ว่าด้วยเรื่องการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ที่ใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและกำราบศัตรูของคนชนชาติไทยในอดีต

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย กานโถม, 20 เมษายน 2015.

  1. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    เชิญชวนสมาชิกทุกท่านให้ความรู้และทัศนะ ว่าด้วยเรื่องการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ที่ใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและกำราบศัตรูของคนชนชาติไทยในอดีต เพื่อประโยชน์ในการสืบค้นและต่อยอดองค์ความรู้ของบรรพชนที่สับสนและขาดหายไป

    เริ่มต้นที่ "วิชามวยไทย" ที่ได้ชื่อว่าโด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นที่ยอมรับกันว่าร้ายกาจขั้นเทพกันจริงๆจังๆ เพิ่งจะมีมาในสมัยรัชกาลที่ 6

    ก่อนหน้านั้นก็เคยมีคนที่สร้างชื่อให้มวยไทย จนได้เป็นที่รู้จักของคนต่างชาติก็มีเพียง "นายขนมต้ม" เท่านั้นที่ได้รับยกย่อง ซึ่งมาจากการชกหน้าพระที่นั่งกษัตริย์พม่า

    เนื่องจากคนต่างชาติทั้งยุโรปและเอชียที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ก็ไม่เคยกล่าวขานถึงความร้ายกาจของวิชามวยไทยแต่อย่างใด
     
  2. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ในการ์ตูนญี่ปุ่น มวยไทยดังมาก (อันนี้ว่าตามที่เคยอ่าน)
    จากที่เคยอ่านมานอกจากนายขนมต้มแล้ว บุคคลที่ได้เข้ารับราชการเพราะมวยอีกท่านคือ พระยาพิชัยดาบหักสมัยเป็นนายทองดี
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    พระอาจารย์เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อยุธยาให้ฟังว่า "บาง ทีคนเราถ้าหัดคิดในด้านชั่ว ๆ ไว้ก่อน ก็อาจจะหาทางป้องกันเรื่องไม่ดีเหล่านั้นได้ อย่างที่ออกญาพระกลาโหมกล่าวกับออกหลวงนายฤทธิ์ว่า "คนอย่างท่านทำการ ใหญ่แล้วไม่สามารถที่จะขึ้นไปปกครองประเทศได้หรอก เพราะไม่รู้เท่าทันว่าคนชั่วเขาคิดอย่างไร แต่ตัวข้านี้รู้ เพราะข้าชั่วกว่าพวกนั้น"

    ตอนนั้นออกหลวงนายฤทธิ์ถูกจับ เพราะออกญาพระกลาโหมเป็นสมุหกลาโหม คุมทหารทั้งประเทศเลย ออกหลวงนายฤทธิ์อยู่ยงคงกระพันขนาดไหนก็โดนจับจนได้ แต่ออกญาพระกลาโหมบอกว่า จะไม่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิตเพราะว่าเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน เป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ และสำคัญที่สุดก็คือมีฝีมือ ขอแค่ว่าถ้าปล่อยตัวไปแล้ว มีศึกเหนือเสือใต้ที่ต่างชาติเข้ามาเบียดเบียนบีฑา ขอให้กลับมาช่วยกัน ออกหลวงนายฤทธิ์ก็ตกลง

    ครั้งนั้นถ้าไม่ได้ออกญาพระกลาโหม เราอาจจะเสียกรุงศรีอยุธยาให้ญี่ปุ่น ไม่ได้เสียให้พม่า เพราะออกญาเสนาภิมุขก็คือ ยามาดะ ได้เอานินจามา ๔๐๐ คน แค่นินจา ๑๐๐ คนก็ยึดวังเกลี้ยงแล้ว เพราะนินจาคนหนึ่งสู้ได้เป็นสิบ แล้วนี่ตั้ง ๔๐๐ คน คุณต้องเอาทหารกี่กองทัพจึงจะเอาอยู่ ?"


    "ตอนนั้นของเรามีทหารแค่ไม่กี่คน ส่วนเขามีนินจา ๔๐๐ คน ออกหลวงนายฤทธิ์เห็น ออกญาพระกลาโหมก็เห็น จึงช่วยกันจัดการนินจา ทีนี้นินจาเขาฝีมือดีแต่หนังไม่เหนียว แลกกันคนละทีก็ตาย เพราะฉะนั้น..ประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนเหมือนกัน ตัดสินใจผิดนิดเดียวประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนได้เลย

    ช่วงนั้นถ้าปล่อยให้ยามาดะลงมือก่อน ดีไม่ดีเขายึดกรุงศรีอยุธยาเลย แม้ว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจะรู้ ถึงขนาดสร้างเมืองหลวงสำรองไว้ที่ลพบุรีแล้วก็ตาม พระองค์ท่านก็ต้องเสด็จไปเสด็จมา แล้วระหว่างทางจากเจ้าพระยาเข้าป่าสัก มีคนคอยซุ่มตลอดทาง จะตายตอนไหนก็ไม่รู้ ?

    เราอาจจะเห็นว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชไม่ค่อยมีบทบาทอะไรเลย แต่ทำไมได้เป็นมหาราช ? พระองค์ท่านได้เป็นมหาราชเพราะว่าใช้คนเป็น ชนชาติกรีกอย่างคอนสแตนติน ฟอลคอนท่านก็ใช้งาน แต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ บาดหลวงลาลูแบร์ท่านก็ใช้งาน ญี่ปุ่นอย่างยามาดะท่านก็ใช้งาน

    โดยเฉพาะบรรดาขุนพลขุนศึกสมัยนั้นเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี(เหล็ก) เจ้าพระยาโกษาธิบดี(ปาน) พระยาสีหราชเดโช พระราชมนู อย่าลืมว่าตำแหน่งโกษาธิบดี ถ้าเป็นสมัยปัจจุบันนี้ว่าการกระทรวงการคลังนะ ขนาดคลังยังเก่งจนข้าศึกหนาว แล้วกลาโหมจะเท่าไร ?"

