รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีช่วยคนตกน้ำ

    [​IMG]

    <DIR>ขอความกรุณาช่วยบอกวิธีการช่วยคนตกน้ำหน่อยคับ อยากทราบว่ามีท่าอะไรบ้าง วิธีการแบบครบถ้วนน่ะครับ คือว่าผมเรียนหลักสูตรนี้แล้วไม่รู้จะหาข้อมูลได้ที่ไหนน่ะครับ อยากขอความกรุณาช่วยบอกเวบ หรือว่าข้อมูล ถ้าเป็นข้อมูลก้อช่วยส่งมาที่อีเมลหน่อยนะครับ

    (โดย herk_37@hotmail.com [18/09/2548 21:21 ])

    คำตอบ :

    วิธีช่วยคนตกน้ำ มีท่าอะไรบ้าง เอาคำตอบแบบครบถ้วนเสียด้วย
    เอาง่ายๆ สั้นๆ พอสังเขป ดังนี้ ยื่น, โยน, ลุย, พาย, ไป, ลาก/พา
    การช่วยคนตกน้ำ มี 2 วิธี

    1. ผู้ช่วยอยู่บนฝั่งบนตลิ่งบนเรือ ผู้ช่วยไม่เปียก ปลอดภัยแน่นอน
    จากนั้นก็ช่วยด้วย

    1.1 การยื่นอุปกรณ์ให้คนตกน้ำจับ เช่น เสื้อ กางเกง ผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดตัว เข็มขัด กิ่งไม้ ท่อนไม้ ไม้ง่ามลูกเสือ ตามสระว่ายน้ำก็จะมี HOOK (ไม้ตะขอ) เตรียมไว้สำหรับช่วยผู้ประสบภัย

    1.2 การโยนอุปกรณ์ที่ลอยน้ำให้คนตกน้ำจับหรือเกาะ เช่น ขวดน้ำ ถังพลาสติก ห่วงชูชีพ ยางในรถยนต์ และเราอาจจะเอาเชือกมาผูกอุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อที่จะลากคนตกน้ำเข้าฝั่งหรือหากโยนพลาดก็สาวเข้ามาแล้วโยนให้อีกครั้งหนึ่ง

    1.3 การลุยน้ำออกไปช่วย ในพื้นที่ที่ระดับน้ำตื้นยืนถึง เช่น ในลำธาร น้ำตกหรือชายทะเล ที่เราสามารถจะลุยน้ำออกไปได้ ก็ควรจะลุยน้ำออกไปแล้วใช้อุปกณ์ตามข้อ 1.1 หรือ 1.2 ยื่นหรือโยนให้คนตกน้ำจับแล้วพาเข้าฝั่ง ข้อ 1.1 - 1.3 เป็นวิธรการช่วยคนตกน้ำที่มีความปลอดภัยเกือบจะ 100 % เพราะเราผู้ช่วยอยู่บนฝั่งหรือยืนได้ในน้ำตื้น

    1.4 การใช้เรือออกไปช่วยเรือในที่นี้หมายถึงเรือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่พอควร ลอยน้ำได้ แล้วตัวเราอยู่ข้างบนหรือข้างใน เช่น กระดานโต้คลื่น กระดานเล่นใบ เจ็ตสกี เรือพาย เรือแคนนู เรือกรรเชียง เรือใบ ฯลฯ ประเภทเรือนี่มีหลายขนาดนัด ปกติเมื่อเคลื่อนเข้าไปใกล้ตัวคนตกน้ำ ก็จะใช้อุปกรณ์ตามข้อ 1.1, 1.2 ยื่นหรือโยนให้คนตกน้ำจับแล้วพาเข้าหาเรือ หากเป็นเรือขนาดเล็ก ต้องระมัดระวังหากจะให้คนตกน้ำปีนขึ้นทางกราบเรือ เรืออาจจะพลิกคว่ำได้ ดังนั้นหากเป็นไปได้ให้ขึ้นทางท้ายเรือ อย่าลืมดับเครื่องด้วยหากเป็นเรือเครื่องที่มีใบพัด ถ้าเป็นเรือใหญ่ๆ ขึ้นด้านใด อย่างไรก็ได้

    1.5 การลงน้ำไปช่วยคนตกน้ำ จมน้ำ จำไว้ว่า ต้องเอาอุปกรณ์ช่วยไปด้วย เช่น แท่งโฟมยาวๆ (Kick board เล็กและสั้นเกินไป ไม่ปลอดภัย) ห่วงหรือยางในรถยนต์ หรือเราใส่เสื้อชูชีพไป เมื่อว่ายน้ำเข้าไปจวนถึงตัวคนตกน้ำ ให้หยุดอยู่ห่างๆ แล้วใช้อุปกรณ์ที่เอาไปด้วยยื่นหรือโยนให้คนตกน้ำเกาะ อย่าเข้าไปจนถึงตัวคนตกน้ำเพราะเขาอาจจะเข้ามากอดเราแน่นเสียจนแกะไม่ออก จะพาเราจมน้ำไปด้วย หากไม่มีอุปกรณ์ก็ให้ใช้ผ้าเช๊้ดตัว ผ้าขาวม้า เข็มขัด อะไรก็ได้ที่ยาวๆ หน่อยจะได้ป้องกันไม่ให้เราต้องเข้าไปใกล้เขามากเกินไป ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ก็จะดีมาก เพราะเมื่อยื่นให้เขาจับหรือเกาะแล้วเขาก็จะลอยน้ำอยู่ได้ ความตื่นตกใจก็จะลดลง ทำให้เราช่วยได้ปลอดภัยมากขึ้น หากยิ่นให้แล้วเขายังตกใจและโผเข้ามาจะกอดเรา ให้รีบดำน้ำหนี รับรองเขาไม่ดำตามเราลงไปแน่ๆ

    1.6 การลาก/พา

    1.6.1 การลาก/พา คนจมน้ำที่สงบ พวกว่ายน้ำเป็น หมดแรงหรือเป็นตะคริว ไม่ตื่นตกใจ ลากพาง่าย เบาแรง ไม่ค่อยมีอันตราย

    1.6.2 การลาก/พา คนจมน้ำที่ตื่นตกใจ กลัวจมน้ำตาย พวกนี้ต้องใช้ท่า Cross chest (เอารักแร้เราหนีบบนบ่าคนจมน้ำ แขนพาดผ่านหน้าอกแบบสะพายแล่งไปจับซอกรักแร้อีกด้านของคนจมน้ำ) ว่ายน้ำด้วยท่า Side stroke ท่านี้เหนื่อย หนักแรงและมีอันตรายมากๆๆๆๆๆๆ

    1.6.3 คนจมน้ำที่สลบ ต้องใช้ท่าลาก/พา ที่ประคองหน้าคนจมน้ำให้พ้นน้ำตลอด เพื่อที่ปากและจมูกของเขาจะพ้นน้ำ หายใจได้ตลอด

    2) การกระโดดลงน้ำแล้วว่ายเข้าไปช่วยคนจมน้ำ ตกน้ำ วิธีนี้ตายมาเยอะแล้ว เพราะไม่รู้วิธีการช่วยที่ถูกต้อง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งนักว่ายน้ำ คนว่ายน้ำเก่งๆ ตายเพราะว่ายน้ำเข้าไปช่วยนี่แหละ

    จบแล้วครับวิธีช่วยคนตกน้ำ หากมีข้อสงสัยอะไรอีก ถามได้เลยไม่ต้องเกรงใจ

    อดิศักดิ์ สุวรรณประกร 01-286-6864

    E-mail: adisak_oui@yahoo.com

    อยากทราบท่าว่ายน้ำต่างๆ ที่ช่วยเหลือคนตกน้ำ

    (โดย adisak_oui@yahoo.com [29/09/2548 12:59 ])

    คำตอบ :

    ท่าว่ายน้ำที่ใช้ในการช่วยคนตกน้ำมี 4 ท่า ใช้สำหรับการว่ายออกไป 2 ท่า ว่ายกลับ (ท่าลาก พา) อีก 2 ท่า [โดยประมาณนะ อาจะมีท่าอื่นอีก แต่ไม่นับเป็นท่าช่วยคนตกน้ำ]

    1. ว่ายออกไป 2 ท่า ได้แก่

    1.1 ฟรีสไตล์หรือชื่อจริง Front crawl ยกศีรษะ

    1.2 กบ (Breast stroke) ยกศีรษะ

    ทั้ง 2 ท่านี้ เราจะว่ายกศีรษะเพื่อจะได้เห็นคนตกน้ำ ว่ายได้ตรงทิศทาง ประเมินสถานการณ์ของคนตกน้ำได้ หากเขาจมลงไปก็สามารถจำจุดจมได้ นอกจากนี้เรายังพูดหรือตะโกนให้กำลังใจคนตกน้ำได้
    เมื่อว่ายไปจวนจะถึงคนตกน้ำ ห่างประมาณ 2 - 3 เมตร เราจะหยุดแล้วทำท่าคุม เพื่อป้องกันการโผเข้ากอดรัดเรา แล้วยื่นอุปกรณ์ลอยน้ำได้เช่น แท่งโฟมยาว .80 ซม. ขึ้นไป (ไม่ใช่ kick board สั้นไปอันตราย) ให้คนตกน้ำจับแล้วลากเข้าฝั่ง

    2. ท่าว่ายกลับ 2 ท่า (ท่าลาก)

    2.1 ท่ากึ่งกบหงาย (Elementary back stroke)
    2.2 ท่าว่ายตะแคง (Side stroke)

    2 ท่านี้ จะใช้ตามลักษณะการลากพาคนตกน้ำ ท่าในการลากก็มี ลากด้วยอุปกรณ์ลอยน้ำต่างๆ เช่น Rescue tube ยางในรถยนต์สูบลม ห่วงชูชีพ เข็มขัด เสื้อ กางเกง หากไม่มีอุปกรณ์ก็ใช้ท่าลากอื่นๆ เช่น ดึงผม ดึงคอเสื้อ ดึงแขน ดึงรักแร้ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง ฯลฯ จำไว้ว่า ท่าพวกนี้อันตรายมาก ปกติห้ามใช้เด็ดขาด อาจถูกกอดรัดได้ เราจะใช้สำหรับคนตกน้ำที่ไม่ตื่นตระหนกตกใจ พูดรู้เรื่อง ท่าว่ายน้ำก็มีท่ากบหรือท่า Side stroke แล้วแต่ว่าจับมือเดียว หรือ 2 มือ

    หากคนตกน้ำตื่นตระหนกมาก จะกอดรัดเรา ต้องใช้ท่า Cross chest คือ ท่าที่เอารักแร้ของเราหนีบหัวไหล่คนตกน้ำแล้วสอดแขนข้างที่หนีบนั้นสะพายแล่งผ่านหน้าอกไปล๊อคใต้รักแร้คนตกน้ำ หากยิ่งดิ้นมากก็เอามืออีกข้างหนึ่งไปจับมือของเราที่สอดไปใต้รักแร้เขา แล้วดึงรัดให้แน่น ท่านี้ต้องระมัดระวังมากๆ เพราะหากเขาดิ้นหลุด จะกอดรัดเราได้

    หากจะต้องลงน้ำ แล้วว่ายน้ำไปช่วยคนตกน้ำ จงเอาอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ดีๆ ไปด้วย เช่น ถังแกลลอนเปล่า แล้วยื่นให้เขาจับ อย่าเข้าไปใกล้จนเขาอาจจับหรือกอดรัดเราได้ ขอบอกว่า ตายแน่

