ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

ไม่มีครับผม

 

ว่าด้วยสมเด็จองค์ปฐม



โดย พี่สิทธิ์

เนื่องจากในสมัยที่หลวงปู่ดู่มีชีวิต ก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังท่านกล่าวถึง “สมเด็จองค์ปฐม” จึงมิเคยได้ซักถามในรายละเอียด

เรื่องของสมเด็จองค์ปฐมนั้น ดูเหมือนจะมีการกล่าวถึงและสร้างขึ้นบูชาแต่ครั้งสมัยของ หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ (พระมหาวีระ ถาวโร) หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผู้เขียนเคยนึกสงสัยแต่ยังไม่เคยมีโอกาสเรียนถามหลวงพ่อฤาษีในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต และเก็บความสงสัยนี้ไว้ กระทั่งมีโอกาสซักถามพระลูกศิษย์อาวุโสท่านหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีเกี่ยวกับสมเด็จองค์ปฐมว่า ในเมื่อพระพุทธองค์กล่าวว่าพระพุทธเจ้าในอดีตมีมากมายจนไม่อาจนับหรือประมาณได้ อีกทั้งญาณของพระสาวกก็มีจำกัด แล้วจะรู้จักสมเด็จองค์ปฐมได้อย่างไร กอปรกับการสร้างและบูชาสมเด็จองค์ปฐมจะมิเป็นการมองข้ามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของชาวพุทธดอกหรือ

พระอาจารย์ท่านนั้น ให้ความเห็นว่า นี้เป็นเรื่องที่ท่านอยากจะพูดเล่าและชี้แจงอยู่ทีเดียว เพราะมีการสร้างและยึดถือคลาดเคลื่อนกันไปมาก ท่านว่าเป็นความจริงว่าไม่มีใครจะไปทราบได้ถึงสมเด็จองค์ปฐม และ หลวงพ่อฤาษีก็มิได้มีเจตนาจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมขึ้นให้บูชาอย่างเป็นเอกเทศ (หมายถึงสมเด็จองค์ปฐมองค์เดียว)

หากแต่ให้สมเด็จองค์ปฐมเป็นเสมือนที่รวมตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรก (องค์ปฐม) - ตามสมมุติ และพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ รวมทั้งองค์ปัจจุบัน ด้วย ทั้งนี้ ก็ด้วยความรู้สึกกตัญญูถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งในอดีตและปัจจุบัน (รวมไปถึงที่จะมีมาในอนาคตด้วย)เพราะหากไม่มีพระพุทธเจ้าในอดีต พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

ผู้เขียนฟังดังนั้น ก็รู้สึกพอใจเพราะเป็นคำตอบที่ชอบด้วยเหตุผล แต่ทำอย่างไรเล่าที่คนภายหลังจะไม่หลงลืมตกหล่นเจตนารมณ์ในการสร้างสมเด็จองค์ปฐมดังที่กล่าวมานี้ จึงขอฝากผู้อ่านทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย

 

คราวที่แล้วที่บอกไปว่าหลวงตาม้าท่านจะมาโปรดเหล่าศิษย์ที่ จ.เชียงราย ที่ อ.เวียงชัย พอดีว่าเขียนผิดครับ ไม่ใช่ อ.เวียงชัย แต่เป็น อ.พาน ครับ ขออภัยด้วยครับ พอดีวันนี้หมอเหน่ง ผู้ประสานงานนิมนต์หลวงตาท่านมาโปรดที่เชียงรายได้ส่ง ข้อมูลมาให้บอกบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่พานครับ ขออนุญาติลงข้อมูลเลยแล้วกันครับ จะได้ร่วมบุญกันครับ เป็นข้อมูลจากหมอเหน่ง ไม่ใช่ผมนะครับ
<O
<O
เชียงราย – พะเยา ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าแถบเชียงราย – พะเยา โปรดทราบ หลวงตาม้าจะมาโปรดญาติโยมที่อำเภอพาน
<O
<O

