สรุปและวิจารณ์ ในบทความเรื่อง"ศรือาริยยุค" โดยสมาชิกเว็บพลังจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 26 เมษายน 2014.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ตรงกันกับอ้างอิง
    "พระพุทธศรีอริยเมตไตรย-อมิตาภาได้ปรากฎองค์แล้ว"
    รายละเอียด:
    1.ชื่อหนังสือ พระพุทธศรีอริยเมตไตรย-อมิตาภาได้ปรากฎองค์แล้ว
    ผู้แต่ง Jamshed Fozdar
    ผู้จัดพิมพ์ Samnakphim Sayām, 2004
    ISBN 9747236206, 9789747236200
    ความยาว 648 หน้า
    2.พระพุทธศรีอริยเมตไตรย-อมิตาภาได้ปรากฎองค์แล้ว / จามเช็ด เค ฟอสดาร์ เขียน ; นฤมล นครชัย แปล.

    ท่านใดเคยอ่านกรุณานำบทคัดย่อมาแบ่งปันหน่อย เสียดายที่หาซื้อไม่ได้
     
  2. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้คุ้มครองสรรพสัตว์ในภัทรกัป
    [​IMG]
    เมื่อกล่าวถึงพระโพธิสัตว์ ความหมายของพระโพธิสัตว์นั้น หากแปลตามตัวจะแปลว่า ‘ผู้ข้องอยู่ในโพธิ’(ความรู้) และผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาลัทธิเถรวาท ก็คง จะนึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระองค์ยังไม่ตรัสรู้ อีกทั้งยังเสวยพระชาติในชาดกต่างๆเพื่อบำเพ็ญเพียรบารมี แล้วมาเสวยพระชาติเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอีกด้านของพระพุทธศาส นาลัทธิมหายาน พระโพธิสัตว์มีความหมายที่ต่างออกไป โดยแบ่งพระโพธิสัตว์ออกเป็น 2 ประเภทคือ
    1.มนุษยโพธิสัตว์ คือผู้ที่มีจิตใจดีงาม มีเมตตาและ กรุณาอย่างสูง โดยมีความเสียสละ และไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากไปกว่าประโยชน์ส่วนรวม
    2.พระธยานิโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่บำเพ็ญบารมีขั้นสูงจน บรรลุแต่ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน เพื่ออยู่รอช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ ให้ข้ามพ้นวัฏสงสารด้วยกัน ซึ่งถือว่ามีสภาวะที่สูงกว่ามนุษยโพธิสัตว์
    จะขอกล่าวถึงพระธยานิพุทธสักเล็กน้อยว่า ในประเทศอินเดียนั้นได้ปรากฏลัทธิที่ให้กำเนิดพระชินะ หรือที่เรียกว่า ‘พระธยานิพุทธ’ ห้าพระองค์ ได้แก่
    1. พระอักโษภยะ 2. พระไวโรจนะ 3. พระรัตนสัมภาวะ 4. พระอมิตาภะ5. พระอโมฆสิทธิ

    และพระโพธิสัตว์องค์สำคัญพระองค์หนึ่ง คือ ‘พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร’ ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งคือ ‘พระโพธิสัตว์ ปัทมปาณี’ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสรรพสัตว์ในกัปปัจจุบัน (กัปปัจจุบันเป็น กัปที่ 4 เรียกว่าภัทรกัป ซึ่งมี‘พระธยานิพุทธ อมิตภะ’ เป็นธยานิพุทธประจำ มีทายาทคือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรซึ่งคอยดูแลสัตว์โลกในกัปปัจจุบัน) โดยพระองค์เป็นบริวารองค์สำคัญองค์หนึ่งขององค์อมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าประจำทิศตะวันตก ซึ่งความหมายของ ‘อมิตาภะ’คือผู้ที่มีแสงสว่างอย่างไม่มีกำหนด และองค์ ‘พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร’ คือความหมายของ ‘ผู้ที่มีความเมตตามหา กรุณาอย่างยิ่งยวด’ ซึ่งแปลตามรูปศัพท์ (อว+โล+อิศวร)ว่า ‘ผู้มองลงเบื้องล่างด้วยความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่’ เพื่อหาทางช่วยเหลือสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ยาก หรือแปลว่า ‘ผู้เป็นใหญ่ที่มองเห็น’ พระองค์ทรงปรากฏกายอยู่ทุกหนทุกแห่ง และด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสรร เสริ ญเมื่อมีผู้ต้องการความช่วยเหลือหรือตกอยู่ในอันตราย
    พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีสองกร สี่กร หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการแสดงปางต่างๆของพระองค์ พระหัตถ์ถื อดอกบัว (จึงมีชื่อว่าพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี) คัมภีร์ หม้อน้ำ และลูกประคำ พร้อมทั้งเกล้าผมมวยอย่างนักบวชและมีพระพุทธ เจ้าอมิตาภะในปางสมาธิ อยู่ที่มวยผมนั้น

