รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด, 28 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ชาติที่พระศรีอาร์ฯ แบ่งภาคเป็นหญิงชาติเดียว คือ "พระนางบูเช็คเทียน"


    พระนางบูเช็คเทียน ไต่เต้าจาก "สนมธรรมดา" ขึ้นเป็นพระมเหสี, ไทเฮา และจบที่
    "จักรพรรดินี" ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่เคยมีมาก่อน และ "ผิดจารีตประเพณี" ด้วย
    และด้วยวิธีการบำเพ็ญบารมีเช่นนี้ ทำให้พระนางฯ หมดสิ้นจากความเป็นหญิง ไม่มี
    ความเป็นหญิงพอที่จะเหลือเชื้อเกิดได้อีกเลย จึงเกิดเป็นชายหลังจากนั้นสืบต่อมา
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม





    สมัยหนึ่ง ที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระ โคตมะกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระโคตมะตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสองมากระทำสักการบูชาพระตถาคตครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป

    และในกาลก่อน พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "มหุตชินสีห์" ได้ทรงพยากรณ์ว่า "ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อไปอีก 16 อสงไขยกัป ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ในอนาคตกาล" และในท่ามกลางพระพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม ท่านจะมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตลอด 5,000 ปี​

    กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักกคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระโคตมะ จิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพัตราธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนาของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ ของพระอิศวรเทพเจ้า​

    ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างองค์พุทธที่ 4 และองค์พุทธที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนจักร อาณาจักรแห่งองค์พุทธที่ 4 จะอยู่ในนามว่า "ภายใต้รังสีพระศรีอาริยเมตไตรย" เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนจักรยังเป็นขององค์พุทธที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น​

    อดีตกรรม

    เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-​

    "ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"​

    "พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ" พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า​

    "อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท
    ช่วยกันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน
    เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล
    ให้บัวบานบอกแจ้งเป็นผู้ใด"​

    ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน​

    ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไปดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรี จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย​

    "บัวของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า
    สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่
    แต่ไฉนบัวในมือเดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ
    พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"​

    ฝ่ายพระศรีนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตว์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้"​

    เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ศาสนาสามส่วนก็ถูกพราหมณ์ ยักษ์ และมารเอาไปครอง เหลือจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อวัตรปฏิบัติจึงถูกปนเป็น จนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางปฏิบัติที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว นั้นคืออะไร​

    พระพุทธโคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า​

    "เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในพุทธกาลของพระตถาคตนั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคตจะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้​

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง​

    ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้วก็ถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพกรรมสัญญา





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2011
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระนิตยโพธิสัตว์ที่ยังมาเกิดเป็นหญิงได้อีกมาก


    เช่น พระรามเจ้า, พระเจ้าปเสนทิโกสน, พระยามาราธิราช, พระอสุรินทราหู
    เมื่อใดที่ท่านเหล่านี้ มาเกิดเป็นหญิง คู่บารมีของท่านจะเกิดเป็น "ชาย" เช่น
    นางแก้วบางองค์เกิดเป็นกษัตริย์ แล้วไปรับพระนิตยโพธิสัตว์มาเป็นมเหสีก็มี
    เรื่องนางแก้วมาเกิดเป็นชายนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะความไม่เที่ยงใน
    เพศแห่งมวลสัตว์นั้นเอง อย่าได้ยึดมั่นถือมั่นเลย
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระโพธิสัตว์อะไร? กินเนื้อ, เสพกาม, ก่อกรรม แถมยังผิดศีล!

