ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

เรียนอ.สุวิ วิเริ่มทานยาตั้งแต่กลับมาบ้าน โดยเริ่มทานวันที่4/1 โดยการทานพร้อมกันทีเดียว ทั้งหมดมี ยาปลูกเตโช 2แคปซูล ตรีธาตุ 1 บำรุงสมอง 1 แ้ก้แพ้เบอร์3เช้า1 เย็น2 ก่อนอาหารเช้าเย็น บางครั้งลืม พอนึกได้ก็ทานทันทีขณะกำลังทานข้าวอยู่ อาทิตย์นี้แฟนเริ่มบอกว่า เสียงกรนเบาลงและเว้นระยะห่างมากขึ้น ไม่รบกวนเขามากเหมือนเมื่อก่อน วิทานยาปรับตรีธาตุด้วยเพราะว่าน้ำหนักเกิน อยากให้ลดลง แต่ตอนนี้กลับทานมากขึ้น หิวบ่อย โดยเฉพาะกลางคืนช่วงนี้อยากทานอาหารเค็ม ๆ และปวดที่บ่าซ้าย และต้นคอด้านหลัง และขาซ้ายมากไม่ทราบจะเกี่ยวกับทานยาไหม และอยากทราบว่าจะต้องทานไปอีกนานเท่าไร จึงจะหยุดได้ ส่วนลูกชายทานยาแก้แพ้เบอร์2 แก้สิว ก่อนอาหารเช้า เย็น 1เม็ด ก็ยังไม่เห็นผล สิวยังเต็มหน้าเหมือนเดิม ส่วนยาที่ อ.บอกว่าแก้กรดไหลย้อนแถมให้ แต่วิไม่ได้เป็นโรคนี้ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ เพราะเมื่อวันอาทิตย์แฟนบ่นว่าต้องโทรไปนัดหมอ เพื่อขอใบสั่งยาแก้กรดไหลย้อนแล้ว เพราะเขาเริ่มเป็นถี่ขึ้น ก็เลยนึกได้ว่า อ.แถมให้มา 1ถุง ก็เลยเอาใบของอ.ออกมาอ่านดู แล้วจัดให้เขาทาน ยาปลูกเตโช2 ขมิ้นทอง1 เช้าเย็น ถ้าผิดตรงไหนขอ อ.กรุณาช่วยแนะนำด้วยค่ะ อ้ออีกอย่างตั้งแต่เริ่มทานยาได้ประมาณ 7-8 วัน ก็เริ่มนอนไม่หลับตอนกลางคืน แต่มาง่วงตอนกลางวันและหัวค่ำ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะเกี่ยวกันไหมคะ หรือว่าเป็นเพราะตั้งแต่กลับมาอากาศหนาวมาก ต้องเปิดฮีตเตอร์ทั้งบ้าน เช้าเย็น ช่วงกลางวันอยู่บ้านคนเดียว ก็เปิดเตาผิงในห้องนั่งแล่น หรือห้องพระขณะสวดมนต์ไหว้พระตอนบ่ายเรียกว่านั่งหน้าไฟ ตลอดเลยค่ะ

 

อ.สุวิทครับ

ยาที่บอกไปยัีงไม่มาเลยครับอาการร้อนในตัวมีแทบทุกวันครับแต่ไม่มากปวดต้นคอบ่าและมีอาการเหมือนร้อนที่น่าอกมีลมคอหรือเมือกตามคอครัีบ เหมือนคอคันๆคอนะครัีบ ช่วยดูสิ ครับว่าอาการนี้จะทำเช่นไรดี เพราะยายังไม่มาที่สั่งไว้เลยไม่รู้ว่าจะทานแล้วถูกกับอาการที่เป็นไม
ขอขอบคุณอาจารย์มากครับ

 

ส่งมาให้แล้วครับ น่าจะถึงบ่ายวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ช่วงเช้า
ยาที่ส่งมาให้ ช่วงแรกๆกินแต่น้อยก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึงที่บอกไว้

 

