พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    นักวิชาการจุฬาฯ ฟันธง ปี 53 ไม่เกิด สึนามิ

    <A href="http://hilight.kapook.com/view/45835" target=_blank>ʖ?ҁԠ?ѡǔ?ҡ҃ ?،ҏ ?ѹ?? ?ՠ53 䁨ࡔ? ?ŗ蹂ѡɬʖ?ҁԦlt;/a>



    [​IMG]


    เหล่านักวิชาการผู้เกี่ยวข้อง ออกโรงฟันธงปี 53 ไม่เกิดสึนามิแน่นอน (เดลินิวส์)

    วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเสวนาตีแผ่ความจริง เรื่อง สึนามิในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 ร้ายแรงจริงหรือ สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า จะเกิดเหตุการณ์สึนามิในประเทศไทยในปี 2553 โดยจะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับเหตุการณ์เมื่อเดือน ธ.ค.2547 ว่า จากการตีแผ่การวิจัยโดย จอห์น แมคคลอสคีย์ นักธรณีวิทยาประเทศไอร์แลนด์ ที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยแผ่นดินไหว โดยกล่าวว่า ตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวคือ สุมาตราตะวันตก แถบเมืองปาดัง ในเกาะสุมาตรา และประเทศไทยจะได้รับผลกระทบด้วยนั้น ในจังหวัดที่อยู่ในฝั่งอันดามันตอนเหนือ ได้แก่ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

    ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ กล่าวว่า ในปี 2553 เหตุการณ์สึนามิจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์ พลังงานของโลกที่สะสมจนเกิดแผ่นดินไหวได้ถูกปลดปล่อยไปหมดแล้ว จึงไม่เกิดแผ่นดินไหวซ้ำรอยเดิม และถ้าเกิดแผ่นดินไหวทางตะวันตกของเกาะสุมาตราสูงถึงระดับ 8 ริกเตอร์ ตามที่จอห์น แมคคลอสคีย์ กล่าวอ้าง จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยน้อยมาก ทั้งนี้ จากการทำแบบจำลองหากเกิดแผ่นดินไหวในระดับดังกล่าว ระดับน้ำทะเลในทะเลอันดามันจะสูงแค่ 10 เซนติเมตร

    ด้าน ดร.สมบัติ อยู่เมือง อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา กล่าวว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติต้องร่วมกับกระทรวงมหาดไทยตัวกลางรับผิดชอบหลัก ในการให้ข้อมูลข่าวสารในการเตรียมความพร้อมด้านการเฝ้าระวัง และเตือนภัยในเชิงรุกอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบมีความมั่นใจ และต้องได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดจากแหล่งอ้างอิงของรัฐเพียงแหล่งเดียว เพราะข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ สภาพจิตใจของประชาชน ยกตัวอย่างกรณีสตอร์มเซิร์ฟที่มีข่าวว่า จะเกิดในปีที่แล้ว จนมาถึงสึนามิปี 2553 เหตุการณ์ไม่เกิด บางคนขายที่ดิน ชีวิตความเป็นอยู่เสียหาย ใครจะรับผิดชอบ



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พลังงานเปลี่ยนสีน้ำมันใหม่เริ่ม 1 ก.พ. เบนซิน91เป็นสีเหลือง


    พลังงานเปลี่ยนสีน้ำมันใหม่เริ่ม 1 ก.พ. เบนซิน91เป็นสีเหลือง (ไทยรัฐ)

    กระทรวงพลังงาน เตรียมประกาศบังคับใช้โครงสร้างสีน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ 1 ก.พ. ในน้ำมันเบนซินและไบโอดีเซลบี 5 หวังเพิ่มประสิทธิภาพแก้ปัญหาการปลอมปนน้ำมัน


    เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.ได้ประกาศปรับปรุงโครงสร้างสีน้ำมันใหม่ โดยได้ออกประกาศคุณภาพน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล เพื่อปรับเปลี่ยนสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ โดย ธพ. ได้แจ้งให้ผู้จำหน่ายน้ำมันทราบแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและใช้ความระมัดระวังในการจำหน่ายน้ำมันให้แก่ผู้ใช้น้ำมัน

    ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างสีน้ำมันครั้งนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนสีของน้ำมันเบนซิน และไบโอดีเซลบี 5 ดังนี้

    [​IMG] น้ำมันเบนซิน 91 เปลี่ยนจากสีแดง เป็นสีเหลือง

    [​IMG] น้ำมันเบนซิน 95 เปลี่ยนจากสีเหลือง เป็นสีน้ำเงิน

    [​IMG] ไบโอดีเซลบี 5 เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีแดง

    ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจำแนกความแตกต่างของชนิดน้ำมันให้ชัดเจน เหมาะสมกับสถานการณ์การค้าน้ำมันในปัจจุบัน และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการป้องกันการปลอมปนน้ำมัน

