ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ผมเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธ์ความขลังพุทธคุณจะคุ้มครองตัวเรา มิใช่อยู่ที่การมีไว้ครอบครอง..แต่อยู่ที่วิธีใช้ การบูชาศรัทธาเชื่อมั่น..และศีลธรรม ของผู้ใช้.. ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ รอติดตามตอนต่อไป

 

................
ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของ..มองโกล)
................

.............วิชาเรียน..ที่สำคัญในโรงเรียนทหารคือ..ประวัติศาสตร์การสงคราม...
...เขาจะเรียนถึง..การยุทธ์ที่สำคัญ..ในอดีต..วิเคราะห์..เจาะลึกกันถึงแผน..และ
วิธีการรบ..ที่ใช้ในทั้งสองฝ่าย..แน่นอน..ยุทธภูมิที่สำคัญอย่างน้อย ๒ ยุทธภูมิ..
ของ..สุโบไต..นั้น..ถูกบรรจุเข้าไปด้วย..ในการศึกษาของเหล่าทหารในยุโรป..
เมื่อการรบเริ่มเปลี่ยนแปลง..เป็นแบบสมัยใหม่.....
...กองทัพญี่ปุ่น..ยุคเมจิ..และหลังเมจิใหม่ๆ..เห็นความสำคัญมาก..ทุ่มเงิน..
และ..งบประมาณ..สำหรับโรงเรียนทหารเต็มที่..จ้างทหารฝรั่ง..ที่มีประสพการณ์
สูง..มาวางรูปแบบการสอน..จ้างทหารฝรั่งล้วนๆมาทำการสอน..โดยมีล่ามประกบ
..ตักตวงความรู้จากฝรั่งอย่างเต็มสูบ..ส่ง..นักเรียนทหารที่มันสมองเลิศไปเรียนที่
ยุโรป..ทั้งอังกฤษ..ฝรั่งเศษ..เยอรมัน...เพื่อกลับมาสอนและ..เป็นผู้นำทางทหาร..
ทำให้..กองทัพญี่ปุ่นรุ่นใหม่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด..มีความสามารถไม่แพ้ฝรั่ง..
..ในเวลา..ไม่ถึง ๕๐ ปี..ตัวอย่างที่เห็นคือ..ญี่ปุ่น..เอาชนะรัสเซียได้..ทางยุทธนาวี
.....๑ในทหารที่จบจากโรงเรียนทหารญี่ปุ่น..มีผลการเรียนชั้นดี..เมื่อรับราชการได้
ไม่กี่ปี..ญี่ปุ่นส่งเขา..ไปทำหน้าที่นายทหารติดต่อประสานงาน..ร่วมกับกองทัพ
เยอรมัน..แถม..เยอรมันเองเห็นว่าเก่ง..ก็ให้เข้าร่วมในกองทัพด้วย..เขากลับประเทศ
พร้อมกับ..ความรู้และประสพการณ์เหนือใคร..เพราะผ่านสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่๑
มาแล้ว..กลับมาก็ได้พัฒนากองทัพ..จนประสิทธิภาพสูงสุด..และในการบุกเอเซีย..
..ถูกมอบหมายให้..บุกภาคตะวันตก..
.............เขาคือ...นายพล ยามาชิตะ..หรือ..สมญานามว่า..เสือแห่งมลายู.....
..ผมจะไม่อธิบายยืดยาว..คนอ่านสามารถไปเปิดเน็ต..หารายละเอียดได้...เพียงแต่
จะบอกว่า..เขาวางเครือข่ายการข่าวของเขา..ในภูมิภาคแหลมทอง..ไว้ล่วงหน้า..
กว่า ๑๐ ปี..ก่อนที่จะถล่ม..สิงคโปร์..มลายู..ฐานใหญ่..ของอังกฤษ..และเข้าไทย
พร้อมกัน..แบบสายฟ้าแลบ..ยึด..สิงคโปร์..ยึด..มลายู..ได้อย่างสมบูรณ์..และขอผ่านไทย
(แบบใช้การบีบด้วยสถานะที่เหนือกว่า)..ซึ่งใช้เวลาอย่างรวดเร็ว..จนฝรั่งเองยังงง
....ผลการเหล่านี้..จะไม่สำเร็จได้..ถ้าไม่มีการวางเครือข่ายการข่าวที่เยี่ยมยอด...
..ซึ่ง..มีความเหมือนกับ..มองโกลค่อนข้างมาก..จนนักประวัติศาสตร์ทางทหารฝรั่ง
บางคน..มีความเห็นตรงกันว่า..เพราะ..ยามาชิตะ..มีประสพการณืการรบในยุโรป..
และ..เป็นคนไฝ่รู้หัวดี..คงได้ศึกษาแนวทางการข่าว..ของ..สุโบไต..มาอย่างดี..
..จนเอามาปรับ..และ..นำมาใช้อย่างได้ผล..นั่นเอง....
....รายละเอียดของการวางโครงข่ายการข่าวของ..ยามาชิตะ..ไปหาอ่านกันเองแล้ว
กัน..เพราะมันยาว..
....ผมเอามาเล่า..เพื่อให้เห็นว่า..การข่าวทางทหารนั้นมีผลกับการรบ..ขนาดไหน..
..และ..การวางโครงข่ายการข่าว..ที่มาที่ไปของมองโกล..ผมจะไปว่ากันอีกที..
..ในหัวข้อ..ของ..สุโบไต บาฮาเดอร์....