    นอกจาการสร้างพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทั้งที่เป็นแบบพระองค์เดียว และแบบที่ปรากฏร่วมกับพระพุทธรูป นาคปรก และนางปรัชญาปารมิตา ในพระพุทธศาสนาฝ่ายรัตนตรัยมหายาน(นิกายหนึ่งของมหายาน)ที่เป็นประติมากรรมแล้ว ยังเชื่อกันว่าได้แสดงออกในงานสถาปัตยกรรมด้วยเช่นกัน อาทิ พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี (เข้าใจว่าที่เรียก ปรางค์ คงเกิดจากความคุ้นเคยในการเรียกเจดีย์ทรงปรางค์ ที่พัฒนามาจากรูปแบบของปรา สาทขอม) ซึ่ง ปราสาทสามหลังของพระปรางค์สามยอดนั้น ปราสาทหลังกลางสันนิษฐานว่าเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ปราสาทหลังใต้ประดิษฐานรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและปราสาทหลังเหนือประดิษฐานรูปพระนางปรัชญาปารมิตาซึ่งตำแหน่งการจัดวางในลักษณะนี้ยังปรากฏในพระพิมพ์เช่นเดียวกันโดยมากพบในกรุพระปรางค์ วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    ในการสังเกตองค์ประกอบต่างๆของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นสิ่งที่ดีในการหาคำตอบว่าประติมากรรมที่อาจมีผู้ตีความให้มีความแตกต่างออกไป อย่างพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรศิลปะศรีวิชัย(ปัจจุบันจัดแสดงภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร) ซึ่งจัดว่ามีความงามที่สุด และเนื่องจากองค์ประกอบที่ไม่สมบูรณ์นัก ทำให้ต้องใช้ข้อมูลต่างๆประกอบ เพื่อความเข้าใจและตีความได้ว่าเป็นประติมากรรมรูปบุคคลที่หมายถึงผู้ใด ในเรื่องนี้แม้ว่าจะไม่มีองค์ประกอบในเรื่องของวัตถุในพระหัตถ์ และไม่พบพระอมิตาภะประดิษฐานเหนือมุ่นมวยผมก็ตาม การพิจารณาที่เครื่องทรงพบว่า ทรงเครื่องแบบนักบวชห่มหนังกวาง โดยมีรูปหัวกวางเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งปรากฏเครื่อง ทรงเช่นนี้ในรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรองค์อื่นๆเช่นกัน