    "เราจะสังเกตว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชท่านไม่ค่อยมีบทบาท เพราะท่านใช้คนแทน แม้กระทั่งสุดยอดหมอดูอย่างพระโหราธิบดี ท่านก็ยังใช้งานได้เป็นปกติ

    ถามว่าพระโหราธิบดีเก่งแค่ไหน ? มีหนูตกจากเพดานลงมา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเอาขันล้างพระพักตร์ครอบไว้ แล้วให้คนไปเรียกพระโหราธิบดีมา ถามว่าครอบอะไรไว้ ให้ช่วยทายหน่อย ? พระโหราธิบดีลงฤกษ์ยามเสร็จ บอกว่า "สัตว์สี่เท้า"

    สมเด็จพระนารายณ์มหาราชตรัสว่า "ถูกแล้วท่านอาจารย์ แล้วมีกี่ตัว?" พระโหราธิบดีตอบว่า "๕ ตัว" หนูตกมาตัวเดียวแท้ ๆ แต่ตอบว่า ๕ ตัว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชตรัสว่า "เห็นทีจะผิดเสียแล้วท่านอาจารย์" พอเปิดขันน้ำออกดูมี ๕ ตัวจริง ๆ แม่หนูตกมาแล้วคลอดลูกอีก ๔ ตัว นั่นแม่นเกินเหตุ"

    ถาม : ไม่มีตกทอดวิชาหรือครับ ?
    ตอบ : ตกทอดมาเหมือนกัน แต่รุ่นหลังฝึกไม่ได้ ไม่ใช่ปัญญาไม่ถึง แต่ความพยายามไม่ถึง แค่สมัยนี้พอเริ่มฝึกก็จะเอาบรรลุทันที ต้องใช้การสั่งสมเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ สิ่งที่เราต้องการจึงจะบังเกิดผล ถ้าใจร้อนแล้วจะฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านไม่สงบ โอกาสที่จะสำเร็จนั้นยาก ตั้งเป้าไว้เราไปพระนิพพานแน่ และก็ตั้งหน้าตาทำ ส่วนจะไปได้หรือไม่ได้ช่างเถอะ เรามีหน้าที่ทำไปก็แล้วกัน

    รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แม่ไม้มวยไทย

    ถาม: หลวงพี่คะ ไปดูหนังเรื่ององค์บากมา ๒ รอบแล้ว

    ตอบ : เป็นอย่างไร ตกลงเป็นหนังไทยหรือหนังเขมรกันแน่

    ถาม : พระเอกหน้าเหมือนเขมรหรือคะ ?

    ตอบ : ไม่ใช่หรอก ชื่อออกไปทางนั้น สุรินทร์นี่ไม่กุยก็เขมร "กุย" คนไทยเรียก "ส่วย" เขาจะมีภาษาพูดต่างหากของเขา อีกพวกหนึ่งก็เขมร แต่ฟังชื่อพระเอกแล้วเขมรชัวร์

    ถาม : นักมวยไม่ใช่หรือครับ ใช่มวยโบราณหรือเปล่า ?

    ตอบ : การต่อสู้ของโบราณเขาเรียก พหุยุทธ พหุ แปลว่า มาก จะใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ศีรษะ ส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นอาวุธได้ทั้งหมด หลักการต่อสู้ขั้นต้นมันต่างกัน แต่ถ้าทำถึงตอนสุดท้ายมันเหมือนกัน จะเหมือนกันตรงที่ว่าหากก้าวขึ้นระดับสูงต้องใช้กำลังใจมากกว่ากำลังกาย จะใช้สติสัมปชัญญะควบกับสมาธิ

    ถาม : อีกหน่อยมวยไทยจะขึ้นมาเป็นอาวุธประจำชาติ คนรุ่นใหม่จะใช้เยอะ

    ตอบ : ตอนนี้ฝรั่งเขาจะเห่อมวยไทยกันมาก ต่างประเทศเขาจะมีค่ายมวยไทยเป็นปกติ หลายประเทศอย่างเนเธอร์แลนด์ ถ้าใครฝึกมวยไทยเขาต้องไปขึ้นทะเบียนมือไว้ เขาถือว่ามือเป็นอาวุธถ้าใช้ไปทำอันตรายคนอื่นผิดกฎหมายเท่ากับใช้อาวุธ

    ถาม : มือเป็นอาวุธหรือครับ ถ้าเราใช้ศอกแทนได้ไหม ?

    ตอบ : เหมือนกัน อวัยวะในร่างกายของคุณ ถ้าหากส่วนไหนที่คุณใช้เป็นอาวุธก็เสร็จเลย เขาป้องกันคนของเขาขนาดนั้น เพราะเขารู้ฤทธิ์มวยไทยดี

    ถาม : นี่ขนาดเป็นมวยเวทีนะครับ ถ้าเป็นมวยโบราณจะอย่างไรครับ ?

    ตอบ : มวยโบราณนี่ทีเดียวอยู่ ตั้งแต่อาตมาลงมือมายังไม่เคยซ้ำใครเลย เพราะฝึกแบบโบราณ มวยโบราณเขาจะมี แม่ไม้ ลูกไม้ และจะมีท่าลับไม้ตาย รับรองว่าทีเดียวอยู่ไม่ต้องซ้ำ

    ถาม : ถ้าหลวงพี่เป็นคนสอนมวยท่าจะดีค่ะ

    ตอบ : เคยสอนแล้วที่ วัดท่าซุง สอน เด็กวัด วันแรกมีมา ๕-๖ คน วันที่สองมา ๒๐ กว่าคน วันที่สามเหลืออยู่ ๒ คน เด็กสมัยนี้ความอดทนไม่พอ เริ่มต้นขึ้นมาก็จะเข้าท่าเลยไม่ได้ ต้องเริ่มจากพื้นฐาน ถ้าพื้นฐานไม่ดี โอกาสบาดเจ็บมีสูง สมัยที่หัดอยู่เฉพาะท่าก้าวเดินอย่างเดียวครูเขาให้หัดอยู่ครึ่งปีเต็มๆ ถ้าไม่ได้อย่างใจเขาไม่เปลี่ยนให้

    ถาม : ผมเองรู้จักคนเป็นมวยจีน มีตบ มีเตะ ที่ลอยมาก มันต่างกันไหมครับมวยไทยกับมวยจีน ?