.........ต่อพรุ่งนี้.........

 

รอติดตามตอนต่อไปครับอา

ญี่ปุ่นถ้าไม่โดนระเบิดปรมาณูก่อนนี่ สงสัยคงจะยึดได้ครึ่งค่อนโลกเหมือนมองโกลแน่ๆ

เผลอๆ คงจะลุยถึงอเมริกาเลยนะครับ

 

....ไม่ใช่หรอกหลานเอ้ย..ไอ้แฟคเตอร์มันคือ..เยอรมันเพราะ..เยอรมันพอเริ่มแพ้..ถอนร่น..แล้วใกล้อวสานอิตเลอร์..ไอ้กันมันก็หมดห่วง..หันมาทุ่มทุกอย่าง..จัดการ
กับ..ญี่ปุ่น..ตอนที่โดนทิ้งระเบิดนั้น..ญี่ปุ่นก็กรอบแล้ว..แต่ยังตื้ออยู่เท่านั้นเอง
....ด้วยการเป็นสัมพันธมิตร..กัน..ระหว่าง..ญี่ปุ่นกับ..เยอรมัน..นั้น..สภาวะ..มันต่างกัน..แผนโจมตีเพิลฮาร์เบอร์ของไอ้ยุ่น..ซึ่งไอ้ยุ่นมันพิจาณาว่าเหมาะสม..และ..เกิดขึ้นก่อน..ข้อตกลงตามแผนเดิม..เพราะเยอรมันไม่อยากให้..ไอ้กันเข้ามาร่วมวง
..เพราะเมื่อคราวครั้้งที่๑..เยอรมันก็แพ้..เพราะไอ้กันโดดเข้ามา...
...เพราะประเทศมันรวย..ทั้งคน..ทั้งอาวุธ..หลังโจมตี..เพิลฮาร์เบอร์..
..ไอ้กันก็ประกาศสงครามได้ถนัด..เพราะ..เยอรมันก็..เป็นพันธมิตรญี่ปุ่น
..เมื่อประกาศสงคราม..กับ..ญี่ปุ่น..ไอ้กัน..ก็ประกาศกับ..เยอรมันด้วย

 

มารอติดตามตอนต่อไปครับคุณอา

 

