ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แตงไทยหมูป่าแสนรู้ตายแล้ว !

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>26 พฤศจิกายน 2553 18:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ศูนย์ข่าวศรีราชา - แตงไทยหมูป่าแสนรู้ตายแล้ว ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลสัตว์เพื่อรักษาต่อ ขณะนี้กำลังทำการผ่าพิสูจน์ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

    วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.30.น.แตงไทยหมูป่าแสนรู้ ผู้สร้างรอยยิ้มให้กับคนทั้งเมืองได้ตายแล้ว หลังจากที่ถูกสุนัขของแม่ชีบริเวณกุฏิบนไหล่เขากัด ตามลำตัว มีบาดแผล 5แห่ง และต้องเย็บถึง 21 เข็ม อาการปางตายมาแต่วันก่อน

    ขณะนำแตงไทย จากคลินิกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ใหญ่กว่าที่เขตอำเภอบ้านบึง แต่แตงไทยได้สิ้นชีวิตลงระหว่างเดินทางประมาณ สี่โมงครึ่งวันนี้

    ขณะนี้ พระสมุห์วิชัย วิชโย ได้รอคณะสัตวแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทำการผ่าตัดพิสูจน์อยู่ ซึ่งภาพที่นำลงนี้เป็นภาพถ่ายครั้งสุดท้ายของแตงไทย ซึ่งจะมีอายุครบ 9 เดือนวันที่ 28 พ.ย.นี้ ขณะนี้ผู้สื่อข่าวกำลังติดตามถ่ายภาพข่าวอยู่และจะนำเสนอต่อไป

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "พระเจ้าจักรพรรดิ์"
    ทรงปกครองทั้งมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาว

    [​IMG]

    [​IMG]

    ดาราจักร (แกแล็คซี่ - galaxy) เป็นที่รวมของดาว กระจุกดาว เนบิวลา (nebula) ฝุ่น ก๊าซ และที่ว่าง และระบบสุริยะจะอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก โดยดาราจักรจะมีลักษณะใหญ่ 3 ประการคือ ดาราจักวงรี ดาราจักรกังหัน และดาราจักอสัญฐาน

    กาแลคซีของเราหรือกาแลคซีทางช้างเผือก ประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณหนึ่งแสนล้านดวง ดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้อยู่ในระบบเดียวกันได้ มีความหนาประมาณ 10,000 ปีแสง และมีเส้นผ่นศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง ส่วนดวงอาทิตย์ของเรา อยู่ที่แขนของกาแลคซี ห่างจากใจกลางประมาณ 30,000 ปีแสง กาแลคซีของเราความยาวส่วนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 75,000 ปีแสง (7.1 X 1011 km) แต่ค่าที่วัดได้จากเครืองอาจยาวมากกว่านี้ถึง 3 เท่า มีมวล 4 X 1011 เท่า ของมวลดวงอาทิตย์ โดยดวงอาทิตย์ของเราอยู่ห่างจากศูนย์กลางกาแลคซีประมาณ 26,100 ปีแสง (2.5X1017 km)]

    ที่มา http://www.rmutphysics.com

    ไตรภูมิพระร่วงกล่าวว่า"มนุสสาภูมิ"ประกอบด้วย 4 ทวีป ดังนี้

    ที่อยู่ของมนุษย์ หรือมนุสสภูมินั้น อยู่บนพื้นดิน(หรือเรียกว่า ดาวเคราะห์)ลอยอยู่กลางอวกาศ ในระดับเดียวกับไหล่เขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่ในทิศทั้ง 4 ของเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล (หรือทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเรียก กาแล็กซี่) ผืนแผ่นดินใหญ่(ดาวเคราะห์) ทั้ง 4 ที่ลอยอยู่ในทิศทั้ง 4 เรียกว่าทวีป มีชื่อและที่ตั้งดังนี้

    1.ปุพพวิเทหทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ

    2.อมรโคยานทวึป(อปรโคยานทวีป) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุ

    3.ชมพูทวีป(โลกมนุษย์ที่เราอยู่) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ

    4.อุตตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ

    ชมพูทวีป ตั้งอยู่ในมหาสมุทรทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ มีสัณฐานเป็นรูปไข่ดุจดังดุมเกวียน คนมีรูปหน้ากลมดุจดังดุมเกวียน อายุของคนในชมพูทวีปนั้น หากเป็นผู้ที่เป็นคนดีมีศีลธรรมอายุก็จะยืน หากมีลักษณะตรงกันข้ามก็จะอายุสั้น เป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า (ซึ่งก็คือโลกที่เราๆ ท่านๆ อาศัยอยู่)
    ชมพูทวีป หมายถึง โลกมนุษย์ทั้งหม ไม่ใช่อินเดีย-เนปาล อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ ดังมีหลักฐานในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ดังนี้

    ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) -มีธาตุมรกตอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุมรกตทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของชมพูทวีปมีสีน้ำเงินแกมเขียว -มนุษย์ที่ชมพูทวีป มีความสูง ๔ ศอก มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี (อาจตายก่อนอายุได้ ไม่แน่นอน) -มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ อายุยิ่งหย่อนขึ้นอยู่กับคุณธรรม ไม่แน่นอน -สมัยหนึ่งมนุษย์ในชมพูทวีปเคยมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปี แต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลง อาหารเลวลง อายุก็ลดลง -ต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีป จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี เท่านั้น และตัวจะเตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกิน -ดอกไม้ประจำชมพูทวีปคือ "ชมพู (ไม้หว้า)" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกว่า "ชมพูทวีป" เพราะดอกไม้ประจำทวีปนี้คือ ดอก "ชมพู"

    เรื่องของชมพูทวีป เหตุที่เรียกชื่อดังนี้ เพราะทวีปนี้มีไม้หว้าเป็นพญาไม้ประจำทวีป (ต้นชมพู่ แปลว่าต้นหว้า) ไม้หว้าต้นนี้อยู่ในป่าหิมพานต์ ลำต้นวัดโดยรอบ ๑๕ โยชน์ จากโคนถึงยอดสูงสุด ๑๐๐ โยชน์ จากโคนถึงค่าคบสูง ๕๐ โยชน์ ที่ค่าคบมีกิ่งทอดออกไปในทิศทั้ง ๔ แต่ละกิ่งยาว ๕๐ โยชน์ วัดจากโคนต้นไปทางทิศไหนก็จะสูงเท่ากับความยาวในแต่ละทิศ คือ ๑๐๐ โยชน์ ใต้กิ่งหว้า ทั้ง ๔ นั้น เป็นแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านไปในทิศทั้งหลาย ผลหว้ามีกลิ่นหอม รสหวานปานน้ำผึ้ง หมู่นกทั้งหลายชวนกันมากินผลหว้าสุกนั้น บางทีผลสุกก็หล่นลงตามฝั่งแม่น้ำ แล้วงอกออก เป็นเนื้อทอง และถูกน้ำพัดออกไปจมลงในมหาสมุทร เรียกทองนั้นว่า ทองชมพูนุท เพราะอาศัยเกิดมาจาก ชมพู นที

    ความเป็นอยู่ของมนุษย์ในทวีปทั้ง 3 ยกเว้นชมพูทวีป มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มีสิ่งแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีมลภาวะ ทำให้อาหารการกิน และน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ โรคภัยไข้เจ็บไม่เบียดเบียนเหมือน อย่างในชมพูทวีป ที่เป็นเช่นนี้เพราะมนุษย์ใน 3 ทวีป มีศีลธรรมที่เป็นปกติ สม่ำเสมอ ส่วนมนุษย์ในชมพู-ทวีป มีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันมาก บางคนสุขสบาย บางคนลำบาก บางคนปานกลาง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละคน

    บุรพวิเทหทวีป ตั้งอยู่ในมหาสมุทรทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ เป็นแผ่นดินกว้างได้ 7,000 โยชน์ มีสัณฐานเป็นรูปแว่นที่กลม มีเกาะล้อมรอบเป็นบริวาร 400 เกาะ มีแม่น้ำเล็กใหญ่ มีเมืองใหญ่เมืองน้อย คนในทวีปนี้หน้ากลมดังเดือนเพ็ญ มีรูปกะโหลกสั้น ทุกคนไม่เบียดเบียนกัน ไม่ทำชั่ว เมื่อตายแล้วจึงขึ้นสวรรค์แน่นอน ทำให้คนในทวีปนี้ไม่กลัวตาย และผู้ที่อาศัยในทวีปนี้ มีอายุ 100 ปีเท่ากันทุกคน

    อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ในมหาสมุทรทางทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุ เป็นแผ่นดินกว้างได้ 9,000 โยชน์ มีสัณฐานเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งดวง มีเกาะเล็กเกาะน้อยเป็นบริวารอยู่โดยรอบ คนในทวีปนี้มีรูปหน้าดังพระจันทร์ครึ่งดวง ทุกคนไม่เบียดเบียนกัน ไม่ทำชั่ว เมื่อตายแล้วจึงขึ้นสวรรค์แน่นอน ทำให้คนในทวีปนี้ไม่กลัวตาย และผู้ที่อาศัยในทวีปนี้ มีอายุ 400 ปีเท่ากันทุกคน

    อุตตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ในมหาสมุทรทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ เป็นแผ่นดินกว้างได้ 8,000 โยชน์ มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีภูเขาทองล้อมรอบ มีเกาะล้อมรอบเป็นบริวาร 500 เกาะ คนในทวีปนี้หน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีรูปร่างสมประกอบไม่สูงไม่ต่ำดูงดงาม กล่าวกันว่าคนที่อยู่ทวีปนี้เป็นคนรักษาศีล

    จึงทำให้แผ่นดินราบเรียบ ต้นไม้ต่างก็ออกดอดงดงามส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่ว และเป็นแผ่นดินที่ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ในแผ่นดินอุตตรกุรุทวีปนี้มีต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง สูง 100 โยชน์ กว้าง 100 โยชน์ ผู้ใดปรารถนาจะได้แก้วแหวนเงินทองหรือสิ่งใดๆ ก็ให้ไปยืนนึกอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์นี้

    ผู้หญิงชาวอุตตรกุรุทวีปนั้นมีความงดงามมาก ส่วนผู้ชายก็เช่นกันมีความงามดังเช่นหนุ่มอายุ 20 ปีกันทุกคน ทุกคนไม่เบียดเบียนกัน ไม่ทำชั่ว เมื่อตายแล้วจึงขึ้นสวรรค์แน่นอน ทำให้คนในทวีปนี้ไม่กลัวตาย และผู้ที่อาศัยในทวีปนี้ มีอายุ 1,000 ปีเท่ากันทุกคน

    เมื่อพวกเขาตายจากกันไปก็จะไม่มีทุกข์โศกร้องไห้เสียใจ พากันแต่งคนตายนั้นแล้วนำไปวางไว้ในที่แจ้ง แล้วก็จะมีนกหัสดีลิงค์บินมานำเอาศพนั้นไป คนอุตรกุรุทวีปจะไม่ไปเกิดในจตุรบาย คือ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน แต่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้า

    ในแผ่นดินทั้ง 4 ทวีป มีพระมหาจักรพรรดิราชผู้ประพฤติทศพิธราชธรรม 10 ประการ ทรงมีแก้ว 7 ประการ ซึ่งเกิดด้วยบุญของพระองค์ ได้แก่ จักรแก้ว ม้าแก้ว ช้างแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว และดวงแก้ว ทั้ง 7 ประการ มีศักดานุภาพมาก พระองค์ทรงเป็นประมุขของคนทั้งหลาย(ทั้ง 4 ทวีป)

    ที่มา http://astrologyinthailand.blogspot.com/2010/07/4.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2010
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้อมูลเรื่องกระแสไฟฟ้าจะขัดข้องไปทั่วโลกในปี 2012 !!!

    [​IMG]

    ในพุทธทำนายจากศิลาจารึกก็ได้บอกเอาไว้ว่า:-

    เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน

    ปี ค.ศ.2012 ตรงกับปีพุทธศักราช 2555 ถ้าเราลดจำนวนปีลง 48 ปีให้ตรงกับความเป็นจริงในพุทธทำนาย ก็จะตรงกับปี พ.ศ.2507 (ปีมะโรง) ซึ่งมีคำทำนายเอาไว้ว่า "คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" ซึ่งแปลความหมายออกมาได้เป็นหลายอย่าง

    เช่นในปี ค.ศ.2012 อาจเกิดพายุสุริยะพัดเข้ากระหน่ำโลก ดาวหางเนบิรุโคจรมาใกล้โลก ทำให้ขั้วแม่เหล็กโลกอาจจะเกิดการพลิกกลับขั้วอย่างรุนแรง ทำให้พลังงานไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ที่ให้ความสะดวกสบายทุกอย่างบนโลกนี้ใช้การไม่ได้ เครื่องจักรกลทุกอย่างหยุดทำงาน เพราะความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้คนบนโลกนี้จะเกิดความโกลาหล ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก ระบบการขนส่งและการคมนาคมทุกอย่างใช้การไม่ได้ ทำให้ดูเหมือนว่าคนบนโลกนี้หยุดการเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้าแบบคลานไป เพราะขาดพาหนะที่จะพาไปในที่ต่างๆ นั่นเอง

    คำพยากรณ์โลกของ อ.เลือง มินห์ ด๋าง ได้บอกเอาไว้ว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิงไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเลคทรอนิค จะใช้การไม่ได้ภัยพิบัติหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้คนจะเกิดความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในวันนั้นน้ำ 1 ลิตรจะมีค่ามากกว่าทองคำ 1 กิโลกรัม และอาจจะไม่สามารถแลกซื้อได้ อาหารขาดแคลนมาก นับเป็นภัยอันตรายยิ่งกว่าสงครามใดๆ ภัยนี้จะคุกคามไปทั่วโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซนต์ทั้งโลก

    กระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับที่ ๓๕ โดย พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    "ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา จะเรียกว่าภยตูปัฏฐานญาณ ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าญาณตัวนี้จะพิจารณาว่าโลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง มันน่ากลัวตรงไหนรู้ไหม ? อันดับแรกอาศัยเครื่องมือเครื่องใช้อะไรต่าง ๆ มากจนเกินไป จนกระทั่งเสื่อมสมรรถภาพไปเลย โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ สังเกตว่าเด็กสมัยนี้ลายมือห่วยแตกมาก มันพิมพ์แต่คอมพิวเตอร์มากไปจนกระทั่งลายมือตัวเองไม่ได้ใช้ อันดับที่ ๒ ก็คือข้อมูลต่าง ๆ เขาจะค้นหาจากคอมพิวเตอร์ โดยตัวเองไม่ได้จำ พอถึงเวลาถ้าคอมฯ เจ๊งก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเองเลย และอันดับต่อไปพวกเครื่องอำนวยความสะดวกของเขาทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าดับเจ้าพวกนี้ตายก่อน"

    และข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันนี้

    พายุสุริยะ ทำลายล้างโลกได้จริงหรือ?