    ถามเรื่องท่าว่ายน้ำที่ใช้ช่วยคนตกน้ำ ไม่รู้ว่าที่ตอบมานี้ OK มั๊ย ถ้ายังไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไร ถามได้เลย

    อดิศักดิ์ สุวรรณประกร 01-286-6864 e-mail: adisak_oui@yahoo.com
    (โดย adisak_oui@yahoo.com [29/09/2548 16:00 ])

    คนประเภทไหนที่ช่วยในการจมน้ำยากที่สุด และ ควรทำอย่างไรเมื่อเราไม่สามารถช่วยเขาได้จริงๆ

    (โดย Sangksbouri@hotmail.com [27/11/2548 20:57 ])

    คำตอบ :

    ผู้ประสบภัยทางน้ำ แบ่งง่ายๆ ได้ 3 พวก ดังนี้

    1. พวกว่ายน้ำเป็นว่ายน้ำเก่ง แต่ประสบปัญหา เช่น ว่ายนานจนหมดแรงหรือตะคริวกิน พวกนี้ส่วนมากจะช่วยง่ายไม่ค่อยอันตรายเพราะรู้จักธรรมชาติของน้ำ ลอยตัวเป็น เวลาช่วย จะจับ จะดึง จะลากก็ไม่หนัก เพราะเขาเป็นน้ำ ไม่กลัวจมน้ำและไม่กอดรัดเรา

    2. พวกว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่ค่อยจะเป็น ไปเล่นน้ำแล้วพลาด อุปกรณ์ที่ช่วยลอยน้ำ เช่น ห่วงยางหลุดจากตัว หรือออกไปน้ำลึกยืนไม่ถึง \"ตี่นตระหนก ตกใจ\" จนคุมสติไม่อยู่ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแบบนี้ จะมีอันตรายต่อตัวเรามากที่สุด คือ เขากลัวจะจมน้ำเสียชีวิต จึงจะพยายามเกาะทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ ที่เรียกว่า ฟางเส้นสุดท้าย หากเราเข้าไปช่วยโดยไม่รู้วิธีการช่วยที่ปลอดภัย เข้าไปใกล้จนถึงตัวเปิดโอกาสให้ผู้ประสบภัยที่ตื่นตระหนกกอดรัดเราได้ หากเราไม่รู้จักวิธีแก้ไขการกอดรัด เราอาจจะต้องเสียชีวิตไปด้วย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ พี่ออกไปช่วยน้อง เพื่อนเห็นเพื่อนจะจมออกไปช่วยหรือเพื่อนจะจมก็จับเราฉุดเรากอดรัดเราจนจมไปด้วย อย่างนี้เป็นต้น

    3. ผู้ประสบอุบัติเหตุทางน้ำ เช่น เรือล่ม โป๊ะล่ม นึกเอาก็แล้วกันว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นที่ไหน ในคลองแสนแสบ ก็ห่างจากฝั่งไม่เกิน 15 -20 เมตา ในแม่น้ำเจ้าพระยาก็ไม่เกิน 50 - 100 เมตร ชายทะเลก็ไม่น่าจะเกิน 15 -20 เมตร อย่าออกไปเล่นน้ำไกลฝั่งมากนัก ถ้านั่งเรือไปเที่ยวเกาะเช่น เกาะเสม็ด เกาะล้าน เกาะสีชัง ฝั่งก็ประมาณ 4 - 5 กม. จะช่วยอย่างไร ตัวเราจะรอดหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะมีกระแสน้ำไหล พาเข้าฝั่งหรือพาออกจากฝั่ง (แผ่นดินใหญ่) มีคลื่น มีกระแสลม มีความเย็นของน้ำ มีสัตว์น้ำที่น่ารัก (ฉลาม) ฯ สิ่งเหล่านี้คือ สภาพแวดล้อมในสถานที่เกิดเหตุ ความยากง่ายอยู่ที่ ขีดความสามารถในการว่ายน้ำของผู้ประสบเหตุ (ว่ายน้ำเป็น ว่ายน้ำพอเป็นและว่ายน้ำไม่เป็น)

    อุปกรณ์สำหรับให้ความช่วยเหลือ ได้แก่

    3.1 อุปกรณ์สำหรับช่วยตัวเราเอง เช่น เสื้อชูชีพ ขวดน้ำดื่ม ฯ

    3.2 อุปกรณ์สำหรับช่วยผู้อื่น เช่น ไม้ยาวๆ เชือกยาวๆ ห่วงชูชีพ ฯ

    เวลาจะไปเที่ยวต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับตัวเราเองและคนอื่น เพราะเราอาจจะต้องช่วยคนอื่น จำไว้่ว่าเวลาช่วยคนจมน้ำต้องใช้อุปกรณ์ให้เขาจับ อย่าเอาตัวเราเข้าไปให้เขาจับ เพราะอันตรายมาก ถึงตายนะครับ คงไม่มีใครอยากลองตาย หากเรามีอุปกรณ์เตรียมไว้ช่วยอย่างพร้อมเพียงละก็ ไม่มีคำว่า ไม่สามารถช่วยได้หรอกครับ การช่วยที่ปลอดภัยที่สุดก็ ยื่นกับโยน ครับ ยื่นและโยนอุปกรณ์ลอยน้ำได้ไปให้คนตกน้ำ คนจมน้ำเกาะ ลอยตัวไว้

    อุบัติภัยทางน้ำป้องกันได้ครับ อย่าไปหวังการแก้ไข ที่สำคัญต้องไม่ประมาทครับ มีอุปกรณ์สำหรับลอยตัวแจกทุกคน ก็ไม่มีใครจมน้ำหรอกครับ ให้ลอยไว้ก่อนแล้วช่วยทีหลัง

    ขอบพระคุณที่สอบถามมา ยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบ ท่านอื่นๆ ที่สงสัยก็ถามมาเถอะครับ เพราะเรื่อง ความปลอดภัยทางน้ำนี่ บ้านเรายังไม่ค่อยตระหนักรู้กันมากนัก คนของเราถึงได้เสียชีวิตเพราะความไม่รู้กันอยู่เป็นประจำ

    ขอบพระคุณอีกครั้ง

    พ.อ.อดิศักดิ์ สุวรรณประกร 01-286-6864

    E-mail: adisak_oui@yahoo.com

    อยากทราบทักษะการช่วยชีวิตคนตกน้ำว่ามีอะไรบ้าง

    (โดย t_tar07@yahoo.com [06/01/2549 10:03 ])

    คำตอบ :

    การช่วยคนตกน้ำ จำไว้เลยว่า หากไม่จำเป็นเราจะไม่ลงน้ำไปช่วยดังนั้นเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อนเสมอ

    ทักษะการช่วยชีวิตคนตกน้ำ

    1. วางแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ

    1.1 คนตกน้ำ 1.2 คนจมน้ำ 1.3 คนจมน้ำจนหยุดหายใจ

    2. ให้ความช่วยเหลือคนตกน้ำ

    2.1 ยื่น ช่วยด้วยการยื่นอุปกรณ์ เช่น ไม้ยาวๆ เสื้อ ฯลฯ

    2.2 โยน ช่วยด้วยการโยนอุปกรณ์ เช่น ถัง ขวด ยางรถ หรือเชือกเปล่า เชือกผูกถัง ยาวประมาณ 15 - 25 เมตร

    2.3 ลุย ในพื้นที่น้ำตื้นยืนถึงเราจะลุยน้ำไปแล้วใช้วิธียื่นหรือโยนอุปกรณ์เพื่อช่วยคนตกน้ำ เช่น บริเวณชายทะเลหรือลำธาร น้ำตก

    2.4 พาย ใช้เรือหรือกระดานโต้คลื่น ออกไปช่วยคนตกน้ำ ด้วยการยื่นหรือโยน

    2.5 ไป การช่วยด้วยการว่ายน้ำออกไปแล้วใช้อุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้เช่น แท่งโฟม ยางรถ ห่วงชูชีพ ยื่นให้คนตกน้ำจับ แล้วลากเข้าฝั่ง

    2.6 ลาก อันตรายมากเพราะจำเป็นต้องจับตัวคนตกน้ำเพื่อพาเข้าฝั่ง ต้องใช้ท่า Cross chest ส่วนมากมักจะเป็นพวกที่ตื่นตระหนก ควบคุมสติตนเองไม่ได้ และอีกพวกหนึ่งคือพวกที่สลบ ช่วยตัวเองไม่ได้เลย พวกนี้ต้องใช้ท่าลากที่ประคองใบหน้าให้ปากและจมูกพ้นน้ำ เช่น ท่า Chin carry

    ข้อ 2.5 -2.6 คนช่วยต้องลงน้ำว่ายน้ำไปช่วย อันตรายมาก อาจถูกคนตกน้ำกอดรัดจนจมน้ำไปด้วย ดังนั้นจำเป็นต้องเอาอุปกรณ์ยาวๆ ออกไปด้วย แม้จะมีอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้และมีความยาว เพื่อไม่ให้เราเข้าใกล้คนตกน้ำมากเกินไป ก็ต้องรักษาระยะห่างระหว่างเรากับคนตกน้ำเอาไว้ 2 - 3เมตร ตลอดเวลา

    ทักษะการช่วยอื่นๆ ก็ได้แก่ ท่าว่ายน้ำ 4 ท่า ฟรีสไตล์ กบยกศีรษะเอาไว้ว่ายไปหาคนตกน้ำ ท่ากบหงายและ Side stroke สำหรับเอาไว้ลากคนตกน้ำ

    นอกจากนี้ก็มี 3. ทักษะการกู้ชีพ การผายปอดและนวดหัวใจ สำหรับช่วยคนจมน้ำที่หยุดหายใจ

    หากสนใจและอยากจะฝึกจริง ๆ 6 - 10 ก.พ.2549 นี้ สมาคม ฯ จะเปิดการอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยในกิจกรรมทางน้ำ 5 วัน 09.00 - 16.00 น. ที่สระว่ายน้ำ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ กทม. ในซอยวัดเสมียนารี ค่าลงทะเบียน 500 บาท สนใจโทร 01-812-0403 คุณธนพร หรือ 01-286-6864 พ.อ.อดิศักดิ์ สุวรรณประกร หมายเหตุ ปี 2549 สมาคม ฯ จะจัดอบรมใน กทม. 2 ครั้ง คือ 6-10 ก.พ. และ 6 -10 พ.ย. 49 เท่านั้น นอกนั้นจะจัดตามต่างจังหวัด

    (โดย พ.อ.อดิศักดิ์ สุวรรณประกร [09/01/2549 10:49 ])

    การช่วยเหลือผู้แบ่งออกเป็นกี่แบบมีอะไรบ้างหากผู้ที่ตกน้ำไปลงไปติดกับคลองหรือกิ่งไม้แล้วหากเราจะช่วยเราควรทำอย่างไร(ถ้าติดจนไม่ออกแบบว่าดึงไม่ออก)แล้วก็วิธีช่วยหากผู้ป่วยอยู่ไกลเกินไปเช่นหากผู้ป่วยอยู่กลางทะเลหากเราเห็นเราจะเข้าช่วยแต่ผู้ป่วยอยู่ห่างจากชาดหาดไกลมากจะมีวิธีช่วยอย่างไรแล้วหากผู้ป่วยมีอาการกระดูกหักแล้วเราจะช่วยอย่างไร


    (โดย poom@hotmail.com [01/02/2549 17:22 ])


    อยากได้วิธีช่วยคนตกน้ำโดยที่เค้าหมดสติ-มีสติ ค่ะ

    (โดย หนูดี... [08/02/2549 00:25 ])