ขอแก้ไขการกินยาดังนี้
คุณวิ
๑. กินยาปลูกเตโช วันละ ๒ ครั้งๆละ ๑-๒ เม็ด ก่อนอาหารเช้าเย็น (ตอนแรกกิน ๒ เม็ดก่อน พอตัวอุ่นแล้ว กินเหลือ ๑ เม็ด)
๒. กินยาตรีธาตุ(ผลาธิกะ) ๑ เม็ด + ขมิ้นทอง ๑ เม็ด (+ปลูกเตโช ๑ เม็ด-กินอยู่ในข้อ ๑ แล้ว) ก่อนอาหารเช้า เย็น(เพื่อลดความอ้วน)
๓. ยาบำรุงสมอง(ยากระชายทอง) กินบ้างหยุดบ้าง ครั้งละ ๑-๒ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เช้า เย็น
๔. ยาแก้ภูมิแพ้ เบอร์ ๓ กิน ก่อนอาหารเช้า ๑ เม็ด และก่อนนอน ๒ เม็ด

ลูกชาย แก้สิว
๑ กินยาแก้ภูมิแพ้เบอร์ ๒ วันละ ๒ ครั้งๆละ ๒-๓ เม็ด ก่อนอาหาร เช้าเย็น

กินแก้กรดไหลย้อน
๑. กินยาปลูกเตโช วันละ ๒ ครั้ง ๆละ ๑-๒ เม็ด เช้า เย็น ก่อนอาหาร
๒. กินยาขมิ้นทอง วันละ ๒ ครั้ง ๆละ ๒ เม็ด เช้า เย็น ก่อนอาหาร

 

ขอบคุณมากค่ะ อ. จะปรับใหม่ตามนี้ค่ะ

 

อ.สุวิทยาได้รับแ้ล้้วครับ ขอบคุณครับ จะทานยาก่อนแล้วจะบอกผลนะครับ

 

คุณ tezch

ของที่ส่งมาได้รับแล้ว

ใบโปร่งฟ้า เป็นยาเดี่ยวที่ดี
แต่กินติดต่อกันไปนานๆๆๆ จะมีปัญหาอะไรสักอย่าง จำไม่ได้ ให้ลองค้นดู

ยาหอมที่ให้มาทดลอง ได้ลองแล้วเป็นยาหอมที่ดี
ราคาที่ขายในตลาด แพงมากขนาดนั้นเชียวหรือ

รู้จักยาหอมโบราณอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อยาหอมจิตรารมณ์ ใส่ชะมดเชียงค่อนข้างมาก แก้โรคหัวใจได้ดีมาก ใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่า
ราคาแพงน่าดูเหมือนกัน (เพราะชะมดเชียงแพง)

 

ยาหอมนี้วิธีการทำใช้เวลา 90 วันครับ เป็นการทำใช้เเรงงานคน
เเละยังรักษาภูมิปัญญาดั้งเดิมครบถ้วน
มีกรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อน วัตถุดิบในยาหอมนี้ใช้เครื่องหอมชั้นดี
มีส่วนผสมจำพวก ชะมดเช็ด ชะมดเชียง หญ้าฝรั่น กำยาน
น้ำกระสายจะเป็นดอกไม้ซะส่วนมาก
ยาหอมนี้ใช้เเก้ได้ทั้งลมกองหยาบเเละลมกองละเอียด
ใช้เเล้วนอนหลับสบาย เป็นยาบำรุงหัวใจที่ดีมาก
ดูเเล้วน่าจะพัฒนาในรูปเเบบฟิลม์ไว้อมใต้ลิ้นครับ

 

เมื่อวานเกิดอาการตะคริวกินที่น่องตอนดึกปวดมากไม่รู้จะทำอย่างไร
เลยบิดตัวไปมา ปรากฏว่าหาย เลยสงสัยครับอาจารย์
เส้นนี้เป็นเส้นกาลทารีหรือป่าวครับ
เป็นลมอะไรครับ เเล้วการเกิดตะคริวเกิดขึ้นได้ยังไงครับ
ขอบคุณมากครับ

 

