ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันนี้ติดธุระ เป็นพรุ่งนี้จะทยอยส่งของนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2018
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอบ PM ครบนะครับ พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อ;)
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนเอง

    การพัฒนา หมายถึง การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น โดยอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่ดีให้กลายเป็นดี หรือสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาตนเอง ซึ่งอาจมองได้เป็น ๒ ทาง คือ การพัฒนาตนให้เป็นคนดี กับ การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่ง
    พระพุทธศาสนามีหลักธรรมที่ส่งเสริมให้มนุษย์สามารถพัฒนาตนให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง อยู่มากมาย ตัวอย่างหลักธรรมเหล่านี้ ได้แก่

    ๑) หลักธรรมสำหรับการพัฒนาตนให้เป็นคนดี
    ๑) เบญจศีล หรือ ศีล ๕ เป็นหลักธรรมที่ว่าด้วยการรักษากายและวาจาให้เรียบร้อยเป็นข้อปฏิบัติในการละเว้นจากความชั่ว และรู้จักควบคุมตัวให้ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียน มี ๕ ประการ คือ
    (๑) การไม่ฆ่าสัตว์หรือทรมานทำร้ายสัตว์
    (๒) การไม่ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น
    (๓) การไม่ประพฤติผิดลูกเมียของผู้อื่น
    (๔) การไม่พูดโกหก
    (๕) การไม่ดื่มสุราหรือเสพสิ่งเสพติด
    ๒) เบญจธรรม หรือ เบญจกัลยาณธรรม เป็นหลักธรรมที่เกื้อกูลแก่การรักษาเบญจศีลโดยมุ่งเน้นที่การกระทำเพิ่ม มิใช่การละเว้นเพียงอย่างเดียว มี ๕ ประการ ได้แก่
    ๑) เมตตาและกรุณา คือ มีความรักและปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข
    ๒) สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหาเลี้ยงชีพในทางสุจริต
    ๓) กามสังวร คือ รู้จักสำรวม ระมัดระวัง และยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์
    ๔) สัจจะ คือ มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง
    ๕) สติสัมปชัญญะ คือ รู้จักยั้งคิดและรู้สึกตัวอยู่เสมอว่า สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ

    ๒) หลักธรรมสำหรับการพัฒนาตนให้เป็นคนเก่ง
    ๑) อิทธิบาท ๔ หมายถึง หลักธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จสมดังความมุ่งหมาย มี ๔ ประการ ได้แก่
    ๑) ฉันทะ ความพอใจ คือ ความต้องการที่จะทำสิ่งนั้นๆอยู่เสมอ และยังปรารถนาที่จะทำให้สิ่งนั้นได้ผลดียิ่งขึ้น
    ๒) วิริยะ ความเพียร คือ ความขยันที่จะทำสิ่งนั้นด้วยความอดทนและไม่ท้อถอย
    ๓) จิตตะ ความคิด คือ การตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำและทำสิ่งนั้นด้วยความคิด ไม่ปล่อยจิตให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป
    ๔) วิมังสา ความไตร่ตรอง คือ การหมั่นใช้ปัญญาพิจารณาหาข้อดีข้อบกพร่อง รู้จักคิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง
    ๒) พละ ๕ หมายถึง หลักธรรมอันเป็นกำลังหรือทำให้เกิดความมั่นคง คือช่วยให้การทำงานลุล่วงสำเร็จได้ มี ๕ ประการ ได้แก่
    ๑) สัทธา คือ มีความเชื่อมั่นหรือสัทธาในสิ่งที่ตนเองทำ
    ๒) วิริยะ คือ ความเพียร ปราศจากความเกียจคร้าน
    ๓) สติ คือ มีความระลึกได้ ไม่ประมาท
    ๔) สมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่น ไม่มีความฟุ้งซ่าน
    ๕) ปัญญา คือ มีความรู้ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่กระทำ


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่กรธัช EU 4954 0988 0 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EU 4954 0989 3 TH

    พี่วิชัย EU 4954 0990 2 TH

    พี่วีรพล EU 4954 0991 6 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ช่วงนี้มีคนปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องถูกกระทำทางไสยศาสตร์กันเข้ามามาก ก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเรื่องแบบนี้มันสวนทางกับความเจริญและเทคโนโลยีทีเดียวแต่กลับเกิดขึ้นต่อเนื่องและบ่อยโดยสวนทางกับกับการพัฒนา ยิ่งมีคนเจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาต ริษยากันมากเท่าไหร่ ยิ่งคนโกรธง่ายห้ามใจตัวเองไม่ได้เท่าไหร่ เรื่องเหล่านี้ก็เกิดขึ้นได้ง่ายและเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว ...วันพรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ วันนี้ก็มาติดตามเรื่องพูดคุยกันต่อ ซึ่งผมจะลงบทความของปราณเวทย์เกี่ยวกับการกระทำคุณไสยพอเป็นความรู้คร่าวๆให้ก่อน