....................
หวัดดี.....April..หลานเขม..และ..เฉียวฟงหลานรัก
............................
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
............................
.............เราอย่าไปนึกว่า..เมื่อ ๔๐๐ ๕๐๐ ปีก่อนนั้น..เราจะไปหาซื้อได้ง่ายๆ....
..สังคมในยุคเกษตรกรรม..แบบนั้น..ถ้าในหมู่บ้าน..ไม่มี..พวกบ้านตีเหล็ก..อยู่ด้วย
ก็หายาก..ต้องเข้าไปในเมือง..ไปโรงตีเหล็ก..หรือไปหาหมู่บ้านที่เขามีตีเหล็ก..
...แต่นึกดูสมัยนั้น..ถ้าบ้านอยู่ไกลเมือง..และ..เมืองที่อยู่ไม่ใหญ่..ไม่สำคัญมาก
..พวกตีเหล็ก..โรงหล่อ..ก็จะกระจายอยู่ใกล้เมืองตามที่บอกไปแล้ว....
.....แต่มันมีโลหะ..อยู่อย่างนึง..ที่ชาวบ้านมี..และใช้กันอยู่ประจำแต่มันเป็นแค่
องค์ประกอบ..นั่นคือ....
...............................ตะกั่ว...................................
...ไอ้ตะกั่วที่ว่านี้...คือ..ตะกั่วถ่วงแห...แน่นอนครับ..ทุกบ้านจะมีแห..แล้วพ่อ
บ้าน..แม่บ้าน..ลูกๆที่โตหน่อย..ก็ต้องทอดแหเป็น..เพราะบ้านเราในน้ำมีปลา..
อุดมสมบูรณ์..ยิ่งสมัยก่อนยิ่งแล้ว..สมัยเด็กๆบ้านผมอยู่ในกรมทหาราบที่๑๑
ใกล้วัดพระศรีมหาธาตุ..บางเขน..พอหน้าฝน..สนามหญ้าในบ้าน..ก็จะเต็มไป
ด้วย..ปลาหมอ..ปลาช่อน....ตักใส่กระแป๋งยังไงๆ..ก็ไม่หมด..มากันเป็นร้อย..
..ขนาดตอนเด็กผมยังได้เคยมีโอกาศเห็น..แหที่ใช้..ตะกั่วเป็นลูกๆถ่วง...
..ไม่ได้เป็นโซ่..แบบในยุคหลัง....
....ผมก็ได้ข้อมูลนี้..จากคนเก่าแก่..ว่า..เขาก็ใช้แบบนี้กันมาตลอด...ไปค้นคว้าใน
หนังสือ..ก็เช่นเดียวกัน..ว่าเราใช้ตะกั่ว..ถ่วงแห..ถ่วงเบ็ด..กันมาตั้งแต่สมัย
อยุธยาแล้ว....
......การใช้ตะกั่ว..ดัดแปลงเป็นรูปต่างๆ..ก็ง่าย..เพราะใช้เตาถ่าน..พัดให้ไฟแรงๆ
พักเดียว..ตะกั่วก็ละลายแล้ว..วิธีจะทำให้ละลายไวๆ..ก็เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ..
ใส่ลงไปในกะทะเหล็ก..แค่นี้ก็เรียบร้อย...เมื่อเหลวก็เทใส่แบบสี่เหลี่ยมตื้นๆ..
ทำง่ายๆ..เมื่อกรอกตะกั่วจนเด็ม..ทิ้งไว้..สักพัก..ตะกั่วมันก็จะกลับมาแข็งเหมือนเดิม
..ผมทำเล่นเอง..มาตั้งแต่เด็ก..พอโตขึ้นมา..ก็ทำแบบเป็นรูปพระ..หมูมาก..
.........ก็นั่นแหละครับ..เมื่อผู้ประสงค์..อยากได้..ของขลังที่มันทนทานหน่อย..
ใช้ติดตัวได้..มันก็นึกออกไม่ยาก...ก็กลายเป็นผ้ายันต์แข็ง..ที่ทำจากโลหะ...
...จะทำให้ใช้ติดตัวได้..ก็ม้วนซะ..แค่นี้ก็สำเร็จเอาเชือกร้อยเข้าไป..แขวนเอว..
(..ไม่ใช่แขวนคอ..นะ..ผมเขียนมาหลายครั้งแล้ว..ว่าสมัยก่อน..เขาไม่เอาอะไร
ไปแขวนคอ..นอกจากจะรบ..ก็ผูกผ้าประเจียดเอา..แค่นั้น)...
.....ปกติ..เวลาเราเทได้แผ่นตะกั่วนั้น..มันจะหนาหน่อย..ก่อนเอามาทำเป็นแผ่น
ตะกรุด..ก็ต้องตีให้มันบางๆหน่อย..ไม่งั้นหนักตาย....
..........ซึ่งสิ่งเหล่านี้..บ้านไหน..ก็ทำได้..แค่ไปเอา..ลูกตะกั่วถ่วงแห..มาสักลูก
(ทรงคล้ายลูกรักบี้..มีรูตรงกลาง..ไว้ร้อย)..นั่นแหละครับมาทำ...
....แล้วก็เอาไปให้หลวงพ่อ..ซึ่งทั้งนี้อาจต้องถามท่านก่อน..ว่า..จะใช้ขนาดไหน
........ข้อดี..ของตะกั่ว...สำหรับผู้ทำก็คือ..มันนิ่ม..จารง่าย..เห็นลวดลายชัดเจน
..และ..ตัวหลวงพ่อเอง..ถ้าแรงยังดี..ก็ม้วนเองง่าย....
.........ผมจึงถือว่า..เป็นเครื่องรางของขลัง..ที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย..แม้เวลา
ผ่านไปเนื่นนาน

.........ต่อตอนหน้า.........

 

อย่างนี้น่าจะเรียกว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นคัก ๆ ครับอ้าย
นำของใช้ใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ

 

...............................
...ถูกต้องน้องพี่..ภูมิปัญญาหลายๆอย่างที่ตกทอดมาถึง..ยุคนี้..มันก็เกิดจากของใกล้ตัวกันทั้งนั้น..แก้ไข..
ปัญหาที่เกิด..เพราะ..โลกของเขาแคบ..ไม่ช่วยตัวเอง..ก็ตาย...คนสมัยก่อนจึงมีความคิดสร้างสรรค์
มากมาย..ไม่เหมือนคนสมัยนี้..มันไม่ต้องคิดอะไร..
..เอะอะ..ก็เปิดเน็ต..เปิดสมารท์โฟน..มันเลยโง่..งัย

 

..ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของมองโกล)..
.............................

