ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ต่างชาติระบุนักการเมืองกัมพูชาทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 5 ก.พ. - องค์กรจับตาด้านสิ่งแวดล้อม ชี้ชัดนักการเมืองระดับสูงของกัมพูชาได้ยึดครองแหล่งน้ำมันและทรัพยากรสินแร่ของประเทศไว้เป็นทรัพย์สินของตนเอง ส่งผลให้อนาคตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ขณะที่ประเทศผู้บริจาคก็แกล้งไม่รู้เห็นเรื่องนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง"

    [​IMG]
    ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี

    "ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง และนับวันยิ่งหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะจบลงอย่างไร รวมทั้งอนาคตของประเทศจะเดินไปในทิศทางไหน บวกกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำไปทั่วโลก ทำให้ประชาชนในประเทศล้วนตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย"

    การเห็นอนาคตว่าอย่างไร กำหนดปัจจุบัน ถ้าเห็นว่ามืดมนหมดหวังไร้ทางออก ผู้คนจะมีความรู้สึกแย่ ท้อแท้ ทอดหุ่ย ทะเลาะกันมากขึ้น หรือมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ แต่ถ้าเห็นแสงสว่าง เห็นฝั่ง เห็นความสดใส ผู้คนก็จะมีความสุข เหนื่อยเท่าใดก็ทนได้ ทะเลาะกันน้อยลง ร่วมมือกันมากขึ้น หรือรวมจิตเป็นหนึ่งเพื่อไปให้ถึงอนาคตที่ดีที่เห็นอยู่ข้างหน้านั้น

    เราต้องมีปัญญาเห็นอนาคตตามความเป็นจริง มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับ เพราะประเทศไทยผลิตอาหารเหลือกิน

    ประเทศไทยผลิตอาหารพอที่ทุกคนจะมีกินอิ่มได้ ต่อให้โลกวิกฤติอย่างไร เราก็อยู่ได้ พวกที่วิกฤตินั้น เพราะอยู่กับเศรษฐกิจปลอมคือโลกของเงิน แต่การมีอาหารกินนั้นคือเศรษฐกิจจริง ม.จ.สิทธิพร กฤดากร ทรงกล่าวว่า "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง" ตอนนี้เงินทองของมายามันกำลังปั่นป่วนทั่วโลก ใครอยู่ในเศรษฐกิจมายาก็ลำบาก จุดแข็งของเราคือเศรษฐกิจจริง หรือข้าวปลาเป็นของจริง จะไม่มีคนไทยต้องอดตาย

    เราต้องปรับตัวไปหาเศรษฐกิจจริงมากที่สุด เศรษฐกิจชุมชนกำลังแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ คนในภาคเมืองที่คิดว่าจะต้องตกงานไม่มีรายได้ เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจโลกกระทบมาถึงเรา รีบขยับขยายไปอยู่กับชุมชนในชนบทที่ทำเกษตรกรรมพอเพียง เขาเลี้ยงท่านได้และท่านทำประโยชน์กับชุมชนได้ การที่คนมีการศึกษาไปอยู่กับชุมชนจะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่แล้วมารัฐ การศึกษา และเศรษฐกิจ ทอดทิ้งชนบท วิกฤติเศรษฐกิจจะนำคนไทยที่จากกันไปกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียว

    มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นเรื่องหนีไม่พ้น จะทำโลกกลับลำ แต่ประเทศไทยจะกลับลำได้ก่อน ทิศทางที่โลกหลงไปคือ ทิศทางเงินใหญ่ (Big Money Direction) หรือ มหาธนาลัย ได้นำโลกไปสู่ความขัดแย้งแย่งชิงสงครามและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เมื่อประเทศไทยรับเอาแนวทางเงินใหญ่เข้ามาใช้ก็เกิดผลอย่างเดียวกัน ทำให้คนไทยขัดแย้งแย่งชิง ศีลธรรมเสื่อมทรามลง และเมื่อเงินใหญ่เข้ามายึดอำนาจทางการเมือง การเมืองก็เบี่ยงเบนไปจนวิกฤติ

    มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะมาทำให้ประเทศไทยกลับลำหันกลับไปสู่เศรษฐกิจจริง ถ้าเราพัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานที่ทุกคนพอกินพอใช้ สร้างความเป็นธรรมทุกๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย และการเมือง อนาคตของเราจะสดใสอย่างเหลือเชื่อ ผมพูดท่านอาจจะไม่เชื่อ เราจะดีกว่าสวิตเซอร์แลนด์อีกครับ อะไรที่สวิตเซอร์แลนด์ดีเราทำได้ แต่สิ่งที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีคือพื้นฐานทางพระพุทธศาสนา

