ลป.สุภา๑๑๑ปี พระสมเด็จ๙อรหันต์ สายกรรมฐาน เหรียญรุ่น๒ลพ.ตั๋ง วัดโพธิ์เอน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    qn0i0u9mcuxQPSXKWkoX-o.jpg

    พระไภษัชยคุรุ เป็นหนึ่งในพระพุทธเจ้าตามความเชื่อในศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน นิกายวัชรยาน หรือพุทธตันตระ ซึ่งมีผู้นิยมนับถือกันมากที่สุดองค์หนึ่งในประเทศจีนและธิเบต โดยนับถือกันว่าทรงเป็น “พระพุทธเจ้าแพทย์”
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ (ปิดรายการ)

    IMG_20240315_184422.jpg IMG_20240315_184358.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้จัดส่ง
    1710567834717.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    2022-03_01516888244fa1d.jpg
    พระธาตุพนม ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งอีสาน พระบรมธาตุที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาของนครพนมมาแต่ โบราณกาล สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธกาลประมาณ พ.ศ.๘ ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรเจริญรุ่งเรือง ประดิษฐานอยู่บนภูกำพร้าตั้งตระหง่าน อยู่ริมฝั่งโขง เป็นสถานที่ครั้งหนึ่งพุทธองค์เคยเสด็จมาโปรดสัตว์น้อยโหญ่ ตามตํานานอุรังคธาตุกล่าวถึง พระมหากัสสปะและพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ได้นําพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาจากชมพูทวีปและท้าวพญาผู้ครองนครทั้ง ๕ เป็นประธาน ในการสร้างที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ อันเป็นที่ตั้งของพระธาตุพนมในปัจจุบัน

    2022-03_01516888244fa1d.jpg

    องค์พระธาตุพนมได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จนเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ เวลา ๑๙.๓๙ น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งอิงค์เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ และภัยพิบัติจากการเกิดฝนตกพายุพัดแรง ติดต่อกันหลายวัน ประชาชนได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่สร้างครอบฐานพระธาตุองค์เต็ม โดยรักษารูปแบบเต็ม ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น บาคาร่า

    2022-03_3fe664b96fa1e8c.jpg

    พุทธศาสนิกชนที่ได้มาเยี่ยมเยียนจากทั่วสารทิศทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ได้สืบต่อความเชื่อกันมาจากบรรพบุรุษ ว่ากันว่าหากใครได้มา นมัสการพระธาตุครบ ๗ ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หรือแม้แต่การได้มากราบพระธาตุพนม จ ครั้ง ที่ถือเป็น อานิสงส์ผลบุญยิ่งนัก

    พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีเกิดแห่งเดียวบนแผ่นดินที่ราบสูง และยังเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ เนื่องด้วยตามตำนานบริเวณที่ตั้งของพระธาตุพนมในอดีตเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าได้ขึ้นมาหมุน แล้วมองลงไปรอบๆ ก่อนจะประกาศก้อง ว่า พื้นที่ทั่วบริเวณนี้จะเป็นที่สืบทอดและเป็นจุดเริ่มต้นพระพุทธศาสนา เสมือนกับวันอาทิตย์เป็นวันเริ่มต้นของวันอื่นในสัปดาห์ ทั้งตั้งพัน ไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศประจำของ “พระราหุล” และยังเป็นองค์เจดีย์ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินอีสาน ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะ ของเทวดาประจำวันอาทิตย์ที่มีพละกำลังที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่หนึ่งเหนือผู้อื่น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชายกชุด ๓ องค์

    ๒ เหรียญพระธาตุพนมปี 2520
    ๓ พระธาตุพนมจำลอง

    250 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    เปิดดูไฟล์ 6348982 เปิดดูไฟล์ 6348983 เปิดดูไฟล์ 6348984 IMG_20240316_135555.jpg IMG_20240316_135621.jpg IMG_20240316_135722.jpg IMG_20240316_135644.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2024
  4. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +224
    จองเหรียญที่3ครับ
     
  5. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    896d3c1d0661cece586c4af6065f4afd.jpg
    ครั้งหนึ่งเมื่อท่านพ่อลีได้สร้างวัดอโศการามแล้ว มียายแก่ ๆ คนหนึ่งไปขอหวยกับท่าน ท่านก็เอากระดาษเขียนเลขแล้วม้วนกลมๆ โยนให้ ยายคนนั้นรับแล้วเก็บเอาไปด้วยความดีใจ รีบกราบลาท่านออกไปทันที
    นายกวง ลูกศิษย์ท่านพ่อลีเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นวิ่งตาม เพื่อจะไปขอดูหวย เพราะปกติไม่เคยเห็นท่านพ่อลีทำเช่นนี้กับใคร ในขณะที่นายกวงกำลังจะลุกวิ่งตามหญิงคนนั้น
    ท่านพ่อลีถามว่า “กวง มึงจะไปไหน”
    “จะไปเอาเบอร์จากยายคนนั้นขอรับ"
    ท่านพ่อลีก็ห้ามบอกว่า “อย่า! อย่าไปเอาเป็นอันขาด”
    แล้วท่านพ่อลีก็อธิบายต่อไปว่า “กวง! กูจะบอกให้มึงฟัง โยมผู้หญิงคนนั้นนะเธอหมดอายุขัยแล้ว นอกจากเธอจะหมดอายุขัยแล้ว ยังยากจนมากด้วย เราพิจารณาเห็นแล้วสงสาร เราจึงสงเคราะห์เขา เมื่อเขาถูกเบอร์ถูกหวยแล้ว เขาก็จะตาย เงินที่ถูกหวยนั่นแหละ จะเป็นเงินทำศพของเขาเอง และลูกหลานของเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก”
    หลังจากหวยออกแล้ว ลูกชายของหญิงคนนั้นก็เข้ามาหาท่านพ่อลีที่วัด กราบเรียนท่านว่า “ท่านพ่อ แม่ผมถูกหวยหลายหมื่นบาท และแม่ก็เสียชีวิตแล้วขอรับ"
    ท่านพ่อลีตอบว่า “เออ มึงเอาเงินนั้นทำฌาปนกิจศพให้แม่มึงนะ”
    นี่เอง คือเมตตาธรรมที่พระอริยสงฆ์มีให้เสมอสำหรับมนุษย์ทุกเพศทุกวัย เมื่อใครเข้ามาในข่ายแห่งญาณที่ท่านพอจะช่วยได้ ท่านจะไม่ปล่อยผ่านเลยไป
    สมมติว่าพระอริยสงฆ์ที่ไม่เคยบอกหวยให้ใครแล้วจู่ ๆ ท่านมาบอกให้กับเรา นั่นอาจจะเป็นการเตือนว่า มันอาจจะเป็นโชคครั้งสุดท้ายของเราแล้วก็ได้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปเหมือนเนื้อพลอยเสกท่านพ่อลีวัดวิเวการามจันทบุรี ปี ๒๕๓๙ ศิษย์สายพระป่าและท่านพ่อลี ปลุกเสกอธิฐานจิต
    ให้บูชาองค์ละ 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี องค์

    องค์ที่ ๑

    IMG_20240316_154104.jpg IMG_20240316_154127.jpg IMG_20240316_154037.jpg

    องค์ที่ ๒

    IMG_20240316_154812.jpg IMG_20240316_154830.jpg IMG_20240316_154752.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341

    แผ่นรูปเหมือนหลวงพ่อเกษมเขมโก ติดจีวร ปี ๒๙ แจกปีใหม่ 2559 น่าจะเป็นเนื้อเรซิ่นครับ กว้างประมาณ6ซ.ม.ยาว ประมาณ 8.5 ซ.ม.
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240316_160920.jpg IMG_20240316_160941.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2024
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341

    FB_IMG_1710582525420.jpg
    สถาบันวิปัสสนาธุระ
    เกิดขึ้นโดยดำริของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ท่านเป็นบุคคลแรกที่นำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ (หรือแบบพองหนอ-ยุบหนอ) จากพม่ามาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยในปี พ.ศ.๒๔๙๕

    ขณะที่ดำรงสมณะศักดิ์ที่พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) ได้ส่ง พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ) ขณะเป็น พระมหาโชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙ ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานสายของมหาสีสยาดอ ที่สำนักศาสนยิสสา ประเทศพม่าเป็นเวลา ๑ ปี แล้วนำกลับมาสอน พร้อมทั้งพระพม่า ๒ รูป คือ พระภัททันตะ อาสภเถระ ปธานกัมมัฏฐานาจริยะ และพระอินทวังสเถระ กัมมัฏฐานาจริยะ โดยเปิดสอนครั้งแรกที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ จากนั้นจึงขยายไปเปิดสอนที่สาขาอื่น ทั่วราชอาณาจักร มีการตั้งกองการวิปัสสนาธุระที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ได้ถูกยกสถานะเป็น สถาบันวิปัสสนาธุระ สังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและได้เผยแพร่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแบบพองหนอ-ยุบหนอ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ ส่วนธรรมวิจัย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๔o เมื่อรัฐสภาได้ตราพระราชบัญญัติ จัดตั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยฯ ได้มีคำสั่งแบ่งส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย จึงได้กำหนดให้เป็นฝ่ายวิปัสสนาธุระ สังกัดส่วนธรรมนิเทศ มีภาระงานบริการอบรมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่นิสิตบุคลากร และประชาชนทั่วไป ต่อมามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้มีประกาศ เรื่อง การแบ่งส่วนงาน พ.ศ.๒๕๕๖ และเรื่อง ภารกิจ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของส่วนงานในมหาวิทยาลัย



    ประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ ป.ธ.๘)
    สถานะเดิม
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ นามเดิมว่า คำตา ดวงมาลา เป็นบุตรคนโตของนายพิมพ์ และนางแจ้ ดวงมาลา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๖ แรม ๔ ค่ำเดือน ๑๒ ณ บ้านโต้น ตำบลบ้านโต้น อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น ๔ คนท่านเป็นบุตรคนโต น้องอีกสามคนคือ นางบี้ นายเพิ่ม และนางเอื้อ ตามลำดับ เมื่อย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจ้าอาวาสขณะนั้น) ได้เปลี่ยนชื่อท่านจาก คำตา เป็น อาจ เพื่อให้เหมาะกับบุคลิก องอาจ แกล้วกล้า ของท่าน



    บรรพชาอุปสมบท
    เมื่ออายุ ๑๔ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น โดยมี อาจารย์พระหน่อ วัดศรีจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านย้ายมาอยู่กรุงเทพฯเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ ณ พัทธสีมาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) ขณะยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมไตรโลกาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระญาณสมโพธิ (สวัสดิ์ กิตฺติสาโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺโต) ขณะยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระศรีสมโพธิ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า อาสโภ


    การศึกษา

    ท่านได้ศึกษาอักษรลาวตั้งแต่บวชเป็นเณรที่ขอนแก่น

    พ.ศ. ๒๔๖๑ สอบได้ วิชาครู เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนขอนแก่นวิทยาคาร (ปัจจุบันคือโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน)

