ผมถูกแม่บังเกิดเกล้า "สาปแช่ง"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย manymoons123, 16 มิถุนายน 2012.

  1. pummuq

    pummuq เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    375
    ค่าพลัง:
    +352
    ไปซื้อพวกมาลัยมากราบเท้าแม่ซะนะ
    กราบขอขมาลาโทษ คุณจะโล่งไปหมด
    แล้วคุณต้องฝึกสติ
    เดินจงกรมให้มาก
    เดินทั้งวันทั้งคืนไปเลย
    ให้มีสติกับเท้าที่ก้าวเดิน
    หรือมีสติอยู่ที่ฝ่าเท้าเวลาเดิน
     
  2. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ลองมองอีกมุมว่า "เป็นบททดสอบ" คราวนี้ไม่ผ่าน คราวหน้า จะผ่านมั้ย
    คำตอบทั้งหมดดีอยู่แล้ว
    เราเคยเหมือนกัน เครียดมากจะไข้ขึ้นเลย กินไม่ได้ ฯลฯ เลยลองนั่งสมาธิดูตอนที่ไข้ขึ้น เพราะทำอะไรไม่ได้ ไข้ขึ้นสูง ได้แต่นอนซม น้ำตาไหล (เมื่อก่อน ไม่ได้นั่ง ใช้นอนสมาธิก่อนนอน) เลยได้โอกาส นั่งสมาธิจริงๆ จังกับเขาเสียที

    บางครั้งเรื่องร้ายๆ ก็ทำให้เราได้โอกาส ดีๆ กลับมาบ้าง
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ และผมหวังว่าคุณกำลังไม่ได้ปฎิบัติตนเช่นนั้นอยู่นะครับ ผมเองจะพยายามฝึกสติไม่ให้ตนเองประมาทผู้อื่นให้มากขึ้นเรื่อยๆนะครับ และหวังว่าคุณจะทำได้เช่นกันครับ

    ผมยังเป็นผู้มีความประมาทอยู่แน่ๆครับ ยังมีทุกข์อยู่เยอะ

    ที่มาแนะนำตอบคำถามก็หมายจะแบ่งปันประสบการณ์จากความสุขที่ผมได้เลี้ยงดูบำรุงมารดามา จนสามารถมีความอดทนและประสบปิติอัศจรรย์ใจเปลี่ยนคำด่าแช่งของแม่มาเป็นกำลังเจริญภาวนาแก่ตนเองได้ทันตาทันที (แม้จะต้องผ่านระยะเวลาฝึกฝนนานหลายปีมากๆ แม้กระนั้นครูบาอาจารย์ท่านยังเห็นรอยกรรมในใจผมอยู่อีกครับ ท่านจขกท.อย่าพึ่งหมดหวังนะครับ สู้ๆ)โดยน่าจะไม่เกิดผลร้ายของคำด่าย้อนกลับเข้าตัวแม่ได้ระดับหนึ่ง เคยเห็นแม่ที่ตั้งใจจะด่าลูกตัวเอง แล้วด่าไม่ออก กลับพูดออกมาเป็นคำชมหัวเราะก๊ากยิ้มแย้มแจ่มใสหายโกรธหยุดอกุศลวจีกรรมได้เองไหมครับ ถ้าผมทำได้อย่างนั้นกับแม่(ที่กำลังจะด่า)ผมได้ก็น่าจะดีสิครับ

    ที่ผมค้านส่วนหนึ่งของคำแนะนำคุณแจ๊กซ์69ก็เพราะผมเห็นว่า คำแนะนำของคุณจะทำให้ผู้อ่านที่ประพฤติตามคำแนะนำคุณ แล้วประมาทขาดสติพิจารณาเผลอหลงไปว่า เมื่อแม่ด่าเรา เราไม่รับ (โดยไม่ได้พยายามเจริญเมตตาปรารถนาความสุขแก่แม่ แผ่กรุณาสงสารช่วยให้ท่านพ้นจากทุกข์กรรมที่ย้อนเข้าสู่ตัวท่าน ก่อนจะไปถึงอุเบกขาปล่อยวางวจีกรรมคำด่าของแม่เพราะเราไม่มีกำลังหยุดยั้งอกุศลกรรมของแม่นั้นได้)คำด่านั้นก็ตกกลับไปสู่แม่เรา
    ถ้าเป็นเช่นนั้นเราพึงปล่อยคำด่านั้นให้กลับไป(ทำร้าย)ที่แม่(ตนเอง)เถิด
    ซึ่งผมเห็นว่าการสะสมความเห็นทิฐิจนเกิดเจตนาเช่นนี้เป็นมิจฉา/อกุศลกรรม ให้ทุกข์แก่แม่ตน และอาจจะกลายเป็นอกุศลเจตนาทำร้ายแม่ได้ และแน่นอนย่อมกลับมาเกิดเป็นอกุศลวิบากแก่ลูกผู้ประพฤติเช่นนี้ต่อแม่ตนเองในภายหลัง