    การแก้และป้องกันคุณไสย โดย ปราณเวท

    ข้าพเจ้า ขอประณตน้อมนมัสการ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา คุณครูอาจารย์ผู้ฝึกสอน สรรพครูทั้งหลายทั้งปวง ผู้สร้างสรรพคัมภีร์ สรรพเวททั้งหลาย

    ความรู้ เกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์ ของผมนั้น ส่วนใหญ่ได้มาจากหนังสือ ของ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เป็นหลักครับและสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ส่วนใหญ่ก็ได้ข้อมูล จากหนังสือ อาถรรพ์เวท ภาค 1-2 คุณไสย มีอยู่หลายอย่างครับ เช่น คุณผี (ใช้ผีมาเข้าสิง หรือทำร้าย) , คุณคน (การกระทำ โดยใช้สิ่งของ หรืออาคมต่างๆ) , เสน่ห์ยาแฝด , ยาสั่ง , ฝังรูปฝังรอย, ลมเพลมพัด เป็นต้น

    วิธีการกระทำยำยี คุณไสย แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
    1. กระทำโดยตรงถึงตัว
    2. กระทำโดยมโนคติ

    การกระทำยำยี โดยใช้วิชาไสยศาสตร์ นั้นถ้าจะให้สัมฤทธิ์ผล ต้องอาศัยเหตุ 3 ประการ
    1. ผู้กระทำ ต้องกระทำด้วยความสุจริตใจ
    2. ผู้ที่กระทำเป็นฝ่ายถูก แต่ได้รับความอยุติธรรม
    3. ผู้ที่ถูกกระทำ ต้องไม่มีการป้องกันตัว
    ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการนี้แล้ว ก็ยากนักที่การกระทำยำยี นั้นจะเป็นผล เมื่อเราทราบถึง วิธีการและเงื่อนไขแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถป้องกันตัวเอง จากคุณไสย ต่างๆ ได้

    การป้องกันไม่ให้ถูกคุณไสย
    1. ต้องเป็นผู้มีศีล มีธรรม น้อมนำพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง หมั่นสวดมนต์ภาวนา บูชาพระรัตนตรัยอย่างสม่ำเสมอ กล่าวกันว่า ใครก็ตามที่สามารถ ไหว้พระได้ สวดมนต์ บูชาคุณ พระ พุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ก็แสดงว่า ไม่ได้ถูกคุณไสยกระทำ
    2. ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ กับใคร ไม่เบียดเบียนใคร ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา ใจ ก็ตาม
    3. หลีกเลี่ยงการเชื่อมโยง กับคุณไสยต่างๆ เช่น ถ้าในเวลากลางคืนได้ยินเสียงอะไรดังผิดปกติ ก็อย่าไปทักให้อยู่เฉยๆ ไว้(ใช้สติไตร่ตรอง) ,อย่าเข้าไปในสถานที่ ที่หวงห้าม หรือกระทำในสิ่งที่เป็นการลบหลู่ ,อย่าหยิบจับ วัตถุอาถรรพ์ใดๆ โดยเด็ดขาด
    4. ทำอาถรรพ์ กฤตยาคม ป้องกันตนเอง เช่น การสวดมนต์คาถา , อาราธนาพระคล้องคอ, การทำดวงพิชัยสงคราม, ผูกดวงไว้บูชาดวง, แขวนยันต์ท้าวเวสสุวรรณ, การฝังอาถรรพ์บริเวณบ้าน หรือการปลูกต้นไม้ เพื่อป้องกัน คุณไสยต่างๆ
    5. ทำบุญทำทาน สร้างกุศล แล้วแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญ ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวร ,เทวดาประจำตัวที่คอยปกปักรักษาตัวเรา

    หัวใจของการป้องกันคุณไสยก็คือ การเป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรม ไม่วุ่นวายหาเรื่องใส่ตัว แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องรู้จักหาทางป้องกัน ตามข้อ 4 ไว้บ้างก็ดีครับ