    "ปัจจุบัน การใช้ไบโอดีเซบบี 5 และแก๊สโซฮอล์มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการตรวจสอบผู้ผลิตผู้จำหน่ายน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ได้ตรวจพบปั๊มน้ำมันในหลายพื้นที่มีการปลอมปนน้ำมันเพื่อจำหน่ายโดยหวังผลกำไร ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น นำไบโอดีเซลบี 5 มาจำหน่ายเป็นดีเซลธรรมดา หรือนำแก๊สโซฮอล์มาปลอมปนในน้ำมันเบนซิน 91 แต่เนื่องจากน้ำมันบางชนิดมีสีใกล้เคียงกัน ทำให้การสังเกตสีเป็นไปได้ยาก การปรับเปลี่ยนสีน้ำมันใหม่จะทำให้มีความแตกต่างกันชัดเจนขึ้น สามารถตรวจสอบได้ง่าย ทั้งนี้ หากประชาชนผู้บริโภคพบเห็นผู้ค้ารายใดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้คุณภาพ สามารถแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนได้ที่ ธพ." นายพีระพล กล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ
    [​IMG]
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วิธีปลูก ต้นวาสนาอธิษฐาน



    วิธีปลูก ต้นวาสนาอธิษฐาน



    [​IMG]

    ต้นวาสนาอธิษฐาน​

    วิธีปลูก ต้นวาสนาอธิษฐาน (เดลนิวส์)

    คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นวาสนาอธิษฐานไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความสุข สมหวังในชีวิต และเชื่อว่าบ้านใดที่ปลูกต้นวาสนาอธิษฐานจะทำให้มีโชควาสนา เนื่องจากเป็นไม้เสี่ยงทาย คือ ถ้าหากผู้ใดดูแลรักษารดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยอย่างดี จนต้นวาสนาออกดอก จะช่วยให้คนในครอบครัวนั้นได้รับโชคลาภ

    เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นวาสนาอธิษฐานไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทางใบ ให้ปลูกในวันอังคาร ถ้าจะให้เป็นมงคลยิ่งขึ้นผู้ปลูกควรเป็นสภาพสตรี เพราะวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะสมกับสุภาพสตรี

    วิธีการปลูก

    สำหรับปลูกในแปลง เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตราส่วน 1 : 2 ผสมดินปลูก

    ส่วนการปลูกในกระถาง เพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 10-18 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : แกลบผุ : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก ควรเปลี่ยนกระถาง 1-2 ปี / ครั้ง หรือแล้วแต่ความเหมาะสม

    การดูแลรักษา

    ต้นวาสนาอธิษฐาน ต้องการแสงแดดอ่อนรำไรจนถึงแสงแดดจัดและควรรดน้ำอย่างน้อย 5-7 วัน/ครั้ง ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 5-6 ครั้ง ลักษณะพิเศษอีกอย่างอยู่ที่ใบ คือถ้าส่วนใบได้รับแสงแดดสม่ำเสมอ ทำให้สีสรรของใบสวยงามยิ่งขึ้น

    ปลูกต้นวาสนาอธิษฐานแล้วขอให้มีความสุข ได้โชค ได้ลาภ กันทั่วหน้า

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วิธีการป้องกันปลวกขึ้นบ้าน

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > วิธีการป้องกันปลวกขึ้นบ้าน

    วันศุกร์ ที่ 29 มกราคม 2553 เวลา 0:00 น


    [​IMG]


    วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีการป้องกันและกำจัดปลวก ที่ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายสำหรับบ้านมาบอก...

    สำหรับวิธีการป้องกัน ก่อนก่อสร้าง ให้อัดเคมีลงดิน โดยรอบแนวคานด้านใน-นอก และฉีดเคลือบผิวดินในทุกๆ ตารางนิ้ว รวมทั้งรอบตัวอาคารประมาณ 1 เมตร หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง

    ราดน้ำยาผ่านระบบท่อใต้อาคาร (ต้องทำตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง) ระบบท่อจะเดินตามคานและเจาะรูที่ท่อเป็นระยะๆ

    ในกรณีที่ไม่ได้เตรียมท่อน้ำยาไว้ตั้งแต่แรก ให้เจาะรูขนาด 5/8 นิ้ว ให้ทะลุพื้นจนถึงชั้นดินรอบแนวคานทั้งด้านในและนอก แต่ละจุดห่างกันประมาณ 1 เมตร

    หากตรวจพบกองดินหรือทางเดิน ของปลวกให้ค้นหาจุดที่ปลวกขึ้นมา และทำลายทิ้งด้วยน้ำยาหรือสเปรย์ฆ่าปลวก ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วทำการตรวจสอบอีกครั้ง

    ฉีดเคมีเคลือบโครงไม้ ให้ซึมเข้าไปยังเนื้อไม้ เน้นตามรอยเลื่อนรอยต่อ เป็นการป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของปลวก มอด ด้วง และเชื้อราต่างๆด้วย

    อ่านแล้วอาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้ามีเครื่องไม้เครื่องมือก็น่าลอง!
     