...............ข่าว..ที่ส่งมาถึง..หน่วยบัญชาการของมองโกล..นั้น..ไม่ใช่มาจากแหล่งเดียว
..มองโกลส่ง..คนเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายหลายคน..และ..หลากอาชีพ...นอกจากจะ
หาข่าว..หลากหลาย..ก็ยังหาข่าว..ในหัวข้อเดียวกันด้วย..เพราะ..มันจะเป็นการกรองข่าว
ในตัว...เช่นเดียวกับ..การทำแผนที่ภูมิประเทศโดยรอบ..ที่กว้างขวางครอบคลุม..
...ข่าวของมองโกลนั้น..ครอบคลุม..สังคม..ความเป็นอยู่..เศรษฐกิจ..และ..การทหาร..
...ภูมิอากาศ...อาหารการกิน..จุดเด่น..จุดด้อย..ในแต่ละเรื่อง.....
....ทำให้มองโกล..เลือกได้..ว่า..จะโจมตีเมืองไหน..จะโจมตีเมืองใด..เมืองไหนโดนก่อน
เมืองไหน..โดนทีหลัง...
........นี่จึง..เป็นเหตุผล..ที่ทำไม..มองโกล..ที่มีกำลังรบ..ทั้งๆที่เป็นฝ่ายไปโจมตีเขา..
..แต่มีกำลังน้อยกว่า..ข้าศึก...แต่สามารถเอาชนะ..ได้ทุกครั้ง....และอย่างรวดเร็ว....
....ผมจะมาว่าละเอียดเรื่องการข่าวอีกครั้ง..ในหัวข้อของ...สุโบไต...

........๖. เทคนิคการรบ...
......
..................หัวข้อนี้..สำคัญมาก..ใครๆก็ทราบ....
...ฝรั่งในยุคนั้น..จะมองไอ้พวกตาตี่..ตัวตันๆ..เตี้ยๆ..ห่มหนังสัตว์..พะรุงพะรัง..และสกปรก
..ว่าเป็น..คนเถื่อน(barbarian)....พูดจาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง..โง่..เข้าเมือง..หรือ..ผ่านเมืองมา
..ก็เอาสินค้ามาแลก..(ส่วนใหญ่เป็นหนังสัตว์)..และส่วนใหญ่..จะไม่เคยรู้เรื่อง..ของอัตติลา..ที่ถล่มอาณาจักรโรมันตะวันออก..จนเละ..ต้องอาศัยโป๊บ..ไปเจรจาสันติ...เนื่องจาก
มันเป็นยุคโบราณ..การสื่อสารไม่ได้ทั่วถึง..และ..ถึงแม้จะรู้..แต่เหตุการณ์มันผ่านมา
หลายร้อยปี...จนคนรุ่นหลังลืมเลือน...
......พวกนี้..จึง..ประมาท..พวกมองโกล...ว่าไอ้เตี้ยขี้มูกกรัง..พวกนี้มันจะเอาอะไรมาต่อกร
..กับ..พวกอัศวินหุ้มเกราะ..ต่างๆ.....
.....นอกจากจะไม่รู้เขาแล้ว..ยังไม่รู้เราด้วย..เทคนิคการรบ..ไม่เคยเปลี่ยนแปลง..
แถม..อุปกรณ์..การรบก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง...จากเมื่อ สองสามร้อยปีก่อน...
...ข้อบกพร่อง..ไม่ได้แก้ไข..เพราะส่วนใหญ่จะรบกันเอง...โดยเฉพาะ..ส่วนใหญ่
พวกนี้..จะเข้าใจผิดว่า..มองโกลนั้น..มาจากพื้นที่แห้งแล้ง..ด้านตะวันออก..อากาศ
ร้อน..มึงมาเจออากาศหนาวบ้านกู..เดี๋ยวมึงก็มือหงิก..แข็งตายไปเอง..

.......ต่อพรุ่งนี้.......

 

แล้วก็ตายหยังเขียดนะครับอ้าย
ไอ้เรื่องสบประมาทนี่
เห็นจะไม่เกินฝรั่งตาน้ำข้าวนะครับ

 

...ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของมองโกล)...