    จึงไม่สนับสนุนคำแนะนำนี้หากไม่พยายามเมตตากรุณาพิจารณาใช้ปัญญาแก้ไขกรรมของแม่ก่อนครับ

    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ

    อัตตานัง โจทยัตตานัง พึงเพ่งโทษตนเอง
    ตนเตือนตนเองไม่ได้ใครจะเตือน


    สาธุทุกบุญกุศลโดยดีงาม พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจจโย โหตุ
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ขอฝากหนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ที่อยู่ใ้ต้ comment ของผมให้คุณ manymoons123 download ไปอ่านดูครับ ลองอ่านดูให้จบดูครับ แล้วจะรู้สึกดีขึ้น และคิดอะไรได้อีกมากมายเเน่นอนครับ ใน link มีหนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ กับ หนังสือทําบ้านให้เป็นสุข ยังไงก็ลอง download ไปอ่านให้จบทั้ง 2 เล่มเลยนะครับ อยากให้อ่านให้จบจริง ๆ ครับ ยังไงก็อย่าไปตอบโต้ท่านครับ ให้อภัยท่านแล้วก็ปล่อยวาง ผมรู้ว่าเหมือนจะทํายาก แต่ถ้าเราตั้งใจจริง ยังไงเราย่อมต้องทําได้เเน่นอนครับ ขอเป็นกําลังใจให้นะครับคุณ manymoons123 ยังไงก็ download หนังสือไปอ่านให้จบนะครับ อนุโมทนาครับ
     
  5. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    [​IMG]


    พื้นฐานเจ้าของกระทู้ เป็นคนที่จิตใจดี มีเมตตา(รักแมว รักสัตว์) แต่อาจจะด้วยความเป็นคนคิดมากไปเท่านั้น เมื่อมีอารมณ์โกรธ


    ขอให้ท่านมีความเมตตาต่ออีกหน่อย ส่งแผ่ความเมตตา.. ความสงสารไปถึงบุคคลใกล้ตัวคือ มารดา แล้วตัวท่านจะ เยือกเย็น ไม่โกรธง่าย ไม่เผลอพลาดด่าท่าน.. รักแมว แล้ว รักแม่ ขออนุโมทนา




    เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน


    ตรวจศีลข้อ1

    ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาดจากโทสะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน

    ศีลขาด
    คือ เจตนาทำชีวิตสัตว์ให้ตกร่วง และแสดงออกซึ่งอาการโทสะทางกาย เช่น เตะหมา ตีแมว ต่อยคน ประทุษร้ายใครด้วยความโกรธ ฯลฯ (อริยกันตศีลเป็นศีลละเอียดกว่าศีลสามัญญตา)

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาด้วยโทสะ หรือโกรธ เช่น สั่งฆ่า สั่งทำร้าย หรือพูดกระแทกแดกดัน ยั่วกันด้วยโทสะ ด้วยความไม่ชอบใจ หมั่นไส้ และวาจาใดอันอดมิได้ต่อโทสะภายใน

    ศีลด่าง
    คือ มีใจโกร อึดอัด ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท ถือสาชิงชัง รังเกียจ ไม่ชอบใจหรือปรุงใจเป็นไปด้วยโทสะ (ยังครุ่นคิดแค้น คิดทำร้าย คิดทำไม่ดีไม่งามกับผู้อื่นอยู่)

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจเบื่อ ซึม เซ็ง ซังกะตาย ถดถอย ท้อแท้ ไม่ยินดี โลกนี้เป็นสีเทา (อรติ)