    พระโพธิสัตว์สมันตภัทร มีวิธีเดินธรรมแบบองค์เอง
    เริ่มต้นจากการก่อกรรม ถวายบุญ กล่าวคือ ด้วยท่าน
    มีบุญบารมีมากล้นเกินกว่าที่จะเอื้อมลงโปรดสัตว์ถึง
    ได้ ท่านเห็น "ภัยแห่งบุญบารมี" ว่ามีแต่ทำให้ลุ่มหลง
    แล้วจึงได้ถวายบุญบารมีนั้นแก่ปวงสัตว์ มิเท่านั้น เมื่อ
    ท่านถวายบุญบารมีแล้ว ท่านจึงตกเคราะห์กรรมชะตา
    ขาด ทำให้ท่านต้องหาวิธีต่ออายุเพื่ออยู่ช่วยมวลสัตว์
    ให้ได้ วิธีของท่านคือ "ก่อกรรม, กินเนื้อ, เสพกาม,
    และผิดศีล" อันแปลกและแตกต่างกว่าองค์อื่นๆ


    ดังจะเล่าต่อไปนี้
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมชาติของกรรมในสัตว์นั้นต่างกัน แม้ธรรมของโพธิสัตว์เองก็เช่นกัน


    ธรรมของพระอวโลกิเตศวร มุ่งเดินทางขาว, ทางดีงาม, ถูกต้อง ถือศีลกินเจ ทว่า
    ใช่ว่าทางนี้คือทางที่ถูกต้อง และทุกคนต้องเดินตามก็หาไม่ ด้วยเพราะบุรพกรรม
    ของปวงสัตว์นั้นแตกต่างกัน โพธิสัตว์บางองค์เข้าสู่ทางขาว, ทางสงบ มิได้เลย
    เพราะจิตท่านใสบริสุทธิ์มากเหลือเกิน หากเข้าสู่ธรรมเพียงน้อย ก็จะนิพพานได้ง่าย
    แม้อาศัยในผ้าเหลือง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะนิพพาน ยังคิดโปรดสัตว์ เมื่อโปรดสัตว์ก็
    ต้องแหกกฎระเบียบ, ผิดศีล เป็นต้น ดังนั้น ท่านจึงอยู่ในเพศฆราวาส แต่แล้ว เกิด
    ปัญหาในการ "ทรงขันธ์" กล่าวคือ จิตใสเกินจนอาจละสังขารได้ภายใน 7 วัน ดังนี้
    ท่านจึงต้อง "เดินทางดำ" เป็นบัญฑิตที่ลุยโคลน เท้าไม่เปียก กล่าวคือ แม้ก่อกรรม
    แต่จิตกลับไม่ยินดียินร้ายในกรรมนั้น จริงอยู่ว่ากรรมย่อมมีผล แต่ท่านพร้อมรับผล
    กรรมนั้นไว้ที่พระองค์เอง เพื่อให้บุญบารมีแก่ปวงสัตว์ นี่คือ วิถีที่แตกต่างกันเบื้องต้น
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->


    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ (ภาษาทิเบต: Kun-tu bzang-po, ภาษามองโกเลีย: Qamugha Sain, ภาษาจีน: 普賢菩薩 พินยิน: Pŭxián púsà ภาษาญี่ปุ่น: Fugen bosatsu, ภาษาเวียดนาม: Phổ Hiền Bồ Tát) เป็นพระโพธิสัตว์ในกลุ่มตถาคตโคตรของพระไวโรจนะพุทธะ ชื่อของท่านแปลว่า ดี รุ่งเรือง หรือเป็นมงคล ท่านมักปรากฏในพุทธมณฑลในฐานะตัวแทนของพระไวโรจนะพุทธะ จึงเป็นตัวแทนของความกรุณาและสมาธิที่ดิ่งลึก

    รูปลักษณ์

    [​IMG]

    ในงานทางพุทธศิลป์ ท่านมักจะปรากฏตัวคู่กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มตถาคตโคตรด้วยกัน ในญี่ปุ่น ท่านนั่งบนช้างสวมเครื่องทรงแบบเจ้าชาย มือซ้ายถือจินดามณี มือขวาอยู่ในท่าคิด ในทิเบต ภาพวาดของท่านมีกายเป็นสีน้ำเงินเข้มหรือสีเหลือง นั่งขัดสมาธิเพชร มือประสานกันบนตัก ถ้าอยู่ในท่ายืน มือขวาถือดอกบัวทั้งก้านพร้อมจินดามณี มือซ้ายถือวัชระ ในจีน ท่านมีชื่อจีนว่า โผวเฮี้ยง เป็นรูปชายหนุ่มแต่งกายอย่างชาวจีนโบราณ นั่งบนช้างเผือก
    [แก้] ปณิธานของพระสมันตภัทร