    คำตอบ :

    ตอบคำถามของคุณ poom และคุณหนูดี

    1. การช่วยคนตกน้ำมี 2 แบบ

    1.1 ช่วยแบบไม่จับต้องตัวคนตกน้ำ (Non-contact rescue) ซึ่งเป็นการช่วยคนตกน้ำที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด เพราะคนตกน้ำไม่มีโอกาสที่จะจับหรือกอดรัดผู้ให้ความช่วยเหลือได้ การช่วยแบบนี้ผู้ให้ความช่วยเหลือจะช่วยจากบนฝั่งหรือลงน้ำไปช่วยก็ได้ แต่จะใช้อุปกรณ์ที่มีความยาวที่เหมาะสมยื่นหรือโยนให้คนตกน้ำจับ แล้วจึงค่อยดึงเข้าฝั่ง การช่วยแบบนี้ใช้สำหรับช่วยคนตกน้ำที่ไม่สลบ

    1.2 การช่วยแบบที่ผู้ให้ความช่วยเหลือต้องจับตัวคนตกน้ำ มี 2 กรณี คือ 1.2.1 คนจมน้ำหมดสติ (สลบ) 1.2.2 คนจมน้ำขาดสติ (ตื่นตระหนก)

    1.2.1 คนจมน้ำหมดสติ (สลบ) เขาช่วยตัวเองไม่ได้ จับอุปกรณ์ก็ไม่ได้ เราจำเป็นต้องจับตัวเขาหงายให้ใบหน้า ปาก จมูกพ้นน้ำ เพื่อที่เขาจะได้หายใจได้ มี 2 ระดับ คือ สลบหายใจ แบบนักมวยโดนน็อค สลบแบบไม่หายใจจะต้องรีบผายปอด ไม่เช่นนั้นสมองจะขาดออกซิเจน รอดหรือไม่อยู่ที่เราให้อากาศเข้าไปได้เร็วแค่ไหน

    1.2.2 คนจมน้ำตื่นตระหนก อันตรายมาก เขาอาจจะจับ จะกอดรัดผู้ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ปลอดภัยเราจะใช้อุปกรณ์ยื่นให้เขาจับ (ตามข้อ 1.1) แต่หากเขาไม่จับหรือเราไม่มีอุปกรณ์เพราะไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เอาไว้ จำเป็นต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว ต้องใช้ท่า Cross chest ซึ่งยากและต้องใช้กำลังในการลากพาสูงมาก อันตรายมาก หากทำไม่ถูกต้องอาจถูกผู้ประสบภัยกอดรัดเอาได้ ไม่แนะนำให้ใช้ ควรจะได้รับการฝึกฝนโดยเฉพาะเสียก่อนและจะต้องเป็นผู้ทีมีความแข็งแรงและมีทักษะในการว่ายน้ำสูงมาก

    ผู้ประสบภัยติดกิ่งไม้หรือติดซอกหินแน่นมาก แน่นจนดึงไม่ออก ก็ขอตอบตรงๆ ว่า ก็สุดปัญญาน่ะซิครับ เราก็ต้องเอาถังออกซิเจนไปให้เขาหายใจ และอาจจะต้องตัดอวัยวะที่ติดให้ขาดหลุดออกมาได้ ข้อนี้คงต้องใช้วิธีป้องกันคือไม่ลงไปในพื้นที่อันตรายนั้นๆ

    สมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ จะจัดอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยในกิจกรรมทางน้ำอีกครั้งใน 6 -10 พ.ย. 2549 ค่าลงทะเบียน 500 บาทเท่านั้น รับจำนวนจำกัด สอบถามได้ที่

    พ.อ.อดิศักดิ์ สุวรรณประกร 01-286-6864 E-mail: adisak_oui@yahoo.com

    อยากรู้ว่า ถ้าคนว่ายน้ำไม่เป็น แล้วไม่มีใครมาช่วย ต้องทำยังไงคะ

    คำตอบ :

    สำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อน เช่น ชูชีพ เสื้อชูชีพ ขวดน้ำดื่มพลาสติก ถังน้ำมันเครื่อง ฯลฯ เอาไว้สำหรับเกาะพยุงตัวให้ลอยน้ำ ที่จริงแล้วทั้งคนว่ายน้ำเป็นและไม่เป็นก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ชูชีพเอาไว้ก่อนเสมอ เพื่อที่จะช่วยตนเองและช่วยคนอื่นได้ด้วย หากมีโอกาสก็หัดว่ายน้ำซะ หัดลอยตัวท่าหงายแบบแม่ชีลอยน้ำ ถามคุณครูที่สอนว่ายน้ำก็ได้ว่า ลอยตัวแบบแม่ชีลอยน้ำหัดอย่างไร แล้วก็ลอยตัวแบบนอนคว่ำ (ท่าปลาดาวหรือแมงกะพรุน) ท่านี้จะใช้ลอยตัวได้ทุกคน 100 %

    สวัสดีครับ ผมอยากได้ VCD เกี่ยวกับการสอนช่วยชีวิตทางน้ำครับ พอดีต้องใช้ในการเรียนวิชาของ จปร. รบกวนใครมีช่วยตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

    VCD เกี่ยวกับการสอนช่วยชีวิตทางน้ำ สมาคมฯ และผมไม่มีเลยครับ เรามีแต่ภาพ Slide สำหรับใช้ประกอบการบรรยายเรื่อง การรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ซึ่งจะประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก ได้แก่

    1) ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำทั่วๆ ไป (Water Safety Knowledge)

    2) การเอาชีวิตรอดเมื่อประสบภัยทางน้ำ (Self Rescue)

    3) การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (Water Rescue)

    4) ปฐมพยาบาล การกู้ชีพด้วยการผายปอดและนวดหัวใจ (CPR)

    ใช้เวลาในการบรรยายและสาธิตประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงแล้วแต่อายุผู้ฟัง ไม่จำกัดจำนวน เพศ พื้นฐานความรู้ ตั้งแต่ ป.5 ถึงคนทำงาน ฟังได้ทั้งนั้น หากมีเวลา มีสระว่ายน้ำและพร้อมจะลงน้ำฝึก รับได้ครั้งละประมาณ 100 คน การบรรยายนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หาก รร.จปร.สนใจ ติดต่อได้เลยครับ เชิญไปบรรยาย ดีกว่า ดู VCD นะครับ ได้เห็นของจริง ซักถาม โต้ตอบข้อสงสัยได้ ลองถาม พ.อ.สมนึก แสงนาค หัวหน้ากองพลศึกษา รร.ตท. ดูก็ได้

    หรือโทร. 081-286-6864 e-mail: adisak_oui@yahoo.com
    (โดย พ.อ.อดิศักดิ์ สุวรรณประกร [28/02/2550 08:07 ])

    อยากทราบว่าการผายปอดโดยการเมาส์ทูเมาส์ทำอย่างไร

    (โดย หงส์ฟ้า [09/07/2548 06:44 ])

    คำตอบ :

    การผายปอดโดยการทำ mouth to mouth ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า

    (1) เราต้องหายใจเข้าเอาออกซิเจนไปฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง เลือดแดงจะเอาออก๙ิเจนไปเลี้ยงเซลต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลสมอง ซึ่งหากขาดออกซิเจนเพียง 4 นาทีเซลสมองก็จะเกิดความเสียหาย ดังนั้นเมื่อคนจมน้ำ ถูกรัดคอ มีอะไรมาอุดตันหลอดลม อยู่ในห้องที่มีแกสหรืออยู่ในรถที่มีคาร์บอนมอนนอก\"ซด์ (ไอเสียรถยนต์) ถูกไฟฟ้าดูด ฯลฯ มีหลายสาเหตุที่ทำให้ขาดอากาศหายใจเพียง 4 นาทีสมองก็จะเสียหายจนอาจเสียชีวิตได้

    (2) อากาศรอบๆ ตัวเรามีออกซิเจนอยู่ 21 เปอร์เซนต์ เราหายใจเข้าเอาออกซิเจนไปฟอกเลือดดำเป็นเลือดแดง ใช้ออกซิเจนไป 4 เปอร์เซนต์ เหลืออกซิเจนออกมากับลมหายใจออก 17 เปอร์เซนต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับความต้องการของคนที่ขาดอากาศหายใจ เราจึงเป่าลมหายใจออกของเราเข้าไปทางปากของเขา เพื่อให้เขาได้รับออกซิเจนไปฟอกเลือดดำเป็นเลือดแดง จะได้มีอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

    (3) การทำ mouth to mouth เราจะกดหน้าผากและดึงกระดูกข้างๆ คางให้ผู้ประสบภัยเงยหน้าให้มากที่สุด เพื่อให้ทางเดินอากาศ(หลอดลม)เปิดกว้างที่สุด จากนั้นเราจะใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของมือข้างที่กดหน้าผากบีบจมูกผู้ประสบภัยพร้องกับอ้าปากของเราครอบปากผู้ประสบภัยให้มิด เป่าลมหายใจออกของเราเข้าไปประมาณ 500 ซีซี พอๆ กับการหายใจออกตามปกติ อาจจะมากกว่าเล็กน้อย เมื่อเป่าลมเข้าไปเสร็จก็ปล่อยทั้งปากและนิ้วที่บีบจมูก เพื่อให้ลมไหลกลับออกมา แล้วก็บีบจมูกประกบปากเป่าใหม่ จังหวะในการทำก็ประมาณ 20 ครั้งต่อ 1 นาที ทำเช่นนี้ต่อไปจนกว่าเขาจะกลับมาหายใจได้เองหรือเมื่อแพทย์ พยาบาลมารับช่วงต่อจากเรา

    การเปิดทางเดินอากาศนี้ทำได้ทั่งในท่านั่งในรถยนต์ ท่านอน ยืนอยู่ในน้ำตื้นหรือเกาะพยุงตัวกับอุปกรณ์ลอยน้ำในน้ำลึก จะเห็นได้ว่า การทำ mouth to mouth สามารถทำได้แทบทุกสถานที่เมื่อเราสัมผัสตัวผู้ประสบภัย ซึ่งจะทำให้เขามีโอกาสรอดได้มาก เนื่องจากเรามีเวลาช่วยเขาเพียง 4 นาทีก่อนที่เซลสมองจะเสียหายจนต้องเสียชีวิต แต่การทำ mouth มักจะต้องทำควบคู่ไปกับการนวดหัวใจ ซึ่งเป็นอาการต่อเนื่องของผู้ประสบภัย คือ ขาดอากาศหายใจสักพักหนึ่งหัวใจก็จะหยุดเต้น ซึ่งเสียชีวิตแน่

    ดังนั้นเมื่อเราทำ mouth to mouth 2 ครั้งแรกแล้วเราจะต้องตรวจชีพจรเพื่อดูว่า หัวใจเต้นหรือไม่ (การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต) ซึ่งจะนำอาหาร ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ในการฝึกเราจึงฝึกการผายปอดและนวดหัวใจไปด้วยกัน หากชาวไทยได้รับการฝึกฝนวิธีการผายปอดและนวดหัวใจจนคล่องทุกคนละก็ ผู้ประสบภัยจะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากขึ้น ที่สภากาชาดมีการอบรมเรื่องนี้ ดูเหมือนว่า ครั้งละ 5 วัน หากสนใจเข้าอบรมกับสมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำก็ได้ เราอบรมทั้งการช่วยคนตกน้ำ

