วิชชา ธรรมกาย ไม่ได้มาจาก วัดพระธรรมกาย

*** พระพุทธเจ้า ****

ไม่ใช้วัตถุ
ไม่ใช้พิธีกรรม
ไม่ใช้ความเห็น

ไม่เรี่ยรายเงิน ทรัพย์สมบัติจากผู้อื่น
ไม่หวังพึ่งการกระทำของผู้อื่น
ไม่ขึ้นล้อ ไม่ขึ้นคาน ไปไหนเดินไปด้วยเท้า

พระพุทธเจ้าพระโคดม สอนด้วยความจริง
สอนด้วยสัจจะธรรม สอนความหมายของสัจจะธรรม
สอนให้ตัด สอนให้ปลด สอนให้ลดกิเลสนิสัยต่างๆ ด้วยสัจจะ

พระพุทธเจ้า ใช้ความจริง
นำสัจจะธรรม มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้เกิดการกระทำใหม่ ที่เป็นการกระทำเที่ยง
จะได้ส่งผลเที่ยง ตอบแทนต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** วิชาพ้นหรือไม่พ้นทุกข์ ****

วิชาใด ไม่เห็นเงาของสัจจะ
ก็ยังห่าง หนทางหลุดพ้นทุกข์ของพระพุทธเจ้า
ถ้ายังมีเงาสัจจะ ก็ยังพอได้ลูบคลำ
แต่ถ้าที่ไหนไม่สอนให้ตัดลดปลดนิสัยด้วยสัจจะเลย...ก็ให้ท่านรีบถอนตัว !!!!

...เตือนด้วยความจริงใจและปรารถนาดี....
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

วิชชาธรรมกาย

วิชชาธรรมกายมาจากวัดปากน้ำ
วัดพระธรรมกายก็มาจากวัดปากน้ำ

 

อลัญชีอลีัชันนั้นคือบ้า ต่างสรรหาบ้าหมดจดหมดความหมาย หลอกต้มตุ๋มอุ่นศรัทธาคนเรื่อยไป สุขสุดท้ายไม่พ้นกรรมทำไว้เอง

 

ฝูงชนกำเนิดคล้ายคลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณแผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทันกันหมด ยกแต่ดีชั่วกระด้างอ่อนแก้ฤาไหว

 

ธรรมกายนี้ก็มีหยาบละเอียดกว่ากันเข้าไปตามลำดับ กายธรรมกายแรกซึ่งเป็นกายที่๙ นั้นเรียกว่า ธรรมกายโคตรภูหยาบ
ในธรรมกายโคตรภูหยาบ ก็มีธรรมกายโคตรภูละเอียด
ในกายโคตรภูละเอียด ก็มีกายพระโสดาปัตติมรรค
ในกายพระโสดาปัตติมรรค ก็มีกายพระโสดาปัตติผล
ในกายพระโสดาปัตติผล ก็มีกายพระสกิทาคามิมรรค
ในกายพระสกิทาคามิมรรค ก็มีกายพระสกิทาคามิผล
ในกายพระสกิทาคามิผล ก็มีกายพระอนาคามิมรรค
ในกายพระอนาคามิมรรค ก็มีกายพระอนาคามิผล
ในกายพระอนาคามิผล ก็มีกายพระอรหัตมรรค
ในกายพระอรหัตมรรค ก็มีกายพระอรหัตผล เป็น ๑๘ กายด้วยกัน
กายตั้งแต่กายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหมทั้งหยาบทั้งละเอียดหมดทั้ง ๘ กายนับเป็นกายปัญจขันธ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน บุคคล เราเขา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
แต่กายทั้ง ๑๐ นับตั้งแต่กายธรรมโคตรภูขึ้นไปจนถึงธรรมกายพระโสดา ธรรมกายพระสกิทาคา ธรรมกายพระอนาคา ธรรมกายพระอรหัต ทั้งหยาบทั้งละเอียด นี้เป็นกายธรรมขันธ์ เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา นิจจังเป็นของเที่ยง สุขังเป็นสุข อัตตาเป็นตัวของเรา เป็นกายเราแท้ไม่ยักเยื้องแปรผัน
กายปัญจขันธ์เป็นกายโลกีย์
กายธรรมขันธ์เป็นกายโลกุตตร
กายปัญจขันธ์ สำหรับทำภูมิสมถะ คือ กัมมัฏฐาน ๔๐
กายโลกุตตระ สำหรับทำภูมิวิปัสสนา ไม่มีที่สิ้นสุด

กายในกายนับตั้งแต่ กายมนุษย์หยาบหรือกายเนื้อ ก็มีกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ-กายทิพย์ละเอียด ซึ่งเป็นกายที่ ๔ นับจากกายมนุษย์ ถึงกายนี้แล้วก็จะสามารถทำกัมมัฏฐานได้ ๓๐ ที่ตั้ง ตั้งแต่ กสิณ๑๐ อสุภะ๑๐ และอนุสสติ๑๐ ตาของกายนี้(นับแต่ตาของกายมนุษย์ละเอียดเป็นต้นไป) เป็น ทิพยจักษุ สามารถเห็นสวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย แล้วเอากายทิพย์นี้แหละไปนรก สวรรค์ เปรต อสุร-กายได้ทุกแห่ง ไปพูดจาปราศรัยกันกับพวกเหล่านั้นได้ ถามถึงบุรพกรรมทุกข์สุขกันได้ทั้งนั้น แต่ว่ายังไม่เห็นพรหมโลกเพราะละเอียดกว่าสวรรค์มาก