    21 ตุลาคม 2551 กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=338562
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dr_prawet2.jpg
      dr_prawet2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.8 KB
      เปิดดู:
      2,046
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  3. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    หลุดแบนมาแล้วก็ยังดูแคลนคนอื่นเช่ยเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยน่ะ เวลาช่วยอะไรให้มองผู้อื่นในอารมณ์ที่วางเฉยกว่าเดิมซักนิดเถอะ เพราะความรู้มันไม่ได้มีมากเท่ากับคุณทุกคนหรอกคุณ หล่อลากดิน โดยเฉพาะตัวผมเองยังโง่เกิดมาเป็นคนอยู่เนี้ย อภัยให้ผมด้วยน่ะผมแค่ไม่อยากให้คุณดูแครนผู้ให้ความรู้ต่างๆแก่ผมทุกท่านเลยจริงๆแม้ว่าความรู้นั้นจะมากหรือน้อยก็ถือว่าเป็นคุณแก่ผมทั้งสิ้น ขอบคุณครับที่อ่าน
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลายประเทศวิตก หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านแผนใช้แต่ของในประเทศ

    [​IMG]

    [​IMG]

    วอชิงตัน 5 ก.พ.- หลายประเทศแสดงความวิตกว่า โลกจะเกิดกระแสปกป้องทางการค้าหลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านความเห็นชอบข้อกำหนดใช้แต่ของในประเทศในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่สนใจข้อเรียกร้องของนายจอห์น แมคเคน วุฒิสภาพรรครีพับลิกัน ที่ขอให้ยกเลิกข้อกำหนดนี้

    วุฒิสภาสหรัฐผ่านความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกือบ 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31.50 ล้านล้านบาท) ด้วยคะแนน 65 ต่อ 31 เสียง มาตรการดังกล่าวกำหนดให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ต้องซื้อเหล็กและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศเท่านั้น นายแมคเคน เรียกร้องก่อนการลงมติให้ยกเลิกข้อกำหนดนี้เพราะจะถูกประเทศอื่นตอบโต้ด้วยมาตรการปกป้องการค้าในไม่ช้า แต่เสียงส่วนใหญ่ลงมติให้คงข้อกำหนดนี้ต่อไป

    นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ เตือนในระหว่างตอบข้อซักถามประจำสัปดาห์ของสภาผู้แทนราษฎรว่า สิ่งอันตรายที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่คือการถอยกลับไปใช้นโยบายปกป้องทางการค้า ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศอย่างมากเตือนก่อนหน้านี้ว่า ข้อกำหนดนี้จะทำให้การค้าโลกหดตัว ส่วนสหภาพยุโรป (อียู) และแคนาดาก็ตำหนิข้อกำหนดดังกล่าวอย่างรุนแรงเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-05 16:46:12

    ที่มา http://news.mcot.net/international

    กีดกันทางการค้า เป็นเหตุนำพาไปสู่มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก

    มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก (The Great Depression)

    [​IMG]


    [​IMG]

    เหตุการณ์มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกหรือ The Great Depression เคยเกิดขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 ปัญหาในครั้งนั้นเริ่มจากสหรัฐฯ และลุกลามจนกลายเป็นวิกฤติของโลก โดยเริ่มจากการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงของตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯในปี 1929 (พ.ศ. 2472) ซึ่งในที่สุดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ลดลงถึงร้อยละ 80 จากระดับสูงสุด ตามด้วยการหดตัวอย่างรุนแรงของการใช้จ่ายในการบริโภค ขณะเดียวกันก็เกิดภาวะแห้งแล้งทำให้พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์ก็ลดลงไป​

    ด้วยตามสภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวอย่างรุนแรงและยืดเยื้อจากปี 1930 ต่อเนื่องไปจนเกือบตลอดคริสต์ทศวรรษ 1930 อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 25 ในปี 1933 เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนแตกตื่นรีบถอนเงินจากธนาคาร (Bank run) จนทำให้ธนาคารล้มละลายมากถึง 9,000 แห่ง ปัญหาทั้งหมดทำให้กว่าที่เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวก็กลางคริสต์ทศวรรษ 1940​

    ในช่วง The Great Depression ปัญหาเกิดในสหรัฐฯ และลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ผ่านการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก สิ่งสำคัญก็คือ สหรัฐฯ (และต่อมาตามด้วยประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ) ได้หันมาใช้นโยบายการกีดกันการค้า (Protectionist Policy) อย่างรุนแรง โดยออกกฎหมายขึ้นภาษีนำเข้าเรียกว่า Smoot-Hawley Tariff Act ในปี 1930 และใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้ากับคู่ค้าที่มีการกีดกันการค้า จนในที่สุดหลายประเทศใช้มาตรการกีดกันทางการค้าพร้อมๆ กัน ทำให้การค้าระหว่างประเทศทรุดตัวลงมาก และนำไปสู่การหดตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจ ของประเทศที่ต้องพึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศ​