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโทสะละเบียดเบียนนี้ ซึ่งจะรู้ชัดได้ดี เมื่อมีเมตตาสมาทานอย่างต่อเนื่อง




    -------------------------------------------------------------



    [​IMG]




    กิเลส จิต มาร


    โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


    จิตไปเร็วมาก เจ้าของตามไม่ทันไปทุกขณะ ดังนั้น คนเลยทำชั่วปล่อยให้กิเลสพาไป ไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามพูดจาหยาบคาย ส่อเสียดให้คนอื่นเดือดร้อน ดื่มสุรา

    ความชั่วมี ความดีมี จิตมีสิทธิ์ที่จะเลือก ถ้าจิตฉลาด ก็เลือกเอาบุญกุศล ถ้าไม่ฉลาด ก็เลือกเอาเรื่องชั่ว พอใจทำชั่ว

    จิตไม่ฉลาด ไม่สามารถสร้างหรือหา (ข้าวของ สมบัติ- deedi) ของตัวเอง ก็ไปฉกฉวยเมื่อเห็นของของผู้อื่น ในโลกสมมุตินี้กลับเห็นผู้ฉกฉวย หลอกคนอื่นได้ เป็นคนฉลาด โลกก็เป็นอย่างนี้

    แต่ในทางธรรมะ ถ้าไปทำให้คนอื่นทุกข์เดือดร้อน กรรมนั้นก็จะตามสนอง ให้ต้องถูกหลอก โดนต้มตุ๋น ต้องเสียใจ คับอกคับใจ เกิดชาติใดก็จะเป็นอย่างนั้น

    พระพุทธองค์ทรงสอนให้คนฉลาด มีปัญญา ไม่สอนให้โง่เขลาเบาปัญญา คำสอนล้วนแต่ทำให้เกิดปัญญา แนะนำให้คนฝึกตน อย่าปล่อยตนให้ไหลไปตามอำนาจของกิเลส

    “ทูรังคะมัง เอกะจะรัง …ฯลฯ” ปกติของจิตนั้น เที่ยวไปไกล มีถ้ำคือร่างกายเป็นที่อาศัยใครสำรวมจิตใจตนให้ดีก็จะพ้นจากบ่วงแห่งมาร

    สิ่งที่ยิ่งทำให้โลภ โกรธ หลง ก็คือ “มาร” เมื่อพิจารณารู้แล้วต้องไม่หลงไหลไปตามมายาของกิเลสนั้น เมื่อมีอะไรมากระทบก็อย่าวู่วาม ให้มีสติสัมปชัญญะสกัดกั้นจิตใจไว้

    มีอะไรมากระทบใจ ก็ “อดทน” ก่อน ถ้าไม่อดทนก็จะมีเรื่องอย่างมีคดีกัน ฟ้องกัน เสียเงิน เสียเวลา ไปศาลทีไรก็เสียเงินทุกที ไม่ฉลาด ถ้าฉลาดโจทก์กับจำเลยควรมาพูดคุยกันตกลงกัน สมยอมกัน ยอมสละกันบ้าง การว่าความในโรงศาลไม่ใช่ของดี ทำให้เสียเงินทอง เสียเกียรติยศชื่อเสียง

    พระพุทธองค์จึงสั่งสอนให้สำรวมจิต ซึ่งจะทำให้มาร คือความชั่วทั้งหลายมาหลอกลวงยั่วยวนไม่สำเร็จ เพราะว่าจิตรู้เท่าทัน เมื่อจิตตั้งมั่น ก็เกิดปัญญา

    ดังนั้น อย่าปล่อยให้จิตไหลไปตามกระแสโลก จะยืน เดินนั่ง นอน ก็ใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาก่อน จะทำ จะพูดจะคิด ก็สำรวมจิต รักษาจิตให้ดี มารหรือความชั่วก็มาลบล้างหรือทำให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่ได้
    ขอให้เข้าใจว่า ความชั่วทั้งหลาย (โลภ โกรธ หลง) คือตัวมารใครล่วงความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็เข้าใจผิด เดินทางผิด เห็นผิดเป็นชอบไป การขอหวย รวยเบอร์ บนบานไม่ได้อะไร นี่เรียกว่า ความหลง
    ดังนั้น สำรวมตัวเองให้ดี ไม่ปล่อยให้ความชั่วจูงจิตใจไป เท่านี้ก็มีแต่ความดี ไม่มีความชั่ว

