ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> นาข้าว อ.กงไกรลาศ จมน้ำ2พันไร่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้สื่อข่าวรายงารนว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุโขทัย ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนในเขต อ.เมือง โดยระดับน้ำท่วมพื้นที่เช้าวันนี้ ยังคงทรงตัวจากปริมาณน้ำที่ไหลบ่าลดระดับลงจากพื้นที่น้ำท่วมอำเภอตอนเหนือของ จ.สุโขทัย

    ขณะที่ อ.กงไกรลาศ ซึ่งเป็นอำเภอล่างสุดของแม่น้ำยมใน จ.สุโขทัยและเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำล่าสุดประสบปัญหาน้ำท่วมนาข้าวกว่า 2,000 ไร่ ในหมู่ที่ 10 ต.บ้านใหม่สุขเกษม โดยระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร ทำให้นาข้าวเสียหายโดยสิ้นเชิงกว่า 2,000 ไร่ ดังกล่าว

    ขณะเดียวกันชาวนาในพื้นที่หมู่ที่ 2,3,4 และ หมู่ที่ 5 ของ ต.บ้านใหม่สุขเกษม และหมู่ที่ 8 ของ ต.ไกรนอก มีพื้นที่นาข้าวรวม 12,000 ไร่ ต้องเร่งนำรถเกี่ยวข้าวเก็บเกี่ยวข้าวเพื่อหนีภาวะน้ำท่วมนาข้าวทั้งที่ข้าวยังไม่โตเต็มที่เหลืออีกเพียง 10-15 วัน ก็จะได้ผลผลิตข้าวที่โตเต็มที่แต่ต้องรีบเก็บเกี่ยวก่อนที่จะถูกน้ำไหลเข้าท่วมเสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนบ้านเรือนราษฏรในพื้นที่ อ.กงไกรลาศได้รับผลกระทบเช่นกันใน 4 ตำบล จำนวน 36 หมู่บ้าน 1,544 ครัวเรือน

    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    ด้านนางนกแก้ว ชำนาญจุ้ย อายุ 48 ปี ราษฏรบ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 7 บ้านบางสงฆ์ ต.ปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วม กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพทำนา 12 ไร่ , ทำไร่ยาสูบ 15 ไร่ และ ทำไร่ข้าวโพดอีก 5 ไร่ ต้องขาดทุนย่อยยับทุกปีจากน้ำท่วมจนเป็นหนี้กว่าแสนบาทไม่มีเงินใช้หนี้ อยากจะขอเรียกร้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ช่วยชาวบ้านโดยขอให้รัฐบาลพิจารณาสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเพื่อช่วยชาวบ้านใน จ.สุโขทัยให้พ้นภาวะน้ำท่วมจะได้ทำมาหากินได้




    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เชียงรายจมบาดาลฝนกระหน่ำไม่หยุด </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ฝนกระหน่ำไม่หยุดเทศบาลนครเชียงรายจมบาดาล ปภ.เตือนภัยพื้นที่เสี่ยงเตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
    วันนี้ ( 11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครเชียงราย เป็นวงกว้างจำนวนหลายจุด หลังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมากระทั่งถึงช่วงเช้านี้ เป็นผลให้ย่านการค้าสำคัญ และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จมอยู่ใต้น้ำในระดับความสูงเฉลี่ยกว่า 50 ซม.

    ล่าสุดทางเทศบาลนครเชียงรายได้นำกระสอบทรายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนนำไปวางเป็นพนังหน้าบ้าน เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมทรัพย์สิน เนื่องจากนี้ฝนยังไม่มีที่ท่าจะหยุด ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.)ได้ประกาศเตือนภัยให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมและเฝ้าระวังเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1-2 วันนี้นี้อย่างใกล้ชิด





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน

    ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงานจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและชายฝั่ง สัตหีบ ชลบุรีว่า พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีสวนสนามยานยนต์ ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เนื่องในวันสถาปนาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
    ทั้งนี้ พลเรือตรี ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ ขณะที่การสวนสนาม ครั้งนี้มี นาวาเอก บัญฑิตย์ จันทโรจวงศ์ เสนาธิการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานเป็นผู้อำนวยการจัดพิธีสวนสนาม และนาวาเอก ไพศาล มีศรี ผู้บังคับการกรมรักษาฝั่งที่ 1 เป็นผู้บังคับกรมผสม ซึ่งกำลังพลที่เข้าร่วมในการ สวนสนามมีจำนวน 553 นาย ยานพาหนะจำนวน 126 คัน และยุทโธปกรณ์อีกจำนวนหนึ่ง โดยจัดกำลังในการสวนสนามเป็น 4 กองพัน ประกอบด้วย
    กองพันสวนสนามยานยนต์ที่ 1 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากกรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 โดยมีปืนต่อสู้อากาศยาน 37 มิลลิเมตร แท่นคู่ จำนวน 12 แท่น และเครื่องควบคุมการยิงไดเร็คเตอร์ 5M1จำนวน 4 ระบบ เป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้สวนสนาม
    กองพันสวนสนามยานยนต์ที่ 2 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จาก กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 โดยมีปืนต่อสู้อากาศยาน 40/70 มิลลิเมตร จำนวน 6 กระบอก พร้อมเครื่องควบคุมการยิงฟลายแคชเชอร์ 2 ระบบ ปืนต่อสู้อากาศยาน 40/60 มิลลิเมตร จำนวน 6 กระบอก และอาวุธปล่อยนำวิถีแบบประทับบ่ายิงจำนวน 2 ระบบ เป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้สวนสนาม
    กองพันสวนสนามยานยนต์ที่ 3 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จาก กรมรักษาฝั่งที่ 1 ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และกรมสนับสนุน โดยมีปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้งขนาด 155 มิลลิเมตร จำนวน 6 กระบอก และปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร จำนวน 6 กระบอก รถหัวลากชานต่ำ จำนวน 2 คัน บรรทุกปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร จำนวน 2 กระบอก เป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้สวนสนาม
    กองพันสวนสนามยานยนต์ที่ 4 เป็นกองพันสวนสนามวิ่งจัดกำลังพลศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง
    จากนั้น พลเรือตรี ธราธร กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ เตรียมความพร้อมของหน่วยด้านองค์บุคคลและองค์วัตถุ รวมถึงได้ทำการฝึกตามสาขาปฏิบัติการในระดับต่าง ๆ ของหน่วยตามวงรอบเป็นประจำทุกปี นอกจากนั้นยังได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติการร่วมกับกำลังทางเรือด้านการป้องกันภัยทางอากาศและการป้องกันภัยทางทะเล ตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน อ่าวไทยตอนล่าง และชายฝั่งทะเลอันดามัน และทดสอบระบบเครือข่ายที่เป็นศูนย์กลาง ในการบัญชาการ การฝึกยิงปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้งขนาด 155 มม.
    ซึ่งเพื่อป้องกันฝั่งบริเวณฐานทัพเรือพังงา ที่ตั้งอยู่บริเวณเขาหน้ายักษ์ จังหวัดพังงา จากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือบนเรือหลวงจักรีนฤเบศรที่กำลังปฏิบัติการในอ่าวไทย ซึ่งในการฝึกพื้นที่นี้นับเป็นครั้งแรกที่จัดให้มีการฝึกยิงอาวุธตั้งแต่อาวุธประจำกายจนถึงปืนต่อสู้อากาศยานและปืนใหญ่รักษาฝั่ง โดยบูรณาการการฝึกร่วมกับเรือรบในการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์จากชายฝั่งข้ามทะเลไปยังที่ตั้งยิงในพื้นที่ดังกล่าว
    พร้อมกันนี้การอำนวยการยุทธ์ร่วมกันระหว่างกำลังทางเรือคือเรือรบ และอากาศนาวี กับกำลัง สอ.รฝ. ในการใช้อาวุธต่อฝ่ายตรงข้ามในทะเล ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยเรือกับกำลัง สอ.รฝ. ที่มีการปฏิบัติการที่ประสานสอดคล้องกันทำให้กองทัพเรือมีประสิทธิภาพในการป้องกันประเทศมากยิ่งขึ้น




    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน


    [​IMG] กองทัพเรือ สถาปนา ต่อสู้อากาศยาน
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว)
    MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยรายงานจากแฟ้มลับกระทรวงกลาโหม ประเทศอังกฤษ ระบุว่า หมู่บ้านเวสต์ คิลไบรด์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีประชากรไม่มากนัก ตั้งอยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันตกของสก็อตแลนด์เป็นจุดที่มีรายงานการพบเห็นจานบินของมนุษย์ต่างดาวหรือ “ยูเอฟโอ” ในช่วงระหว่างปี 2003 -2006 มากที่สุดในสหราชอาณาจักร
    ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีรายงานการพบเห็นวัตถุประหลาดที่มีรูปร่างแตกต่างกันกว่า 25 ชนิด เป็นจำนวนกว่า 20 ครั้งที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยจานบินที่มีปรากฏตัวเหนือน่านฟ้าบริเวณนี้มีทั้งที่มีรูปร่างกลมคล้ายจาน รูปร่างคล้ายแท่งซิการ์ ไม่เว้นแม้แต่จานบินที่มีรูปร่างคล้ายแมงกะพรุน
    นอกจากนี้ ข้อมูลจากแฟ้มลับดังกล่าวยังระบุว่า เคยมีการพบเห็นยูเอฟโอในพื้นที่อื่นของสก็อตแลนด์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองช็อตต์ส ในเขตลานาร์คเชียร์เหนือ เมืองฟอร์โทรสใกล้กับอินเวอร์เนสส์ รวมถึงที่กลาสโกว์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสก็อตแลนด์
    Mthai News


    [​IMG]
    หนุ่มจีนไร้แขน เดินตามฝัน หวังเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
    Mthai news: ความพิการไม่ใช่จุดจบของชีวิต สำหรับใครที่ท้อแท้สิ้นหวัง นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง และหนึ่งแรงบันดาลใจให้ชีวิตที่ยังคงอยู่สู้ต่อไปเพื่อทำตามความฝัน
    นายวู เจียงปิง วัย 22 ปี ชายชาวจีน ผู้สูญเสียแขนทั้งสองข้างหลังจากประสบอุบัติเหตุ เมื่อเขาอายุเพียง 5 ปี ซึ่งหลังจากที่สูญเสียอวัยวะสำคัญไป เขายังคงใช้ชีวิตปกติเช่นเดิม เพียงแต่กิจวัตรประจำวันต่างๆต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพร่างกาย
    [​IMG]
    เช่น วู เขาใช้เท้า แทนแขนที่สูญเสียไปในการแปรงฟันด้วยตนเอง อีกทั้งยังพยายามดื่มน้ำจากถ้วยโดยไม่ต้องพึ่งใคร
    [​IMG]
    นอกจากนี้ วู ซึ่งพักอาศัยในหมู่บ้าน ฉิงเจียคั่น ก็ไม่ทิ้งความฝันว่า จะต้องได้เล่าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีในมณฑลเหอหนาน การเตรียมตัวเข้าสอบในมหาวิทยาลัยนั้น เป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง
    [​IMG]
    แต่ละวัน วู จะอ่านหนังสือใช้เพื่อที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน โดยใช้ ปาก ในการจับปากกาในการขีดเขียน เพื่อหวังว่าจะได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเจิ้งโจว ที่เขาใฝ่ฝัน
    [​IMG]
    ส่วนการเดินทางไปมา ยังมหาวิทยาลัยนั้น เขามีจักรยานเป็นยานพาหนะ โดยสามารถประคองด้วยไหล่ทั้งสอง แม้ว่าจะไม่มีแขนก็ตาม
    [​IMG]
    [​IMG]
    วู ไม่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นทรัพย์สิน เงินทอง แต่การให้โอกาสการได้เข้าศึกษาต่อในระดับสูงนั้น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา แม้ว่าร่างกายจะพิการแต่ ความรู้ที่ติดตัวไปนั้น สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
    Mthai news
    Pics: China Daily


     
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯเตือน เหนือ - อีสานฝนหนักถึงหนักมาก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center>ภาพข่าวจาก INN</TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปชช. ในพื้นที่เสี่ยง ควรระวังน้ำท่วมฉับพลัน


    ในวันนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงยังคงพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

    ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนตกชุกหนาแน่นต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.พะเยา จ.น่าน จ.ลำปาง จ.ลำพูน จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.เพชรบูรณ์ จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี จ.สกลนคร และ จ.นครพนม

    ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1 - 2 วันนี้

    ประกาศ ณ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ออกประกาศ เวลา 05.30 น. ออกประกาศครั้งต่อไป เวลา 11.30 น.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>นาข้าว อ.กงไกรลาศ จมน้ำ2พันไร่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้สื่อข่าวรายงารนว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุโขทัย ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนในเขต อ.เมือง โดยระดับน้ำท่วมพื้นที่เช้าวันนี้ ยังคงทรงตัวจากปริมาณน้ำที่ไหลบ่าลดระดับลงจากพื้นที่น้ำท่วมอำเภอตอนเหนือของ จ.สุโขทัย

    ขณะที่ อ.กงไกรลาศ ซึ่งเป็นอำเภอล่างสุดของแม่น้ำยมใน จ.สุโขทัยและเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำล่าสุดประสบปัญหาน้ำท่วมนาข้าวกว่า 2,000 ไร่ ในหมู่ที่ 10 ต.บ้านใหม่สุขเกษม โดยระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร ทำให้นาข้าวเสียหายโดยสิ้นเชิงกว่า 2,000 ไร่ ดังกล่าว

    ขณะเดียวกันชาวนาในพื้นที่หมู่ที่ 2,3,4 และ หมู่ที่ 5 ของ ต.บ้านใหม่สุขเกษม และหมู่ที่ 8 ของ ต.ไกรนอก มีพื้นที่นาข้าวรวม 12,000 ไร่ ต้องเร่งนำรถเกี่ยวข้าวเก็บเกี่ยวข้าวเพื่อหนีภาวะน้ำท่วมนาข้าวทั้งที่ข้าวยังไม่โตเต็มที่เหลืออีกเพียง 10-15 วัน ก็จะได้ผลผลิตข้าวที่โตเต็มที่แต่ต้องรีบเก็บเกี่ยวก่อนที่จะถูกน้ำไหลเข้าท่วมเสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนบ้านเรือนราษฏรในพื้นที่ อ.กงไกรลาศได้รับผลกระทบเช่นกันใน 4 ตำบล จำนวน 36 หมู่บ้าน 1,544 ครัวเรือน

    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    ด้านนางนกแก้ว ชำนาญจุ้ย อายุ 48 ปี ราษฏรบ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 7 บ้านบางสงฆ์ ต.ปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วม กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพทำนา 12 ไร่ , ทำไร่ยาสูบ 15 ไร่ และ ทำไร่ข้าวโพดอีก 5 ไร่ ต้องขาดทุนย่อยยับทุกปีจากน้ำท่วมจนเป็นหนี้กว่าแสนบาทไม่มีเงินใช้หนี้ อยากจะขอเรียกร้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ช่วยชาวบ้านโดยขอให้รัฐบาลพิจารณาสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเพื่อช่วยชาวบ้านใน จ.สุโขทัยให้พ้นภาวะน้ำท่วมจะได้ทำมาหากินได้