<O</O<Oเนื่องด้วยกระผม นายเศวต บุญมาเกี๋ยง อาชีพรับราชการ เป็นนักวิชาการสาธารณสุข ประจำสถานีอนามัยตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย มีความศรัทธาต่อครูบาอาจารย์หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ได้นิมนต์หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ เชียงดาว มาโปรดญาติโยม ลูกศิษย์แถบจังหวัดเชียงรายและพะเยา ที่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 3 (บวกปลาค้าว) ตำบลหัวง้ม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งหลวงตาม้าท่านก็รับนิมนต์มาโปรดญาติโยมเป็นประจำเหมือนที่อื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
</O<O
<O1.เพื่อให้ลูกศิษย์หลวงปู่หลวงตา ได้มีโอกาสทำบุญกับครูบาอาจารย์อย่างใกล้ชิด และเป็นกำลังใจส่งเสริมการปฏิบัติธรรมให้กับลูกศิษย์ที่อยู่ห่างไกล ที่ไม่ค่อยมีเวลา โอกาสไปที่ถ้ำเมืองนะ</O
<O
2.เพื่อเป็นโอกาสให้กลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่หลวงตาที่กระจัดกระจายตามพื้นที่จุดต่างๆ มารวมตัวกัน พบปะ พูดคุย ทำความรู้จักกัน เนื่องจากที่ผ่านมา กระผมเห็นว่ามีลูกศิษย์ลูกหาสายหลวงปู่หลวงตาที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดเชียงราย – พะเยา มีจำนวนไม่น้อย แต่ไม่ค่อยได้รู้จักกัน จึงคิดอยากรวมกลุ่มลูกศิษย์ที่มีความคิด วิธีปฏิบัติแนวเดียวกัน ใกล้เคียงกัน หรือแบบอื่นๆ (ไม่จำกัดสาย)

3.เพื่อเปิดโอกาสให้สร้างบุญกุศล สาธารณะประโยชน์ร่วมกันต่อไปในอนาคต ตามโอกาสและความเหมาะสม เมื่อรวมกลุ่มกันได้แล้ว

4.เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภพภูมิต่างๆ ที่ถึงแม้เชียงราย พะเยา จะอยู่ใกล้วัดถ้ำเมืองนะ เชียงใหม่ แต่โอกาสที่หลวงตาม้าท่านจะผ่านมาแถบนี้ก็มีไม่บ่อยมากนัก

สำหรับการมาโปรดลูกศิษย์ของหลวงตาม้าที่อำเภอพานนั้น หลวงตาแจ้งมาว่า จะไม่มีการกำหนดวันที่ตายตัว หลวงตาม้าท่านจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าประมาณ 2 – 3 วันก่อนเดินทางมา ฉะนั้นตรงจุดนี้ กระผมขอรับเป็นธุระในการแจ้งข่าวบนเว็ป และแจ้งทางโทรศัพท์

ในช่วงระยะนี้ยังไม่มีกำหนดวันที่หลวงตาม้าท่านจะมาโปรดญาติโยมที่อำเภอพาน เนื่องจากอยู่ในช่วงการก่อสร้างสถานที่รับรองหลวงตาและญาติโยมที่จะมาร่วมบุญ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศาลาหลังคามุงจาก หรือกระต๊อบหลังเล็กๆ ขนาดพอเหมาะพอดีตามกำลัง

สำหรับรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ นายเศวต บุญมาเกี๋ยง (เหน่ง) โทรศัพท์มือถือ (DTAC) 086 – 7613975 , (CDMA)086 – 4303305

วันที่หลวงตาท่านมาดูสถานที่ จุดสร้างกระต๊อบนั้น ...ก่อนที่หลวงตาท่านจะก้าวขึ้นรถกลับเชียงใหม่ ท่านได้หันมาพูดกับผมว่า...