    ก่อนนอนควรสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกฝนตน อย่าแค่กราบ ๓ ทีแล้วนอนเลย เพราะพวกเรากำลังฝึกตนอยู่ พระพุทธองค์ทรงวางระเบียบไว้อย่างไร ก็ให้ฝึกตนอย่างนั้น ทำบุญ-ทำทาน-ขยันทำงาน-ขยันทำบุญ-ควบคุมใจให้อยู่ในความดี อย่าให้โลภ โกรธ หลง มาครอบงำใจให้ไปทำไม่ดีกับคนอื่นอันจะเป็นบาปเป็นเวรต่อไป ทำความดีให้เกิดในใจตนด้วยการพยุงจิตให้แน่วแน่

    จิตมีปกติเที่ยวไปไกล แต่ ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำคือกายเป็นที่อาศัยผู้ใดสำรวมจิตใจให้ดี ก็จะพ้นจากบ่วงแห่งมาร คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั่นเอง
    (จบ)


     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Phra Paisal Visalo shared พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo'sphoto.

    <a class="uiLinkSubtle" href="http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=136509526488121&id=129633890386228" style="cursor: pointer; color: gray; text-decoration: none; "><abbr title="Sunday, 15 July 2012 at 09:42" data-utime="1342370569" style="border-bottom-style: none; ">15 July</abbr>
    " พ่อแม่พูดไม่ดีด้วย ควรทำอย่างไร "

    ปุจฉา - พูดไม่ดีไม่อ่อนน้อมกับพ่อแม่เพื่อให้ท่านหยุดพูดไม่ดีกับเรา กับอดทนให้ท่านว่ากล่าวแต่เราเป็นทุกข์ไปเรื่อยๆ ควรจะเลือกเดินทางไหนคะ รู้สึกว่ามันบาปทั้งสองทางเลยแต่ไม่เห็นทางที่สามไม่รู้จะวางใจไว้ตรงไหนดี

    พระไพศาล วิสาโล - ทั้งสองทางล้วนไม่ดีทั้งนั้น เป็นโทษแก่ตนเองและแก่พ่อแม่ ทางที่ดีคือคุณควรรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ ด้วยการมีสติรู้ทันความขุ่นเคืองใจที่เกิดขึ้น รวมทั้งเข้าใจถึงเหตุผลที่ท่านทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรอยู่นิ่งเฉย หากควรหาโอกาสพูดคุยกับท่านด้วยเหตุผล เพื่อชี้แจงให้ท่านเข้าใจตัวคุณ เพราะท่านอาจเข้าใจผิดหรือกังวลเกินเหตุ การที่ท่านทำเช่นนั้นกับคุณอาจเกิดจากความรักและความห่วงใยในตัวคุณ ดังนั้นคุณจึงควรบอกท่านว่าคุณเข้าใจดีในความปรารถนาดีของท่าน และขอบคุณในความรักความห่วงใยของท่าน แต่พร้อมกันนั้นคุณควรบอกท่านด้วยว่าคุณรู้สึกอย่างไรที่ท่านพูดไม่ดีกับคุณ และอยากให้ท่านพูดด้วยเหตุผลเพราะคุณพร้อมจะรับฟังคำแนะนำตักเตือนของท่านที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี

    มีเพื่อนของอาตมาคนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกแย่ต่อพ่อ แต่เมื่อใดทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ก็เห็นว่าท่านมีความดีหลายอย่าง รวมทั้งเข้าใจว่าทำไมท่านจึงเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบด่าว่าลูก ดังนั้นเมื่อถึงวันเกิดของท่าน เธอจึงเขียนจดหมายเล่าถึงความรู้สึกดี ๆ ในวัยเด็กที่มีต่อท่าน ชื่นชมความดีของท่าน จากนั้นก็พูดถึงอารมณ์ร้อนของท่านว่า “บางทีคนเราก็ควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ได้ และป๊าก็คงเสียใจเสมอที่บางทีก็ทำผิดพลาดไป เพราะป๊ามีอากงอาม่าที่ดุและอารมณ์ร้อนมาก มันจึงไม่แปลกที่ป๊าก็อาจจะร้อนแบบนั้นในบางครั้ง แต่วันนี้ลูกได้มานั่งนึกถึงวันดี ๆ มากมายที่อยู่กับป๊า ลูกเริ่มยอมรับและหยุดมองวันแย่ ๆ เหล่านั้นได้ อยากบอกว่ารักป๊า และอยากให้ป๋ามีสุขภาพที่ดี มีความสุขนับจากวันนี้ไป” เธอเล่าว่าเมื่อพ่อได้อ่านจดหมาย ก็น้ำตาไหล และนับแต่นั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อก็ดีขึ้นมา หลังจากเย็นชาและกระด้างต่อกันมานาน