  5. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    เห็นด้วยครับ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์งดงามจริงๆครับ
    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ..
    ขอโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลด้วยครับ
    สาธุๆๆ
     
  6. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,438
    แหม...นึกว่าหายไปไหน ... รักษาสุขภาพด้วยนะครับ :)
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>'ท่านว.วชิรเมธี' งัดหลักคิดชีวิตคู่ อยู่อย่างไรให้เหนียวแน่นหนึบ
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 มกราคม 2553 16:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หากพูดถึงครอบครัวไทยสมัยก่อน ภาพที่เห็นได้ชัด คือครอบครัวขนาดใหญ่ ที่อยู่กันพร้อมหน้า หลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ลงมาจนกระทั่งถึงลูกหลาน

    แต่ในปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นได้เลือนหายไปเกือบหมด จากครอบครัวใหญ่ ลดขนาดลง เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น เนื่องจากความเจริญทางด้านวัตถุ ทำให้คน ต่างคนต่างอยู่ มีความหวาดระแวงสูงขึ้น รวมทั้งทำงานหาเงิน จนลืมให้เวลา และความรักกับครอบครัว ส่งผลให้อนาคตอันใกล้นี้ ครอบครัวไทย มีโอกาสเสี่ยงต่อการสลายตัวได้ง่าย

    ทั้งนี้ เพื่อให้มีสติ และรู้หลักการใช้ชีวิตบนสังคมโลกาภิวัตน์ ธรรมะ ถือเป็นตัวช่วยหนึ่งของคนในสังคม ถ้าใช้อย่างเข้าใจ และใช้ให้เป็น ย่อมช่วยให้ชีวิตคู่มั่นคง เหนียวแน่น ไม่หน่ายเร็ว หรือที่เรียกกันว่า อยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรกันไปเลยทีเดียว

    นับเป็นโอกาสอันดีของทีมงาน Life and Family ที่ได้ฟังสนทนาธรรมกับ "พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" หรือ ท่านว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย โดยท่านได้กล่าวให้หลักคิดในประเด็นการครองรักให้ยั่งยืนว่า

    "การอยู่ด้วยกันให้มั่นคง และยืนยาว อยู่ที่การเริ่มต้นตั้งแต่การคบหาดูใจกัน หรือก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ ว่าเราแต่งงานกับใคร ซึ่งทางพุทธเรา บอกไว้ว่า การครองรัก หรือการครองเรือน ควรให้การครองธรรมด้วย ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกเลยว่า จะอยู่กับใครให้มั่นคง ต้องดูคู่ชีวิตที่เราจะแต่งงานด้วย"

    *** '4 เสมอ' เทคนิคเลือกคู่ก่อนแต่งงาน

    วิธีการเลือกคู่นั้น พระนักคิดแนะว่า ทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง ต้องมีส่วนที่เสมอกัน 4 ส่วน คือ 1. มีศรัทธาเสมอกันหรือไม่ (การที่จิตใจยึดมั่น ความเชื่อถือ เลื่อมใส) 2. มีความประพฤติเสมอกันหรือไม่ 3. มีความเสียสละเสมอกันหรือไม่ 4. มีปัญญา หรือมีกึ๋นเสมอกันหรือไม่ ถ้ามี 4 เสมอนี้ โอกาสที่จะอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนย่อมเกิดขึ้นได้สูง

    ส่วนในกรณีคู่รักที่แต่งงานเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว การครองรักให้มั่นคง ต้องหมั่นครองธรรมร่วมกันด้วย เริ่มจาก 1.รักเดียวใจเดียว ไม่นอกใจ 2.มีขันติ อดทนอดกลั้นต่อปัญหาต่างๆ 3.เมื่อเกิดปัญหาต้องยืดหยุ่นให้เป็น พร้อมกับปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ 4.ไม่ทอดทิ้งกัน ทั้ง 4 ข้อนี้ ถือเป็นข้อหลักในการครองคู่ ที่ถ้าทุกคู่มีให้แก่กัน จะช่วยให้รักยั่งยืน ปัญหาในด้านความเข้าใจผิดกัน จึงเกิดขึ้นได้น้อย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *** อารมณ์ขึ้น ทำให้เย็นแล้วค่อยคุย

    อย่างไรก็ดี ถ้าทำทุกวิธีแล้ว ยังเกิดเรื่องร้าวฉาน หรือมีเรื่องที่ทำให้ต้องขัดแย้งกันอยู่อีก "ท่านว.วชิรเมธี" ให้หลักคิดเตือนสติไว้น่าสนใจว่า "เวลามีปัญหา อย่างเพิ่งพยายามแก้ปัญหา เคยสังเกตหรือไม่ว่า เวลาที่สามีภรรยาหลายคู่มีปัญหา มักจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกว่า จะต้องเจรจาให้เสร็จตรงนั้น เดี๋ยวนั้น ต้องมาคุยตรงนี้ ไม่ให้ไปตรงนั้น กระชากกันไป กระชากกันมา ผลสุดท้ายจบทุกคู่"