    ตอบ : ก็บอกแล้วว่า พอถึงจุดสุดท้ายแล้วมันเหมือนกัน

    ถาม : ผมเห็นมวยไทยที่ตีๆ กันทุกวันนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่

    ตอบ : ไอ้นั่นเขาใช้กำลังกาย แต่ถ้าหากว่าคุณไปเจอของแท้แล้วคุณจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ลักษณะเหมือนๆ กับกำลังภายในเลยล่ะ อย่างพวกเหินเตะ ท่าหนุมานเหินหาว ของเราไม่มีใครเขาทำให้เห็น ปัจจุบันที่แสดงอยู่ก็มี อาจารย์สเกณฑ์ แก้วผดุง คนเดียว เขาเป็นอาจารย์เปิดค่ายมวยไทยอยู่อังกฤษ อันนั้นทำได้ คือเขาให้ฝรั่งยืนขึ้นแล้วอีกคนหนึ่งขี่คอ เอาดาบเสียบลูกแอปเปิ้ลแล้วชูสุดแขน เขาเตะถึง

    ถาม : แล้วหลวงพี่เตะถึงไหมคะ ?

    ตอบ : สมัยนี้ไม่รู้ว่าจะไหวไหม

    ถาม : สมัยโน้นก็ได้

    ตอบ : สมัยโน้นให้คนล็อคคออยู่ เตะกบาลมันได้

    ถาม : หลวงพี่เปิดสอนดีกว่าค่ะ

    ตอบ : ก็บอกแล้วว่ามันอดทนไม่พอ ในเมื่ออดทนไม่พอไม่รู้จะว่าอย่างไร ช่วงที่ว่านั้นแหละ วันแรก ๕-๖ คน วันที่สอง ๒๐ กว่าเกือบ ๓๐ คน วันที่สามเหลือ ๒ คน แล้ว ๒ คนก็อยู่ได้ไม่ถึง ๗ วันก็ไปอีกแล้ว เขาอ้างว่าเขาจำเป็นต้องขึ้นเวทีเลย

    เขาก็ถามว่าคู่ต่อสู้ของเขามันรัดเอวตีเข่าเก่งมากจะทำอย่างไร ก็เลยบอกว่าถ้าเป็นผมก็สบายมาก คนเอามือมารัดเอว เราอาวุธมันหมดไป ๒ อย่างแล้ว หมัด ๒ ข้างมันไม่ได้ใช้แล้ว เขาบอกว่าถ้าปรานีเขาก็ให้เบาๆ หน่อย แต่ถ้าไม่ปรานีไม่เห็นแก่อนาคตก็หักแขนมันทิ้งไปเลย เราดูตรง ๒ แขน ดูตรงจุดนี้ จุดอื่นไม่ได้ งอศอกแนบตัวแล้วกระชากลงไป ถึงได้บอกว่ามวยไทยโบราณไม่ต้องซ้ำโดนตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไอ้คนแขนหักมันจะเหลือหรือ คุณลองจิ้มลงไปมันจะเป็นจุดอ่อนระหว่างแขนพอดี

    ลอง ดูว่าตั้งใจกระชากศอกลงไปเต็มๆ มันจะเป็นอย่างไร นั่น ๑ ใน ๓๖ จุดของร่างกาย มวยไทยเขาสอน มวยจีนเขาก็อาศัยเรื่องจุดเรื่องเส้นเหมือนกัน มันจะเป็นจุดอ่อนของร่างกายที่ป้องกันไม่ได้ เพราะว่าเราดันเอาแขนไปรัดเขา แล้วมวยไทยโบราณเขาอนุญาตให้เตะผ่าหมากได้ ตอนสมัยที่เรียนอยู่บอกว่า ครูครับทำไมถึงให้เตะผ่าหมากได้ ครูบอกว่าร่างกายคนมี ๒,๕๐๐ ตารางนิ้ว แค่ ๑๐ ตารางนิ้ว ป้องกันไม่ได้สมควรโดนจริงไหม

    ถาม : ที่เขาฟาดลงไปบนหัว ไม่ตายหรือคะ ?

    ตอบ : บนหัวไม่เหลือหรอกจ้ะ

    ถาม : เอาศอกลงไป หัวเป็นที่ๆ แข็งที่สุดและก็เป็นจุดอ่อนที่สุดด้วยหรือคะ ?

    ตอบ : จุดอ่อนก็คือ อยู่ที่กลางหัวและขมับสองข้าง

    ถาม : แต่ว่าท่าที่เอาหัวชน อันนั้นเป็นอย่างไรคะ ?

    ตอบ : อันนั้นเขาใช้หน้าผาก กระดูกส่วนหน้าผากจะแข็งกว่า ท่านั้นเขาเรียกว่า ฤๅษีมุดสระ จะพุ่งใช้หัวชน โบราณคำว่า พยุหยุทธ เขาใช้อาวุธครบทุกส่วนกระทั่งหัวด้วย สมัยนี้หัวเขาไม่ให้แล้ว มีขบวนทุ่ม ทับ จับ หัก สมัยนี้ดันไปเรียกว่า ยูโด ที่แท้เป็นมวยไทย บอกแล้วว่าแรกๆ ต่างกัน แต่พอถึงท้ายๆ จะเหมือนกันเพราะต้องใช้กำลังสมาธิควบกัน กำลังกายใช้ได้แค่กำลังอย่างเดียว แล้วยังมีประเภท เลี่ยงที่แข็งตีที่อ่อน ผ่อนหนักให้เป็นเบา อะไรพวกนี้

    ถาม : แต่ท่าที่ จา พนม เขาทำ หนูว่ามันเปิดๆ คือเวลาตั้งการ์ดยังไงก็เปิดๆ ค่ะ

    ตอบ : มันอยู่ที่ความคล่องตัว ของเขา บางอย่างเป็นการล่อให้คู่ต่อสู้เข้ามาทำ ก็อยู่ในลักษณะเปิดจุดอ่อน มวยไทยของเราถ้าหากว่าพลาดก็เสร็จเขาเลย เพราะมีหลายท่าที่ต้องล่อให้เขานำก่อน แต่ถ้าหากว่าเรากันได้แล้ว ใช้ท่าของเราออก เขาก็เสร็จเลยเหมือนกัน

    ถาม : ต้องหุ่นคนตัวใหญ่ๆ แบบฝรั่งหรือเปล่าคะ ?

