ลักษณะที่เกิดเวลาสวดมนต์และนั่งสมาธิ

ขอขอบคุณคุณสันโดษมากนะคะที่ให้ความสว่าง แต่ความห่วงใยหลายๆสิ่งเลยยังทำให้ตัดทางครอบครัวยังไม่ได้ ไม่ทราบว่าดิฉันจะมีบุญพอที่จะปฏิบัติธรรมได้ตามที่คิด และมีโอกาสช่วยสังคมตามที่ใจได้คิดไว้หรือเปล่า เพราะทุกวันนี้จะนำเงินใส่บาตรพระทุกวันเมื่อมีเวลาก็จะไปถวายเป็นค่านำ-ไฟ และบริจาคปัจจัยเพื่อช่วยพระเณรที่อาพาธ และความตั้งใจจริงก็คิดว่าถ้ามีโอกาสจะปฏิบัติและช่วยเหลือสังคมไมทราบว่าจะมีโอกาสหรือไม่ ขอรบกวนคุณสันโดษอีกคร้งนะคะ เพราะทุกวันนี้รายได้ก็มาจากสามีเป็นส่วนมาก ส่วนดิฉันก็เลี้ยงหลานอยู่บ้านนานทีก็จะมีงานที่ทำอยู่กับบ้านสังครั้งหนึ่งและก็แปลกที่ตนเองไม่เคยทำงานมีรายได้เป็นกอบเป็นกำกับเขาเลยไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรไว้ ขอให้คุณสันโดษช่วยแนะนำให้อีกครั้งด้วยนะคะ ขอขอบคุณคะ และดิฉันก็สวดบูชาพระแม่กวนอิมอยู่ทุกวันไม่ทราบว่าพระแม่เคยมาโปรดดิฉันหรือไม่

 

เห็น ตัวเเดงๆใช่ไหมคะ? คุณ ไม่รู้จักการประมาณตน ฐานะตน

เเละ ความคิดของตน อยากทำบุญ โดยไม่ประมาณตน

นั้นเรียกว่า กิเลส ติดบุญ เพราะกลัวไม่ได้บุญ

หากคุณปฏิบัติธรรม สม่ำเสมอ คุณจะเข้าใจ ว่า

การอยู่เเบบพอพียง และการทำบุญ มิใช่สิ่ง จำเป็น

เมื่อเรา ไม่มี ก็ ต้องรู้จัก ห้ามจิตตนเองให้ได้ เเละวางอุเบกขา

ไม่ใช่อยากมีมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ผู้อื่น

การ ทำบุญมีหลายทาง คือ แต่ บุญทีสูงที่สุด

มากกว่า บริจาคทาน, ธรรมทาน คือ อภัยทาน

การทำบุญต้องทำตามกำลังของตน ไม่ใช่อยากมี เพื่อบริจาค

คนมี อยู่ เป็น พันล้านคน คุณคิดว่า เงิน แสนล้าน US ดอลล่าห์

จะช่วย ทุกคนได้หรือเปล่า?

การจะช่วยคนอื่น ไม่ต้องช่วย ไกลคะ

ช่วยตนเองให้มีความสุขเเละพอใจ

ในสิ่งที่ตนมีและตนเป็นก็ เพียงพอเเล้ว

แค่นี้ ก็ ช่วยให้โลกน่าอยู่มากพอเเล้วคะ

แม้ไข่ต้มใบเดียวแต่ให้ด้วยความเต็มใจ ก็เพียงพอเเล้วคะ

การเป็น ผู้มีบุญ เริ่มต้น จากการ รักตนเองให้เป็นเสียก่อน

ถ้ารักตนเองเป็น เเล้ว เราจะมีจิตเมตตา ให้ผู้อื่น รอบกายเอง

ทุกอย่างไม่มีจริง และ ทุกคนมีวาระกรรมเป็น ของเขาเอง

หากเรา ปลงไม่ได้ เราก็ จะเอาเรื่องทุกข์ ของผู้อื่นมาแบกไว้ โดยไม่รู้ตัว

ส่วนเรื่องเจ้าแม่กวนอิมโปรดหรือไม่ ขอไม่ตอบนะคะ

เพราะคุณ จิตไม่นิ่งเเละไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องเเบบนี้