    ทางที่ดี เวลามีปัญหาอย่าพยายามแก้ปัญหา แต่จงถอยออกมา จนเห็นปัญหา แล้วแก้ที่สาเหตุของปัญหา ซึ่ง "ปัญหา" เปรียบได้กับน้ำแข็งที่ลอยโผล่พ้นน้ำ ใขณะที่ "สาเหตุของปัญหา" คือ 9 ส่วนของน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำ ดังนั้นพระพุทธเจ้าบอกให้แก้ 9 ส่วนที่อยู่ใต้น้ำ อย่าไปแก้ 1 ส่วนที่โผล่พ้นน้ำ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหา แต่ส่วนใหญ่สามีภรรยาที่ทะเลาะกันมักจะแก้ 1 ส่วนที่โผล่พ้นน้ำก่อน ทำให้ไม่รู้ว่า สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ปัญหาจึงไม่ถูกแก้อย่างตรงจุด และถูกทาง

    "เมื่อแก้ที่สาเหตุของปัญหาให้เข้าใจแล้ว เวลาทะเลาะกัน จะทำให้ยิ่งรักกันมากขึ้น นั่นเพราะการทะเลาะกันอย่างมีสติ และเข้าใจกัน จะยิ่งทำให้รักกลมกล่อม และลงเนื้อลงตัวมากขึ้น ดังนั้นขอฝากไว้ว่า ถ้าทะเลาะกัน ขอให้เป็นการสันดาปทางสติปัญญาของชีวิตคู่ หมายความว่า การทะเลาะกันแต่ละครั้ง ต้องให้เกิดการปรับตัว ปรับตัว และก็ปรับตัวอยู่ทุกครั้ง ไม่ใช่ทะเลาะกันแล้ว มีแต่คำว่า แยกกัน แยกกัน และแยกกันอยู่ทุกครั้งไป" ท่านว.วชิรเมธีให้แง่คิดทิ้งท้าย

    การมีชีวิตรักที่มั่นคง และมีความสุขนั้น ก่อนจะลงหลักปักฐานกับใคร ขอให้ใช้เวลา และดูใจให้ดีเสียก่อน เหมือนกับที่ท่านว.วชิระเมธีได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า "อยู่กับใครให้มั่นคง ต้องดูคู่ชีวิตที่เราจะแต่งงาน" และเมื่อแต่งงานกันแล้ว การครองรัก ควรครองธรรมไปพร้อมๆ กันด้วย เพื่อให้สอดรับคำกับอวยพรของญาติผู้ใหญ่ที่ให้ไว้ก่อนเข้าหอว่า "อยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรนะลูก" ดังนั้นอย่าทำให้ท่านเสียใจ และผิดหวัง เพราะเรื่องทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้ต้องแยกทางกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จริยธรรมเด็กสร้างได้อย่างไร ในยุค”สินบน” ครองเมือง
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 มกราคม 2553 15:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความฟอนเฟะของสังคมไทยอย่างชัดเจน กับกรณีการเปิดเผยผลสำรวจของเอแบคโพลล์ที่ระบุว่า คนไทยกว่า 1 ใน 3 เคยมีประสบการณ์ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ และในกลุ่มที่เจอด้วยตัวเองนี้ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.0 เคยต้องจ่าย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ถูกสำรวจเกินครึ่งหรือร้อยละ 53.7 รับรู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการบริการช่วยเหลือประชาชน เช่น ไม่รับแจ้งความ และมีประชาชนจำนวนไม่น้อยเคยต้องจ่ายอามิสสินจ้างตอบแทนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐให้บริการช่วยเหลือประชาชน

    ภาวะคุณธรรมจริยธรรมหดหายที่พบได้จากกลุ่มผู้ใหญ่ โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งคนเหล่านี้อาจกำลังเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ จำนวนไม่น้อย นำมาสู่คำถามที่น่าหวั่นใจว่า อนาคต เด็กที่เติบโตมาโดยเห็นถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของบุพการีจะยึดถือเป็นแบบอย่าง และมองว่า การประพฤติตนดังกล่าวเป็นเรื่อง "ธรรมดา ใคร ๆ ก็ทำกัน" ขึ้นมาได้ และอาจทำให้ผู้ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองในยุคนี้เกิดความกังวลต่ออนาคตของลูกหลานไทยในวันข้างหน้าว่าตัวอย่างที่ดีด้านคุณธรรม จริยธรรมที่จะยกให้ลูกได้ยึดเป็นแบบอย่างกำลังจะหายไปจากสังคมไทย และไม่สามารถสอนให้เด็กเป็นคนซื่อสัตย์ ปฏิบัติตามกฎได้อีก ซึ่งในกรณีดังกล่าว จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมองเด็ก นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร รองประธานบริหารฝ่ายวิชาการบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด เผยว่า หากพ่อแม่ผู้ปกครองต้องการสอนลูกให้เข้าใจถึงคุณธรรมจริยธรรม หรือต้องการสังคมใหม่ที่ดีกว่า อาจต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการสอนที่เหมาะสมเสียใหม่ แทนการสอนด้วยเหตุและผลดังที่เคยเป็นมา