    ตอบ : ไม่จำเป็น ครูแนบ ชมศรีเมฆ เขาเป็นโปลิโอด้วย ต่อให้ลูกศิษย์ด้วยการนั่งอยู่บนครกตำข้าว ลูกศิษย์ ๔ คน รุมอยู่รอบตัวทำอะไรไม่ได้ ขนาดต่อให้ ๒ ขา เหลือแต่แขนแล้วนะ เป็นโปลิโอแต่เตะหนักมากเลย

    ถาม : อ้าว แล้วแกบังคับขาของแกได้อย่างไรคะ ?

    ตอบ : เขาไม่ได้เป็นจนกระทั่งบังคับขาไม่ได้ เป็นลักษณะสั้นข้างยาวข้าง อย่าเข้าไปในจังหวะที่เขาเตะถึงก็แล้วกัน

    ถาม : แล้วตำราที่ว่าด้วยเรื่องมวยไทยทุกจุดของร่างกาย

    ตอบ : ส่วนใหญ่สืบต่อกันมา ไม่ได้ไปผลิตขายเป็นตำรา แต่ว่าลูกศิษย์อาจารย์เดียวกัน คนหนึ่งคือ ............ ซึ่งเห็นแก่เงินมากไป เอาไปทำเป็นตำราขายฝรั่งไปเรียบร้อยแล้ว สมัยก่อนถ้าอายุไม่ถึง ๒๕ ปี ครูเขาจะไม่ปล่อยให้ขึ้นไปต่อสู้กับใคร เขาถือว่ากระดูกยังไม่แข็งพอ แต่สมัยนี้เอาเด็กเพิ่ง ๑๐ ขวบขึ้นไปตีกันให้มั่ว

    ถาม : คำว่ากระดูกยังไม่แข็งพอ นี่หมายถึงว่าอาจจะหักง่าย ๆ หรือคะ ?

    ตอบ : พูดง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าหากคู่ต่อสู้อายุมากกว่าเขาก็จะไม่ให้สู้ด้วย เพราะว่าถือว่าเขากระดูกแข็งกว่า ผ่านประสบการณ์มามากกว่า เขาไม่เกี่ยงน้ำหนัก เขาเกี่ยงแค่อายุ น้ำหนักไม่เกี่ยง ตัวใหญ่ตัวเล็กแค่ไหนได้ทั้งนั้น แล้วอีกอย่างก็คือ ถ้าไหว้ครูท่าเดียวกัน ถือว่าเป็นศิษย์สายเดียวกัน เขาไม่ชกกันหรอก สมัยนี้เห็นกี่คนๆ ขึ้นไปก็เทพพนม พรหมสี่หน้าเหมือนกันหมด

    ถาม : จะโดนฝรั่งซึ่งเขามีมาก ต่างชาติจะเอาวิชาไป

    ตอบ : ถ้าเรามีวินัย ฝรั่งทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะว่าธรรมชาติเขาใช้คืนไม่เป็น ดูอย่าง รามอน เดร็กเกอร์ ที่ชนะไทยได้ ก่อนชกแต่ละทีเขาซ้อม ๓ เดือน แล้ว พี่มาด ของเราซ้อมถึง ๓ วันไหม ถ้าเรามีวินัยแบบเขาก็สบาย มวยฝรั่งที่อายุการชกของเขามาก อย่างเช่นว่า ๓๐ กว่า ๔๐ หรืออายุ ๕๐ กว่ายังชกได้ เพราะว่าเขามีวินัยในการซ้อม เขาซ้อมจนกว่าเขาจะมั่นใจเขาถึงขึ้นชก ของเรามันมั่วไปรับสตางค์อย่างเดียว

    ถาม : กลัวอย่างเดียว เอาวิชาไปเบ่งพาวเวอร์กับคนไทยอย่างนี้ครับ

    ตอบ : จะไปยากอะไรล่ะ ยูโดใครๆ ก็รู้ว่าเริ่มที่ญี่ปุ่น แต่แชมป์โลกยูโดไม่เคยมีญี่ปุ่นสักที

    ถาม : แชมป์ซูโม่ ยังเป็นคนฮาวายเลย

    ตอบ : อเมริกัน ฮาวาย เป็นแชมป์มาตั้ง ๗ ปีซ้อนแล้ว บอกแล้วว่าวินัยต่างกัน ของเราพอไปถึงจุดหนึ่งสบายแล้ว จะขี้เกียจเหมือนลักษณะของเรา ฝึกสมาธิจะต้องขยันอดทน แล้วก็ทำสม่ำเสมอ




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    http://palungjit.org/3870685-post1.html
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม: ฝึกกำลังภายใน ฝึกไป...?
    ตอบ: ท้าย ๆ ก็เป็นเรื่องของจิตหมด ดูอย่างในมังกรคู่สู้สิบทิศ ตอนนี้ถึงขั้นสัมพันธ์กับฟ้าดินแล้ว แต่ว่ายังมีอีกขั้นหนึ่งคือสู่อนุภาค ตอนนี้จะเหลือแต่จิตล้วน ๆ