    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ได้ตั้งปณิธานไว้ 10 ประการ ปรากฏอยู่ในคัณฑวยูหสูตร ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านได้รับการยกย่องในฐานะพระโพธิสัตว์ที่มีจริยาวัตรงดงามปณิธาน 10 ประการ ได้แก่
    1. เคารพพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    2. ยกย่องพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    3. สักการบูชาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    4. สารภาพความผิดที่ทำมาในอดีตทั้งหมด
    5. ตั้งมุทิตาจิต อนุโมทนาในความดีและความเจริญของผู้อื่น
    6. วิงวอนให้พระพุทธเจ้าสั่งสอนธรรม
    7. วิงวอนให้พระพุทธเจ้าสถิตอยู่ในโลก
    8. ปฏิบัติตามหลักธรรมสม่ำเสมอ
    9. ช่วยเหลือสรรพสัตว์เป็นนิจ
    10. อุทิศความดีที่ตนทำไว้เพื่อความรู้แจ้งและเพื่อบุคคลอื่น
    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ - วิกิพีเดีย
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระโพธิสัตว์คือผู้เสียสละตน ยอมรับสิ่งที่รับได้ยากแทนปวงสัตว์


    พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ทรงเสียสละ เพื่อฉุดช่วยสัตว์นรกแล้ว ท่านต้องละจากสวรรค์
    แล้วจุติลงสู่นรกภูมิ แม้พระสมันตภัทรโพธิสัตว์เองก็เช่นกัน ทรงสละแล้วซึ่งบุญให้แก่
    ปวงสัตว์ จนต้องเกิดเป็นคนยากจน, เข็ญใจ เป็นโจรร้ายก็เคยมี แล้วทรงรับกรรมที่ได้
    ก่อเองนั้นด้วยองค์เองโดยไม่หวั่น ท่านสละบุญแล้วยอมรับกรรม เป็นการเสียสละแบบ
    พระโพธิสัตว์อย่างหนึ่ง ซึ่งพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ยอมเสียสละได้ต่างกัน สำหรับพระ
    อวโลกิเคตศวรแล้ว ทรงเป็น "มหาบุรุษเพศ" แต่ทรงสละบุรุษเพศได้ แล้วยอมลงมา
    เกิดเป็นมนุษย์เพศหญิง นี่ก็คือ ความเสียสละอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน


    การเข้าถึงซึ่งความเป็นโพธิสัตว์นั้น
    ไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยการให้เท่านั้น
    แต่มากกว่าการให้ คือ การเสียสละ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระเอกชาติปฏิพันธ์โพธิสัตว์ คือ ผู้จะได้ตรัสรู้พุทธะอีกชาติเดียว


    ได้แก่ พระโพธิสัตว์ทั้งหมดที่มีรูปกายทิพย์แบบสมันตภัทร, เมตตรัย, กษิติครรภ์
    ยกเว้นแต่พระกษิติครรภ์เท่านั้น ที่จะไม่บรรลุเป็นพุทธะ ด้วย "มหาปณิธาน" ที่จะ
    ไม่ทรงบรรลุพุทธะ (ยูไล) หากนรกยังไม่ว่าง นอกนั้นแล้ว ทั้งสองรูปแบบข้างต้น
    สามารถบรรลุพุทธะได้ทันทีที่ลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ ส่วนรูปแบบอวโลกิเตศวรนั้น
    จะต้องเป็น "นิตยโพธิสัตว์ที่บารมีเต็ม" แล้ว จึงสามารถบรรลุพุทธะได้ และนับว่า
    เป็น "เอกชาติปฏิพันธ์โพธิสัตว์" นอกนั้น ยังไม่อาจจะบรรลุพุทธะได้ในชาติเดียว
    อนึ่ง วิถีการตรัสรู้พุทธะในชาติเดียวนี้ เป็นไปเพื่อรองรับเอกชาติปฏิพันธ์โพธิสัตว์
    นั่นเอง ซึ่งปรากฏอยู่ในวิถีแห่ง "ตันตระยาน" นั่นเอง
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระพุทธเจ้าเป็นเพียง "ผู้แจ้งบอก" พระโพธิสัตว์ต่างหากที่เป็นผู้สร้างศาสนา