    การเอาชีวิตรอดจากอุบัติภัยทางน้ำ รวมทั้งการผายปอดและนวดหัวใจด้วย Course ละ 500 บาท ปี 48 จะมีอบรมอีก 2 ครั้ง 5-9 ก.ย.และก็ 7-11 พ.ย. 48 สนใจติดต่อสมาคม ฯ หรือที่ อดิศักดิ์ 01-286-6864 E-mail:adisak_oui@yahoo.com นอกจากนี้สมาคม ฯ ยังพร้อมที่จะส่งวิทยากรไปบรรยายและสาธิตความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำให้โรงเรียน องค์กรและสถาบัน ฟรี ไม่ต้องเสียต่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

    (โดย adisak_oui@yahoo.com [02/09/2548 14:04 ])


    ที่มา
    http://www.js100.com/board/show.php?which=1072


    </DIR>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2007
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellPadding=0 width=750 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    วิธีช่วยเหลือคนถูกไฟฟ้าดูด

    [​IMG]

    ผู้ที่จะช่วยเหลือผู้ที่ประสบอันตรายจากไฟฟ้าต้องรู้จักวิธีที่ถูกต้องในการช่วยเหลือดังนี้


    </TD></TR><TR><TD width=411>
    1.อย่าใช้มือเปล่าแตะต้องตัวผู้ที่ติดอยู่กับกระแสไฟฟ้า หรือตัวนำที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายเป็นอันขาด เพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสไฟฟ้าจนได้รับอันตรายไปด้วยอีกผู้หนึ่ง

    2.รีบหาทางตัดกระแสไฟฟ้าโดยฉับไว จะด้วยการถอดปลั๊กหรืออ้าสวิตซ์ออกก็ได้
    3.ใช้วัตถุทไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้แห้ง เชือกที่แห้ง สายยาง หรือพลาสติกที่แห้งสนิท ถุงมือยาง หรือผ้าแห้งพันมือให้หนา แล้วถึงผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็ว เขี่ยสายไฟให้หลุดออกจากตัวผู้ประสบอันตราย
    4.หากเป็นสายไฟฟ้าแรงสูงให้พยายามหลีกเหลี่ยง แล้วรีบแจ้งการไฟฟ้านครหลวงให้เร็วที่สุด (ดูข้อควรระวังจากสายไฟฟ้าแรงสูงขาด)
    5.อย่าลงไปในน้ำกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ในบริเวณที่มีน้ำขัง ต้องหาทางเขี่ยสายไฟฟ้าออกให้พ้นหรือตัดกระแสไฟฟ้าก่อน จึงค่อยไปช่วยผู้ประสบอันตราย
    การช่วยผู้ประสบอันตรายจากไฟฟ้าดังที่กล่าวมาแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ และระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย

    </TD><TD width=343>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellPadding=0 width=750 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=765 bgColor=#ffccff height=30>การปฐมพยาบาล

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellPadding=0 width=750 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=762>
    เมื่อได้ทำการช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายมาได้แล้วจะด้วยวิธีใดก็ตาม หากปรากฏว่าผู้เคราะห์ร้ายที่ช่วยออกมานั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น และไม่หายใจ ซึ่งสังเกตได้จากอาการที่เกิดขึ้นดังนี้ คือ ริมฝีปากเขียว สีหน้าซีดเขียวคล้ำ ทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยมากหรือไม่เคลื่อนไหว ชีพจรบริเวณคอเต้นช้าและเบามาก ถ้าหัวใจหยุดเต้นจะคลำชีพจรไม่พบ ม่านตาขยายค้างไม่หดเล็กลง หมดสติไม่รู้สึกตัว ต้องรีบทำการปฐมพยาบาลทันที เพื่อให้ปอดและหัวใจทำงาน โดยวิธีการผายปอดด้วยการให้ลมทางปาก หรือที่เรียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2007
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** แนะนำ หาอ่าน ศึกษา ทบทวน รู้ทัน ****

    *** แนะนำ หาอ่าน ศึกษา ทบทวน รู้ทัน ****

    ให้ความรู้เด็ก...มากๆ
    เด็กๆ คือ กำลัง....ต่อไปเด็กมีความรู้ ...จะช่วยผู้ใหญ่
    จากภัย...แผ่นดินไหว...และ....สึนามิ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • save1.jpg
      save1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.2 KB
      เปิดดู:
      2,296
    • save2.jpg
      save2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.7 KB
      เปิดดู:
      2,258
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
    รู้จัก
     
  5. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สมิทธ” ครวญรัฐเมินอนุมัติงบ 200 ล.สำรวจรอยเลื่อนทั่วประเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 มิถุนายน 2550 15:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เชียงราย – “สมิทธ” จี้รัฐเร่งให้ความรู้ประชาชนรับมือแผ่นดินไหวหลังเกิดบ่อยขึ้น และพยากรณ์ล่วงไม่ได้ ระบุรัฐไม่สนใจศูนย์เตือนภัยเท่าที่ควร ชี้อาจต้องเสียเงินกว่าหมื่น้านบาท หากไม่ยอมเสีย 200 ล.สำรวจรอยเลื่อนทั่วประเทศ

    วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “แผ่นดินไหวในเชียงราย ไม่ไกลอย่างที่คิด” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยมีคณาจารย์ นักศึกษา นักเรียน หน่วยงานราชการ และผู้สนใจเข้ารับฟังกว่า 800 คน

    นายสมิทธ กล่าวว่า การเกิดแผ่นดินไหวไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ แต่สามารถระวังป้องกันได้ โดยการให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ในเขตรอยเลื่อน ซึ่งทั่วประเทศไทย มีรอยเลื่อนที่ค้นพบทั้งสิ้น 13 รอย

    ส่วนจังหวัดเชียงรายก็มีรอยเลื่อนเชียงแสน ที่เชื่อมโยงกับรอยเลื่อนแม่จัน แต่รอยเลื่อนที่น่ากลัวที่สุด คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และด่านเจดีย์สามองค์ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีเขื่อนขนาดใหญ่ ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดเชียงราย ยังมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ ซึ่งการให้องค์ความรู้กับประชาชนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งเครื่องเตือนภัยหลายจุด เช่น ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แต่ยังไม่มีการทดลองใช้

    นอกจากนั้น ยังมีการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยแผ่นดินไหว แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากเท่าที่ควรเนื่องจากไม่มีงบประมาณจากรัฐบาลมาสนับสนุน เพราะจะต้องทำการสำรวจรอยเลื่อนต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้งบประมาณไม่เกิน 200 ล้านบาท

    แต่หากปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วบางครั้งต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูกว่า 10,000 ล้านบาท จึงอยากให้รัฐบาลสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 height=75>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="22%" bgColor=#ffffcc>

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR onmouseover="setPointer(this, '#D2FFD2')" onmouseout="setPointer(this, '')"><TD></TD></TR><TR onmouseover="setPointer(this, '#D2FFD2')" onmouseout="setPointer(this, '')"><TD></TD></TR><TR onmouseover="setPointer(this, '#D2FFD2')" onmouseout="setPointer(this, '')"><TD></TD></TR><TR onmouseover="setPointer(this, '#D2FFD2')" onmouseout="setPointer(this, '')"><TD></TD></TR><TR onmouseover="setPointer(this, '#D2FFD2')" onmouseout="setPointer(this, '')"><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD><TD vAlign=top width="78%">
    [SIZE=+1]แนะนำร้านฯ[/SIZE]

    ร้านโครงการฯ สวนจิตรลดา สาขาพระดาบส ตั้งอยู่ ณ โครงการพระดาบส
    ถนนศรีอยุธยา (เยื้องสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทเวศร์)

    [​IMG]

    แผนที่แสดงที่ตั้งร้านฯ
    คลิ้กภาพแผนที่เพื่อดูภาพขนาดใหญ่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [SIZE=+1]สินค้า
    [/SIZE]

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width=450 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การรักษาอาการตะคริว
    นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล


    [​IMG]

    ตะคริว คือ การที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงเป็นเวลานาน โดยทั่วไปตะคริวมักเกิดไม่เกินสองนาที แต่อาจมีบางรายเกิดนานได้ถึงห้านาทีหรือนานกว่านั้น ในบางรายอาจเกิดบ่อยจนทำให้เกิดความทุกข์ทรมานได้ โดยทั่วไปตะคริวมักเกิดในผู้สูงอายุและเกิดในตอนกลางคืน แต่ก็อาจเกิดในคนอายุน้อยและเกิดได้ทุกเวลา อาการนี้ถึงแม้จะไม่ส่งผลเสียถึงแก่ชีวิต แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าเกิดระหว่างว่ายน้ำ หรือขับรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้​

    สาเหตุของการเกิดตะคริว

    สาเหตุการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด มีหลายทฤษฎี อาจเกิดจากการที่เอ็นและกล้ามเนื้อไม่ได้มีการยืดตัวบ่อยๆ ทำให้มีการหดรั้ง เกร็งได้ง่ายเมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อนั้นมากเกินไป นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติไป และประการสุดท้ายอาจเกิดจากการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดีพอซึ่งมักพบในคนที่มีโรคที่ทำให้หลอดเลือดตีบ เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น ​

    ตัวกระตุ้นการเกิดตะคริว

    ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีสาเหตุ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดจากยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดไขมันในเลือด ยาลดความดันโลหิตบางชนิด เป็นต้น นอกจากนั้นโรคทางกายบางอย่าง เช่น โรคไตวาย โรคเบาหวาน โรคของต่อมธัยรอยด์ ซีด น้ำตาลในเลือดต่ำ โรคพาร์กินสัน ร่างกายขาดสารน้ำและความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย ได้แก่ แมกนีเซียม แคลเซียม โปแตสเซียม ยังทำให้เกิดตะคริวขึ้นได้ง่าย การทำงานมากๆ จนเมื่อยล้าหรือนั่งขดแขนขาอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ ก็อาจทำให้เกิดตะคริวขึ้นได้เช่นกัน เพราะเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงแขนขาได้สะดวก ​

    การรักษาอาการตะคริว

    ถ้าเป็นบ่อยมากควรหาสาเหตุ ตรวจเช็คว่ายาที่รับประทานอยู่เป็นสาเหตุของตะคริวได้หรือไม่ อาจต้องตรวจหาโรคทางกายดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปมักไม่ค่อยพบสาเหตุ ​

    [​IMG]

    การรักษาที่ดีอย่างหนึ่งคือ การยืดกล้ามเนื้อที่เกิดตะคริว นั้นให้คลายออกอย่างช้าๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดตะคริวที่น่องจะทำให้เกิดเกร็งปลายเท้าจิกชี้ลงพื้นดิน ก็ให้ทำการดันปลายเท้าให้กระดกขึ้นช้าๆ แต่ห้ามทำการกระตุก กระชากรุนแรงอย่างรวดเร็ว เพราะจะเจ็บปวดจนกล้ามเนื้อฉีกขาดได้ ในรายที่เป็นบ่อยๆ มีการใช้ยาบางอย่าง เช่น ควินีนและยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด ซึ่งอาจใช้ในระยะสั้นๆ เช่น 4-6 สัปดาห์และดูการตอบสนอง แต่ผลการศึกษาถึงประโยชน์ยังไม่ชัดเจนนักและอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางราย เช่น เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ ตับอักเสบ หูอื้อ เสียงดังในหู เวียนศีรษะได้ เป็นต้น ดังนั้นโดยทั่วไปมักไม่ค่อยได้ใช้กันทั่วไป ​