    "สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่ต้องทำความเข้าใจกับการปลูกฝังจริยธรรมเสียใหม่ จากที่เคยเชื่อกันว่าจริยธรรมเกิดจากการสอนให้เด็กรู้ผิดรู้ชอบ สอนตามทฤษฎีว่าด้วยการใช้เหตุผลว่าอย่างนี้ถูก อย่างนี้ผิด แต่จากสภาพสังคมในระยะหลัง เราเริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่บอกว่า คุณธรรม การรู้ผิดชอบชั่วดีมาจากแบบอย่าง ถ้าผู้ใหญ่ทำให้เห็น เด็กจะทำตาม"

    "มีทฤษฎีที่แรงที่สุดในยุคนี้เขียนโดยศาสตราจารย์มาร์ติน แอล ฮอฟแมน (Martin L. Hoffman) ก็คือการบอกว่าคุณธรรมมาจากความรู้สึก ไม่ได้มาจากความรู้ว่าถูก ความรู้ว่าผิด เมื่อไรก็ตามที่เราเห็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งถูกตี เห็นมันร้องโหยหวนน่าสงสาร แล้วเรารู้สึกเจ็บ สงสารมัน เกิดความคิดว่าทำไมต้องไปรังแกมัน นั่นล่ะครับคือคุณธรรม"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=284 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=284>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "รากของคุณธรรมเกิดจากความรู้สึกทุกข์ที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์ เพราะการที่เขาเป็นทุกข์ทำให้คุณทุกข์ด้วย สิ่งนี้จะทำให้เกิดคุณสมบัติ - พฤติกรรมคุณธรรมอื่น ๆ ตามมา"

    ทั้งนี้นายแพทย์อุดมเผยว่า ทฤษฎีการค้นพบใหม่นี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากการสอนคุณธรรมให้กับเด็กในอดีตที่ผ่านมา เน้นการท่องจำคุณธรรมจริยธรรมเป็นจำนวนมาก แต่ว่าเมื่อเด็กเผชิญกับสถานการณ์จริง เด็กกลับไม่หยิบข้อมูลที่เคยท่องจำออกมาใช้ เพราะหัวใจของเด็กไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น พฤติกรรมที่จะสะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมในตัวเด็กจึงไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมได้

    "สังคมไทยมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องคุยกันเรื่องนี้ คุณธรรมไม่ใช่การสอนให้รู้ถูกรู้ผิดแล้ว แต่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทำให้เด็กเห็นเป็นแบบอย่าง แล้วพอเด็กเข้าไปสัมผัสและลงมือทำบ้างจะก่อให้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นในจิตใจของเขาตามมา กลายเป็นการพัฒนาคุณธรรมให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก ๆ เอง ที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่าแบบอย่างเหล่านี้น้อยลง เพราะมีแบบอย่างอื่นไหลทะลักเข้ามามากขึ้น ซึ่งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่า เราได้สอนให้ลูกรู้ผิดรู้ชอบแล้ว ต่อจากนี้ หนูจะทำอย่างไรก็ช่าง"

    ด้านทราย เจริญปุระ อีกหนึ่งวิทยากรบนเวทีดังกล่าวได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า "การสอนคุณธรรมจริยธรรมในเด็ก อย่างน้อยก็ต้องสอนให้เขาเห็นว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อย่าให้เขาเห็นดีเห็นงามกับการจ่ายสินบนหรือเงินใต้โต๊ะ เมื่อใดที่เด็กยังรู้สึกว่า การจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อสิทธิประโยชน์บางอย่างเป็นเรื่องไม่ดี คนที่ทำก็ไม่ใช่คนที่น่านับถือ แต่อาจมีความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้เกิดระบบนี้ขึ้น ทรายว่ามันก็ยังพอรับได้ สังคมยังพอมีหวัง แต่เมื่อใดที่เด็กรู้สึกว่า ใคร ๆ เขาก็ทำกัน จุดนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องอันตรายค่ะ"

    คงต้องยอมรับว่า การสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้คุณธรรมจริยธรรมจากข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือ นิทาน เอกสารต่าง ๆ อาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยปลูกฝังความดีงามให้เกิดกับเด็กไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ใหญ่ในวันนี้ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ดารานักแสดง และบุคคลผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบในการเป็น "แบบอย่าง" ด้านคุณธรรมจริยธรรมของเด็ก ๆ เช่นกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เมื่อสักพักนี้ ผมได้ไปโอนเงินทำบุญของพี่ใหญ่และผม โดยโอนไปที่บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 067-0-05765-7 ชื่อบัญชี รวมน้ำใจขาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ

    .
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อครู่ที่คุณน้องนู๋สอบถามเรื่องดวงดาวในโหราศาสตร์ ผมตรวจสอบจากหนังสือดวงประกาศิตให้แล้ว ตามรายละเอียดหลังจากวันที่ 27 มกราคม เวลา 14.14 น. เป็นต้นมา ดาวมฤตยูเคลื่อนเข้าสู่ราศีมีนตามปฏิทินระบบนิรายนะวิธี และจะอยู่ถึง 7 ปี ก็จะมีเรื่องดี + เรื่องร้ายผสมกันไป