    ศาสนา คือ องค์กร, กลุ่มบุคคลที่มี "รูปแบบเฉพาะตัว" ไม่ได้หลุดพ้นจากรูปแบบใด
    รูปแบบหนึ่งไปได้ จึงสามารถจับกลุ่มได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านั้น มีรูปแบบการดำรงอยู่
    เหมือนกัน อันกอปรไปด้วย "ความเชื่อ" ต่างๆ นั่นจึงเรียกว่า "ศาสนา" ทว่าในขณะ
    ที่ "พระธรรม" นั้น ไม่ติดยึดในรูปแบบ, สถานที่, บุคคล, กาลเวลา หรือเงื่อนไขใดๆ
    ดังนั้น พระพุทธเจ้า จึงมิได้ทรงสร้างศาสนา, ลัทธิ, นิกาย, หรือ องค์กรศาสนาใดๆ
    ทว่า ทรงแต่เพียง "แจ้งบอก" เท่านั้น มิได้ก่อกรรมใหม่เพิ่มเลย ไม่ทิ้งเชื้อเหลือเหตุ
    ต้นแห่งกรรมใดไว้อีก ในขณะที่พระโพธิสัตว์ยอมก่อกรรมสร้างศาสนาไว้รองรับการ
    เวียนว่ายตายเกิดของมวลสัตว์ ให้มวลสัตว์ได้มีรูปแบบการปฏิบัติ, มีธรรมอาศัยเมื่อ
    ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ผลการสร้างศาสนานั้น ทำให้เกิดบุญบารมีมากมาย เพราะศาสนา
    ฉุดช่วยปวงสัตว์ได้มากมาย นั่นเอง ดังนั้น ชาติภพจึงไม่สิ้น, บุญก็ยังไม่หมด อันเป็น
    สิ่งที่พระโพธิสัตว์กระทำได้ แต่พระพุทธเจ้า ทรงละวางแล้ว มิได้กระทำแล้ว นั่นเอง
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กระเทยจำนวนมากบรรลุโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ยอมสละเพศชายได้


    กระเทยจำนวนมาก บรรลุโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแล้ว ด้วยจิตเมตตาจากความ
    กตัญญูต่อมารดาตน แล้วได้รับการทดสอบว่าจะสามารถ "สละบุรุษเพศ" ได้
    หรือไม่ จึงต้องบุรพกรรม มีจิตวิญญาณจรร่วมให้ลงสู่ความเป็นเพศหญิง ทั้งที่
    ยังอยู่ในร่างชาย เมื่อเขาเหล่านั้น ยอมสละแล้วซึ่งเพศชายได้ ปรารถนาในการ
    เกิดเป็นเพศหญิงแล้ว จึงผ่านการทดสอบได้ "ขั้นหนึ่ง" บางคนถูกทดสอบมาก
    ยิ่งไปกว่านั้น คือ "ตัดอวัยวะเพศชาย" เช่น การแปลงเพศเป็นหญิง ส่งผลให้จะ
    ได้เกิดเป็นเพศหญิง แทบไม่มีชาติที่เป็นเพศชายเลย ก็มี


    เมื่อกระเทยเหล่านี้ ได้รับการปฏิเสธจากผู้ชายทั้งหลาย ก็ปรารถนา "คู่ครอง"
    แล้วเข้าสู่ "วิถีนางแก้ว" อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นนางแก้วหนึ่ง
    ในร้อยในพันขององค์ศรีอาริยเมตตรัย นั่นเอง
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ถูกทำให้ "ใจแตก" สลาย คือ วิถีการแบ่งภาคของพระมหาโพธิสัตว์