    การแก้คุณไสยต่างๆ
    1. ก่อนอื่นต้องแยกแยะให้ออกก่อนว่า สิ่งที่เป็นนั้น มีสาเหตุจากอะไร และควรยึดหลักวิทยาศาสตร์ก่อน ถ้าไม่ค่อยสบาย เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต้องไปหาหมอ แต่ถ้าพยายามรักษาจนถึงที่สุดแล้ว หมอหมดทางรักษา แล้ว ก็ค่อยหันมาใช้วิธีทางไสยศาสตร์ การพิสูจน์ก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ ลองให้ผู้ป่วยสวดมนต์ไหว้พระ สวดคาถาชินบัญชร ถ้าสวดได้จนจบ ก็พอสรุปได้ว่า คงไม่ได้โดนคุณไสย หรอกครับ แต่อาจจะเป็นโรคเวรโรคกรรม เป็นบุพกรรม ที่ผู้ป่วยได้เคยกระทำมาในอดีต ถ้าเป็นเช่นนั้น วิธีการรักษาก็ต้องควบคู่ไปกับ การสร้างบุญสร้างกุศล ชดใช้หนี้กรรม
    2. ปรึกษาพระ หรือ ผู้ที่มีความรู้ในการแก้อาถรรพ์ต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาถาที่ใช้ในการแก้คุณไสย ก็จะเป็น คาถาธรณีสาร ถอนโบสถ์ถอนเสมา ข่ายเพชรพระพุทธเจ้า ชินบัญชร เป็นต้น แต่ถ้าสามารถรอได้ ต้องการให้สัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน ก็ต้องหาฤกษ์ กำหนดวันและเวลา ในการล้างอาถรรพ์ให้ดีด้วยครับ
    3. นำน้ำมนต์ที่วัด มาอาบหรือ ให้ผู้ถูกคุณไสย ดื่ม (ต้มเสียก่อนก็ดีนะครับ) ยังมีอีกหลายวิธีที่จะแก้คุณไสยได้ ซึ่งถ้าพิสูจน์จนมั่นใจแล้วว่า โดนคุณไสยแน่นอน ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พระ หรือ หมอผี ดีกว่าครับ

    ถึงตรงนี้ผม อยากจะเตือนทุกท่านว่า เรื่องไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก สำหรับคนทั่วไป จึงทำให้ถูกพวกมิจฉาชีพ ,พวก 18 มงกุฏ หลอกลวงได้ง่าย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และโอกาสในการรักษาเยียวยา อีกอย่าง การทำคุณไสย ใส่ใครในสมัยนี้ผมว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะสภาพแวดล้อม สังคมที่เปลี่ยนไป สิ่งที่จะนำมาใช้ก็หายากขึ้น และต้องเป็นผู้ที่มีตบะ อาคมแก่กล้า ซึ่งหาได้ยากเต็มทน (คนที่มีความละโมบในอามิสสินจ้าง จนทำร้ายคนอื่นได้ ก็ยากที่จะเป็นผู้คงแก่เวท ตบะเดชะ) แถมถ้าเป้าหมายที่จะทำคุณไสยใส่ รู้ตัว หาทางป้องกัน คนที่จะเดือดร้อนก็คือผู้ปล่อยของนั้นเอง

    สำหรับคนที่ปล่อยของ ถ้าไม่อยู่ในศีล หรือกระทำผิด คิดร้าย ไม่เป็นไปตามเหตุ 3 ประการข้างต้น ก็ย่อมนำผลร้ายมาสู่ตัวเอง หรือโดนของกลับเข้าตัวเอง กล่าวกันว่า ผู้ที่ใช้มนต์ดำ ไสยดำ ทำร้ายคนอื่น ตายไปก็จะกลายไปเป็น ปอบ หรือกระสือ ที่หิวโหย ทุกข์ทรมาน ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าสู้หน้าใคร หรือถ้าไปเกิดในชาติหน้า ก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน สติไม่สมประกอบ

    สำหรับผมที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นคนที่ถูกคุณไสยกับตาตัวเองเลย เคยเห็นแต่ผีเข้า ซึ่งก็มักจะแก้ไม่ยาก ส่วนใหญ่พอเหนื่อยแล้ว หรือ เจรจาต่อรองได้สมใจแล้วก็ออกเอง ไม่ต้องถึงกับออกแรงไล่กัน ส่วนคนที่มาบอกว่า โดนของ ผมพิจารณาแล้ว ก็มักเกิดจากการเข้าใจผิด ทึกทักอุปทานไปเอง เสียมากกว่า คนที่จะโดนของ ถูกคุณไสยได้นั้น ส่วนหนึ่งก็คงมาจาก บุพกรรม ของแต่ละคน นั่นแหละครับ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

    image.jpg
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธเนศพล EU 4956 3803 0 TH

    พี่นฤชา EU 4956 3804 3 TH

    พี่ศิระ EU 4956 3805 7 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EU 4956 3806 5 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอบ PM ครบนะครับ พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันนะ;)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พอดีมีบางท่านขอน้ำมันโอสถไว้ทาไว้นวดของพ่ออาจารย์ท่านมาด้วยอันนี้ใช้ดีจริงๆ วันนี้เดี๋ยวส่งของแล้วมาติดตามพูดคุยกันนะ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ทวีพงษ์ EU 4956 0762 0 TH

    พี่นวรัตน์ EU 4956 0763 3 TH
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยเรื่องทั่วไป

    ตั้งแต่เปิดให้บูชาขุนแผนพรายเพชรสวาทก็มีหลายๆท่านจองกันเข้ามา และส่วนใหญ่จะเป็นยูสเซอร์ซึ่งไม่เคยมีการติดต่อพูดคุยกันมาจองไว้ก็เงียบไป ดังนั้นคนใหม่ๆเลยที่จองมาใครที่ไม่ยืนยันสิทธิ์เมื่อผมข้อความกลับไปหรือกล่าวง่ายๆคือจองลมๆเข้ามาผมก็ขออนุญาติผ่านไปเลยไม่เก็บไว้นะครับ เพราะคนที่เค้าเอาจริงๆยังมี