    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เหนือ-อีสานผวาพายุจ่อถล่มอีกระลอก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ภัยธรรมชาติเล่นงานไทยอ่วม ปภ.เผยพายุจ่อถล่มอีกหลายลูก อุตุฯย้ำร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ อีสานตอนบน ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขณะที่ฝนถล่มเชียงรายจมน้ำแล้ว จนต้องสั่งปิดโรงเรียนยาว ส่งผลกระทบจนต้องประกาศภัยพิบัติใน 22 จังหวัด พบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย “ปู”ลุยน้ำช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตั้งศูนย์ฮอตไลน์ช่วยน้ำท่วมแบบบูรณาการ

    “ปู”สั่งเร่งช่วยเหลือน้ำท่วม


    เมื่อวันที่ 11 ส.ค.เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ครม.เร่งแก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดจากพายุนกเตนอย่างเร่งด่วน จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ น่าน รวมทั้งมอบหมายให้รัฐมนตรีและส.ส.ในพื้นที่ลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัย พร้อมมอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสาน เยียวยา ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน

    ตั้งศูนย์ฮอตไลน์ช่วยน้ำท่วม


    นายอำพน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งศูนย์ศูนย์ฮอตไลน์ 1111 คอยรับเรื่องร้องเรียน รวมทั้งการรับบริจาคด้วย และให้กรมประชาสัมพันธ์คอยทำหน้าที่แจ้งเตือนการรายงานข่าวสาร ข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงกระทรวงการคลังให้ไปพิจารณาปรับกฎเกณฑ์ เพื่อนำเงินสำรองจ่ายในจังหวัดที่ประสบภัยให้เกิดความคล่องตัว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

    ขณะที่ที่ประชุมครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ และเร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร และหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วจะมีโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูต่อไป รวมทั้งให้จัดตั้งคณะทำงานประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อให้การบริหารจัดการลุ่มน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแบบบูรณาการ

    น้ำเหนือจ่อท่วมปากน้ำโพ

    ด้าน นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.นครสวรรค์ ยังไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่งท่วมทุ่ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องเฝ้าระวังเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดซ้ำในพื้นที่เดิมต่อไป เนื่องจากน้ำเหนือไหลลงมามีปริมาณมาก รวมทั้งมีฝนตกในพื้นที่

    ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่เกษตรเสียหาย 1.4 ล้านไร่ ใน 28 จังหวัด และคาดว่าจะขออนุมัติใช้หลักการช่วยเหลือเกณฑ์กับอุทกภัยปี 2553 โดยช่วยเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาทุน ในกรณีเสียหายโดยสิ้นเชิง นาข้าว ช่วยเหลือไร่ละ 2,065 บาท พืชสวนไร่ละ 3,250 พืชไร่ ไร่ละ 1,800 บาท ขณะที่เกณฑ์ช่วยเหลือปัจจุบันยังอยู่ไร่ละ 606 บาทเท่านั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ฝนถล่มเชียงรายจมน้ำ

    ที่ จ.เชียงราย เกิดฝนตกหนักและต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา จนทำให้น้ำมีปริมาณมากและระบายลงสู่แม่น้ำกกไม่ทัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครเชียงรายเป็นบริเวณกว้างจำนวนหลายจุด ส่วนใหญ่ในย่านการค้าสำคัญ และถนนสายหลักบริเวณถนนรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ และสถานีขนส่งเทศบาลนครเชียงราย ตลอดจนย่านตลาดเชียงรายไนท์บาซาร์ มีท่วมถนนและร้านค้าทั้ง 2 ฝั่ง ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร และรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้

    ขณะที่เทศบาลนครเชียงรายได้นำกระสอบทรายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนนำไปวางเป็นแนวบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมทรัพย์สินภายในบ้านเสียหาย นอกจากนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.) จึงประกาศเตือนภัยให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมและเฝ้าระวังเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากใน 1-2 วันนี้ด้วย

    ทำนบพัง-ปิดโรงเรียนยาว

    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พบว่ายังไม่คลี่คลายและมีทีท่าว่าชาวบ้านต้องเผชิญน้ำท่วมขังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากทำนบกั้นน้ำคลองจระเข้ ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เกิดพังทลาย จนทำให้น้ำจากแม่น้ำยมไหลเข้าสู่หมู่บ้านบ้านใหม่สุขเกษตรและไหลมาสมทบที่บ้านคลองเมม ส่งผลให้มีน้ำที่ท่วมขังในบ้านคลองเมมเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะเพิ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่โรงเรียนวัดเมมสุวรรณนาราม สั่งปิดการเรียนการสอนมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว และคาดว่าต้องสั่งปิดต่อไปโดยไม่มีกำหนด โดยในเบื้องต้นมีตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31 ค่ายพระยาจักรี จ.พิษณุโลก นำกำลังกว่า 30 นาย นำเรือท้องแบน 2 ลำเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว

    เตือนภัยสัตว์มีพิษหนีน้ำ

    ขณะที่ จ.นครสวรรค์ นายชัยโรจน์ มีแดง ผวจ.นครสวรรค์ นางอมรรัตน์ มีแดง นายกเหล่ากาชาด จ.นครสวรรค์ นำเรือท้องแบนไปมอบให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง พร้อมมอบสิ่งของและน้ำดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน 233 ครัวเรือน

    ขณะเดียวกัน นายสมบูรณ์ ศรีสุเทพ ปศุสัตว์ จ.นครสวรรค์ ได้แจ้งเตือนประชาชนที่บ้านถูกน้ำท่วมขังหรือมีบ้านพักอยู่ริมน้ำ ว่า ขอให้ระมัดระวังภัยจากสัตว์มีพิษชนิดต่าง ๆ อาทิ แมงป่อง ตะขาบ โดยเฉพาะงู ที่หนีภัยมากับน้ำท่วมเพราะอาจได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษโดยไม่ตั้งใจ หรือหากพบสัตว์ชนิดดังกล่าวเข้ามาอาศัยในบ้านพักให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาจับไปไว้ในที่ปลอดภัย

    มอบของช่วยเหลือน้ำท่วม

    ที่บริเวณหอประชุมอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำถุงยังชีพพระราชทานมอบให้แก่ราษฎรประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน อ.แม่สะเรียง รวม 1000 ครอบครัว โดยมี นายอนันตพล บุญชู นายอำเภอแม่สะเรียง พร้อมส่วนราชการในพื้นที่ นำราษฎรที่ประสบภัยเข้ารับการช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหลังจากประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคล่มทับบ้านเรือนได้รับความเสียหาย

    ประกาศภัยพิบัติ 22 จังหวัด

    ด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตน ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยมีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รวม 22 จังหวัด 205 อำเภอ 1,310 ตำบล 10,482 หมู่บ้าน ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ สกลนคร เลย เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ และพระนครศรีอยุธยา

    มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย

    ขณะที่มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 595,923 ครัวเรือน 1,830,108 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 1,481,052 ไร่ ถนน 1,085 สาย ท่อระบายน้ำ 115 แห่ง ฝาย/ทำนบ 20 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 72 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง 558 บ่อ ปศุสัตว์ 474 ตัว มีผู้เสียชีวิต 22 ราย แยกเป็น จ.อุดรธานี 1 ราย เชียงใหม่ 2 ราย แพร่ 6 ราย แม่ฮ่องสอน 7 ราย สุโขทัย 4 ราย นครพนม 2 ราย สูญหาย 1 คน จากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มใน จ.แม่ฮ่องสอน ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ได้แก่ น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร ประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 8 จังหวัด รวม 55 อำเภอ 371 ตำบล 2,615 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 142,073 ครัวเรือน 391,810 คน ได้แก่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และมุกดาหาร

    พายุจ่อถล่มไทยอีกหลายลูก

    นายวิบูลย์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสภาพอากาศ คาดว่าในปีนี้อาจมีพายุเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทยอีกหลายลูก ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนค่าเฉลี่ยสูงกว่าปกติ และอาจทำให้พื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาที่มีดินชุ่มน้ำอยู่แล้ว จนไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้และพังถล่มลงมา รวมถึงพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำอาจเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง และส่งผลกระทบขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น จึงสั่งกำชับให้ทางจังหวัดจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย รวมทั้งให้ประเมินวิเคราะห์สภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง
    ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

    มรสุมพัดผ่านเหนือ-อีสาน

    วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศว่า ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. 2554 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    12 ส.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
    พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และพระบรมวงานุวงศ์ ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะรัฐมนตรี ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีและคู่สมรส องคมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พร้อมคณะบุคคลและประชาชนเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม
    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดกรวยกระถงดอกไม้สดเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนถวายพระพรชัยมงคลว่า ในนามพสกนิกรชาวไทย มีความปลาบปลื้มปีติ สำนึกพระมหากรุณาธิคุณที่ให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าเฝ้าทูลละอองธุรีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล
    และประชาชาชาวไทยทั้งปวงชื่นชมโสมนัส มีพระสุขภาพพลานามัย ทรงพระเกษมสำราญ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อให้พสกนิกรพ้นความยากไร้ เป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ข้าพุทธเจ้าพร้อมพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ขออำนาจพระศรีรัตนตรัย ทรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน
    สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำรัสตอบว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และผู้แทนของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ฝ่ายบริหาร นิติบัญญติ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งผู้แทนของสภา สมาคม องค์กรต่างๆ ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า
    ขอขอบคุณผู้ส่งจดหมาย คำประพันธ์คำอวยพรจำนวนมากผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ ข้าพเจ้าทราบซึ้งในน้ำใจไมตรีของทุกท่าน เวลานี้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสบายขึ้นมากแล้ว แต่แพทย์แนะนำให้ทำกายภาพบำบัด พระองค์ทรงงานได้เพิ่มขึ้น ติดตามโครงการต่างๆ มากขึ้น
    ในระยะนี้ที่มีฝนตกหนัก น้ำท่วมในภาคเหนือ อีสาน ทรงเป็นห่วงมาก ได้พระราชทานสิ่งของประชานในพื้นที่น้ำท่วมหลายแห่ง เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจะเห็นว่า คนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันในยามทุกข์ยาก
    ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดูแลราษฎรอย่างใกล้ชิด ทุกวันที่ 11 สิงหาคม ที่ท่านทั้งหลายมาชุมนุมกันเพื่ออวยพรวันเกิด ข้าพเจ้าก็จะมีโอกาสเล่าเรื่อง มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นในรอบปี รวมทั้งบางเรื่องเล่าซ้ำ เพราตั้งใจจะเตือนความทรงจำ
    เรื่องแรก เป็นเรื่องโศกเศร้าของบ้านเมือง ในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอพระองค์นี้ เมตตาประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ขอบคุณรัฐบาลที่จัดงานอย่างสมพระเกียรติ
    ข่าวเศร้าอีกข่าว เป็นข่าวใหญ่ข่าว ฮ.ตกในอุทยานแห่งชาติแก่งพระจาน จ.เพชรบุรี 3 ลำ สูญเสียกำลังพล 16 นาย และช่างภาพโทรทัศน์ 1 นาย ข้าพเจ้าเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง ผู้สูญเสียทุกคนเป็นกำลังแข็งแกร่ง หลายคนมีลูกเล็กๆ ที่ไร้เดียงสา แม่ต้องรับดูแลเป็นทั้งพ่อทั้งแม่อย่างดีที่สุด
    เพราะทุกท่านปฏิบัติภารกิจปกป้องผืนป่า ควรระลึกในความดี และร่วมกันปกป้องผืนป่า อย่าให้ความสูญเสียครั้งใหญ่เป็นความสูญเปล่า ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วย เมื่อออกมาจากป่าข้าพเจ้าก็โล่งใจ คิดว่าบุญกุศลที่ลำบาก คงเป็นอานิสงส์ให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดจนเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน
    อยากขอความร่วมมือจากรัฐบาลจากคนไทยสังคมไทย นั่นคือ การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่บ่อนทำลายสังคมไทย ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น แต่ก่อนชาวไทยภูเขาปลูกฝิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโครงการหลวงมาช่วยแก้ไขปัญหาชาวไทยภูเขาปลูกพืชเมืองหนาว จนเลิกปลูกฝิ่นหมดแล้ว
    ข้าพเจ้านึกว่าจะเบาใจเรื่องยาเสพติด ที่ไหนได้กลับมีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของยาเสพติด มีผู้ลักลอบผลิต เวลานี้ที่เผยแพร่เร็วกว่าเชื้อโรค คือยาบ้า ยาบ้า ผลคือคนไทยตกเป็นทาสยาบ้าเป็นล้านคน มีสุขภาพทรุดโทรม ร่างกาย จิตใจ สติปัญหาเสื่อมถอย
    “ยาบ้ากำลังทำลายสังคมไทยอย่างน่ากลัว ไม่สบายใจเลยที่มีการระบุว่า ยาบ้ามีขายทุกตรอกซอกซอย ในโรงเรียน ในวัด ผู้ค้ากำลังทำตัวเป็นฆาตกร ฆ่าลูกหลานไทยอย่างเลือดเย็น”
    ก่อนหน้านี้เคยสนับสนุนเงินให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ต่อมา ป.ป.ส.ได้นำเงินไปสมทบกับงบประมาณของสำนักงานตั้งเป็นกองทุนต่อต้านยาเสพติดขึ้นชื่อว่า “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” มอบให้หมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในปี 2547 จำนวน 672 หมู่บ้าน
    ต่อมารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปขยายผลตั้งหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินขึ้นทั่วประเทศ เวลานี้มีทั้งหมด 12,189 หมู่บ้าน และรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ก็หาทุนมาสมทบอีก 300 ล้านบาท จึงมอบเงินให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อให้ดำเนินการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
    “เชื่อแน่ว่ารัฐบาลต่อไปจะสานต่อโครงการนี้ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานฝ่ายเดียว คงไม่สำเร็จ คนไทยต้องผนึกกำลังช่วยกัน เริ่มจากคนในคอรบครัว ต่อจากนั้นเป็นเรื่องสังคม ควรต่อต้านและประณามผู้ผลิต ผู้ค้า และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ทำไมปล่อยให้ลูกหลานติดยา ไม่รักษา คงต้องให้เวลา ให้กำลังใจ ในการฟื้นฟู เเพื่อเป็นกำลังของสังคมและครอบครัวต่อไป”
    นอกจากนั้น ยังไม่สบายใจในเหตุการณ์ภาคใต้ ที่ทราบมาว่า มีผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต บางรูปมรณภาพ บางรูปทุพพลภาพ การบิณฑบาตถือเป็นการปฏิบัติกิจตามหลักของสงฆ์ ในอดีตทีผ่านมาไม่เคยมีประวัติทำร้ายพระสงฆ์ เพราะการทำบุญ ใส่บาตร ทำด้วยความสมัครใจ
    ข้าพเจ้าตกใจ เสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามองย้อนกลับในอดีต สมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่ภาคใต้ ชาวไทยมุสลิมมาจุดเทียนเพื่อรอส่งเสด็จ เพราะหวั่นว่าจะเกิดอันตราย เพื่อเข้าไปในพื้นที่อันตราย ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความมีน้ำใจชาวไทยมุสลิมอย่างไม่รู้ลืม
    เมื่อรู้ว่ามีการลอบทำร้ายพระสงฆ์ ชาวไทย ชาวไทยมุสลิม ข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูอาสาที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย ข้าพเจ้าได้มอบเงินจัดตั้งศูนย์ครูใต้ที่ จ.ปัตตานี มีห้องสมุด มีห้องประชุม ห้องสันทนาการ สำหรับครูได้พักผ่อน แลกเปลี่ยน มีโรงเรียนสำหรับลูกหลานครู
    ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือของชาวไทยมุสลิมที่ทำร้ายพระสงฆ์และไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ถือเป็นการกีดกันไม่ให้มีการใส่บาตร เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการประกอบกิจทางศาสนา รู้สึกสะเทือน ใจ ไม่อยากให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราอีกต่อไป ขอความร่วมมือได้ช่วยกันพาสันติสุขและความสงบกลับคืนมาสู่ภาคใต้โดยเร็ว