    มีคนจำพวกหนึ่ง ถูกมองว่า "ใจแตก" เพราะใช้ชีวิตผิดจากคนปกติทั่วไป
    ซึ่งเป็นผลมาจาก "จิตวิญญาณแตกสลาย" แบ่งภาคออกมาเป็นสองส่วน
    คือ "ส่วนดี" ซึ่งยังอยู่ลึกๆ ในร่างสังขารนั้นเอง และ "ส่วนร้าย" ที่จะตก
    ลงสู่อบายภูมิสี่ และมักถูกซาตานจับไปกักขังเป็นบริวาร จากนั้น ซาตาน
    จะเอาจิตวิญญาณบริวารของตนที่เชื่อฟังตนดีแล้ว มาแทรกแทนในร่างนั้น
    ทำให้ร่างของพระโพธิสัตว์ที่แบ่งภาคใหม่ๆ นั้น มีความผิดปกติ เช่น เที่ยว
    กลางคืน, กินเหล้าไปวันๆ, ฟรีเซ๊กส์ไปวันๆ, แก้ผ้าเปลื้องผ้าโชว์ ฯลฯ ได้
    ซึ่งเป็นผลจากการที่กำลังจิตหลัก ไม่อาจควบคุม จิตวิญญาณดวงรองที่มา
    แทรกอาศัยในร่างนั้นได้ ทว่า พระมหาโพธิสัตว์บางองค์ ใจแข็งมาก ไม่มี
    ใครทำให้จิตวิญญาณแบ่งภาคได้ บางองค์ฯ ก็ถูก "แยกร่างเป็นสองส่วน"
    เช่น ถูกฆ่าตัดคอ, ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัว เป็นต้น


    บางเรื่อง ไม่อาจมองเพียงผิวเผินได้ จำต้องมองให้ลึก และยาวนาน...
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โลกย่อมมีสองด้านเสมอ


    พระโพธิสัตว์จะช่วยควาย ยังต้องยอมไปเกิดเป็นควาย
    พระโพธิสัตว์จะช่วยโจร ย่อมต้องรู้จักการเป็นโจรเสียก่อน
    เอาตัวเองหลุดพ้นจากความเป็นโจรได้แล้ว จึงจะช่วยโจรได้


    พระโพธิสัตว์ที่ไม่กล้าเปื้อนกรรม ย่อมไม่เข้าถึงความเป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ถ้าศรัทธาอินทรีย์ยังไม่แก่กล้าพอ
    ธรรมที่มากเกินอินทรีย์ก็ไม่เหมาะสมแล้ว


    สมควร "ลืมไปเสียเถอะ" !
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลัง "ฟ้า-ดิน" แห่งพระโพธิสัตว์ เกิดจากการแบ่งภาคในร่างมนุษย์


    เมื่อพระมหาโพธิสัตว์แบ่งภาคจิตวิญญาณออกในร่างมนุษย์ จิตหลักมักคงดำรง
    อยู่ในสังขารเดิมก่อน ในขณะที่จิตรองมักจุติไปประมาณภายใน 7 วัน โดยจิต
    รอง จะมีสภาพตกลงสู่อบายภูมิสี่ อันเป็นวิธีที่พระมหาโพธิสัตว์ผู้มีบุญบารมีมาก
    จะได้เรียนรู้ลงไปยังอบายภูมิสี่ได้


    จิตวิญญาณ คือ พลังจักรวาลชนิดหนึ่ง เมื่อพระโพธิสัตว์ละสังขารแล้ว จิตหลัก
    โพธิสัตว์ย่อมจุติสวรรค์ (พลังฟ้า) จิตรองย่อมจุติลงอบายภูมิสี่ ดังกล่าว ทำให้
    เกิดเป็นพลังภาคพื้นดิน (พลังดิน) เมื่อมนุษย์บูชาท่านโดยไม่ผ่านเทวรูป, รูป
    เคารพ ย่อมมีจิตตรงสู่สวรรค์ (พลังฟ้า) ย่อมได้รับธรรมที่บริสุทธิ์ถูกต้องมากกว่า
    แต่เมื่อบูชาวัตถุบนโลก มนุษย์มักได้รับพลังดิน หรือพลังจากจิตวิญญาณมืดที่เกิด
    จากการแบ่งภาคส่วนดำของพระมหาโพธิสัตว์นั้นเอง ทำให้เกิดความลุ่มหลงได้
    แต่สำหรับพระมหาโพธิสัตว์แล้ว การประสานพลังขาว-ดำ หรือพลังฟ้า-ดิน นั้น
    จะเป็นวิธี "เก็บจิตญาณคืน" ไม่ให้ตกค้างอยู่บนภาคพื้นดิน อันจะทำให้มนุษย์นั้น
    ลุ่มหลง เดินผิดทิศผิดทางได้ นั่นเอง หลักการเหล่านี้ เรียกว่า "พลังฟ้า-ดิน"
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เทพนักษัตรพาหนะทรงสูงสุด คือ "เทพมังกร" ผู้เป็นดั่งโอรสสวรรค์?