จะทำให้คุณหลงทางมากขึ้นกว่าเดิมคะ

สันโดษ ดูจิต คนเเละเห็นว่า ใคร ควรจะได้คำตอบอะไร

เมื่อจิตผู้ใดไม่พร้อมสันโดษก็ช่วยไม่ได้คะ

อย่า หลง บุญนะคะ

ปัจจุบัน เป็นเช่นไร เพราะอดีตเราทำมา เช่นนั้น

อนาคต จะเป็น เช่นไร ให้ ดู ปัจจุบันกรรมที่เรากำลังกระทำ

อย่า ลังเล ที่ จะ ทำดี ณ ปัจจุบัน แล้ว อนาคต จะดีเองคะ

 

ขอขอบคุณคุณสันโดษมากคะที่ให้ข้อคิด และจะขอรบกวนอีกครั้ง เพราะใจจริงแล้วดิฉันก็ชอบสวดมนต์ภาวนาอยู่มากเหมือนคุณสันโดษว่าดิฉันกำลังเดินหลงทางจะหยุดสวดก็ใช่ที่ ขอรบกวนคุณช่วยแนะนำการสวดมนต์ที่ถูกต้องให้ด้วย ดิฉันจะเรียงลำดับให้ ถ้าบทไหนไม่จำเป็นขอคูณช่วยแนะนำให้ด้วย
ก่วนสวดมนต์จะกราบพระ จะไหว้พระพุทธรูป ถวายเงินบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระแก้วมรกต ไหว้ภาพพระบรมสารีริกธาตเจดีชวาเดกอง และพระธาตดอยสุเทพเชียงหม่ ไหว้หลวงพ่อขาว และสวดกวนวีอิมผ่อสักถวายเจ้าแม่ กราบหลวงพ่อทวด หลวงพ่อโต สวดปัญจะมาเรชิโนนาโถถวายหลวงปู่มั่น ไหว้หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่แหวน ไหว้องค์พระพิฆเนศ และสวดอิติปิโส บูชาพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัยขอขมาพระรัตนตรัย ถวายพระพระ สวดพาหุงมหาก อติปิโสฉบับย่อเกินอายุ 1 ปี แผ่เมตตาให้ตัวเอง และให้สัพสัตว์ และแผ่ส่วนกุศล และก่อนจะสวดมนต์ดิฉันจะขออำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดช่วยดลบันดาลบุญให้สิ่งทั้งหลายเป็นการถูกต้องหรือเปล่า เพราะที่ดิฉันทำก็ทำตามจากสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคนอื่น ถ้าสิ่งที่ดิฉันทำไม่ถูก ขอรบกวนคุณสันโดษช่วยแนะนำการสวดมนต์ให้ดิฉันด้วยค่ะ ดิฉันก็อยากจะเดินให้ถูกทาง ก็ขอรบกวนคุณอีกครั้งนะคะ ขอขอบคุณและอนุโมทนาในสิ่งที่ได้แนะนำมาด้วยนะคะ

 

Rojana_3<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1263355", true); </SCRIPT>

ตอนนี้ จิต คุณ ดีเเล้วนะคะ เพราะ เริ่ม สงบ ไม่วิตก และ สับ สนในการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม ไม่เหมือนกับการให้ ทาน

เพราะ เรา ปฏิบัติ เพื่อ ให้ จิตเราสงบเเละหลุดพ้น

ดังนั้น สิ่งที่คุณ ต้องทำตอนนี้ คือ อธิษฐานจิต เพื่อขอปฏิบัติ

โดย สวด พระพุทธคุณ หนังสือ บท สวดที่สวด อยู่ เลือก ที่รู้สึก สบาย เวลาสวด

อันไหน สวดเเล้วไม่คล่องปาก หรือ ไม่อยากสวด ก็ จงเลี่ยงไป เพราะว่า ไม่ใช่ บทสวดของเรา

ส่วนการปฏิบัติธรรม ไม่ต้องไป ทำที่วัดนะคะ ทำที่ไหนก็ได้ ที่เรารู้สึก อยู่เเล้ว จิตนิ่ง

แม้แต่ ใน ห้องน้ำ หรือ ห้องนอน ก็ สามารถ ปฏิบัติได้คะ

 