    เกี่ยวกับเรื่องการถูกกระทำนั้น ผมได้รับข้อความเข้ามาเรื่อยๆจากหลายๆคน ซึ่งก็น่าแปลกว่ายุคแบบนี้ทำไมเรื่องพวกนี้กลับเกิดขึ้นบ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นญาติ คนรู้จัก คนในครอบครัว คนรัก เรียกว่าเป็นคนที่คาดไม่ถึงอย่างยิ่งทั้งสิ้น เรื่องเหล่านี้ก็ถามหรือปรึกษากันเข้ามาได้เรื่อยๆ เพราะต้องให้การแนะนำเป็นรายบุคคลไป

    ส่วนที่ถามกันมาเกี่ยวกับพระมหาฤาษีทุรวาส เรียกว่าเป็นยอดปรารถนาของสายเทพฤาษีที่มีคนหาและศรัทธากันมากมาย อันนี้ก็เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วที่มีคนถามคนขอเครื่องมงคลในรูปมหาฤาษีทุรวาสที่พ่ออาจารย์ท่านประสิทธิ์ซึ่งน่าจะผิดหวังกันไปหมดทุกคน ด้วยครูทุรวาสนั้นมีอาถรรพ์สูง รุนแรง และท่านมักจะกระทำสิ่งต่างๆไปด้วยอารมณ์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนั้นจึงไม่สามารถจะเสกจะเชิญเพียงผ่านหรือขอไปทีให้ใครนำไปบูชาได้ เพราะต้องทำให้ดีและเต็มที่จริงๆโดยไม่เกิดผลร้ายแก่คนใช้ถึงจะได้ชื่อว่าดี


    * เรื่องเกี่ยวกับพระฤาษีทุรวาสะหรือทุรวาสนั้น จะทยอยๆลงให้อันนี้ก็ค่อยๆติดตามกันไป


    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2018
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ฝากคำถามก็ PM ไว้นะครับ จะตอบไลน์กว่าถามกันมาในไลน์เพราะบางทีไม่ได้อ่าน ส่วนใครที่รอสายครูแรงๆ ห้ามพลาดกันนะ;)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เคล็ดลับของครูบาศรีวิชัย
    เมื่อกล่าวถึงองค์ครูบาศีลธรรมเจ้าย่อมเป็นที่รู้จักกันในวงกว่าง แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ว่าท่านถือศีลถือธรรมและมีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดเพียงใด ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด โดยที่ท่านงดการเสพ หมาก เมี่ยง บุหรี่ โดยสิ้นเชิง

    ท่านงดฉันเนื้อสัตว์ตั้งแต่เมื่ออายุได้ ๒๖ ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็นผักต้มใส่เกลือกับพริกไทเล็กน้อย บางทีก็ไม่ฉันข้าวทั้ง ๕ เดือน คงฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังงดฉันผักตามวันทั้ง ๗ คือ
    วันอาทิตย์ ไม่ฉันฟักแฟง
    วันจันทร์ ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา
    วันอังคาร ไม่ฉันมะเขือ
    วันพุธ ไม่ฉันใบแมงลัก
    วันพฤหัสบดี ไม่ฉันกล้วย
    วันศุกร์ ไม่ฉันเทา (อ่าน "เตา"-สาหร่ายน้ำจืดคล้ายเส้นผมสีเขียวชนิดหนึ่ง)
    วันเสาร์ ไม่ฉันบอน

    นอกจากนี้ผักที่ท่านจะไม่ฉันเลยคือ ผักบุ้ง ผักปลอด ผักเปลว ผักหมากขี้กา ผักจิก และผักเฮือด-ผักฮี้ (ใบไม้เลียบอ่อน) โดยท่านให้เหตุผลว่า ถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดงดได้ การบำเพ็ญกัมมัฏฐานจะเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้ง ๔ จะเป็นปกติ ถ้าชาวบ้านงดเว้นแล้วจะทำให้การถือคาถาอาคมดีนัก


    * ตรงนี้ใครมีศรัทธาอยากจะปฏิบัติตามครูบาเจ้าท่าน หากทำได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายกย่องยิ่ง แต่หากใครมองเพียงการทรงอาคมหรือคาถาอาคมป้องกันการเสื่อมและเพื่อให้การใช้เครื่องมงคลทั้งหลายเป็นไปได้ด้วยดีอย่างมากที่สุดนั้น ถ้าปรารถนาเพียงเท่านี้ให้อาราธนาตะกรุดตัวครูทวิบารมีพระเจ้าทรงวิชากันความเสื่อม(ข่ม,ปราบ,สาป,ฝังพระธรณี) ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน



    44_116.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พรุ่งนี้มาติดตามเรื่องพูดคุยกันต่อนะครับ;)
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    มีแจ้งเข้ามาว่ากระทู้ขุนแผนเพชรสวาทถูกลบไป ผมยังเก็บต้นฉบับไว้อยู่นะครับ แต่คาดว่าน่าจะมีบางคำที่ผู้ดูแลท่านเห็นไม่สมควรเลยลบ ดังนั้นพรุ่งนี้ผมจะลองเรียบเรียงใหม่ตัดคำที่ดูแรงๆออกไปให้ถ้อยคำเหมาะสมแล้วจะโพสต์ให้ใหม่นะครับ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ผมแก้ไขในบางคำให้แล้วนะครับ แต่หากถูกลบอีกหลายๆท่านก็ใจเย็นๆไว้ เพราะผมรับรองว่าไม่หาย แต่ผมไม่รู้ว่าคำไหนที่ต้องแก้หรือสมควรแก้และถูกเพ่งเล็ง ถ้าถูกลบอีกก็จะแก้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะโพสต์ได้ปกติ ;)
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยวันหยุด

    ก็จะนำประวัติพระฤาษีทุรวาสมาลงให้แบบคร่าวๆก่อนนะครับ

    พระฤาษีทุรวาสเป็นบุตรของพระฤาษีอัตริกับนางอนสูยา เป็นพี่น้องกับพระโสม และพระทัตตาเตรยะ ชื่อทุรวาสแปลว่าผู้อยู่ด้วยยาก

    พระฤาษีทุรวาสรู้จักกันอย่างดีในฐานะผู้ที่มีอารมณ์ร้ายมาก มักจะสาปทั้งเทวดาและมนุษย์เมื่อตนไม่พอใจเสมอ

    ในพราหมณปุราณะเล่าว่าครั้งหนึ่งพระพรหมาทะเลาะกับพระศิวะ ทำให้พระศิวะทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จนเทวดาต่างพากันหวาดกลัวและรีบหนีพระศิวะ พระแม่ปราวตีผู้เป็นชายาของพระองค์ก็บ่นว่าทนความพิโรธของพระองค์ไม่ไหว พระศิวะจึงนำความโกรธนั้นไปใส่ในครรภ์ของนางอนสูยา และเกิดเป็นพระฤาษีทุรวาส เนื่องจากเกิดจากความพิโรธของพระศิวะ จึงทำให้พระฤาษีทุรวาสมีนิสัยขี้โกรธ

    ในภาควัตปุราณะเล่าว่านางอนสูยาได้บำเพ็ญตบะเพื่อขอบุตรจากพระพรหมา พระวิษณุ และพระศิวะ จนเทพทั้ง3พระองค์ประทานบุตรให้ โดยพระพรหมาอวตารไปเป็นพระจันทร์ พระวิษณุอวตารไปเป็นพระทัตตเตรยะ และพระศิวะอวตารไปเป็นพระฤาษีทุรวาส

    ฤๅษีทุรวาส เป็นภาคหนึ่งในการอวตารของพระศิวะ มีฤทธิ์มากและอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายอีกด้วย ครั้งหนึ่งไม่พอใจในการเฉยเมยของนางศกุนตลา มเหสีของท้าวทุษยันต์เจ้ากรุงหัสตินาปุระ รุ่นที่ 3 ปู่ทวดของท้าวศานตนุ(แผนภูมิกรุงหัสตินาปุระ) จึงสาปให้ท้าวทุษยันต์ลืมคำสัญญาที่ให้กับนางจนหมดสิ้น

    แต่ในเรื่องนี้ ท่านฤๅษีพอใจในการปรนนิบัติดูแลของเจ้าหญิงกุนตี และรู้อนาคตว่าจะมีสามีที่ไม่มีลูกได้ จึงให้มนตร์วิเศษเชิญเทพมาประทานโอรสแก่นาง ซึ่งต่อมาก็คือกรรณะและห้าพี่น้องปาณฑพนั่นเอง

    พระฤาษีองค์นี้เป็นองค์หนึ่งที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปต่อกรและรบกวนท่านก็เพราะว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์มากมายทั้งคาถาและวาจาประกาศิต ถ้าหากมีใครดีกับท่านแล้วท่านจะส่งเสริมตลอดไปแต่หากท่านลองโกรธผู้ใดแล้วไม่ว่าผู้นั่นจะมีฤทธิ์เดชเพียงใดแล้วก็ยังไม่สามารถสู้ฤทธิ์เดชของท่านได้เลยไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือพระอินทร์ก็จะต้องพากันหน้าแตกไปตามๆกัน เพราะไม่สามารถที่จะป้องกันในฤทธิ์เดชของท่านได้