    การป้องกัน

    1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะตะคริวมักเกิดในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอหรือคนที่ขาดการออกกำลังกายที่ดีพอ
    2. การฝึกการยืดกล้ามเนื้อบ่อยๆ อาจลดโอกาสการเกิดตะคริวได้ เช่น ที่น่องอาจทำได้โดยการกระดกเท้าขึ้นลง หรือเอามือแตะปลายเท้าขณะเหยียดเข่า ปั่นจักรยานอยู่กับที่ หรือยืนบนส้นเท้าห่างผนัง 1 ฟุตแล้วเอามือทาบผนังและค่อยๆ เหยียดแขนออกเพื่อยืดกล้ามเนื้อประมาณ 30 วินาทีแล้วทำใหม่ เป็นต้น ​

    [​IMG]

    3. ถ้าออกกำลังกายหนักควรดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนให้เพียงพอ
    4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
    5. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
    6. ผู้สูงอายุควรค่อยๆ ขยับแขนขาช้า ๆ และหลีกเลี่ยงอากาศเย็นมากๆ
    7. สวมรองเท้าที่พอเหมาะและอาจใส่ถุงเท้าตอนนอนเพื่อป้องกันการเกร็งของเท้า
    8. ในรายที่เป็นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไข ​



    [​IMG]

    แน่นอนตะคริว เป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวของเรากร่อย หรือถึงขนาดหมดความสนุกลงได้ เพราะเป็นเล็กน้อยก็แทบจะไม่อยากเดินกันเสียแล้ว และถ้าหากถึงขนาดเจ็บปวดมากแล้วนั้นหละก็แน่แทบจะไม่อยากเดิน หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่อยากทำอะไรกันเลยทีเดียว เพราะมันช่างเจ็บปวดเสียจริงๆ หลังจากที่อ่านข้อมูลของเพื่อนท่านหนึ่งที่นำความรู้เกี่ยวกับเรื่องตะคริวมาฝากกันไปแล้วนั้น วันนี้จึงนำวิธีการแก้ไขมาฝากเพื่อนกัน เพื่อนๆบางคนอาจใช้วิธีบางคนจึงใช้วิธีนอนนิ่งๆ ทนปวด ค่อยๆยืดขา ดัดปลายเท้า บีบนวดสักพักใหญ่ๆ ก็หายหรือจะเป็นวิธีที่เป็นทางการหน่อย จะมีวิธีที่ดูแลตัวเองเมื่อเป็นตะคริวง่ายดังนี้

    1.ยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว เช่น ถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อน่อง ให้เหยียดเข่าและกระดกปลายเท้าขึ้นหรือยืนกดปลาย เท้ากับพื้น งดเขาและโน้มตัวไปข้างหน้า
    2.ทาและคลึงเบาๆ ด้วยยาทาแก้ปวดหลังการยืดกล้ามเนื้อแล้ว
    3.ประคบด้วยน้ำอุ่น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้อง
    4.ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
    5.ปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการเกิดขึ้นบ่อย

    แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายมากและใช้เวลาไม่นานไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดให้ยุ่งยากเลย คือ เมื่อเร็วๆนี้ มีหมอประจำทีมนักกีฬาโอลิมปิกของอเมริกาได้พบตำรับเคล็ดลับแก้ตะคริว ได้ผลชะงัดมาก วิธีนั้นก็คือ เพียงแต่ให้เอานิ้วหัวแม่มือ กับนิ้วชี้หนีบริมฝีปากบนไว้ไม่เกิน 1 นาที ตะคริวจะหายได้อย่างมหัศจรรย์ บอกไม่ได้ว่าทำไมจึงหาย แต่บอก ได้ว่าได้ผลเกิน 80% เป็นตะคริวคราวใดก็ลองดู แล้วเพื่อนๆ มาบอกกันบ้างว่าได้ผลมั้ยนะคะ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=text_black_Bold vAlign=top><TD width=91>โดย

    </TD><TD width=512>huanahua</TD></TR><TR class=text_black_Bold vAlign=top><TD>วันที่</TD><TD>14 กุมภาพันธ์ 2550</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.ptttravelwow.pttplc.com/travel_with_us/travel_with_us_tip_trick_detail.php?id=254#
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2007
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    :: เทียนหอมกันยุง::

    [​IMG]

    ใครชอบแต่งบ้านให้ได้ทั้งความสวยงามและได้ประโยชน์ด้วยละก็ นี่แหละ ใช่เลย เทียนหอมกันยุง เป็นงานหัตถกรรมที่มีความสวยงาม สามารถตกแต่งได้ตามใจผู้ทำ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ก็เป็นเรื่องของวัสดุต่างๆที่นำมาใช้และเทคนิค
    <TABLE width="84%" border=0><TBODY><TR><TD width="21%" height=22>่วัสดุอุปกรณ์</TD><TD width="79%"></TD></TR><TR><TD height=27></TD><TD>1 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้สำหรับละลายเทียนเพื่อความสะดวก เพราะตัวหม้อจะมีระบบตัดไฟเมื่อน้ำเทียนเดือด </TD></TR><TR><TD height=26></TD><TD>เมื่อเทียนแข็งตัวและเราต้องการให้เทียนหลอมละลายอีกเราก็กดปุ่มอีกครั้ง</TD></TR><TR><TD height=26></TD><TD>2 หม้อสองชั้นสำหรับตุ๋นเทียน ชั้นล่างเป็นหม้อใบใหญ่กว่าสำหรับใส่น้ำ ใบบนสำหรับใส่เทียนเป็นหม้อใบเล็กกว่า </TD></TR><TR><TD></TD><TD>มีด้ามจับ ถ้าใช้หม้อชั้นเดียวเนื้อเทียนจะถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนเกินไปและไม่สะดวกแก่การทำงาน</TD></TR><TR><TD></TD><TD>3 ถาดขนมสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ ควรเป็นแบบที่ทำจากอลูมิเนียมจะได้ทนความร้อนได้ดี</TD></TR><TR><TD></TD><TD>4 ช้อน สำหรับตักเทียน</TD></TR><TR><TD></TD><TD>5 แม่พิมพ์ สำหรับยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ</TD></TR><TR><TD></TD><TD>6 เหล็กคีบ ใช้หนีบภาชนะร้อนๆจะได้ไม่ร้อนมือ</TD></TR><TR><TD></TD><TD>7 กาละมังสเตนเลสใบเล็ก</TD></TR><TR><TD></TD><TD>8 ทัพพีกลมสำหรับตักน้ำเทียน</TD></TR><TR><TD></TD><TD>9 กรรไกรสำหรับตัดแต่งเทียน</TD></TR><TR><TD></TD><TD>10 แม่พิมพ์ สำหรัยยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ กรณีที่ต้องการทำรูปแบบต่างๆให้ดูสวยงาม</TD></TR><TR><TD></TD><TD>11 เหล็กแหลม สำหรับปักไส้เทียน</TD></TR><TR><TD></TD><TD>12 พาราฟินแวกซ์ มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58&deg;c - 62&deg;c </TD></TR><TR><TD></TD><TD>13 โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด </TD></TR><TR><TD></TD><TD>ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2--10 เปอร์เซนต์</TD></TR><TR><TD height=25></TD><TD>14 สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 </TD></TR><TR><TD></TD><TD>ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน1/2 กก.</TD></TR><TR><TD></TD><TD>15 ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว </TD></TR><TR><TD></TD><TD>ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก </TD></TR><TR><TD></TD><TD>16 ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น </TD></TR><TR><TD></TD><TD>17 สีผสมเทียน </TD></TR><TR><TD></TD><TD>18 น้ำมันตะไคร้หอม </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>วิธีทำ</TD><TD></TD></TR><TR><TD></TD><TD>1 นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว </TD></TR><TR><TD></TD><TD>2 ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม </TD></TR><TR><TD height=28></TD><TD>3 ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก. เติมน้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ คนตลอดเวลา </TD></TR><TR><TD></TD><TD>เพื่อไม่ให้นมไหม ้คนจนนมเดือดใช้เวลาประมาณ 45 นาที</TD></TR><TR><TD></TD><TD>4 หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรือหยอดใส่ถ้วยเล็กๆก็ได้ </TD></TR><TR><TD></TD><TD>5 นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www2.psu.ac.th/PresidentOffice/StudAffairs/_Career/april.htm

    หมายเหตุ

    ยุงเป็นพาหะนำเชื้อไข้เลือดออก และเชื้อโรคจากสัตว์มาสู่คน การทำเทียนหอมกันยุง จะได้ประโยชน์ทั้งป้องกันยุง และให้แสงสว่างในยามเกิดภัยพิบัติ เมื่อเราสามารถผลิตได้เองย่อมกำหนดขนาด เพื่อให้แสงสว่างได้หลายชั่วโมงตามความต้องการ และสามารถกำหนดจำนวนน้ำมันตะไคร้หอมที่จะผสมได้เอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันยุงและแมลงรบกวนต่างๆ ได้ ทั้งยังประหยัดเงินกว่าที่จะไปหาซื้อเอาตามท้องตลาด และดีกว่าการใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด เพราะตะเกียงน้ำมันก๊าด จะมีกลิ่นเหม็นของน้ำมันก๊าดเมื่อต้องนำมาให้แสงสว่างภายห้องที่มิดชิดอากาศไม่ถ่ายเท
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG] เทคนิคการตั้งแค้มป์ [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG] เทคนิคการทำหลุมดักน้ำ เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นเต็นท์ โดยทั่วไป เพื่อนนักเดินทางเมื่อมาถึงบริเวณที่กางเต็นท์ ก็ทำการจับจองสถานที่ แล้วก็ทำการกางเต็นท์ ในบริเวณที่คิดว่าสบายที่สุด ถ้าในช่วงที่มีฝนตกคงจะลำบากพอสมควร ถ้าหากเตรียมการไม่ดี ประโยชน์ของการทำหลุกดักไม้ ก็คือ ​
    1. เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้ามาใต้พื้นเต็นท์ และซึมขึ้นมาทำให้ ผู้ที่นอนอยู่ในเต็นท์เปียก
    2. เป็นตัวควบคุมการไหลของน้ำ โดยรอบบริเวณเต็นท์
    [​IMG] ขั้นตอนในการทำหลุมดักน้ำ
    1. เมื่อทำการกางเต็นท์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการขุดหลุมโดยรอบเต็นท์ โดยให้หลุมห่างจากตัวเต็นท์ประมาณ 1 ฝ่ามือ และลึก 3-4 นิ้ว การขุดหลุม ให้ทำทางน้ำไหลออกตรงกลาง บริเวณประตูทางเข้าเต็นท์ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบ และแก้ไขหามีการอุดตัน
    2. การดึงสมอบกควรดึงให้ออกไปปัก อยู่นอกหลุมดักน้ำ เพราะถ้าน้ำฝนไหลลงมาน้ำจะออกนอกเต็นท์
    [​IMG]

    [​IMG] เสื้อกั๊กกันหนาว จากถุงพลาสติก ..(ถุงดำ)