สวัสดีค่ะคุณสันโดษ ยังจำดิฉันได้ใช่ไหมค่ะ

ตามที่คุณสันโดษได้แนะนำมาให้กับดิฉัน เรื่องบทสวนมหาธารณีสูตร

ดิฉันได้สวดบทนี้ตามที่คุณได้บอกมาแล้วค่ะ แต่ว่าฟังเสียงไม่ได้จึงอาจไม่ถูกทำนองบ้าง(ความจริงดิฉันได้บทสวดนี้มาโดยบัญเอิญ..เก็บได้..ซักพักหนึ่งแล้วแต่ไม่เคยลองสวด)

แต่ดิฉันมีเรื่องจะสารภาพกับคุณคะ ว่าดิฉันยังคงสวดบทพระคาถาชินบัญชร และ ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกอยู่คะ เพราะถ้าไม่สวดแล้วรู้สึกเหมือนอยากสวดขึ้นมาเลยคะ ( จะเป็นอะไรไหมคะหากดิฉันจะขอสวดทั้งสองบทนี้อยู่ )

และขอเรียนถามคุณอีกสักเรื่องในการปฏิบัติภาวนาคะ (ขอนอกเรื่องสวดมนต์หน่อยนะคะ) คือดิฉันเริ่มปฏิบัติพระกรรมฐานได้ช่วงหนึ่งแล้ว(ไม่นานมานี้ค่ะ) แต่จิตยังไม่รวมมากนัก ...จึงขอเรียนถามคุณสันโดษคะว่าดิฉันควรจะเริ่มปฏิบัติในกรรมฐานกองใดก่อนดีคะจึงจะได้ผลการปฏิบัติที่ดีและเร็วขึ้น กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ปล.ขออนุโมทนากับการตอบและถามของคุณสันโดษและท่านอื่นๆ ทำให้ดิฉันได้แนวคิดและทางปฏิบัติที่ดีไปด้วยคะ

 

black_star<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1264241", true); </SCRIPT> ไม่ต้องกังวลคะ เพราะ คุณ รู้สึก ......ว่าอยากจะสวด

นั้นละ คะ จิตสอนเเล้วนะคะ ปล่อยให้ จิต เขา เป็นผู้นำร่างปฏิบัติ

อยากทำอะไร อยากสอนอะไร อยากพูดอะไร เชื่อ จิตผู้รู้ ในตนเองเเล้วจะ ดีมากๆคะ

 

รับทราบค่ะ^-^

 

นั่งสมาธิ แล้วจะเหมือนง่วงนอน พอนั่งไปได้สักพักจะเหมือนสัปประหงก (โยกไปด้านหลังเหมือนสะดุ้ง) ทุกครั้ง เป็นเพราะอะไร ไม่ทราบครับ

 

ไม่มีอะไรมากหรอกคะ จิตเราเขาภวังค์ สู่ ความสงบภายใน

เมื่อเรา จิตสงบ ทุกผัสสะ จะปิดตัวลง เหลือเเค่ ใจ รับรู้อยู่อย่างเดียว

คือ ไม่ว่า อะไรจะเข้ามาเรารู้ เเต่ ว่า อารมณ์เดียวที่เราจับคือ ง่วงมาก

ง่วงมากเนี๊ยละคะ คือ ภวังค์ จำเอาไว้

เมื่อเรา อยู่ในภวังค์ ถ้าเรา ไม่มีสติ เราจะหลับ หรือ ถ้าเราเผลอ เราจะตกจากภวังค์

ท้ายที่สุด จิต เรา ก็ จะ ปิด ทุก อายตนะ

นั้น คือ ภาวะ จิตดับ ไปเเล้วคะ

แต่ ไม่ต้องกังวล เพราะ เมื่อตื่น เราก็ จะ มี สติ ที่ รวม เป็น หนึ่ง มั่นคง

ส่วน การ ที่คุณ โยก นั้น เป็น สภาวะ ของ จิตส่าย และ ต้องการหาททางออกจากร่าง

แต่ ทำไม่ได้ จึง ทำให้ คนบ้างคน แกว่ง แต่ มันก็ เป็น เรื่องธรรมดา

อย่างที่บอกว่า สักแต่ว่า ดูไป รู้ไป และ ปฏิบัติ โดย อย่าสงสัย

อย่ากังวล และ อย่า อยากรู้ เพราะยิ่งเราอยากรู้ เราจะปฏิบัติ ได้ ไม่ถึง จิตพุทธะ

ยิ่งอยากได้ ยิ่งห่างจาก ความบริสุทธิ์ ของ ใจ ที่แท้จริงนะคะ

ปฏิบัติ อย่าติดสงสัยคะ ทำดีเเล้วนะคะ

 