    พายุสุริยะ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ชาวไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานข่าวว่า นักวิทยาศาสตร์กำลังหวาดวิตกถึงปรากฏการณ์ พายุสุริยะ เป็นอย่างมาก และถึงขั้นที่ทำให้ ดร.เลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ สั่งประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาทางรับมือหากเกิด พายุสุริยะ ขึ้นเลยทีเดียว

    นั่นเพราะเคยมีการคาดการณ์กันว่า ปรากฏการณ์ พายุสุริยะ จะพุ่งเข้าสู่โลกครั้งต่อไปในช่วงปี ค.ศ 2012 และจะนำมาซึ่งความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะทำให้ระบบการสื่อสารและคมนาคม รวมทั้งระบบอินเทอร์เน็ตล่มไปทั่วโลก ส่งผลต่อระบบไฟฟ้า การบิน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี ค.ศ.1859 ที่ พายุสุริยะ ได้เข้าถล่มประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งอาจจะทำให้เกิดพายุหมอกควันปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่ ๆ ของยุโรปด้วย

    แล้ว พายุสุริยะ คืออะไร?

    สำหรับ พายุสุริยะ (Solar Wind) ที่คนเริ่มให้ความสนใจนั้นก็คือ เปลวไฟขนาดใหญ่ที่พุ่งออกจากดวงอาทิตย์ เกิดจากการสะสมพลังงานแม่เหล็กในดวงอาทิตย์ไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการต่อใหม่ของสนามเหล็ก จะเกิดการปะทุออกมาเป็นพลังงานความร้อน และปล่อยก้อนมวลขนาดใหญ่จากโคโรนา (Coronal Mass Ejection : CME) หรือเส้นรัศมีรอบวงกลมสีดำที่อยู่ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ออกมาเป็น พายุสุริยะ ได้

    พายุสุริยะ เกิดบ่อยแค่ไหน?

    ตามปกติพายุสุริยะจะเกิดขึ้นบ่อยเมื่อมีจุดมืดมากในดวงอาทิตย์ บางครั้งอาจเกิดทุกวัน วันละหลายครั้งก็เป็นได้ แต่หากเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงมาก จะเกิดในรอบวัฏจักรเฉลี่ยทุก ๆ 11 ปี (Solar Cycle) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้นเล็กน้อยก็ได้ ทั้งนี้การเกิด พายุสุริยะ จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นครั้งเป็นคราว และไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่า พายุสุริยะ จะเกิดขึ้น โดยสังเกตว่า เริ่มมีจุดมืดจำนวนมากบนดวงอาทิตย์

    พายุสุริยะ ส่งผลกระทบต่อโลกแค่ไหน?

    หลายคนฟังคำว่า พายุสุริยะ แล้วคงจะรู้สึกกลัวถึงอานุภาพของมัน แต่จริง ๆ แล้ว พายุสุริยะ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ทำลายสิ่งปลูกสร้าง หรือทำให้มนุษย์บาดเจ็บล้มตายได้ แต่สิ่งที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อเกิด พายุสุริยะ ขึ้นก็คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งเป็นตัวคอยกั้นโลกจากรังสีของดวงอาทิตย์อยู่ เช่น ระบบการสื่อสารคมนาคมทางวิทยุ ระบบการบิน ดาวเทียม ระบบไฟฟ้า ฯลฯ

    ทั้งนี้หากสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ได้รับผลกระทบ แน่นอนว่า ย่อมมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลก เช่น เครื่องบินต้องหยุดบินชั่วคราว ดาวเทียมใช้งานไม่ได้ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเกิดปัญหา หรืออาจทำให้หม้อแปลงที่โรงปั่นไฟฟ้าเสียหายได้ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบต่าง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจาก พายุสุริยะ ก็สามารถเตรียมการป้องกันล่วงหน้า เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดได้ อย่างเช่น หากมีการบินในช่วงเกิดพายุสุริยะ นักบินก็ต้องหลีกเลี่ยงการบินผ่านบริเวณขั้วโลก แต่ให้บินอ้อมไปทางอื่น ที่จะปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีมากกว่า

    ส่วนนักบินอวกาศ หากนักบินอวกาศออกไปจากสนามแม่เหล็กโลก แล้วเกิดพายุสุริยะขึ้นในช่วงนั้น นักบินอวกาศก็ยังเสี่ยงต่อการได้รับสารกัมมันตภาพรังสี ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ด้วย เช่นเดียวกับโลก ที่เมื่อรังสีต่าง ๆ สะสมอยู่ในโลกมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ร่างกายของมนุษย์ยังจะได้รับรังสีผ่านทางน้ำ อาหาร นำไปสู่โรคชนิดใหม่ขึ้นได้

    ขณะเดียวกัน เมื่อเกิด พายุสุริยะ ขึ้น จะมีการปล่อยมวลจากโคโรนาเข้าปะทะกับสนามแม่เหล็กของโลก และบีบสนามแม่เหล็กให้เข้ามาใกล้ เกิดเป็นอนุภาคที่เรียกว่า "แถบรังสี" เมื่อสนามแม่เหล็กบีบตัวเข้ามา อนุภาคเหล่านี้จะชนกับบรรยากาศของโลก เกิดเป็นแสงเหนือแสงใต้ หรือที่เรียกว่า "ออโรรา" (Aurora) ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในประเทศแคนาดา แต่หาก พายุสุริยะ แรงมาก แสงออโรราจะส่องลงมาให้เห็นถึงที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เลย

    โพสต์โดยคุณ มหาสดัม 30 ก.ย. 2553, 9:27:40

    เอาข้อมูลมาเพิ่มเติมให้ ยาวมากแต่น่าสนใจค่ะ :-

    การศึกษาพายุสุริยะในเวลาต่อมาได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า พายุนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง เพราะเมื่อเรารู้ว่า เปลวก๊าซร้อนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้น นำอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมากมายด้วย ดังนั้น เมื่ออนุภาคเหล่านี้พุ่งถึงชั้นบรรยากาศ เบื้องบนของโลก ถ้าขณะนั้นมีนักบินอวกาศ ร่างกายของนักบินอวกาศคนนั้นก็จะได้รับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าและรังสีต่างๆ มากเกินปกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเป็นอันตรายได้

    นอกจากนี้ พายุอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอาจพุ่งชนดาวเทียมที่กำลังโคจรอยู่รอบโลกจนทำให้ดาวเทียมหลุด กระเด็นออกจากวงโคจรได้ และถ้าอนุภาคเหล่านี้พุ่งชนสายไฟฟ้าบนโลก ไฟฟ้าในเมืองทั้งเมืองก็อาจจะดับ ดังเช่นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่เมืองควิเบก ในประเทศแคนาดาเป็นเวลานาน 9 ชั่วโมง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 เพราะโลกถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง

    ความจริงเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 11 ปีมาแล้ว แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์รู้อีกว่า ทุกๆ 11 ปีจะเกิดเหตุการณ์พายุสุริยะ ที่รุนแรงบนดวงอาทิตย์อีก ดังนั้นปี พ.ศ. 2543 จึงเป็นปีที่นักวิทยาศาสตร์คาดหวังจะเห็นโลกถูกดวงอาทิตย์คุกคามอย่างหนัก อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อขณะนี้โลกมีดาวเทียมที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 800 ดวงและสหรัฐอเมริกาเองก็มีโครงการจะส่งนักบินอวกาศ ขึ้นไปสร้างสถานีอวกาศนานาชาติในปีนั้นอีกเช่นกัน บุคลากรและดาวเทียมเหล่านี้จึงมีโอกาสถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำ จนเป็นอันตรายได้

    ก็ในเมื่อเวลาพายุไต้ฝุ่นหรือทอร์นาโดจะพัด เรามีสัญญาณเตือนภัยห้ามเรือเดินทะเลและให้ทุกคนหลบลงไปอยู่ห้อง ใต้ดิน จนกระทั่งพายุพัดผ่านไป การเตือนภัยพายุสุริยะก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าเรารู้ว่าพายุสุริยะกำลังจะมาถึงโลก โรงไฟฟ้าก็ต้องลดการผลิตกระแสไฟฟ้า คือไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากเครื่องเต็มกำลังเพราะถ้าไฟฟ้าเกิดช็อต ภัยเสียหายก็จะไม่มาก ดังนั้น การแก้ไขล่วงหน้าก็จะสามารถทำให้ความหายนะลดน้อยลง แต่ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญสภาวะของอวกาศ วันนี้ก็ดีพอๆ ความสามารถของนักอุตุนิยมวิทยาที่สามารถทำนายสภาพของอากาศ บนโลกเมื่อ 40 ปีมาแล้ว

    ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศ (Space Environment Center) ขึ้นมา โดยให้นักวิทยาศาสตร์มีหน้าที่ทำนายสภาพของอวกาศล่วงหน้า และผลงานการพยากรณ์เท่าที่ผ่านมาได้ทำให้เรารู้ว่า คำพยากรณ์นี้มี เปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90% ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในหนึ่งชั่วโมง แต่เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดก็จะสูง ถ้าเป็นกรณีการทำนายล่วงหน้าหลายวัน

    เพื่อให้คำทำพยากรณ์ต่างๆ มีเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องมากขึ้น องค์การนาซาของสหรัฐฯ จึงได้วางแผนส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้น อวกาศเพื่อสำรวจสถานภาพของพายุสุริยะทุกลูกที่จะพัดจากดวงอาทิตย์สู่โลกใน อีก 11 ปี ข้างหน้านี้ ความรู้ปัจจุบันที่เรามีอยู่ขณะนี้คือ ผลกระทบของพายุสุริยะจะรุนแรงอย่างไร และเช่นไร ขึ้นกับ 3 เหตุการณ์ต่อไปนี้ คือ

    * เหตุการณ์แรกเกี่ยวข้องกับจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) ซึ่งเป็นบริเวณผิวดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณส่วนอื่น และเป็น บริเวณที่สนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์สามารถทะลุออกจากดวงอาทิตย์ออกมาสู่ อวกาศภายนอกได้ ดังนั้น เมื่อเกิดการระเบิดที่ผิวดวงอาทิตย์ในบริเวณนี้ กระแสอนุภาคจะถูกผลักดันออกมาตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กนี้มาสู่โลก และเมื่อกระแสอนุภาคจากจุดดับพุ่งชนบรรยากาศเบื้องบนของโลก มันจะปะทะอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก (Ionosphere) การชนกันเช่นนี้จะทำให้เกิดกระแสประจุซึ่งมีอิทธิพลมากมายต่อการสื่อสารทาง วิทยุ

    * เหตุการณ์สองที่มีอิทธิพลทำให้สภาวะของอวกาศระหว่างโลกกับดวง อาทิตย์ปรวนแปร ในกรณีมีพายุสุริยะที่รุนแรงคือ ชั้นบรรยากาศ ของโลกอาจจะได้รับรังสีเอกซ์มากกว่าปกติถึง 1,000 เท่า รังสีเอกซ์นี้ จะทำให้อิเล็กตรอนที่กำลังโคจรอยู่รอบอะตอม กระเด็นหลุดออก จากอะตอม และถ้าอิเล็กตรอนเหล่านี้ชนยานอวกาศ ยานอวกาศก็จะมีความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ซึ่งจะทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยานเสีย และนั่นก็หมายถึงจุดจบของนักบินอวกาศ

    * ส่วนเหตุการณ์สาม ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก๊าซร้อนหลุดลอยมาถึงโลก และเมื่อมันพุ่งมาถึงโลก สนามแม่เหล็กในก๊าซร้อนนั้นจะบิดเบนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างมากมาย กระแสไฟฟ้านี้ จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น มันจึงขยายตัว ทำให้ยานอวกาศที่เคยโคจรอยู่เหนือบรรยากาศ ต้องเผชิญแรงต้านของอากาศ ซึ่งจะมีผลทำให้ยานมีความเร็วลดลงแล้วตกลงสู่วงโคจรระดับต่ำ และตกลงโลกเร็วกว่ากำหนด

    โพสต์โดยคุณ PS_Hope 30 ก.ย. 2553, 9:53:58

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=16bb05cad234ef0f
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ศึกสายเลือด อัตตาทำให้คนที่เป็นมิจฉาทิษฐิ ตัดกันได้ ขายกันขาด ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โสมขาวอพยพฉุกเฉิน! หลังโสมแดงตั้งขีปนาวุธชิดทะเลเหลือง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 11:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>รัฐบาลเกาหลีใต้มีคำสั่งฉุกเฉินให้พลเรือนทั้งหมดบนเกาะยองเปียง ซึ่งถูกเกาหลีเหนือระดมยิงถล่มด้วยปืนใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อพยพไปอยู่ภายในบังเกอร์หลบภัย