    ด้านดี ก็จะก่อให้เกิดการค้นคว้า วิจัยพัฒนา พบแหล่งโบราณคดี แหล่งดึกดำบรรพ์ ซากพืช ซากสัตว์ สิ่งที่เป็นธรรมชาติ แต่นำมาใช้กับอุตสาหกรรม เช่นบ่อน้ำมัน แก็สธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ คิดค้นกลไก เครื่องจักรกลต่างๆ

    ด้านร้าย ก็เป็นเรื่องเดิมๆจะเกิดขึ้นมาใหม่ และทวีความรุนแรงกว่าเดิมในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน เป็นโทษอย่างสาหัสากรรจ์ เช่นการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล การเกิดสึนามิ แผ่นดินไหว รอยแยกปริของเปลือกโลกทั้งแนวตั้ง แนวนอน การเกิดสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบที่เกิดในกัมพูชา เกิดโรคระบาดที่คราวนี้อาจจะติดจากสัตว์สู่คน โดยต้องร่วมกันกับดาวอื่นในขณะนั้นด้วย..

    ก็เป็นข้อมูลเอาไว้พิจารณาครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มาร่วมโมทนาบุญกับคุณกุ้งมังกอน ที่ได้ร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศเฮติกันครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ข้อกฎหมายว่าด้วยการหมั้น

    แต่งงาน Wedding ข้อกฎหมายว่าด้วย การหมั้น


    [​IMG]


    ข้อกฎหมายว่าด้วยการหมั้น (lawyerthai)

    เรื่องโดย : โกวิท ทาตะรัตน์

    ในชีวิตของคนเราทุกคนนั้น ย่อมจะต้องเกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอยู่มาก คงไม่มีใครที่จะเก่งกาจขนาดที่ว่าเกิดไม่ต้องพึ่งพาใคร เป็นเด็กก็ต้องมีพ่อแม่เลี้ยงดู โตมาหน่อยก็มีเพื่อน พอเข้าวัยรุ่นก็เริ่มมีแฟน อายุมากขึ้นอีกหน่อยก็แต่งงานมีครอบครัว มีครอบครัวแล้วก็มีลูก แล้วก็วนเวียนกันแบบนี้เรื่อยไป เรื่องที่จะพูดวันนี้เป็นเนื่องของการหมั้น สาว ๆ หลายคนอาจจะรอคอยให้ถึงวันที่แฟนของตนจะมาหมั้น มาขอแต่งงาน วันนี้ลองมาดูกันในกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เค้าว่าไว้อย่างไรบ้าง

    การแต่งงานหรือการสมรสนั้น จะมีการหมั้นหรือไม่ก็ได้ครับ หมายความว่า จะแต่งงานจดทะเบียนเลยโดยไม่ต้องหมั้นก็ได้ แต่ถ้าจะมีการหมั้น กฎหมายระบุว่า การหมั้นจะต้องมีของหมั้น โดยเป็นของที่ฝ่ายชายมอบให้แก่ฝ่ายหญิง เพราะการหมั้นคือสัญญาที่ฝ่ายชายได้ทำกับหญิง (ว่าจะมาแต่งงานด้วย) โดยชอบด้วยกฎหมาย

    การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อ

    1. ชายและหญิง(ไม่มีเพศเดียวกันนะครับ) มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ หากฝ่าฝืนข้อนี้ ถือว่าการหมั้นนั้นเป็นโมฆะเหมือนว่าไม่เคยมีการหมั้นนั้นเกิดขึ้นเลย

    2. ผู้เยาว์ (อายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์) จะทำการหมั้น ต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลดังต่อไปนี้ คือ

    a. บิดาและมารดา ในกรณีที่มีทั้งบิดาและมารดา

    b. บิดาหรือมารดา ในกรณีที่บิดาหรือมารดาตายหรือถูกถอนอำนาจปกครอง หรือไม่ได้อยู่ในสภาพหรือฐานะที่จะให้ความยินยอมได้ หรือมีเหตุการณ์ที่ผู้เยาว์ไม่อาจขอความยินยอมจากบิดาหรือมารดาได้

    c. ผู้รับบุตรบุญธรรม ในกรณีที่ผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม

    d. ผู้ปกครอง ในกรณีที่ไม่มีบิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือมีแต่บุคคลดังกล่าวถูกถอนอำนาจปกครองไปแล้ว

    การให้ความยินยอมดังกล่าว อาจให้ด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ ซึ่งหากว่าบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมดังกล่าว ไม่ให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์โดยไม่มีเหตุผล ผู้เยาว์นั้นอาจขอให้ญาติหรือพนักงานอัยการร้องต่อศาลให้ถอนอำนาจปกครอง แล้วจัดให้มีผู้ปกครองใหม่ จากนั้นผู้เยาว์ก็มาขอความยินยอมจากผู้ปกครองคนใหม่ ทั้งนี้ หากไม่มีบุคคลอื่นใดที่จะให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ได้ ผู้เยาว์จะต้องร้องขอให้ญาติหรือพนักงานอัยการร้องต่อศาล เพื่อตั้งผู้ปกครองให้ แล้วขออนุญาตจากผู้ปกครองนั้น เพราะผู้เยาว์จะไปร้องต่อศาลด้วยตนเองเพื่อให้ศาลอนุญาตให้ตนทำการหมั้นไม่ได้