    สำหรับคนทรงทั้งหลาย มีจำนวนมากที่เกิดจากการแบ่งภาคของมหาโพธิสัตว์
    เป็นเทพนักษัตร เช่น เทพช้าง, เทพม้า, เทพมังกร ฯลฯ เมื่อลงมาเกิดยังโลก
    แล้ว จะตกเคราะห์กรรม เป็นคนทรง หรือถูกทักให้ไปรับขันธ์ จากนั้น องค์เทพ
    ผู้แบ่งภาคเราลงมาก็จะควบคุมดูแล ทั้งยังส่งพลังฟ้าประสานลงมาทำกิจด้วย


    ข้อแตกต่างของเทพนักษัตรและคนทรงทั้งหลายเหล่านี้ มีบางประการ เช่น
    คนทรงที่กำเนิดจาก "เทพมังกร" จะมีอิทธิฤทธิ์ สามารถดูดซับลมปราณและ
    พลังทิพย์ของเทพ, พรหม ฯลฯ ได้ ทำให้เมื่อถูกครอบขันธ์ (ขณะเข้าทรง)
    จะแตกต่างไปจากคนอื่น คือ พลังทิพย์แทนที่จะครอบงำไว้แล้วทำกิจได้ดั่ง
    "องค์แทนเทพพรหม" นั้นๆ กลับ ถูกดูดซับไว้ภายในจนหมด ไม่อาจครอบงำ
    ได้ ดุจฮ่องเต้โอรสสวรรค์ ที่ไม่เคยถูกครอบงำด้วยหมอดูใดเลยแต่ไหนมาแล้ว
    เพราะเทพมังกรมีฤทธิ์เช่นนี้เอง ทำให้มีสภาพต่างจากคนทรงทั่วไปที่มักจะ
    ทำนายทายทักโดยอาศัยการเข้าทรง และมักทรงเทพฮินดูกัน เพราะสำหรับ
    "เทพมังกร" โอรสสวรรค์แล้ว จะรับพลังฟ้า รับข้อมูลจากสวรรค์ได้โดยตรง
    โดยไม่ถูก "ครอบขันธ์" (บางท่านจึงเรียกต่างไปว่าเป็นการ "ขึ้นขันธ์) นั่นเอง
     
  16. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    เรื่องเล่าเรื่องแต่งที่มนุษย์เขียนเอง คำว่าซาตานไปเกี่ยวอะไรด้วย ในทางพุทธไม่มีคำว่าซาตาน มีแต่คำว่า มาร ซึ่งก็คือ "กิเลส" นั่นเอง

    "บรรลุโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร" แปลว่าอะไรคะ
    อวโลกิเตศวร แปลว่าผู้มองเสียงของสัตว์โลก เป็นชื่อของพระมหาโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ท่านยังคงดูแลสัตว์ทั้งหลายด้วยความเมตตา การบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์มีหลายขั้นหลายชั้นตามภูมิธรรมบารมี แต่ไม่มีการบรรลุโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เพราะนั่นเป็นชื่อของท่าน ไม่ใช่ชั้นโพธิสัตว์