    คำสั่งอพยพฉุกเฉินมีขึ้น หลังจากทหารเกาหลีใต้เปิดฉากร่วมซ้อมรบ 4 วันกับสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และเกาหลีเหนือขนขีปนาวุธแบบพื้นสู่อากาศเข้าตั้งประชิดบริเวณชายฝั่งทะเลเหลือง

    ทั้งนี้ เกาหลีเหนือประกาศว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ มีขึ้นเพื่อยั่วยุให้เกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี



    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสียงปืนใหญ่ใกล้ชายแดนโสมขาว หลังลือ โสมแดง เตรียมขีปนาวุธโจมตี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 11:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายทหารกองทัพโสมขาวเดินตรวจตามแนวชายฝั่งของเกาะยอนพยองเช้านี้ (28)




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เผย ประชาชนบนเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ได้รับคำสั่งให้อพยพหาที่กำบังในเวลาสั้นๆ วันนี้ (28) หลังเสียงระเบิดดังขึ้นจากฝั่งเกาหลีเหนือ ท่ามกลางข่าวลือว่าเปียงยางประจำการขีปนาวุธใกล้ชายแดน

    โฆษกกระทรวงกลาโหมโสมขาวกล่าวว่า เสียงระเบิด ซึ่งอาจจะเป็นการยิงปืนใหญ่ ดังขึ้นไกลๆ หลายครั้ง จากแผ่นดินใหญ่ของเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้ สำนักข่าวยอนฮับรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่งว่า เสียงยิงปืนใหญ่ดังถึงเกาะยอนพยอง และสามารถตรวจจับสัญญาณกระสุนปืนได้ด้วย

    ขณะที่สถานีโทรทัศน์วายทีเอ็นเผยว่า หน่วยยิงปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือเหมือนจะเปิดฉากยิงโจมตีเกาะซึ่งเป็นชายแดนของเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังยิงถล่มเกาะแห่งนี้เมื่อวันอังคาร (23) ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

    ประชาชนบนเกาะดังกล่าวได้รับคำสั่งให้อพยพหาที่กำบัง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร เป็นเวลาประมาณ 40 นาที และได้ยกเลิกคำสั่งนี้ไปเมื่อไม่มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีก โฆษกคนดังกล่าวเสริม

    ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ว่า โสมแดงเตรียมการยิงขีปนาวุธจากพื้นดินสู่อากาศ เอสเอ-2 ใกล้กับชายแดนพิพาทในทะเลเหลือง ขณะเดียวกับที่การซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เริ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเป็นเครื่องบินรบของโสมขาว ที่บินอยู่เหนือเส้นแบ่งเขตแดนตอนเหนือ

    แหล่งข่าวยังระบุว่า ขีปนาวุธอื่นๆ เช่น แซมเลต และซิลค์วอร์ม ซึ่งมีพิสัยยิง 95 กิดลเมตร ก็ถูกเคลื่นย้ายมาประจำที่ฐานยิงบริเวณชายฝั่งทางตะวันตกของเกาหลีเหนือด้วย

    อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว

    ทั้งนี้ โซล และวอชิงตันเปิดฉากการซ้อมรบทางน้ำครั้งใหญ่วันนี้ ห่างจากพรมแดนทางทะเลของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองกำลังให้เปียงยางได้เห็น


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โสมขาวร่อน “ใบปลิว” เปิดสงครามชวนเชื่อกับโสมแดง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>27 พฤศจิกายน 2553 14:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=537><TBODY><TR><TD vAlign=top width=537 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กลุ่มผู้ประท้วงชาวเกาหลีใต้เผาโปสเตอร์และข้อความต่อต้าน คิม จอง อิล และรัฐบาลคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - หลังจากเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่นับร้อยลูกถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ไม่เพียงใช้ปืนยิงตอบโต้ แต่ยังงัดอาวุธเด็ดที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์กลัวมากที่สุด นั่นคือ ใบปลิว

    สื่อรายงานว่า กรุงโซลได้ส่งบอลลูนหลายลูกขึ้นไปโปรยใบปลิว ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีระบอบ คิม บริเวณแนวชายแดน

    “เราได้ส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวเพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือโจมตีเกาะยอนพยอง” หนังสือพิมพ์ จุงอัง อิลโบ อ้างรายงานจากทหารคนหนึ่ง

    “ใบปลิวเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ คิม จอง อิล และการสืบทอดอำนาจรุ่นที่ 3” เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ อ้างถึงการส่งต่ออำนาจทางการเมืองสู่ คิม จอง อุน บุตรชายวัย 27 ปีของผู้นำ คิม




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=366><TBODY><TR><TD vAlign=top width=366 align=center>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เกาหลีใต้เคยให้สัญญากับกรุงเปียงยางเมื่อ 6 ปีก่อนว่า จะไม่ทำ “สงครามจิตวิทยา” เช่นนี้ แต่มีรายงานว่ากรุงโซลหันกลับมาใช้วิธีดังกล่าว หลังจากเกาหลีเหนือยิงถล่มเกาะใกล้แนวชายแดน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

    ใบปลิวกว่า 400,000 ใบซึ่งประณามผู้นำที่เคารพรักสูงสุดของเกาหลีเหนือ ถูกโปรยข้ามเขตปลอดทหาร หลังเกาะยอนพยองถูกโจมตีเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    รายงานระบุว่า ใบปลิวเหล่านี้ถูกเตรียมไว้ตั้งแต่เรือรบโชนันของเกาหลีใต้ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเกาหลีใต้และทีมผู้เชี่ยวชาญกล่าวหาว่า ตอร์ปิโดดังกล่าวถูกยิงมาจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือ

    นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังรวบรวมอาวุธทรงอานุภาพในสงครามความเชื่ออีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ “เครื่องขยายเสียง” ซึ่งสามารถถส่งสารต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์และสนับสนุนประชาธิปไตยได้ไกลราว 10 กิโลเมตรในเวลากลางวัน และ 24 กิโลเมตรในเวลากลางคืน

    แม้ขณะนี้เครื่องขยายเสียงยังไม่ถูกใช้งาน แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เตือนว่า พร้อมจะกดปุ่มใช้งานทันทีที่เกิดการยั่วยุบริเวณแนวชายแดน

    ในอดีต เกาหลีเหนือเคยข่มขู่ว่าจะยิงเครื่องขยายเสียงเหล่านั้น หากมีการเผยแพร่ข้อความใดๆ




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=590><TBODY><TR><TD vAlign=top width=590 align=center>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ปีเตอร์ เบ็ค ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ เขียนในงานวิจัยล่าสุดว่า เมื่อใดที่นักเคลื่อนไหวส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวหรือเครื่องอุปโภคบริโภค ก็จะถูกทหารเกาหลีเหนือใช้เป็นเป้าซ้อมยิงเสมอ

    เบ็ค เล่าว่า นักเคลื่อนไหวคนหนึ่งเคยคิดจะใช้บอลลูนขึ้นไปโปรยหนังสือเรื่อง “แอนิมอล ฟาร์ม” (Animal Farm) ของ จอร์จ ออร์เวลล์ รวมถึงดีวีดีข่าวรอบเย็น และภาพยนตร์ดังของเกาหลีใต้

    การที่เกาหลีเหนือตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการโปรยใบปลิวในอดีตแสดงให้เห็นว่า พวกมันสามารถสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ได้จริง นายทหารคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ จุงอัง อิลโบ

    “ผมคิดว่าใบปลิวมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าปืนใหญ่เสียอีก”


    คนร้อน ธรรมชาติก็คุกรุ่นขึ้นมาอีกแล้ว ยิ่งคนปลดปล่อยพลังงานด้านมืดเท่าไร ยิ่งกระตุ้นพลังลบจากธรรมชาติเท่านั้นแหละ ถ้าคาดไม่ผิด จะทะยอยมาอีกเป็นระลอก

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภูเขาไฟอิเหนา “โบรโม” ปะทุระดับต่ำ รัฐบาลประกาศเฝ้าระวัง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>27 พฤศจิกายน 2553 11:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=560><TBODY><TR><TD vAlign=top width=560 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นักท่องเที่ยวสาวยืนถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟโบรโม ซึ่งกำลังปะทุในระดับต่ำ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - ภูเขาไฟโบรโมทางภาคตะวันออกของเกาะชวา พ่นเถ้าถ่านและควันร้อนในระดับต่ำวันนี้(27)

    ภูเขาไฟโบรโม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของอินโดนีเซีย เกิดปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์ และรัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วตั้งแต่วันอังคาร(23)

    “โบรโมพ่นเถ้าถ่านสูงประมาณ 700 เมตร เช้านี้(27) ซึ่งถือเป็นการปะทุในระดับต่ำ” อากุส บูเดียนโต นักภูเขาไฟวิทยา กล่าว

    บ่ายวานนี้(26) ภูเขาไฟโบรโมพ่นเถ้าถ่านและควันร้อนสูงประมาณ 500 เมตร

    “ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และยังไม่จำเป็นต้องอพยพประชาชนในขณะนี้ เราหวังว่าโบรโมคงจะไม่ระเบิดรุนแรง” บูเดียนโต กล่าว

    การระเบิดในปี 2004 ของภูเขาไฟโบรโม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน

    ด้านภูเขาไฟเมราปี ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมากที่สุดในอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 320 คน นับตั้งแต่เกิดการปะทุครั้งใหญ่ปลายเดือนที่แล้ว

    ภูเขาไฟโบรโม อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ โบรโม-เตงเกอร์-เซเมรู และไม่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นเช่นภูเขาไฟเมราปี

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวสงขลา ผวา พายุถล่มอีกรอบ หลังไฟดับกว่า 2 ชั่วโมง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 12:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ฝนและลมกรรโชกแรงกระหน่ำชายฝั่งทะเลสงขลาอีกรอบ ส่งผลให้เสาไฟฟ้าแรงสูงล้ม ไฟฟ้าดับทั้งตำบลเขารูปช้างและเมืองสงขลานานกว่า 2 ชั่วโมง ส่งผลให้ชาวบ้านต่างผวาหวั่นเกิดเหตุการณ์พายุถล่มอีกละรอก

    วันนี้ (28 พ.ย.) ที่บริเวณสามแยกป้อมตำรวจสายตรวจทุ่งใหญ่ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา เสาไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้น ล้มฟาดหักที่โคนต้นทั้ง 2 เสา เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดฝนตกหนักและลมกรรโชกอย่างรุนแรงตลอดทั้งคืนในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา

    โดยเฉพาะริมชายฝั่งทะเลตำบลเขารูปช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รับลมโดยตรง อีกทั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ปักตามแนวถนนสายสงขลา-นาทับ ทางหลวงชนบท หมายเลข สข.5004 ต้านลมกรรโชกแรงไม่ไหวจึงหักโค่นล้มลงมา ทำให้ไฟฟ้าในพื้นที่ตำบลเขารูปช้างและเมืองสงขลาดับนานกว่า 2 ชั่วโมง

    สำหรับในช่วงนี้ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกประกาศเตือน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง

    ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีฝนเกือบทั่วไปกับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในระหว่างวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2553 จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้

    ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ความสูงของคลื่นประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวัง อันตรายในการเดินเรือในช่วงดังกล่าว

    ในขณะเดียวกันประชาชนชาวสงขลา ประสบกับฝนตกหนักและลมกรรโชกแรงเมื่อคืนนี้ ต่างผวากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์พายุเข้าเหมือนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา จึงไม่มีใครกล้าหลับนอนและได้เตรียมพร้อมเก็บข้าวของขึ้นไว้ที่สูงกันทั้งคืนเนื่องจากหวั่นน้ำท่วมฉับพลันอีกละรอก




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กะเหรี่ยงอพยพเข้าไทยอีก หลังพม่ายิงปืน ค. ถล่ม DKBA ซ้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 12:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ตาก - ผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวกะเหรี่ยงหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาเขตไทยอีก หลังทหารรัฐบาลพม่า ยิงปืน ค.ถล่ม DKBA .ตรงข้ามแม่สอด ขณะที่ จนท.ไทย ส่งกำลังไปดูแลกะเหรี่ยงอพยพแล้ว

    รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า ที่บ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า ได้มีผู้อพยพหลบหนีภัยสงครามชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า กว่า 300 คน หลบหนีภัยสงครามข้ามแม่น้ำเมย เข้ามายังเขตไทย เนื่องมาจากทหารรัฐบาลพม่า SPDC ได้ยิงปืน ค. เข้าใส่กองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) กลุ่ม พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชากาการกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ที่ค่ายผาลู หลายนัด เพื่อสกัดไม่ให้กะเหรี่ยงเข้าโจมตีทหารพม่าตามที่มีข่าวออกมา

    ทำให้มวลชนชาวพม่าได้วิตกเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงหลบหนีภัยเข้ามายังเขตไทย โดยทางนาย กิตติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นายอำเภอแม่สอด ,พ.ต.อ.เดชชาติ วัฒนพนม ผกก.สภ.แม่สอด และ พ.ต.ท.บุรินทร์ ชื่นอารมณ์ ทำหน้าที่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 อ.แม่สอด ได้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจัดกำลังเข้าไปควบคุมพื้นที่และนำผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงไปไว้ที่พื้นที่พักพิงชั่วคราว ที่วัดห้วยมหาวงศ์ บ้านแม่โกนเกน

    ทั้งนี้ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้ (28 พ.ย.)ได้มีเสียงเสียงปืนใหญ่และอาวุธปืนหนักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนราษฎรชาวกะเหรี่ยงในฝั่งพม่าอพยพหนีภัยสงครามมาฝั่งไทย เพื่อรอให้เหตุการณ์สงบก็จะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากราษฎรชาวกะเหรี่ยงต้องไปประกอบอาชีพ เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกไว้ฝั่งพม่าจำนวนหลายพันไร่