    บุคคลดังต่อไปนี้จะทำการหมั้นกันไม่ได้ หากฝ่าฝืนการหมั้นนั้นเป็นโมฆะ

    1. ชายและหญิงอายุยังไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์
    2. ชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริต
    3. ชายหรือหญิงเป็นญาติสืบสายเลือดกันโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน พูดง่าย ๆ ว่าคือ ญาติสนิทนั้นเอง

    โกวิท ทาตะรัตน์

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2010
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,438
    โมทนาสาธุด้วยนะครับ
    ที่ Office ผมก็ได้บริจาคทำบุญช่วยเหลือเฮติด้วยเช่นกันผ่าน SAC Welfare Fund ...คาดว่าเงินน่าจะถึงมือผู้รับแล้วครับ :)
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+, chantasakuldecha+, psombat+, Phocharoen+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    อ่า ผมตาม<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เพื่อนครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภัยเงียบที่คาดไม่ถึงจาก “โรคกระดูกพรุน”
    Celeb Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 มกราคม 2553 11:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “คนแก่นี่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง” มีผู้สูงอายุท่านหนึ่งกล่าวขึ้นมาลอยๆ ความจริงแล้วท่านคงหมายถึงสภาพของร่างกายมากกว่า เพราะเมื่ออายุมากขึ้น บุคลิกภาพของคนมักจะเปลี่ยนตามไปด้วย อย่างเช่น หลังค่อม ขาโก่งงอ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ กระดูกหักง่ายกว่าปกติ

    พ.อ.รศ.ทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ศัลยแพทย์สาขา ออร์โธปิดิกส์ รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะความหนาแน่นของกระดูกน้อยลง ซึ่งตามปกติร่างกายจะสร้างมวลกระดูกใหม่ และขจัดมวลกระดูกที่หมดอายุออกไป โดยเฉพาะ ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป อัตราการสลายกระดูกจะเร็วกว่าอัตราการสร้างกระดูก ทำให้ปริมาณมวลกระดูกลดลง และโครงสร้างภายในของกระดูกถูกทำลาย ส่งผลให้ระดูกชั้นในมีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ หรือที่เรียก “กระดูกพรุน” ซึ่งผู้หญิงจะสูญเสียเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่า โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ปริมาณเนื้อกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว

    ผู้ที่มีโอกาสจะเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารที่มีความผิดปกติในการดูดซึมแคลเซียม คนที่ดื่มสุรา กาแฟ สูบบุหรี่จัด ผู้ป่วยที่ต้องนอนเป็นเวลานาน ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระจายไปที่กระดูก ผู้ที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวกระดูกหักง่าย นอกจากนี้ การได้รับยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาสเตอรอยด์ ยากันชัก ยาไทร็อกซิน ฯลฯ รวมทั้งคนที่เป็นโรครูมาตอยด์,โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ฯลฯ ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากเป็นพิเศษเช่นกัน

    เมื่อกระดูกในร่างกายเริ่มบางลง จนเริ่มเข้าสู่ภาวะกระดูกพรุน ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ ปรากฏเลยถ้ากระดูกไม่หัก ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน จะดำรงชีวิตได้อย่างปกติ แต่หากเมื่อประสบอุบัติเหตุเช่น หกล้ม ภัยเงียบที่แอบแฝงนี้ ก็ปรากฏให้รู้ว่า สาเหตุที่กระดูกหักง่ายนั้น ก็เพราะอยู่ในสภาวะกระดูกพรุน โดยส่วนที่จะหักง่ายกว่าปกติ ได้แก่ กระดูกหลัง กระดูกข้อมือ และกระดูกสะโพก โดยเฉพาะ กระดูกบริเวณสะโพก ผลกระทบที่ตามมาคือ ไม่สามารถเดินได้ การนอนรักษาตัวเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดแผลกดทับ อีกทั้ง ยังกลายเป็นภาระในการดูแลระยะยาว สุดท้ายอาจเสียชีวิตในที่สุด

    นอกจากนี้ สภาวะกระดูกพรุนยังส่งผลต่อโครงสร้างของกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเฉียบพลันและเรื้อรัง มีรูปร่างเปลี่ยนไป เตี้ยลง หลังโก่ง ไหล่งุ้มกว่าปกติ พุงยื่น หลังแอ่น ไม่มีเอว ฟันหลุดง่าย และการทำงานของอวัยวะภายในด้อยลง การย่อยอาหาร และการหายใจลำบาก เป็นต้น

    ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนควรงดสูบบุหรี่, งดดื่มสุรา, ชา, กาแฟ, ระวังการลื่นล้ม เป็นต้น นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและบริโภคอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี โปรตีน ที่เพียงพอเพื่อความสมดุลของร่างกาย หากไม่มีเวลามากพอ ควรหาผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมให้กับกระดูก โดยเลือกที่มี คอลลาเจนไฮโดรไลเซท ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้มวลกระดูกแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จำคุกพันปี! แก๊งแชร์ลูกโซ่กรีนแพลนเนท
    Crime - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 มกราคม 2553 18:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>(แฟ้มภาพ)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศาลอาญาพิพากษาจำคุกคนละกว่า 1,000 ปี “กก.บริษัท กรีนแพลนเนท-ร่วมรวยโอคาเน่” แก๊งแชร์ลูกโซ่ โฆษณาลวงประชาชน 734 ราย ลงทุนขายตรงอาหารเสริม สั่งปรับ 2 บริษัทร่วม 200 ล้าน และให้คืนเงินผู้เสียหาย 42 ล้านเศษ กก.บริษัท กรีนแพลนเนท หอบโฉนดกว่า 5 ล้านประกันตัว ที่เหลือนอนคุก


    วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธนกฤต หรือสุพจน์ หรือบวร ฉัตรทันนิเทศ อายุ 50 ปี กรรมการบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, นายกิตติพงษ์ เมธาธรรม อายุ 55 ปี และนางอัมพร วสุวัต อายุ 63 ปี ทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท กรีน แพลนเนท 108 คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ และบริษัท กรีน แพลนเนท 108 ร่วมเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

    คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 6 พ.ค.48 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.46 - 10 ก.พ.48 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรม ด้วยการโฆษณาแจกจ่ายเอกสาร เผยแพร่ข่าวและโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตโดยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชน ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ให้สมัครเป็นสมาชิกขายตรงสินค้าและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนโบราณ ครีมบำรุงผิว และชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด กับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 โดยมีบริษัทร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 เป็นผู้บริหารจัดการผลประโยชน์ จนมีประชาชน 734 ราย หลงเชื่อและเสียค่าสมัครสมาชิกรายละ 200 บาท รวมทั้งต้องซื้อสินค้าคนละ 18,000 บาท โดยระบุว่าถ้าเป็นสมาชิกครบ 1 ปี จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินสดคนละ 1.1 ล้านบาท หรือรถยนต์ 1 คัน และหากหาสมาชิกใหม่ได้จะได้รับตอบแทนคนละ 1,000 บาท และเมื่อสมัครป็นสมาชิกแล้วภายใน 4-6 เดือน จะได้รับเงินโอนให้อีกคนละ 4,000 บาท แต่เมื่อพวกจำเลยได้รับจากสมาชิกกลับนำเงินไปฝากในธนาคารต่าง ๆ แล้วฉ้อโกงไปเป็นของตนเองโดยทุจริต ต่อมาพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จับกุมพวกจำเลยได้และแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343, 83, 91, 32, 33 และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 9, 12 และอื่นๆ ท้ายฟ้องอัยการขอให้พวกจำเลยคืนเงินต้นเงินกู้ที่ร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหาย 42,103,826 บาท รวมทั้งดอกเบี้ย 15 ต่อปี รวมทั้งคืนเงินของกลางจำนวน 15,968,497 บาท จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธโดยตลอด

    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, มาตรา 5 และ 12 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ซึ่ง พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน ฯ มาตรา 12 อันป็นบทหนักสุด โดยนายธนกฤต กรรมการบริษัทร่วมรวยฯ จำเลยที่ 1 และบริษัทร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 กระทำผิดรวม 539 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 5 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4 กระทงละ 500,000 บาท

    ส่วนนายกิตติพงษ์ และนางอัมพร กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนท ฯ จำเลยที่ 2-3 และ บริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 กระทำผิดรวม 587 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 2-3 กระทงละ 5 ปี และปรับ บริษัทจำเลยที่ 5 กระทงละ 500,000 บาท ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างเห็นควรลดโทษให้จำเลยทั้งห้าคนละ 2 ใน 5 คงจำคุกจำเลยที่ 1-3 กระทงละ 3 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4-5 กระทงละ 300,000 บาท

    รวมจำคุกนายธนกฤต กรรมการบริษัท ร่วมรวยฯ จำเลยที่ 1 ไว้ 1,617 ปี ปรับบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 จำนวน 161,700,000 บาท และให้จำคุกนายกิตติพงษ์ และนางอัมพร กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 2-3 คนละ 1,761 ปี ปรับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 จำนวน 176,100,000 บาท แต่ความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ซึ่งตามกฎหมายให้จำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 ไว้คนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) นอกจากนี้ ให้พวกจำเลยคืนเงินของกลางจำนวน 15,968,497 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมทั้งคืนเงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 42,103,826 บาท

    ภายหลัง ญาตินางอัมพร จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จำนวน 7 โฉนด มูลค่า 5,400,000 บาท ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้จำเลยประกันตัวไปโดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาทถ้วน ส่วนนายธนกฤต กรรมการบริษัทร่วมรวย ฯ จำเลยที่ 1 และนายกิตติพงษ์ กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 2 ไม่มีผู้ใดยื่นประกัน จึงถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...