    ความหนาวไม่เคยปราณีใคร แม้แต่ผิวหนังของคนเรา ความหนาวก็ยังมาดูดซับเอาน้ำหล่อเลี้ยงไป จนทำให้ผิวแห้ง ริมฝีปากแห้ง ซึ่งเราก็ต้องค้นหาทุกวิถึทาง ที่จะป้องกันตรงจุดนี้ สำหรับนักเดินทางที่ไม่ทันตั้งตัว กับการเตรียมเสื้อกันหนาว หรือเตรียมมาไม่พอ เทคนิคแค้มป์ ขอแนะนำวิธีทำเสื้อกั๊กกันหนาว จากถุงพลาสติก (ถุงดำ) ผู้สวมต้องมีเสื้อไว้แล้ว 1 ตัว แล้วจึงสวมเสื้อกั๊กกันหนาวทับลงไปอีก 1 ตัว เท่านี้ก็ช่วยได้แล้วครับ ​
    1. เตรียมถุงพลาสติก (ถุงดำ) ขนาด 24 x 26 นิ้วหรือหาขนาดเท่ากับตัวผู้ที่จะใช้งาน
    2. ใช้มีดหรือกรรไกรตัดช่วงคอ และแขนทั้งสองข้าง
    3. ถ้าต้องการทำเป็นเสื้อแขนยาว ก็ให้ใช้ถึงอีก 1 ใบ ต่อตรงช่วงแขนโดยใช้สกีอตเทป เป็นตัวต่อเชื่อม
    [​IMG]

    [​IMG] การทำตะเกียงใช้เอง

    การทำตะเกียงใช้เองในยามคับขันนั้น บางครั้งก็ช่วยได้มากทีเดียว ยิ่งต้องเดินทางเข้าไปในแหล่งทุรกันดาร ไม่สามารถหาซื้อตะเกียงได้ แถมยังไม่มีไฟฟ้าใช้อีกด้วย การทำตะเกียงใช้เอง จากวัสดุใกล้ตัวนั้นไม่ยากเย็น อะไรเพียงแต่หาวัสดุ 2-3 อย่างเท่านั้น คือ กระป๋องน้ำมันเครื่องของ รถจักรยานยนต์ หรือขวดเครื่องดื่ม เสริมกำลังงานทั่วๆ ไป , เศษผ้าทำเป็นไส้ตะเกียง และน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันดีเซล ​


    [​IMG] วิธีการ
    1. นำของแข็ง (ตะปู) มาเจาะรูตรงฝาให้กว้างประมาณ ครึ่ง เซนติเมตร
    2. เทน้ำมันลงไปประมาณ ครึ่งของกระป๋อง
    3. นำเศษผ้ามาม้วนทำเป็นไส้ตะเกียงให้ยาวจนถึงน้ำมัน โดยให้ปลายอีกข้าง โผล่ออกมาทางรูที่เจาะไว้ ที่ฝาขวด
    4. จุดไฟ ตะเกียงน้ำมันอย่างง่ายนี้ จะอยู่ได้นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับน้ำมันข้างในกับไส้ตะเกียงว่าทำมาจาก วัสดุประเภทไหน ถ้าเป็นผ้าฝ้าย ก็อยู่ได้นานพอสมควร
    [​IMG]

    [​IMG] การทำเครื่องกรองน้ำอย่างง่าย

    ในการเดินทางแต่ละครั้ง น้ำดื่มเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก การเตรียมน้ำดื่มไปอย่างเพียงพอ เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเกิดกรณี น้ำดื่มหมด จะทำอย่างไร แหล่งน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ห้วย หนอง คลองบึง คงจะหาได้ไม่ยาก แต่สิ่งเจือปนที่มีอยู่ในน้ำ เช่น ตะกอนและ อื่นๆ ยังคงมีอยู่ จะขอแนะนำการทำน้ำสะอาด เพื่อใช้ดื่ม และหุงหาอาหารเพื่อความปลอดภัย ของสุขภาพกันครับ ​

    การที่เรานำวัสดุเหลือใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ มาก และลดจำนวนปริมาณขยะให้กับธรรมชาติได้อีกด้วย ขวดน้ำดื่มที่ติดตัวไปด้วยตอนเดินทาง อย่าทิ้ง เราสามารถนำกลับมาเป็นที่กรองน้ำได้อย่างดี วิธีทำนั้นไม่ยาก ​
    1. ตัดตรงก้นขวด แล้วเจาะรูเพื่อแขวน
    2. เจาะรูตรงจุดขวดพอประมาณ
    3. นำวัสดุมาวางเพื่อให้เป็นชั้น สำหรับ กรองน้ำโดยเรียงตามลำดับ คือ ... เศษผ้า และสำลี และเศษผ้าอีกชั้นหนึ่ง , ทรายล้างสะอาดแล้ว , ถ่าน (เอามาจากกองไฟที่ดับแล้วก็ได้ ทุบเป็นก้อนเล็กๆ) , กรวดทรายหรือ ก้อนหินเล็กๆ
    การวางวัสดุเพื่อทำเป็นชั้นกรองน้ำนี้ ควรวางอย่าให้เกิน 1/3 ของขวด เพื่อจะได้มีที่เหลือพอ จะเติมน้ำที่กรอง นำภาชนะมารองรับ แล้วนำไปต้มอีกครั้งเพื่อ ฆ่าเชื้อโรค เราจะได้น้ำสะอาดใช้ดื่ม

    [​IMG]

    [​IMG] เทคนิคการหุงข้าวสวย ด้วยหม้อสนาม

    เทคนิคการหุงข้าวสวยด้วยหม้อสนาม หลายๆ ท่านทราบกันแล้วก็บอกว่าของกล้วยๆ แหม! ผมว่ากว่าท่านจะได้รับประทานข้าวสวยร้อนๆ นั้นก็คงหุงข้าวแฉะๆ ไหม้ๆ มาหลายหม้อแล้วล่ะครับ ที่เขาเรียกกันว่าข้าวสามกษัตริย์ไง มีทั้งข้างบนแฉะ กลางๆ ดิบ และก้นหม้อไหม้ไงครับ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำหม้อสนามกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร เขามีขีดกันไว้ทำไมภายในหม้อ ​

    [​IMG] ส่วนประกอบของหม้อสนาม
    1. ตัวหม้อสนาม
    2. ฝาชั้นใน
    3. ฝาขัดหม้อสนาม
    4. ก้านหูหม้อสนาม
    [​IMG] เทคนิคการเตรียมหุงข้าว

    การหุงข้าวด้วยหม้อสนามก่อนอื่นต้องก่อ ไฟให้ติดซะก่อน แล้วหาไม้ง่ามมา 2 อัน เพื่อปักเป็นเสาค้ำในการแขวนหม้อ เติมข้าวให้ถึงขีด (ภายในหม้อจะมีขีดบอก) ​
    1. ซาวข้าวทำความสะอาดให้เรียบร้อย
    2. เติมน้ำจนเกือบเต็มหม้อ ปิดฝา
    3. นำมาแขวนบนไม้ให้อยู่เหนือกองไฟเล็กน้อย
    4. คอยจนน้ำล้นออกมา ทิ้งไว้ซักระยะ อุ่นเพื่อให้ข้าวสุกทั่วถึงกัน เท่านี้ก็จะได้ข้าวสวย รับประทาน 1 หม้อ ต่อสามคน ครับ เมื่อใช้กองไฟหุงต้มอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมดับไฟ แล้วเอาดินกลบให้เรียบร้อยด้วยนะครับ

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2007
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ใครมี จตุคาม รามเทพ พ่อองค์ดำละก้อ
    คงต้องใช้ "ธูปสีดำ" ในการไหว้บูชานะครับ
    นอกจากนี้ สีธูปต่างๆ ยังใช้แตกต่างกันไป
    เพื่อบูชาเทพองค์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
    อีกด้วย อยากทราบ คลิก

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86137
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ด้วยเหตุที่ภัยพิบัติทางน้ำได้เกิดปรากฏชัดขึ้นทั่วโลกและเกิดขึ้นกับหลายพื้นที่ในประเทศไทยแล้ว

    จึงจะนำลงข้อมูลการป้องกันและการเตรียมตัวในการรับมือกับภัยพิบัติทางน้ำกันเอาไว้ เพื่อประโยชน์ของทุกๆท่านครับ

    -การเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติทางน้ำในระดับบุคคล

    ควรติดตามข่าวสารจากทางราชการ อย่างสม่ำเสมอ

    หมั่นสังเกตุสัญญานจากธรรมชาติ เช่น เมฆ ลม ท้องฟ้า รวมทั้งพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆเอาไว้บ้าง

    วิเคราะห์ดูว่า ที่อยู่ที่อาศัยของเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ เช่น ระดับความสูงของพื้นที่ อยู่ที่ลาดเชิงเขาหรือไม่ อยู่ในเขตที่ใกล้กับการตัดไม้ทำลายป่าอย่างรุนแรงหรือไม่ ใกล้หรืออยู่ใต้แนว เขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำที่กำลังเต็มหรือไม่

    หาจุดหาทำเลที่เราหมายตาเอาไว้ว่าจะเป็นที่สูงพ้นจากภัยทางน้ำได้

    เตรียมตัวโดยจัดกระเป๋าฉุกเฉิน หรือเป้ฉุกเฉินเอาไว้ โดยการแพ็คการบรรจุเน้นการกันเปียก กันน้ำ อุปกรณ์หลักๆ ก็ได้แก่
    น้ำดื่มสะอาด
    อาหารแห้งที่ทานได้เลยไม่ต้องหุงหา อยู่ได้ประมาณ สามวันขึ้นไป
    ยาแก้ท้องร่วง แก้ไข้แก้ปวด และยาประจำตัวทั่วไป
    เสื้อผ้า แห้งและสะอาด
    ไฟฉาย พร้อมถ่านสำรอง
    นกหวีดไว้ขอความช่วยเหลือ
    อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
    อุปกรณ์การนอน และบังแดด บังฝน
    มีดพับเอนกประสงค์
    เชือก ความยาว 15 เมตร
    เสื้อชูชีพ หากไม่มีใช้ยางในรถยนต์สิบล้อ หรือนำขวดน้ำแบบขวดเพท มามัดรวมกันเป็นทุ่นชูชีพ




    -การเตรียมตัวในระดับครอบครัว

    ทำความเข้าใจกันกับคนในครอบครัวว่า ภัยพิบัตินี้มีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงไร กับครอบครัวของเรา พยายามอธิบายให้เป็นเรื่องสบายๆ ไม่เครียด ไม่ก่อให้เกิดความหวาดกลัว

    วางแผนในครอบครัวว่า หากเกิดเหตุการณ์ขึ้น จะทำอย่างไร หลบไปที่ไหน ใครมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ใครต้องดูแลสัมภาระอะไร หากน้ำท่วมรีบตัดไฟฟ้าในบ้านเพื่อให้ปลอดภัยจากไฟฟ้าดูดกันเอาไว้ก่อน

    จัดเตรียมข้าวของจำเป็นสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมทั้งข้าวจำเป็นของส่วนกลาง

    ทำความเข้าใจกับทุกคนว่า รักษาชีวิตเอาไว้ก่อนการรักษาหรือเสียดายของ

    ซักซ้อมแผนเอาไว้บ้างทำบรรยากาศให้สนุก สนานเข้าไว้เพื่อลดความเครียด

    หากสามารถนำสิ่งของไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยได้ก็ นำไปไว้ล่วงหน้าจะทำให้การเคลื่อนย้ายทำได้เร็วขึ้น พวักพะวงน้อยลง

    จดจำเอาไว้ว่าสิ่งสำคัญในการเอาชีวิตรอดก็คือ น้ำสะอาด อาหาร ที่พักที่หลบภัยที่แห้งสะอาด ไม่ตากแดด ตากฝน เพราะจะทำให้ป่วยได้ง่ายในสภาพแวดล้อม และความเครียดระดับนั้น