    พ.ศ. ๒๔๖๔ สอบได้ นักธรรมชั้นตรี

    พ.ศ. ๒๔๖๕ สอบได้ นักธรรมชั้นโท

    พ.ศ. ๒๔๖๖ สอบได้ เปรียญธรรม ๓ ประโยค

    พ.ศ. ๒๔๖๗ สอบได้ เปรียญธรรม ๔ ประโยค

    พ.ศ. ๒๔๖๘ สอบได้ เปรียญธรรม ๕ ประโยค

    พ.ศ. ๒๔๖๙ สอบได้ เปรียญธรรม ๖ ประโยค

    พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้ นักธรรมชั้นเอก

    พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้ เปรียญธรรม ๗ ประโยค

    พ.ศ. ๒๔๗๒ สอบได้ เปรียญธรรม ๘ ประโยค



    ตำแหน่ง ฝ่ายปกครอง
    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น รองเจ้าอาวาสวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร

    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น พระอุปัชฌาย์วิสามัญ

    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น พระคณาจารย์โทในทางคันถธุระ

    พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็น เจ้าคณะตำบลสำเภาล่ม

    พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น เจ้าอาวาสวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร

    พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น เจ้าคณะแขวงบางปะหัน

    พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็น รองเจ้าคณะมณฑลอยุธยา

    พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็น พระคณาจารย์เอกในทางคันถธุระ

    พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็น สมาชิกสังฆสภา

    พ.ศ. ๒๔๘๖ เป็น เจ้าคณะตรวจการภาค ๔ ซึ่งเป็นพระคณาธิการองค์แรกในตำแหน่งนี้

    พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็น สังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การศึกษา

    พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็น เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็น สังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การศึกษา

    พ.ศ. ๒๔๙๐ – ๒๕๐๓ เป็น เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สมัยที่ ๑

    พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็น สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง

    พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็น สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง สมัยที่ ๒

    พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็น สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง สมัยที่ ๓

    พ.ศ. ๒๕๒๔ – ๒๕๓๒ เป็น เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

    พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็น กรรมการมหาเถรสมาคม โดยตำแหน่ง

    พ.ศ. ๒๕๓๑ – ๒๕๓๒ เป็น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

    พ.ศ. ๒๕๓๑ – ๒๕๓๒ เป็น เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก



    ฝ่ายการศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็น แม่กองธรรมสนามหลวง

    พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น ทุติยสภานายกสภามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์



    เกียรติคุณ
    พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นอัครมหาบัณฑิตโดยรัฐบาลพม่าได้ถวายเกียรติคุณครั้งนี้ในโอกาสที่เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปร่วมงานอัฏฐสังคายนา ที่ประเทศพม่า นับเป็นพระสงฆ์ไทยรูปแรกที่ได้รับฐานันดรศักดิ์นี้

    พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างอาคารมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยได้รับเงินจากศาสนสมบัติกลาง เป็นทุนเริ่มแรก และเงินงบประมาณแผ่นดิน กับเงินบริจาคจากสาธุชนทั่วไป

    พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นผู้ริเริ่มการตรวจชำระและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับ “มหาจุฬาเตปิฎกํ” เพื่อสนองพระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่โปรดเกล้าฯ ให้พระภิกษุสามเณรได้เล่าเรียนพระไตรปิฎก

    พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้รับปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามานุษยสงเคราะห์ศาสตร์ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย

    พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นสังฆปาโมกข์ ฝ่ายพระอภิธรรมปิฎก ในการสังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎกฉบับเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐



    การต้องอธิกรณ์
    ใน พ.ศ. ๒๕๐๓ เมื่อครั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระพิมลธรรมนั้น ท่านได้ถูกกล่าวหาว่าเสพเมถุนทางเวจมรรคกับลูกศิษย์ และมีข่าวว่าพระศาสนโศภน (ปลอด อตฺถการี) อยู่กับสีกาสองต่อสองในที่ลับหูลับตาหลายครั้ง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) จึงมีพระบัญชาให้ทั้งสองรูปพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่ทั้งสองรูปปฏิเสธ โดยตั้งใจจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน คณะสังฆมนตรีของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) จึงมีมติว่าทั้งสองรูปฝ่าฝืนพระบัญชา ไม่ควรอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ถอดทั้งสองรูปออกจากสมณศักดิ์ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๓

    ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๐๕ พระมหาอาจได้ถูกทางการกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงถูกบังคับสึกเป็นฆราวาส และจำคุกอยู่ที่กองบังคับการตำรวจสันติบาลอยู่หลายปี จนกระทั่งศาลทหารสามารถพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จ และตัดสินยกฟ้องเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้พระเถระทั้งสองรูปคืนสู่สมณศักดิ์เดิมตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ คดีดังกล่าวนี้นับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของไทย ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้แก่ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง



    มรณภาพ
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) อาพาธ และได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบด้วยภาวะหัวใจวาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลา ๑๑.๑๕ น. ณ โรงพยาบาลสยาม กรุงเทพมหานคร สิริชนมายุได้ ๘๖ ปี ๑ เดือน พรรษา ๖๖ ในการนี้ ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ ตำหนักสมเด็จ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เป็นเวลา ๑๐๐ วัน ครบเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยมีคณะเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายทุกคืนทุกวัน บางวันมีคณะเจ้าภาพหลายคณะร่วมบำเพ็ญกุศล และตลอดมาจนถึงวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้ทรงพระกรุณาโปรดออกเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส



    สมณศักดิ์
    ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีสุธรรมมุนี

    พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามเดิม

    ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพเวที ตรีปิฎกคุณสุนทรธรรมภูษิต ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี

    ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ ปรีชาญาณดิลก ตรีปิฎกคุณาลงกรณ์ ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี

    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ที่ พระพิมลธรรม มหันตคุณ วิบุลปรีชาญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูษิต ยติกิจสาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

    พ.ศ. ๒๕๐๓ ถูกถอดจากสมณศักดิ์

    ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์คืน

    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็น สมเด็จพระราชาคณะ ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ สมถวิปัสสนาญาณปรีชา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี



    วิปัสสนากรรมฐานแบบยุบหนอ-พองหนอ
    ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) ได้ส่งพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ) ขณะเป็นพระมหาโชดกไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานสายของมหาสีสย่าด่อที่สำนักศาสนยิสสา ประเทศพม่า เป็นเวลา ๑ ปี แล้วนำกลับมาสอน พร้อมทั้งพระพม่าสองรูป คือพระภัททันตะ อาสภเถระ ปธานกัมมัฏฐานาจริยะ และพระอินทวังสเถระ กัมมัฏฐานาจริยะ โดยเปิดสอนครั้งแรกที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ จากนั้นจึงขยายไปเปิดสอนที่สาขาอื่นทั่วราชอาณาจักร มีการตั้งกองการวิปัสสนาธุระที่วัดมหาธาตุฯ ต่อมาถูกยกสถานะเป็นสถาบันวิปัสสนาธุระ สังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้เผยแพร่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแบบยุบหนอ-พองหนอจนแพร่หลายดังปัจจุบัน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จคะแนน ๘๐ ปีบรรจุเกศาสมเด็จพุฒาจารย์(อาจ) ปี๒๕๒๖
    ให้บูชา
    170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240316_165239.jpg IMG_20240316_165254.jpg IMG_20240316_165214.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    fb_img_1699925899019-jpg.jpg

    พระเกจิดังหลวงพ่อพระมหาวารี
    ได้ชื่อเทพเจ้าแห่งนครเขื่อนขัณฑ์
    สมถะจริยาวัตรงดงามที่น่าเคารพ
    วัตถุมงคลดังหลายรุ่นสนนราคาสูง
    เด่น กีรติ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์รายงานว่า หลวงพ่อพระมหาวารี วัดทรงธรรมวรวิหาร อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งนครเขื่อนขัณฑ์พระประแดง ท่านเป็นพระสมฤที่น่าเคารพนับถือ จริยาวัตรงดงามเรียบง่าย ท่านเป็นพระที่เรียนเก่ง ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อวารีได้รับความนิยมในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอย่างมาก นับวันจะหายาก และสนนราคาเล่นหาสูงอีกด้วยท่านบวชตั้งแต่เด็ก สอบนักธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร ในขณะที่สอบเปรียญ๑-๔ผ่านไป ชาวบ้านหวังว่าท่านคงจะสอบได้ถึงเปรียญ๖-๙แต่ท่านกลับยุติการเรียน และมุ่งสู่ความสงบโดยให้เหตุผลว่า ยิ่งเยนสูงท่าไหร่ ก็เหมือนห่างไกลจากที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ใช่สิ่งที่ท่านมุ่งหวัง พระมหาวารีท่านเป็นพระที่ชาวบ้านเกรงใจ และสิ่งที่ท่านสั่งชาวบ้านเอาไว้อย่างหนึ่งคือ "ห้ามกินเหล้าภายในบริเวณวัด" งานบวช งานบุญ จึงไม่มีใครกล้ากินเหล้าชาวบ้านหลายคนนึกว่าท่าน ฉันมังสวิรัติ จึงมีแต่คนถวายอาหารที่เป็นมังสวิรัติเป็นเวลาหลายปี จนหมอลงความเห็นว่าท่านเป็นโรคขาดอาหารอย่างรุนแรง จนตอนหลังชาวบ้านจึงมารู้ที่หลัง ว่าท่านไม่ได้ฉันมังสวิร้ติ แต่โยมเข้าใจเอาเอง แต่ท่านไม่เคยเอ่ยปากบอกใครให้ฉันอย่างไรก็อย่างนั้น ท่านเป็นพระที่สอนนักธรรม และดูแลวินัยพระในวัดพระในวัดจะมานั่งสูบบุรี่ หรือหยอกล้อกันต่อหน้าโยมไม่ได้เด็ดขาด หลวงพ่อท่านจะเรียกไปอบรมและค่อนข้างดุ จรียวัตรของท่านงดงามเรียบง่าย ไม่สะสมในกูฏิของท่านต่างกับเจ้าคุณท่านอื่นมากมาย ต่างกับพระลูกวัดเสียด้วยเนื่องจากไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกนอกจากหมอน มุ้ง ตู้หนังสือ และกระติกน้ำร้อน ไม่มีตู้เย็น ที่วี แอร์ หนังเสือปูนอน นั่งไม่มีหมาก ไม่มีกาแฟ น่าเสียดายที่ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปหลายปีแล้ว นับเป็นการสูญเสียพระอริยะสงฆ์ของเมืองพระประแดงองค์หนึ่งพระครูสมุทรวราภรณ์ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอพระประแดง, อดีตเจ้าคณะตำบลตลาด, อดีตรักษาการเจ้าคณะตำบลบางกะเจ้า, อดีตเลขานุการคณะกรรมการสงฆ์อำเภอพระประแดง และอดีตรองเจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร นามเดิม ของหลวงพ่อคือ "วารี แก้วพวง" เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 18มกราคม พระพุทธศักราช 2469 ที่ตำบลสามวาตะวันออก อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนครโยมบิดาชื่อ ยิ้ม แก้วพวง และ โยมมารดา ชื่ออาน แก้วพวง หลวงพ่อมีพี่น้องด้วยกัน 4 คนคือ นายศิริ แก้วพวง, นางทิพย์ คลี่ฉายา, พระครูสมุทรวราภรณ์ และนางบุญเสริม เชยสุวรรณเมื่อหลวงพ่อมีอายุ 12 ปี ได้มาบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดทรงธรรมวรวิหาร โดยมีพระครูปิฎกธระ (สุกพุทธรสี) ซึงต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ที่พระราชธรรมวิสารท) เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ และได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ถึง 8 พรรษา ในเวลาต่อมา หลวงพ่อได้ทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2481 ณพัทธสีมาวัดทรงธรรมวรวิหาร โดยมีพระครูปิฎกธระ เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์ คือพระใบฎีกาเจริญ ธมุมจารี (พระราชวิสารท)และมีพระอนุสาวนาจารย์ คือ พระสายหยุดเกสโร (พระครูสมุทรวุฒิกร) เจ้าอาวาสวัดบางน้ำผึ้งนอก และได้รับฉายาว่า "จนุทปุตโต"ต่อมาเมื่อปี พระพุทธศักราช 2494 หลวงพ่อสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ได้เป็นพะมหาเปรียญที่ พระมหาวารี จนุทปุตฺโต ด้วยพระกุศลบารมีและหน้าที่อันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ได้รับมอบหมายและรับผิดชอบอีกหลายอย่าง จึงทำให้หลวงพ่อทรงได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ ดังต่อไปนี้ในปีพระพทธศักราช 2506 ได้เป็นพระครในปีพระพุทธศักราช 2506 ได้เป็นพระครูปลัด ในฐานานุกรมของพระราชธรรมวิสารท(สุก พุทธรํสี) เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหารวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พระพุทธศักราช2514 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูสมุทรวราภรณ์" พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโท วันศุกร์ที่ 5ธันวาคม พระพุทธศักราช 2518 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูสมุทรวราภรณ์"พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอาราม
    หลวงชั้นเอกในราชทินนามเดิม
    และเป็นที่น่าเสียดายของชาวเมือง
    พระประแดงอย่างยิ่ง เมื่อต้องสูญเสียพระ
    เถระที่สำคัญไปอีกรูปหนึ่ง เมื่อพระครูสมุทรว
    ราภรณ์ แห่งวัดทรงธรรมวรวิหาร ได้
    มรณภาพลงใน วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม
    พระพุทธศักราช 2541 เมื่อเวลา 12 นาฬิกา
    40 นาที ด้วย โรคปอดอักเสบอย่างรนแรง ณโรงพยาบาลบางปะกอก 1 สิริรวมอายุได้ 72ปี 50 พรรษา สร้างความอาลัยอาวรณ์แก่
    บรรดาลูกศิษย์ลูกหามากมาย คงเหลือไว้แต่คุณงามความดี และภาพจริยาวัตรอันงดงามที่ผ่านมา ไว้เป็นอนุสรณ์ย้ำเตือนถึงความทรง
    จำ แก่อนุชนรุ่นหลั่งสืบไป ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อวารีได้รับความนิยมในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอย่างมาก นับวันจะหายาก และ
    สนนราคาเล่นหาสูงอีกด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลรูปภาพที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลวงพ่อมหาวารีวัดทรงธรรมผสมเกศา จีวร สร้างน้อย อธิฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240317_014641.jpg IMG_20240317_014709.jpg IMG_20240317_014727.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1710616187660.jpg