อนุโมทนาสาธุ ครับ ขอถามคุณสันโดษครับ เวลาสวดมนต์เฉพาะบทอิติปิโสฯน้ำตาจะไหล หรือเมื่อสวดจบตอนแผ่เมตตาน้ำตาก็จะไหล นั่งสมาธิเมื่อเริ่มนั่งสัก 1-2 นาทีน้ำตาจะไหล เป็นปีติหรือเปล่าครับ ผมนั่งสมาธิ คำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป หูไม่ได้ยินอะไร ที่เป็นอย่างนี้ใช่ฌาน 4 ไหมครับ

 

นักพรต99 อาการที่คุณ เป็น เรียกว่า ขณิกสมาธิคะ เพราะว่า

จิต คุณ ไม่ยอม แยกออก แต่ ยึดร่างเอาไว้ เพราะ ว่า

จิตคุณ ผูกกับ ร่าง แต่ ที่น้ำตาไหล เพราะ อิ่ม บุญ มีความสุข

การที่คุณ จะเข้า ฌาน 4 ได้ นั้น คุณ ต้อง นั่งสมาธิ เวลา เช้ามืด เพราะ คุณ คิดมาก เวลา ที่คุณ

นั่งสมาธิตอนกลางคืน ที่นี้ สมถะที่คุณ ได้ เพียงแค่ 1-2 นาที นั้น ไม่ใช่ องค์ ฌาน แต่ เป็น สมถะ เพียงเท่านั้นคะ

คุณ ต้อง นั่งสมาธิ แล้ว เอา จิต กำหนดลมหายใจ

เเละ ตัวคุณ ต้องดูจิต ไม่ใช่ ดูกายคะ เพราะ จิตคุณ ข่ม ใจอยู่คะ

และที่สำคัญ ไม่ได้ ให้ ทำสมาธิ เเต่ คุณ กำลัง ข่ม จิต อย่างมาก

ตอนนี้ คุณ มีเรื่องกลุ้มใจ แต่ คุณ ทุกข์ กับมัน

แทนที่จะ เอาความทุกข์ ออกมา แต่ เก็บเอาไว้คนเดียว

คุณ ถึง เหมือน กับ ตกนรกทั้งเป็น

คุณ ต้องระบายออกมา ให้ คนที่คุณ ไว้ใจ ฟังคะ

อย่า ได้ เก็บ เอาไว้ เพราะคุณ จะทุกข์ หนัก กว่าเดิม

ส่วนการ เข้า ฌาน 4 คือ การทำ สมาธิ ด้วย การเเยกกาย กับจิต

ที่นี้ ถ้าคุณ ต้องการ จะปฏิบัติ ให้ ได้ คุณ ต้อง เอา ทุกข์ ออกมานอกตัว

อย่าข่ม ทุกข์ เเละ ยอมรับ ชะตากรรม ที่ตนเอง ได้ กระทำในอดีต

ส่วนเรื่อง ฌาน ค่อยว่ากันนะคะ เพราะ ว่า คุณ ปฏิบัติ ได้เเต่ ต้อง ให้ รู้ อดีตก่อน

 

ข้อสังเกต ของผู้เข้าสมาบัติของฌาน 1 ไม่รู้สึกที่ร่างกาย

เสมือนไม่ได้ยินเสียงภายนอก ลมหายใจแผ่วเบามาก

มี วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกคตา หล่อเลี้ยงอยู่

ฌานของอานาปานสติทั้งหมดมี 5 ฌาน ของผู้มีกำลังอ่อน มีลำดับดังนี้

ฌาน 1 มีองค์ฌาน วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกคตา

ฌาน 2 มีองค์ฌาน วิจารณ์ ปิติ สุข เอกคตา (วิตกหายไป)

ฌาน 3 มีองค์ฌาน ปิติ สุข เอกคตา (วิจารหายไป)

ฌาน 4 มีองค์ฌาน สุข เอกคตา (ปีติหายไป)

ฌาน 5 มีองค์ฌาน เอกคตา (สุขหายไป)

 