    นอกจากนี้ยังมีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี 8 กรพบที่ปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี มีหนึ่งเศียร ท่อนของพระวรกายมีแถวพระพุทธรูปนั่งสมาธิสลักเรียงแถวกันโดยไม่มีที่เหลือว่างเลย ตรงกลางพระอุระและตรงบั้นพระองค์ ปรากฏรูปบุคคลขนาดใหญ่ เข้าใจว่าอาจจะเป็นพระวัชรสัตว์ หรือนางปรัชญาปารมิตา (ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครเช่นกัน) เป็นรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลศิลปะขอมแบบบายน ซึ่งในศิลปะขอมแบบบายน นั้นพบว่านิยมสร้างรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเช่นกัน
    จากรูปแบบของศิลปกรรมที่มีการสลักรูปพระพุทธรูป องค์เล็กเต็มพระวรกายนี้ เป็นการสร้างตามพระคัมภีร์ที่ ว่าทุกขุมพระโล มาของพระองค์คือหนึ่งจักรวาล ซึ่งในหนึ่ง จักร วาลมีพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ นับว่าเป็นความปราดเปรื่องของช่างโบราณที่สามารถถ่ายทอดงานศิลปกรรมให้ สอดคล้องกับพระคัมภีร์ อีกทั้งทำให้เกิดความเข้าใจและสามารถระบุได้ว่าเป็นปางใด ตอนใด
    โดยพระองค์มีศักติ หรืออิตถีพละ(ชายา)คือนาง ปรัชญาปารมิตา ซึ่งเป็นเทพีผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ จัดได้ว่าเป็นภาคปรากฏของคัมภีร์ปรัชญาปารมิตาสูตร อันเป็นคัมภีร์สำคัญของพระพุทธศาสนามหายาน นางปรัชญาปารมิตานั้นเราจะสังเกตได้ว่ามีสองกร มักจะถือดอกบัวและพระคัมภีร์ โดยมีพระธยานิพุทธอมิตาภะอยู่ที่มุ่นมวยผม เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
    เป็นอันว่า ก่อนการเสด็จลงมาของพระอนาคตพุทธเจ้า(พระเมตไตรย) หลังจากพุทธปรินิพพาน 5000 ปี สรรพสัตว์ จะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรตามความเชื่อในพระพุทธศาสนามหายาน
    ที่มา : sriganapati.com
     
  3. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]
    ความหมายของพระนาม"อวโลกิเตศวร"

    คำว่า อวโลกิเตศวร ได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายนัยด้วยกัน แต่โดยรูปศัพท์แล้ว คำว่าอวโลกิเตศวรมาจากคำสันสกฤตสองคำคือ อวโลกิต กับ อิศวร แปลได้ว่าผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือพระผู้ทัศนาดูโลก ซึ่งหมายถึงเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์นั่นเอง, ซิมเมอร์ นักวิชาการชาวเยอรมันอธิบายว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้ทรงเป็นสมันตมุข คือ ปรากฏพระพักตร์อยู่ทุกทิศอาจแลเห็นทั้งหมด ทรงเป็นผู้ที่สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ คืออาจจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อใดก็ได้ แต่ทรงยับยั้งไว้เนื่องจากความกรุณาสงสารต่อสรรพสัตว์ นอกจากนี้นักปราชญ์พุทธศาสนาบางท่านยังได้เสนอความเห็นว่า คำว่า อิศวร นั้น เป็นเสมือนตำแหน่งที่ติดมากับพระนามอวโลกิตะ จึงถือได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์เดียวที่มีตำแหน่งระบุไว้ท้ายพระนาม ในขณะที่พระโพธิสัตว์พระองค์อื่นหามีไม่ อันแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญยิ่งของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้

    พุทธศาสนิกชนชาวจีนจะรู้จักพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ในพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม ซึ่งก็มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่าอวโลกิเตศวรในภาษาสันสกฤต คือผู้เพ่งสดับเสียงแห่งโลก แต่โดยทั่วไปแล้วมักให้อรรถาธิบายเป็นใจความว่าหมายถึง พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก (ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์) คำว่ากวนซีอิมนี้พระกุมารชีวะชาวเอเชียกลางผู้ไปเผยแผ่พระศาสนาในจีนเป็นผู้แปลขึ้น ต่อมาตัดออกเหลือเพียงกวนอิมเท่านั้น เนื่องจากคำว่าซีไปพ้องกับพระนามของ จักรพรรดิถังไท่จง หรือ หลีซีหมิง นั่นเอง

    พระอวโลกิเตศวรในฐานะธยานิโพธิสัตว์
    พุทธศาสนามหายานได้จำแนกพระโพธิสัตว์ออกเป็น ๒ ประเภท อันได้แก่ พระมนุษิโพธิสัตว์ และ พระธยานิโพธิสัตว์