 

-18 กาย ถ้าเราอ่านหนังสือเราสามารถเข้าใจได้ เท่าที่อ่านมายังขาดการอธิบายการเข้าถึง ความรู้สึก อารมณ์ ยังไม่เห็นมีใครอธิบายเลย การเห็น กับการเป็น ????? จึงทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างการปฏิบัติของแต่ละอาจารย์
- แค่ดวงปฐมมรรค ผู้ที่ฝึกเข้าถึงพระธรรมกายยังไม่ได้อธิบายอารมณ์การเข้าถึงความรู้สึก/อารมณ์/สภาวะธรรม สายอื่นเข้าจะแสดงความรู้ถึงการฝึกสมาธิทางด้านอารมณ์ฯลฯ จึงเป็นเหตุให้เขา ไม่เข้าใจในการเห็นดวงปฐมมรรค ยังไม่ต้องไปอธิบายถึง 18 กาย แค่นี้เรายังอธิบายให้เขาเข้าใจไม่ได้ มันเป็นเรื่องยาก
- สำหรับคนที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ (ฝึกปฏิบัติยุบหนอพองหนอ) ผมอยากให้ท่านได้พูดคุยกับพี่สาวผม พี่ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ แต่เขาเข้าถึงตั้งแต่ดวงปฐมมรรค-กายธรรม พี่ผมอธิบายได้ละเอียดมาก ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าถึงดวงจนถึง กายธรรม การจะผ่านไปแต่ละดวงแต่ละกาย อารมณ์/สภาวะธรรม แตกต่างกันอย่างไร พี่ผมใช้การปฏิบัติไปพร้อมกันระหว่างหลวงพ่อสดกับหลวงพ่อจรัญ เขาอธิบายให้ผมฟังได้ละเอียดมาก โดยเฉพาะการเห็น กับการเป็น มันแตกต่างกันอย่างไร ไม่ธรรมดาเลย
-คำว่าใจเป็นพระ ใครพอมีความรู้บ้างว่าใจเป็นพระเป็นอย่างไร ผู้ที่มีภูมิธรรมนะไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้ ก่อนจะตอบต้องคิดให้ดี ไม่เช่นนั้นอายเขา ตั้งแต่เด็กได้ยินคำนี้จนเบื่อแต่ผู้ใหญ่ไม่สามารถบอกให้เราเข้าใจได้ แล้วท่านที่จะตอบอย่าตอบเหมือนที่ผมคิดตอนอายุ 5 ขวบนะครับ

 

กรรมฐานที่นำไปสู่ความหลุดพ้น มี ตั้ง 40 กอง ถ้าหากจะบอกว่าต้องตามรู้กาย รู้จิต เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าถึงพระอรหันต์ได้ก็ดูจะแคบเกินไป ..... ทุกสายสามารถเข้าถึงได้เหมือนกันหมด แล้วแต่ภูมิธรรม บุญบารมีที่เคยสะสมมาเมื่อชาติก่อน
และครูบาอาจารย์ที่เคยได้บำเพ็ญร่วมกันมา หากชาตินี้เราจะเห็นว่าสายอื่นที่ปฏิบัติไม่เหมือนเราเค้าปฏิบัติผิด ก็ไม่ใช่ว่าสายนั้นเค้าไม่ดีจงเพ่งโทษตัวเอง อย่าโทษคนอื่น

เราอาจจะไม่ใช่ลูกหลานลูกศิษย์ และไม่เคยปฏิบัติทางสายนี้มาเลย พอถึงเวลาได้มาศึกษาก็อาจจะไม่เข้าใจถึงแก่น ไม่สามารถบรรลุธรรมได้

พระสายเซน ที่เค้าเข้าถึงพระธรรม บรรลุแบบเฉียบพลันก็มีมากมาย
คนที่นั่งเพ่งกสิณ แล้วสามารถบรรลุธรรมได้ก็มี
คนที่พิจารณา อสุภะ ปล่อยวางในกายนี้ได้ แล้วบรรลุธรรมก็มี

กรรมฐาน มี 40 กอง ก็เลือกเอาที่เหมาะสมกับเรา อันไหนไม่ถูกจริตก็ปล่อยไปเรื่องของเค้า จะมาเถียงมากล่าวหา ว่ากันให้ จิตดิ่งสู่อบายภูมิกันไปทำไม

 

มาจากวัดปากน้ำรึเปล่าครับ

 

วิชชาสายสัมมาทิฏฐิ ที่หลวงปู่หลวงพ่อ พระสุปฏิปันโนทั้งหลาย ท่านเมตตาสอนสั่ง ดีทั้งนั้นแหละ