    สมัยก่อนคนไทยของเรา เวลาฝึกมวยฝึกอาวุธ จะต้องหัดสมาธิภาวนาไปด้วย ระยะแรก ๆ การใช้อาวุธ ท่าเท้า การเคลื่อนไหวของร่างกาย ต้องสัมพันธ์กันหมด ในเมื่อสัมพันธ์กันหมด พอเริ่มกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็อยู่ในระดับที่เรียกว่า ม้าย่อง พอต่อไปกำลังจิตเริ่มส่งออกมากดดันคู่ต่อสู้ได้ จะอยู่ในจุดที่เรียกว่า เสือย่าง คือเดินแบบเสือ เห็นแค่การเดินคู่ต่อสู้ก็รู้แล้วว่าเราเอาตายแน่ บางคนแพ้ตั้งแต่ไม่ทันจะลงมือ เพราะระดับห่างกันมาก พอสุดท้ายเขาเรียก สีหยาตร เดินแบบพญาราชสีห์ แบบนี้มีพลังจิตออกกดดันคู่ต่อสู้รุนแรงมาก ส่วน ใหญ่คู่ต่อสู้จะยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนที่จะลงมือ ที่เราอ่าน ๆ ไปในหนังสือนั่นแหละ สังเกตไหมว่าพอถึงระดับสุดท้ายแล้ว ของเขาสามารถที่จะใช้กำลังของเขาควบคุมคนอื่นได้

    ในการฝึกพาหุยุทธ์ (มวยไทยโบราณ) มีท่าเหินเตะ ท่านี้เขาเรียกว่าหนุมานเหินหาว เป็นการใช้กำลังใจคุมร่างกายตัวเองให้ลอยขึ้น ตามเตะคู่ต่อสู้ไปเรื่อย ถ้าไม่หมอบคาเท้าก็ไม่เลิก ปัจจุบันเท่าที่รู้มีทำได้อยู่คนเดียว ก็คือคุณสเกน แก้วผดุง ตอนนี้เปิดค่ายมวยอยู่อังกฤษ ต้องอัดกับพวกไอ้มืดไอ้หรั่งตัวยักษ์ ๆ ที่มาท้าสู้เป็นประจำ สเกนเขาให้ฝรั่ง ๆ ๒ คนขี่คอกัน แล้วเอาดาบเสียบลูกแอ๊ปเปิ้ลชูขึ้นไปสุดแขน สูงน่าจะเกิน ๓ เมตร คุณสเกนเตะถึง ลักษณะเหมือนกระโดดในสายตาคนอื่นเขา แต่ในสายตาของพวกเราก็คือลอยขึ้นไปเฉย ๆ

    หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าใช้กำลังใจไม่มาก แค่คุมอุเพ็งคาปิติให้อยู่ในระดับนั้นก็พอ กำหนดใจเมื่อไรให้ได้ตรงจุดนั้นก็ใช้ได้ แค่นั้นเอง ไม่ได้ใช้กำลังใจเยอะเลย แต่อย่าลืมว่าเป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ เพราะฉะนั้น..ปัจจุบันของเราอย่างที่หัด ๆ กันอยู่ในเรื่องของอาวุธ อย่างสำนักพุทไธสวรรย์ ตามปัจจุบันแย่มากแล้ว ถ้าสามารถใช้ได้แค่นี้เมืองไทยไม่รอดจากข้าศึกมาจนทุกวันนี้หรอก

    เคยอ่านประวัติพระยาสีหราชเดโชหายตัวได้อึดใจหนึ่ง พอถึงเวลากลั้นใจว่าคาถา เขาเรียกคาถาวิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงาไปชั่วอึดใจหนึ่ง เหลือเฟือที่จะฟันหัวฝ่ายตรงข้าม ก็อาวุธยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่เขามองไม่เห็น นั่นคือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง

    มารุ่นหลัง ๆ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา เจ้าของหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี แพงที่สุดในประเทศไทย หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเปิดสำนักสอนกระบี่กระบองในวัด สมัยนั้นยังมีการค้าขายสำเภากับจีนอยู่ มีมือกระบี่จากเมืองจีนมา อยากทดสอบวิชาตัวเองว่าอยู่ระดับไหนแล้ว ก็ตามลุยไปทีละสำนัก เขาชนะมาตลอด พอไปถึงวัดพระญาติก็ขอลองด้วย หลวงพ่อกลั่นบอกว่าท่านเป็นพระ ท่านสอนแต่ลูกศิษย์ ถ้าคุณอยากลองก็ยอมให้ลอง แต่ว่ามีข้อแม้

    หลวงพ่อกลั่นท่านบอกจะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง เพลงหนึ่งเขาตีกลองกันลิ้นห้อยเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พักเดียว อย่าลืมว่าเพลงหนึ่งอาจจะมีสักร้อยแปดกระบวนท่า จะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง ถ้าคุณไม่สามารถทำอันตรายได้ คุณต้องกลับเมืองจีน แล้วอย่ามารังควานคนไทยอีก เขาก็ตกลง หลวงพ่อกลั่นถือพลองสั้น ๒ อัน ฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธได้ตามถนัด ลูกศิษย์บอกว่าพอหลวง พ่อกลั่นควงไม้พลอง มองไม่เห็นตัวหลวงพ่อเลย เห็นแต่เงาพลองล้อมอยู่ เจ้านั่นฟันจนลิ้นห้อยไม่ถูกสักที เข้าไปเท่าไหร่กระดอนกลับออกมาหมด ก็เลยยอม วางกระบี่กราบหลวงพ่อกลั่นแล้วก็กลับ ไม่รู้จะสู้ไปทำไม เขายังไม่ทันจะตีคืนเลย นั่นแหละ..วิชาการต่อสู้ที่บวกกับการฝึกจิตไปด้วย จึงทำได้เกินกว่าคนทั่ว ๆ ไป


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
    __________________

     
  6. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    วิชามวยไทย จากการศึกษาจากเอกสารต่างๆ พอได้ทราบอย่างคร่าวๆว่าได้รับวัฒนธรรมมาจากการต่อสู้มวยปล้ำของชาวอินเดียโบราณ ซึ่งมาพร้อมกับการเคลื่อนย้ายที่อยู่ของชาวอินเดียโบราณจากชมพูทวีป ทั้งก่อนและหลังพุทธกาล

    มีความชัดเจนจากวัฒนธรรมของชาวขอมและจาม ที่อยู่อาศัยครอบครองพื้นที่แถบประเทศพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทยในปัจจุบัน ซึ่งศิลปะการต่อสู้วิชามวยของประเทศที่กล่าวมา มีความคล้ายคลึงกันนั่นเพราะมีการรับวัฒนธรรมที่มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน
     