    โอบามา ส่งสารยินดี ยิ่งลักษณ์ นั่งนายกฯ คนใหม่ของไทย


    [​IMG] บารัค โอบามา


    12 ส.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งสารผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    โดยสารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระบุว่า ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา จะได้รับการพัฒนาให้แน่นแฟ้นและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศจะดำเนินต่อไปอย่างแนบแน่นบนพื้นฐานการให้ความเคารพซึ่งกันและกันและประโยชน์ร่วมกัน
    และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับไทยเพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด เพื่อความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง และสนับสนุนโลกเสรี

    Mthai News
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"></INS><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    star wars
    (ในยุคก่อนคริสต์กาล)

    [​IMG]

    [​IMG]

    Raknarok แร็กนาร๊อค หมายถึง ช่วงวาระสุดท้ายของจักรวาลตามตำนานของชาวนอร์ส (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ชาวนอร์สเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็น 9 โลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ สามดินแดน(ดินแดนเทพ 2 และไลท์เอลฟ์อีกหนึ่ง) รองมาเป็นของมนุษย์ (ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ล การ์เด้น = มิดการ์ด) คนแคระ เอลฟ์ตัวดำและขาว และยักษ์นํ้าแข็ง สี่ดินแดน และใต้พิภพอีกสองดินแดน ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง(Ymir)

    โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชังระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่งความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่ที่โลกิ หากลวิธีเข่นฆ่าบาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเหล่าเทพยังไปหลอกยักษ์น้ำแข็งตนหนึ่งอีก ทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายเทพก็ยิ่งเกิดความเกลียดชังมากขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงแร็กนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมาในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าจริยะธรรมและความดีปรากฏให้เห็น

    สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกริด (Vigrid - ทุ่งแห่งสงคราม) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามฤดู พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ ยักษ์น้ำแข็ง กับ หมาป่าเฟนรีร์ (Fenrir) และงูยักษ์จากท้องทะเลมิดการ์ดโซลุม หรือ จอร์มุนกานด์ (Jormungand)

    เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งไบฟอร์ส ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผา จอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดการ์ด) ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่กำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกริด พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนรีร์แหกที่คุมขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์สโคลจะกลืนกินดวงอาทิตย์ ฮาติที่เคยไล่งับพระจันทร์ก็จะกลืนกินดวงจันทร์ได้ ดวงดาวจะหายไปจากท้องฟ้า โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด เขาสัตว์จาลาร์จะถูกเทพเฮมดัลล์เป่า ดังโหยหวนทั่วสรวงสวรรค์ ส่งเสียงเตือนเหล่าเทพ บรรดาบุตรแห่งโอดิน และเหล่านัรบสวรรค์ให้ลุกขึ้นสู้ โลกจะสั่นไหว โลกิแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก

    มันเป็นสงครามที่แม้แต่อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งสวรรค์ก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนรีร์ฆ่าและกลืนกินเข้าไปในท้อง ลูกของโอดิน วีดาร์เป็นผู้ฆ่าเฟนรีร์ เทพไทร์สู้กับปิศาจจาร์ม จนทั้งสองฝ่ายต่างล้มตาย ส่วนธอร์ แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้(เขาเคยลอบฆ่าจอร์มุนการ์นด์มาหลายครั้งแล้ว) แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิสู้อยู่กับเฮมดัลล์ เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตั้งแต่กาลก่อน และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ

    ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวนอร์ส
    ดู เหมือนว่าท่ามกลางความโหดร้าย ทุกๆ อย่างจะสิ้นสูญ ทว่าก่อนที่สงครามจะอุบัติ มนุษย์สองคน ลิฟและลิฟดราเซอร์ (ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เหมือนกับอดัมกับอีฟยังไงไม่รู้) แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากนํ้า เขียวชอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก รวมทั้งเทพชั้นลูกชั้นหลานอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่น ลูกของโอดิน คือ วีดาร์ วาลี และ โฮนีร์ ลูกของธอร์ คือ โมดิ และ แมกนิ ผู้สืบทอดค้อน และทั้งบาลเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย ต่างก็ช่วยกันสร้างโลกกันใหม่ คงเป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน

    เรื่องแรก นาร็อค เป็นสงครามที่ซาบซึ้งอยู่ในใจของพวกไวกิ้งเป็นอันมาก มันผนึกอยู่ในตำนานที่สร้างศรัทธา ในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทั้งนี้ เพราะชาวนอร์สเป็นพวกที่ชอบการรบ และไม่เกรงกลัวความตาย เขามีชีวิตอย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น" ทำให้กลายเป็น พวกรุกรานยุโรป หลังจากโรมันเสื่อมอำนาจ และสงครามที่ไวกิ้งรบแต่ละครั้ง ก็จะตราความน่ากลัว อยู่ในความทรงจำ ของคนชนิดลืมไม่ลง จนมีการบันทึกไว้หลายที่ ทว่า ในมุมมองของชาวไวกิ้งแล้ว... สงครามครั้งใด ก็ไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้น ในแร็กนาร็อค...

    ที่มา เรื่องเล่า ชาวไวกิ้ง , ตำนานเทพเจ้าของสแกนดิเนเวีย (ชาวไวกิ้ง) « HudchewMan's Diary
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 630.jpg
      630.jpg
      ขนาดไฟล์:
      344.8 KB
      เปิดดู:
      2,628
    • 129177941.jpg
      129177941.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.1 KB
      เปิดดู:
      77
    • AsgardBelisknerCombat.jpg
      AsgardBelisknerCombat.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.3 KB
      เปิดดู:
      2,589
    • Valhalla.jpg
      Valhalla.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.7 KB
      เปิดดู:
      74
    • 800px-asgard.jpg
      800px-asgard.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.6 KB
      เปิดดู:
      75
    • thor601.jpg
      thor601.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.1 KB
      เปิดดู:
      83
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  6. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    www.sunflowercosmos.org/warning_report/warning_report_main/band_of_rain_1.html



    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=10 width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD class=ecxstyle83 width=430>นักวิทยาศาสตร์ มีความสงสัยเป็นยิ่งนักว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก เคยเกิดขึ้น ในอดีตหรือไม่ จึงวางแผนการสำรวจเพื่อหาคำตอบว่า มีความเป็นไปได้เพียงใด ด้วยการย้อนเวลาสู่อดีต

    การค้นหาหลักฐานบันทึกจากประวัติศาสตร์ เพื่อความเข้าใจ เริ่มต้นเกิดขึ้นจากกาซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ในชั้นบรรยากาศ ที่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้อุณหภูมิ โลกสูงขึ้นและสูงขึ้น

    สร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลง ให้เกิดการรวมตัวของไอน้ำ จนฝนตกมากมายในเขตร้อน (Tropical precipitation)

    ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังได้ใช้วิธีเดินทางสำรวจ ไปยังเกาะแก่งมากมาย ในทะเลอันกว้างไกล ของคาบมหาสมุทรแปซิฟิค ท่ามกลางอันตราย

    โดยหวังว่า จะสรุปรูปแบบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ที่เกิดต่อเนื่องขึ้น เพื่อจัดทำแบบจำลอง ในอนาคตอันใกล้นี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=304 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=25 width=440>
    แผ่นดินเลื่อนไหล จากฝนตกหนักที่ Nachterstedt, Germany


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=303 width=450>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=20 width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=25 width=440>
    แผ่นดินเลื่อนไหล จากฝนตกหนักที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ Scotland

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>ความน่าสะพรึงกลัวของภัยธรรมชาติ จากคำทำนาย

    ปรากฎการณ์แห่งภัยพิบัติ เริ่มสร้างความตื่นตระหนกมากขึ้น และมีความถี่ขึ้น มีความรุนแรงมากตามลำดับ

    แต่การอธิบายถึงข้อสงสัย กับประชากรโลกผู้ถูกธรรมชาติทำลาย ยังอยู่ในกรอบเดิมคือ ปัญหาโลกร้อน ด้วยผลกระทบทั้งหลาย เกิดจากฝีมือมนุษย์

    แต่ละครั้งก็ยังพบกับความโหดร้าย ทำลายล้าง สูญสิ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สินโดยไม่ยกเว้น ประเทศยากดีมีจน

    แล้ววันหนึ่งข้างหน้า โลกคงพังพินาศลงไป เหลือเพียงประเทศที่มีความแข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น

    หลายครั้ง ความตื่นตกใจจากธรรมชาติ ไม่สามารถหาคำตอบได้ดีและพึงพอใจ ทำให้ผู้คนกว่าครึ่งโลก กลับไปให้ความสนใจ ต่อการทำนายในรูปแบบต่างๆ อย่างวิตกกังวล

    แม้มิสามารถอ้างอิงเหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างชัดแจ้ง แต่คำทำนาย กลับมักถูกต้องบ่อยครั้ง จนยิ่งน่าเชื่อกว่าคำพยากรณ์ทางวิทยาศาสตร์

    ประเด็นที่เห็นชัดคือ ไม่ว่าใครจะทำนายอย่างไร เกี่ยวกับภัยพิบัติรูปแบบใดๆ ก็ตาม จะมีโอกาสถูก มากกว่าผิด เพราะมีความถี่ของการเกิดขึ้น มากนั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม ความหวาดวิตก เพียงดวงจันทร์เข้าใกล้โลก (Super Full Moon) ซึ่งควรเป็นเรื่องชื่นชมความงาม ยังเป็นชนวนความน่าสพึ่งกลัว โยงไปใน เรื่องแผ่นดินไหว (The Science of Earthquakes) ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เป็นต้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=268 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333>
    แผ่นดินเลื่อนไหล จากฝนตกหนักที่ Douglasville, USA.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=10 width=450>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=320 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=20 width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=40 width=450>
    ความเข้าใจการเกิดของ เอลนีโญ (El Nino) และ ลานีญา (La Nina)


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=10 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>
    จุดเริ่มต้นแห่งภัยพิบัติ ด้านอุทกภัย


    นักวิทยาศาสตร์ ทราบดีว่า เหตุสำคัญของ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก คือ El Nino และ La Nina ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ในมหาสุมทรแปคซิฟิค

    แต่น้อยนัก ที่จะเข้าใจรูปแบบต้นกำเนิด ของการรวมตัวของไอน้ำบนโลก จนรวมกันเป็น Band of Rain (แถบกลุ่มเฆมฝน)พาดยาวขนาดใหญ่ ไปครึ่งโลก

    การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลก มีบรรทัดฐานแรกเกิดจาก การสะท้อนของรังสีจากดวงอาทิตย์ (Solar radiation) หรือนัยหนึ่งที่รู้จักกันว่า กาซเรือนกระจก เป็นสิ่งที่สร้างให้เกิด Band of Rain พาดยาวขนาดใหญ่เท่าๆ กับทวีป แล้วตกลงมาเป็นฝนบนโลก

    ในเขตร้อน (Tropics) ทั้งด้านเหนือ ด้านใต้ของโลก ตามฤดูกาลโดยมีการเคลื่อนตัวมายัง Intertropical Convergence Zone (ITCZ) เรียกว่า ร่องความกดอากาศต่ำ หรือร่องมรสุม (Monsoon Trough)

    ITCZ มีลักษณะเป็นแนวพาดขวางกับโลก ในทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก ในร่องความกดอากาศต่ำ หรือร่องมรสุมนี้ เป็นบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ มีกระแสอากาศ ไหลขึ้นลงสลับกัน

    ร่องความกดอากาศต่ำ หรือร่องมรสุม จะอยู่ในเขตร้อนใกล้ๆ เส้นศูนย์สูตร ความกว้างของร่องความกดอากาศต่ำ หรือร่องมรสุม ประมาณ 6-8 องศาละติจูด และจะมีการเลื่อนขึ้นลง ตามแนวโคจรของดวงอาทิตย์ (Sun)

    โดยเป็นบริเวณที่มีเมฆมาก ฝนตกอย่างหนาแน่น ดังนั้น เมื่อร่องนี้ประจำอยู่ที่ใด หรือผ่านที่ใด ก็จะทำให้ที่นั้นฝนตกอย่างหนาแน่น ทั้งหมด เป็นวัฐจักรของโลก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=304 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=100 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=100 width=440>
    เอลนีโญ (El Nino)มีความสัมพันธ์เกิดกระแสน้ำอุ่น (Warming
    water) ในมหาสมุทรแปซิฟิค


    -ฝนตกหนัก อุทกภัย ตลอดแนวชายฝั่งคาบมหาสมุทรแปซิฟิค

    -กระแสน้ำอุ่น ส่งผลกระทบห่วงโซ่อาหาร ของปลา นก และสัตว์ทะเลที่เสี้ยงลูกด้วยนม

    -เกิดพายุทอร์นาโด (Tornadoes) หรือพายุหมุน และพายุฝนฟ้าคะนอง ในเขตอเมริกาตอนใต้


    -เกิดพายุพายุเฮอร์ริเคน (Hurricanes) ขนาดปานกลางใน คาบมหาสมุทรแอตแลนติก


    -บางกรณี ส่งผลต่อภูเขาไฟใต้ทะเล (Underwater volcanoes) ในมหาสมุทรแปซิฟิค


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=304 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=100 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=100 width=440>
    ลานีญา (La Nina) มีความสัมพันธ์เกิดกระแสน้ำเย็น (Cooling water)ในมหาสมุทรแปซิฟิค


    -หิมะและฝนตกในชายฝั่งตะวันออก

    -มีความหนาวเย็นจัดในแถบอลาสก้า

    -สภาพอากาศร้อนขึ้นในแถบอเมริกา

    -เกิดความแห้งแล้งในแถบชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้

    -เกิดพายุพายุเฮอร์ริเคน (Hurricanes) ขนาดใหญ่และปานกลางใน
    คาบมหาสมุทรแอตแลนติก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>ความสำคัญของ Band of Rain

    Band of Rain มีบทบาทในการเกิดมรสุม บนพื้นที่ทวีปเอเชีย อินเดีย อัฟริกาและอินเดีย โดยจะหมุนเวียนนำพาความร้อน จากแถบเส้นศูนย์สูตรแล้วย้อนกลับไปยังขั้วโลก ด้วยอัตราความถี่และความหนาแน่นเพิ่มขึ้น