    สรุปง่ายๆ ว่า The Great Depression มาจากนโยบายการเงินที่ผิดพลาด โดยเริ่มจากการให้ปริมาณเงินขยายตัวมากเกินไป จนนำไปสู่ปัญหาฟองสบู่ที่รุนแรง ประกอบกับการขาดการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ที่ดี ทำให้มีการให้สินเชื่อแบบ Margin Loan สูงมาก ขณะที่ Fed ได้ใช้มาตรการการเงินผิดซ้ำสอง ด้วยการลดปริมาณเงินลงทำให้ฟองสบู่แตกอย่างรุนแรง และเกิดการล่มสลายของตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ภาครัฐก็ไม่ได้เข้าไปดูแลสถาบันการเงิน ปล่อยให้เกิดการล้มละลายจำนวนมากจนเกิดการตื่นตระหนกและกลายเป็นวิกฤติที่รุนแรง ขณะที่นโยบายการคลังก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาปัญหาโดยการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับวิธีการแก้ปัญหาด้วยการกีดกันทางการค้า ก็นำไปสู่การล่มสลายของการค้าระหว่างประเทศ จึงทำให้วิกฤติรุนแรงยิ่งขึ้น​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][COLOR=navy][B]พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ใน ทิฎฐิสูตร ว่า [/B][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT]​

    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][COLOR=navy][B][IMG]http://palungjit.org/attachments/a.505832/[/IMG][/B][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,]" จตูหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต [/FONT][/FONT][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,]เอวํ นิรเย กตเมหิ จตูหิ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน [/FONT][/FONT][/FONT][FONT=ms Sans Serif,]
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,]มโนทุจฺจริเตน มิจฺฉาทิฎฐิยา อิเมหิ โข ภิกฺขเว จตูหิ [/FONT][/FONT][FONT=ms Sans Serif,]
    [FONT=ms Sans Serif,]ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย "[/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,]ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้ เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก ธรรม ๔ ประการ คือ บุคคลผู้มีกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และเป็นมิจฉาทิฎฐิ ผู้ที่ประพฤติธรรม ๔ ประการนี้เหมือนถูกโยนลงในนรก " [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,]
    นรก เป็นอบายภูมิที่รองรับผู้มีบาปในตัวมาก เป็นดินแดนสำหรับคนบาป เมื่อละโลกไปแล้วจะต้องไปทนทุกข์ทรมานเสวยวิบากกรรมที่ตัวเองทำไว้ นรกที่อยู่ลึกที่สุด คือ อเวจีมหานรก ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ มหาตาปนรก ตาปนนรก มหาโรรุวนรก โรรุวนรก สังฆาฎนรก กาฬสุตตนรก สัญชีวนรก แต่ละขุมนี่ใหญ่มาก เป็นภพๆ หนึ่งที่กักขังสัตว์นรกไว้เหมือนเป็นเมืองนรก แต่เขาเรียกว่า ขุมนรก แล้วยังมีนรกขุมย่อยๆ อีกมากมาย ขุมเล็กเรียกว่า อุสสทนรก จะอยู่ล้อมรอบขุมใหญ่ๆ ทั้ง ๘ ล้อมรอบขุมละ ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ขุม รวมแล้วก็เป็น ๑๒๘ ขุม


    [​IMG]

    ขุมเล็กเป็นบริวารของขุมใหญ่ เหมือนดาวล้อมเดือน จะมีดาวดวงเล็กๆ เป็นบริวารของดาวดวงใหญ่อย่างนั้นแหละ

    นรกขุมย่อยๆ ที่เรียกว่ายมโลกนั้น เป็นที่รองรับผู้ทำบาปในระดับบาปไม่มากพอที่จะไปตกในอุสสทนรกหรือมหานรกทั้ง ๘ ขุม ยมโลกนรกนี้จะล้อมรอบมหานรกทั้ง ๘ เอาไว้อีกชั้นหนึ่ง อยู่ห่างออกไปทั้ง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ทิศละ ๑๐ ขุม รวมแล้ว เป็น ๓๒๐ ขุม เมื่อรวมมหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม และยมโลกนรกอีก ๓๒๐ ขุม ก็เป็น ๔๕๖ ขุม

    ขอเชิญอ่านรายละเอียด ของนรกทั้งหมดได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11522
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11522.jpg
      11522.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.9 KB
      เปิดดู:
      1,929
    • 11522-1.jpg
      11522-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.3 KB
      เปิดดู:
      3,143
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะทำ นำพาปัญญาพระพุทธเจ้า ****

    นิสัย สันดาน...ตัด ลดได้ด้วย สัจจะทำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สัจจะทำ...คือ ร่มคันใหม่ของมนุษย์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ปัญหาในศาสนาของพระโคดม ****