...............สรุปคือ..ความประมาท..คือ..หนทางแห่งความฉิบหาย(..นักเลงพระจำไว้ด้วย)
..ตามที่..พลศิริน้องรักของผม..บอกไว้....
.......ขณะที่..มองโกลปรับเทคนิค..การรบ..มาตลอด..สู้กับจีน..อย่างนึง..สู้กับ..แขก..
อย่างนึง..สู้กับฝรั่ง..ก็อีกอย่างนึง..เรียกง่ายว่า..การที่เขา..รบตลอดเวลาไม่พัก..
ทำให้ ALERT (ตื่นตัว) ..ตลอดเวลา..ความคิด..เทคนิค..ประสพการณ์ที่ได้..แต่ละสมรภูมิ
..สั่งสมเข้าไป..ในสมอง..เครื่องมือการรบใหม่ๆ..นำเข้ามาใช้...
....พูดง่ายๆ..เขารู้ว่าอะไร..ของเขาเด่นด้อย..และ..รู้ว่าไอ้พวกฝรั่งอะไรเด่นด้อย...
......จุดเด่น..ของเขา..ยกตัวอย่างคือ..เขาได้เปรียบด้าน..การโจมตี..ระยะไกล...
...การโจมตี..ระหว่าง..รุก..และ..รับ..รวมถึง..ถอย(..ถอยไปด้วย..ทำลายข้าศึกไปด้วย)
..เนื่องจาก..เขาโจมตีระยะไกลได้..แม้ในขณะที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว...เขารู้ว่า..
..ธนูฝรั่ง..หน้าไม้(ฝรั่งชอบใช้..ซึ่ง..ยิงได้ช้า..และ..ระยะสั้น)..ระยะทำการขนาดไหน..
..ทำให้เขารักษาระยะปลอดภัยได้..ซึ่งธนูของของรวดเร็ว..และ..ยิงได้ไกลกว่า...
.....เขารู้ว่า..ฝรั่งการเคลื่อนที่ช้า..การปรับขบวนรบทำได้ช้า..แต่ของเขาเคลื่อนที่เร็ว
..และ..การปรับขบวนรบ..ทำได้ทันที..
..ใช้..การรบแบบเฉียบพลัน..เป็นอาวุธหลัก....
...โดยมี..การโจมตี..ระยะไกล..ต่อเนื่อง..ไม่หยุด..แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะใด..เป็นหัวใจ..
...เช่น..ขณะที่ถอยหนี..เขาก็ใช้กองระวังหลัง(หน่วยทหารม้าเบา)ทำลายข้าศึกไปเรื่อยๆ
ด้วยธนู..พอข้าศึกเริ่มแย่..และ..ถอยกลับ..เขาสามารถออกคำสั่งให้..กลับมารุกได้ทันที
หน่วยทหารม้า..ทั้งหมด..ทยอยวิ่ง U-TURN สวนกลับ..เริ่มจากแถวหน้าสุดค่อยๆไล่กลับมา
จนถึงหลัง..กองกำลังส่วนหน้า..ที่ทำการอยู่(หน่วยทหารม้าเบา)..กลับมาอยู่ด้านหน้า
เพื่อการไล่ล่า..และ..ทำลายข้าศึกขณะทำการรุกได้..อย่างต่อเนื่อง..หน่วยกองระวังหลัง
..ก็กลับไปอยู่หลังเหมือนเดิม..แล้ว..ยังมีทีเด็ด..ไว้รอรับ..ไอ้ฝรั่งที่กำลังถอยไว้อีก..
...ซึ่งผม..จะยังไม่กล่าวถึง..เอาไว้..ในหัวข้อของ..สุโบไต....
..........ดังนั้น..การที่มองโกล..รู้เขา..และ..รู้เรา..นั้น..จึงเป็นที่มาแห่งชัยชนะ....
............การที่ฝรั่งไม่รู้เขา..และ..ไม่รู้เรา...ก็คือ..หนทางแห่ง..ความฉิบหาย..นั่นเอง..


......ต่อพรุ่งนี้.....

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_
เพิ่งเสร็จจากภารกิจวุ่นวายตลอดเดือนที่แล้ว ขออนุญาตกลับเข้าห้องมาติดตามต่อครับ (รู้สึกเหมือนไปออกรบมาทั้งเดือนเลยครับ)

 

ยิ่งอ่านยิ่งทึ่งพวกมองโกลจริงๆ ครับ (เมื่อก่อนก็ทึ่งกุรข่าไปทีนึงแล้ว)

อามาเปิดโลกทัศน์ให้ผมแท้ๆ

ขอบคุณครับ รอติดตามตอนต่อไปครับผม

 

คนไทยก็พึ่งมาห้อยพระขึ้นคอกันมาไม่นานมานี่เอง

 

สวัสดีครับคุณอา..มาติดตามอ่านบทความดีๆทั้งสองเรื่องครับ

 

..........................
...หวัดดี...พลศิริน้องรัก..หลานเขม..ภาณุพงศ์..MASTERTESTศิษย์ครูและ..เฉียวฟงหลานรัก
.......................
..ต่อจากตอนที่แล้ว....
.......................