อย่าไปให้อัตตามันครอบงำเลยว่า วิชชาไหนดีกว่ากัน มีแต่จิตใจจะร้อนรุ่มไปเปล่าๆ จิตตกนรก แล้วกายจะเหลืออะไร

ศิษย์คนไหนมีวาสนาอย่างไหน รึจริตใครชอบไปทางไหน ก็ไปฝึกทางนั้น

ส่วนฝึกแล้วจะได้ขั้นอะไร ไปถึงนิพพานรึเปล่า มันก็อยู่ที่ความเพียร ความมุ่งมั่น ความปรารถนา

เส้นทางแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนชอบสายบู๊ ด้านฤทธิ์ บางคนชอบสายบุ๋น ด้านพระธรรมคำสอน ก็ว่ากันไป

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=right>

</TD></TR></TBODY></TABLE>




<?xml:namespace prefix = fb /><fb:like class=" fb_edge_widget_with_comment fb_iframe_widget" href="" send="true" width="480" show_faces="false" font="verdana"></fb:like>

 

เต๋าทางจีนเขาก็มีวิธีรวมจิตเหมือนๆธรรมกายเหมือนกัน

 

เรามาหาวิธีขยายพระพุทธศาสนากันดีไหม
1.ทำอย่างไรจะทำให้คนทั่วโลกมาฝึกสมาธิแล้วนับถือศาสนาพุทธ
2.จะทำอย่างไรถึงจะชวนคนมา ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
3.ทำอย่างไรจะทำให้คนมีสัมมาทิฐิ
เอาแค่นี้ก็พอ คุณทั้งหลายยังไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่ถ้าใครมีความสามารถก็ทำเกินสามสิ่งนี้ได้ ลองคิดกันดูนะครับ เพราะทุกคนในอนาคตกาลจะต้องเป็นพระอรหันต์ หรือพระปัจเจกพุทธเจ้ากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ยิ่งเราว่าร้ายให้กันคุณคิดว่าเราว่าร้ายให้ใครกันแน่ จริงไหมครับ เราได้คิดแล้วเราจะคิดได้

 

คนตั้งกระทู้ เค้าขัดแย้งกับวัดพระธรรมกายอยู่ไม่ทราบหรือครับ เขาค้านหัวชนฝา เนื่องจากไม่มีความสามารถเหมือนวัดพระธรรมกาย

 

เบียร์ในโลกนี้มีหลายร้อยยี่ห้อ...จำลองเคยพาพวกต่อต้านเบียร์ช้างอย่างหนักอยู่ยี่ห้อเดียว..เพราะเหตุใด..
..........................................................................................
สันติอโศก..ไม่ใช่พระ ..มนัสเงียบเป็นเป่าสาก..เพราะอะไร..
...........................................................................
จบปริญญาเอก และคุยว่าจบวิชา 18 ธรรมกาย..ทำไม่ไล่กัดชาวบ้าน และดูถูกผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา..จิตใจเหมือนไม่ใช่นักบุญเลยนะครับ...

 

หลวงปู่ดู่บอกว่า...ปฏิบัติแล้วโลภ โกรธ หลง ลดลงหรือเปล่าล่ะ ..ถ้าลดลง..ข้าว่า..แกใช้ได้
...............................................................................................
จะไปโคราช..ไม่จำเป็นต้องสระบุรีเลี้ยวขวา ใช้เส้นทางอื่นก็ไปถึงโคราชได้เหมือนกัน..555
.................................................................................................
บางคนจบปริญญาเอก..คุยว่าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย..เที่ยวพูดคุยดูถูกคนอื่นเป็นหมูหมาวัวควายโง่เง่า.. ใช้ภาษาไทยต่ำๆเป็นกิจวัตร..อ้างตัวว่าเป็นวิทยากรวิชาธรรมกาย(ใครแต่งตั้งมาวะ)..บางครั้งก็อาฆาตหนักถึงขั้นสาปแช่งผู้คนที่ตนเองไม่ชอบ...คนแบบนี้เป็นอันตรายต่อสังคม..น่าเป็นห่วงมากครับ...

 

ฝากดร.มนัส..ช่วยวิเคราะห์นายโพธิ์รักษ์เจ้าสำนักสันติอโศกด้วยครับ..เพราะเห็นกล่าวถึงวัดธรรมกายด้วยคำพูดโบราณมานานแล้ว อยากเห็นดร.มนัสชำแหละสันติอโศกให้ผู้คนได้รับรู้บ้าง...เพราะผมคิดว่าการกินข้าวมื้อเดียวของสันติอโศกนั้น..พาผู้คนไปนิพพานไม่ได้อย่างแน่นอนครับ...ผมยืนยัน..555

 

เรื่องสำคัญมากที่สุดคือ...ผมเห็นว่านิสัยส่วนตัวของดร.มนัส ไม่เหมาะที่จะเป็นวิทยากรสอนธรรมกายครับ...เพราไปเกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียนตัวเล็กๆจำนวนมาก..มีผลเสียหายต่อสังคมไทยในอนาคตอย่างแน่นอน...(นี่คือประเด็นที่ผมเป็นห่วง)
................................................................................................................................