    คือ การแปลภาษาต่างๆ กับไป กลับมา
    จึงเกิดคำใหม่ เป็นความหมายใหม่ๆ ขึ้นมา

    ตัวอย่างเช่น
    สัจจะทำ ...ที่พระพุทธเจ้าทำ
    เสียงเดียวกัน แปลกลับไปมาหลายภาษา
    จึงเกิดสัจธรรม สัจจธรรม สัทธรรม ฯลฯ
    สัจจะคำสอนของพระโคดม....จึงค่อยๆเลือนหายไป
    หาผู้รู้ความหมายแท้จริง แล้วนำสัจจะธรรมมาปฏิบัติไม่ได้
    ตัวกระทำในศาสนา... คือ ตัวตัดได้ ลดได้ จึงจางหายไปจากสังคมมนุษย์
    ขอให้พิจารณา...

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จิตใจที่ดีงามย่อม คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นตลอดเวลา แต่จิตใจที่เลวทรามย่อม คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ชั่วทรามและเป็นโทษต่อผู้อื่นตลอดเวลา

    จิตใจที่เลวทรามนั้น เปรียบได้กับผู้ที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไม่ว่าใครจะบอกกล่าวตักเตือน ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษอย่างไร ก็หาฟังไม่ ยังคงดื้อด้าน ถือเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ในที่สุดก็จะต้องไปชดใช้กรรมอย่างเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ดังเช่นนิทานชาดกเรื่อง"เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" ที่มีกล่าวไปในพระไตรปิฏก ดังนี้แล...

    " เห็นกงจักรเป็นดอกบัว "

    [​IMG]


    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยอดีตกาลอันนานเนิ่น มีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายน้อย อันเป็นที่รักดั่งดวงใจ เมื่อหนูน้อยเกิดมาพ่อแม่ก็ให้การศึกษาเป็นอย่างดี ในวัยเยาว์ให้ได้เข้าวัดฟังธรรมอยู่ร่ำไป เวลาผ่านไปหนูน้อยขณะที่กำลังเติบโต พ่อได้ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคกำเริบกะทันหัน

    หนูน้อยเหลือเพียงแม่คนเดียว จึงทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว แม่ต้องออกทำมาหาเลี้ยงชีพ ทำให้ขาดการอบรมบ่มนิสัย เด็กน้อยที่พ่อแม่เฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เล็ก ตั้งใจให้ศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดี ต้องกลับมาเสียคนเพราะเพื่อนเกเรที่ชักนำไปไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่เชื่อฟังผู้เป็นแม่ที่แก่ชราลง

    วันหนึ่งเพื่อนชวนไปเที่ยวเมืองอื่น หนุ่มน้อยไปกับเพื่อนบ้านบอกแม่แล้ว แต่แม่ไม่อนุญาต เนื่องจากรู้ว่าอันตรายจะมาถึง แต่หนุ่มน้อยหาเชื่อฟังไม่ เมื่อเดินทางไป ได้หลงทางจากเพื่อนไปเจอเปรตตนหนึ่ง ซึ่งมีเลือดอาบโทรมกาย บนศรีษะของเปรตตนนั้นมีกงจักรปั่นอยู่ข้างบน แต่หนุ่มน้อยเห็นเป็นพวงดอกไม้อันสวยงาม

    เนื่องจากกรรมที่ไม่เชื่อฟังมารดา จึงทำให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว จึงร้องขอดอกบัวที่สวยงามกับเปรตบ้าง เปรตได้ยินดังนั้นก็พลันนึกว่า คงมีคนมารับกรรมต่อจากเราแล้ว ดังนั้นจึงยื่นกงจักรให้และจากไป ดอกบัวที่หนุ่มน้อยรับมากลับเป็นกงจักรปั่นอยู่บนหัวตนต่อไป

    ที่มา http://www.ckphosp.go.th/Religion%20story%204.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lotus.JPG
      lotus.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.2 KB
      เปิดดู:
      5,643
    • Y3439776-4.jpg
      Y3439776-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.5 KB
      เปิดดู:
      2,181
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือน! ไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย ต้องย้ายกทม.ใน 6 ปี

    [​IMG]
    คำเตือนจาก "ดร.อาจอง" ไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทยต้องย้ายกทม.ใน 6 ปี (ประชาชาติธุรกิจ)

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ออกโรงเตือนวิกฤตโลกร้อน กทม.จะได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลค่อยๆขึ้นสูง แนะถ้าไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย ต้องย้ายเมืองหลวงใน 6 ปี เหตุน้ำท่วมกรุงเทพฯ

    นอกจากบทบาทนักการศึกษาผู้ใจบุญ ทุกวันนี้ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ในวัย 69 ปี ยังเดินสายให้ความรู้เรื่องสภาวะโลกร้อนตามโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ​