  7. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    จะขอกล่าวเฉพาะของประเทศไทยเราเท่านั้น ในวิชามวยไทย เริ่มชัดเจนมาตั้งแต่การก่อร่างสร้างตัวเป็นอาณาจักรของคนชนชาติไทย ประมาณช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 -17 เริ่มขึ้นในแถบภาคเหนือของไทยในปัจจุบัน ยุคนั้นอยู่ในการปกครองของอาณาจักรโยนกเชียงแสน มีบันทึกและภาพหินแกะสลักที่ผนังปราสาทหินนครวัด ประเทศกัมพูชา ซึ่งสันนิษฐานว่า เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรคือ รัชสมัยของพญาเจืองธรรมมิกราช กษัตริย์เมืองพะเยา ซึ่งได้ยกทัพไปร่วมรบช่วยทำสงครามในกองทัพของอาณาจักรพระนครธม (กัมพูชา) ที่สู้รบกับอาณาจักรจามปา
     
  8. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    ตามตำนานโยนกเชียงแสนกล่าวว่า พญาเจืองธรรมมิกราช ศึกษาวิชาการต่างๆรวมถึงวิชาการต่อสู้ที่เรียกกันว่า "มวย" จากบรรดาครูทั้งที่เป็นฆราวาสและนักบวชหรือฤาษี จนมีความสามารถในการต่อสู้หาผู้ใดทัดเทียมได้ในวัยหนุ่ม และแผ่ขยายอาณาเขตออกไปครอบคลุมตลอดสองฝั่งลุ่มน้ำโขง และเขตเทือกเขาในแดนพม่า ไทใหญ่
     
  9. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ขุนเจืองท่านเป็นวีรบุรุษสองฝั่งโขง เรื่องราวของท่านมีมากมาย ในเว็ปพลังจิตมีท่านอีกาจอมภูอีกท่านหนึ่งที่ได้ศึกษาเรื่องนี้ ที่เคยเห็นเชิงมวยล้านนาเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ในวันที่จัดพิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง จ.พะเยา เชิงมวยดุดันไม่แพ้ใคร เพียงแต่ไม่ได้แพร่หลาย
     
  10. อีกาจอมภู

    อีกาจอมภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +137
    พูดเรื่องมวยผมขอร่วมแสดงทัศนะเล็กน้อยครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการสืบทอดวิชาที่ว่านี้จากครูบาอาจารย์ที่สืบวิชามา ซึ่งก็เป็นมวยสายหนึ่งในอีกหลายสายที่ยังคงมีสอนกันอยู่อย่างแพร่หลายมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    ดังนั้นจึงขอกล่าวเฉพาะที่ทราบและที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสายวิชาที่ผมเรียนมา แต่ด้วยข้อบังคับของครูบาอาจารย์ที่ไม่ให้เผยแพร่แก่ผู้ที่ไม่ใช่ศิษย์ที่ได้รับการขึ้นครู ฉะนั้นผมจะกล่าวเฉพาะที่ไม่ลงรายละเอียดในสายวิชา และเท่าที่มีเกร็ดความรู้จากหลายๆเอกสารที่ได้รับมา

    มวยสายนี้สืบทอดมาจากครูมวยชาวไทยเชื้อสายเขมร ครูมวยท่านนี้มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่5-6 ถือเป็นครูรุ่นที่1 ต่อมาเมื่อท่านได้ถ่ายทอดวิชามวยให้กับศิษย์รุ่นต่อมาแล้ว

    ศิษย์ของท่านๆนี้ ได้รับการครอบให้เป็นครูสืบทอดจากท่าน ถือเป็นครูรุ่นที่2

    หลังจากนั้นครูรุ่นที่2ได้ไปเรียนวิชาการต่อสู้จากครูท่านอื่นอีก ซึ่งวิชาเรียนเพิ่มเติมนี้ไม่ใช่มวยไทย แต่หลังจากที่ท่านรับศิษย์เพื่อสอนวิชา ครูท่านนี้ได้สอนวิชามวยไทย ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่ใช่วิชามวยที่เป็นแบบแผนดั้งเดิมของครูของท่านหมดเสียทั้งแท่ง น่าจะได้รับการปรับปรุงและแก้ไขในส่วนที่ท่านคิดว่าได้ประโยชน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  11. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    ญี่ปุ่น ซามูไรเขาเก่ง เพราะบ้านเมืองรบกันแทบจะทุกยุก และซามูไรก้อเกิดมาเพื่อจับดาบเป็นนักฆ่าโดยเฉพาะตั้งแต่เด็ก ถ้าเปรียบกับนักดาบเราก้อเหมือนพวก นักรบขั้นสูงแล้ว จึงไม่แปลก ที่ความสามารถ สู้สิบต่อหนึ่ง รอผู้รู้ท่านต่อไป ขอบคุณครับ
     
  12. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    ครับอย่างที่ได้เคยกล่าวไปแล้วว่า วิชามวย มาพร้อมกับวัฒนธรรมของชาวชมพูทวีป ฉะนั้นดินแดนแถบนี้ในภูมิภาคที่เราอยู่กันในปัจจุบัน จึงได้รับวิชาการต่างๆแล้วได้สืบทอดกันมาตลอดเวลานับพันปี

    ซึ่งหลังจากการก่อร่างสร้างตัวของชนชาติไทยโบราณ ที่ได้วิวัฒนาการสืบต่อวัฒนธรรมของขอม เมืองพระนคร ก็มีเมืองศรีสัชนาลัย เมืองสุโขทัย ที่มีความโดดเด่นขึ้นมามีบันทึกเกี่ยวกับการปล้ำมวยในยุคนี้ด้วย ซึ่งจัดให้มีขึ้นในงานแห่ขบวนช้าง พิธีคเชนทรัศวสนาน
     
  13. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ขนาดมวยเส้าหลินก็มาจากโยคะที่พระอาจารย์ตักม้อท่านคิดวิธีการให้พระออกกำลังกายและเดินลมปราณ เปรียบกับการตั้งธาตุ ในวิชาเดินธาตุ
     