    ศาสนา" ทว่าในขณะที่ "พระธรรม" นั้น ไม่ติดยึดในรูปแบบ, สถานที่, บุคคล, กาลเวลา หรือเงื่อนไขใดๆ ดังนั้น พระพุทธเจ้า จึงมิได้ทรงสร้างศาสนา, ลัทธิ, นิกาย, หรือ องค์กรศาสนาใดๆ ทว่า ทรงแต่เพียง "แจ้งบอก" เท่านั้น มิได้ก่อกรรมใหม่เพิ่มเลย ไม่ทิ้งเชื้อเหลือเหตุ ต้นแห่งกรรมใดไว้อีก ในขณะที่พระโพธิสัตว์ยอมก่อกรรมสร้างศาสนาไว้รองรับการเวียนว่ายตายเกิดของมวลสัตว์
    ________________________________
    พระธรรมไม่ยึดติดรูปแบบ พระธรรมคืออะไร พระธรรมคือความว่างและความจริงที่เกิดขึ้นในจิตที่บริสุทธิ์ เมื่อชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ก็จะพบความจริง จิตบริสุทธิ์ไม่เจือด้วยกิเลส
    คิด พูด ทำล้วนบริสุทธิ์ ไม่มีความชั่วความไม่ดีความไม่จริงเจือปน
    พระพุทธเจ้าตรัสรู้จึงเกิดพระศาสนา พระองค์สอนธรรมสอนความจริงแก่โลกแก่สัตว์ทั้งหลาย พูดง่ายๆคือสอนพวกเราให้พ้นจากความโง่เขลาและความชั่วทั้งหลาย ซึ่งก็คือกิเลส
    ทรงสอนให้เพียรเผากิเลสเพื่อให้เห็นความจริง นั่นคือธรรม และจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ปฏิบัติทำจิตตนให้สะอาดดีแล้ว พระโพธิสัตว์เป็นผู้ดูแลสัตว์ทั้งหลายและพระศาสนาเพื่อให้พระศาสนาสืบต่อไปในภายหน้า ทรงทำหน้าที่ทั้งบุ๋นและบู๊ สั่งสอนธรรมของพระพุทธเจ้าให้เผยแพร่ไปในสัตว์ทั้งหลายเช่นเดียวกับพระอรหันต์ แต่หน้าที่ของท่านไม่มีสิ้นสุด อย่ายกพระโพธิสัตว์เหนือพระพุทธเจ้า เพราะนั่นคือลัทธิ พระโพธิสัตว์ไม่มี หากไม่มีพระพุทธเจ้า

    กรรมแปลว่าการกระทำ การสร้างศาสนาไม่ว่าศาสนาใด จุดประสงค์เป็นไปเพื่อให้มนุษย์เป็นคนดี คำสอนมีรายละเอียดแตกต่างกันไปตามภูมิรู้ของศาสดา พุทธศาสนาสอนเน้นปัญญา สอนให้มนุษย์รู้จักใช้ปัญญาพิจารณา

    ไม่ทราบนะว่าเป็นลัทธิอะไร สอนได้มั่วมาก พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์และพระอวโลกิศวรมหาโพธิสัตว์ท่านอยู่ของท่านมานานแล้ว อย่าลงประวัติของท่านมั่วๆถ้าไม่รู้จริง พระอาจารย์เคยบอกว่าจะมีอะไรแปลกๆมากในยุคนี้ ยุคมนุษย์กิเลสอะไรก็มีให้เห็น ฆราวาสแปลกๆ พระสงฆ์แปลกๆ เห็นแล้วต้องวางและเข้าใจ เป็นธรรมดาของโลก อยากให้จขกท.ศึกษามากกว่านี้ให้เข้าใจเอาก่อนโพสท์ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ทัศนา
     
  17. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    อ่านไม่รู้เรื่อง
    ขัดแย้งกันในหลาย ๆ ประเด็น

    อ่านแล้วฟุ้งจริง ๆ

    ช่วยโจร แล้วไปเกิดเป็นโจร จะช่วยได้ยังไง
    มิช่วยพากันลงนรกหรือ

    ช่วยควาย แล้วไปเกิดเป็นควาย
    แล้วด้วยปัญญาของ... จะไปช่วยอะไรได้

    คิดได้ยังงัย
     
  18. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    เรียนสอบถามคุณ frozen flower

    คุณนับถือศาสนาอะไรครับ
     
  19. kountee

    kountee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +166
    อ่านแล้วกลัวเป็นบ้าจัง
     
  20. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    คุยกันคนละภาษา จะรู้เรื่องใหมเนี่ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...