    ดร.อาจองอธิบายว่า ขณะนี้สภาพภูมิอากาศกำลังแปรปรวนจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจทำให้คนไทยได้เห็นหิมะตกแบบเดียวกับในประเทศเวียดนาม รวมถึงรอยร้าวของเปลือกโลกที่อาจทำให้แผ่นดินไหวใต้เขื่อนใหญ่ จะทำให้เกิดน้ำท่วมไหลเข้าถึงกรุงเทพฯภายใน 35 ชั่วโมง​

    "...ขณะนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกคือ ดิน ฟ้า อากาศที่เปลี่ยนแปลง เราจะเห็นว่าประเทศไทยเราปีนี้อากาศเย็นลง ซึ่งก็เกิดขึ้นเพราะขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ร้อนขึ้นมาก และดูดเอาความร้อน น้ำแข็งละลาย ดังนั้นโดยเฉลี่ยอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นจริงๆ แต่ประเทศไทยโดยเฉลี่ยอุณหภูมิลดลง เพราะว่าไปร้อนที่อื่น แต่อย่างไรก็ตามโดยเฉลี่ยอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่ากลัว ประเทศไทยของเราเองก็หนีไม่พ้น ในที่สุดก็จะร้อนขึ้น"

    [​IMG]

    ดร.อาจอง กล่าวว่า เรื่องโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรง มี 2 อย่างใหญ่ คือ ผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่จะค่อยๆ สูงขึ้น และการที่เปลือกโลกเริ่มเคลื่อนไหวจนเกิดรอยร้าว ซึ่งจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมากขึ้น นี่คือ 2 อย่างที่เราต้องเตรียมตัวให้ดี​

    "เรื่องของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ถ้าเราไม่สร้างเขื่อนกั้นตรงอ่าวไทย ก็ต้องคิดย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพฯไปที่อื่นภายใน 6 ปี เพราะอีก 15 ปีข้างหน้า น้ำจะเริ่มท่วมกรุงเทพฯ ฉะนั้นเราก็จะอยู่ไม่ได้ แต่การย้ายเราต้องวางแผนล่วงหน้าสัก 10 ปี ต้องวางแผนให้ดี เราจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาอย่างไร ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม และทำให้ดี" ​

    ส่วนเรื่องเปลือกโลกเคลื่อนตัวจะทำให้มีรอยเลื่อนเกิดขึ้นหลายจุด ตั้งแต่ภาคเหนือ ตั้งแต่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลงมาถึงลำปาง อุตรดิตถ์ ส่วนทางด้านภาคตะวันตก ก็จะมี จ.ตราด และกาญจนบุรี ลงไปทางใต้ ก็ตั้งแต่ จ.ประจวบฯ ลงไปเรื่อยจนถึง จ.ภูเก็ต กระบี่ ก็จะเริ่มเกิดรอยร้าว​

    กรมทรัพยากรธรณีได้ทำแผนที่ว่ารอยร้าวอยู่ตรงไหน ตรงไหนจะเกิดมากเกิดน้อย แต่รอยร้าวจะไม่สามารถทำอะไรเราได้มากมาย ถ้าหากเรารู้ว่าแผ่นดินไหวอาจจะเกิดขึ้น และมีการเตรียมตัวที่ดี เช่น ภาคเหนือ เราสามารถอยู่ได้ แต่ต้องสร้างบ้านให้แข็งแรงเท่านั้นเอง ​

    "ส่วนภาคกลางที่น้ำจะท่วม ผมคิดว่าน่าจะปกป้องเอาไว้แทนที่จะปล่อยให้ท่วม เพราะนี่คืออู่ข้าวของเราที่เราปลูกข้าวมากที่สุดในโลก ฉะนั้นยังไงก็ต้องสร้างเขื่อนกั้น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช บอกว่า ต้องสร้างเขื่อนกลางทะเล ผมคิดว่าอาจจะลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่ผมคิดว่าเราน่าจะสร้างรอบทะเลดีกว่า อาจจะโค้งหน่อยตามสภาพภูมิประเทศ แต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ และสามารถป้องกันไม่ให้ภาคกลางไม่ให้น้ำท่วม ไม่ให้น้ำทะเลหนุนเข้ามาได้"

    "และประการสำคัญ หากเราไม่ป้องกันคือ สถานที่สำคัญในบ้านเมืองเราอาจจะหายไป เช่น วัดพระแก้ว หรือ จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งมีวัดจำนวนมาก ดังนั้นการสร้างเขื่อนจะสามารถป้องกันไม่ให้เราสูญเสียสิ่งสำคัญเหล่านี้ได้ แต่เราก็ต้องลงทุน ไม่ใช่รอจนกระทั่งสายเกินไป ซึ่งถ้าจะสร้างเขื่อนก็ต้องสร้างให้เสร็จภายใน 6 ปีนับจากนี้ ถ้าปล่อยให้น้ำเค็มเข้ามาถึงคลองประปาก็จะไม่มีน้ำจืดเหลือแล้ว"