    เหรียญพระพุทธศักยะมุนีหลัง ภ.ป.ร.วัดโพธิ์แมนเสด็จถวายผ้าพระกฐินปี ๒๕๓๗
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)


    IMG_20240317_021449.jpg IMG_20240317_021502.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2024
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    mcontent_image4122551134929-jpg-jpg.jpg
    พระครูสิริบุญาเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) วัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด และเมตตามหานิยม บริสุทธิ์ผ่อง
    แผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ถือมรรคน้อยสันโดด ไม่ยึดติดในโลก โกรธหลง มีญาณสมบัติแก่กล้า พูดน้อยใจดี มีศีลบริสุทธิ์
    ปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปันโนที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    เป็นศิษย์สืบทอดไสยเวทย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งหลวงพ่อซวง พระอาจารย์ของหลวงพ่อมีองค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงมากที่สุดองค์หนึ่งของเมืองไทย ท่านมีสมาธิจิตและบุญญาบารมีสูงแก่กล้า วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างศักดิ์สิทธิ์แน่นอนตอนละสังขารได้อธิษฐานร่างเป็นหินและ
    เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อมีได้ศึกษาวิชาและปฏิบัติดูและรับใช้หลวงพ่อซวงจนถึงวันที่ท่านละสังขาร
    และเป็นศิษย์สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ศึกษาวิชาหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จากหลวงพ่อเต๊ะ วัดม่วงคัน ด้วยความเชี่ยวชาญแตกฉานขมังเวทย์ในพุทธาคม ทำให้วัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อมีประสบการณ์ชัดเจน พิสูจน์กันมาแล้วมากมาย
    ประวัติ
    นามเดิม นายบุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิด ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2470 เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1. หลวงพ่อมี 2. นายเพี้ยน 3.นางบาง 4. นางเชิด 5. นายช่วย 6. นายชอบ ของโยมพ่อชั้น และโยมแม่เจียก
    เรียนจบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน หลังจากนั้นได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ณ พัทธสีมาวัดม่วงคัน วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 โดยมี หลวงพ่อนุ่ม ธมฺมกาโม วัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺมธีโร วัดนางใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จิตฺตทโม”
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่วัดนางใน และวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุ ทธาคม ไสยเวท มนต์คาถา เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม
    หลวง พ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง พระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนวัตถุมงคลมีค่านิยมหลักหมื่นต้นๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่มเหรียญรุ่น 1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้เล่นหาราคาสูง และหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก
    หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้ มีไสยเวท มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า “มนต์พระสังข์” ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น
    แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนางใน
    หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายทอดวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสังข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุด คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิทธิเจ ตรีนิสิงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์

    เมื่อ ศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไลแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด
    เมื่อได้เรียนวิชา แล้วก็ลาหลวงพ่อชวน จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทพุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น
    ประสบการณ์มาก หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้มีไสยเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า "มนต์พระสงข์" ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ จนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น
    ประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่น1 มีประสบการณ์ปืนยิงไม่ออก ได้เกิดเหตุยิงกันในวันงานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดม่วงคัน มีวัยรุ่นไล่ยิงกันมาอีกฝ่ายวิ่งหนี อีกฝ่ายถือปืนวิ่งตาม คนวิ่งหนีเข้าไปในร้านค้าป้าหวุย เป็นร้านค้าอยู่หน้าวัดม่วงคัน หนีออกทางประตูหลังร้าน ในขณะเดียวกัน ลูกชายป้าหวุยเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องได้เดินสวนออกมา วัยรุ่นที่ถือปืนตามมา คิดว่าเป็นพวกออกมาจะต่อสู้จึงได้ยิงด้วยปืน .38 ทันทีหลายครั้ง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก ลูกป้าหวุยโดนยิงแต่กระสุนไม่ออกได้แขวนเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมีอยู่ในคอเหรียญเดียว ชื่อนายจิมมี่ แสงอำนาจเจริญ เป็นบุตรชายของป้าหวุย แสงอำนาจเจริญ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างงานผู้คน
    มากมายรู้กันทั้งตำบล และมีประสบการณ์อีกหลายครั้ง
    ครั้งที่ 2 เกิดเรื่องยิงไม่ออกอีก เกิดในคืนวันงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิต วัดม่วงคันในปีพ.ศ.2541 ตำรวจนอกเรื่องแบบ อดีตเป็นตำรวจอยู่ประจำสน.รำมะสักได้ย้ายไปอยู่สน.อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มาเที่ยวงานวัด มากินอาหาร ดื่มสุราที่ร้านเบียร์สดหน้าวัดจนเมามาย ได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.รำมะสักที่คุ้นเคยรู้จักกัน อยู่ในชุดเครื่องแบบรักษาการอยู่ได้โซเซเข้าไปชักชวนมาร่วมดื่มสุราด้วย ตำรวจในชุดรักการอยู่บอกปฏิเสธว่า "มึงไม่รู้เรื่องหรือ กูกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" เท่านั้นแหละ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เมาสุราไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อย เกิดการต่อสู้กัน ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ชักปืนออกมาแล้วยิง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก เหตุเกิดขึ้นในงานใกล้ปากประตูเข้าวัด มีผู้คนรู้เห็นมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงไม่ออก มีเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมี ห้อยคออยู่เหรียญเดียว
    และอีกประสบหนึ่งมีชาวบ้านห้อยแขวนเหรียญเสมา รุ่น1 นี้อยุ่ในคอเหรียญเดียว ถูกรถชนกระเด็นไปหลายวา ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้นเลือดออกแม้แต่หยดเดียว รอดชีวิตมาได้อย่างปฏิหารย์ เหรียญเสมารุ่น1 นี้ ออกแจกให้ชาวบ้านและศิษย์จำนวน 5,000 เหรียญออกในปีพ.ศ.2514 เป็นเนื้อทองแดง เนื้อเดียว ได้ปลุกเสกอธิฐานจิตโดยหลวงพ่อมี องค์เดียว
    https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์และอภินิหาร-หลวงพ่อมี-จิตฺตธโม-วัดม่วงคัน-จ-อ่างทอง.245239/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อบุญมี วัดม่วงคัน รุ่น๒ ปี ๒๕๔๑ ให้ บูชา
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240317_152036.jpg IMG_20240317_152058.jpg IMG_20240317_152123.jpg IMG_20240317_152013.jpg

     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1710664562261.jpg
    หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ทองใบ ฐิตจิตฺโต วัดอบทม ต ยี่ล้น อ วิเศษชัยชาญ จ อ่างทอง
    หลวงพ่อทองใบเกิดวันที่๔มีนาคม พศ ๒๔๕๓ บ้านเลขที่๒๐หมู่ที่๕ ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โยมพ่อชื่อดวน ขุนพินิจ โยมแม่ชื่อดวน ขุนพินิจ มีพี่น้องรวมกัน๘คน ชาย๖หญิง๒ หลวงพ่อเป็นคนที่๓ หลวงพ่อเริ่มเข้าสู่ร่มกาเสาวพัตรเมื่อวันที่๙พฤษภาคม๒๔๗๕ ที่วัดขนอน ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พระครูศัทธาสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อได้เล่าเรื่องก่อนอำลาจากทางโลกเข้าสู่ทางธรรมว่า เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม ณ.บ้านคลองตาคตเป็นเวลาไกล้ค่ำได้มีภาพปรากฎการณ์เกิดขึ้นคือองค์เจดีย์สีขาวใสประดังแก้ว ฐานกว้างประมาณ๖-๗วา สูงกว่ากุฏิที่ท่านอาศัยอยู่ปัจจุบัน ทำทห้ท่านตะลึงจนก้าวขาไม่ออก หลวงพ่อจึงรวบรวมสติรีบเดินกลับบ้านไม่ยอมบอกเล่าให้ใครฟัง เมื่อครบอายุครบ๒๐ปีบริบูรณ์ ท่านจรึงกราบลาโยมพ่อโยมแม่บวช ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ได้อธิฐานต่อหน้าพระประทานในพระอุโบสถวัดขนอนว่าจะไม่ลาสิกขาตราบเท่าชีวิต จะมุ่งไปสู่นิพพานให้จงได้ ถึงจะทุกข์ทรมานต้องทนให้ได้ เกิดแก่เจ็บตาย มนุษย์และสัตว์สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้หนีไม่พ้นทุกสิ่ง ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเมตตาต่อสัตว์ทุกชนิดที่มาอาศัย ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่น้ำใจงามมาก เป็นพระผูที่มีวาจาสิทธิ์คือหลวงพ่อทองใบ มนุษย์และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แต่เมื่อยามป่วยไข้หลวงพ่อท่านไม่เคยเรียกร้องให้หมอมารักษาไม่ยอมฉันยาทุกชนิด ท่านบอกว่า”กูเป็นเองก็ต้องหายเอง”แม้กระทั่งยุงที่เกาะกัดกินเลือดหลวงพ่อ ท่านก็ไม่ยอมตบตี