  14. อีกาจอมภู

    อีกาจอมภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +137
    เคยอ่านเจอในหนังสือเหมือนกันนะครับ เรื่องการเดินลมปราณซึ่งเป็นการเคลื่อนลมผ่านจักระต่างๆในร่างกาย เป็นวิธีการของโยคีและนักบวชในศาสนาพุทธใช้เดินลมให้โคจรไปทั่วร่างกาย จะมีประโยชน์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยจากการนั่งสมาธินานๆ

    ส่วนที่ได้สัมผัสในวิชามวยมาในทางปฏิบัติ การเดินลมปราณหรือทำสมาธิตามที่เห็นในหนังหรือละคร วิชามวยที่ผมเรียนมาไม่มีสอนครับ ไม่มีการสอนเดินลมปราณอะไรทั้งสิ้น แม้แต่คาถาอาคมที่ใช้ในการเสกอาวุธชกตีฝ่ายตรงข้ามให้เจ็บ ให้แตก ให้น็อคสลบก็ไม่มี อย่างที่เรียกกันว่าคาถาหมัดหนัก คาถาตีแตก คาถาธนูมือ หรือเสกน้ำมันทาตัวคงทนอาวุธไม่มีสอนทั้งสิ้น

    มีแต่สอนให้ใช้อวัยวะในร่างกายเป็นเกราะป้องกันอาวุธ และการสอนออกอาวุธให้ถูกวิธี จึงจะทำให้การส่งอาวุธกระทบเป้าหมายมีประสิทธิผล ส่วนร่างกายจะทนทานอาวุธก็จะต้องมาจากการฝึกฝนร่างกายตามกลวิธีที่ครูสอนอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง และออกอาวุธได้รุนแรงคล่องแคล่ว หลบหลีกได้ว่องไว แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าการใช้ลมปราณและคาถาอาคมร่วมกับวิชามวยจะไม่มีนะครับ สายอื่นอาจจะมีก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2015
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : เรื่องการฝึกลมปราณ

    ตอบ : เวลาเราหายใจจะมีพลังขุมหนึ่งวิ่งจากจุดศูนย์ที่สะดือขึ้นมาที่คอหอย แต่เราอย่าให้พลังนั้นขึ้นมา ใช้วิธีกดกำลังนั้นลง พอลงต่ำกว่าจุดศูนย์แล้ว เราต้องทำอาการเหมือนกับการกลั้นปัสสาวะ กำลังขุมนั้นจะวิ่งผ่านสะพานดินไปที่กระดูกสันหลัง วิ่งแนบแนวกระดูกสันหลังเป็น ๒ สาย ถึงท้ายทอย ไปที่ศีรษะ แล้วลงมาทางด้านหน้า ผ่านตา ๒ ข้าง ลงมา แล้วก็รวมกันไปที่คอหอยกลับลงไปที่จุดศูนย์อีกครั้งหนึ่ง พอช่วงหายใจใหม่เราก็ดันลงไปอีก ทำอาการเหมือนเดิม ให้หมุนรอบไปเรื่อยๆ

    ถาม : ต้องสัมพันธ์กับลมหายใจไหมคะ ?

    ตอบ : ไม่ใช่..คนละจังหวะกัน บางคนถ้าหากว่าทำได้นี่เพียงชั่วลมหายใจเดียว ก็สามารถหมุนวนได้ ๒๐ - ๓๐ รอบ อย่าไปเร่ง เราค่อยๆ ทำไป ชั่วลมหายใจทำได้ครึ่งรอบอะไรเราก็เอาแค่นั้น แต่ให้ซ้อมไว้บ่อยๆ

    จากสะดือพอลงต่ำกว่าจุดศูนย์แล้วทำอาการเหมือนเรากลั้นปัสสาวะ จะทำให้กำลังวิ่งผ่านไปที่กระดูกก้นกบด้านหลัง แล้วจะผ่านสันหลังขึ้นมาวิ่งเป็นเส้นคู่ขึ้นมา พอผ่านโหนกแก้มลงมาก็จะเริ่มรวมเป็นสายเดียว กลับลงทางด้านหน้าสู่จุดศูนย์เหมือนเดิม พอเลิกทำ ให้หายใจลึกๆ ดึงพลังกลับไปรวมที่จุดศูนย์ทุกครั้ง

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : อยู่ที่เราว่าเราปรับเข้าตัวเราได้หรือเปล่า ถ้าปรับเข้ากับตัวเราได้แล้ว เราหมั่นทบทวนฝึกก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปเอง

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : ใช้การภาวนาแทน ถ้าเราภาวนาจนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัว ถึงระดับรู้ลมหายใจด้วยตัวเองไม่ต้องไปบังคับ โรคพวกนี้จะหายหมด จริงๆ แล้วกำลังไม่สูงมาก ประมาณปฐมฌานละเอียด เพียงแต่ว่าตอนที่เราภาวนา ให้จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเฉยๆ จะเป็นฌานหรือไม่ เป็นสมาธิหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจ แต่ถ้าหากว่าอารมณ์ใจทรงตัวถึงขนาดนั้น จะรู้ลมเองโดยอัตโนมัติ รู้คำภาวนาโดยอัตโนมัติ เราไม่ต้องบังคับก็รู้ เราแค่เอาสติประคองไว้ ถ้าทำอย่างนั้นได้โรคเครียดทุกอย่างจะหายหมด


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕


    [FONT=&quot]ถาม [/FONT]: [FONT=&quot]พี่ชายของหนูเขาสนใจเกี่ยวกับการฝึกลมปราณค่ะ เขาอยากทราบว่าท่านได้เขียนหรือฝึกจากตำราไหนมาบ้างหรือเปล่าคะ[/FONT]?
    [FONT=&quot]ตอบ [/FONT]: [FONT=&quot]ไปดูตำรามวยไทเก๊กที่ จำลอง พิศนาคะแปล นั่นได้เล่มหนึ่ง เล่มอื่นไม่ค่อยไว้วางใจเพราะว่าไม่ค่อยได้อ่านรายละเอียด