    จึงทำให้ El Nino และ La Nina มีช่วงเวลายาว และมีอำนาจมากขึ้น ส่งผลให้เกิดพายุเฮอริเคน (Hurricane) ในเขตแปคซิฟิคและแอตแลนติค

    ทั้งหมด จึงมีอิทธิพลเปลี่ยนแปลง ตำแหน่ง Band of Rain ด้วยการเคลื่อนย้ายตำแหน่งของ Band of Rain คล้ายฉากละครของโลกยุคใหม่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการตกของฝนอย่างถาวร ในตำแหน่งที่พาดยาวบนท้องฟ้า

    ส่งผลเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ในแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างน่าตกใจ และจะครอบงำต่อไปในทั่วโลกอย่างกว้างขวางด้วยหลายปัจจัย

    คงมีเหตุผลเพียงพอกล่าวได้ว่า สาเหตุการเคลื่อนย้ายของ Band of Rain ส่งผลกระทบไปยังภูมิภาคต่างๆด้วย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=450 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=10 width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=25 width=440>
    Band of Rain คล้ายฉากละครของโลกยุคใหม่ ที่ขยับขึ้นจากกลไกความร้อนในชั้นบรรยากาศโลก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=450 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=75 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=75 width=440>
    การยกตัวของ Band of Rain พาดยาวขนาดใหญ่ สูงขึ้นไปทางขั้วเหนือ เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ 800 ในช่วง Medieval Warm Period (ยุคกลางอบอุ่น)

    ต่อมา Band of Rain ลดต่ำลงทางใต้ใน ค.ศ. 1400 ช่วง Little Ice Age (ยุคน้ำแข็งช่วงสั้น) และนับแต่ปี ค.ศ. 2000 Band of Rain ได้ยกตัวสูงขึ้นตามลำดับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>สำรวจข้อมูลย้อนหลังนับพันปี

    แถบฝนเขตร้อน (Tropical rain band) มีตำแหน่งห่อหุ้มโลก เหนือขึ้นไปจากแนวเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยย้ายตำแหน่งไปตามกลไก การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศ (Atmospheric temperature) เกิดเป็นรูปแบบความผันแปรอย่างกว้างขวาง ไปทั่วโลก

    ย้อนไปนับพันปีที่แล้ว แน่นอนไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่การสำรวจพบหลักฐานในอดีต จากดินตะกอนในบึง อายุ 1,200 ปี บนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค แสดงข้อมูลบ่งชี้ว่า Band of Rain มีตำแหน่งที่อยู่ ระหว่าง 3 - 10 องศาละติจูดเหนือ ซึ่งในขณะนั้นเป็นยุค Little Ice age (ยุคน้ำแข็งช่วงสั้น)

    แต่สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาคือ ควันจากภูเขาไฟ การเผาป่าเพื่อการเกษตร ต่อมามีความเจริญมากขึ้น เขม่าควันจากรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรมหนักสารพัด

    จนกระทั่ง โรงงานไฟฟ้าถ่านหิน ฯลฯ กระตุ้นเพิ่มเติม ทั้งหมดค่อยๆสะสมเพิ่มขึ้น ในเวลานับร้อยๆ ปีจากฝีมือมนุษย์เป็นส่วนใหญ่

    แสดงตัวเป็น อนุภาคเล็กๆ (Soot aerosol particles) ขึ้นไปรวมตัวกับเมฆฝนจากกาซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามลำดับตลอด 400 ปี ที่ผ่านมา

    หลังสิ้นยุคของ Little Ice age ใน ค.ศ.1800 เป็นต้นมา จนถึง ค.ศ.2000 จึงได้เห็นภาพหายนะชัดขึ้นใน สถานการณ์โลกร้อน (Climate change) ดังที่ทราบกันดี

    ฤดูฝนหนัก (Heavy rain)
    วันนี้เหตุผลในหลายประเทศ ต้องเผชิญกับอุทกภัย มีปัจจัยหลักคือ โลกเต็มไปด้วยไอน้ำบนท้องฟ้า มีจำนวนไม่น้อยกว่า 11 เท่า ของน้ำในมหาสมุทรบนโลก จากภาวะโลกร้อน กลไกอากาศของโลกได้เปลี่ยนแปลงแปรผันไปอย่างช่วยไม่ได้

    วันหนึ่งข้างหน้า การใช้ชีวิตประจำวัน บ้านอยู่อาศัยต้องเปลี่ยนแปลงไป มีบ้านอยู่ในน้ำ (Mobile Water Home) โดย มนุษย์ต้องเผชิญชาตะกรรมนี้ต่อไปอีกนับร้อยปี

    แม้ว่าประเทศไทย และประเทศแถบเส้นศูนย์อื่นๆ มีฤดูฝนเป็นปกติ เพราะอยู่ในเขตร่องมรสุม แต่ความมากมายของฝนปรากฎขึ้น จนผู้คนเริ่มประหลาดใจ

    ต่อไปคงต้องใช้คำว่า ฤดูฝนหนัก (Heavy rain)ดูเหมือนจะใกล้ความเป็นจริงมากกว่า และต่อไปกลไกอากาศที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จะทำให้ฤดูกาลคลาดเคลื่อน ยุ่งยากในเรื่องการพยากรณ์ยิ่งขึ้น

    หรือตัวอย่างที่เกิดขึ้นหลายทวีปทั่วโลก พากันงุนงง บริเวณที่หิมะไม่เคยตกก็ปรากฎขึ้น บริเวณที่ไม่เคยหนาวก็หนาวมากขึ้น เป็นต้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=300 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=10 width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=25 width=440>
    ฝนในฤดูมรสุม เกิดขึ้นทั่วไปในเขตทะเลอันดามัน กระบี่

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>ชะตากรรมมนุษย์ จาก Band of Rain

    มีความเป็นไปได้สูง โดยนับแต่บัดนี้ ถึง ค.ศ. 2100 ความร้อนของโลกเพิ่มขึ้นตามลำดับ กลไกดังกล่าวลงผลให้ Band of Rain เปลี่ยนตำแหน่งขยับตัวสูงขึ้น ไปทางเหนือที่ เส้นละติจูด 5 องศา

    กรณีดังกล่าว จะทำให้ประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตร ที่เคยอุดมสมบูรณ์จากน้ำฝนเพื่อการเกษตร จะเกิดภาวะแห้งแล้งมากขึ้น

    ส่วนเขตที่ Band of Rain พาดผ่านใหม่ จะมีฝนตกหนักแทนที่

    หมายความว่าแหล่งเกษตรกรรม ที่เคยปลูกพืชเช่น มาเลเชีย อินโดนีเซีย ไทย (ตอนใต้) หรือประเทศอื่นๆ แผ่นดินที่เคยชุ่มชื้นมากก่อน จะเกิดความแห้งแล้งมากขึ้น การเกิดเช่นนี้ จะยกระดับกลไก กระทบแบบลูกโซ่ไปทั่วโลก

    ดังนั้น พื้นที่การเกษตรสำหรับการเพาะปลูก เป็นอาหารของประชากรโลก จะเข้าขั้นวิกฤต อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะพื้นที่เดิม เส้นละติจูดระหว่าง 3-10 องศาเหนือ เขตร่องมรสุมเดิม จะแห้งแล้ง

    พื้นที่ใหม่ ด้านเหนือขึ้นไป อย่างน้อย 550 กิโลเมตร หรือ เส้นละติจูด ระหว่าง 8-15 องศาเหนือของโลก จะมีฝนหนัก เกิดปัญหาการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพใหม่ และกลไกระยะเวลาของฤดูกาลต่างๆ จะเปลี่ยนแปลง จนกะเกณฑ์ไม่ถูก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD class=ecxstyle75 height=283 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 height=25 width=10></TD><TD class=ecxstyle98 bgColor=#333333 height=25 width=440>
    Band of Rain Zone

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=20></TD><TD class=ecxstyle83 width=430>พื้นที่ความน่ากังวลในประเทศไทย

    ผลกระทบจาก Band of Rain สำหรับประเทศไทย คือพื้นที่ เส้นละติจูด ระหว่าง 8-15 องศาเหนือ

    จะครอบคลุมภาคใต้ ตั้งแต่ภูเก็ต ขึ้นไป ถึงภาคเหนือตอนล่าง นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    ที่ราบสูงโคราช ถึง อำนาจเจริญ และ ภาคตะวันออกทั้งหมด รวมอ่าวไทย จนถึง ภาคตะวันตกทั้งหมด

    ดังนั้น กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองหลวงอีกแห่ง ที่เกิดมหกรรมศูนย์รวมน้ำฝน ในอนาคต ทำให้ต้องแก้ไขอย่างไม่รู้จบ

    ซึ่งที่ผ่านมา ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่เพาะปลูกของประเทศไทย เป็นบทเรียนให้เห็นทุกๆ ปี

    ขณะนี้ ลุกลามสร้างความหายนะต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ในลักษณะที่ถี่ขึ้น

    นักวิชาการจำนวนมาก ออกมาเฝ้าเตือน เช่น รายงานผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ในประเทศไทย อย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2550 (Effect of Climate change in Thailand)

    -------------------------------------------------------------------------------
    ตัวอย่างแสดงความกังวล ในความเห็นของ SunflowerCosmos บันทึกไว้ในรายงานผลกระทบการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศในประเทศไทย เมื่อ 20 ธันวาคม 2550 (Effect of Climate change in Thailand) หน้าที่ 3
    ---------------------------------------------------------------------------------
    การตั้งถิ่นฐานเมืองที่ราบสูง ก็ไม่ได้ปลอดภัยจากอุทกภัยได้ หากมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นเมืองที่มีเทือกเขาล้อมรอบใกล้ๆ

    หากปริมาณน้ำมาก ซึ่งเกิดจากฝนขนาดใหญ่ ตกติดต่อหลายวัน อาจทำให้ดินอ่อนตัวทรุดตัวลงได้ นอกจากปัญหาน้ำหลากเข้าท่วมเมือง

    ทั้งนี้ ผู้คนมักไม่ทราบว่า บนเทือกเขาเหล่านั้น มีแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่

    เมื่อน้ำเต็ม ทำให้มีแรงดันก้อนหินหลุดออกจากแอ่งที่เก็บน้ำ ทำให้น้ำทะลักแบบทันทีทันใด สู่ที่ราบต่ำ ด้วยความแรง สามารถทำลายสิ่งกีดขวางทางน้ำ ได้อย่างใหญ่หลวง

    โดยเฉพาะ การตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ลุ่ม ริมปากอ่าว ริมแม่น้ำขนาดใหญ่

    รวมถึง ตามแนวชายฝั่งทะเล และบนเกาะขนาดเล็กในประเทศไทย จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรัดกุม ถึงเรื่องธรณีวิทยาแต่ละพื้นที่

    นอกจากนั้น สิ่งที่อาจเกิดขึ้น จากสภาพการเปลี่ยนแปลง กรณีที่รุนแรง จากระบบสนามแม่เหล็กโลก ปรับสภาพตนเองเร็วกว่าปกติ

    เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ในภาคพื้นนั้น

    สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเตือนภัย หรือบอกได้ล่วงหน้านานๆ เพียงบอกได้ในระยะกระชั้นชิด เป็นปัญหาอันตรายสูง ต่อสังคมมนุษย์ อาจอพยพไม่ทันท่วงที่

    --------------------------------------------------------------------------------

    เพราะต่อไป จะไม่มีเพียงน้ำท่วมเท่านั้น จะเกิดเหตุลดทอนความผาสุกอื่นๆ จากกลไกอากาศเปลี่ยนแปลง อีกมากมาย และจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวง ต่อด้านเศรษฐกิจทุกรูป แบบ เพราะพื้นที่จะถูกน้ำท่วม ทำให้ขาดโอกาสใช้สอย

    สิ่งที่จะเกิดขึ้น จำต้องใช้แบบสถานการณ์จำลอง ช่วยวิเคราะห์เพื่อให้เห็นภาพชัด

    เชื่อว่าอีกไม่นาน คงทราบคำตอบว่า Band of Rain นั้น มีความน่าตกใจเพียงใด

    วันนี้ นักวิชาการ ทราบดีว่า การกู้สถานการณ์โลกกลับคืนมานั้น แทบเป็นไปไม่ได้ คงต้องใช้เวลานับพันปี

    แต่สามารถชะลอความโหดร้ายของธรรมชาติได้ ถ้าผู้คนส่วนใหญ่บนโลก มีจิตสำนึกที่รับผิดชอบ ต่อธรรมชาติมากขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD height=10 width=450>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=50></TD><TD class=ecxstyle100 width=400>
    References:


    Science@NASA

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD width=450><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD class=ecxstyle100 width=400>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=10 width=450></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  7. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    แถบเมฆฝนใหญ่ น่าสนใจนะ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติรูปแบบใหม่ ของยุคภัยพิบัติ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่คนโบราณร้องเป็นเพลงว่า โยกเยกเอย น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว สงสัยจะได้เห็นจริงละนะ

    [​IMG]

    เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าวันไหนๆ ฟ้าก็ฉ่ำน้ำตลอดๆ แล้วน้ำจะไม่ท่วมได้ไง

    [​IMG]

    เรือนแพจะกลับมาฮิตอีก

    [​IMG]

    ร่มกับเสื้อกันฝนจะกลายเป็นแฟชั่น เพราะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จับตาราคาน้ำมัน,ราคาทองคำ,และหลุมยุบ !!!