    ก่อนหน้านี้กองกำลังกองทัพรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า (ทพม.) และกองกำลังอาสาสมัครรักษาชายแดน (BGF) สนธิร่วมเสริมกำลังเข้ามาในพื้นที่บ้านวัลเล่ย์ ของเมืองเมียวดี

    เจ้าหน้าที่พยาบาลของกลุ่มกองกำลังสหภาพชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (KNU) รายหนึ่ง ที่พำนักอยู่ในบ้านผาลู เปิดเผยว่า ทหารพม่า สังกัด พัน.ร.65 ทพม. สนธิกำลังร่วมกับกลุ่ม (BGF) รวมกำลังกว่า 100 นาย เดินทางเข้ามาเสริมกำลังในพื้นที่ ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าอาจเกิดการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามในเร็ววันนี้ ตอนนี้ ได้บอกให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะ เด็ก สตรี และคนชรา อพยพหนีข้ามไปทางฝั่งไทยแล้ว

    ด้านนายทหารในสังกัดกองกำลังปลดปล่อยชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (KNLA) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ในพื้นที่บ้านวัลเล่ย์ขณะนี้ว่า เหตุที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่ ต้องรีบอพยพหนีภัยสงครามข้ามไปยังฝั่งไทยนั้น เพราะกองกำลังกลุ่ม DKBA และกลุ่ม KNLAได้วางกำลังเฝ้าระวังอยู่ตามเส้นทางที่ขบวน ทพม.และกลุ่ม BGF จะเคลื่อนกำลังผ่านเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ อาจทำให้ 2 ฝ่าย เปิดฉากโจมตีกันได้ตลอดเวลา

    ประชาชนที่พำนักอยู่ใน อ.เมียวดี ส่วนหนึ่งบอกเล่าว่า แม้ช่วง 1 - 2 วันที่ผ่านมา จะได้ยินเสียงลูกกระสุนปืนใหญ่ตกในบริเวณบ้านแม่เถาะตะเลย์ พื้นที่ทางด้านทิศใต้ของเมียวดี แต่ก็ไม่ทราบความสูญเสียที่เกิดขึ้น


    โลกที่คนถูกกำหนดให้มาเกิดและมาใช้ชีวิตอยู่นี่ เค้าส่งคนมาเพื่อสอบเลื่อนขั้น ให้รู้จักเดินให้ตรงๆ ทาง ตามธรรมะพระพุทธองค์
    พวกที่เดินปัดเดินเป๋ ทำชั่วมากกว่าทำดี เห็นผิดเป็นชอบ เห็นถูกเป็นผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    ใครชี้ทางดี กลับบอกว่าชั่ว ใครชี้ทางชั่ว กลับสรรเสริญว่าดี พวกนี้แหละ ที่จุดเชื้อไฟแห่งหายนะ มาสู่โลกที่ตัวเองอาศัยอยู่


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯ - เกาหลีใต้ เริ่มซ้อมรบทางทะเล ท่ามกลางเสียงค้านจากจีน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 08:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้เริ่มต้นซ้อมรบทางทะเลในทะเลเหลืองในวันนี้ ซึ่งเป็นเวลาหลายวันที่เกาหลีเหนือได้โจมตีเกาหลีใต้และกล่าวเตือนถึงผลที่จะเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงได้

    การซ้อมรบครั้งนี้จัดขึ้นในน่านน้ำนานาชาตินอกคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจีนกล่าวว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นได้ ขณะที่กระทรวงต่างประทศจีน กล่าวว่า จีนคัดค้านปฏิบัติการทางทหารใดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การซ้อมรบดังกล่าวจะมีขึ้นเป็นเวลา 4 วัน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะของเกาหลีใต้ ทำให้นาวิกโยธินเกาหลีใต้ 2 นาย และพลเรือนอีก 2 คนเสียชีวิต ซึ่ง เกาหลีเหนือ กล่าวว่า หากพลเรือนทั้งสองเสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่ของตนจริงก็ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างมาก แต่เกรงว่าพลเรือนทั้งสองอาจจะถูกนำมาใช้เป็นโล่กำบังมากกว่า


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สื่อญี่ปุ่นรายงาน เรือจีนพยายามเข้าน่านน้ำพิพาท</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>28 พฤศจิกายน 2553 12:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นเห็นเรือจีน 2 ลำ พยายามเข้าไปในน่านน้ำใกล้หมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก ที่เป็นข้อพิพาทของสองประเทศ

    สำนักข่าวดังกล่าว รายงานโดยอ้างรายงานของหน่วยยามฝั่งว่า เห็นเรือลาดตระเวนเพื่อการประมงของจีน เมื่อเวลา 07.45 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 05.45 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย กำลังพยายามเข้าไปในน่านน้ำ 44 กิโลเมตร นอกชายฝั่งหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นเรียกว่า เซนกากุ และจีนเรียกว่า เตียวหยู

    ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นและจีนเสื่อมทรามลงในเดือนกันยายน เมื่อญี่ปุ่นจับกัปตันเรือจีนที่ชนกับเรือลาดตระเวนญี่ปุ่นนอกน่านน้ำหมู่เกาะข้อพิพาท ซึ่งคาดกันว่าอุดมไปด้วยแหล่งก๊าซ ก่อนที่ญี่ปุ่นจะปล่อยตัวกัปตันเรือจีนในเวลาต่อมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>






    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เตือนแล้วไม่ค่อยเชื่อ ****


    เรื่องสัจจะเป็นเรื่องจริง นำพาสัตว์โลกหลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    มาลองวิเคราะห์เรื่องคนจะตีกันซะหน่อยดีกว่า

    ถ้าสังเกตจะเห็นใช้คำว่า "คน" ก็เพราะสิ่งมีชีวิตที่กำลังสร้างเรื่อง มีจิตใจที่ยังไม่พัฒนาไปไหน เป็นได้แค่ "คน" ยังไม่สูงพอจะเรียกได้ว่า "มนุษย์"

    ว่าแล้วก็แปะบทกลอนของท่านพุทธทาสก่อน


    เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน


    ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา


    ใจสะอาดใจสว่างใจสงบ ใครมีครบควรเรียกมนุสสา


    เพราะทำถูกพูดถูกทุกเวลา เปรมปรีดาคืนวันทุกสันต์จริง


    ใจสกปรกมืดมัวและร้อนเร่า ใครมีเข้าควรเรียกว่าผีสิง


    เพราะทำผิดพูดผิดจิตประวิง แต่ในสิ่งนำตัวกลั้วอบาย


    คิดดูเถิดถ้าใครไม่อยากตก จงรีบยกใจตนรีบขวนขวาย


    ให้ใจสูงเสียได้ก่อนตัวตาย ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเอย


    กลับมาที่เรื่องคนพวกนี้ ที่ว่ากันว่าแต่ละฝ่ายใครเป็นเด็กใคร เอาเป็นว่า ที่แบ็คอัพกันทั้ง 2 ข้าง ก็เป็นมหาอำนาจพอๆ กัน ฝ่ายนึงเคยรุ่งเรืองเก๋าๆ ก่อนจะตกไปนิดนึง ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังไว้ลายพอใช้ ส่วนอีกฝ่าย ก็กำลังถูกจับตามองในฐานะมหาอำนาจใหม่ ที่มีความเจริญด้านการเงินการทอง ตึกรามบ้านช่อง และอุตสาหกรรมเป็นพรึ่บพรั่บ

    ถ้าจะมาดูว่าใครสั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ไว้มากกว่ากัน ก็น่าคิด เพราะถึงแม้หน้าฉาก ทั้งสองฝ่ายจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่เสือสองตัว มีที่ไหน จะอยากเป็นรองกัน มีแต่จะหมั่นไส้ เหม็นหน้ากันไปมา

    การที่ 2 ชาติข้างบน กำลังเกาเหลากันอยู่ ก็อาจเป็นไปได้ว่า นี่คือสงครามตัวแทน ก่อนที่ลูกพี่จะลงสนามเอง ไม่งั้น 2 ชาติเบื้องหลัง คงออกตัว ให้เจรจาไกล่เกลี่ยกันแล้ว

    แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับประเทศอื่นๆ ก็ต้องบอกว่า สงคราม ถ้ามันยืดเยื้อ ยาวนาน ก็จะลามปาม ไปชวนให้ประเทศอื่นๆ ที่แอบเขม่นกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ออกมาประกาศสงครามกันบ้าง ยิ่งถ้าประเทศนั้นๆ ญาติดีกับ 2 ชาติเกาเหลา แต่เป็นแบบคนละขั้ว ก็จะกลายเป็นการแบ่งข้างชาวโลก ให้ก้าวเข้าสู่สงคราม

    สงครามธรรมดา ทำให้หุ้นตก เงินเฟ้อ ข้าวของแพง ขโมยขโจรชุกชุม อาชญากรรมพุ่งสูง ก่อนจะเข้าสู่ภาวะทุพพิกขภัย

    แต่สงครามนิวเคลียร์ จะทำให้เป็นแบบหนัง บุ๊ค ออฟ อีไล

    ชาวโลกทำตัวเองแท้ๆ เลย

    แต่แนวทางพยุงชีวิตให้พออยู่รอดได้ ในระดับนึง ท่ามกลางความไม่ปกติของสถานการณ์รอบข้างก็พอมี นั่นคือ พอเห็นท่าว่าชักจะไม่ดี ก็รีบออกจากเมืองหลวง ไปพร้อมเมล็ดพันธุ์พืช จำพวกธัญพืชและผักทั้งหลาย ใครที่มีบ้านที่สองอยู่ต่างจังหวัดก็ควรไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก่อน รอดูท่าที แต่ใครไม่มีบ้านของตัวเอง ก็ต้องขออาศัยญาติพี่น้อง

    ที่ต้องออกจากเมืองหลวงเพราะ ในเวลาที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ อารมณ์ประมาณว่า เกิดจราจลทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศตีกันวุ่นวาย อีรุงตุงนัง ไม่มีใครห้ามใคร

    ทีนี้ เมืองหลวงมักจะเป็นจุดที่ถูกเล็ง หรือไม่ก็เป็นที่รวมของอาชญากร ซึ่งจริงๆ แล้ว ในยามปกติเมืองหลวงก็มีคนไม่ดีปะปนกับคนประเภทอื่นๆ มากอยู่แล้ว แต่พอสถานการณ์รอบข้างเป็นใจ ด้านมืดของคนไม่ดี ที่เคยแอ๊บไว้ ก็จะสว่างโร่ออกมาเต็มพิกัด และใช้จุดนี้ในการเบียดเบียนทำร้ายคนอื่นๆ

    ก็มองข้ามช็อตกันไปล่วงหน้า เกี่ยวกับสงครามเกาเหลา ยังไงก็อยากให้ลองไปดูหนังเรื่อง บุ๊ค ออฟ อีไล ของเค้าดีจริงๆ สะท้อนภาพอนาคตออกมาได้เกือบเหมือนเลย

    [​IMG]


    ชาวโลกก็เงี้ย พอจะสงบสุข มีสันติภาพ ก็ลุกขึ้นมาล้มกระดานกันเฉยเลย เป็นยังงี้อยู่เรื่อยๆ มาหลายครั้งหลายหนแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  7. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    สงครามโลกครั้งที่ 3 หายนะล้างโลก ด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน




    [​IMG]


    โลกจะเกิดภัยพิบัติด้วยน้ำมือของเหล่ามวลมนุษย์ ทุกชีวิตจะล้มตาย ส่วนที่เหลือ จะได้รับความลำบากทุกข์ยาก อย่างแสนเข็น ขาดแคลนทั้งเสบียง อาหาร น้ำดื่ม มนุษย์จะฆ่ากันเอง จงจัดเตรียมเสบียง อาหารน้ำดื่มไว้ให้พร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น

    สงครามจะ เริ่มก่อตัวขึ้นแถว อเมริกาเหนือ จะลามออกมาทางฝั่งตะวันออก จะมีสามผ่ายหลักใหญ่ ได้แก่ อเมริกา จีน อินเดีย เพื่อแย่งชิง อำนาจเหนืออธิปไตรประเทศอื่น

    สงครามจะดำเนินต่อเนื่อง 7 เดือน ถึง 1 ปี 6 เดือน และจบลงด้วยระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ที่สามารถล้มล้างประเทศใด ประเทศหนึ่ง ให้หายออกไปจากโลกใบนี้ได้

    อเมริกา ล่มสลายประเทศต่างๆก็ได้รับบาดเจ็บ บอบช้ำไปตามๆกัน คนที่ตายก็ตายไป ส่วนคนที่อยู่จะได้รับความทุกข์ยากลำบาก แต่ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากครอบครัวแหล่งน้ำตามธรรมชาติจะใช้ไม่ได้เพราะเจือปนด้วยสารเคมี

    ข้าวจะหายาก หมากจะราคาแพง ต้องดิ้นรนสุดชีวิต โจรผู้ร้ายก็ชุกชุม เพราะความอดอยาก โรคระบาดจะคอยซ้ำเติม ช่วงเวลาที่ทรมานอย่างนรกนี้จะกินเวลาประมาณ 5 ปี จึงจะค่อยเริ่มฟื้นตัว เทคโนโลยีที่มีอยู่จะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สันติภาพจะเกิดขึ้น

    สาเหตุของสงคราม

    ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สงครามมิใช่สิ่งที่ดีนอกจากการสูญเสียกำลังทรัพย์ สินเงินทอง เลือดเนื้อ ชีวิต นับพันนับหมื่นคน แต่ทำไมคนเราถึงยังก่อสงครามกันอยู่ได้ เนื่องมาจากความโลภโมโทสัน อยากมีอยากได้

    นี้เป็นสาเหตุหลัก สงครามมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะความอยากได้ในสิ่งที่ตนไม่มี ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี มีการยกทัพเพื่อแย่งชิงดินแดนอาณาเขตเพื่อขยายอาณาจักรของตนเอง

    ถ้าอีกฝ่ายยอม ก็ไม่มีการเกิดสงคราม แต่ต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ข่มแหงของ ผู้อื่น ซึ่งการยอมอยู่ใต้ผู้อื่น ย่อมไม่มีทางที่จะยอมได้ง่ายๆ

    สาเหตุหลักของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

    เนื่องจากสาเหตุขัดประโยชน์กันเอง ไม่มีใครยอมใครต่างถือว่าตนใหญ่จะเอาให้ได้ ไม่ได้ไม่ยอม จากเรื่องระหว่าง สองประเทศจะลามไปเรื่อยๆเหมือนไฟลามทุ่ง คือ ขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็วๆ ครอบคลุมโลกใบนี้

    ผลกระทบระดับโลก

    พื้นที่หลายส่วน จะถูกลบทิ้งออกจากแผนที่โลก บางแห่งอาจจะหายไปทั้งประชากรและแผ่นดิน สิ่งที่ไม่น่าเกิดก็จะเกิดขึ้น รวมถึงภัยพิบัติต่างๆตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    จำนวนประชากรโลก จะลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น แผนที่โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ในขณะที่สัตว์ชนิดต่างๆ พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาวะเลวร้าย จะเกิดเหตุการณ์คนกินคน สัตว์กินคน เพราะความหิวกระหาย

    สารเคมี พวกกัมมันตภาพรังสี ที่แพร่ไปทั่วโลก จะมีผลทำให้มนุษย์ เป็นโรคผิวหนัง อย่างรุนแรง ต้นไม้จะเหี่ยวเฉาเพราะปรับสภาพไม่ทัน เสียงคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจะมีอยู่ทั่วไปหมด คนพิการจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น คนที่แขนขาสมบูรณ์น้อยลง

    ช่วงก่อนสงคราม

    ช่วงก่อนที่จะเกิดสงคราม อาหารการกินทั่วโลกจะอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าราคาสินค้าอาจจะแพงอยู่บ้างแต่สามารถหาซื้อหากินได้โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนจะอยู่ดีมีความสุข ไม่นึกถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่มีการกักตุนสินค้า

    ข้าวสาร อาหารแห้ง เกลือ และ น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นและต้องเตรียมสำรองในปริมาณที่มากและเพียงพอในถาวะวิกฤตช่วง ต้นของสงคราม ราคาสินค้าอาหารจะทยอยเริ่มขึ้นราคา คนที่พอมีเงินจะสามารถซื้อ ข้าวปลาอาหารไว้ได้อย่างเพียงพอ คนที่ไม่มีเงินทองก็จะอดตาย ถือเป็นการล้างโลกทางอ้อมอีกทางหนึ่ง

    สงคราม จะเริ่มจากฝั่งตะวันตกและจะลามมาทางตะวันออก รวมถึงประเทศไทย ในช่วงสงครามเริ่มก่อตัวประชาชนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้สึกสักเท่าไหร่ เพราะจะเป็นเหมือนสงครามปรกติ ที่เกิดขึ้นทั่วไป แต่สินค้าทางการเกษตรจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาวะสงคราม

    ช่วงต้นและกลางของสงคราม

    ช่วงแรกสงคราม จะเริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแถบยุโรบอเมริกา ช่วงแรกจะจำกัดพื้นที่ในบริเวณนั้นประมาณ 5 เดือน ในช่วงนี้จะมีการหาสมัครพรรคพวกและอาศัยประเทศข้างเคียงเป็นสนามรบ ประชาชนแถบยุโรบ จะเดือนร้อนกันไปทั่ว

    ประเทศไทยยังไม่มีที่ท่าที่แน่นอน ยังแค่ประกาศให้ความช่วยเหลือทั้งสองผ่าย ต่างคนต่างต้องการให้สงครามสงบโดยเร็ว แต่ประเทศมหาอำนาจไม่ยอมให้สงบเร็วเนื่องจาก กลัวว่าจะเจอภัยทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ้งหมายถึงจะหมดอำนาจที่จะครองโลก

    หลังจากช่วง 5 เดือนแรก ต่างฝ่ายก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และต่างก็เหนื่อยล้าเต็มทีที่ต้องรบ แต่ว่าผลกระทบจากสงคราม คือ สงครามไม่ได้เจาะจงเฉพาะ เพียงแค่ ไม่กี่ประเทศ แต่ว่าสงครามจะกระจายตัวเองไปทั่วและลามมาฝั่งเอเชียตะวันออก

    ช่วงนี้ จะกินเวลาประมาณ 4-5 เดือน การสู้รบจะดุเดือดขึ้น ประเทศที่มีหัวรบ จรวดนิวเคลียร์ จะเตรียบหัวรบเพื่อเล็งไปยังประเทศที่เป็นศัตรู จะยังไม่มีการยิงระเบิดนิวเคลียร์ จะอยู่ในสภาพพร้อมยิง จะเป็นการเตือนและข่มขู่กันขั้นสุดท้าย

    ช่วงปลายสงคราม

    ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาก ทหารประชาชนล้มตายกันมาก แทบจะล้างโลกเลยก็ว่าได้ ประเทศที่อ่อนแอ จะถูกควบคุมโดยประเทศมหาอำนาจเพื่อประโยชน์ทางการทหาร และทางเศรษฐกิจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทีก็ยังตามมาส่งผลตามมาเรื่อยๆ ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากัน

    ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วง ขาดแคลนเสบียง อาหารเหลือน้อยไม่พอบริโภค เพราะผลผลิตที่ได้มามีปริมาณที่น้อย เมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ แม้ว่าประชากรโลกจะลดลงไปเยอะก็ตาม แหล่งผลิตอาหารจะหมดไป เพราะไม่มีคนที่จะผลิตอาหาร

    ช่วงนี้จะกิน เวลาประมาณ 3- 5 เดือน จำนวนยอดผู้เสียชีวิตเข้าสู่หลักล้าน ระเบิดนิวเคลียร์จะถูกปล่อยออกมาเพื่อโจมตีไปยังหัวใจของผ่ายข้าศึก เพื่อชัยชนะ

    ต่างผ่ายก็ปล่อยออกมาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อกำจัดศัตรูทางการทหารให้หมดไปแต่ผลที่ได้รับคือ ต่างผ่ายต่างก็ได้รับความเสียหาย บ้านเมืองพังพินาศ จะเหลือที่ดีๆ ก็มีอยู่ส่วนน้อย เต็มทีและมีแต่ซากปรักหักพัง

    ผลของนิวเคลียร์จะทำ ให้ อากาศ อาหาร และน้ำดื่ม ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ทั้งสัตว์ทั้งมนุษย์ จะตายอย่างอเนจอนาถ ส่วนที่รอดและได้รับสารเคมีอย่างแรงจะเป็นโรคผิวหนัง เนื้อจะตายและเน่าได้รับความทรมานอย่างยิ่ง ส่วนคนที่ได้รับสารแคมีอย่างกลาง

    ผิวหนัง พุผองและเนื้อจะค่อยๆตายอย่างช้าๆทรมานแสนสาหัสถ้าจะรอดก็คงต้องอยู่อย่างคน พิการ ส่วนคนที่ได้รับสารเคมีอย่างอ่อน จะเกิดอาการระคายเคือง รักษา ให้หายด้วยความยากลำบาก

    เพราะขาดแคลน ยา และเครื่องมือ ส่วนคนที่ไม่ได้รับสารเคมีถือว่าโชคดีไม่ได้รับสารเคมี แต่ก็ได้รับความกระทบกระเทือน จากผลของสงคราม

    เมื่อระเบิดนิวเคลียร์ ถูกใช้หมดไป ต่างฝ่ายต่างก็ประเมิน สถานการณ์ บางผ่ายก็ยอมแพ้ บางผ่ายก็ดีใจที่ตัวเองชนะแต่ในที่สุดไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น ต่างก็เจรจายุติศึก สูญเสียเงินทอง ชีวิต ที่ไม่สามารถประมาณได้

    สภาวะหลังสงคราม

    หลังจากสงครามเสร็จสิ้น ต่างฝ่ายต่างพยายามฟื้นฟูสภาพประเทศของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน ประเทศไทยก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยแต่สามารถเอาตัวรอดจากสภาพวิกฤตได้ดี ถึงแม้จะไม่เป็นเมืองขึ้นของใครก็ตาม

    แต่ก็ถูกพวกต่างชาติ บีบบังคับต่างๆ นานา ส่วนสภาพบ้านเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ความอดยากของประชาชน ชุมนุมโจรมีมากขึ้นคอยปล้นสะดมชาวบ้าน ไม่รู้จักทำมาหากิน แต่พวกนี้จะหมดไป เพราะทางการสามารถปราบปรามได้สำเร็จ

    ตรงนี้จะเป็นยุคทองของประเทศไทย สมกับชื่อที่ว่าสุวรรณภูมิ แดนศิวิไลซ์ ใต้ดินจะมีน้ำมัน อัญมณี สารแร่ต่างๆ เศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้า

    ในช่วง 5 ปีแรกของการฟื้นฟูประเทศ เรียกว่าช่วงลำบาก เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ทั้งการวางระบบสาธารณูปโภคใหม่หมด การพัฒนาทางด้านการศึกษา การเกษตร เพื่อให้บ้านเมืองคืนสู่สภาวะปรกติให้เร็วที่สุดถึงแม้ว่าราคาสินค้า จะค่อนข้างสูง แต่ราคาก็จะไม่แพงมากจนเกินไป

    หลังจากช่วง 5 ปี สภาวการณ์กับสู่สภาพปรกติ แต่ยังเหลือรอยคราบแห่งอดีตของสงครามโลกครั้งที่ 3 ความโศกเศร้าอาลัยต่อผู้ที่เสียชีวิต พิการ แม้แต่ขาดแคลนที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งเครื่องนุ่งห่ม

    การเตรียมพร้อมรับมือสงครามโลก

    ช่วงแรก ให้แรกให้เริ่มกักตุนสินค้าอุปโภคปริโภคให้มากที่สุด เพราะจำเป็นต้องใช้ในช่วงสุดท้ายของสงคราม และช่วงแรกของสงครามสงบ จะเป็นช่วงที่อดอยาก และขาดแคลนอาหาร เพราะสารเคมีชนิดต่างๆ กระจายไปทั่ว เจือปนทั้งในน้ำดื่มและอาหาร แหล่งน้ำธรรมชาติ แทบไม่มีประโยชน์เพราะสารพิษเจือปนเยอะ

    ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย

    ประเทศไทย จะได้รับผลกระทบกระเทือนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่พื้นที่บางส่วนจะหายไป ข้าวจะหายาก หมากก็จะราคาแพง ต้องกินอย่างประหยัด อดมื้อกินมื้อ ชุมนุมโจรต่างๆ เกิดขึ้น เพื่อปล้นแย่งเสบียงของชาวบ้าน จะเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า

    ภาครัฐ จะเร่งปราบปรามชุมนุมโจรต่างๆ พื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากประชากรลดน้อยลง และขาดแคลนทัพยากรบุคคล การกำจัดสารเคมีในอากาศหรือฝนเหลือง เป็นไปได้ยาก

    เนื่องมาจากรัฐไม่ได้มีการเตรียมการไว้ และไม่มีความพร้อมในการดำเนินงาน ประเทศไทยจะใช้เวลาถึง 5 ปี เพื่อการพื้นตัวแต่จะเร็วกว่าประเทศอื่น แต่ต้องอาศัยความสามัคคีภายในประเทศเป็นหลัก

    โรคระบาดจะมีมาเรื่อยๆ แต่พอสามารถควบคุมได้ คนตายด้วยโรคระบาดก็เยอะ หยูกยาจะหายาก เพราะคนใช้เยอะ และขาดแคลน ของที่มีก็พอจะประทังชีวิตไปได้บ้าง จนรอดพ้นจากความอดอยาก คนที่ทนได้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนใครที่ตายในช่วงนี้ถือว่าไม่ต้องทรมานมาก




    " ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าอาวุธอะไร จะถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่สาม

    แต่ในสงครามโลกครั้งที่สี่ พวกเขาจะสู้กันด้วยแท่งไม้ และก้อนหิน "



    [​IMG]




    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


    โดยคุณ witt แห่งเว็บพุทธภูมิ

    www.talk.mthai.com/topic/2743
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "วิชาลูกเสือ"เรียนไปได้อะไร?

    [​IMG]

    [​IMG]

    วิชาลูกเสือ ไม่รู้เรียนไปได้อะไร เรียนเงื่อนขัดสมาธิตั้งแต่ ป.3 เรียนทุกปี แต่ไม่เคยจำได้เลย แล้วพวกเงื่อนอะไรอย่างงี้ ไม่รู้โตขึ้นจะได้ใช้หรือเปล่า งานก็เยอะ แต่ว่าชอบอยู่เรื่องเดียวแหละ ชอบอยู่ค่ายอ่ะ สนุกดี แต่อย่างการทำอาหารมันก็โอเคนะ ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังไงๆ ก็ยังเบื่อ หลักสูตรมันอยู่ดีแหละ อยากอยู่ค่ายจัง

    ซอกแซก 10 ม.ค. 2553, 15:20:41

    วิชาลูกเสือนั้น เป็นวิชาพื้นฐานที่ว่าด้วยการเอาตัวรอด เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราในอนาคต เป็นการฝึกให้เรารู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และเงื่อนที่เราเรียนนี้ก็สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเราได้อย่างมากมายเลยครับ ซึ่งตรงนี้ก็คงจะต้องตำหนิ ครูฝึกของคุณนะครับ ที่ไม่สามารถชักจูงให้คุณชอบวิชาลูกเสือได้

    ส่วนลูกศิษย์ของผมเรียกได้ว่าทุกคนต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าวิชาที่สนุกที่สุด และเด็กๆ ทุกคนชอบมากที่สุดคือวิชาลูกเสือน่ะครับ เพราะได้ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่่งบางทีเราต้องดัดแปลงนำเอาสิ่งที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ได้ออกแรงกำลังกันได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ได้ความมีน้ำใจจากเพื่อนฝูง และได้เรียนรู้ระเบียบวินัย การเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับหมู่ และการต่อสู้แข่งขันกัน ลองเปิดใจให้สนุกกับมันดูนะครับ เพราะมันเป็นพื้นฐานที่จะนำคุณให้เป็นคนดีของสังคมได้ครับ

    Nai Surathai 10 ม.ค. 2553, 15:39:34

    การผูกเงื่อนก็สำคัญนะคะ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้ว สักวันหนึ่งเมื่อโตขึ้นจะรู้ว่ามันจำเป็นจริงๆ เลยน่ะ ยิ่งถ้ามีรถกระบะแล้วต้องบรรทุกของที่อาจปลิวได้ หรือกันการล้มลงก็สามารถใช้เชือกมาผูกให้ยึดกับที่ได้ (แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเงื่อนอะไรก็เถอะ) เมื่อโตขึ้นจะรู้เองว่าจำเป็น

    Pim (ผู้ใช้ใหม่) 10 ม.ค. 2553, 17:07:04

    ก็เข้ากองพิเศษสิครับ อาจมีอะไรให้ทำมากกว่านี้ครับ วิชาลูกเสือน่ะ มันเป็นวิชาที่เราสามารถใช้ในชีวิตจริงได้รู้ไหม ยิ่งวิชาพิเศษที่ติดตรงแขนน่ะ สามารถใช้ในชีวิตจริงได้ ถึงเวลาคุณจะได้ใช้แน่ ไม่ต้องห่วง

    เด็ก ข ก 10 ม.ค. 2553, 21:48:09

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=332bff5c88ca4286

    เรียนวิชาลูกเสือ แล้วจะได้อะไร ?