    ดั่งตำนานการกวนเกษียรสมุทรที่ว่า ...อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อท่านได้ออกฌานแล้ว ท่านได้เข้าไปในป่าหิมพานต์เพื่อจะหาอาหารและผลไม้ บังเอิญได้พบเทพธิดาที่สวยงามนางหนึ่งนางนำพวงมาลัยที่ร้อยด้วยดอกไม้สดจากสวรรค์นำมาถวายองค์พระฤาษีทุรวาส

    พระฤาษีได้รับพวงมาลัยนั้นมาแล้วนางฟ้าก็กลับไป พระฤาษีสดชื่นแจ่มใสเพราะพวงมาลัยนั้นส่งกลิ่นหอมอบอวล ไม่มีดอกไม้ใดในโลกที่จะเปรียบเทียบในกลิ่นหอมของดอกไม้จากสวรรค์นี้ได้และในที่สุดกลิ่นหอมของดอกไม้นั้นก็เริ่มออกฤทธิ์ทำให้มีอาการคลุ้มคลั่ง เที่ยวร้องเพลงเต้นรำไปในอากาศอย่างสนุกสนาน โดนมิได้รู้สึกตัวเองเลยสักนิดเดียว

    ในขณะที่พระฤาษีเต้นรำและร้องเพลงเหาะมาในอากาศนั้นก็บังเอิญที่พระอินทร์ได้ทรงช้างผ่านมาก็พบกับพระฤาษีพอดี เมื่อพระฤาษีขณะคลั่งไคล้ไหลหลงลืมตัวอยู่เห็นพระอินทร์ก็จำได้ จึงถวายพวงมาลัยดอกไม้สดพวงนั้นให้กับพระอินทร์ พระอินทร์ก็รับถวายด้วยความเต็มใจแล้วจึงนำไปวางไว้บนหัวช้างเอราวัณ เมื่อช้างเอราวัณได้กลิ่นหอมนั้นแล้ว ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งเช่นเดียวกับพระฤาษี

    ฝ่ายทุรวาสเห็นเช่นนั้นแล้วจึงโกรธ เข้าใจว่าพระอินทร์ดูถูกและเหยียดหยาม จึงได้นำดอกไม้นั้นไปให้ช้างกระทืบเล่นด้วยความโกรธจนตาแดงก่ำ เลยสาปให้พระอินทร์และเทวดาที่ร่วมมาด้วย มิหนำซ้ำยังสาปไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ให้พระอินทร์และเทวดาถอยกำลังมีฤทธิ์น้อยลงไป เมื่อใดที่ต้องการสู้กับพวกอสูร ทั้งพระอินทร์และเทวดาจะต้องพ่ายแพ้กับอสูรอย่างยับเบิน

    ทั้งพระอิทร์และเทวดาพากันตกใจอ้อนวอน และขอโทษกับพระฤาษี เพราะว่ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น เป็นความผิดของช้างต่างหากที่ได้กระทำลงไปเช่นนั้น พระฤาษีก็ไม่ฟังเสียงโดยอ้างว่าเป็นถึงพระอินทร์ทำไมบังคับช้างไม่ได้ พระฤาษีไม่ยอมให้อภัยใดๆทั้งสิ้นว่าแล้วก็เหาะไปจากที่นั่นโดยเร็ว นับแต่บัดนั้นมาพระอินทร์และเทวดาจึงไม่มีฤทธิ์เหมือนดังแต่ก่อน เมื่อเกิดสงครามกับพวกอสูรทุกครั้ง จะต้องพ่ายแพ้แก่พวกอสูรทุกครั้งไปต่อจากนั้นพระนารายณ์จึงคิดแก้ไขให้มีการกวนน้ำอมฤตกันขึ้นมาเพื่อจะให้พระอินทร์และเทวดาได้ดื่มกินจะได้มีฤทธิ์เหมือนดังเดิมก็นับได้ว่าพระฤาษีทุรวาสองค์นี้ก็เป็นหนึ่งในฤาษีผู้มีฤทธิ์ด้วยวาจาปกาศิตสูงสุด ซ้ำยังเป็นปางหนึ่งของพระศิวะอันจะได้ดำเนินเรื่องราวต่างๆให้เป็นไปในมหาจักรวาลนั่นเอง


    นอกจากคำสาปที่สุดแสนอำมหิตจนเป็นบ่อเกิดของสงครามมากมายหลายยุค หลายเผ่าพันธุ์แล้ว แม้คำพรของท่านก็ถือได้ว่าเป็นยอดแห่งคำอวยพรที่มีฤทธานุภาพอันประเสริฐกว่าเทพยดาทั้งหลายด้วยเช่นกัน กล่าวได้ว่าแม้ใครได้สักการะบูชาท่านก็จะดีด้วยแบบเรียกว่าเวลาดีก็จะดีใจหาย ประสิทธิประสาทพรอันจำเป็นต่อเหตุการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครอบคลุมถ้วนทั่ว ซ้ำยังคุ้มเกรงให้ปัจจามิตรที่คิดร้ายมอดดับถึงคราพินาศราพณาสูร