..................เรื่องตะกรุดโลหะ..ยุคแรก..ที่ทำจากตะกั่วนี้...ยืนยันได้..จากการ
เปิดกรุ..หรือ..แม้กระทั่งขโมยขุดกรุ..ต่างๆ..ในภาคกลาง..มีหลายกรุที่พบ..ตะกรุด
ตะกั่ว..อยู่ปะปนกับพระบ้าง..ถึงไม่มากนัก..แต่จะมีเฉพาะ..ตะกรุดที่ทำจาก..ตะกั่ว
เท่านั้น..ไม่มีตะกรุดทองแดง..ปะปนอยู่ในกรุยุคอยุธยาขึ้นไปเลย.....
...และจากการสอบถามคนรุ่นเก่านั้น...ท่านก็บอกว่า..ตั้งแต่พอสืบความได้..และ..
มรดกที่ได้รับนั้น..ก็ไม่มีตะกรุดทองแดง..แม้แต่ดอกเดียว....
...ท่านเหล่านี้..บอกว่า...มาเริ่มมีเอาน่าจะเป็น..ยุคปลายๆ..รัชกาลที่๕..ต่อรัชกาลที่๖
....เพราะบ้านเมือง..เจริญขึ้น..มีเครื่องรีดโลหะ..อย่างทองแดงแล้ว....

...........ทองแดงนั้น..แข็ง..และเปราะกว่า..ตะกั่ว..สมัยอยุธยา..นั้น..ก็ใช้วิธีหลอม..
ซึ่งชาวบ้านทำเองไม่ได้..ต้องเป็นเตาหลอมโลหะ..ของพวกโรงหล่อ..ที่มีความร้อนสูง
..ไม่งั้น..ไม่ละลาย...
......ต่อให้เทบนแบบที่บาง..มันก็หนา..และ..แข็งเกินไปที่จะม้วน...ถ้าจะม้วนได้จริงๆ
ต้องทุบให้บาง..แต่ปัญหาทางโลหะวิทยานั้น..การทุบให้บางขณะที่ทองแดงร้อนนั้น
ทำได้ยากมาก..เนื้อจะแตกออกไปซะก่อน..เมื่อต้องมาทุบตอนที่เย็นแล้ว..โมเลกุล
ของทองแดงจะเข้าไปอัดตัวกัน..จนแข็ง..เมื่อเอามาดัด..จะแตกปริ......
...ส่วนทองแดงที่เป็นแผ่น..นั้น..จะใช้..การก่อสร้าง..ซะมากกว่า..คือ..หนาหน่อย
...ถ้าส่วนไหนต้องดัด..ก็ทุบ..ปรับรูปเล็กน้อย...หรือ..ถ้าเป็นทรงกระบอก..ก็ต้อง
หนา..และ..ขนาดไม่เล็ก..เพราะดัดโค้งได้ไม่มาก...
...ส่วนอย่างเงิน..และ..ทองนั้น..ใช้ทำตะกรุด..มานานแล้วเช่นกัน..เพราะ..เนื้ออ่อน
..แต่หายาก..เพราะต้องเจ้านาย..หรือ..คหบดี..ที่มีตัง..คนรุ่นเก่าที่..ผมสอบถามนั้น
ก็ยืนยันว่ามี..ที่เป็นประเภท..ตะกรุดโทน..ด้วย...
..........คนสมัยก่อนจึงเลี่ยง..ไม่ใช้ซะ..เพราะใช้ตะกั่วก็..สะดวกดี...
......แต่ถ้า..เป็น..แผ่นโลหะ..ที่จารยันต์..แล้วผสม..ลงในเบ้าหลอมนั้น..ไม่มีปัญหา
..เพราะ..เป็นแผ่น..ไม่ต้องดัด......
.....สำหรับ..นาก(..ทองแดงผสมทอง)นั้น..ก็เช่นกันกับ..ทองแดง..คือ..มีการนำมา
ใช้ทำตะกรุด..ไล่ๆ..กับ..ทองแดง..เพราะ..ต้องใช้การรีดเอา...
......เช่นเดียวกับ..ทองเหลืองฝาบาตรนั้น..ก็มามีเอาในยุค..ใกล้เคียงกัน..เพราะ
เริ่มมีการทำฝาบาตร..ที่เป็นทองเหลืองกันแล้ว..(แผ่นทองเหลือง..ก็ต้องรีดเช่นกัน)
....แต่ลำบากอาจารย์..หรือ..ลูกศิษย์..ในการม้วนเพราะ..มันแข็ง...
..กำเนิดก็คงต้อง..มาจากวัดที่ใหญ่พอสมควร..มีพระเยอะ..จึงมีฝาบาตร..เก่าๆ..
พอสมควร..เพราะว่า..ถ้าเป็นตะกรุดโทน..นั้น..ฝานึง..ก็ได้แค่..ดอกเดียวเท่านั้น
...หรือไม่งั้น..ผู้ที่ขอให้หลวงพ่อทำก็ต้องเป็นศิษย์ใกล้ชิด..ขนาดขอฝาบาตรเก่า
ท่าน..เอามาตัด..เป็นแผ่นทำตะกรุด..ได้..
...วัสดุอื่น..รุ่นหลัง..ไม่ต้องมาถามผม..อย่างพวกอลูมิเนียมกาน้ำชา..นี่มันรุ่นหลัง


...........ต่อตอนหน้า............