    [​IMG]

    ลูกเสือไทยกำเนิดขึ้นมาแล้ว 99 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรีได้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 นับเป็นประเทศที่ 3 ของโลก

    หลายคนเคยสงสัยหรือมีข้อกังขาเกี่ยวกับวิชาเรียนที่ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับของประเทศไทย ที่เรียกวิชานั้นว่า 'ลูกเสือ' โดยบางคนเริ่มเรียนวิชาลูกเสือตั้งแต่ชั้นป.1 – ม.3 นับระยะเวลาได้ก็ร่วม 9 ปี หากถามว่า 9 ปีที่ผ่านพ้น การเรียนวิชาลูกเสือแล้วสร้างอะไรให้กับผู้เรียนได้บ้าง ให้ลองนึกกันเล่นๆ อาจจะไม่ใช่วิชาที่สลักสำคัญมากนัก เพราะไม่มีเกรดแต่หากไม่เรียนก็ไม่สามารถจบได้

    บางคนอาจจะจำภาพที่ต้องมานั่งแต่งเครื่องแบบลูกเสือ ที่ดูพะรุงพะรัง มีผ้าพันคอ หมวก เข็มขัด ฯลฯ รวมถึงเครื่องหมายต่างๆ ที่ต้องติดโชว์ในเครื่องแบบ ถ้าหากวันไหนแต่งตัวพลาดไปอาจจะถูกลงโทษในวิชาเรียนก็เป็นไปได้

    บางคนอาจจะจำการผูกเงื่อนพิรอด เงื่อนขัดสมาธิ เงื่อนบ่วงสายธนู เงื่อนตะกรุดเบ็ด เงื่อนกากบาท กิจกรรมรอบกองไฟในยาม 'เข้าค่าย' การเดินทางไกล การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ได้ร้องเพลง ฝึกการแสดง รวมทั้งฝึกร้องเพลงนี้...

    “ลูกเสือเขาไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่น มือขวาใช้เคารพกัน (ซ้ำ) ยื่นซ้ายออกมาพลันจับมือจับมือ จับมือนั้นหมายถึงมิตร เหมือนญาติสนิทควรคิดยึดถือ ยิ้มด้วยเมื่อการจับมือ (ซ้ำ) เพราะพวกเราคือลูกเสือด้วยกัน” อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าลูกเสือเขาไม่จับมือขวา...

    ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนสมาชิกลูกเสือไม่น้อยหน้ากว่าชาติไหนๆ เพราะเปิดหลักสูตรเรียนแกมบังคับให้เด็กนักเรียนชายทุกคนต้องเป็นลูกเสือโดยไม่มีทางเลือกอื่น อาจจะมีบางโรงเรียนที่ให้เด็กผู้ชายเรียนวิชายุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนน้อย เพราะฉะนั้นแล้วในแง่ปริมาณประเทศไทยกินขาด

    ในขณะที่ลูกเสือโลกกำลังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ตามไปดูกันว่าในวาระครบรอบ 99 ปีของลูกเสือไทย มีความก้าวหน้าไปมากน้อยแค่ไหน หลักสูตรที่เคยร่ำเรียนกันตั้งแต่อดีต ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน อย่างไร แล้วในมุมของผู้เรียน สิ่งที่ได้มานั้นมีมากกว่าการร้องเพลง หรือแค่ความรู้สึกที่ได้แต่งตัวเครื่องแบบลูกเสือ

    ทำไมเด็กไทยต้องเรียนลูกเสือ?

    หลายคนคงสงสัยว่าทำไมจึงต้องเรียนวิชาลูกเสือ และวิชานี้มีความสำคัญมากมายขนาดไหน จึงต้องถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน

    สมมาต สังขพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาลูกเสือและบุคลากร สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ บอกเล่าถึงหัวใจสำคัญของการเรียนลูกเสือ ก่อนจะไขข้อสงสัยที่เด็กรุ่นใหม่ๆ อาจดูแคลนการเรียนลูกเสือ ทำนองว่า 'จะเรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไร เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต' ทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่าในยุคที่ค่านิยมของผู้คนเปลี่ยนไป หลักสูตรลูกเสือมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงบ้าง

    “ย้อนไปหลายสิบปีก่อนหน้านี้ การเรียนลูกเสือจะมีหลักสูตรการสอนที่ทำให้ผู้เรียนนำไปใช้ได้จริง มีทั้งการสอนปีนต้นไม้ การใช้กิ่งไม้จุดไฟเมื่ออยู่ในป่า การทำกับข้าว มีการตั้งแคมป์ เข้าค่าย เดินป่า แล้วก็มีการกำหนดให้ลูกเสือสามัญทำหน้าที่เป็นลูกเสือจราจร ให้ความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่คนใช้รถใช้ถนน แล้วก็มีการบำเพ็ญประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น ในอดีต หลายๆ โรงเรียนในกรุงเทพฯ ก็จะให้ลูกเสือ เนตรนารี ไปบำเพ็ญประโยชน์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง คอยช่วยเหลือคนเฒ่าคนแก่ คอยช่วยขนสัมภาระ ขนข้าวขนของขึ้นรถไฟ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนที่มาใช้บริการ”

    มาถึงวันนี้ภาพดังกล่าวแทบไม่มีให้เห็นแล้ว หลายโรงเรียนละเลยกับการเรียนการสอนวิชาลูกเสือ ด้วยเหตุผลที่ต่างมุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนเรียนเก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ติด ครั้นพอมาถึงชั่วโมงวิชาเรียนลูกเสือ แทนที่จะให้เด็กได้ฝึกฝนการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ได้ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ก็กลับเอาเวลาไปสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุผลนี้เด็กจำนวนไม่น้อยจึงเห็นว่าการเรียนลูกเสือไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในชีวิต ซึ่งแตกต่างกันในต่างประเทศโดยสิ้นเชิง

    “ในสวีเดน และสหรัฐอเมริกา ถ้าใครไปสมัครงานแล้วมีเครื่องหมายวิชาพิเศษหลายๆ แบบ ในกิจกรรมลูกเสือ คนเหล่านี้จะเป็นตัวเลือกแรกๆ เลยครับที่จะได้รับการตอบรับเข้าทำงาน เพราะอย่างน้อยๆ มันก็แสดงให้เห็นว่า เขามีความกระตือรือร้นที่จะทำประโยชน์แก่ผู้อื่น”

    เพราะ 'เครื่องหมายวิชาพิเศษ' ที่คนไทยมักเรียกง่ายๆ ว่า 'ปีก' หรือตราสัญลักษณ์รูปต่างๆ ที่ติดบนเสื้อนั้น กว่าจะได้มา ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย แต่ต้องแลกด้วยการทุ่มเททำกิจกรรมจนได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นไม่ว่าตราสัญลักษณ์ที่ประดับนั้น จะมีความหมายว่าได้ผ่านการตั้งแคมป์ เดินป่า หรือการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น

    ดังนั้น ทุกวันนี้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติจึงรื้อฟื้นกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งมีการทำข้อตกลงร่วมกันกับหลายองค์กร เพื่อให้ลูกเสือที่สนใจกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผืนป่า ร่วมกันปลูกป่าชายเลน หรือร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในการทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครสอดส่องดูแลเว็บไซต์ที่เป็นภัยต่อสังคม

    ซึ่ง ผอ. สมมาต ก็ไม่ลืมย้ำว่า ลูกเสือคนไหนสนใจอยากทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ก็สามารถติดต่อได้โดยตรงที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ หรือแจ้งความประสงค์ไปที่ครูผู้สอนวิชาลูกเสือของแต่ละโรงเรียนก็ได้เช่นกัน แม้แต่ผู้ที่ศึกษาอยู่ในหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน ก็แจ้งความประสงค์เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้เช่นกัน

    “ทุกวันนี้ เราพยายามรื้อฟื้นจิตวิญญาณของความเป็นลูกเสือ ผ่านกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ได้บำเพ็ญประโยชน์เพราะไม่อยากให้เขาคร่ำเคร่งกับการเรียนด้านวิชาการอย่างเดียว โดยไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่คำนึงถึงการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง”

    เรียนลูกเสือแล้วได้อะไร

    หลังจากผ่านประสบการณ์การเรียนวิชาลูกเสือภาคบังคับในห้องเรียนแล้ว น้อยคนที่ยังมีความคิดที่อยากจะเป็นลูกเสือต่อไป แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าวิชาเรียนลูกเสือนี้ให้อะไรได้มากกว่า

    สุชานุช พันธุ์เจริญศิลป์ ลูกเสือวิสามัญ ชมรมลูกเสือเยาวชนไทยนานาชาติ เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งคลุกคลีกับวงการลูกเสือมากว่าครึ่งทศวรรษ อีกทั้งยังมีโอกาสไปร่วมงานใหญ่ของวงการลูกเสือโลก อย่างการชุมนุมลูกเสือนานาชาติมาแล้ว

    ดูจากชื่อเสียงเรียงนามของเธอ ก็ทำให้เราสงสัยว่า ลูกเสือนี่มีผู้หญิงด้วยหรือ?

    “ลูกเสือหญิงก็มีในระดับที่โตขึ้นมาหรือระดับวิสามัญ ซึ่งการเรียนลูกเสือนั้นจะทำให้เราได้ฝึกตัวเอง ได้ทำงานที่ไม่มีโอกาสได้ทำ มันมีทั้งในด้านวินัย ความเป็นผู้นำ และการอยู่ร่วมกับคนอื่น

    “คือเด็กสมัยนี้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นค่อนข้างน้อย อาจจะไปติดเกม ติดคอมพ์ เสียมากกว่า ซึ่งในการเรียนลูกเสือนั้นมันทำให้เราได้เจอคน ได้รู้จักปรับตัว”

    จริงอยู่ ที่การเรียนการสอนลูกเสือในบ้านเรานั้น เป็นเสมือนไม้เบื่อไม้เมากับเด็กๆ คำที่ว่ามันช่างแห้งแล้งและไร้จินตนาการสำหรับเด็กบางกลุ่ม แต่สำหรับสุชานุชแล้ว วิชาลูกเสือจะสนุกหรือไม่นั้นมันต้องแล้วแต่คนสอน

    “การเรียนการสอนลูกเสือในบ้านเราอาจจะมีความน่าเบื่ออยู่บ้างในบางที เพราะว่าคุณครูที่สอน อาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องลูกเสือ แต่เป็นอาจารย์วิชาสามัญที่จำใจต้องมาสอน ซึ่งลูกเสือในเมืองนอกนั้น จะเป็นสิ่งที่เราเลือกเรียนเอง และคนที่มาสอนก็จะเป็นคนที่รู้เรื่องลูกเสืออย่างจริงจัง มันไม่ได้บังคับในหลักสูตร แต่เป็นเหมือนชมรมที่ถ้านักเรียนสนใจก็สามารถเลือกได้

    “ซึ่งคนที่จะทำให้วิชาลูกเสือเป็นเรื่องที่สนุกขึ้นมาได้ ก็คือผู้ใหญ่นั่นเอง ซึ่งผู้ใหญ่จะต้องเหนื่อยกว่าปกติ มีการจัดการเพื่อการเรียนรู้ของเด็ก อย่างตอนนี้ เราเองก็มีอายุมาถึงช่วงที่ต้องเป็นผู้จัดการเรียนรู้ให้น้องๆ แล้ว”

    และนั่นก็ทำให้เราสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีกข้อว่าแท้จริงแล้วคนเราจะเป็นลูกเสือได้ถึงอายุเท่าไหร่กันแน่

    “การเป็นลูกเสือเป็นได้ตลอดชีวิต ในตอนนี้คนอายุ 70-80 ปี ที่เป็นลูกเสืออยู่ก็ยังมี แต่อาจจะไม่ได้เป็นคนที่ลงมาสอน แต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ที่เห็นคุณค่าของการเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง คือวิชาลูกเสือไม่ได้มีแต่การเข้าแถว หรือการสั่งซ้ายหันขวาหัน กิจกรรมลูกเสือที่ดีนั้น จะต้องเป็นกิจกรรมที่ต้องให้เด็กได้คิด และได้แสดงออกและต้องไม่เป็นการบังคับกัน”

    เมื่อเด็กไทยเป็นลูกเสือ (ภาคบังคับ)

    รู้กันอยู่แล้วว่าเด็กไทยส่วนมากถูกบังคับให้เรียนลูกเสือโดยต้องมี 1 ชั่วโมงเรียนต่อสัปดาห์ หลายคนเคยผ่านประสบการณ์การเรียนนั้นมาแล้ว เช่นเดียวกับเด็กนักเรียนสองคนนี้ที่อยากบรรยายถึงความรู้สึกของการเรียนวิชาลูกเสือของพวกเขา...