นักพรต 99 ไม่ต้องหมด กำลังใจนะคะ

เพราะว่า คุณ ปฏิบัติดีชอบเเล้ว เพียงแต่ เตือน บางอย่างที่ต้องแก้ และ ระวังเท่านั้น

ไม่ต้องเป็นกังวลมากนะคะ หากเอา ความทุกข์ และ ปัญหา ออกมาได้ เมื่อไร

การปฏิบัติ ของคุณ จะ ไป ได้ ถูก และ ตรง เสียทีนะคะ

 

ได้คุยกับคุณสันโดษแล้วได้ข้อคิดหลายอย่างบางครั้งก็รู้ว่าตัวเองสับสน แต่พยายามใช้เวลาในแต่ละวันสวดมนต์ภาวนาให้จิตสงบกับบทสวดมนต์แต่ละบทก็มีความสุขใจ ไม่อยากจะคิดว่าจะไปได้แค่ไหน เพราะภาระปัญหากับครอบครัวและลูกหลานก็มาก ขอเพียงจิตสงบกับบทสวดสักวันละครั้งก็เพียงพอแล้ว

 

ขอบพระคุณมากครับที่อนุเคราะห์ผม ผมขอถามอีกนิดหนึ่ง 1. ข้อความที่ว่าแต่ต้องให้รู้อดีตก่อน ไม่เข้าใจ คือให้ผมรู้อะไรในอดีต 2.ดูจิตทำไง 3.ผมจะขึ้นกสินได้หรือยัง /กองไหนครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

นี้ ละคะ ปัญหาของคุณ คุณ ติดสงสัย ไม่สิ้นสุด

คุณ ต้อง ปฏิบัติ โดย ไม่ปราถนาสิ่งใด ไม่หวังเพื่อ บรรลุธรรม เเต่ ปฏิบัติด้วยใจ บริสุทธิ์จริง

เเล้วคุณ จะเห็นทางออก ด้วยตนเอง อย่างง่ายเหลือเกิน

 

คุณ สันโดษ ครับผม

เช่นกัน ครับ เมื่อเวลา สวดมนต์ แล้ว บางครั้ง เสียงออกมา บางครัง เสียงก็ เปลี่ยนไป บ้าง ,บางครั้ง ในจิต จะรับทราบ ว่า มีหลวงปู่ ท่านใด ท่านสงเคราะห์

แต่บางครั้ง ก็ เฉย ...แค่ปล่อยวาง ให้เป็น อุเบกขา รับทราบ ว่า ท่าน มา เพื่อให้รับรู้

ปกติ จะสวดมนต์ ยาว ครับ อาจจะประมาณ เกือบ 1 ชม. เช่น..
จะสวด ชุมนุมเทวดา จากนั้น จึง ต่อด้วย บท พระธรรมจักรกัปวัตนสูตร..

ถ้ามีเวลา อีกนิด ก็ ต่อ ด้วย บท พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และ ชัยมงคล คาถา ครับ

เมื่อนั่ง ธรรมะ จะมี ความรู้สึก ว่า... สบาย บางครั้ง ร่างเราจะแข็ง ไป ครับ
พอ จะมี สิ่งใด แนะนำ บ้างครับ...

ขอโมทนา ในกองบุญ .....

 

ขอบพระคุณ
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขอบพระคุณครับที่ชี้แนะ (ตรงดีผมรู้อยู่แก่ใจ และพอคุณสันโดษพูดผมรู้ว่า.พอเห็นทางสว่างของผม....)และตอบได้รวดเร็วมาก ผมติดตรงนี้มาเกือบจะ 2 ปี คงเข้าใจการรอคอยของผมนะ แล้วรู้สึกไม่ก้าวหน้าอีกเลย ผมอ่านทุกคำพูดของคุณและหลายรอบเพื่อนำมาพัฒนาสมาธิของผม
ผมจะตั้งใจปฏิบัติโดยไม่ปราถนาสิ่งใด แม้เพื่อบรรลุธรรม ขอพระคุณจริงๆครับ

<!-- / message --><!-- sig -->

 

คุณ นาคา มีปัญหา เรื่อง สภาวะ ของ จิต เพราะคุณ มีปัญหา เรื่อง สิ่งที่นับถือคะ

คุณ เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ มากเกิน ขอบเขต การ ที่คุณ สวดมนต์