    จุดสำคัญคือ มีสติ ใช้เหตุผล จัดการกับระดับความเครียดของทุกคนให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด เพื่อจะได้มีสติปัญญาจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีที่สุด

    -ในระดับภาครัฐหรือชุมชน


    สำรวจพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ

    วางแผนการเตือนภัยและการอพยพเอาไว้ล่วงหน้า

    ลดปัจจัยเสี่ยงโดยการขุดลอกคูคลองแหล่งน้ำ สำรวจจุดที่มีการกีดขวางทางเดิน ทางระบายน้ำให้มีการระบายได้อย่างสะดวก

    ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ให้มากที่สุด ในทุกโอกาสทุกวาระที่สามารถทำได้

    ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ให้มีความรู้ความเข้าใจ และพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด

    เตรียมวางแผนงานในการช่วยเหลือประชาชน โดยการจัดอบรม เจ้าหน้าที่อาสาในพื้นที่อยู่เสมอ รวมทั้งมีการซักซ้อมแผนฉุกเฉิน การกู้ภัยเอาไว้

    หากสามารถจัดเตรียม ถุงฉุกเฉินเอาไว้ล่วงหน้า ในชุมชนของตนเองได้ ยิ่งเป็นการดีอย่างยิ่ง
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีจับงูแบบง่ายๆ

    [​IMG]


    บังเอิญไปเห็นวิธีจับงูแบบนี้มา เห็นว่าเข้าท่าดี หากตอนเกิดน้ำท่วมมีงูหนีน้ำเข้ามาในบ้าน จะได้จับมันไปปล่อยโดยไม่ต้องทำบาป หรือไปฆ่าไปแกงมันจ๊ะ​

    วิธีจับงูของตาทุ้ย

    [​IMG]

    ผมมีวิธีจับงูพิษ ที่เคยใช้ได้ดี ลงทุนประมาณ 60 บาท
    ลองทำเก็บเอาไว้ใช้นะครับ เผื่อมีงูพิษเข้ามาในบ้าน


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sctr63.jpg
      sctr63.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      10,011
    • snak5.jpg
      snak5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      3,241
  13. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,720
    ค่าพลัง:
    +83,886
    เมื่อวานได้ไปดูสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง คือพุทธะสถานพระพุทธบาทเขากะลา อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับหลบภัยครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก หลายท่านได้เข้ามาดูและเตรียมการกันแล้ว นั่งคุยกับพระที่นั่นทราบความว่า ต่อไปที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางพระศาสนาของโลก เมื่อภัยเกิดจะมีผู้คนหลั่งไหลมามาเป็นจำนวนมาก ที่นี่จะมีพลังครอบคลุมป้องกันรังสี และฝนกรด ภัยต่างๆ ได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02775.JPG
      DSC02775.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      105
    • DSC02774.JPG
      DSC02774.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      91
    • DSC02780.JPG
      DSC02780.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      105
    • DSC02779.JPG
      DSC02779.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2007
  14. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,720
    ค่าพลัง:
    +83,886
    เมื่อวานเดินทางไปกราบพระอาจารย์น้อย ขอความเมตตาอธิฐานจิตสมเด็จองค์ปฐม ท่านได้เล่าถึงภัยพิบัติว่า ครูบาอาจารย์ท่านช่วยกันเต็มที่ ทางหนือ ครูบากร เป็นกำลังใหญ่ ตอนซึนามิเข้า ก่อนหน้า ไม่กี่วันพรอาจารย์น้อยท่านทำการหล่อพระใหญ่แผ่บุญสลายกำลังภัย ช่วยได้ระดับหนึ่ง เขาตั้งใจจะถล่มกรุงเทพ และฝั่งอ่าวไทย ด้วย และต่อไปจะเกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ให้ระวัง ต่อไปแถวพระพุทธบาทเขากะลาจะเป็นที่ลบภัยผู้คนจะมากันมากที่นี่ปลอดภัย ครูบาอาจารย์หลายท่านมาอธิฐานจิตไว้ ที่ตรงนี้ประมาณ5000 ไร่ จะเป็นศูนย์กลางพระศาสนา และที่หลบภัย ...
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อวานนี้ พี่สาวของพี่คลิกก็เพิ่งเล่าเรื่องสถานที่แห่งนี้ให้ได้ฟังกันครับ เอาไว้ไปนครสวรรค์ ซุ้มบอลทริปหน้า จะรีบหาโอกาสไปเยี่ยมชม และสักการะ รอยพระพุทธบาทแห่งนี้กันครับ
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความรู้เรื่องอุทกภัย

    [​IMG]

    อุทกภัย หมายถึง อันตรายจากน้ำท่วม เกิดจากระดับน้ำในทะเล มหาสมุทร และแม่น้ำสูงมาก จนท่วมท้นล้นฝั่งและตลิ่ง ไหลท่วมบ้านเรือน ด้วยความรุนแรงของกระแสน้ำ ทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
    [​IMG]ประเภทของอุทกภัย จึงพอสรุปรูปแบบของอุทกภัยจากธรรมชาติได้ 5 ชนิด คือ

    1. น้ำท่วมฉับพลัน ( Flash floods) เกิดจากมีฝนตกหนักบนภูเขาเป็นเวลานานเมื่อน้ำฝนไหลลงสู่ที่ราบจะเป็นกระแสน้ำไหลเชี่ยว บางครั้งเรียกว่าน้ำป่าไหลหลาก มีระดับน้ำท่วมสูง และไหลเชี่ยว ทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก เมื่อมีกระแสน้ำไหลลงที่ราบแล้วไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำลำคลองได้ทัน ปริมาณน้ำจะท่วมสูงขึ้นบริเวณที่ราบลุ่ม ทำความเสียหายอย่างมาก

    2. น้ำท่วมจากน้ำล้นตลิ่ง ( River floods ) เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำขึ้นสูงกว่าตลิ่งจนเข้าไปท่วมบริเวณที่ราบลุ่ม ทำความเสียหายอย่างมาก

    3. น้ำท่วมจากฝนตกหนัก ( Rainwater floods ) เมื่อฝนตกหนักติดต่อกันจนผิวดินชุ่มไปด้วยน้ำและระดับน้ำใต้ดินก็สูงขึ้น จนเกิดน้ำท่วมขัง

    4. น้ำขึ้นน้ำลง ( Tidal flooding ) เกิดจากเมื่อระดับน้ำทะเล ที่เรียกว่าน้ำเกิด ทำให้น้ำทะเลไหลเข้าสู่แม่น้ำลำคลองในขณะที่น้ำขึ้น ทำให้ระดับน้ำท่วมจากแม่น้ำลำคลองล้นตลิ่งเข้าไปท่วมพื้นที่ราบสองฟากฝั่ง

    5. คลื่นพายุซัดฝั่ง ( Storm surge floods ) เกิดจากพายุซัดฝั่งได้แก่คลื่นทะเลที่เกิดขึ้นเมื่อพายุหมุนเขตร้อน ( Tropical Cyclones ) เคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง ทำให้เกิดทะเลเป็นคลื่นจากทะเลขนาดใหญ่สูงมาก กระทบเข้าสู่ฝั่งเป็นอันตรายแก่ชุมชนที่อยู่ตามชายฝั่งเกิดน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมกับพายุลมแรง

    6. คลื่นใต้น้ำ ( Tsunami floods ) เกิดจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดใต้ทะเล หรือบนแผ่นดินใกล้ชายฝั่ง ทำให้เกิดความปั่นป่วนใต้ทะเลเป็นคลื่นใต้น้ำ เคลื่อนตัวไปโดยรอบเมื่อกระทบฝั่งคลื่นจะยกตัวขึ้นซัดฝั่งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เป็นอันตรายแก่ชุมชนชายฝั่งอย่างมาก

    7. หิมะละลาย
    [​IMG]สาเหตุของอุทกภัย

    1. พายุหมุนโซนร้อน ( Tropical Cyclones) มาจากสาเหตุใหญ่ 3 ประการ คือ
    - ลมพัดแรง ( violent winds)
    - น้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักมาก ( flood due to heavy rainfall)
    - คลื่นพายุวัดฝั่ง ( storm surge)

    2. ร่องมรสุม (intertropical convergence zone)

    3. ลมมรสุมมีกำลังแรง (stong monsoon)
    3.1 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ( Southwest Monsoon)
    3.2 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ( Northeast monsoon)

    4. พายุฟ้าคะนอง

    5. น้ำทะเลหนุน ( high tide)

    6. แผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด


    การเตรียมรับสถานการณ์
    [​IMG]ก่อนเกิดภัย
    [​IMG]ติดตามข่าวสารของทางราชการประเทศและคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และปฏิบัติตามคำสั่ง คำแนะนำของทางราชการ
    [​IMG]เตรียมวิทยุแบตเตอรี่ขนาดพกพา เพื่อรับฟังข่าวสาร เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้
    [​IMG]เตรียมไฟฉาย ที่พร้อมใช้งานได้
    [​IMG]เตรียมยาและเวชภัณฑ์ไว้พอสมควร เช่น ยาสามัญประจำบ้าน
    [​IMG]เตรียมอาหารกระป๋อง หรืออาหารสำเร็จรูปไว้พอประมาณ
    [​IMG]เตรียมน้ำดื่ม หรือเตรียมสารส้มและผงปูนคลอรีนและศึกษาวิธีการใช้
    [​IMG]เตรียมอพยพสมาชิกในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัยเมื่อได้รับค่าแนะนำจากทางราชการ
    [​IMG]เตรียมกระสอบทรายเพื่อกันน้ำเข้าบ้าน
    [​IMG]เตรียมขนย้ายพัสดุสิ่งของไปยังส่วนสูงของบ้าน หรือยกพื้นบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำ
    [​IMG]เตรียมเรือหรือแพ เพื่อใช้เป็นพาหนะพร้อมทั้งเชือกยาวประมาณ 15-20 เมตรเอาไว้ใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    [​IMG]เตรียมย้ายเต้าไฟฟ้าให้พ้นระดับน้ำ หรือปิดสะพานไฟฟ้าในจุดที่คาดว่าจะถูกน้ำท่วม
    [​IMG]เก็บเกี่ยวพืชผล จับกุ้งในนากุ้ง จับปลาในกระซัง ก่อนน้ำจะท่วม
    [​IMG]ขณะเกิดภัย
    [​IMG]ระวังตกลงไปในกระแสน้ำไหลเชี่ยว
    [​IMG]ระวังคลื่นจากพายุลมแรงกวาดตกลงทะเลไป
    [​IMG]ระวังงู ตะขาบ แมลงป่อง ซึ่งหนีน้ำขึ้นมาอาศัยบนอาคารบ้านเรือน
    [​IMG]ระวังกระแสน้ำพัดพาต้นไม้ ท่อนซุง สิ่งของมากระแทกตนเองหรืออาคารบ้านเรือน
    [​IMG]ระวังอย่าเข้าไปใกล้บริเวณน้ำที่มีเสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาดตกน้ำ
    [​IMG]ควบคุมสติให้มั่นคงฟังข่าวจากทางราชการว่าจะให้ปฏิบัติคนอย่างไรต่อไป
    [​IMG]การช่วยเหลือคนตกน้ำให้ช่วยโดยการโยนสิ่งของลอยน้ำ เช่น ห่วงยาง ลูกมะพร้าวหรือเชือกโยนเชือกยาว ๆ ให้คนตกน้ำจับเกาะยึดช่วยตนเองจะปลอดภัยกว่ากระโดดลงไปช่วยในน้ำ
    [​IMG]หลังจากอุทกภัยผ่านพ้นไปแล้ว
    [​IMG]ค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญหายไป
    [​IMG]ให้การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ หรือนำส่งสถานพยาบาล
    [​IMG]ให้ทำเครื่องหมายอันตรายบริเวณสายไฟขาดหรือชำรุดและแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าให้ทราบโดยด่วน
    [​IMG]ติดต่อแจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ และมูลนิธิต่าง ๆ
    [​IMG]น้ำที่จะดื่มควรต้มให้สุก หรือใส่สารส้มเพื่อทำให้น้ำสะอาด และเติมปูนคลอรีนในอัตราส่วน 1 ช้อนชา (5 ลูกบาศก์เซนติเมตร) ละลายน้ำ 10 ปีบ = 18 ลิตร ทั้งไว้ไม่น้อยกว่า 30 นาที เก็บในที่เย็นระบายอากาศได้ ห่างไกลความร้อน ควรสวมถุงมือ ใส่แว่นตา และผ้าปิดจมูก ขณะผสมปูนคลอรีน
    [​IMG]ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน ที่พักอาศัยชั่วคราวและถนน เพื่อให้รถขนส่งของช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกเข้ามาได้
    [​IMG]ถ้าส้วมใช้การไม่ได้ ให้หาถุงพลาสติกใส่อุจจาระและปัสสาวะ
    [​IMG]ให้ระวังโรคที่พบบ่อยหลังจากเกิดอุทกภัย ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด โรคติดเชื้อและปรสิต เช่น อักเสบ เป็นแผล รวมทั้งโรคพยาธิ โรคผิวหนัง เช่น น้ำกัดเท้า กลาก โรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย โรคภาวะทางจิต เช่น เครียด
    [​IMG]ถ้าน้ำท่วมไม่สูงมากนักให้ใช้กระสอบทรายกั้นน้ำ ถ้าระดับน้ำสูงกว่านี้ให้ขนย้ายพัสดุสิ่งของไปไว้ที่สูงหรือยกพื้นบ้านให้สูงขึ้น
    [​IMG]ภัยพิบัติซ้ำซ้อนหลังจากอุทกภัย