    [FONT=&quot].[/FONT]
    [/FONT]
     
  16. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    เเล้วมวยจีนหล่ะครับ อย่างเช่นมวยหย่งชุน ที่ฝึกสัญชาติญาณในการรับหมัดคู่ต่อสู้ โดยใช้หุ่นไม้
     
  17. โคกปีป

    โคกปีป สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +20
    วิชามวยไทย สมัยก่อนคนจะได้ฝึกมวยจากครูดีได้นั้น หากไปขอเรียนวิชาจากครู ครูท่านจะผูกดวงดูเสียก่อน บางสำนักจะเสี่ยงทายก่อนรับด้วยซ้ำไป หากไม่ผ่านการเสี่ยงทายก็หมดสิทธิ์เรียน หรือบางสำนักบางครูก็จะดูความตั้งใจโดยลองใจคนที่มาขอเรียนวิชาก็มี

    สมัยโบราณคนรุ่นก่อนจะสอนให้โดยทำให้ดูก่อน โดยให้เราดูและเก็บรายละเอียดเอาเอง พอถึงตาเราทำไปๆ ครูก็จะแนะนำและปรับแก้ในส่วนที่ยังไม่ถูกต้องให้เข้าที่เข้าทางในขณะนั้นเลย

    เริ่มต้นท่านจะสอนการเดินมวยเสียก่อน ให้เราหัดเดินมวยจนครูท่านมองดูแล้วว่าทำได้ถูกต้องคล่องแคล่ว แล้วครูจึงจะสอนแม่ไม้ให้ต่อไป

    ในระหว่างฝึกให้เดินมวย ครูจะลอบสังเกตว่าศิษย์ตั้งใจฝึกหรือไม่ตั้งใจฝึก ครูจะตัดสินใจว่าควรสอนให้รู้วิชาได้แค่ไหน หรือควรจะใช้เวลาฝึกนานเท่าใดจึงจะใช้ได้ และจึงจะสามารถขึ้นชกบนสังเวียนได้
     
  18. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    ในยุคสุโขทัย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิทยาการจากชาวขอม อาณาจักรพระนคร ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณทำให้วิชาการต่อสู้ของชาวสุโขทัย แทบจะไม่มีความแตกต่างจากชาวขอมเมืองพระนครเลย และชนชั้นนำของสุโขทัย ก็ได้รับการสืบทอดวิชาความรู้มาจากพราหมณ์ของอาณาจักรขอมมาก่อน รวมทั้งนักพรตหรือฤาษีที่นับถือทั้งลัทธิไศวนิกายและไวษณพ อีกทั้งพุทธศสนามหายานที่เนื้อในเรื่องอิทธิฤทธิ์เรียกว่าในยุคนั้น ไม่ต่างจากยุคพระเวทของชมพูทวีป ซึ่งชาวสุโขทัยก็ได้ร่ำเรียนวิทยาจากเหล่าคุรุทั้งนั้นเช่นกัน

    แต่ชาวสุโขทัยเองก็มีการรับวิทยาการมาจากลังกา อยุธยา ละโว้และนครศรีธรรมราชด้วย อีกทั้งความเกี่ยวพันกันระหว่างอาณาจักรล้านนาเรียกว่ามีความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ยุคเริ่มก่อตั้งอาณาจักรเลยทีเดียว ทำให้วิชาการต่อสู้ของสุโขทัยมีความแกร่งขึ้นจากการผสมผสานวิทยาการต่างๆเหล่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2015
  19. กานโถม

    กานโถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +115
    ในยุคสุโขทัย ตามตำราประวัติศาสตร์กล่าวว่าพ่อขุนรามคำแหง ได้เรียนวิชากับสุกกะทันตฤาษี เขาสมอคอน เมืองละโว้ ร่วมกับพระสหาย ได้แก่ พญางำเมือง แห่งอาณาจักรภูกามยาว (เมืองพะเยา) ทำให้มีการสืบทอดวิชามวย จากวัฒนธรรมขอมสู่อาณาจักรไทยภาคเหนือตอนบน ศิลปะของขอมในวิชามวยทางสายนี้มีรูปแบบที่แสดงออกในลักษณะดุดัน รุนแรง หนักหน่วง แข็งแกร่ง ทรงพละกำลัง เน้นคลุกวงใน(พันลำ) ดุจเดียวกับมวยปล้ำของชาวชมพูทวีป ทั้งยังใช้วิทยาคมเสกเป่าให้คู่ต่อสู้งงงวย และเสกมือเท้าให้มีพลังทำลายสูง เมื่อชกตีเตะต่อยทำให้ผู้ถูกกระทำถึงขั้นสลบหรือตายได้ อีกทั้งเสกอาพัดว่านยา ทาน้ำมันให้ร่างกายคงทนชาตรีอีกด้วย

    แต่ในส่วนของอาณาจักรล้านนา ที่อยู่ในสมัยเดียวกันนั้นซึ่งตรงกับรัชสมัยพญามังราย เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักร ทางล้านนาก็ได้รับวัฒนธรรมมาจากฮ้อ (จีน) เงี้ยว (ไทใหญ่) แกว (ญวนเวียดนาม)และล้านช้างหลวงพระบาง (ลาว) ทำให้ศิลปะมวยของทางเหนือมีความคล่องแคล่ว พริวไหว ว่องไว ออกอาวุธได้คมและแม่นยำ เน้นการหลบหลีก ชิงเหลี่ยมไหวพริบในการทำ (ชิงคม) และผนวกการใช้ลมปราณที่เป็นกำลังภายในส่งผ่านมือเท้าพุ่งทะลวงจุดตายของฝ่ายตรงข้าม ขณะออกอาวุธทำร้ายมีผลทำให้ชำ้ใน ถึงขั้นพิการหรือตายได้ทันที รวมถึงใช้วิทยาคมเสกมนต์คุ้มกายทำให้แคล้วคลาดหรือหนักเป็นเบาได้
     
  20. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    เเล้วไอคิโด้ หล่ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...