    "อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่าเตือนว่า สิ่งที่ดีที่สุดขณะนี้ก็คือต้องสร้างเขื่อนกั้นไว้ก่อน รัฐบาลต้องคิดและวางแผนตั้งแต่วันนี้ ต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ และจะกลายเป็นสิ่งที่ดีถ้าเราพูดถึงภัยอันตรายส่วนรวมแล้ว มนุษย์ก็จะได้เลิกทะเลาะกันเสียที เพราะเรามีภัยธรรมชาติที่เป็นศัตรูร่วมกัน ถ้าไม่ป้องกันอย่างใดอย่างหนึ่ง กรุงเทพฯและภาคกลางหลายจังหวัดจมน้ำแน่นอน ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งตัดสินใจ คนไทยไม่ว่าจะพวกเสื้อเหลืองและเสื้อแดงต้องเลิกทะเลาะกัน คนไทยต้องสามัคคีและปฏิบัติธรรมให้มากๆ" ​

    "ถ้าเราช่วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยร่วมกันได้ และใช้เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย เราก็จะอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง ท่ามกลางวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในโลกอนาคตอันใกล้" ดร.อาจองกล่าวในตอนท้าย

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  11. หยดน้ำบนใบบัว

    หยดน้ำบนใบบัว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +12
    อยากให้คนไทยทุกคนตระหนักในเรื่องนี้จริงๆๆๆๆเลยค่ะ

    จะมีทางเป็นไปได้มั้ยค่ะ ที่รัฐบาลจะเห็นความสำคัญในเรื่องที่ ดร.อาจองมาเตือนคนไทยทั้งประเทศ

    อยากเห็นวันนั้นจังเลยคะ

    วันที่คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม
     
  12. Thepkanya

    Thepkanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +10,071
    สรุป "สุดยอดพุทธธรรม" คือ "ท่านทั้งหลาย จงอย่าประมาท"

    คำว่า "อย่าประมาท" คือ
    1. ละชั่ว
    2. ทำดี
    3. ทำจิตให้ บริสุทธิ์ ผ่องใส

    คำว่า "ละชั่ว" คือ เริ่มตั้งจิต คิดรักษาศีล (ถ้าฆราวาส ...ศีลห้า ก็แจ๋วแล้ว )
    คำว่า "ทำดี" คือ มีจิต เพียรพยายามรักษาศีล ให้บริสุทธิ์ เท่าที่จะทำได้
    คำว่า "ทำจิตให้ บริสุทธิ์ ผ่องใส" คือ รักษาจิตตนให้ว่างเว้นจากอารมณ์ใด ๆ
    ไม่ปรุงแต่ง ไปตามสิ่งที่มากระทบ

    หมายเหตุ การดำเนิน ข้อ 3. จะทำได้ยากที่สุด
    แต่หากใช้...กุศโลบาย ที่พระพุทธองค์ "สอน" จะช่วยให้ทำได้เร็ว และเกิดผลจากการปฏิบัติจริง และอานิสงฆ์ ของการตั้งจิต ให้ดำรงค์ตน เพื่อเพียรให้มีศีลสะอาดบริสุทธิ์ (ข้อ 2) จะส่งผลให้เกิด ปัญญาพิจารณา เห็น - รู้ได้อย่างถูกต้อง
    ....กุศโลบาย ที่พระพุทธองค์ "สอน" คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
    ให้ทาน คือ ตัด ละความเห็นแก่ตัว
    รักษาศีล คือ การสร้างภาวะจิตให้ดีงาม
    เจริญภาวนา คือ เพียร พยายาม ยกระดับจิตให้สูงขึ้น เพื่อให้เกิดปัญญา

    "ปัญญา" จะเกิดขึ้น ด้วยฐาน คือ "สติ"
    ดังนั้น "การเจริญภาวนา" คือ ทางลัดในการ "การสร้างสติ หรือ ฝึกสติ"ให้เข้มแข็งขึ้น เพราะ "สติ" คือ ตัวรู้ เท่าทัน อาสวะกิเลส ทั้งหลาย
    เมื่อ "สติ" มาก "ปัญญา" ก็งอกงาม และ "ประหาร กิเลส" ได้ในที่สุด

    สรุปได้ว่า ทุก ๆ ขั้นตอนในการ พิจารณาความเป็นไป ทั้งหลาย ต้องใช้ "ปัญญา" เป็นอาวุธ เพราะ "ปัญญา" คือ เครื่องมือที่ใช้ "ประหารกิเลส" นั่นเอง หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ว่า
    "ปัญญา" คือ เครื่องมือ ในการแก้ไขปัญหา หรือ สถานการณ์ต่าง ๆให้ลุล่วงไปด้วยความดีงาม ด้วยสันติ (สันติ แปลว่า สงบจากเพลิงทุกข์ใด ๆ)
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จีนเพิ่มขีดภัยแล้งเป็นระดับสูงสุด