    พระมนุษิโพธิสัตว์
    พระมนุษิโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ในสภาวะมนุษย์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ ที่กำลังบำเพ็ญสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ่เพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐ ถ้าตามมติของฝ่ายเถรวาทก็คือผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารเพื่อบำเพ็ญ ทศบารมี ๑๐ ประการให้บริบูรณ์ เหมือนเมื่อครั้งสมเด็จพระผู้มีพระภาคได้ทรงกระทำมาในอดีต โดยที่เสวยพระชาติเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์จนได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระศากยมุนีพุทธเจ้า การบำเพ็ญบารมีดังกล่าวนี้เป็นความยากลำบากแสนสาหัส สำเร็จได้ด้วยโพธิจิต อีกทั้งวิริยะและความกรุณาอันหาที่เปรียบมิได้ ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานนับด้วยกัปอสงไขย สิ้นภพสิ้นชาติสุดจะประมาณได้

    พระธยานิโพธิสัตว์
    พระธยานิโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มิใช่พระโพธิสัตว์ผู้กำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อแสวงหาดวงปัญญาอันจะนำไปสู่ความรู้แจ้งเหมือนประเภทแรก แต่เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีบริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว และสำเร็จเป็นพระธยานิโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ในสมาธิโดยยับยั้งไว้ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด พระธยานิโพธิสัตว์นี้เป็นทิพยบุคคลที่มีลักษณะดังหนึ่งเทพยดา มีคุณชาติทางจิตเข้าสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดและทรงไว้ซึ่งพระโพธิญาณอย่างมั่นคง จึงมีสภาวะที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์ทั่วไป พระธยานิโพธิสัตว์มักจะมีภูมิหลังที่ยาวนาน เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มาเนิ่นนานนับแต่สมัยพระอดีตพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สุดจะคณานับเป็นกาลเวลาได้ พระธยานิโพธิสัตว์ที่พุทธศาสนิกชนมหายานรู้จักดี อาทิ พระมัญชุศรี พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต์ พระสมันตภัทร พระกษิติครรภ์ เป็นต้น

    ประวัติความเป็นมาในคัมภีร์ฝ่ายมหายาน
    พระไตรปิฎกภาษาบาลีของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีปรากฏเรื่องราวหรือแม้แต่พระนามของพระอวโลกิเตศวรอยู่เลย ทว่าในส่วนของนิกายมหายานแล้ว พระอวโลกิเตศวรมีบทบาทปรากฏอยู่มากในพระสูตรสำคัญ ๆ และยังมีเรื่องราวปรากฏในพระสูตรมหายานว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกยังได้เคยตรัสสนทนาธรรมกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้อยู่บ่อยครั้งทีเดียว ในพุทธศาสนามหายานยกย่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่าเป็นพระผู้ได้รับธรรมจักรมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และเป็นผู้นำในการรักษาพระพุทธศาสนาและหมุนธรรมจักรต่อไป

    การอุบัติของพระอวโลกิเตศวรนี้สันนิษฐานว่ามีขึ้นภายหลังการเกิดนิกายมหายานขึ้นแล้วในราวพุทธศตวรรษที่ 6-7 ภายหลังพุทธปรินิพพาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากวรรณคดีสันสกฤตยุคต้น ๆ ของมหายานอย่าง ชาดกมาลา ทิวยาวทาน หรือลลิตวิสตระ ก็ยังไม่ปรากฏนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แต่อย่างใด แต่มีปรากฏขึ้นครั้งแรกพร้อม ๆ กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ในพระสูตรปรัชญาปารมิตาซึ่งถือว่าเป็นพระสูตรมหายานรุ่นเก่าที่สุด และในพระสูตรรุ่นต่อ ๆ มาก็ได้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ปรากฏขึ้นมากมาย

    พระสูตรมหายานกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรประทับอยู่ ณ สุขาวดีพุทธเกษตร คอยช่วยพระอมิตาภพุทธะโปรดสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ และเนื่องจากเป็นพระธยานิโพธิสัตว์จึงมีความเป็นมาอันยาวนานสุดจะคาดคำนวณได้ นับแต่สมัยของ พระวิปัสสีพุทธเจ้า เป็นต้นมาก็ทรงได้โปรดสัตว์มาเป็นลำดับจนถึงบัดนี้ อันเป็นกาลสมัยของพระสมณโคดมศากยมุนีพุทธเจ้า ก็เป็นระยะเวลาเนิ่นนานสุดจะพรรณนา ใน กรุณาปุณฑริกสูตร อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรเป็นพระธรรมกายโพธิสัตว์ สูงกว่าพระโพธิสัตว์สามัญอื่น ๆ และเป็นเอกชาติปฏิพัทธะเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์อารยเมตตรัย กล่าวคือเป็นผู้ที่ยังข้องอยู่กับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ กล่าวกันว่าพระอวโลกิเตศวรจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังการดับขันธปรินิพพานของพระอมิตาภะ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ณ แดนสุขาวดี