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อริยะบุญ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4653707", true); </SCRIPT> สมาชิก

    “เห็นอะไรอีกครับ”
    “น้ำท่วมครับ ตุ้ยเห็นแต่น้ำเยอะมาก ฝนตกทั้งวันทั้งคืน เออ...พ่อ มันมีหลุมด้วยนะ ตุ้ยเห็นหลุมขนาดใหญ่ ๓ หลุม”
    “หลุมอะไรลูก”
    “มันเป็นหลุมที่ดินยุบลงไปจากพื้นดินปกติ พ่อมีถนนสาย ๓ ไม๊”
    “ ไม่รู้ครับ กรุงเทพฯมีถนนเป็นร้อยเป็นพันสาย”
    “พ่อ สาย ๓”
    “อะไรครับ สาย ๓”
    “หลุมมันเกิดตรงนั้น”
    “ ขนาดเท่าไหนลูก”“ พ่อ มันขนาดไม่เท่ากันนะ มีหลุมเล็ก หลุมกลาง แล้วก็หลุมใหญ่ ใหญ่มากๆนะพ่อ สงสัยที่ตุ้ยเห็นแผนดินไหวมันคงเกี่ยวกับหลุมพวกนี้แหละ”

    ถนนสาย ๓ มันที่ไหนว่า ในกรุงเทพฯ แล้วไอ้หลุมที่ว่านี่ สงสัยมันจะเหมือนที่ออกตามข่าว ที่เรียก หลุมยุบแน่ๆ

    01-05-2011, 03:58 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/อนาคตังสญาณ-เพื่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติในประเทศไทย.288061/page-52#post4653707

    [​IMG]

    เมื่อวันเสาร์ได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์รัตน์ ได้มีโอกาสสนทนาและท่านได้เมตตาตอบคำถามที่พวกเราถามกัน ​

    ท่านบอกว่า ท่านเคยบอกลูกศิษย์ของท่านไว้ตั้งแต่ทองบาทละ 4,200 บาท ให้เก็บทองไว้ เพราะทองจะขึ้นถึง สองหมื่น และเมื่อทองแตะสองหมื่น คือ จะมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น ท่านบอกว่าตอนนี้ทองแตะสองหมื่นหรือยัง? เห็นไหมมันมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างในหลายประเทศ แล้วท่านก็ถามว่าทองแตะสองหมื่นเมื่อไหร่ เลยตอบท่านว่าประมาณต้นปี (นี่คือจุดเริ่มแล้ว)

    แล้วท่านเสริมว่าให้ดูราคาน้ำมันนะ เป็นอีกจุดสังเกตหนึ่ง คือ ถ้าราคาน้ำมันไปแตะที่ 150 ดอลล่าร์/บาร์เรล ตอนนั้นเศรษฐกิจโลกจะพังคลืน ให้จับตาดูไว้ จะได้ไหวตัวทัน

    ถามท่านว่า แล้วพระอาจารย์คิดว่า เมืองไทยจะเกิดภัยจากสงคราม(ทะเลาะกัน) หรือภัยพิบัติจะมาก่อน ท่านบอกว่า อาตมาคิดว่ามันมาพร้อมกัน คือ มีสองฝ่ายทะเลาะกันอย่างแรง แต่ฝ่ายหนึ่งคิดว่าตัวเองกำลังชนะ ยื้อกันไปมา แล้วอีกแป๊ป แผ่นดินยุบลงไป คนลงไปตาย ที่เหลือเห็นด้งนั้นเลิกทะเลาะกันทันที กลับตัวได้

    แล้วท่านก็เสริมว่า อาตมาก็คิดๆ นะว่า คนกรุงเทพเค้าก็ทำบุญกันมาเยอะ บุญจะไม่ช่วยเค้าเชียวหรือ แล้วท่านก็เห็นว่าถึงแม้จะมีกรรมแต่ก็มีบุญดีที่มาช่วยคือ เช่น ถ้าน้ำจะท่วมกรุงเทพถาวร จะมีของเทียมมาก่อน เช่น จะมีน้ำท่วมหลอกๆ ขังไว้ระยะหนึ่งแล้วลด แล้วคนกรุงเทพจะรู้ว่า อือ อยู่ไม่ได้แล้วนะ ต้องเตรียมอพยพ แล้วของจริงจึงจะตามมา

    เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
    1 ธันวาคม 2553

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ภัยพิบัติใหญ่-ภัยที่เรา-ไม่-อาจหลีกเลี่ยงได้.301507/

    แผ่นดินใต้กรุงเทพอันตราย! ตามหลักการแพร่ ดินใต้ทะเลส่วนของ กรุงเทพฯ จึงถูกน้ำทะเล ซึมเซาะเข้ามา อาจก่อให้เกิด "โพรง" ได้ ...

    ที่มา แผ่นดินใต้กรุงเทพอันตราย! - PaLungJit.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  9. apichart ww2

    apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +439
    ขออนุญาติครับ มีรายงานหน้าชั้น เรื่อง "คุณแม่ของฉัน"

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ye7G2_PuT2s]เรียงความเรื่องแม่ - YouTube[/ame]
     
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> อนาถ!สุนัขเบียดกันตาย-เหม็นคละคลุ้ง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ตำรวจ สภ.นาทม รวบคนขับรถพร้อมพวก หลังบรรทุกสุนัขกว่า 2,000 ตัว หนีการไล่ล่า สลดสุนัขเบียดกันตาย-เหม็นคละคลุ้ง


    12 ส.ค.54 ร.ต.อ.ประวัติ พลสุวรรณ พงส.(สบ 1) สภ.นาทม เจ้าของคดีนำสุนัขของกลาง 56 กรง จำนวน 560 ตัว นำส่งไว้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม หลังจับกุมได้ที่ถนนลูกรัง บ.นาหนองหวาย-เชื่อมกับบ้านคำแม่นาง ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม เมื่อเวลา 17.30 น.ของวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมผู้ต้องหา 2 รายคือ นายมนตรี พันกลาง วัย 37 ปี คนขับรถบรรทุก 6 ล้อยี่ห้ออีซุซู ทะเบียน 80-6335 นครพนม บรรทุกสุนัขเต็มคัน และนายตรั่น วันหาย อายุ 35 ปี คนคัดขนาดหมาชาวเวียดนาม หลังพากันถีบกรงสุนัขหล่นเรี่ยราดตามทาง ได้รับบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เห่าหอนส่งเสียงดัง เป็นที่น่าเวทนา ส่วนอีก 2 คน อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา
    <!-- inside news --><!-- Insidenews -->

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงสุนัขทั้งหมดลงจากรถ ก่อนคัดแยกตัวที่ตายหลังแออัดยัดเหยียด ส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้ง จากนั้นจึงนำไปกักขังไว้ในกรงขนาดใหญ่ เพื่อรอตรวจโรคและฉีดยากันโรคพิษสุนัขตามขั้นตอนต่อไป

    นายมนตรี พันกลาง วัย 37 ปี คนขับรถ 6 ล้อ กล่าวว่า ตนขับรถบรรทุกหมาออกจาก ต.ท่าแร่ สกลนคร ผ่าน อ.นาหว้าและ อ.ศรีสงคราม

    ลัดเลาะไปตามถนนในหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจ ระหว่างทางถูกเจ้าหน้าที่ขับรถติดตามไล่ล่า จึงช่วยกันถีบกรงสุนัขทั้งหมดลงจากรถเพื่อหวังให้ขวางทางกันเจ้าหน้าที่ไว้ เพื่อเปิดเส้นทางหนี แต่หนีไม่พ้นถูกล้อมจับได้ในที่สุด โดยสุนัขทั้งหมดจะนำส่งลงเรือที่ริมฝั่งโขงบริเวณ บ้านท่าลาด อ.บ้านแพง ก่อนนำข้ามโขงไปลาว และส่งต่อปลายทางไปยังประเทศเวียดนามต่อไป


    "มีรถขนสุนัขวิ่งตามติดมาอีกสามคันขณะถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม รถที่ตนขับเกิดติดหล่ม นายตรั่นและตนได้ช่วยกันถีบกรงสุนัขออกจากตัวรถและปล่อยสุนัขออกจากกรง ด้วยเกรงว่าจะเป็นของกลางในคดี โดยได้ปล่อยสุนัขไปกว่า 50 กรง รวมแล้วประมาณ 500 กว่าตัว ออกจากกรงวิ่งเตลิดหนีเข้าป่าและสวนยาง บริเวณ บ.นาหนองหวาย ต.สามผง อ.ศรีคราม" นายมนตรี กล่าว


    ร.ต.อ.ประวัติ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ได้นำสุนัขทั้งหมดและรถของกลาง ส่งด่านกักกันสัตว์

    โดยมีสุนัขจำนวนมากได้รับบาดเจ็บและตาย โดยต้องรอตรวจสอบจำนวนที่ตายอีกครั้งหนึ่งที่ปลายทาง ซึ่งประจวบกับเป็นช่วงวันหยุดราชการ จึงนำส่งฟ้องศาลยังไม่ได้ ต้องรอให้เปิดทำการ จึงได้ส่งสุนัขทั้งหมดให้ด่านกักกันสัตว์ดูแลรักษาตามระเบียบต่อไป ส่วนรถบรรทุกสุนัขอีก 3 คัน ทราบว่าผู้ต้องหาทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปได้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ สภ.ศรีสงคราม ตรวจยึดรถและกรงสุนัขของกลางไว้ได้อีกกว่า 2,000 ตัว


    อย่างไรก็ตาม หลังเจ้าหน้าที่นำกำลังติดตามรถบรรทุกสุนัขมาถึงจุดเกิดเหตุ พบกรงสุนัขหล่นข้างทางเรี่ยราด เห็นแล้วน่าเวทนา สลดหดหู่

    ถูกขังในกรง 10-12 ตัว แออัดยัดเยียดกันอยู่ในกรงแคบ ๆ บางตัวถูกทับจนเยี่ยวและอุจจาระแตก ขนหลุดลุ่ยส่งกลิ่นเหม็นแทบอาเจียนหลายตัวแน่นึ่ง ก่อนช่วยกันขนกรงสุนัขขึ้นรถนำกลับโรงพักเพื่อบันทึกการตรวจนับก่อน นำส่งด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศที่บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม


    ด้านนายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หน.ด่านกักกันสัตว์นครพนม กล่าวว่า

    ได้เตรียมคอกขนาดใหญ่ไว้เพื่อกักสุนัขทั้งหมดไว้ที่ด่านจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ระหว่างนี้มีอาหารสุนัขจากกรมปศุสัตว์ที่นำมาไว้สำรองฉุกเฉินเพียง 49 กระสอบ กระสอบละ 10 กิโลกรัม อาจจะไม่เพียงพอเพราะสุนัขจะกินอาหารประมาณ 4 กรัมต่อตัวต่อวัน จึงขอให้ผู้มีจิตเมตตาสงสารและรักสุนัข ช่วยกันบริจาคอาหารสุนัข ได้ที่โทร.04-252-2591, 08-1872-3515 และหากใครคิดว่าสุนัขหาย ให้มาดูและรับได้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม ในวันเวลาราชการ



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ยุ่นผวาแผ่นดินไหวซ้ำ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    แผ่นดินไหวซ้ำที่ญี่ปุ่น 5.9 ริกเตอร์ ยังไม่มีรายงานความเสียหาย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยันปลอดภัย


    เมื่อวันที่ 12 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 5.9 ริกเตอร์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและคลื่นสึนามิพัดถล่มเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ และ ประกาศเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด โดยสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.22 น.ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 01.22 น.วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย
    โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 38 กม.และห่าง 18 กม.จากเมืองอิวากิในจังหวัดฟูกูชิมะ ซึ่งเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ระเบิดอันเนื่องจากแผ่นดินไหวและสึนามิ แต่ทางบริษัทโตเกียว อีเลคตริค เพาเวอร์ ผู้ดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะ ไดอิจิ แจ้งว่า ไม่มีรายงานความเสียหายหรือปัญหาแต่อย่างใด จากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นแจ้งว่า วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.0 ริกเตอร์ และ จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 50 กม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ชาวบ้านโวย โคโยตี้สาวนุ่งสั้น เต้นท่าอนาจารกลางงานบุญถวายสลากภัต ในวัดโพธิ์ลอย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเวทีตั้งอยู่ในเขตวัด ติดกับอุโบสถและกุฏิพระ
    ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า งานดังกล่าวเป็นงานประเพณีถวายสลากภัตหาบ ของวัดโพธิ์ลอย ต.หนองกะปุ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งภายในงานมีการนำวงดนตรีมาแสดง แต่วงดนตรีดังกล่าวนำสาวนุ่งน้อยห่มน้อย มาเต้นยั่วยวนด้วยกริยาที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นงานที่จัดขึ้นภายในวัด ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    ด้านนายสมนึก ดีหะสิงห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ถ้าผลตรวจสอบพบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะนำเสนอเรื่องไปที่พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ โดยอาจลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาส ให้คอยควบคุมดูแลความเป็นไปของวัดให้มากขึ้น
    ขอบคุณภาพจากข่าวสด
    Mthai News

    [​IMG]
    รายงานข่าวแจ้งว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรับมนตรีเศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันจัดทำร่างนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล และนำนโยบายมาจัดเรียลำดับก่อนหลัง ซึ่งนโยบายที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่
    1. การลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาน้ำมันในประเทศปรับลดลงทันที เป็นการลดค่าครองชีพให้ประชาชนในเบื้องต้น คาดเริ่มได้ ก.ย. นี้
    2.นโยบายการจำนำข้าว จำเป็นต้องทำให้ทันกับฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน พ.ย. โดยขณะนี้ก็ต้องเริ่มกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปก่อน เพื่อให้พร้อมรองรับการจำนำได้ทันที
    3.นโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่ในเบื้องต้นจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ถึงผลดีระยะยาวในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทั้งจะมีการแก้กฎหมายเพื่อลดภาษีนิติบุคคลเหลือร้อยละ 23 บรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการ เช่นเดียวกับการกำหนดเงินเดือนให้กับคนจบปริญญาตรี 15,000 บาท ซึ่งจะมีผลต่อการปรับเงินเดือนทั้งระบบ ทั้งภาครัฐและเอกชน
    ทั้งนี้ หากร่างนโยบายเรียบร้อยแล้ว จะนำส่งไปยังพรรคร่วมรัฐบาล และหารือร่วมกันอีกครั้ง อย่างช้าวันที่ 15 ส.ค.
    ด้านนาย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า นโยบายชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น เป็นนโยบายระยะสั้นใช้ไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดวามเดือดร้อนของประชาชนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทดแทน หรือแก๊สโซฮอล์แน่นอน
    Mthai News



     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำเตือน...ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล !!!

    [​IMG]

    คำเตือนของบะฮ์มะนีต่อตะวันตกในการให้สัมภาษณ์กับวอชิงตันไทมส์ หากไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ประธานธนาคารกลางเตือนว่า หากการคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจต่ออิหร่านยังไม่ถูกยกเลิกโดยเร็วแล้ว ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามการรายงานของฝ่ายข่าวเศรษฐกิจระหว่างประเทศของสำนักข่าวฟาร์ซ ประธานธนาคารกลางของอิหร่านในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อเมริกัน Washington Times ได้เตือนว่าหาก​​การคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจต่ออิหร่านยังไม่ถูกยกเลิกโดยเร็วแล้ว ราคาน้ำมันโลกจะเพิ่มสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นาย Mahmoud Bahmani ซึ่งล่าสุด นี้ได้เดินทางไปยังวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก เขาได้กล่าวเสริมว่า ประเทศอิหร่านนั้นสามารถจะส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงของโลก ถ้าหากการคว่ำบาตรต่ออิหร่านยังไม่ถูกยกเลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว่ำบาตรต่างๆ ทางด้านการธนาคารและการคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมากและจะขยายตัวไป สูงกว่า 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นายบะฮ์มะนี ถือว่าความพยายามของสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะกล่าวหาธนาคารกลางของอิหร่านว่า เป็นผู้สนับสนุนทางด้านการเงินแก่บรรดาผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นเรื่องไร้เหตุผล เขากล่าวว่า อิหร่านนั้นตั้งอยู่ในระดับประเทศที่มีมาตรฐานสูงสุดในการปราบปรามการฟอกเงินและการก่อการร้ายทางด้านการเงิน บะฮ์มะนี ยังได้เน้นย้ำอีกว่า มาตรการการคว่ำบาตรต่างๆ ทางด้านการเงินที่ถูกกำหนดขึ้นต่อบรรดาธนาคารของประเทศอิหร่านนั้น ไม่อาจส่งผลกระทบใดๆ ต่อกระแสการเงินในประเทศอิหร่านได้เลย เขาได้ชี้ถึงเศรษฐกิจของอิหร่านโดยกล่าวว่า เรามีความแข็งแกร่งกว่าอดีตที่ผ่านมา

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top width="70%" colSpan=2>Written by ทีมงาน Sahibzaman.com</TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Tuesday, 19 April 2011 07:30 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา www.farsnew.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1040053.jpg
      A1040053.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.6 KB
      เปิดดู:
      2,294
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2011
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <CENTER>วิกฤติเศรษฐกิจโลกเกิดมาจากอะไร?</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

    ในปัจจุบันโลกกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก ผู้คนในแต่ละประเทศจำนวนมากตกงาน ไม่มีงานทำ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ผู้คนที่ตกงานเหล่านี้ต้องประสบกับความเดือดร้อน เพราะไม่มีเงินมาใช้ซื้อหาแม้ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว บางคนไม่มีอาหารกินต้องไปรับแจกอาหารจากทางราชการหรือจากผู้ใจบุญที่มาช่วยเหลือ บางคนไม่มีที่อยู่อาศัยต้องไปกางเต็นท์นอนตามพื้นที่รกร้างว่างเปล่า และบางคนก็ลักขโมย จี้ปล้นหรือกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีวิต จนเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายขึ้นมาในสังคมในที่สุด

    ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำนี้เกิดขึ้นมาจากกอะไร?

    วิกฤติเศรษฐกิจโลกนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ผู้คนจำนวนมากที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตกงาน ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ล้วนผลิตสิ่งที่ฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น เช่น รถยนต์ เครื่องแต่งตัว เครื่องประดับ เครื่องเล่นต่างๆ อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น ซึ่งนี่แสดงถึงว่ามนุษย์นั้นมีความเห็นผิดอย่างมหันต์ ที่ไปลุ่มหลงสิ่งฟุ่มเฟือยกันมากเกินไป หรือเห็นว่าสิ่งฟุ่มเฟือยนั้นมีความจำเป็นมากกว่าสิ่งจำเป็นแก่ชีวิตจริงๆ

    เราต้องเข้าใจว่าสิ่งที่จำเป็นแก่ชีวิตอันได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ที่เรียกว่าปัจจัย ๔ นี้ โดยธรรมชาติแล้ว ถ้ามนุษย์ส่วนมากของโลกสามารถผลิตขึ้นได้ด้วยตัวเอง ก็จะไม่ทำให้เกิดความอดอยากขาดแคลนหรือความเดือดร้อนขึ้นมาได้ ซึ่งการผลิตปัจจัย ๔ นี้เราจะเรียกว่าเป็น “เกษตรกรรม” เพราะมีการเพาะปลูกเป็นพื้นฐาน เช่น ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ประมง เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรรมนี้เองที่เป็นรากฐานให้อุตสาหกรรมตั้งอยู่ได้ เพราะผู้คนจำเป็นต้องกินต้องใช้ เมื่อเหลือกินเหลือใช้จึงจะไปซื้อหาสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือสิ่งฟุ่มเฟือยของอุตสาหกรรมมาเสพ ถ้าเกษตรกรรมมั่นคงอุตสาหกรรมก็ตั้งอยู่ได้ แต่ถ้าเกษตรกรรมล่มสลาย อุตสาหกรรมก็ย่อมจะล่มสลายตามไปด้วยทันที

    เกษตรกรรมนั้นจะเป็นการผลิตในระดับครอบครัวหรือสังคมเล็กๆ และใช้สอยกันเฉพาะภายในครอบครัวหรือในสังคมเล็กๆเสียเป็นส่วนใหญ่ การค้าขายก็ทำแบบแลกเปลี่ยนสินค้าหรือช่วยเหลือกัน ซึ่งก็ทำแบบเอื้ออารีต่อกันจึงทำให้สังคมมีความยั่งยืนมั่นคง ไม่ได้ทำแบบเพื่อให้เกิดความร่ำรวยอย่างอุตสาหกรรม ที่ทำให้คนเห็นแก่ตัวแล้วก็กอบโกยแข่งขันแย่งชิงกันเพื่อความร่ำรวย จนทำให้เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาในที่สุด

    เกษตรกรรมนั้นจะเอื้อแก่ธรรมชาติ เพราะเกษตรกรรมจะช่วยส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมหรือธรรมชาติดีขึ้น คือดินดี น้ำดี อากาศดี อุณหภูมิดี แต่อุตสาหกรรมกลับทำลายสภาพแวดล้อมหรือทำลายธรรมชาติ อันได้แก่ป่าไม้ ภูเขา ทะเลเสียหาย แล้วก็ทำให้ดินเสีย น้ำเสีย อากาศเสีย และโลกร้อนขึ้น อีกทั้งยังสร้างมลพิษให้แก่มนุษย์ขึ้นมาอีก เช่น ขยะพิษ สารเคมีเป็นพิษ โรคระบาดร้ายแรง เป็นต้น

    เมื่ออุตสาหกรรมเจริญ สภาพแวดล้อมก็เสียหายหนัก ก็ส่งผลให้เกษตรกรรมเดือดร้อน คือการทำเกษตรไม่ได้ผล เพราะไม่มีที่ดินที่เหมาะสมทำกิน ไม่มีน้ำมาใช้ในการเพาะปลูก อากาศเสียและอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็ทำให้การเพาะปลูกไม่ได้ผล ผู้คนในภาคการเกษตรส่วนใหญ่ก็เลยจำเป็นต้องละทิ้งการเกษตรแล้วหันเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมแทน แต่เมื่ออุตสาหกรรมล่มสลาย ผู้คนเหล่านี้ก็ลอยเคว้งคว้าง เพราะจะกลับไปสู่ภาคเกษตรกรรมก็ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ทำกินบ้าง หรือมีก็ทำกินไม่ได้เพราะภัยแล้งบ้าง หรือทำกินได้แต่ต้องเป็นหนี้จนสิ้นเนื้อประดาตัวก็มี แต่เมื่อจะเดินหน้าต่อในอุตสาหกรรมก็ไม่มีใครจ้าง ซึ่งสภาพแบบนี้มีให้เห็นอยู่ในทุกประเทศที่ละทิ้งเกษตรกรรมแล้วมุ่งเดินสู่อุตสาหกรรมอย่างไม่ลืมหูลืมตา

    ในสังคมโลกปัจจุบันที่มนุษย์ส่วนใหญ่มีแต่ความเห็นแก่ตัว และมีแต่การเอารัดเอาเปรียบหรือเบียดเบียนกันในรูปแบบต่างๆนี้ ถ้าใครโง่และยากจนก็จะถูกครอบงำทันที ซึ่งเกษตรกรก็จะอยู่ในจำพวกนี้ ดังนั้นเกษตรกรของโลกจึงค่อยๆล่มสลาย และอุตสาหกรรมที่กำลังจะล่มสลายก็จะยิ่งช่วยให้โลกมีวิกฤติต่างๆเร็วขึ้น การแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็คือเราทุกคนต้องพยายามช่วยกันลดอุตสาหกรรมลงให้มากที่สุด แล้วเพิ่มเกษตรกรรมให้มากขึ้น หรือพยายามลดละสิ่งฟุ่มเฟือยลง แล้วหันมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างที่บรรพบุรุษของเราเคยกระทำกันมาก่อน และมีชีวิตที่สงบสุขกันมาก่อน

    แต่ใครเล่าจะยอมลดละสิ่งฟุ่มเฟือย แล้วหันมาอยู่อย่างเรียบง่ายที่ดูว่ายากจนต่ำต้อย เพราะใครๆก็ต่าง “เห็นแก่ตัว” ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าให้เราลดละฝ่ายเดียว แต่คนอื่นไม่ยอมลดละ เขาก็อาจจะมาเบียดเบียนเราได้ จึงทำให้ไม่มีใครยอมลดละกันเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงต้องรอให้ธรรมชาติหรือพระเจ้าลงโทษ คือทุกคนต้องประสบกับหายนะหรือความพินาศร่วมกันอย่างเสมอหน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

    แต่ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ยกเว้นแต่ว่าเราจะเดินทางนี้กันหรือไม่เท่านั้น ซึ่งหนทางนั้นก็คือ “การหันมาพยายามลดละความเห็นแก่ตัวของเราทุกคนลง” เมื่อผู้คนไม่เห็นแก่ตัว เขาก็จะลดละความฟุ่มเฟือยลงได้เอง แล้วอุตสาหกรรมก็จะลดลง เกษตรกรรมก็จะเพิ่มขึ้น สังคมก็จะสงบสุข โลกก็จะมีสันติภาพ

    ส่วนวิธีการลดละความเห็นแก่ตัวนั้นก็ต้องอาศัยความรู้ และความเข้าใจถึงความจริงแท้ของธรรมชาติว่า “แท้จริงแล้วมนุษย์ทุกคนในโลกคือคนๆเดียวกัน” เมื่อมนุษย์เข้าใจจุดนี้แล้วเขาก็จะรักเพื่อนมนุษย์ทุกคนโดยเสมอหน้าเหมือนกับรักตัวเอง และความเห็นแก่ตัวก็จะลดลงได้เองโดยอัตโนมัติ

    การศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าเราทุกคนคือคนๆเดียวกันนั้น เราก็ต้องอาศัยเหตุผลที่สมเหตุสมผลมาวิเคราะห์ และอาศัยความจริงของธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงๆ ที่เราทุกคนสามารถพบเห็นได้จริงมายืนยัน โดยไม่เอาความเชื่อต่างๆที่เราเคยมีอยู่ก่อนมาขัดขวางการคิดวิเคราะห์นี้

    การศึกษานี้ก็คือการพิจารณาถึงความจริงที่ว่า เมื่อมนุษย์ทุกคนเกิดมาใหม่ๆนั้น จิตของทุกคนจะว่างเปล่า หรือบริสุทธิ์เหมือนกันหมดทุกคน คือจะไม่มีความทรงจำหรือความคิด หรือความยึดถือว่าเป็นตัวตนของใครๆทั้งสิ้น ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วทุกๆจิตจะเหมือนกันหมด หรือบริสุทธิ์เหมือนคนๆเดียวกันนั่นเอง แต่ต่อมาจิตทั้งหลายที่บริสุทธิ์นี้ได้มีการรับรู้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน และไม่มีสติปัญญามาระวังเพราะไม่มีใครมาสอนความจริงให้รู้ จึงได้เกิดเป็นจิตที่แตกต่างกันขึ้นในภายหลัง เช่น เป็นคนชื่นนั้นนามสกุลนี้ อยู่ประเทศนี้ พูดภาษานี้ เป็นหญิงหรือเป็นชาย เป็นคนโง่หรือคนฉลาด เป็นคนดีหรือคนชั่ว เป็นต้น ซึ่งนี่คือความจริงที่เป็นอยู่จริงที่เราทุกคนสามารถพบเห็นได้จริงโดยไม่มีใครจะโต้แย้งได้

    แต่ถ้าเราจะศึกษาให้ลึกเข้าไปอีกเราก็จะพบความจริงสูงสุดที่ว่า “แท้จริงมันไม่มีเราอยู่จริง” คือตามหลักความจริงพื้นฐานของธรรมชาติแล้วเราจะพบว่า ทุกสิ่งต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุ คืออะไรๆก็ต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นมาได้โดยไม่อาศัยเหตุ ดังนั้นก็แสดงให้เราเข้าใจได้ทันทีว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในโลกหรือนอกโลกก็ตาม ล้วนจะหาสิ่งที่จะเป็นตัวตนที่แท้จริง (หรือถาวร หรือเป็นอมตะ) ไม่มี จะมีก็เพียงตัวตนมายาหรือตัวตนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งทั้งร่างกายและจิตใจของมนุษย์ทุกคนก็ล้วนตกอยู่ในลักษณะเช่นนี้ทั้งสิ้น คือไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย และเมื่อเราเข้าใจถึงความจริงสูงสุดนี้แล้ว ก็จะยิ่งทำให้เรา(ตามที่สมมติเรียก)มีความเห็นแก่ตัวลดน้อยลง อีกทั้งยังส่งเสริมให้เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนคือคนๆเดียวกันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

    สรุปได้ว่า ถ้ามนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า “มนุษย์ทุกคนในโลกคือคนๆเดียวกัน” และ “แท้จริงมันไม่มีเราและใครๆอยู่จริง” ก็จะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่ต้นเหตุของมันทันที เมื่อต้นเหตุของมันถูกทำลาย ปัญหาก็จะหายไปได้เอง จึงขอฝากให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายมาช่วยกันศึกษาเรื่อง “ทุกคนคือคนๆเดียวกัน” และ “ไม่มีเรา” นี้ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง แล้วช่วยกันเผยแพร่แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อกอบกู้โลกให้พ้นจากวิกฤติแล้วกลับมามีสันติภาพที่ยั่งยืนกันต่อไป.

    เตชปญฺโญ ภิกขุ
    ๑๔ มี.ค. ๒๕๕๒
    อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี

    (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2011
  14. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    อืม ... ก็ต้องมีการตักเตือนบ้าง เพื่อเป็นตัวอย่าง วัดอื่นๆ โลกติเตียน
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อะไรๆ มันก็ไม่แน่ไม่นอน...

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tossapornk<!-- google_ad_section_end --> สมาชิก

    อะไรๆ มันก็ไม่แน่ไม่นอนหรอกครับ...