    FB_IMG_1710665234703.jpg
    ประวัติพอเป็นสังเขปหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม ท่านเป็นคนทางจังหวัดราชบุรี ไม่ใช่คนอ่างทองโดยกำเนิดเดิมท่านบวชอยู่วัดมหาธาตุที่ กทม (บางเขน)ชักชวนโดยมหาเสริฐ สมประสงค์(ซึ่งอยู่ที่ต้นทองทางเรือ)และพระ ผจญ(สร้อย) อ่วมกลัด แต่ท่านมาอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่ท่านเป็นมหามาแล้ว ชักชวนกันมาอยู่ที่วัดอบทม มาอยู่วัดใหม่ๆก็ไม่ค่อยเป็นที่นับถือของชาวบ้านบางคนสักเท่ารัยเนื่องจากเป็นพระอายุน้อยและใหม่แต่ด้วยความดีและเก่งมากและความเมตตาของท่านจึงทำให้ท่านเป็นที่เลื่อมใสของชาวอบทมเรื่อยมาจนกระทั่งละสังขารปัจจุบันสรีระสังขารยังอยู่ที่วัดอบทมไม่เน่าเปื่อยแถมยังมีเล็บงอกและเกศางอกประจำจนเป็นข่าวดังทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ตลอดที่ผ่านมา
    ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์อภินิหารมีกันตลอดแม้กระทั้งหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ยังเอ่ยปากพูด ไม่ว่าจะเป็นย่นระยะทาง ถอดจิต วาจาสิทธิ์ เลี่ยงผี เพราะหลวงพ่อเป็นพระที่ชอบศึกษาตลอดเวลา ปลุกเสกของเององค์เดียวได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกทั่วจังหวัดและต่างจังหวัด
    ส่วนในทางธรรมหลวงพ่อเป็นพระที่เคร่งแต่ไม่ถือตัวหลวงพ่อนั้นไม่เคยปฎิเสษในการรับนิมนต์ใครไม่ว่าจะยากดีมีจน จะมารับหรือถ้าไม่มารับท่านก็จ้างวินมอเตอร์ไซค์ไปแม้กระทั้งเดินท่านก็ไม่เคยไม่ไปงานใครท่านเป็นพระที่เรียบง่ายติดดินไม่ถือตัว เรื่องที่โด่งดังคือบิณฑบาตรสองเวลาเช้ากับบ่ายเพื่อเอาไปให้แมวหมาหมูนกไก่แม้กระท่ั่งวัวที่ท่านเมตตาเลี่ยงไว้ที่วัด ท่านรักสัตว์มาก อีกเรื่องท่านเป็นพระที่ชอบเขียนอักขระยันต์มากเจิมรถท่านเจิมทั้งคันจนกระทั้งยางรถยังเจิม อีกเรื่องท่านจะแทนตัวเองว่า กู ตลอดไม่ว่าจะพูดกับใคร แม้กระทั่งรองเท้าท่านยังใช้มีดแกะตัว กไก่ ไว้ที่รองเท้าแตะเลยครับ นี่เป็นเพียงประวัติคร่าวๆที่กระผมได้เรียบเรียงไว้นานอยู่พอสมควร ไว้โอกาสหน้าจะนำ อภินิหารมาเล่าให้ฟังนะครับ ท่านใดมีเรื่องเล่าและประวัติอื่นๆมาช่วยเล่าเพิ่มเติมได้นะครับผม
    .......................ศักดิ์ทองพระเครื่อง......................
    วันนี้ผมจะนำประวัติหลวงพ่อทองใบวัดอบทมพอสังเขปมาเล่าสู่กันฟังนะครับ และจะมาเล่าเพิ่มเติมในคราวต่อไปนะครับ
    หลวงพ่อทองใบ ฐิตจิตฺโต วัดอบทม
    หลวงพ่อทองใบท่านเป็นพระแปลกครับ ท่านไม่ชอบนั่งรถยนต์ชอบนั่งมอเตอรืไซหรือเดินรับนิมนต์ทุกที่ไม่ว่าเจ้าภาพจะยากดีมีจน แต่ท่านชอบเดินหรือนั่งรถแต๊กเวลาไปฉันที่ไหนก็รถแต๊กนี่หละ ท่านชอบ ชอบเล่นหมากรุก ฉันหมากเป็นชีวิตจิตใจ ท่านนั้นชอบบิณบาตรตอนบ่ายๆเพื่อเอาไปเลี้ยงแมว สุนัขหมูไก่ที่คนเอามาปล่อยที่วัด ท่านเจิมรถทีนึงเป็นครึ่งๆวันครับเจิมแบบทั้งคัน เจิมแม้กระทั่งน็อตและล้อกระจกมองข้างเรียกได้ว่าเจิมขาวพรึ๊บทั้งคันครับ และต้องชนสิ่งของอะไรก็ได้ต่อหน้าท่านก่อนเป็นเคล็ดถึงออกไปได้บางคนไม่ยอมชนเป็นเคล็ดพอออกไปหน้าวัดเจอชนแบบหน้าบู้ ทุกรายอันนี้เขาเล่ากันมากครับ และท่านยังแสดงแนวฤทธิ์ได้หลายอย่างให้ลูกศิษย์ไกล้ชิดท่านชม เช่นย่นระยะทาง ถอดจิต น้ำมนต์แก้ได้ทุกโรค เสกจิ้งจกออกจากมือท่านได้ เสกไฟให้ลุกท่วมมือท่าน และอีกนานับประการครับ และหลังจากท่านมรณะภาพร่างกายท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ยังคงอยู่ให้ลุกศิษย์ได้กราบไหว้จนปัจจุบัน ท่านเป็นพระที่พระคณาจารย์หลายท่านในสมัยนั้นให้ความนับถือมากครับ หลวงพ่อทรง หลวงพ่อเกษมวัดม่วง ท่านก็เคารพหลวงพ่อทองใบมากครับ สมัยที่ท่านมีสังขารอยู่ ทั้งนักการเมืองทหาร ตำรวจ ล้วนแต่ประสบการณ์และติดอันดับต้นๆของภาคกลางครับหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ท่านก็สนิทสนมและหลวงพ่อคูณก็ให้ความนับถือในภูมิธรรมหลวงพ่อทองใบเช่นกันครับ
    FB_IMG_1710665759500.jpg FB_IMG_1710665762095.jpg FB_IMG_1710665767176.jpg FB_IMG_1710665765021.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่นปฏิสังขรณ์โบสถ์ปี ๒๕๓๖ หลวงพ่อทองใบวัดอบทมให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240317_155116.jpg IMG_20240317_155159.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1710668461593.jpg

    หลวงพ่อชม อดีตเจ้าอาวาสวัดนางในฯ(ต่อจาก หลวงพ่อนุ่ม สุดยอดปรมาจารย์สายอ่างทอง โดยเฉพาะเบี้ยแก้) ท่านอุปสมบทที่วัดโบสถ์ อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อพัก วัดโบถส์(สุดยอดเกจิเมืองอ่างทองอีกท่าน)เป็นพระอุปัชฌาย์และมีหลวงพ่อนุ่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังอุปสมบทหลวงพ่อนุ่มก็ชวนให้ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนางในฯ ศึกษาวิชาและไสบเวทย์กับหลวงพ่อนุ่มและหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ เนื่องจากหลวงพ่อเดิมกับหลวงพ่อนุ่มนั้นเป็นสหธรรมิกกันไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆ หลวงพ่อชมท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวายท่าน(ที่ท่านไม่ทำเนื่องจากไม่ต้องการทำวัตถุมงคลมาแข่งกับครูบาอาจารย์) วัตถุมงคลของท่านมีไม่มาก มีรูปหล่อ 2 รุ่น(80ปี,90 ปี ขึ้นพระธาตุทั้งสองรุ่น) เหรียญรุ่นแรก,80ปี,90ปี สมเด็จหลังหลวงพ่อชม 90 ปี วัตถุมงคลของท่านตอนนี้ถือเป็นของดีราคาย่อมเยาว์ อาจเป็นเพราะยังไม่มีการเผยแพร่สู่ส่วนกลางหรือมีก็ไม่มากนัก(ไม่มีคนโปรโมทและไม่มีการปั่นราคาครับ)....จะว่าเป็นของดีที่ถูกมองข้ามก็น่าจะได้ครับ เมื่อก่อนหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จะไปมาหาสู่กับหลวงพ่อชม อยู่เสมอๆและจะขอผงปถมังของหลวงพ่อชมติดตัวท่านกลับไปด้วยอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าท่านเก่งหรือไม่นั้น? ขนาดว่า หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี, หลวงพ่อทองใบ วัดอบทมและหลวงพ่อผาด วัดไร่ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ชื่นชมและศรัทธาในหลวงพ่อชม วัดนางในฯเป็นอย่างมาก...ผมเก็บไว้หลายองค์ ทันท่านทุกองค์...เล่าจากประสบการณ์ตรงนะครับ ครั้งหนึ่งที่วัดมีงานประจำปี (วัดนางในอยู่กลางเมืองวิเศษชัยชาญ) สุนัขที่วัดกัดลูกคนมีสีท่านหนึ่ง เขียวคล้ำ เลือดออกทีเดียว พ่อโมโหมาก หยิบปืนจากรถยิงสุนัข 3 นัด ลูกปืนไม่ออกสักนัดเดียว หลวงพ่อชมท่านอยู่แถวนั้น ท่านบอกกับพ่อเด็กว่า "พอแล้วโยม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก 3 วันแผลก็หาย"พ่อเด็กก็ขับรถออกจากวัด พอพ้นเขตวัดชาวบ้านก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ใช่แล้วครับ ปืนยิงออกแต่นอกวัด หลังจากวันนั้นผมตามเก็บหมดพระหลวงพ่อชม แห่งวัดนางใน วิเศษชัยชาญ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อชมวัดนางในรุ่นอายุ 90 ปี รุ่นประสบการณ์ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี 3 เหรียญ

    เหรียญที่ ๑
    (ปิดรายการ)

    IMG_20240317_163249.jpg IMG_20240317_163317.jpg

    เหรียญที่ ๒

    IMG_20240317_164217.jpg IMG_20240317_164240.jpg

    เหรียญที่ ๓

    IMG_20240317_164832.jpg IMG_20240317_164903.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1710670909990.jpg
    ประวัติหลวงพ่อเกลื่อน วัดรางฉนวน
    ปีพ.ศ.2553 อายุ 86 ปี พรรษาที่ 62 เจ้าอาวาสวัดรางฉนวน
    ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง

    ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ มีวิชาไสยเวทย์แก่กล้า มีวาจาสิทธิ์ บรรลุญาณสมาบัติชั้นสูง บริสุทธิ์ ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรมปฏิปทาน่าเลื่อมใส ถือมักน้อยสันโดด และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาเอื้ออาทรปฏิบัติต่อพุทธศาสนิกชน ที่มานมัสการอย่างเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนหลายจังหวัด เช่น อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี อยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี เป็นพระสุปฏิปัณโนรูปหนึ่งที่กราบได้อย่างสนิทใจ ด้านไสยเวทย์พุทธาคมได้รับการถ่ายทอดและสืบสายจากหลวงพ่อบัว วัดแสวงหา จ.อ่างทอง หลวงพ่อชั้น เกสโร วัดบางละแก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี ล้วนเป็นเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์และมีชื่อเสียงวัตถุมงคลได้รับความนิยมสูง
    ชาติภูมิ หลวงพ่อเกลื่อนมีนามเดิมว่า เกลื่อน ประสารทรัพย์ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2467 (ปีกุน) เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 2 คน คือ 1.หลวงพ่อเกลื่อน 2.นางบุญมา ของโยมพ่อกลั่น โยมแม่ง้อ ณ บ้าน รางฉนวน ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง การศึกษาจบ ป.4 ที่โรงเรียนวัดข่อย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อจบแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม
    อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดแสวงหา เมื่อปี พ.ศ.2491 โดยมีพระครูปัญญาสารคณี (หลวงพ่อบัว) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า คุตธมฺโม ศึกษาพุทธาคม เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้อยู่รับใช้หลวงพ่อบัวอยู่ 2 พรรษา ก็ได้ลาท่านมาจำพรรษาอยู่วัดรางฉนวน ได้เรียนนักธรรม สอบได้นักธรรมเอก ในพรรษาที่ 5 หลวงพ่อเกลื่อนได้เริ่มเดินทางไปกลับวัดแสวงหา ได้ไปศึกษาวิชาไสยเวทย์วิปัสสนากรรมฐาน ทำสมาธิบรรจุพลังบรรจุอาคมการหนุนธาตุจากหลวงพ่อบัว ตามตำราวิชาสายหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่เข้มขลังที่สุดและโด่งดังมากในยุคนั้น ตะกรุดดอกละหลายหมื่น ได้ชื่อว่าเทพเจ้าไสยเวทย์แห่งลุ่มแม่น้ำน้อย หลวงพ่อแพร วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่ศรีเช่นกัน ที่จริงแล้วหลวงพ่อบัว ท่านเป็นหลานแท้ ๆ ของหลวงปู่ศรีได้รับการถ่ายทอดวิชามาครบถ้วนภายหลังหลวงพ่อบัว ถูกนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแสวงหา จ.อ่างทอง หลวงพ่อบัวก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเกลื่อนทั้งหมดเช่นกัน
    เมื่อได้เรียนวิชาจาก หลวงพ่อบัว แล้วได้เดินทางไปขอศึกษาไสยเวทย์จาก หลวงพ่อคำ จนฺทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อคำเป็นอาจารย์เข้มขลังในไสยเวทย์ที่นับว่าเก่งมากองค์หนึ่งของสุพรรณบุรี เหรียญรุ่นแรกของท่านถูกยกย่องว่าเหนียวอยู่ยงคงกระพันที่สุดเหรียญหนึ่ง ยอดเกจิอาจารย์ต้นถึงพุทธกาลจากนั้นประมาณพรรษาที่ 14 ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพระลอย ต.ลั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้ขอศึกษาพุทธาคมจากพระครูประภัตรธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อแต้ม) ซึ่งหลวงพ่อแต้มได้สืบทอดวิชาสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา มีความเชี่ยวชาญด้านยันต์เกาะเพชร เหรียญรุ่น ๑ เป็นเหรียญดังของจังหวัดสุพรรณบุรีเช่นกัน ประสบการณ์มากมาย ค่านิยมเหรียญละหลายพันบาท เมื่อได้เรียนจากหลวงพ่อแต้ม แล้วก็ได้ไปเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อชื้น วัดบางสะแก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
    ธุดงค์วัตร เมื่อเล่าเรียนไสยเวทย์จากพระคณาจารย์ที่เลื่องเวทย์จบสิ้นแล้ว ก็ได้เดินธุดงค์เพื่อหาความวิเวก ได้เดินธุดงค์ผ่านเพชรบูรณ์ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จ.นครราชสีมา ผ่านเขาใหญ่กลับเข้าสู่จังหวัดสระบุรีแล้ว กลับสู่วัดรางฉนวน
    ปฏิปทาศีลวัตร ชาวบ้าน พุทธศาสนิกชนใน อ.แสวงหา และ อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี จะกล่าวว่าหลวงพ่อเกลื่อนไม่ใช่ธรรมดา ท่านบรรลุญาณทิพย์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ มีวิชาดงกระพัน เหรียญยิงไม่ออก และกำบังกายได้ (หายตัว) ผู้เขียนได้พบกับนางสมควร แซ่ตั้ง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ต.ท่าข้าม อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยได้ติดตามคุณพ่อไปนมัสการหลวงพ่อเกลื่อนเสมอมาปีละหลาย ๆ ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตนและคุณพ่อได้นั่งคุยกับหลวงพ่อที่ชานไม้นอกกุฏิ ได้มีผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี วิ่งขึ้นบันไดกุฏิมหาหลวงพ่อ แล้วบอกกับหลวงพ่อเกลื่อนว่า ตนมาเลี้ยงวัวอยู่ข้างวัด ได้ถูกคู่อริไล่ยิง จะมาขอกุฏิหลวงพ่อหลบภัย พอหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็บอกว่าให้นั่งอยู่เฉย ๆ อย่าพูดอะไร แล้วก็เอามือ 2 มือกดลงบนศีรษะ จากนั้นสัก 2 นาทีก็มีคนถือปืนวิ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อ แล้วถามว่าหลวงพ่อคนที่วิ่งขึ้นมาบนนี้หลบอยู่ไหน หลวงพ่อตอบว่าหาเอาเอง หาเท่าไรก็มองไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่นั่งนิ่งอยู่กลางแจ้งข้างตัวหลวงพ่อ แล้วคนร้ายก็ถอยกลับไปด้วยความงงงวย เรื่องแบบนี้แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อมีวิชากำบังตัว
    อีกเรื่อง นายวน รัตการ บ้านอยู่หมู่ 2 ต.ปลายนา อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี รถจักรยานหาย ได้รับคำแนะนำจากคนข้างบ้านชื่อนางกุหลาบ สิริเมือง พากันไปหาหลวงพ่อเกลื่อนดู หลวงพ่อบอกว่ารถอยู่ในสระน้ำข้างทาง เลยบ้านไปทางทิศเหนือประมาณ 7 เส้น มีสระน้ำอยู่ข้างทาง นายวน ได้กลับไปหาพร้อมกับนางกุหลาบ ปรากฏว่ามีสระน้ำจริงและได้ลงไปงมหา ได้พบจักรยานคืนกลับมา นางกุหลาบ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ที่ 6 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พระสงฆ์พระลูกวัดเวลาจะลาสิกขา จะไปให้หลวงพ่อดูวันสึก มีอยู่รูปหนึ่งไม่เชื่อฟัง ไปให้ที่อื่นดูมา หลวงพ่อตรวจแล้วบอกว่าวันนั้นไม่ดี สึกแล้วจะอายุสั้น ก็ไม่เชื่อฟังพอสึกออกไป วันรุ่นขึ้นก็ถูกรถชนตาย
    วัตถุมงคลและประสบการณ์
    เหรียญรุ่นแรก ปีพ.ศ.2505 มีประสบการณ์ ปืนยิงไม่ออก เมื่อปีพ.ศ.2509 โจรเข้าปล้นบ้านนายเลียบ แซ่เล้า อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่8 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง คนร้ายได้เข้าจับตัวเอาปืนจี้ตัวนายเลียบ และนายจอด 2 พ่อลูกให้อยู่ในความสงบ แต่นายเลียบได้ตะโกนร้องเรียกชาวบ้านให้ช่วยหลายครั้ง ชาวบ้านรวมตัวส่งเสียงมาช่วยนายเลียบ ทำให้โจรโกรธมาก ได้เหนี่ยวปืนยิงนายเลียบและนายจอดหมายฆ่าให้ตาย ปรากฏว่ากระสุนด้านทั้ง 2 กระบอก นายเลียบและลูกตัดสินใจต่อสู้โจรเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีกระเจิง นายเลียบและนายจอดต่างก็ห้อยเหรียญรุ่นแรกอยู่ในคอคนละเหรียญ นายจอด แซ่เล้า กล่าวว่าเขาและคุณพ่อรอดตายได้ก็เพราะเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเกลื่อนเรื่องนี้ตำบลวังน้ำเย็นรู้กันทั่ว เหรียญรุ่นแรกหายากมากเพราะสร้างจำนวนประมาณ 1,800 เหรียญเท่านั้น พุทธคุณสูงชาวบ้านหวงแหนมาก ตามตลาดพระก็ไม่มีให้เห็น เสียงจากผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งในอำเภอแสวงหาว่าได้มีคนมาขอเช่าไปจากชาวบ้านมีอยู่เหรียญราคาตั้ง 5,000 บาท หายากจริง ๆ ผู้เขียนพยายามติดตามจะหามาถ่ายรูปประกอบเรื่องก็หาไม่ได้
    เรื่องบุญฤทธิ์และพลังแห่งจิตที่ปรากฏ
    เรื่องอบายมุข และเรื่องดื่มสุราของเมาในเขตศาสนาสถานภายในวัดท่านจะห้ามเด็ดขาดในขั้นแรกท่านจะสอนว่ากล่าวตักเตือน ถ้าไม่เชื่อฟังท่านจะไล่ให้ออกไปจากเขตวัด หายปีที่ผ่านมาจังหวัดอ่างทองและอำเภอต่าง ๆ ในยุคนั้นโจรผู้ร้ายชุกชุม ตำรวจได้มาตั้งหน่วยปราบปรามอยู่ในพื้นที่วัดรางฉนวน ได้มีตำรวจปราบปรามท่านหนึ่งชื่อ จ่าทร แสงรุ่ง บ้านอยู่หมู่3 ต.ศรีบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ได้มาสังกัดอยู่ที่สถานีปราบปรามภายในวัด พอตกเย็นก็ดื่มสุราจนเมามาย หลวงพ่อเกลื่อนทราบเข้าก็ไปว่ากล่าวตักเตือน แต่จ่าทร เป็นคนดื้อไม่เคยยอมใคร กลับนำเอาสุรามาเลี้ยงกันภายในวัดหนักยิ่งขึ้น มีเรื่องทะเลาะกับชาวบ้านและลูกเมียชาวบ้าน หลวงพ่อเกลื่อนได้ขับไล่ให้ออกไปจากวัด จ่าทรโกรธมากและกำลังเมาได้แบกปืนเล็กยาววิ่งมายังกุฏิหลวงพ่อจะยิงหลวงพ่อ หลวงพ่อกลัวว่า ถ้าจะยิงอาตมา ให้ยิงต้นสะเดาต้นนี้ก่อนพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ต้นสะเดาข้างกุฏิ จ่าทรหันปืนแล้วยิงไปที่ต้นสะเดาจริง ๆ ปรากฏว่าปากกระบอกปืนแตกเป็น 2 ซีก จ่าทรตกตลึงถึงกับเข่าอ่อน ทิ้งปืน ทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วค่อย ๆ คลายเข้าไปกราบขอขมาหลวงพ่อ เรื่องนี้ชาวบ้านที่อยู่ข้างวัดทราบรายละเอียดดี
    น้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์
    ท่านใดดวงชะตาตกทำมาหากินไม่ราบรื่น เคราะห์ไม่ดี มีศัตรู อาบน้ำมนต์แล้วส่วนมากจะโชคดี ศัตรูจะกลับเป็นมิตร ที่ขัดสนจะกลับมั่งมี ซื้อง่ายขายคล่อง บางรายโชคดีถูกหวยใต้ดินมาก ๆ เมื่อปี 2543 ได้มีเถ้าแก่โรงสีในจังหวัดสุพรรณบุรีท่านหนึ่งได้มาขออาบน้ำมนต์ บนให้หลวงพ่อฟังว่า ภาวะตลาดข้าวไม่ดี ทำโรงสีขาดทุน เป็นหนี้ธนาคาร 10 กว่าล้าน มาให้หลวงพ่อช่วยอาบน้ำมนต์ชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายให้หมดไป และว่าถ้าโชคดีหลุดหนี้จะมาทำบุญช่วย หลวงพ่อสร้างศาลา หลวงพ่อได้นั่งหลับตาสักครู่ แล้วก็ทำน้ำมนต์อาบให้ พอหลวงพ่อรดน้ำมนต์เสร็จทานก็กล่าวว่า ต้นเดือนหน้าเอ็งจะมีลาภได้เงินก้อนใหญ่ อยู่ที่กล้าแค่ไหน เถ้าแก่โรงสีผู้นั้นคุยว่า กลับไปนอนคิดพิจารณาว่าภาวะอย่างนี้ข้าวก็ตุนไม่ได้ จะมีลาภจริงก็ต้องเสี่ยงซื้อสลากกินแบ่งและหวยใต้ดิน ด้วยแรงศรัทธาหลวงพ่อเกิดความมั่นใจได้ซื้อสลากทั้ง 2 อย่างได้ถูกเป็นเงินถึง 30 ล้านบาท และได้นำเงินทำบุญถวายหลวงพ่อสร้างศาลาหลังใหญ่จำนวนเงิน 3 ล้านบาท
    หลวงพ่อเกลื่อน วัดรางฉนวนพบง่าย ใจดี เชิญท่านเดินทางไปกราบนมัสการที่วัดรางฉนวน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยมีเส้นทางอยู่ 2 เส้นทางคือ 1.มุ่งหน้าเดินทางไปที่ตลาดอำเภอแสวงหา แล้วสองถามทาง เป็นทางลาดยางตลอด จากอำเภอแสวงหาขับรถวิ่งตรงถึงวัดรางฉนวนระยะทาง 13 ก.ม. เส้นที่ 2 เดินทางมุ่งหน้าถึงตลาดอำเภอศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี ขับตรงเลยตลาดตรงไปเส้นจะไปชัยนาท 2 ก.ม. เลี้ยวขาเข้าบ้านควาย ตรงลูกเดียว เข้าไปอีก 12 ก.ม.พอดี จะถึงทางแยกถนนเลียบคลองแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนตรงเข้าไปอีก 7 ก.ม.จะถึงวัดพอดีวัดอยู่ติดกับถนน เข้าพบกราบนมัสการขอพรเป็นสิริมงคล
    ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้วอายุ 91 ปี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปั๊มยันต์หมึกและพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกลื่อนวัดรางฉนวนให้บูชาคู่กันชุดละ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี ชุด