    นอกจากนี้ในพระสูตรมหายานอื่น ๆ ก็ยังมีปรากฏว่าอธิบายแตกต่างออกไปอีก กล่าวคือ บางพระสูตรกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้นแท้จริงแล้วคืออวตารภาคหนึ่งของพระอดีตพุทธเจ้า ที่ได้ทรงบรรลุพุทธภูมิเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะแล้วในอดีตกาลอันยาวไกล ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าของเรา แต่ด้วยพระมหากรุณาที่เล็งเห็นสรรพสัตว์ยังตกอยู่ในโมหะอวิชชา ทำให้ต้องทนทุกข์อยู่ในวังวนแห่งสังสารวัฏยากจะหลุดพ้นไปได้ จึงทรงแบ่งภาคมาเป็นพระอวโลกิเตศวรเพื่อโปรดปวงสัตว์ให้เห็นธรรมพ้นทุกข์ด้วยพระเมตตากรุณา ในบางแห่งก็กล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรเป็นพุทธโอรสของพระอมิตาภะที่ทรงบันดาลด้วยพุทธาภินิหาริย์ให้อุบัติขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่งแก่โลก แต่ทางฝ่ายทิเบตเชื่อว่าพระอวโลกิเตศวรอุบัติขึ้นมาพร้อม ๆ กับพระนางตาราด้วยอานุภาพของพระอมิตาภพุทธ จากแสงสว่าง (บางแห่งว่าเป็นน้ำพระเนตรจากความกรุณาสงสารสรรพสัตว์) ที่เปล่งออกมาจากพระเนตรเบื้องขวาของพระอมิตาภะได้บังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรประทับบนดอกบัวที่ปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กับมนตร์ โอม มณี ปัทเม หูม ส่วนแสงจากพระเนตรเบื้องซ้ายก่อให้เกิดพระนางตาราโพธิสัตว์ อย่างไรก็ตาม ในพระสูตรอื่นบางแห่งก็มีกล่าวว่าแท้จริงแล้วพระอวโลกิเตศวรก็คือภาคหนึ่งขององค์พระอมิตาภะนั่นเอง

    หากได้อ่านทั้งสองบทความนี้ และจับใจความที่สัมพันธ์กัน จะทำให้ท่านผู้อ่านเข้าใจถึงตำนานที่ชาวโลกได้กล่าวถึง และเฝ้ารอคอยกัน
     
  4. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]
    พระยาธรรมิกราช เป็นใคร มีหน้าที่อะไร?

    หลายคนเข้าใจพระยาธรรมิกราช คือ พระศรีอาริย์ หากจะกล่าวก็อย่างนั้นก็ได้ หรือ ไม่สามารถกล่าวอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าจะให้กล่าวให้ถูกต้องคือ คนละองค์กัน

    อดีต กับ ปัจจุบัน ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ กล่าวคือ อนาคตของพระศรีอาริย์คือ พระยาธรรมิกราช ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะปรากฎ ในรูปแบบของ บุคคลธรรมดา ไม่ใช่ในรูปแบบของ บรรพชิต ตามที่ทุกคนเข้าใจกัน และตามที่ทุกคนเข้าใจกันว่า พระศรีอาริย์ ได้อุบัติขึ้นแล้ว แต่อยู่ในเพศของ บรรพชิต หรือ บวชเป็นเณรบ้าง เป็นพระบ้าง นั่นคือการมองดูด้วย ญาณสัมผัส ดังนั้น การมองดูด้วยญาณสัมผัส จึงเป็นการมองเห็น ด้วยกายทิพย์ ญาณสัมผัส จึงรู้ได้เฉพาะ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกายทิพย์เท่านั้น หมายความว่า กายทิพย์ของบุคคลบางคน ที่เป็นรูปขันธ์ มีลักษณะบ่งบอกว่าเป็น บรรพชิตอยู่ คือ พระศรีอาริย์ ไม่มีใครจะสามารถล่วงรู้ได้ว่า รูปขันธ์ ของบุคคลใดเป็น องค์พระศรีอาริย์ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ปกปิดเอาไว้- เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหลายๆ ด้าน)