    ในช่วงเวลานี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างคอนโทรลโลกใบนี้อยู่ เขาไม่ยอมให้ USA ทำอะไรๆตามใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วครับ USA กำลังอยู่ในช่วงอันตราย เพราะจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อเบี้ยวหนี้ ก็ทำไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด มีเหตุปัจจัยบางอย่างซึ่งอยู่เหนือการคาดหมายอย่างเราๆท่านๆ เงินดอลล่าร์อาจะไม่มีค่าอีกต่อไปก็จริง แต่ระบบเงินตราของไทยยังคงประคองตัวได้เพราะเรามีทองคำสำรองช่วย และที่สำคัญเรามีสินค้าเกษตรที่ทั่วโลกต้องการครับ ผมเคยได้ยินว่าต่อไปเงินดอลล่าร์มีค่าไม่ถึงบาท

    อย่างที่ผมกล่าวไว้ว่า เหมือนมีอะไรบางอย่างคอนโทรลโลกใบนี้อยู่ ใจเย็นๆกันเข้าไว้ครับ ช่วยกันสวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิกันให้มากๆ แล้วคนไทยจะรอดกันเยอะครับ ปลายปีอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ<!-- google_ad_section_end -->

    13-08-2011, 11:49 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/นิทานในนิตรฝันอันจะเกิดแก่คนทั้งโลกปัจจุบัน.301646/<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4991050", true); </SCRIPT>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • globe2.jpg
      globe2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      1,792
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โรคหูดับสายพันธุ์ใหม่ ทำคนตายแล้ว 4 คาดกินเนื้อหมูดิบ

    [​IMG]

    รายงานข่าวแจ้งว่า น.พ.ศิริชัย ภัทรนุภาพร นายแพทย์สาธารณสุขลำปาง เปิดเผยว่าที่ จ.ลำปาง ได้พบผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย เป็นชายอายุประมาณ 60-70 ปี

    ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นเกิดจาก โรคหูดับสายพันธุ์ใหม่ โดยเชื้อโรค สเตป โต คอก อัทซู อิท อี ควายน์ ที่เพิ่งตรวจพบเจอเชื้อโรคชนิดนี้ครั้งแรกที่ จ.ลำปาง ส่วนเชื้อโรคใหม่นี้มีความคล้ายคลึงกับโรคหูดับแบบเก่า หรือ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส

    อาการของโรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่
    โดยเชื้อตัวใหม่นี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ระหว่าง 60-70 ปีขึ้นไป
    โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ขึ้นสูง ปวดหัวเข่าอย่างรุนแรง จากนั้นเชื้อโรคจะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด จนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด

    สาเหตุโรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่
    คาดว่าเกิดจากการบริโภคเนื้อหมูดิบ เลือดดิบ และเครื่องในหมูดิบ

    ที่มา โรคหูดับ พบ โรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่ที่ ลำปาง ตายแล้ว 4

    *****************************************************
    กินเนื้อสัตว์ดิบ อันตรายถึงตาย

    เขียนโดย กลุ่มงานสุขศึกษา
    วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2011 เวลา 16:19 น

    การกินอาหารปรุงดิบ จำพวกลาบหรือหลู้ ที่ทำจากเนื้อหมูดิบซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมที่มีรสชาติถูกปากผู้บริโภคทางภาคเหนือ โดยมักผสมเลือดหมูสดหรือบางครั้งใช้เนื้อวัว ควาย หลายคนบอกว่ารสชาติอร่อยมากกว่าเนื้อสุก แต่อาหารชนิดนี้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิตผู้บริโภคอย่างคาดไม่ถึง เพราะในอาหารดังกล่าวพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อพยาธิอื่น ๆ ปนเปื้อนอยู่ด้วย ตามที่มีตัวอย่างการเสียชีวิตจากการกินเนื้อสัตว์ดิบให้เห็นเป็นระยะ ๆ อยู่นั้น ในลำปางเองเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีข่าวที่มีจำนวนผู้เจ็บป่วยหลักสิบและจำนวนผู้เสียชีวิตหลายรายที่เอาชีวิตไปแลกกับความอร่อยปลายลิ้นชั่วครู่ ซึ่งถือว่าไม่คุ้ม เป็นการใช้ชีวิตที่เรียกได้ว่าประมาททีเดียวค่ะ
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    การกินเนื้อสัตว์ดิบรวมถึงเนื้อทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู วัว ควาย สัตว์ป่า รวมทั้งเนื้อปลาน้ำจืด กุ้ง ปลาดิบ อาหารที่หมักดองจำพวกแหนม ปลาจ่อม ปลาส้ม อาหารทะเลกึ่งสุกกึ่งดิบ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น โรคพยาธิทางเดินอาหาร พยาธิใบไม้ตับ พยาธิขึ้นสมอง มะเร็งท่อน้ำดี แบคทีเรียที่ร้ายแรงทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีไข้สูงปวดศีรษะ อาเจียน หูดับอย่างถาวร สายตาพร่ามัว ชักกระตุก เป็นอัมพาต บางรายอาจมีเยื่อบุหัวใจ / ปอดอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด โรคระบบทางเดินอาหาร ท้องเสียอย่างรุนแรง ฯลฯ
    <O:p></O:p>
    การป้องกันเพื่อให้ปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากสัตว์ สามารถทำได้ดังนี้
    <O:p></O:p>
    1. กินอาหารสุก สะอาด อาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ต้องปรุงสุกด้วยความร้อนเท่านั้น ไม่กินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ<O:p></O:p>
    2. ระมัดระวังอาหารที่ใช้เนื้อหมู เนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่น หมูกระทะ หมูจุ่ม หมูปิ้ง ต้องให้แน่ใจว่าสุกจริงก่อนกิน<O:p></O:p>
    3. หากมีหมูหรือสัตว์เลี้ยงอื่นป่วยตาย ห้ามนำไปปรุงอาหาร ให้นำไปเผาหรือฝังกลบในหลุมลึก<O:p></O:p>
    4. รักษาอนามัยส่วนบุคคล ที่ต้องทำเป็นนิสัยได้แก่ ล้างมือด้วยน้ำสบู่ทุกครั้งก่อนกินอาหารทุกมื้อ หรือหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ให้สวมรองเท้าบูทเวลาทำงานในคอกสัตว์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือจับสัตว์ที่ป่วย หากจำเป็นต้องสวมถุงมือ<O:p></O:p>
    5. ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องจัดการโรงเรือน คอกสัตว์ ทำความสะอาด จัดให้มีอากาศถ่ายเทที่ดี
    <O:p></O:p>
    “ เพื่อรักษาชีวิต .... อย่าคิดกินเนื้อดิบนะคะ ” ด้วยความปรารถนาดีจาก....กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลลำปาง

    E - mail address<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'mailto:'; var suffix = ''; var attribs = ''; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy50547 = 'Health.edlph' + '@'; addy50547 = addy50547 + 'gmail' + '.' + 'com'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + addy50547 + suffix + '\'' + attribs + '>' ); document.write( addy50547 ); document.write( '<\/a>' ); //--> </SCRIPT> Health.edlph@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • h9szrbhy.jpg
      h9szrbhy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.9 KB
      เปิดดู:
      1,890
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2011
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> จี้สอบรุกป่าต้นน้ำจ.ชุมพร </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ชาวบ้านหลังสวนลุกฮือ จี้รัฐ ตรวจสอบนายทุนรุกป่าต้นน้ำเขานาพญา หลังพบเผาวอดกว่า 2 พันไร่


    เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายสมชาย สอนสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า พบการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำผืนใหญ่ในพื้นที่ มีผืนป่าถูกทำลายไปจำนวนมาก จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ บริเวณดังกล่าวห่างจากริมถนนสายหลังสวน –ละแม เพียง 3 กิโลเมตร พบว่าบนยอดภูเขา “นาพญา” ผืนป่าขนาดใหญ่บนยอดภูเขากว่า 2,000 ไร่ ถูกไฟเผาไม้ทั้งหมด ต้นไม้ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ล้มระเนระนาดกลายเป็นเถ้าถ่าน บางส่วนของผืนป่ายังคงมีควันไฟครุกลิ่น

    นอกจากนี้ยังพบว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ ถูกลอบโค่นด้วยเลื่อยยนต์จำนวนมาก สันนิษฐานว่าผู้ไม่ประสงค์ดี หวังเข้ามาบุกรุกเพื่อนำไปปลูกสวนยางพารา แม้ กระทั่งป่าปลูกใหม่ ที่ชาวบ้านร่วมกันปลูกเพื่อถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อหลายปีก่อน ก็เริ่มถูกบุกรุกแล้วด้วย

    นายสุชาติ นายก อบต.นาพญา กล่าวว่า ในวันนี้ต้องเกณฑ์คนในหมู่บ้าน เร่งปลูกป่าทดแทนส่วนที่เสียหายทันที เพื่อป้องกันกลุ่มนายทุนเข้ามาปลูกสวนยางพารา และเพื่อช่วยกันอนุรักษ์สภาพป่าต้นน้ำตามพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งอยากวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงมาตรวจสอบการบุกรุกที่เป็นการด่วนด้วย.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ระวังน.น่านพิษณุโลกระทึก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผวจ.พิษณุโลก ตรวจปริมาณน้ำน่านที่จะรับมือได้อีกเพียง50ซม.ถึงจุดวิกฤติ รับมือ 24 ชม.

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ส.ค. นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิษณุโลก ตรวจสถานการณ์แม่น้ำน่านบริเวณจุดต่างๆ ที่ไหลผ่านเขตเทศบาลนครพิษณุโลก หลังจากค่ำวันที่ 12 ส.ค. น้ำจาก อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ไหลสู่แม่น้ำน่านผ่านตัวเมืองพิษณุโลก สาเหตุจากฝนตกใต้เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อย ทำให้แม่น้ำน่านสูงต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีน้ำที่สะสมตามจุดต่างๆกว่า 1,300 ล.ลบ.ม. กำลังไหลเข้ามาตัวเมืองพิษณุโลก ในวันที่ 14 ส.ค. เวลา 09.00 น. จะส่งผลให้น้ำน่านเพิ่มขึ้นอีก กว่า 50 ซม.

    นายปรีชา กล่าวว่า ระดับน้ำแม่น้ำน่านในวันนี้อยู่ที่ 9.48 เมตร จะรับได้อีก 50 ซม.ก็ถึงจุดวิกฤติ แต่รับมือได้ไม่ให้เข้าท่วมเขตเทศบาลนครพิษณุโลก เนื่องจากเทศบาลนครพิษณุโลกได้จัดเจ้าหน้าที่และเครื่องสูบน้ำไว้กว่า 20 เครื่อง เตรียมพร้อมสถานการณ์ 24 ชม.ขณะนี้เปิดใช้งานแล้ว 4 เครื่อง เนื่องจากน้ำเอ่อท่อระบายน้ำ ระบายไม่ได้ต้องเริ่มสูบน้ำออกมาทางแม่น้ำน่าน อย่างไรก็ตามขอแจ้งเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ต่ำ เช่น หมู่ 4 หมู่ 5 ต.ปากทอง ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก และแถบวัดท่าไชย ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่อยู่ริมแม่น้ำน่าน และตลิ่งต่ำให้เตรียมรับมือไว้ด้วย ในส่วนของเทศบาลนครพิษณุโลกได้เร่งอุดท่อระบายน้ำทิ้ง และเตรียมกระสอบทรายรับมือในจุดที่เป็นพื้นที่ต่ำไว้แล้ว หากผ่านพรุ่งนี้เที่ยงวันน้ำแม่น้ำน่าน ไม่เอ่อล้น แสดงว่า จ.พิษณุโลกผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมได้อีกครั้งหนึ่ง

    ด้านนายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 13-14 ส.ค.นี้ แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านอ.เมืองพิษณุโลกจะเพิ่มระดับสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีฝนตกหนักในจ.อุตรดิตถ์ 112 มิลลิเมตร และเป็นฝนที่ตกท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ขณะนี้ น้ำจากจ.อุตรดิตถ์กำลังไหลเข้าสู่อ.พรหมพิราม และอ.เมือง จ.พิษณุโลก ดังนั้นในสองสามวันนี้ แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านเทศบาลนครพิษณุโลกอาจจะสูง 9.60-9.70 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที.





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สภาพอากาศเลวร้ายที่ จีน อาร์เจนตินา

    [​IMG]

    ช่วงสองวันที่ผ่านมาทั้งจีนและอาร์เจนตินาต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนักและพายุลูกเห็บสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก

    โดยที่จีน ในวันนี้สำนักข่าวซีซีทีวีได้แพร่ภาพความเสียหายที่เกิดจากพายุฝนและลูกเห็บที่เมืองกาชี มณทลซินเจียง อุยกูร์ เขตปกครองตนเองทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน รายงานระบุว่า เกิดลูกเห็บขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 มิลลิเมตรตกนานถึง 25 นาที มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 คน สัตว์เลี้ยงล้มตายไป 12 ตัว บ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหาย รวมไปถึงพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 6 หมื่นไร่ใน 56 หมู่บ้าน พืชผลทางการเกษตรทั้งข้าวโพด ฝ้าย แตงโมและพืชผักอื่น ๆ เสียหายอย่างหนัก นับเป็นภัยธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี เจ้าหน้าที่กำลังประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นและเร่งให้ความช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบภัย

    ส่วนที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเมื่อวานนี้ ท้องฟ้าในยามบ่ายที่นั่นถูกเมฆฝนปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง กรุงบัวโนส ไอเรส มืดคลึ้มเหมือนยามค่ำคืน เมื่อวานนี้มีทั้งฝนตกหนักและลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ

    สำหรับสภาพอากาศแปรปรวนนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติได้เคยเตือนในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อเดือนที่แล้วว่า กำลังเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพโลก

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    สภาพอากาศเลวร้ายที่อาร์เจนตินา

    [​IMG]

    กรุงบัวโนส ไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา เมื่อวานนี้เผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายและแปรปรวนอย่างหนัก

    รายงานระบุว่า เมฆฝนที่เคลื่อนตัวแผ่ปกคลุมเมืองหลวงอาร์เจนตินาตั้งแต่ช่วงสายทำให้เกิดฝนตกหนักและลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ รายงานยังบอกด้วยว่า ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ บางช่วงเวลาก็จะมีแสงแดดอยู่บ้างสลับไปมากับความมืดคลึ้มในบางช่วง

    เมื่อเดือนที่ผ่านมา นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติได้เตือนเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กำลังทำให้อากาศโลกแปรปรวน ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อโลกของเรา

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    ตร.อังกฤษ ยอมรับยุทธวิธีรับมือเหตุจลาจลผิดพลาด

    [​IMG]

    ผู้นำอังกฤษกล่าวยอมรับว่า ตำรวจใช้ยุทธวิธีที่ผิดพลาดในการจัดการกับการก่อเหตุจลาจลในหลายเมืองทั่วอังกฤษ และเตรียมทบทวนบทบาทเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นเครื่องมือในทางที่ผิด เพื่อก่อเหตุป่วนเมือง

    นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษ กล่าวแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภานัดพิเศษ เมื่อวานนี้ ถึงการรับมือกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุจลาจลในหลายเมืองของอังกฤษซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าทางตำรวจอังกฤษ ยอมรับว่าได้ใช้ยุทธวิธีที่ผิดพลาด บวกกับมีกำลังตำรวจน้อยเกินไปที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ หลังสถานการณ์เริ่มรุนแรงตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

    โดยเบื้องต้นกำลังตำรวจรับทราบว่าจะเข้ามาจัดการเรื่องความสงบเรียบร้อย มากกว่าที่จะมาควบคุมสถานการณ์ที่เรียกว่าได้ว่า เป็นหนึ่งของการก่ออาชญากรรม เช่นการปล้นร้านค้า และว่าตำรวจอังกฤษ เผชิญกับเจอกับสิ่งใหม่และความท้าทายที่มีเอกลักษณ์ กับการที่กลุ่มคนที่ก่อเหตุแบบเดียวกัน และเกิดพร้อม ๆ กันหลาย ๆ จุด

    พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีคาเมรอน ยังพูดถึงกระแสเสรีในข้อมูลข่าวสาร บางครั้งก็เป็นปัญหา ซึ่งทางรัฐบาลจะรวบรวมข้อมูลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ค และ ทวิตเตอร์ รวมไปถึงการสนทนาผ่านแบล็คเบอร์รี่ ในช่วงที่เกิดเหตุจลาจลไปหารือทบทวนบทบาทและวิธีหยุดยั้งต่อไป เพราะจากรายงานระบุว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์เหล่านี้ถูกนำเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการประสานการก่อเหตุจลาจลในครั้งนี้

    ทั้งนี้จากการประเมินความเสียหาย หลังกลุ่มวัยรุ่นเข้าทุบทำลายและปล้นสินค้าในเมืองต่าง ๆ ตลอดช่วง 4 คืนที่ผ่านมา เบื้องต้นคิดมูลค่าความเสียหาย 161 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลอังกฤษ ได้มีมาตราการเหยียวยาให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

    ขณะที่ตำรวจ กำลังเร่งตามตัวผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหยื่อรายล่าสุด เป็นชายวัย 68 ปี ที่เมืองอิลลิ่ง ซึ่งเสียชีวิตในโรงพยาบาล หลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เข้าไปดับไฟระหว่างเกิดเหตุจลาจลเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทางตำรวจได้ตรวจภาพจากวงจรปิดดูภาพผู้ต้องสงสัย เพื่อดำเนินคดีฆาตรกรรมต่อไปแล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1313226848.jpg
      1313226848.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.7 KB
      เปิดดู:
      1,956
    • 1313212938.jpg
      1313212938.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.7 KB
      เปิดดู:
      1,972
    • 1313232523.jpg
      1313232523.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      1,880
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฟ้าผ่าคร่าชาวเขมรไปแล้ว 140 คน </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 สิงหาคม 2554 17:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ซินหัว - นายแก้ว วี โฆษกคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2554 มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่าไปแล้วอย่างน้อย 140 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 101 คน

    นายแก้ว วี ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่าในปี 2554 นี้ สูงกว่ายอดผู้เสียชีวิตรวมตลอดทั้งปีของปี 2553 ที่มีจำนวนทั้งหมด 114 คน

    ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบท และ จ.พระตะบอง ที่อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 300 กม.เป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุด จำนวนทั้งหมด 26 คน นอกจากนั้น เหตุฟ้าผ่ายังทำให้วัวควายตายไปแล้ว 58 ตัวในปีนี้

    การเสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท เหยื่อฟ้าผ่าหลายรายเป็นเกษตรกร และรัฐบาลเตือนประชาชนให้อยู่ภายในอาคารระหว่างมีพายุฝน แต่ นายแก้ว กล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถจัดหาและติดตั้งสายล่อฟ้าได้พอ แต่มีการแจกแผ่นพับข้อมูลความรู้ให้กับชุมชนต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อฟ้าผ่า

    ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000101482
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เวลา"อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่เหตุการณ์ไม่เปลี่ยน !!!