    ชุดที่ ๑

    IMG_20240317_171711.jpg IMG_20240317_171737.jpg
    IMG_20240317_171803.jpg IMG_20240317_171841.jpg

    ชุดที่ ๒

    IMG_20240317_174044.jpg IMG_20240317_174104.jpg IMG_20240317_174122.jpg IMG_20240317_174151.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2024
  16. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,772
    จอง
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341

    พระครูนนทสิทธิการ (ประสิทธิ์) เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย ม.๑ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังทาง "ตะกรุด" มาตั้งแต่บวชเรียนใหม่ๆ ที่ใช้ได้ผลทางแคล้วคลาดปลอดภัย เผย...การปลุกเสกของให้ "ขลัง" ได้ผู้ปลุกเสกต้องมีบุญบารมีด้วย อย่างไรก็ตามควรเลือก "ธรรมะ" จะดีกว่า เพราะช่วยบ่มเพาะจิตใจได้...ต่อไปนี้เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ให้ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" ได้บันทึกไว้
    หลวงพ่อคิดอย่างไรถึงได้บวชเป็นพระครับ?
    -สมัยนั้นโยมพ่อให้บวชก็ต้องบวช ครั้งแรกที่อาตมาบวชตั้งใจจะบวชเพียงพรรษาเดียวเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา พอเวลาผ่านไปก็มีความรู้สึกว่า จิตใจสบาย ไม่ร้อนรุ่มอะไร เลยจำพรรษามาเรื่อยๆ แต่ที่อาตมาเกิดติดใจในการบวชครั้งนี้ก็พราะอาตมาได้ฝึกนั่งกรรมฐาน แต่ถ้าหากใครไม่ได้นั่งกรรมฐาน จะบวชอยู่ได้ไม่นาน
    การนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรครับ?
    -ก็เป็นการนั่งภาวนาไปเรื่อยๆ หายใจเข้าออกภาวนา "พุทโธ" ในใจ หายใจออกก็ "พุทโธ" ในใจ ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบสงัดที่สุด ก็จะทำให้จิตใจสงบดี ไม่ทำให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน เมื่อนั่งเรื่อยๆ ไปมีความรู้สึกว่า จิตใจมันชอบเลยเป็นสาเหตุที่อาตมาไม่สึก

    หลวงพ่อไปเรียนวิชาคาถาอาคมจากที่ไหนครับ?
    -ระหว่างที่อาตมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทธาโภชน์ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคาจากสมุดข่อยต่างๆ และเมื่อมีปัญหาบางอย่างที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ จึงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทุกปัญหาจาก พระอาจารย์อ่อน และ พระอาจารย์เทียม ซึ่งพระอาจารย์อ่อนได้แนะนำเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลว่า ทุกคนย่อมทำได้ แต่ทำแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะเป็นคนไม่มีตัวตน ถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง อาตมามีความตั้งใจจริงที่จะเรียนวิชาดังกล่าว
    เมื่อหลวงพ่อตัดสินใจที่จะเรียนพระอาจารย์อ่อนว่าอย่างไรบ้างครับ?
    -พระอาจารย์อ่อนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่อาตมาได้บอกกับท่านว่า ถ้าทำแล้วใช้ไม่ได้จะเลิก จากนั้นจะเรียนวิชาต่างๆ โดยได้จุดธูปเทียนอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปว่า "ข้าพเจ้าจะเรียนวิชาต่างๆ เหล่านี้ จะเรียนได้หรือไม่ ขอให้เกิดนิมิตกับตัวข้าพเจ้าด้วย" จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ คืนนั้นอาตมาได้มีนิมิตเห็นว่า เรียนได้ของดีอยู่ในตัวแล้ว พอตื่นขึ้นมาจึงได้คิดว่าตนเองเรียนได้
    แล้วหลวงพ่อเริ่มสร้างวัตถุมงคลเมื่อไรครับ?
    -พอดีพรรษาในปีนั้น พระจะต้องไปทิ้งบาตรตามบ้านญาติโยม เรียกว่า ธุดงค์ หรือเรียกได้อีกแบบหนึ่งว่า ฉันเอกามื้อเดียวในบาตร ซึ่งวัดสุทธาโภชน์ได้จัดขึ้นมาเป็นประเพณีทุกปี อาตมาจึงได้เริ่มฉันข้าวบูดกับถั่วงา เป็นเวลาประมาณ ๗ วัน ระหว่างนั้นทำให้ร่างกายเดินไม่ค่อยจะไหว แต่ด้วยแรงศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนวิชานี้ให้ได้ อาตมาจึงมุ่งมั่นเรียน วิชาการทำตะกรุดดอกใหญ่



    ทำไมถึงคิดทำ "ตะกรุด" ขึ้นมาครับ?
    -ที่อาตมาคิดทำตะกรุด เนื่องจากสมัยนั้นต้องเดินทางไปอยู่ปริวาสกรรมกับพระอาจารย์ที่เขาช่องพราน จังหวัดราชบุรี สถานที่แห่งนี้สมัยนั้นเป็นถิ่นที่ทุรกันดาร และมีโจรผู้ร้ายเป็นจำนวนมาก ตรงนี้เองที่อาตมาคิดทำตะกรุดขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำตะกรุดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงพ่อทำตะกรุดต้องจารอักขระเองด้วยหรือเปล่าครับ?
    -อาตมาทำตะกรุดครั้งแรกได้ไปทำที่อุโบสถ แต่ด้วยเป็นคนกลัวผีจึงได้ชวนพระอีกรูปหนึ่งไปเป็นเพื่อนกันด้วย ขณะที่พระเพื่อนบอกว่า หากทำเสร็จแล้วต้องให้ตะกรุด ๑ ดอกเป็นของตอบแทน จำได้ว่ากว่าจะทำตะกรุดเสร็จต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณตี ๓ อาตมาก็ทำตะกรุดเสร็จ จึงแบ่งให้เพื่อนไป ๑ ดอกตามสัญญา ต่อมาพระเพื่อนรูปนี้ได้ลาสิกขาออกไป และได้กลายเป็นนักเลง เที่ยวขโมยของสารพัด ถูกชาวบ้านยิงบ้างถูกฟันบ้าง ก็ไม่เป็นอะไร เพื่อนจึงมั่นใจว่าที่แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้นี้ต้องมาจาก
    ตะกรุดดอกนี้ ประสบการณ์นี้จึงเป็นที่กล่าวขวัญว่า ตะกรุดของอาตมาสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ ทำให้ญาติโยมที่รู้ข่าวต่างเดินทางมาขอตะกรุดกันไม่ขาดสาย
    หลังจากหลวงพ่อทำตะกรุดในครั้งแรกได้ผลจึงได้ทำของออกมาอีกใช่ไหมครับ?
    -เพราะอาตมาทำตะกรุดออกมาครั้งแรกแล้วใช้ได้ผล จึงได้ทำตะกรุดต่อมาตามคำอธิษฐานก่อนหน้าที่จะเรียนรู้วิชาคาถาอาคมนั่นแหละ ปัจจุบันอาตมาจึงได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชา ภายในงานประจำปีของวัดไทรน้อย ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในเดือนอ้าย ข้างขึ้นของทุกปี
    ตะกรุดที่หลวงพ่อทำเรียกว่าอะไรครับ?
    -มีตะกรุดหลายอย่างหลายแบบ อาทิ ตะกรุดโทนเดี่ยว ตะกรุดโทนคู่ ตะกรุดโทน ๒ ชั้นดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดหนังเสือดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดทองแดง ตะกรุดไม้ไผ่ตัน ตะกรุดทองแดง ลงรักปิดทองดอกยาวและดอกสั้น ทั้งหมดนี้ตะกรุดดอกเล็กหรือดอกใหญ่จะมีความแตกต่างกันที่ยันต์ และตะกรุดเหล่านี้หากเขียนอักขระเรียบร้อยแล้วม้วนได้เลยโดยไม่ต้องปลุกเสก
    ตะกรุดโทนใช้ให้ได้ดีนั้น มีพุทธคุณทางไหนครับ?
    -ตะกรุดทุกแบบเหมือนกันในการทำ แต่จะมีความแตกต่างกันในการนำไปใช้ เพราะตะกรุดโทนมีไว้แล้วสามารถป้องกันในเรื่องของปืนผาหน้าไม้ได้ รวมทั้งใช้ดีไปในทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดก็ได้เช่นกัน ส่วนถ้าเป็นตะกรุดเมตตาจะเน้นไปทางเมตตาค้าขาย แต่ทุกวันนี้อาตมามีอายุมากขึ้นแล้ว สามารถทำได้เท่าที่มีกำลัง ตอนนี้จึงทำตะกรุดได้เพียงวันละ ๒-๓ ดอกเท่านั้น
    ปัจจุบันหลวงพ่อยังจารอักขระยันต์ตะกรุดด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ?
    -ทุกวันนี้อาตมาอายุมากขึ้นแล้ว จะมีลูกศิษย์มาช่วยในการทำตะกรุดให้บ้าง แต่ส่วนใหญ่การจารอักขระอาตมาจะทำเองทุกครั้ง และปลุกเสกคนเดียว เพราะการทำวัตถุมงคลในครั้งแรกได้ผล ครั้งต่อไปก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าครั้งแรกทำวัตถุมงคลออกมาไม่ดี ต่อให้เสก ๓ คืน ๓ วัน หรือให้ปลุกเสกเป็นไตรมาสก็ไม่ได้ผล จะได้ผลหรือไม่ได้ผลอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่อย่างนั้นใครนึกอยากจะทำวัตถุมงคลออกมาก็ทำกันได้ พระอาจารย์ เกจิอาจารย์คงเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว


    วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญหลวงพ่อสร้างครั้งแรกเมื่อไรครับ?
    -อาตมาสร้างเหรียญรุ่นแรก ผูกพัทธสีมา ปี ๒๕๐๐ เป็น เหรียญพระอธิการเผื่อน อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรน้อยรูปแรก แต่ถ้าเป็นตัวอาตมาเอง เป็นปี ๒๕๐๘ รุ่นฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย
    วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญ กับตะกรุด มีพุทธคุณเหมือนกันไหมครับ?
    -ไม่เหมือนกัน ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันไป แต่ตะกรุดจะดีกว่า เนื่องจากตะกรุดจะลงอักขระมากกว่าเหรียญ เพราะเหรียญมีเนื้อที่จำกัดในการลงอักขระ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการลงอักขระมีความสำคัญมากที่สุดในการทำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคล ถือเป็นตัวกำกับคาถาว่าจะขลังหรือไม่ขลัง
    การทำวัตถุมงคลออกมาให้ได้ผลนั้น ขึ้นอยู่กับอะไรครับ?
    -การทำวัตถุมงคลนอกจากขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลแล้ว บุญบารมีของแต่คนที่สร้างวัตถุมงคลก็สำคัญ มิใช่สักแต่ว่ามีคาถาก็ว่ากันไปนั้นไม่ได้ ของที่ทำออกมาเมื่อนำเอาไปใช้ก็จะไม่ได้ผล เหมือนเมื่อครั้งที่ ท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี ได้ให้ กำนันภพ ที่มีชื่อเสียงด้านการปลุกเสกย่านวัดหน้าไม้ จังหวัดปทุมธานี สมัยเป็นหนุ่มเคยมาบวชที่วัดโมลี จึงได้บอกกับท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลีว่า จะปลุกเสกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทราบว่าท่านเจ้าคุณอยากจะให้ทำอะไร ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นผ้ายันต์สัก ๕,๐๐๐ ผืนก็พอ จากนั้นกำนันภพก็ได้ปลุกเสกผ้ายันต์และวัตถุมงคลของวัดหน้าไม้ด้วยการเสก ๓ วัน ๓ คืนไม่ออกจากโบสถ์
    หลังจากปลุกเสกวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้วเป็นอย่างไรครับ?
    -กำนันภพได้มีหนังสือไปถึงท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี ให้มารับผ้ายันต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้ว ท่านเจ้าคุณฯ จึงได้ให้เด็กหนุ่ม ๒ คน มารับผ้ายันต์ชุดนี้ไป ระหว่างเดินทางกลับนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองจึงคิดที่อยากจะลองของ ได้ดึงผ้ายันต์ออกมาประมาณ ๕ ผืน แล้วทดลองยิงกับต้นไม้ ผลปรากฏว่าต้นไม้ทะลุเลยแสดงว่าไม่เหนียว เด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่ยอมบอกใครว่า ผ้ายันต์ที่ปลุกเสกมานี้ใช้ไม่ได้ผล
    ทำไมผ้ายันต์ถึงไม่เหนียวครับ?
    -ก็อาตมาบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การจะปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังนั้นไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ แต่ผู้ปลุกเสกจะต้องมีบุญวาสนา เป็นคนที่มีบุญบารมีพอสมควร จึงจะทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคลเหล่านี้ได้ผล ในอดีตเราสามารถเห็นได้จาก หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ถึงแม้จะมีลูกศิษย์สืบทอดวิชาคาถาอาคมจากพระอาจารย์เกจิต่างๆ ก็ไม่ได้ผล หากตัวบุคคลนั้นไม่มีบุญบารมีมากพอ
    มีอีกเรื่องหนึ่งที่อาตมาอยากจะเล่าให้ฟัง มีนายทหารผู้หนึ่งกินเหล้าแล้วไปเกะกะพ่อค้าแม่ค้าในตลาด พวกพ่อค้าแม่ค้าใช้มีดฟันไปที่นายทหารคนนี้ไม่เข้า อีกคนแทงด้วยฉมวกก็ไม่เข้า เขาไม่ได้แขวนพระ ไม่มีตะกรุดไม่มีเครื่องรางใดๆ เลยอยู่ในตัว มีเพื่อนของนายทหารผู้นี้ถามว่า มีอะไรดีถึงฟันแทงไม่เข้า นายทหารผู้นี้ก็ไม่ยอมบอก
    แล้วเพราะเหตุใดที่นายทหารผู้นี้ถึงถูกฟันไม่เข้าครับ?
    -ในตอนหลังนายทหารผู้นี้บอกว่า ที่เขาถูกยิงไม่เข้า ก็เพราะว่าเขามี "คด" ซึ่งเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง เป็นหินเหมือนทองคำ มีความยาวประมาณ ๒ นิ้ว คนที่จะอานุภาพปลุกเสกวัตถุมงคลให้ได้ผลจะต้องมี "คด" ที่อยู่ในตัวคนตั้งแต่เกิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติให้มา คนที่มี "คด" อยู่ในตัวจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เพราะจะมีนิมิตมาบอก แต่เจ้าตัวจะบอกหรือไม่บอกคนอื่นหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนใดที่ไม่มี "คด" ในตัวจะไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีความเข้มขลังก็ไม่ได้
    "คด" ที่ว่านี้จะอยู่ในส่วนไหนของมนุษย์ครับ?
    -อาตมาก็บอกไม่ได้ว่า "คด" ที่อยู่ในตัวคนจะอยู่ในตำแหน่งใดของร่างกาย สมัยก่อนเมื่อคนที่มี "คด" อยู่ในตัวตายไป จะมีผู้คนคอยเก็บ "คด" ที่อยู่ในตัว เมื่อตอนเก็บเชิงตะกอน เพราะเมื่อมีการเผาศพ "คด" ไฟจะไม่สามารถเผา "คด" ได้เลย คนที่ไปเก็บ "คด" มาจะพบว่า "คด" ที่ว่านี้เป็นก้อนหิน เขาจะเอาไปเลี่ยมทองแขวนคอ ถ้าถามคนสมัยใหม่เขาก็จะไม่เชื่อกับเรื่องแบบนี้ เขาจะหาว่าโกหกถือเป็นเรื่องเหลวไหล หากอาตมาไม่เคยเห็นมากับตาก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน
    หลวงพ่อจริงๆ แล้ววัตถุมงคลสามารถลองได้ไหมครับ?
    -ก็ลองกันได้เหมือนกัน แต่บางคนไปลองแล้วปากเบี้ยวก็มี สาเหตุเป็นเพราะอะไรอาตมาก็ไม่ทราบได้ ทั้งนี้และทั้งนั้นอาตมาว่า คนเราจะลองอะไรก็ต้องให้รู้จักเวล่ำเวลา ลองด้วยความศรัทธาไม่ได้ลองด้วยความดูหมิ่น หากจะลองแบบขอไปทีความขลังก็จะไม่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องแปลกที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้
    วัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลังใช้ไปนานๆ เสื่อมได้ไหมครับ?
    -หัวหน้าการไฟฟ้าอำเภอไทรน้อยคนหนึ่ง ได้มาขอตะกรุดของอาตมาไปเมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเขายังเป็นนักเรียนช่างกล กระทั่งปัจจุบันเขาก็ยังใช้อยู่ มีลูกศิษย์บางคนใช้มานานกว่า
    ๓๐ ปีแล้วเขาก็ยังใช้แขวนติดตัว ดังนั้น เครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นของเก่าของใหม่มีความขลังเหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่าง และไม่เสื่อมแต่ประการใด
    ญาติโยมนำวัตถุมงคลไปใช้แล้ว มีข้อห้ามอะไรไหมครับ?
    -หลักการนำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไปใช้ มีอยู่เพียงหลักการเดียวต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปต้มตุ๋นหลอกลวงใคร เป็นคนมีศีลมีธรรมก็ใช้ได้แล้ว
    และที่สำคัญอย่าไปด่าพ่อล่อแม่เขา หรือกินเหล้าเมาทำตัวเกเรอันธพาล หากทำตัวไม่ดี ความขลังก็จะกลายเป็นความเสื่อมได้ทันที
    ถ้าหากวัตถุมงคลเหล่านี้ไปอยู่กับโจรก็ไม่ดีซิครับ?
    -เรื่องแบบนี้บอกไม่ได้ หากพวกโจรบางคนมันมีบุญบารมีที่ดีในอดีตชาติ เมื่อมาอยู่ชาตินี้แล้วทำชั่ว แต่มีเครื่องรางฯ คุ้มครองความปลอดให้ก็มีโอกาสรอดได้เช่นกัน อย่าลืมว่าโจรทุกยุคทุกสมัยก็จะต้องหาของดีติดตัวเสมอ แต่อาตมาจะให้ข้อเตือนใจว่า แม้วันนี้คนทำความชั่วแล้วได้ดี แต่เมื่อวันใดหมดบุญบารมีที่สะสมเอาไว้ในชาติที่แล้ว เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า กลุ่มโจรเหล่านี้ไม่เคยมีใครตายดีสักคนเดียว ไม่ตายด้วยระเบิดก็ตายด้วยเอ็ม ๑๖
    ระหว่างของขลังกับธรรมะมีความเหมือน
    หรือแตกต่างกันอย่างไรครับ?
    -เป็นคนละเรื่องกัน และมีความแตกต่างกัน เพราะของขลังเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ เป็นเรื่องลี้ลับที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปฏิบัติป้องกันภัย และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนธรรมะเป็นการศึกษาจากตำรา นั่งสมาธิ หรือพระสงฆ์เทศนาสั่งสอนญาติโยมด้วยหลักธรรมะ และผู้ที่จะเข้าถึงธรรมะได้ก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ หรือธรรมะ
    ญาติโยมควรเลือกไสยศาสตร์หรือธรรมะดีล่ะครับ?
    -อาตมาว่าเลือกธรรมะจะดีกว่า เพราะจะได้ช่วยบ่มเพาะจิตใจ เพราะไสยศาสตร์บ่มเพาะจิตใจไม่ได้ ไสยศาสตร์มีไว้ติดตัว ที่ญาติโยมส่วนใหญ่หันมาพึ่งไสยศาสตร์กันมาก ก็เพราะว่าโลกเราถึงคราววิบัติ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถูกปล้น หรือถูกลอบวางระเบิด ยิ่งสงครามด้วยแล้ว ทุกคนจะต้องหาเครื่องรางฯ ไว้ติดตัวป้องกันอันตรายต่างๆ นั่นเอง
    เรื่องไสยศาสตร์สอนให้คนงมงายได้ไหมครับ
    -จะเป็นเรื่องงมงายหรือไม่นั้น อาตมาว่าอยู่ที่ตัวคนมากกว่า ถ้าคนเราเชื่ออย่างมีปัญญาว่าสิ่งเหล่านี้ใช้คุ้มครอง มีแล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับตัวเองจึงไม่งมงาย กลุ่มคนเหล่านี้ก็เหมือนเดินอยู่บนสายกลาง แต่หากบางคนเชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา เชื่อแบบไม่มีเหตุไม่มีผล คนพวกนี้ก็ถือว่าเป็นคนงมงาย
    เรื่อง-กวี สกาวไพร, สุทธิคุณ กองทอง
    ภาพ-นัทพล ทิพย์วาทีอมร ประวัติหลวงพ่อประสิทธิ์
    หลวงพ่อประสิทธิ์ อายุ ๗๗ ปี พรรษา ๕๔ ชื่อเดิม ประสิทธิ์ พุ่มน้อย เกิดวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ที่หมู่บ้านคลองมอญ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นบุตร นายมาก-นางทวี พุ่มน้อย อาชีพเกษตรกร
    ในวัยเด็กท่านได้ย้ายตามบิดามารดาไปอยู่ที่คลองมอญ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และเรียนจบการศึกษาชั้นประถม ๔ ที่โรงเรียนวัดสุทธาโภชน์ เมื่ออายุ ๑๕ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดสุทธาโภชน์เป็นเวลา ๓ ปี ต่อมาอายุ ๑๘ ปี จึงได้ลาสิกขามาช่วยบิดามารดาทำนากระทั่ง อายุครบอายุเกณฑ์ทหาร ได้เข้ารับราชการทหาร ณ กรมขนส่งทหารบกสะพานแดง บางซื่อ เป็นเวลา ๒ ปี
    หลังจากพ้นภารกิจทหารเกณฑ์ มีอายุ ๒๓ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสุทธาโภชน์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ โดยมี พระอธิการโพธิ์ วัดราษฎร์บำรุง เขตหนองจอก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสังข์ วัดสุทธาโภชน์ เป็นพระคู่สวด
    พ.ศ.๒๔๙๓ สอบได้นักธรรมชั้นเอก จึงได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร พร้อมทั้งได้ศึกษาตำราวิชาต่างๆ จากสมุดข่อยจากวัดสุทธาโภชน์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ก่อนหน้านี้
    หลวงพ่อประสิทธิ์ได้มาศึกษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยจำพรรษาที่วัดตรีทศเทพ เป็นเวลา ๔ พรรษา แต่ยังไม่บรรลุผล เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ พระอธิการเผื่อน เจ้าอาวาสวัดไทรน้อยรูปแรกในขณะนั้นได้มรณภาพลง ทางมัคนายกได้นิมนต์ให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๒ และเมื่อเห็นวัดไทรน้อยอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๙ พร้อมทั้งได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดไทรน้อย เมื่อออกพรรษาในปีเดียวกัน จึงได้จัดงานฝังลูกนิมิตอุโบสถหลังเก่า
    พ.ศ.๒๕๐๐ ได้สร้างหอปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ กุฏิ และพ.ศ.๒๕๐๒ อุโบสถชำรุด จึงสั่งรื้อ แล้วได้สร้างอุโบสถหลังใหม่โดยใช้เวลาสร้างประมาณ ๕ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗ จึงได้จัดงานฝังลูกนิมิต ได้กราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถหลังใหม่
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อประสิทธิ์วัดไทรน้อยยกชุด 3 เหรียญ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240317_192348.jpg IMG_20240317_192412.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เหรียญสมโภชพระประธานพุทธมณฑล ภปร. ปี2525 รุ่น2

    สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก เหรียญสมโภช พระประธานพุทธมณฑล ภปร. ทองคำ ปี 2525

    เนื่องในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ใน พ.ศ.2525 และสมโภช พระประธานพุทธมณฑล (หายากมาก) เนื้อทองคำน้ำหนัก 1 บาท สภาพสวยไม่ได้ผ่านการใช้ สภาพสวยสุดๆ มีเส้นรัศมีแผ่ทั้งองค์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (พระบูชาในรุ่นนี้ ราคาอยู่ที่ 120,000 บาท)

    ข้อมูลเพิ่มเติม

    พระประธานของพุทธมณฑล มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ เป็นพระหล่อเนื้อโลหะปางลีลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระประธานนี้ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี สร้างเสร็จและสมโภชฉลอง เมื่อ พ.ศ. 2525 คราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประกอบพิธีสมโภช เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2525

    ในคราวสมโภชพระประธานครั้งนี้ ทางพุทธมณฑล ได้มีการสร้างวัตถุมงคลเป็นที่ระลึก คือเหรียญพิมพ์พระประธานของพุทธมณฑล รูปทรงเหรียญคล้ายหยดน้ำ ด้านหลังมีตรา ภปร. ซึ่งถือเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของพุทธมณฑล นับตั้งแต่พระยี่สิบห้าศตวรรษ ที่มีการอัญเชิญสัญลักษณ์ ภปร. มาไว้ที่หลังเหรียญ พระเครื่องรุ่นนี้มีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ มีพระเถระทรงวิทยาคุณทั้งไทยและต่างประเทศมาร่วมงานสมโภชและปลุกเสกพระรุ่นนี้มากมาย ปัจจุบันเหรียญรุ่นนี้ได้หมดไปจากพุทธมณฑลหลายปีแล้วครับ

    ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.thaicoin.net

    เหรียญ พระลีลาปาง 25 พุทธศตวรรษ หลัง ภปร สมโภชพระศรีสากยะทศพลญาณประทานพุทธมณทลสุทรรศน์ พ.ศ. 2525 ร.ศ.200 พิธีเสกพระยิ่งใหญ่
    รายละเอียด เหรียญ พระลีลาปาง 25 พุทธศตวรรษ สมโภชพระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์
    ด้านหลัง พระปรมาภิไธย ย่อ ภปร. ปี 2525 หรือ พระปางลีลาพระประธานของพุทธมณฑล จ.นครปฐม มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า " พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ " เป็นพระหล่อเนื้อโลหะปางลีลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระประธานนี้ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี สร้างเสร็จและสมโภชฉลอง เมื่อ พ.ศ. 2525 คราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประกอบพิธีสมโภช เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ในคราวสมโภชพระประธานครั้งนี้ ทางพุทธมณฑล ได้มีการสร้างวัตถุมงคลเป็นที่ระลึก คือเหรียญพิมพ์พระประธานของพุทธมณฑล รูปทรงเหรียญคล้ายหยดน้ำ ด้านหลังมีตรา ภปร. ซึ่งถือเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของพุทธมณฑล นับตั้งแต่พระยี่สิบห้าศตวรรษ ที่มีการอัญเชิญสัญลักษณ์ ภปร. มาไว้ที่หลังเหรียญ พระเครื่องรุ่นนี้มีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ มีพระเถระทรงวิทยาคุณทั้งไทยและต่างประเทศมาร่วมงานสมโภชและปลุกเสกพระรุ่นนี้มากมาย
    พิธีเข้มขลัง พุทธคุณเด่นคงกระพันชาตรีแคล้วคลาด เสน่ห์เมตตามหานิยม การงานเสริมดวงลาภยศสรรญเสริญ โชคลาภ การค้าการขายดีร่ำรวย ซื้อง่าย ขายคล่อง มีดีครบทุกด้านเป็นที่ประจักยิ่งนัก
    พิธีปลุกเสกพระดีมากและยิ่งใหญ่ พระสร้างน้อย
    เหรียญ25พุทธศตวรรษ ภปร สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ200ปี ปี2525 พุทธมณฑลจัดสร้าง เหรียญทรงคุณค่าในรัชกาลของพุทธมณฑล ประดิษฐานที่ฐานพระพุทธรูป25พุทธศวรรษที่มีมูลค่าหลักหมื่นหลักแสนตามขนาดหน้าตัก
    ในปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240317_192520.jpg IMG_20240317_192456.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2024
  19. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +1,190
    จอง เหรียญสมโภชพระประธานพุทธมณฑล ภปร. ปี2525 รุ่น2
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1710753158925.jpg
    1709392342238-jpg.jpg
    s__78954535-jpg.jpg 99%E0%B8%97%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2-jpg.jpg

    เหรียญสี่ครูบา หลังพระธาตุสี่ครูบา รุ่นสร้างพระธาตุสี่ครูบา ด้านหน้าเหรียญเป็นรูป 4 ครูบาแห่งตระกูลสงฆ์ ประกอบด้วย ครูบาพ่อเป็ง วัดป่าหนองเจดีย์ ผู้เป็นพ่อ ครูบาอินทจักรักษา อินทจักโก วัดน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง ผู้พี่ชายคนโต ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า พี่ชายคนรองและท้ายสุดผู้น้องคนเล็ก ครูบาคัมภีระ วัดพระธาตุดอยน้อย อ.จอมทอง ส่วนด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระบรมธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    เหรียญสี่ครูบา วัดน้ำบ่อหลวง ปี 2516.
    เหรียญสี่ครูบา ครูบาพ่อเป็ง , ครูบาวัดน้ำบ่อหลวง(ครูบาอินทจักร์) , ครูบาวัดพระบาทตากผ้า(ครูบาพรหมจักร์) , ครูบาคัมภีระ วัดน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ โดยมีพิธีพุทธาภิเศกที่ วัดน้ำบ่อหลวง มีพระเกจิฯ สายเหนือ มาร่วมปลุกเสกหลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่แหวน สุจิโณ, ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง, ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย, ครูบาพรหมมา วัดพระบาทตากผ้า ฯลฯ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240318_161126.jpg IMG_20240318_161146.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...