ตะคริว เกิดจากการเกร็ง(หดตัว)ของกล้ามเนื้อเกินพิกัด เกร็งแล้วไม่ยอมคลายตัว
อันมีสาเหตุจากเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดนั้น(มัดที่ทำงาน)ไม่พอ
หมายถึงกล้ามเนื้อมัดนั้นกำลังทำงานอยู่(ยืดๆหดๆ) แล้วเลือดมาเลี้ยงไม่ทัน
ทำให้กล้ามเนื้อขาดเลือด จึงเกิดเป็นตะคริวเกร็งแข็งขึ้น

การรักษา หาทางให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นให้คล่องตัวขึ้น เช่นการบีบนวด
อธิบายได้ดังนี้
เมื่อเส้นเลือดใหญวิ่งผ่านเนื้อเยื่อ ถ้าเนื้อเยื่อบริเวรนั้นมีไขมันแทรกมาก(นึกถึงคอหมูย่าง) จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวรนั้นไปเบียดเส้นเลือดใหญ่ ทำให้เส้นเลือดเล็กลง
ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อปลายทางลำบากและลดปริมาณลง
เมื่อออกแรงกล้ามเนื้อเร็วๆ เลือดจึงไปเลี้ยงกล้ามเนื้อปลายทาง บริเวณนั้นไม่ทัน จึงเป็นตะคริว
การนวดสลายไขมันในเนื้อเยื่อต้นทาง จึงเป็นการแก้ที่ถูกต้องวิธีหนึ่ง

อีกประการ มีสารเคมีในเลือดอีกสองตัว ที่จะต้องถูกส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
คือ แคลเซี่ยม และแมกนีเซี่ยม สารสองตัวนี้กล้ามเนื้อต้องใช้เพื่อเสริมความแข็งแรง ในการเกร็ง(หดตัว)ให้ดีขึ้น
ถ้าขาด กล้ามเนื้อจะลดความแข็งแรงลง ทำให้เป็นตะคริวง่ายขึ้น

สารทั้งสองตัวนี้ใช้ไม่มาก เราอาจให้คนไข้กินสารสองตัวนี้จากอาหารเสริม

แคลเซียม กินเสริมวันละ ๕๐๐ มิลลิกรัม ( ๑ เม็ด กินพร้อมอาหารกลางวัน หรือเย็น)
แมกนีเซี่ยม ให้กินดีเกลือ (ปริมาณติดปลายเล็บจิ้ดเดียว- ๑/๒ เม็ดถั่งเขียว ต่อมื้อ- กินวันละ ๑ มื้อพร้อมอาหารหรือเครื่องดื่ม)

เพียงเท่านี้เราก็สามารถแก้อาการตะคริวได้

 

เห็นโพสต์ของอ.สุวิที่กระทู้นู้น..แล้วมานั่งเช็คตัวเอง
สอบตกทุกข้อเลยเรา
เมตตาธรรม
กฎแห่งกรรม
ทางสายกลาง
ความไม่ประมาท โดยเฉพาะข้อนี้รู้สึกจะตกแบบติดลบเลยแฮะ
ข้ออื่นๆยังพอถูๆไถๆไปได้บ้าง..
เฮอะ เฮอะ เฮอะ..
อนาถตัวเอง.. นี่เร๊อ..ทำได้แค่นี้แล้วฝันซะใหญ่โต..
ห่วยแตกจริงๆเนอะอาจารย์
เบื่อตัวเองครับอาจารย์

 

อาจารย์ สุวิ อาการตื่นมาเจ็บแบบเหมือนมีเข็มเล็กๆมาจิ้มๆ บริเวณข้างสะดือ ชอบตื่นมากลางดึก มาแบบรับรู้อาการนี้เหมือนเข็มเล็กๆนั้น มันอยู่ในข้างๆสะดือเรา เป็นบ่อยค่ะ เมื่อคืนก็เป็น หนูพยายาม ปลงๆอยู่กับสิ่งที่เป็นน่ะค่ะ แต่แหม เป็นบ่อยๆชักแบบ มาลองถามอาจารย์ดีกว่า เผื่อจะได้ยา มารักษา โรคบ้าง

 