    [​IMG]
    นายประมวล รุจนเสรี

    ท่านผู้อ่านที่เคารพ

    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 เวลา 17.45 น.สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชวโรกาส ให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าถวายฯ พระพรชัย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และได้พระราชทานพระราชดำรัส ถึงเรื่องการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว งานศิลปาชีพ ปะการังเทียม การพระราชทานพันธุ์ข้าว ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณ แก่ประชาชนชาวไทยอย่างยิ่ง

    มีเรื่องสำคัญยิ่งเรื่องหนึ่ง ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงหนังสือไตรภูมิพระร่วง ถึงพระฤาษีองคต ผู้มีอายุยืนยาวที่สุด ตั้งแต่สร้างโลกมา ซึ่งพระฤาษีได้เล่าว่า โลกของเราแบ่งออกเป็น 5 ยุค คือ

    กฤดายุค - ยุคที่บริบูรณ์ไปด้วยคุณงาม ความดี

    ไตรตายุค - ยุคที่มีความดี สามส่วน ความไม่ดีหนึ่งส่วน

    ทวาบรยุค - ยุคที่ความดี ความไม่ดี เสมอกันครึ่งต่อครึ่ง

    กลียุค - ยุคปัจจุบันที่ความดีมีส่วนเดียว ความไม่ดีสามส่วน

    ยุคไฟประลัยกัลป์ล้างโลก -มีลมหอบแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก

    กระผมขออันเชิญกระแสพระราชดำรัส ในตอนนี้มาเป็นเครื่องเตือนสติ มนุษยชาติทั้งปวงที่กำลังหลงทาง ทำลายโลก ทำลายล้าง ตนเองอยู่ทุกวันในขณะนี้ เพื่อพิจารณาให้เห็นว่าชีวิตที่อยู่ในกลียุค เช่นทุกวันนี้ เป็นอย่างไร และชีวิตอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อไฟประลัยกัลป์ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยกมาถึง จะเป็นอย่างไร และจะดำรงรักษาชีวิต และเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ ให้อยู่รอดต่อไปได้อย่างไร

    ปัจจุบันนี้กระผมให้ความสนใจ ในเรื่อง"จิตจักรวาล"มากเป็นพิเศษ เหตุที่ต้องสนใจเพราะได้สวดมนต์ ในบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ที่ได้สาธยาย ความหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้าในหลายๆ เรื่อง และในบทสวดนี้เอง ได้สาธยายการหยั่งรู้ของพระพุทธองค์ ด้วยปัญญาญาณของพระองค์ ในเรื่องธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ และจักรวาลธาตุ

    ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ เป็นสิ่งที่พอสัมผัสรู้ได้ง่าย แต่วิญญาณธาตุ และจักรวาลธาตุ เป็นสิ่งลึกซึ่งกว้างไกลยิ่ง เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจ เข้าถึงได้ ประกอบกับพระพุทธองค์ ได้สอนพระภิกษุสงฆ์ ผู้เป็นศิษย์ตถาคต ว่าความรู้ที่ท่านนำมาสอนเปรียบได้กับใบไม้กำมือเดียว ในโลก และจักรวาลนี้ ยังมีความรู้อีกมากมาย เหมือนกับใบไม้ในป่า ที่มีมากมหาศาล จึงทำให้กระผมสนใจในเรื่องจิต และจักรวาลมากขึ้น

    โชคดีมีผู้แนะนำ ให้กระผมรู้จักอาจารย์ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S นักจิตวิทยาพฤติกรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตจักรวาล และได้อ่านหนังสือหลายเล่ม ที่ท่านผู้นี้เขียนไว้ ทำให้กระผมมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง "จิต" และ "จักรวาล" รวมถึง "จิตจักรวาล" มากขึ้น

    กล่าวคือ จักรวาล จะมีจิตเป็นแก่นแท้ จิตจักรวาล เป็นแหล่งความรู้ใหญ่ที่สุด คือใบไม้ในป่าใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบไว้

    อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ได้ฝึกฝนพัฒนา จิตของตนเองจนเข้าถึง "จิตจักรวาล"และสามารถสื่อคลื่นความคิด กับจิตจักรวาลได้ จนได้รับรู้ว่า จะมีการชำระโลก ครั้งสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้

    ทั้งเรื่อง "การชำระโลก" และ " ไฟประลัยกัลป์ ลมหอบ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก" จึงเป็นเรื่องเดียวกันที่มนุษยชาติ ควรให้ความใส่ใจ แก้ไข เยียวยา รักษาตนให้พ้นจากหายนะ อันเกิดจากภัยธรรมชาติ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่โลกใบนี้

    จากการสื่อสารรับข้อมูลจาก"จิตจักรวาล"ของอาจารย์ปริญญาที่ได้รับบอกกล่าวกันไว้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ผ่านทางรายการ "สำนึกรักแผ่นดิน" โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องสุวรรณภูมิ เวลา 18.00 - 20.00 น. อาจารย์ปริญญาได้บอกกล่าวถึงหายนภัยทางธรรมชาติ ไว้ล่วงหน้าเป็นการเตือนให้มนุษย์คิดตระหนัก และสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้อง ดีงามกันใหม่ กระผมจึงนำมาเสนอไว้ ณ บทความนี้ คือ

    ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) กรุงเทพฯ ธนบุรีน้ำท่วมหนัก - พายุใหญ่ถล่มกรุง - คอนโดใหญ่ และตึกสูงพัง ถล่มสะพานแขวนขาด เพราะพายุ และฟ้าผ่า จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง

    ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ไทย-พม่า-อินเดีย-ศรีลังกา จะประสบภัยร้ายแรงระดับที่ต้องเขียนแผนที่โลกกันใหม่ แผ่นดินส่วนหนึ่งจะจมหายไปในทะเล จะมีผู้ประสบภัยไร้ที่อยู่ที่กิน-เสียชีวิตรวมกัน 3.23 ล้านคน/คนไทย 1.2 แสนคน เหตุการณ์นี้จะทำให้ด้ามขวานของไทยหักจมทะเล ตรงประมาณหลัก กม.ที่ 346 จากกทม. ไปตามถนนเพชรเกษม ทำให้ทะเลเชื่อมต่อกันสองด้าน เป็นระยะห่างประมาณ 1,823 เมตร ในส่วนที่หักจมทะเลหายไป

    ค.ศ.2018 (พ.ศ. 2561) เขื่อนใหญ่-เชี่ยวหลานทางภาคใต้อาจแตกเป็นเขื่อนแรกของไทย

    ค.ศ. 2018 ประเทศญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด จะประสบแผ่นดินไหวรุนแรง-แผ่นดินหักจม ทะเลเป็นเกาะแรกของประเทศ ตามด้วยหมู่เกาะกิวชิว

    ค.ศ. 2018 กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ อาจจะประสบภัย 2 เรื่อง (เกิดพร้อมญี่ปุ่น) 1.แผ่นดินไหวรุนแรง 2.เกิดโรคระบาดร้ายแรง

    ค.ศ. 2018 ประเทศรัสเซีย แผ่นดินไหวรุนแรง สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก อาจจะถูกอสุนีบาต และแผ่นดินจะแยกแตกออกเป็น 2 ซีก ตามด้วยธรณีสูบ จนแผ่นดินซีกหนึ่งจมอยู่ใต้น้ำ

    ค.ศ. 2018 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตรงพิกัดเส้นแบ่งเวลาระหว่าง ASIA กับ EUROPE อาจจะเกิดแผ่นดินแยกธรณีสูบ

    ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) เวลา 13.00 น. อาจเกิด แผ่นดินไหว กทม.-นนทบุรี-ปทุมธานี คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตถึงจำนวนหมื่นราย

    ค.ศ. 2019 เกาหลีเหนือ-ใต้ อาจจะแยกแตกออกเป็นสองซีก

    ค.ศ. 2019 อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่เชียงใหม่ ในเขต อ.ฮอด และ อ.แม่แตง อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ จ.ตาก อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

    ค.ศ. 2019 ทองผาภูมิ และด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี อาจเกิดแผ่นดินแยก ทำให้ลาวา - แก๊สพิษจะผุดขึ้นมา และอาจทำให้เขื่อนใหญ่แตก เพราะภูเขาแยกตัวออก น้ำทะเลจะเข้าแทน

    ค.ศ. 2019 ในยามค่ำคืนวันหนึ่ง อาจมีเขื่อนแห่งหนึ่งในภาคอีสานแตก

    ค.ศ. 2019 เขื่อนภูมิพล อาจจะแตกเพราะรับน้ำไม่ไหว เหตุการณ์อาจจะเกิดตอนกลางวัน - ทุกคนรู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้ว

    ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2563) เขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนใหญ่สุดของไทย อาจเป็นคิวต่อไปที่ต้องแตก ไม่มีใครเคยเชื่อว่ามันจะแตกได้ แต่โปรดอย่าประมาทเถิด

    ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) วันที่ 19 สิงหาคม 2022 - ทำเนียบขาว บริเวณสนามหญ้าหน้าทำเนียบขาว แผ่นดินจะแยกตัวออก น้ำใต้ดินจะท่วมขึ้นมาจนทำเนียบขาวเสียหายใช้การไม่ได้ ประธานาธิบดีเป็นหญิง ชื่อ "B" รองประธานาธิบดีเป็นหญิง ชื่อ Hillary

    ค.ศ. 2022 เหตุเกิดตอนกลางวัน (สิงหาคม-กันยายน ค.ศ. 2022) อเมริกาอาจจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในโลก ระดับ 19 ริกเตอร์ จนแผ่นดินใหญ่แตกหักหลายส่วน ทำให้แผ่นดินหักทรุดจมลงใต้ทะเล

    ค.ศ. 2022 กันยายน ค.ศ. 2022 อาจจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งของ Losangelis สหรัฐอเมริกา โดยเหตุจากแผ่นดินไหว และการทรุดตัวจมทะเล ของประเทศที่เป็นหมู่เกาะใหญ่ใต้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย

    ค.ศ. 2022 อาจจะเกิดพายุทอร์นาโด Henna พัดเข้าถล่มผ่ากลางเมืองนิวยอร์ก อนุสาวรีย์แห่งเทพีสันติภาพ จะถูกอสุนีบาตจนแต่หักออกเป็น 4 ส่วน ยังผลให้เมืองนิวยอร์กพังเสียหายหมดแทบทั้งเมือง

    ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) อาจเกิดปฏิบัติการชำระโลกคาบสุดท้าย เป็นเวลา 56 วัน 7 ราตรี ติดต่อกัน หลังจากนั้น โลกจะเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่

    ทั้งหมดที่กล่าวนี้ คือ การชำระโลก ไม่ใช่ การทำลายโลก เพื่อให้มนุษย์พลังใหม่ เข้ามาแทนที่มนุษย์พลังเก่าผู้ทำให้โลกเสียสมดุล ขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่อต้นไม้ สัตว์ และต่อโลกผู้มีอุปการคุณใบนี้

    ประมวล รุจนเสรี

    เพื่อประชาชน ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2552
    ที่มา http://www.naewna.com/news.asp?ID=175558<!-- google_ad_section_end -->

    บาคแมนน์ ตัวเก็งชิงปธน.สหรัฐ

    [​IMG]

    ปฏิกิริยาหลังการหยั่งเสียงหาตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สู้กับบารัก โอบามา ในการเลือกตั้งปลายปีหน้า

    มิเชล บาคแมนน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน จากรัฐมินนิโซตา ไปออกรายการ Meet the Press ของเครือข่ายโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ หลังชนะการหยั่งเสียงในรัฐไอโอวาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    การหยั่งเสียงครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกของการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปลายปีหน้า โดยเธอกล่าวว่า นี่เป็นขั้นตอนแรกในการแข่งขันที่ยาวไกล เพราะยังต้องมีการประชุมลับของพรรค ซึ่งจะมีขึ้นหลังวันคริสต์มาส ต่อด้วยการหยั่งเสียงที่รัฐเซาท์แคโรไลนา นิวแฮมป์เชียร์ และที่อื่นๆ

    บาคแมนน์ เข้าร่วมในการแข่งขันมา 48 วันแล้ว นับแต่เริ่มเปิดตัวที่เมืองวอเตอร์ลู รัฐไอโอวา บ้านเกิด และในเช้าวันนี้เธอก็จะกลับไปที่นั่น เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อระดมทุนหาเสียง

    ด้านทิม พอว์เลนที อดีตผู้ว่าการรัฐมินนิโซต้า ได้ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันนี้ผ่านรายการ This Week ของเครือข่ายโทรทัศน์ ABC หลังจากที่แพ้การหยั่งเสียงเมื่อวันเสาร์ ซึ่งมิเชล บาคแมนน์ มาเป็นที่หนึ่ง ด้วยคะแนนเสียง 4,823 คะแนน เฉือนเอาชนะรอน พอล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐเทกซัสที่ได้ไป 4,671 คะแนน, ขณะที่พอว์เลนที มีคะแนนตามมาห่างๆ เป็นที่ 3 ด้วยคะแนน 2,293 คะแนน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1313364273.jpg
      1313364273.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      1,183
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...