    คุณอาจลองเอาวิธีนี้ไปใช้บ้างก็ได้ โดยเลือกโอกาสที่เหมาะ แต่จะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยสติและ ความกล้าไม่น้อย แต่ความรักต่อพ่อแม่จะช่วยให้คุณกล้าทำสิ่งยาก ๆ ได้เสมอ
     
  7. sawok B

    sawok B เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +230
    พระพุทธเจ้าสอนว่า กรรมไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล หรือพ่อแม่เราบันดาลให้เราเป็นอย่างๆนี้ อย่างงี้ ั เทวดา พรหม เปรต เจ้าที่ ผี ก็เข้าข่ายเป็นมิฉาทิฐิแล้วครับ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า กรรมไม่ได้เกิดจากผู้อื่นทำให้ หรือเราทำ กรรมไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา แต่กรรมเป็นของใครเหล่า? กรรมเป็นของผัสสะ ผัสสะของอะไรเหล่า? ของขันธ์ทั้ง ๕ และสฬายตะ เมื่อลิ้นไปผัสสะรส คือเกิดกรรมแล้ว กรรมของอะไรเหล่า? กรรมของลิ้น แล้วพระพุทธเจ้าทรงบอกว่า เรากล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม แล้วเวลาเราตาย ถ้าใครแช่งเราให้ไปตกนรกบ้าง บอกให้เราขึ้นสวรรค์บ้าง อันนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะกรรมไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาลให้ เขาจะไปภพภูมิใหนก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ตอนเราตาย ถ้าอารมณ์ไปผูกความโกรธไว้ ตัวเขาก็จะไปอบาย ถ้าอารมณ์ของเขานิ่งสงบเนื่องจากได้ทำสมาธิก่อนตายหรือเข้าฌาน ตัวเขาก็จะได้ไปเกิดที่สวรรค์หรือพรหม ยกตัวอย่าง อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนว่า คนรักษาศีลตกนรกก็มี เพราะเหตุใดเหล่า? เพราะอยู่กับอารมณ์ของเขาเอง ถ้าเขาคิดประสงค์ร้ายกับใคร หรือมีจิตคิดโกรธเขาก็จะไปสู่ภพอบายภูมิ แล้วก็เนื่องจากรรมเก่าหรือจากชาติก่อนก็ดี ที่ทำให้เขาตกนรก แล้วคนที่ไม่รักษาศีลห้า ได้ขึ้นสวรรค์ก็มี เพราะเหตุไรเหล่า เพราะตอนเขาตาย เขาไม่มีความโกรธ ประทุร้าย เบียดเบียน จิตของเขาผ่องใส ก็เลยทำให้ไปเกิดในภพภูมิสวรรค์ก่อน แล้วเมื่ออายุทิพย์หมดแล้ว จึงไปเกิดในนรก เพื่อชดใช้กรรมที่ทำมา เห็นไหมครับ สิ่งที่เราไม่คาดคิด มันก็มีน่ะ ถ้าเราอยากให้กรรมเรามีแต่กรรมดี พระพุทธเจ้าทรงบอกให้เจริญมรรคมีองค์ ๘ ครับ เพราะเป็นทางเดียวที่จะแก้กรรมได้ดีที่สุดครับ แล้วถ้าเราไม่อยากมีกรรม ก็พระอรหันต์ครับ ถ้าเป็นพระอรหันต์แปลว่า ผู้ไม่มีกรรมดี และเลวแล้วครับ เพราะสิ้นตัณหา
    แล้วพระพุทธเจ้าทรงบอกว่า เมื่อสิ้นตัณหา ก็สิ้นกรรม เมื่อสิ้นกรรม ก็สิ้นทุกข์ครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...