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 6 ก.พ. - สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ทางการจีนประกาศเตือนภัยแล้งเป็นระดับสูงสุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากความแห้งแล้งขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ประชาชนหลายล้านคนแทบไม่มีและไม่มีน้ำดื่ม รวมทั้งยังคุกคามพืชผลการเกษตรด้วย

    สำนักงานควบคุมอุทกภัยและบรรเทาภัยแล้งระบุในการประชุมเพิ่มขีดเตือนภัยแล้งเป็นระดับสูงสุด ขณะที่รัฐบาลกลางส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปยังพื้นที่ 8 แห่งที่ประสบกับภาวะแห้งแล้ง เพื่อช่วยจัดสรรความช่วยเหลือและสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่าง ๆ ทั้งนี้ ประชาชนราว 4.3 ล้านคน และปศุสัตว์กว่า 2 ล้านตัวขาดแคลนน้ำ นับเป็นภัยแล้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษปี 1950 เช่นเดียวกับร้อยละ 43 ของพื้นที่ปลูกข้าวสาลีที่ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีฝนตกมาเกิน 100 วันแล้ว และที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีประชากร 17 ล้านคน ก็ได้รับผลกระทบรุนแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-06 14:38:54

    ออสเตรเลียเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายทางภาคตะวันออก-ภาคใต้

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 6 ก.พ. - ออสเตรเลียกำลังเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายในภาคใต้ ซึ่งเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี ส่วนภาคเหนือก็เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง

    ทางการออสเตรเลียพยากรณ์ว่า ออสเตรเลียจะเผชิญคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยอุณหภูมิจะพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และมีลมแล้งพัดผ่านพื้นที่ใน 4 รัฐ คาดว่าอุณหภูมิในนครซิดนีย์ วันอาทิตย์นี้ จะพุ่งแตะ 44 องศาเซลเซียส และอาจสูงถึง 46 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ห่างจากชายฝั่งทะเล

    โฆษกสำนักสิ่งแวดล้อมรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า สภาพอากาศเช่นนี้อาจทำให้เกิดไฟป่าครั้งรุนแรงที่เรียกว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ****แก้ไข***[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  15. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ****แก้ไข***[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  16. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ****แก้ไข***[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  17. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ****แก้ไข***[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  18. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ****แก้ไข***[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  19. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6644 ข่าวสดรายวัน


    แฉสร้างเขื่อนเร่งแผ่นดินไหว"เสฉวน"




    เมื่อ 5 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมสำนักงานธรณีวิทยาของทางการจีนระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ถล่มมณฑลเสฉวนเมื่อกลางปีก่อนจนมีผู้เสียชีวิต 87,000 ราย อาจเป็นผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสือผิงปู้ ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเหมือนที่ผู้เชี่ยวชาญบางสถาบันเคยตั้งสมมติฐาน

    ฟาน เสี่ยวเอ๋อ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมประจำสำนักงานธรณีวิทยาและแร่ธาตุวิทยา มณฑลเสฉวน อธิบายว่า โครงสร้างเขื่อนตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลกพอดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเขื่อนจะเป็นตัวการกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 12 พ.ค.2551 ซึ่งศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากตัวเขื่อนแค่ 5 กิโลเมตร

    จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุปริมาณน้ำในเขื่อนลดระดับลงอย่างรวดเร็วจากที่เคยเก็บกักน้ำไว้มากกว่า 1,100 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้แรงกดดันที่กระทำต่อรอยเลื่อนเปลือกโลกเปลี่ยนแปลงฉับพลันและเสียความสมดุลกระทั่งจุดชนวนแผ่นดินไหวขึ้น นอกจากนั้น แรงสั่นสะเทือนยังวัดได้ถึง 8.0 ริกเตอร์ สร้างสถิติเป็นเหตุแผ่นดินไหวเพราะผลจากการสร้างเขื่อนที่รุนแรงที่สุดในโลก

    หน้า 7

    จีนสลดด.ญ.ฆ่าตัวคิดให้ตับช่วยพ่อ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สะเทือนใจ-เด็กหญิงเฉิน จิน รักษาตัวที่โรงพยาบาลเดียวกับพ่อ หลังพยายามฆ่าตัวตายหวังบริจาคตับให้พ่อไปรักษา โดยเด็กหญิงยังอาการหนัก เมื่อ 5 ก.พ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อ 5 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า ด.ญ.เฉิน จิน หรือ หลินหลิน วัย 13 ปี ชาวเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ประเทศจีน กินยานอนหลับกว่า 200 เม็ดตั้งใจฆ่าตัวตาย เพื่อบริจาคตับให้พ่อ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย แม่มาพบเข้าและรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่เด็กยังอาการหนักมาก