ยังไม่ต้องรู้ลึกว่าเกิดจากอะไร
เอาเป็นว่าให้รู้ว่าเกิดจากปราณที่ศูนย์สะดือ
จะเดินออกไปหล่อเลี้ยงร่างกาย (ดูเอกสารเรื่อเส้นสิบพิศดาร)เดินไม่สะดวก ด้วยมีสึ่งอุดกันอยู่ จึงเกิดอาการ

ตัวเธอเองก็ชอบฝึกพลังอยู่
ลองกำหนดจิตที่ฝ่ามือทั้งสอง แล้วเอาฝ่ามือ(เชิดปลายนิ้วเล็กน้อย) ตบลงที่สะดือ(แรงพอดีๆ)สักพัก
แล้วกำหนดให้ปราณแผ่ซ่านไปทั่วกาย อาการจะดีขึ้น

 

เรื่องการ อาบน้ำอุ่น/น้ำร้อน-น้ำเย็น/น้ำแข็งจะไปเขียนไว้ในกระทู้

โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ / การฝึกจิต / การฝึกพลัง

http://palungjit.org/showthread.php?t=152906&page=58

 

เรียน อ. suwi ขอเรีนปรึกษาครับ

ตอนนี้ผมได้นำเอาใบบัวบก พริกไทยออ่น กระชาย

นำมาปั้นรวมกันทำเป็นน้ำดื่มวันละสองเวลา เช้า เย็น ก่อนอาหาร

จะมีประโยชนกับร่างกายไมครับ

 

ใช้ได้ครับ บำรุงสมองดี บันเทาอัลไซเมอร์ได้ (สงเลือดไปเลี้ยงสมอง เพิ่มขึ้น)
เลือดจะถูกส่งไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายได้ดีขึ้น เช่น ปลายมือปลายเท้า ปลายอวัยวะเพศ
และอวัยวะทุกส่วนที่เดิมเลือดหล่อเลี้ยงน้อยให้ทำงานได้ดีขึ้น

นี่ถ้าเพิ่มน้ำมะนาวสักนิด น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย
ตับ ม้าม ไต จะยิ้มร่า บอกว่าฮ้อๆ หนูทำงานถวายหัวคะ

 

อ้าว หนูก็นึกว่า อาจารย์กลัวจะกินไม่ได้ เลยให้เอาเกลือกะน้ำตาลทรายแดงใส่ไป วันก่อนเลยปั่นแบบไม่ใส่น้ำตาลไป ด้วยว่า ข้าน้อยอ้วนกลมหลายแล้ว งี้ก็กลับมาใส่น้ำตาลใหม่ดีกว่า เข้าใจผิดค่า พึ่งรู้ว่า คุณตับ ม้าม ไต ชอบ ขอบคุณ มากมากนะคะ ได้ประโยชน์หลาย

 

โอ้.. ปั่นกินมั่งดีกว่า.. อิอิ จะได้ฟิตปั๋ง สู้ตายย!!

 

ผมว่าแยกกินดีกว่านะใบบัวบกผสมน้ำมะนาวน้ำตาลทรายแดงตอนเช้า
พริกไทยกับกระขายผสมน้ำมะนาวน้ำตาลทรายแดงตอนเย็น ตอนเช้าจะได้สบายหน่อยครับ

 

เป็นคำแนะนำที่ดี
ใบบัวบกผสมน้ำมะนาวน้ำตาลทรายแดงตอนเช้า แก้/บำรุงสมอง และฟอกโลหิตและทำให้ผิวสาวขาวผ่องเป็นยองไยน่ามอง
และ พริกไทยกับกระขายผสมน้ำมะนาวน้ำตาลทรายแดงตอนเย็น แก้/บำรุงและรักษาธาตุ ในท้อง ทำให้กินง่ายถ่ายสะดวก(ไม่กระปริดกระปอย)

แต่ บัวบก กับกระชาย กินพร้อมกัน มีน้ำมะนาวน้ำตาลทรายแดงเจือพอประมาณ
และมีพริกไทยนิดหน่อย(๑/๔) เป็นกระสายยา
กลับเป็นยาบำรุงและฟื้นสภาพอวัยวะภายในเช่น ตับ ม้าม ไต ได้ดี