    “โอ๊ย! เบื่อมากค่ะ วันไหนที่มีเรียนลูกเสือ ใส่เครื่องแบบแล้วร้อนมาก ทั้งหมวก ทั้งผ้าพันคอ แต่จะใส่ไม่ครบก็ไม่ได้ ต้องใส่ให้ครบ ไม่งั้นก็โดนทำโทษ”

    พิณสุดา ชุดทะเล นักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา บอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เธอบอกว่าอากาศที่ทั้งร้อนอบอ้าว เหงื่อไคลไหลย้อย แต่ยังต้องสวมเครื่องแบบเต็มพิกัดนี่แหละ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เธอเบื่อหน่ายวิชาลูกเสือ

    แต่ถึงแม้จะเบื่อเรื่องเครื่องแบบ พิณสุดา ก็ไม่ลืมที่จะบอกว่า ใจจริงก็สนุกกับการเรียนวิชาลูกเสือ เพราะไม่ต้องนั่งเรียนในห้อง ได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ได้ฝึกฝนความมีระเบียบวินัย เพราะว่า

    “อาจารย์โหดมากค่ะ แต่ก็ดีนะ ได้ฝึกฝนตัวเองให้มีระเบียบขึ้น”

    ไม่ต่างกันกับ มานพ จันทร์หมื่นไวย นักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ที่ยืนยันว่า บางเวลาอาจเบื่อหน่ายการเรียนลูกเสือ แต่อย่างไรก็รู้สึกสนุกและชื่นชอบมากกว่า เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ ที่ในห้องเรียนไม่มีให้ทำ

    “ สนุกครับ ชอบนะ แม้บางทีจะเบื่อๆ บ้าง แต่ชอบมากกว่า ชอบเวลาที่มีทหารมาสอน เพราะทำให้เราได้ฝึกความมีระเบียบวินัย แล้วก็ชอบที่มีการให้บำเพ็ญประโยชน์ ได้เก็บขยะรอบๆ โรงเรียน”

    น้อยนิดมหาศาลกับการเป็น 'ลูกเสือ'

    ในบ้านเราวิชาลูกเสือเมื่อก่อนเคยเป็นอย่างไร ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ขณะที่ลูกเสือในประเทศอื่น ต่างก้าวล้ำในความเป็นลูกเสือและให้ความสำคัญกับมัน โดยเฉพาะการปรับตัวของเด็กๆ และหลักสูตรที่จะนำลูกเสือไปสู่ความร่วมสมัยของสังคมและเทคโนโลยีของเด็กๆ ที่ก้าวไกลไปมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์ ที่เกี่ยวพันกับบรรดาเด็กๆ ที่เรียนลูกเสือโดยตรง

    แม้แต่ในโลกภาพยนตร์ยังดึงเอาความเป็นลูกเสือ มาใช้ในการดำเนินเรื่องเพื่อให้เกิดเรื่องราว เช่น ‘อัพ ปู่ซ่าบ้าพลัง’ (UP) ที่ตัวละครเด็กรูปร่างอ้วนกลมนามว่า 'รัสเซล' ซึ่งเป็นลูกเสือวัย 9 ขวบ ต้องใช้ความพยายามในการที่จะได้ตราสัญลักษณ์ที่ให้ความช่วยเหลือคนชรา จึงจะทำให้เขากลายเป็นลูกเสือที่ครบสมบูรณ์แบบและได้ขึ้นรับตราสัญลักษณ์ครบตามกำหนด และความพยายามของลูกเสือ นักผจญภัยคนนี้ก็เกิดเป็นเรื่องราวให้น่าติดตามในภาพยนตร์เรื่อง 'อัพ'

    ปกติแล้วเหล่าลูกเสือทั่วโลก ที่สามารถก่อตั้งเต็นท์ได้, ผูกเงื่อนได้ และเดินทางไกลประสบความสำเร็จจะมีตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสำเร็จดังกล่าวติดประทับอยู่บริเวณแขนเสื้อ ลูกเสืออเมริกาก้าวล้ำกว่าชาติไหนๆ เพราะจะเพิ่มอีกหนึ่งความสำเร็จเข้าไป เป็นความสามารถในด้าน 'วิดีโอเกม' ลูกเสืออเมริกาคนไหนที่ต้องการจะได้ที่ล็อกเข็มขัด หรืออาร์มตราเชิดชูเกียรติความสามารถด้านวิดีโอเกม จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบการจัดเรตติ้งเกม สามารถแบ่งเวลาในการเล่นเกมกับการทำประโยชน์ในชีวิตด้านอื่นๆ ได้ นอกจากนั้นยังต้องมีความเข้าใจในการเล่นเกมและสามารถอธิบายให้ความรู้กับผู้ปกครองได้

    การเรียนรู้ทุกอย่างย่อมเกิดประโยชน์ หากแต่ผู้ที่เรียนรู้นั้น นำสิ่งนั้นมาเพื่อใช้ประโยชน์หรือไม่ ไม่ต่างกับวิชาลูกเสือ ที่บางคนอาจจะมองว่าเป็นวิชาน่าเบื่อ ต้องเข้าแถว ร้องเพลง แต่งตัวพะรุงพะรัง หากแต่ในรายละเอียดบางอย่างมีอะไร ซ่อนอยู่ และถ้าเรานำสิ่งนั้นไปใช้ประโยชน์ก็จะไม่สูญเปล่าแน่ๆ
    ............................

    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
    ภาพ : ทีมภาพ CLICK

    ขอขอบคุณ โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ และโรงเรียนวัดประยูรวงศาวาส

    ที่มา http://www.kamolonline.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=539117795&Ntype=10
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.2 KB
      เปิดดู:
      1,844
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74 KB
      เปิดดู:
      1,903
    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.2 KB
      เปิดดู:
      2,005
    • A-10.jpg
      A-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • pic58.jpg
      pic58.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.7 KB
      เปิดดู:
      78
    • 12-6-2552%206-05-32.JPG
      12-6-2552%206-05-32.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55 KB
      เปิดดู:
      107
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Up : ปู่ซ่าบ้าพลัง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แม้แต่ในโลกภาพยนตร์ยังดึงเอาความเป็นลูกเสือ มาใช้ในการดำเนินเรื่องเพื่อให้เกิดเรื่องราว เช่น ‘อัพ ปู่ซ่าบ้าพลัง’ (UP) ที่ตัวละครเด็กรูปร่างอ้วนกลมนามว่า 'รัสเซล' ซึ่งเป็นลูกเสือวัย 9 ขวบ ต้องใช้ความพยายามในการที่จะได้ตราสัญลักษณ์ที่ให้ความช่วยเหลือคนชรา จึงจะทำให้เขากลายเป็นลูกเสือที่ครบสมบูรณ์แบบและได้ขึ้นรับตราสัญลักษณ์ครบตามกำหนด และความพยายามของลูกเสือ นักผจญภัยคนนี้ก็เกิดเป็นเรื่องราวให้น่าติดตามในภาพยนตร์เรื่อง 'อัพ'

    Up : ปู่ซ่าบ้าพลัง เนื้อเรื่องย่อ :

    วอลท์ ดิสนีย์ พิกซาร์ พร้อมดันผลงานชิ้นโบว์แดงเรื่องที่ 10 ออกสู่สายตาผู้ชมด้วยเนื้อเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด! เมื่อคุณปู่วัยขาสั่นอายุใกล้ 80 ?คาร์ล เฟรดริกเซน? ซู่ซ่าเต็มร้อยออกเดินทางข้ามทวีปตามล่าหาฝัน กับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าตื่นเต้นที่ต้องพบกับเหล่าร้ายและการตามล่า มากมาย และแล้วคุณปู่สุดซ่าก็ได้ค้นพบตัวเองในที่สุดว่า ชีวิตการเป็นซูเปอร์ฮีโร่นี่เพิ่งเริ่มต้นเมื่อถึงวัยใกล้ฝั่งจริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้การผจญภัยในครั้งนี้เป็นเสมือนฝันร้ายที่ไม่อยากตื่นมาเจอ เลยของปู่ซ่าของเรา นั่นก็คือ รัสเซล ลูกเสือวัย 9 ขวบ นักผจญภัยที่เกิดมาพร้อมกับคำถามในทุกๆเรื่อง และเตรียมป่วนในทุกสถานการณ์ มาดูกันว่าที่ว่าบ้าพลังนั้น คุณปู่ของเราจะบ้ากับความยุ่งของเจ้าหนูรัสเซลก่อนจะได้ใช้พลังหรือไม่

    ที่มา http://www.goobgib.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • up-03.jpg
      up-03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.7 KB
      เปิดดู:
      1,797
    • up-pic2.jpg
      up-pic2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.5 KB
      เปิดดู:
      92
    • up-02.jpg
      up-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      1,755
    • up-01.jpg
      up-01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      2,004
  10. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    ลูกเสือ เคยสอนเด็กว่าช่วงนี้อยู่ในยุค เข้าถึงประชาชน แต่ขณะนี้ ไม่รู้ว่าจะรุ่งเรื่องหรือซบเซากันแน่

    ตั้งแต่ปฏิรูประบบราชากร ปฏิรูประบบการศึกษา กองลูกเสือที่เคยเป็นหลัก ตอนนี้ไม่รู้ไปสังกัดใหน

    คนที่เคยทำงานด้วยกัน กระเด็นกันไปคนละทาง ในโรงเรียนเองก็ระสำระสายจะเอาไงแน่ ดูแล้วมืดมล

    ไม่เห็นจะมีใครมาปัดฝุ่นอย่างจริงจัง ฝ่ายการเมืองก็มัวแต่เอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ได้ลงมามองในกิจกรรม

    เล็กๆแบบงานลูกเสือ


    นี่ละหนา มัวแต่หวังเดินไปข้างหน้าปฏิรูปกันเสียยกใหญ่ รื้อของเก่าที่ดีๆทิ้งไว้เรี่ยราด อีกหน่อยก็คงลืม

    ว่ามันควรจะอยู่ตรงไหนของประเทศ แล้วคุณจะให้ผมสรรเสริญไอ้พวกหัวปฏิรูปได้ยังไง

    มัน "วัวลืมตีน" ชัดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  11. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ...!! สงคราม !!...
    เกมส์การเมืองของผู้นำ
    เพื่อปกป้องผลประโยชน์..ของตนเอง
    ...และพวกพ้อง.
     
  12. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    วิชาลูกเสือสอนให้รู้จกความสามัคคี ความเสียสละ การทำงานเพื่อส่วนรวม ความรักประเทศชาติ และยามมีภัยพิบัติ หรือในภาวะสงคราม ก็อาจจะนำมาใช้ได้อย่างได้ผล เพราะตั้งแต่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงคราม การช่วยป้องภัยจากการโจมตีของข้าศึก ทั้งทางอากาศ (ถ้าเรดาย์ ถูกทำลาย เราต้องใช้คนตรวจการทางอากาศ แทนเรดาย์) หรือประจำป้อมปืนต่อสู้อากาศยาน ทางบก การป้องกันการลักลอบจารชนของข้าศึก หรือแกะรอยหน่วยาลาดตระเวนของข้าศึก ทางทะเล เฝ้าตรวจป้องกันการยกพลขึ้นของข้าศึก หรือประจำป้อมปืนชายฝั่ง
     
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    รพ.ราชวิถี เจ๋ง ผ่าตัดคน หูหนวก เป็นใบ้ ให้พูดได้ เป็นปกติ
    ความหวังในการสื่อสารด้วยการการพูดสำหรับผู้พิการหูหนวก เป็นจริงแล้วเมื่อโรงพยาบาลราชวิถีสามารถผ่าตัดเด็กหูหนวกเป็นใบ้กว่า 300 ราย ให้สามารถพูดได้เป็นปกติ โดยการ ฝังรากประสาทหูเทียมเข้าที่หูชั้นในโดยไม่มีผลข้างเคียง และสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
    นพ.เกียรติยศ โคมิน หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก ประสาทหูเทียม โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นการใช้นวัตกรรมการผ่าตัดฝังรากหูเทียมเข้าที่หูชั้นใน หรือที่เรียกว่า กระดูกก้นหอย เพื่อกระตุ้นการได้ยิน โดยใช้กระแสไฟฟ้าเชื่อมต่อปลายประสาทของหูโดยตรง ทำให้เด็กสามารถได้ยินตามปกติและสามารถพูดได้
    [​IMG]
    สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดแพทย์แนะนำให้ควรผ่าตัดในวัยเด็กไม่เกินอายุ 2 ขวบ เพราะจะสามารถสื่อสารและเรียนรู้ ก้าวทันได้พร้อมเด็กทั่วไป โดยเครื่องดังกล่าว จะมีประสิทธิภาพสูง สื่อสารได้อย่างคนปกติทั่วไป
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฝนตกหนักดินถล่มพัทลุง ชาวบ้านจัดเวรยามเฝ้าเตรียมอพยพ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>จากกรณีได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ทำให้เกิดภาวะป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ อ.ป่าบอน อ.บางแก้ว จ.พัทลุง

    ล่าสุดที่ภูเขาควนแพน บ้านทำผัง ม. 4 ต.ลำสินธ์ อ.ศรีนครินทร์ ได้เกิดเหตุดินถล่มลงมาเป็นระยะทางยาว 800 เมตร และทางทิศใต้จากจุดที่เกิดเหตุยังพบรอยร้าว กว้าง 1 เมตร ลึก 1 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร นอกจากนั้นในพื้นที่ ม.3 ต.ลำสินธุ์ ยังพบดินถล่มเป็นทางยาวในลักษณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา นั้น


    นายสุนันท์ รุ่งเรือง อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 8 ม.4 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาดินได้ถล่มลงมาในพื้นที่ ม.4 มาแล้ว 1 จุด

    และในวันนี้ดินได้ถล่มซ้ำลงมาอีกทับสวนยางพาราอีก 1 จุด ซึ่งห่างจากจุดเดิมประมาณ 100 เมตร โดยดินที่ถล่มมาพร้อมกับหินกรวดไหลลงมาเป็นระยะทางยาว 800 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุไปทางทิศใต้ประมาณ 150 เมตร ยังพบดินในบริเวณนั้นมีรอยเลื่อนร้าว กว้าง 1 เมตร ลึก 1 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร


    นอกจากนั้นในพื้นที่ ม.3 ต.ลำสินธุ์ ยังพบดินถล่มเป็นทางยาวในลักษณะเดียวกันอีก ส่งผลให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างหวาดกลัวว่าดินจะถล่มลงมาอีก จึงได้จัดตั้งชุดเฝ้าระวังหมู่บ้านขึ้นเพื่อเฝ้าระวังการถล่มของดิน หากเกิดเหตุจะได้อพยพบ้านชาวจำนวน 8 ครัวเรือนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุออกนอกพื้นที่ได้ทันท่วงทีนที

    ทางด้านนางคำนึง หอยสกุล อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 93 ม.4 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า ตนกลัวว่าเหตุดินถล่มจะเกิดซ้ำลงมาอีก โดยเฉพาะพื้นที่ที่พบร้าว ตนต้องเฝ้าติดตามการรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบ้านของตนอยู่ใกล้เส้นทางการไหลของดินและทางน้ำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ใต้ตอนล่างฝนตกหนัก ยอดดอย-เทือกเขาอากาศหนาว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าว มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าส่วนบริเวณยอดดอยและเทือกเขาอากาศหนาว

    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่งและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไประมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนที่ตกหนักและชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังการเดินเรือ ในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ
    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.