    ภัยพิบัติซ้ำซ้อนที่พบบ่อย คือ แผ่นดินถล่ม ( Landslide ) เกิดจากฝนตกหนัก ทำให้ดินและซึ่งอื่น ๆ ไหลลงมาจากภูเขาพร้อมกับน้ำ ความเร็วของกระแสน้ำและสิ่งของที่น้ำพามา เช่น ต้นไม้ ต้นซุง จะเป็นอันตรายและทำลายชุมชนที่อยู่เชิงเขาได้ เช่น ในกรณีอุทกภัย อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19-24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. หมู่บ้านถูกทำลายทั้งหมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิตถึง 371 คน ทรัพย์สินเสียหายเป็นมูลค่าประมาณเกือบ 7 พันล้านบาท ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับอุทกภัย จะช่วยให้สามารถลดอันตรายและความเสียหายจากอุทกภัยได้
    [​IMG]การเตรียมการรับสถานการณ์ของฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

    จังหวัดที่ประสบอุทกภัยอยู่เสมอควรได้จัดตั้งเป็นคณะกรรมการประจำ ซึ่งเรียกว่าคณะกรรมการเหตุฉุกเฉิน ( emergency council) มีหน้าที่วางแผนวางระเบียบวิธีการในการผจญภัยธรรมชาติ คณะกรรมการนี้ประกอบด้วยบุคคลในหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายช่าง ฝ่ายโยธา เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มภัยหรือป้องกันสาธารณภัย หน่วยดับเพลิง ฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายประชาสงเคราะห์ สภากาชาด มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัยธรรมชาติ คณะกรรมการชุดนี้มีการประสานงานจัดแบ่งหน้าที่ในการปฏิบัติงาน หมั่นซักซ้อมและปรับปรุงวิธีดำเนินการให้มีสมรรถภาพยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
    [​IMG]การสงเคราะห์ผู้ประสบอุทกภัย
    ขณะเกิดอุทกภัย คณะกรรมการฉุกเฉินต้องทำงานหนัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างดีที่สุด นับตั้งแต่ต้องมีการอพยพผู้คนหนีน้ำไปอยู่ในที่สูงเป็นจำนวนมาก จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้อพยพหนีภัย ให้การซ่อมแซมคันดิน แก้ไขสิ่งสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรเลข โทรศัพท์ ให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย เป็นต้น นับตั้งแต่วันเกิดอุทกภัยจนอุทกภัยผ่านพ้นไป งานสงเคราะห์ผู้ประสบอุทกภัยต้องเริ่มตั้งแต่วันเกิดอุทกภัยเช่นกัน มีการแจกเสื้อผ้า อาหาร ก่อสร้างที่พักอาศัยเป็นการชั่วคราว มูลนิธิช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติเป็นสิ่งจำเป็นอีกประการหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือให้ยืมเงินลงทุน โดยจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการกสิกรรม เมล็ดพันธุ์พืช เพื่อให้ราษฎรผู้ประสบภัยประกอบอาชีพเดิมต่อไปโดยเร็ว และมีการฉีดยาป้องกันโรคระบาดอย่างรีบด่วน เมื่อน้ำลด
    [​IMG]ข้อเสนอแนะ
    [​IMG]การจัดการพื้นที่เพื่อป้องกันอุทกภัย
    [​IMG]สำหรับพื้นที่ที่มีน้ำป่าไหลหลากลงจากที่สูง ควรปรับพื้นที่เพาะปลูกแบบขั้นบันได เพื่อลดความรุนแรงของกระแสน้ำเชี่ยว
    [​IMG]สำหรับพื้นที่ลุ่มริมฝั่งน้ำ ควรทำคันกั้นน้ำสองฝั่งเพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่ง และควรทำแอ่งน้ำกว้างและลึก เอาไว้รองรับน้ำฝนเพื่อป้องกันน้ำท่วมสูง

    ที่มา http://webhost.tsu.ac.th/481031066/1.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ในอนาคตโลกเราอาจจะมีการสร้างบ้านลอยน้ำไว้เพื่อรับมือกับอุทกภัย

    แนวคิดในการสร้างบ้านแบบที่ว่านี้ เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเมื่อ 4,000 ปีก่อนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล และชายคนหนึ่งชื่อโนอาก็สามารถรอดชีวิตได้ เนื่องจากเขาได้ต่อเรือไว้รับมือกับเหตุการณ์นี้ และใช้ชีวิตอยู่อาศัยบนเรือลำนี้เป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งก็เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว ซึนามิ และอุทกภัยอย่างรุนแรง


    อย่างที่เห็นล่าสุดก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของประเทศอังกฤษ ที่ส่งผลให้ประชากรกว่า 30,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย และทำให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยไปกว่า 6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ


    นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ฝนตกหนัก โคลนถล่มที่ประเทศอินเดีย เนปาล และบังกลาเทศที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้คนไร้ที่อยู่เป็นจำนวนมาก


    ที่สำคัญได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า ในอนาคตข้างหน้านี้ โลกของเรานั้นจะมีปริมาณน้ำที่มากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณที่อยู่อาศัยของคนเป็นบริเวณกว้าง จึงทำให้มีคนเกิดแนวคิดที่จะสร้างบ้านที่สามารถลอยตัวบนน้ำได้ เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น


    แนวคิดการสร้างบ้านแบบใหม่นี้จะต่างจากบ้านแบบธรรมดาตรงที่การออกแบบและวัสดุที่ใช้จะค่อนข้างยืดหยุ่นและลอยตัวได้เมื่อน้ำท่วมหรือน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงถึง 5 เมตร ซึ่งบริษัทที่คิดค้นได้มีการพัฒนาแบบบ้านมาสองแบบ โดยแบบแรกคือบ้านที่ปกติก็ลอยตัวอยู่บนน้ำเลยเหมือนเรือ และแบบที่สองที่ในสภาวะปกติก็ทรงตัวบนผืนแผ่นดินธรรมดาเหมือนทั่วๆไป แต่ถ้าเกิดกรณีน้ำท่วมขึ้นมา ตัวบ้านก็จะสามารถลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเหมือนเรือ


    ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการสร้างจะใช้กล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมกลวงมาทำเป็นฐาน เพื่อทำให้บ้านลอยตัวได้บนน้ำ และใช้เสาเหล็กกล้าเป็นโครงสร้างหลักและเสริมความมั่นคงของตัวบ้าน ส่วนของสาธารณูปโภค เช่น น้ำและไฟนั้นจะมีการส่งผ่านท่อที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากต่อกระแสน้ำที่จะมาปะทะอีกด้วย


    และในส่วนที่เหลือต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน หรือแบบบ้านนั้นก็คล้ายกับบ้านปกติโดยทั่วไป เช่น ต้องการที่จะมีระเบียงบ้านยื่นออกไป หรือต้องการติดบานพับหน้าต่างและทาสีต่างๆ


    ซึ่งบ้านแบบใหม่ที่ว่านี้นอกจากจะออกแบบและสร้างไว้เพื่อรับมือกับน้ำท่วมแล้ว บ้านแบบนี้ก็ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


    โดยแนวคิดนี้ ได้ใช้เวลาในการพัฒนาและค้นคว้ามากว่าสามปีโดยบริษัททางวิศวกรรมลัสถาปัตยกรรมชั้นนำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ชื่อว่า Dutch architectural form Factor Architecten ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากว่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น พื้นที่ครึ่งหนึ่งของประเทศมีระดับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่เสมอ ทางบริษัทจึงคืดหาทางแก้ไข ซึ่งทางแก้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประชากรในประเทศ และทั่วโลกอีกด้วย


    ที่มา http://www.cnn.com/2007/TECH/science...ses/index.html
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นเวบไซท์ แสดงการสร้างบ้านแบบล๊อคเคบินด้วยตัวเอง และการออกแบบบ้าน การใช้พื้นที่และระบบในบ้านครับ


    สามารถมาประยุกต์ใช้กับวัสดุการก่อสร้างในบ้านเราได้หลายอย่าง เพื่อการสร้างที่หลบภัย หรือจะทำรีสอร์ทแบบลองสเตร์ยโฮมไปพลางๆก่อนก็ได้ครับ

    http://www.diynetwork.com/diy/pac_c...ml?omnisource=B BlogCabin MensHealth&XP=BC_17
     
  19. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ผมกำลังคิดออกแบบแพจากไม้ไผ่(ที่ดินที่ซื้อไว้ มี 2-3 ก่อ) จะทำลูกบวมแบบแพที่ล่องแม่น้ำแคว มีหลังคาพร้อมห้องน้ำและครัว แล้วทำเสาตรึงแบบโป๊ะท่าเรือลอยขึ้นลงตามความสูง-ต่ำของระดับน้ำได้ 555
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เยี่ยมเลยครับ เอาวัสดุที่มีอยู่มาใช้นี่ดีที่สุดครับ เห็นข้างใต้แพส่วนใหญ่เขาจะใส่ ถังน้ำมัน สองร้อยลิตรเอาไว้ด้วย เพื่อช่วยพยุงครับ

    ดูเรื่องการบาลานซ์น้ำหนักเอาไว้ด้วย ให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำเอาไว้ แพจะได้ไม่คว่ำง่ายๆ

    ไม้ไผ่ที่เป็นลูกบวบจะช่วยในการกันกระแทกได้เป็นอย่างดี และเป็นฉนวนกันความร้อนได้อีกด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...