    องค์พระศรีอาริย์เป็นใคร? ณ สถานะองค์พระศรีอาริย์คือ องค์มหาจักรพรรด์ บางคนคิดว่ามหาจักรพรรดิ์ จะเป็นได้อย่างไร จะมีีบารมีสูงกว่าองค์พุทธะ ได้อย่างไร แท้จริงแล้วองค์พระศรีอาริย์ ได้ผ่านสภาวะของการเป็นองค์พุทธะ มาแล้ว นั่นคือ เมื่อรู้ว่่าเป็นองค์พุทธะ ท่านก็ละวางสภาวะการเป็นองค์พุทธะ ดังนั้น องค์พระศรีอาริย์ จึงสามารถดำรงอยู่ในเพศของฆารวาส ดำรงชีวิตปะปนอยู่กับเหล่าปุถุชน ทั่วไปได้ แตกต่างจากองค์พุทธะอื่นๆ หมายความว่า ศักดิ์ขององค์พระศรีอาริย์ มีศักดิ์ที่สูงกว่าองค์พุทธะ ใดๆ (ที่ผ่านมา คนทั่วไปเรียกว่ามีบารมีสูง ....ควรเรียกให้ถูก ว่าเป็น ศักดิ์ที่สูงกว่า ไม่ใช่บารมี)

    องค์พระยาธรรมิกราชเป็นใคร? คือ ภาคต่อขององค์พระศรีอาริย์ เป็นสิ่งเดียวกัน ที่ได้มีการพัฒนาองค์มาเำป็นลำดับ จนมีศักดิ์เป็นพระยาธรรม เป็นที่สุดแห่งธรรมทั้งปวง พระยาธรรมิกราชจะทำหน้าที่อะไร องค์ท่านมีหน้าที่ดูแลมนุษย์บนโลกทั้งปวง ให้มีชีวิตที่ดีงาม เป็นปกติสุข อย่างถูกต้อง

    พระยาธรรมิกราชจะปรากฏเมื่อใด แท้จริงท่านได้ปรากฎตนเองแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยให้รู้ ทั้งภายนอก(โลกมนุษย์)และภายใน(โลกทิพย์ต่างๆ) เพราะว่ายังไม่ได้ถึงเวลาอันควร มนุษย์จะต้องได้บทเรียน จากกรรมที่ตนเองสะสมมา จากภัยธรรมชาติ จากเทคโนโลยีที่ตนเองสร้างขึ้นมาทำลายชีวิตด้วยกันก่อน พูดง่ายๆ ว่า หากพระยาธรรมิกราช ในร่างมนุษย์ปรากฎ ในตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพระยาธรรมิราช เพราะ มนุษย์ในตอนนี้ มีความอหังการ มีความทนงตนว่าเป็นผู้รู้ แล้ว หากปรากฎในตอนนี้จะไม่ได้แสดงประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น ก็จะเกิดความสงสัยไม่รู้จักจบสิ้น

    ที่มา :พระยาธรรมิกราช เป็นใคร มีหน้าที่อะไร?
     
  5. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ในยุคปัจจุบันนี้มีลูกหลานขององค์อวโลกิเตศวรอยู่ในโลกใบนี้จำนวนมากมาย
    ซึ่งท่านใดปรารถนาทราบว่าเป็นลูกหลานของท่านหรือไม่
    การพิสูจน์ความเป็นลูกหลานองค์อวโลกิเตศวร ที่ลิงค์ด้านล่าง
    https://www.facebook.com/notes/srimahabodhi/เอกสาร-21-คำอธิษฐานต่อองค์อวโลกิเตศวร/559120280790014
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2014
  6. ---สมส่วน---

    ---สมส่วน--- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,979
    ขอให้มีความสุข

    การศึกษาธรรมะย่อมมีศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...