    * ติดตามกันดีๆนะ ในสายครูทั้งหลายพระฤาษีองค์นี้โดดเด่นสุดๆจริงๆ

    durvasa-shakuntala-_J3_BAPD.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2018
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันนี้ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM ไว้นะครับ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลอาถรรพ์พรายขุนแผนเพชรสวาทง่อยหกเมีย

    "ของสิ่งนี้แม้ได้ใส่ติดตัวเข้าใกล้ใครเนื้อเขาจะพองใจเขาจะเต้น จิตจะพิศวงงงงวยหาความสมประดีมิได้ "

    ..........................
    คาถาอาราธนา
    อาราธนา อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง ปิยังมะมะ (ให้ถือเป็นเคล็ดกระทำนำนิ้วแตะที่ขวดสีผึ้งแล้วนำมาทาปากเฉยๆพอเป็นพิธีเท่านั้น , เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่หรือผู้มียศศักดิ์ให้ใช้นิ้วโป้ง , เมื่อจะไปหาคนรุ่นเดียวกันหรือคนใช้ คนที่มีศักดิ์ต่ำกว่าให้ใช้นิ้วชี้ , เมื่อจะไปหาแม่หม้ายหรือผู้สูงอายุให้ใช้นิ้วกลาง , เมื่อจะไปหาหนุ่มๆสาวๆให้ใช้นิ้วนาง , เมื่อจะไปหาสาวน้อยหรือผู้มีอายุน้อยกว่าให้ใช้นิ้วก้อย)
    ............................

    * สำหรับผู้บูชาให้ส่งรายละเอียดชื่อนามสกุลเข้ามาเฉพาะทาง PM พ่ออาจารย์ท่านจะเจิมและกำกับมนต์ให้เป็นพิเศษอีกครั้ง

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลอาถรรพ์พรายขุนแผนเพชรสวาทง่อยหกเมีย บูชา 4,000 บาท


    * เนื่องจากเนื้อหาโดนลบถึงสองรอบ ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงให้ผ่านดีเพราะตรวจทานหลายครั้งก็ไม่มีคำทะลึ่งหรือรุนแรงอะไรเลย จนบางคนบอกว่างงทำไมโดนลบ ดังนั้น ใครที่จะบูชาหรือต้องการอ่านก็ให้ PM เข้ามาและผมจะส่งรายละเอียดทั้งหมดไปให้เฉพาะคนนะครับ ก็ถือเสียว่ารายการนี้เป็นของพิเศษจริงๆแล้วกัน


    get_auc3_img_php_12.jpg image.png
    28833159_2159934924292917_1071526893_n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยยามเย็น

    ก็ต่อจากเรื่องพระฤาษีทุรวาสเลย เนื่องจากหากกล่าวถึงพระฤาษีทุรวาสของพ่ออาจารย์แล้ว ก็คงไม่สามารถลืมที่จะพูดถึงเงินปากผีได้ ของที่แต่โบราณที่ได้ชื่อว่าหาง่ายแต่เอายาก มีอาถรรพ์รุนแรงมาก ทั้งคนที่จะเอามาใช้ให้ได้ดีได้ต้องรู้วิธีล้างอาถรรพ์ร้าย และรู้วิธีเสกว่าจะทำอย่างไรให้เงินปากผีนั้นมีอานุภาพมากซ้ำยังเป็นเสมือนกายสิทธิ์อันมีฤทธิ์ มีความรู้สึกและมีอาถรรพ์ที่รุนแรง คอยคุ้มครองติดตามช่วยเหลือเรา เงินปากผีของพ่ออาจารย์ท่านนั้นจะพิเศษอย่างไร สำคัญอย่างไร ด้วยเงินปากผีที่ทำพิธีอย่างถูกต้องไม่ซี้ซั้วทำไมคนถึงหา ถึงต้องการอย่างมาก.. ส่วนนี้ต้องติดตาม แต่วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องเงินปากผีคร่าวๆไว้ก่อน

    ความเชื่อ เกี่ยวกับ อาถรรพ์ ของ เงินปากผี นั้น เกิดจากความหวาดกลัวของคนสมัยก่อน ซึ่ง มักจะพบกับปรากฏการณ์ที่อยู่เหนือคำอธิบาย ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีวิชาอาคมจริง ๆ ก็ไม่สามารถจะนำมาครอบครองได้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า การทำศพในสมัยโบราณมักจะนำศพไปฝังไว้ที่ป่าช้า ( ถ้าไม่เผา ) ซึ่งสถานที่แห่งนั้นเป็นแหล่งรวมของ อาถรรพ์ ต่าง ๆ มากมายทั้งที่สามารถสัมผัสได้ ( ซากศพ ) และสัมผัสไม่ได้ เช่น วิญญาณ ปิศาจ การที่จะนำเอา เงินปากผี มาทำพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อผสมสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง จะต้องมีการทำพิธีที่ถูกต้อง ถ้าทำโดยสุ่มสี่สุ่มห้า อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ( เจ้าของ เงินปากผี คือ วิญญาณของผู้ตายอาจจะมาทวงคืนได้ )