    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    ภาคกลาง
    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    ภาคตะวันออก
    อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาวอุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร



    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร



    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร



    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ที่จริงวิชาลูกเสือเป็นวิชาที่มีประโยชน์มาก มีกิจกรรมที่สนุก และไม่น่าเบื่อ (ถ้าดูจากหลักสูตร)
    แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณครู ว่าจะนำเสนออย่างไร บาง รร.ไม่ได้สนใจกับวิชานี้ สอนบ้างไม่สอนบ้าง ทำให้เป็นวิชาน่าเบื่อ แบบว่ามีชื่อตามหลักสูตร แต่ไม่ได้สอนให้เป็นจริงเป็นจัง ไม่มีอาจารย์ที่สนใจทำให้เป็นวิชาที่น่าสนใจ เพราะมัวไปเน้นแต่วิชาการ
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เรียนลูกเสือ ****

    ได้รู้จักสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต.... คือ "สัจจะ"
    แต่ ทำได้แค่ไหน หรือ ทำไม่ได้... เป็นเรื่องของบุคคล

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    ตอนนี้เครื่องวัดกรองกะแสไฟฟ้าที่ ใช้อยู่ แสดงแรงดันของกระแสไฟฟ้าสลับใน บ้าน จากปกติ เฉลี่ยที่ 220 V. บวกลบ 5- 10 เปอร์เซนต์ 191 - 240 v.

    มาแสดงกระแสไฟฟ้าที่สวิงขึ้นไปถึง 278 V. ซึ่งสามารถทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ละเอียดอ่อนต่อกระแสไฟฟ้า

    ดังนั้นเมื่อเกิดการเหนี่ยวนำแม่เหล็็กไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศจนทำให้ เกิดกระแสและแรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในวงจร สูงจน เครื่องไฟฟ้าเสียหาย ย่อมเป็นไปได้ครับ

    ลองคิดเผื่อว่า หากไม่มีเครื่องไฟฟ้าใช้เราอยู่ได้ไหม หรือมีอะไรที่ใช้งานทดแทนได้
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** การเก็บข้อมูล ****

    การบันทึกเก็บข้อมูล ในโลหะ ในทองแดง ใช้ได้ไม่นาน
    บางประเทศ ดีหน่อย แพงหน่อยใช้ทองคำ
    เขาจูนกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้ามา ข้อมูลก็ถูกเปลี่ยนแปลงได้
    เขาเปลี่ยนแปลงตัวเลขได้ เปลี่ยนเลขในธนาคารได้
    ถ้าเราฉลาด... ต้องเก็บข้อมูลบันทึกไว้ในหิน จะเก็บได้นาน
    จะกี่สิบล้าน แสนล้าน ล้านๆปี ก็ไม่สูญหาย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา....."

    [​IMG]

    "ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา จะเรียกว่าภยตูปัฏฐานญาณ ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าญาณตัวนี้จะพิจารณาว่าโลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง มันน่ากลัวตรงไหนรู้ไหม ? อันดับแรกอาศัยเครื่องมือเครื่องใช้อะไรต่าง ๆ มากจนเกินไป จนกระทั่งเสื่อมสมรรถภาพไปเลย โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ สังเกตว่าเด็กสมัยนี้ลายมือห่วยแตกมาก มันพิมพ์แต่คอมพิวเตอร์มากไปจนกระทั่งลายมือตัวเองไม่ได้ใช้

    อันดับที่ ๒ ก็คือข้อมูลต่าง ๆ เขาจะค้นหาจากคอมพิวเตอร์ โดยตัวเองไม่ได้จำ พอถึงเวลาถ้าคอมฯ เจ๊งก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเองเลย และอันดับต่อไปพวกเครื่องอำนวยความสะดวกของเขาทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าดับเจ้าพวกนี้ตายก่อน"

    กระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับที่ ๓๕ โดย พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 39974.jpg
      39974.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      1,371
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกิลีกส์ เผย โสมแดงส่งมอบมิสไซล์ให้อิหร่าน 19 ลูก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 พฤศจิกายน 2553 14:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    วิกิลีกส์เผยรายงานลับของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า เกาหลีเหนือส่งขีปนาวุธให้อิหร่าน 19 ลูก รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีอื่นๆ ในการออกแบบและสร้างมิสไซล์

    [​IMG]
    มิสไซล์ อาร์-27 ของรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นแบบของมิสไซล์ บีเอ็ม-25 ของเกาหลีเหนือ

    เอเอฟพี - หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่า อิหร่านได้รับขีปนาวุธศักยภาพสูงมาจากเกาหลีเหนือ ซึ่งสามารถใช้โจมตีได้ไกลถึงยุโรป หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงาน ข้อมูลลับจากเอกสารที่วิกิลีกส์นำมาเปิดโปง วานนี้ (28)


    หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ของอังกฤษ รายงานว่า เอกสารลับดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของนักการทูตสหรัฐฯ ซึ่งกำลังกดดันจีนให้ขวางการขนส่งมิสไซล์จากเกาหลีเหนือไปยังอิหร่าน

    ทางด้านสื่อสหรัฐฯ ฉบับดังกล่าว ซึ่งอ้างอิงข้อมูลทางการทูตเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ รายงานว่า "การประเมินสถานการณ์ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สรุปได้ว่า อิหร่านได้รับขีปนาวุธศักยภาพสูง ซึ่งมีต้นแบบมาจากมิสไซล์ของรัสเซีย"

    เกาหลีเหนือส่งมอบขีปนาวุธ ซึ่งพัฒนามาจากมิสไซล์ อาร์-27 ของรัสเซียให้อิหร่านจำนวน 19 ลูก ข้อมูลลับจากวิกิลีกส์เผย อีกทั้งยังระบุว่า "อิหร่านมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการค้นคว้าเทคโนโลยีการสร้างขีปนาวุธรุ่นใหม่"

    "ขีปนาวุธของโสมแดง รุ่น บีเอ็ม-25 สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้" นิวยอร์กไทม์ส รายงาน พร้อมทั้งระบุว่ามีพิสัยการยิงไกลกว่า 3,000 กิโลเมตร

    "ในทางทฤษฎี หากยิงจากอิหร่าน มิสไซล์รุ่นดังกล่าวสามารถยิงได้ไกลถึงยุโรปตะวันตก อย่าง กรุงเบอร์ลิน หากตั้งเป้าไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือ มิสไซล์ดังกล่าวสามารถยิงได้ไกลถึง กรุงมอสโก"

    "เอกสารที่รั่วไหลครั้งนี้ระบุว่า อิหร่านไม่เพียงได้รับ มิสไซล์ บีเอ็ม-25 จากเกาหลีเหนือ แต่ยังมองหาเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อการค้นคว้าออกแบบ และสร้างขีปนาวุธรุ่นใหม่ ที่มีศักยภาพทำลายล้างรุนแรงมากยิ่งขึ้น" หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงาน

    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังไม่สามารถยืนยันได้ ว่า เกาหลีเหนือมีเทคโนโลยีสูงพอที่จะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในหัวรบมิสไซล์ได้หรือไม่

    จากรายงานฉบับดังกล่าว เดอะการ์เดียน อ้าง "ข้อมูลลับ" ทางการทูตเมื่อปี 2007 ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่แจ้งไปยังทางการจีน เกี่ยวกับการขนส่งส่วนประกอบของขีปนาวุธผ่านทางกรุงปักกิ่ง และต้องการให้จีนขานรับ และขัดขวางปฏิบัติการครั้งนั้น

    "ทางการสหรัฐฯ เชื่อว่า เกาหลีเหนือและอิหร่านจะพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธให้มีศักยภาพรุนแรงยิ่งขึ้น และมีความพยายามขนส่งอาวุธผ่านดินแดนจีน" เอกสารดังกล่าวระบุ

    ทั้งนี้ มีการระบุรายชื่อเที่ยวบิน 11 เที่ยวบินที่ต้องสงสัยว่าขนส่งขีปนาวุธจากโสมแดงไปยังอิหร่านผ่านทางสนามบินในกรุงปักกิ่ง โดยสายการบินพาณิชย์ของทั้งสองประเทศ

    อนึ่ง กระทรวงต่างประเทศของจีนยังไม่ได้แสดงท่าทีแต่ใดๆ ออกมา หลังจากนักข่าวเอเอฟพีขอความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว

    จีนเป็นพันธมิตรสำคัญของทั้ง อิหร่าน และเกาหลีเหนือ โดยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่าน และคอยให้การสนับสนุนเกาหลีเหนือเสมอมา

    หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน รายงานว่า ทางการจีนอ้างว่า จากการสืบสวนกรณีดังกล่าว ไม่พบหลักฐานการส่งมอบขีปนาวุธตามคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ แต่เอกสารลับฉบับนี้ยืนยันว่า "การขนส่งขีปนาวุธได้เกิดขึ้นจริง และยังคงมีการดำเนินการผ่านทางกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน" ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อมนุษย์มีความโลภจนเกินขีดจำกัด เราเป็นเพียงธุลีเล็กๆของจักรวาล เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเอกภพ

    ความสัมพันธ์เชื่อมโยงทุกสรรพสิ่ง ด้วย เมตตา การให้ การแบ่งปัน

    แต่เมื่อทุกอย่างเป็นทุนนิยม เป็นผลประโยชน์

    แม้ดวงอาทิตย์คนเราก็คิดเป็นเจ้าของครอบครองและหวังจะหาผลประโยชน์ กับดวงอาทิตย์ ผู้ให้แสงสว่างและชีวิตต่อทุกๆคน


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="650"><tbody><tr><td style="padding-top: 10px;" align="left">เชื่อหรือไม่ ? เจ้าของพระอาทิตย์ คือ สาวชาวสเปน

    นางอังเคเลส ดูราน สาวใหญ่ชาวสเปน เผยว่าตนได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของดวงอาทิตย์แล้ว หลังไร้ผู้อ้างสิทธิมานานหลายพันล้านปี

    </td> </tr> <tr> <td class="hl-text" valign="top"> นางอังเคเลส ดูราน สตรีชาวสเปนวัย 49 ปี เปิดเผยกับเว็บไซต์ นสพ.เอลมุนโดว่า เธอได้จดทะเบียนกับสำนักงานรับรองทะเบียนในแคว้นกาลิเซีย ทางเหนือของสเปน ว่าดวงอาทิตย์เป็นทรัพย์สินของเธอแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากอ่านพบข่าวชายอเมริกันคนหนึ่งจดทะเบียนว่าตนเองเป็นเจ้าของดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ในระบบสุริยจักรวาล

    นางดูรานกล่าวว่า เธอไม่ได้โง่ และรู้กฎหมายเป็นอย่างดี พร้อมยกข้อตกลงระหว่างประเทศที่กำหนดว่า ไม่มีประเทศใดอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของโลกหรือดวงดาวใดๆ ได้ แต่มิได้ระบุห้ามปัจเจกบุคคลอ้างกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด

    ทั้งนี้เอกสารที่ออกโดยสำนักจดทะเบียนประกาศว่า นางดูรานเป็นเจ้าของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์อยู่ในสเปกตรัมจี 2 ตั้งอยู่กลางระบบสุริยะ มีระยะทางห่างจากพื้นโลกประมาณ 149.6 ล้าน กม.

    นางดูรานซึ่งอยู่ที่เมืองซาลบาเตร์รา โด มิโน กล่าวว่า เธอต้องการจะเก็บค่าธรรมเนียมทุกคนที่ใช้พระอาทิตย์ และมอบรายได้ครึ่งหนึ่งให้แก่รัฐบาลสเปน และให้ระบบบำนาญของประเทศ 20% เหลือไว้เพียง 10% ให้แก่ตัวเอง

    Source : komchadluek/solarpowerninja (Image) </td> </tr> <tr> <td class="hl-text" valign="top"> 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10:17 น. </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...