึงแต่กำลังจะถึงแล้วซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปัจจุบันนี้ แต่เนื่องจากความผิดพลาดของผู้นำพุทธศักราชมาใช้โดยขาดการวิเคราะห์และพิจารณา ทำให้พุทธศักราชที่ใช้ในทุกวันนี้ผิดพลาดจากปีพุทธศักราชจริงไปประมาณ 50 ปี ซึ่งในศิลาจารึกยังได้บ่งบอกว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระธรรมมิกราชโพธิสัตว์ จะเกิดขึ้นภายใต้ความอุปถัมภ์ของพระเถระโพธิสัตว์ ทั้งสองพระองค์สถิต ณ เบื้องตะวันออกของมัชฉิมประเทศ ทั้งสองพระองค์จะช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรื่องสืบไป และในเวลาไม่นานแผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล อธรรมจะพ่ายแพ้ไปทั้งหมด จากนั้นแผ่นดินจะเป็นยุคศรีวิไล
    ได้มีการบอกกล่าวเล่าสืบกันมาว่า ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย ผู้คนจะไม่ลำบากบากแค้น คนทั่วไปจะมีกินมีใช้กันทั่วหน้า บ้านเมืองจะไม่มีโจรขโมยเป็นเสมือน
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ว่าแต่ว่า พี่ศรี เชื่อถือโชคลาง ฤกษ์ยามไหม

    แค่พระโสดาบันขึ้นไป ท่านย่อมรู้ว่าสิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ เหตุดับผลก็ดับ
    ไปเป็นธรรมดา จึงไม่เชื่อถือฤกษ์ยาม ดวงดาว อะไรอีก

    แล้วพี่ศรีละ เชื่อถือฤกษ์ยามไหม
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เลิกถือมงคลตื่นข่าวมานานมากแล้ว
    มันเป็นที่จิตนะ ในกาลภายหลังที่ละ
    สังโยชน์ ๓ ได้แล้วหมดความสงสัยใน
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทีนี้พอ
    มาเดินวิปัสสนาญาณ ฌานก็เกิด
    แต่ไม่ค่อนให้ความสนใจมาก มีแต่เอานิมิต
    มายกขึ้นเป็นอารมณ์วิปัสสนาญาณ มันรู้เป็นนิมิต
    หมายว่าทุกข์ยังไม่สิ้น ตอนนั้นก็แค่เสวยผลสมาบัติ
    ตามภูมิของพระโสดาบัน เห็นอะไร มาทางตา ทางหู
    ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มันก็ตัดฉับรู้ว่าสิ่งทั้งหลาย
    เกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป ก็เรียกว่าพอเข้าอธิศีลแล้ว
    จิตมันไม่ตก พอใจมันขุ่นมัว นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เกิดปีติ ทำให้จิตมีกำลัง ความหดหูความท้อแท้หมดไป
    มีแต่จะรีบปฏิบัติเร่งลัดพัฒนาพาเอาตนเองให้พ้นจากกองทุกข์
    ให้ได้ในเร็ววันที่สุด เพราะต้องรีบละสังโยชน์ 5 กับ 10
    เราถึงจะพักอย่างสบายใจ แต่พอเอาจริงก็สงสารหมู่คณะ
    ก็ไปแนะนำสั่งสอนเค้าบ้าง เพราะภูมิพระโสดาบัน
    ไม่ต้องมีครูก็สามารถไปได้เองแต่จะช้าหน่อย เพราะต้องศึกษา
    ด้วยตัวเองมาตามลำดับลำดา ก็นับว่าโชคดียังพอได้ยินในฟัง
    ประวัติลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ก็พอได้ใช้เป็นแนวทางเจริญ
    มรรคให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปน้องนิวรณ์ เรื่องในการสะสางกิเลสในหัวใจ
    นักปฏิบัติใช้แนวคำสอนได้ทั้ง<WBR>มหายาน และหีนยาน เพราะผู้ที่เจริญแล้วจะเห็นว่าสองนิกายนี้เกื้อกูลกันในทางธรรมะ อย่างพึ่งพาอาศัยกันอย่างลงตัวในความจริงอันประเสริฐในฝ่ายสมถกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน ตลอดถึงจิตปรมัถต์ ปรากฏ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...