 

ขอบคุณครับครู. สำหรับความรู้ ที่ครูแสดงให้เห็นยันแก่นเลย อ่านตามแล้วตอบข้อสงสัยได้ชัดเจนเลยครับ

 

..ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของมองโกล)
.........................

.....๖.ความสามารถและฝีไม้ลายมือในการต่อสู้..ที่เท่าเทียมกัน..ในกองทัพมองโกล
...........
................ทหารมองโกล...ชาติกำเนิด..แทบไม่ได้แตกต่างกัน..ไม่ว่าแม่ทัพ..ขุนพล
นายกอง..หรือ..ทหารทั่วไป...เกิดมาจากดิน..กินนมม้า..กินเหล้านมม้า..นอนกระโจม..
อาหาร..ก็เนื้อแกะ..เนื้อม้า..ฝึกฝนการรบ..ทักษะ..ต่างๆใกล้เคียงกันหมด..อาจจะมี
โดดเด่นบ้างแต่เป็นส่วนน้อย..แต่ก็เริ่มจาก..ศูนย์เช่นกัน..แม้แต่ลูกหลานเจงกิสข่าน
..ก็..ต้องทำตัว..และเริ่มจาก..เป็นทหารม้าธรรมดา..ก่อน...จึงทำให้..ติดดิน...
...เหล่าแม่ทัพ..นายกองใช้..ฝีมือล้วนๆไต่จากระดับล่าง..อย่างสุโบไต..พ่อเป็นช่าง
เหล็ก..ช่างตีดาบ..ไม่ได้เป็นทหารโดยตรง..ด้วยซ้ำ...
.........สรุปคือ..ทุกคนมีประสพการณ์สูงทั้งสิ้น..รบได้จริง....
............คราวนี้..มาดูทหารฝรั่งบ้าง....
..........
.............หทารฝรั่ง..มีการแบ่งแยก..ชัดเจน..อย่างทหารเดินเท้า..พลธนู..พลหน้าไม้
...เก่งขึ้นมาหน่อย..ก็เป็นทหารม้าใช้หอก...พอสูงขึ้นมา..ก็เริ่มเป็น..ไฮโซ..กินอยู่อย่าง
ดี..ชาติกำเนิดดี.....
..............อัศวินในสมัยกลาง..โดยปกติทั่วไป..จะต้องมีชาติตระกูล..มาก่อนอย่างน้อย
พ่อก็ต้องเป็นอัศวิน....ในการแต่งตั้งใครเป็นอัศวินชั้นต้น..จะต้องมีหลักฐานยืนยัน..มี
ตราประทับ..ระดับ..บารอนรับรอง..ในใบแสดงสายตระกูล..ถึงจะได้เป็น.....
...และการจะได้เป็น..ถึงฝีมือไม่ดี..แต่เส้นสายดี..มีเงินยัด..ก็มีสิทธิเป็นอัศวินได้..
..ซึ่งมีการเขียนบันทึกหลักฐาน..กันมากมายเรื่องเส้นสาย..และ..การทุจริต...มีการ
ล้มมวยกัน..ในการทดสอบการต่อสู้..เพื่อเป็นอัศวิน....สำคัญ..เพราะการที่พ่อ..
..เป็นอัศวิน..แล้ว..ลูกไม่ได้เป็น..ถือเป็นการเสียหน้า..ขายหน้า..ขายตา..แถมยากใน
การหาเมียดีๆ...ดังนั้น..พ่อจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูก..ได้เป็นอัศวิน.....