    ในเรื่องนี้ชาวฮินดู ก็มีความเชื่อ โดยจะเอาเงินและข้าวสารเล็กน้อยใส่ปากศพ พวกสิงโพที่เป็น ชาวป่าของพม่า เมื่อแต่งตัวศพเรียบร้อยแล้ว จะเอาเนื้อหมูและเหล้าและข้าวเซ่นสรวง และเอาเงินใส่ปากศพ ถ้าผู้ตายเป็นหัวหน้าจะเอาเอาหินแก้วอันมีค่าใส่ไว้ใต้รักแร้ ข้างละเม็ด แล้วจึงนำใส่โลง ชาวจีนจะเอาอีแป๊ะใส่ปากศพและเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ด้วย เงินใส่ปากศพ การนำเงินใส่ปากศพ ถือว่าเป็นความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน แม้แต่ชาติอื่นๆ ก็มีความเชื่อในเรื่อนี้อยู่ไม่น้อย จะแตกต่างกันในข้อปฏิบัติ ซึ่งในสังคมไทยวิธีปฏิบัติก็คือ จะนำ เงินพดด้วง หรือเงินเหรียญบาทหนึ่งหรือจะเป็นเหรียญสลึงสองสลึงไม่กำหนด แล้วห่อผ้าขาวผูกเชือกไว้หางยาว หย่อนลงในปากศพ ซึ่งมีคำอธิบาย ไว้หลายเหตุผล ดังนี้

    ประการแรก การนำเงินใส่ปากศพก็เพื่อผู้ตายจะได้เอา ทรัพย์ติดตัว ไปใช้สอย ในเมืองผี แต่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงใส่เงินในปาก แค่เพียงหนึ่งบาทเท่านั้น แต่ตามความเชื่อของคนจีน จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตายคราวละมากๆ จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันระหว่างความเชื่อของคนไทยกับคนจีน

    ประการที่สอง เพื่อให้พิจารณาเห็นว่า บรรดา ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ แม้มากสักเท่าใด ตายแล้วก็นำติดตัวไปไม่ได้ เขาย่อมควักเอาออกจากปาก สุดท้ายจะเอาไปได้ก็แต่กรรมที่ทำไว้ ซึ่งย่อมติดตามไปคล้ายเงาตน และจะส่งผลให้ได้ รับทุกข์ หรือสุขก็ตามแต่กรรมที่ตนได้กระทำไว้ เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมาอย่าได้ ลุ่มหลงอยู่กับ ทรัพย์สมบัติ

    ประการที่สาม เพื่อให้เป็นค่าจ้างแก่สัปเหร่อที่จะนำศพไปเผา ที่ต้องนำไปใส่ไว้ ในปากเพราะว่าจะได้ค้นหาได้สะดวก เพราะถ้าเจ้าภาพบิดพลิ้วสัญญาค่าจ้างภายหลัง เงินใส่ปากศพจะกลายเป็นเงินค่าจ้าง เพราะในสมัยก่อนเงินบาทมีค่ามาก ตามความเชื่อ ของกรีกโบราณที่เล่าต่อๆกันมาว่า ผู้ที่ตายวิญญาณจะไปสู่เมืองผี ซึ่งเมืองนี้อยู่ใต้ เมืองมนุษย์ ทางทิศตะวันตกอันไกลแสนไกล จะมีแม่น้ำปันแดนความสว่าง และความมืดชื่อว่า “แม่น้ำสติกษ์” (แปลว่าดำมืด) วิญญาณของผู้ตายไปสู่เมืองผีได้ก็ต้องข้ามแม่น้ำนี้ มีมนุษย์ชื่อว่า “การน” มีรูปร่าง เป็นคนแก่ผมหยิกดำ หนวดเครารุงรัง แจวเรือรับส่งวิญญาณข้ามฟาก โดยคิดค่าจ้างรับส่ง เป็นเงิน หนึ่งอะบะลัส

    อย่างไรก็ดีความเชื่อเรื่องเงินปากผีในปัจจุบัน อาจจะยังมีอยู่ในท้องถิ่นที่ยังคงรักษาความเชื่อนี้เอาไว้ แต่ในเมืองหลวงที่มีความเจริญ สิ่งเหล่านี้ได้สูญสิ้นไปจากคนในสังคมเมืองหมดแล้ว เพราะฉะนั้นการ กระทำความดี เสาะแสวงหาทรัพย์ภายใน คือ การทำบุญ เจริญสมาธิ รักษาศีล จึงเป็นการแสวงหาทรัพย์ที่ถูกต้องที่สุด เพราะเป็นทรัพย์ที่สามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ ไม่มีใครสามารถแย่งชิงนำไปได้

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...