    นางซุ่ย หลัน วัย 43 ปี แม่ด.ญ.เฉิน ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ว่า สามีป่วยเป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย แพทย์วินิจฉัยว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ที่ผ่านมาพยายามปิดบังไม่ให้ลูกสาวรู้ เพราะลูกรักพ่อมาก กลัวว่าจะทำใจรับความจริงไม่ได้ แต่ช่วงปลายเดือนก่อน ลูกมาเปิดกระเป๋าของตนและเจอใบเขียนคำวินิจฉัยของแพทย์จึงรู้เรื่องทั้งหมด

    ต่อมาในวันที่ 24 ม.ค. นางซุ่ยไปเยี่ยมสามีที่โรงพยาบาล พอกลับมาถึงบ้านช่วงเที่ยงคืนพบว่าประตูหน้าล็อกจากข้างใน ทำให้ต้องพังเข้าไป พบลูกนอนสลบไสลไม่ได้สติ มีขวดยานอนหลับวางอยู่ข้างๆ และเจอจดหมายลาตายเขียนว่า "แม่ หนูขอโทษที่อยู่กับแม่ไม่ได้แล้วนะ หลังจากหนูตายไปแล้วช่วยเอาตับของหนูไปช่วยพ่อด้วย"

    นางซุ่ยรีบนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลเดียวกับที่สามีรักษาตัวอยู่ แพทย์ระบุว่า เด็กกรอกยานอนหลับเข้าไปไม่ต่ำกว่า 200 เม็ด นอกจากนั้น ผิวหนังยังถูกผ้าห่มไฟฟ้าเผาจนไหม้ เพราะขณะคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้นเด็กนอนเอาผ้าห่มไฟฟ้าเปิดความร้อนสูงสุดคลุมตัวเอาไว้ อาการจนถึงปัจจุบันยังเข้าขั้นโคม่า ผู้ป่วยลืมตาฟื้นขึ้นมาเพียงแค่ 2-3 ครั้ง

    หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่รายงานด้วยว่า นางซุ่ยปิดไม่ให้สามีรู้ แม้ลูกจะรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน กระทั่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศจีน พนักงานโรงพยาบาลต่างบริจาคช่วยเหลือทั้งด.ญ.เฉินและพ่อ เนื่องจากครอบครัวนี้ฐานะไม่ได้ร่ำรวย แค่พอกินพอใช้ แต่ละเดือนมีรายได้ประมาณ 5,000 บาท และล่าสุดนางซุ่ยยังถูกเลย์ออฟออกจากงาน นอกจากนั้น เว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ชื่อดังของจีน Sohu.com ยังเป็นสื่อกลางช่วยระดมเงินบริจาคมอบให้ครอบครัวนางซุ่ยอีกด้วย

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    มะกันเปิดตัวเด็ก 24 นิ้ว



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 5 ก.พ. บีบีซีรายงานว่า เด็กชายคามานี ฮับบาร์ด ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ เกิดมามีนิ้วมือและเท้า 24 นิ้ว ในสภาพสม บูรณ์ โดยมีนิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นกรณีที่หายาก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเบย์แอเรีย กล่าวว่า ตอนทำอัลตราซาวด์ไม่พบว่าทารกมีนิ้วเกิน กระทั่งบิดาของเด็กเป็นผู้พบด้วยตัวเอง การที่มีนิ้วเกินเกิดจากพันธุกรรม นายคริส บิดาของเด็กกล่าวว่า เคยมีสมาชิกในครอบครัวมีนิ้วเกินมาก่อน นิ้วมือ 6 นิ้วแต่โตไม่สมบูรณ์ ไม่เหมือนลูกชายของตน

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    </TD><!-- เริ่มภาพชุดทั้งหมด --><!-- จบภาพชุดทั้งหมด --><!-- เริ่มข่าวเกี่ยวเนื่อง --><!-- จบข่าวเกี่ยวเนื่อง -->

    <!-- ใส่แสดงความคิดเห็นท้ายข่าว --->
     
  20. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    ความกตัญญูของ ด.ญ.เฉิน จิน จักได้รับผลในชาตินี้และเหลืออีกนับเป็นบารมีที่สร้างสำเร็จอีกภพหนึ่ง สู้ต่อไป ท่าน เฉิน จิน อนุโมทนา สาธุ แม้จักให้ตายแต่ไม่ถึงตายกลับกันผลเป็นจิตรกุศลทำให้ไม่ตายแต่ปัญหาของครอบครัวกลับมีผู้อื่นมาช่วยแก้ไข ให้รอดพ้นวิกฤต นั้นๆไปด้วย ผลของความกตัญญูนี้ผลมหาศาลจริงๆน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...