..............มีอัศวิน..ไม่กี่คน..ที่ไต่มาจากล่างแล้วมีฝีมือ..โดดเด่นมาก..บารอนชอบใจ..
..แต่ก็ต้องทำให้..อัศวินทุกคนยอมรับด้วย..มีผลงานหลากหลาย..ประทับใจจริงๆ..
....ก็จะได้รับ..แต่งตั้ง..พร้อมใบประกาศใหม่..สำหรับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน...ซึ่งมีน้อยมาก
....ขยับขึ้นมา..เป็นอัศวินโดย..อัตโนมัติ..ด้วยสายเลือดที่สูงส่ง...
.......คือระดับ..บารอน...(ระดับเจ้าเมือง..ตั้งแต่เมืองเล็กๆขึ้นไป)..พวกลูกชาย..ของ
คนเหล่านี้..เมื่อ..อายุถึงเกณฑ์..จะได้รับการแต่งตั้ง..เป็น..อัศวินโดยอัตโนมัติ..
...วิธีสังเกตง่ายๆ..ก็คือ..ระดับ..บารอน..จะมีปราสาท..อยู่..และเป็นศูนย์กลางของเมือง
ด้วย....พวกอัศวินธรรมดานั้น..จะอยู่แค่มีบ้าน..มีที่มีทางเป็นของตัวเองเท่านั้น
..(..เมื่อพ่อตาย..ลูกชายคนโต..ก็จะขึ้นเป็นบารอน..แทนโดยอัตโนมัติ..ถ้าไม่ตายซะ
ก่อน..ถ้าตายก่อน..คนรองก็ขึ้นแทน)....
..ระดับ..เอิรล์..นั้นสูงกว่า..ส่วน..ดยุ๊ค..นั้นก็จะเป็น..ญาติของกษัตริย์...ซึ่ง..ลักษณะ
คล้ายบารอน..คือ..เป็นโดยอัตโนมัติ......
...........แต่พวกที่ต้องลุยกับ..ข้าศึกจริงๆ..ก็คือ....ระดับ..บารอน(ถ้า..กษัตริย์มาบัญชา
การรบเอง)..อัศวินที่เป็น..ลูกของบารอน..และ..อัศวินธรรมดา..(เช่นพวกท่านเซ่อร์
ทั้งหลาย)..นั่นเอง.....
.....ที่ผมแจงมา..จะให้ได้เห็นว่า..คุณภาพโดยรวมนั้นเป็นยังไง..พวกอัศวิน..นั้นส่วนใหญ่
มีการเป็นอยู่ที่ดี..ดังนั้น..ความอึดมันก็ไม่เท่ากับ..ทหารเลว..จิตใจก็ไม่แกร่งเท่า..

........ต่อพรุ่งนี้...........

 

รอติดตามต่อครับอา

ขอบคุณครับ

 

.....
....................
....แจ้งให้ทราบว่า.....
........ผมไม่ชอบ..คนที่เอาเปรียบคนอื่น..เสียสละ..การพิมพ์ตัวอักษรกันบ้าง..ไม่กี่ตัว..เพื่อ..เป็นกำลังใจคนเขียน..มันเมื่อยอะไรนักหนา...
...ไอ้แค..กดLIKE..มันไม่ได้ช่วยความรู้สึกอะไร..ของผมหรอก..
ไม่จำเป็น..ก็ไม่ต้องกด.....
...ผมเสียสละ..หัวสมอง..และ..แรงกาย..มานั่งเขียนให้พวกคุณทุกวัน..
......ไม่ได้หวังอะไร..แต่การที่..มีข้อความ..แค่..ให้รู้ว่าสนใจ..และ..รออ่านต่อไป..นี่...มันก็..พอจะสร้างกำลังใจ..และ..แรงจูงใจ..ได้บ้าง...
...ไอ้คนที่เขียน..มา..มันก็..ซ้ำหน้าเดิม..เพราะเขามีจิตใจดี..แต่ถ้าวันไหน..
...เขาไม่ได้อ่าน..ก็ไม่มีอะไรเขียนเข้ามา..ไอ้พวกที่แอบอ่าน..ก็เหมือนเดิม...ไม่เคยขยับอะไร..นี่ผมว่า..พวกสมาชิกที่คอยตามอ่านผม..ตลอด..แต่เอาเปรียบ..คนที่POST...พวกนี้ถือว่า..แย่..VIEWดูชื่อ..สมาชิกที่เข้ามาอ่าน..ก็รู้แล้ว..มีสิบกว่าคน..ตามอ่านตลอด..ไม่เคยPOST..ให้กำลังใจ..แม้แต่ข้อความเดียว...บางคน
มาแนะนำตัว ๑ ครั้ง..แต่ตามอ่านตลอด..แล้วไม่เคยPOSTอีกเลย...

.........คุณเห็นผลมั้ย...ที่ทำไม...สวนพลู..เขาถึงไม่เขียนต่อนะ...
............ผมหยุดไปหลายครั้ง..ก็มีเหตุคล้ายๆกัน..นั่นแหละ.....
......
............ต่อไปนี้..ผมจะเขียน..เรื่องละ..แต่ละตอน..ต้องมีคนขอ..
.......อย่างน้อย ๓ คนขึ้นไป.......

.............จึงแจ้งมาให้ทราบ..........