ควรจะทำด้วยจิตที่ว่าง เเละ ไม่ได้ หวัง สิ่งใด ในการสร้างบารมี

คุณ คร่ำเคร่งมากเกินไป เวลาที่ คุณ ตั้งใจ สวดมนต์

จิต ถูก บีบเค้น และ ตนเอง ก็ ข่มจิต อีกหนึ่งคน

สภาวะดังกล่าวทำให้ จิต ไม่สามารถ เข้าถึง ความว่างได้คะ

คุณ ต้องผ่อนมากกว่านี้ เเละ ไม่ต้องเลือกสวดมนต์ อีกเเล้วคะ

สวด ตามที่เรา สามารถ สวดได้ เพราะ คุณ เอง สามารถ เข้าถึง จิตได้ หมด ทุก ภพ เเล้ว

คุณ แผ่เมตตา บ่อย อันนี้ จึง เป็น ข้อดี ของ ชีวิต การงาน เเละ ตำเเหน่งงาน

คุณ ไม่ได้ ปราถนา ที่ จะ บรรลุนิพพาน เเต่ คุณ ปราถนา จะมี ชีวิต ที่ พ้นจากรรม

การที่คุณ มีทุกข์ เพราะ คุณ เลือกที่จะ ทุกข์ เเต่ ไม่ยอมปล่อยวาง

ทุกคนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นนะคะ

และ การปฏิบัติ ก็ ไม่ใช่ เรื่อง ที่ต้องบังคับ ฝืนใจ ที่ ต้องทำเมื่อไม่อยากทำ

การปฏิบัติธรรม ของ จิต ไม่ต้องใช้ วินัยของทหาร ในการ เข้าห้องพระสวดมนต์

ไม่อยากสวด ก็ ไม่ต้องสวดคะ ไม่สบายใจ ก็ ไม่ต้องสวดคะ

หาก เรารู้สึก ว่า เราอิ่มเอม ใจ อยากสวด จะ ได้ อานิสงฆ์มาก ที่สุดคะ

จำเอาไว้นะคะ ว่า อย่าปฏิบัติ เพียงเพราะ อยากได้ บุญ อยากได้กุศล

ต้องสวดมนต์ ด้วยใจ เบิกบาน อย่างแท้จริงคะ

 

ร่วมโมทนาด้วยคน เจ้าค่ะ

ปัญหา ต่างๆ ที่คุณสันโดษ ให้คำตอบ กับท่านอื่นๆ มีประโยชน์ต่อหลายๆคนมากเลย แผ่นฟ้า คนหนึ่งละ ยิ่งติดตามอ่านกระทู้นี้แล้ว ก็ยิ่งได้คำตอบเยอะ ยิ่งอ่าน คำตอบบางเรื่องก็ใช่ตัวเราเลยค่ะ คุณสันโดษ
เพราะทุกวันนี้ แผ่นฟ้า สวดมนต์เหมือนว่า ต้องทำให้เป็นกิจวัตร ทั้งที่ ง่วง หรือ เหนื่อยแต่ต้องให้ได้มาสวดก่อนถึงจะนอน พอมาสวดใจก็เลยไม่สงบเลย บางครั้งก็สวดแบบรีบๆ และในใจก็มักคิดว่า สวดเพื่อบุญกุศล รู้สึกเหมือนกันค่ะว่า ตัวเองทำเพราะหวังผล หวังเอาบุญ มิใช่หาความสงบ อย่างแท้จริง และ เป็นคนหนึ่งค่ะที่มัก สงสัยในของบุญ อยู่เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ส่วนบางเรื่องที่ตรงกับคำถามของท่านอื่น ก็ได้นำคำตอบที่คุณ สันโดษ ให้เป็นไว้กับท่าน ผู้นั้น เมื่ออ่านแล้ว ก็ได้นำมาปฏิบัติบ้างแล้วค่ะ ขอบคุณจริงๆคะคุณ สันโดษ และขอบคุณ ทุกๆคนในกระทู้ด้วยค่ะ จะติดตามอ่านกระทู้นี้ไปเรื่อยๆ นะค่ะ รบกวนด้วยค่ะ หากสิ่งใดไม่ถูกไม่ควร ขอให้คุณสันโดษ ช่วยชี้แนะด้วย เจ้าค่ะ