“ ทำก็ทำซะ เวลาเหลือน้อยแล้ว ”


</O>

 

เสียใจเพื่อนรักไม่ไปวัด



โดย พี่สิทธิ์

ลูกศิษย์อาวุโสคนหนึ่งของหลวงปู่เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งเข้าวัดใหม่ ๆ ว่าก่อนจะไปกราบหลวงปู่ ๑ วัน เขาได้ชวนเพื่อนรักไปกราบหลวงปู่ด้วยกัน ซึ่งเพื่อนก็รับปากด้วยดี แต่พอถึงเวลาจริง ปรากฏว่ายังไม่สร่างเมา ลุกไปวัดด้วยไม่ไหว แกก็เลยต้องไปวัดคนเดียว และนึกเสียใจ อารมณ์ไม่ดีไปตลอดกระทั่งทำบุญกับหลวงปู่เสร็จ

หลวงปู่มองหน้าเขาแล้วพูดแบบชนิดรู้เรื่องทะลุปรุโปร่งถึงความหนักอกหนักใจของเขา (โดยที่เขามิได้เล่าถวายหลวงปู่แต่อย่างใด) ว่า

"ยังไม่ถึงเวลาของเขา"

แล้วท่านก็ยิ้มให้ ทำให้ลูกศิษย์คนนี้ อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีทันใด นี่แหละหนา เมตตาที่ขาดปัญญาก็สร้างทุกข์แก่เจ้าของได้

คนบางคนเมื่อยังไม่ถึงเวลา จะไปยัดเยียดธรรมะให้อย่างไรก็ไม่ฟัง แต่พอถึงเวลาของเขา เขาอาจเอาจริงเอาจังจนแซงใคร ๆ กลายเป็นครูบาอาจารย์ขึ้นมาอีกคนหนึ่งก็เป็นได้ ทุกอย่างไม่แน่ แต่ที่แน่ ๆ ควรต้องรักษาจิตของเจ้าของให้ดีไว้ก่อน

 

ขอให้คุณแม่หายไวๆนะครับ

 

อนุโมทนาด้วยครับพี่

 

ผู้มีสติชอบ



นักปฏิบัติธรรมทุกคนที่หวังพ้นทุกข์ มักมีอุปสรรคจากการปฏิบัติไม่มากก็น้อย สิ่งที่ต้องนำมาใช้อยู่เสมอคือ ธรรมที่มีอุปการะมาก ได้แก่ สติ และ สัมปชัญะ แต่มักเรียกสั้นๆ ว่า สติ

มีผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งได้กราบเรียนหลวงปู่ว่า

ผู้ปฏิบัติ

"หลวงปู่ครับ ทำอย่างไรจึงจะมีสติอยู่ตลอดเวลาครับ"

หลวงปู่

"ผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา เห็นมีแต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้น มีสติแม้กระทั่งเวลาหลับ ปุถุชนอย่างเราจะทำได้อย่างไร ยากต้องค่อยๆ ทำไป"

คำพูดของหลวงปู่คือ

หมั่นเจริญสติจนในที่สุดจะได้มหาสติเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย

 

อุบายสอนกรรมฐานเด็ก



โดย พี่สิทธิ์

หลวงปู่เคยปรารภหลายครั้งว่าสอนกรรมฐานให้เด็ก ๆ นั้น ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่ อ่านมามาก ฟังมากมาก สอนคนรู้มากนั้นสอนยาก เพราะมักมีความลังเลสงสัยอันเป็นนิวรณ์หรืออุปสรรคต่อการทำจิตให้เป็นสมาธิ

"นี่จึงเป็นเหตุผลที่ท่านให้พวกเราปฏิบัติอย่างคนโง่ (คือ อย่าปฏิบัติอย่างคนรู้มาก ความรู้ความจำเต็มหัว)"

ครั้งหนึ่ง มีคุณพ่อคุณแม่พาลูกสาววัยปฐมศึกษาตอนต้นมาวัดสะแก คราวนี้ตัวพี่สาวของเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้มาวัดด้วย โดยบอกกับคุณพ่อคุณแม่และน้องสาวว่าวันนี้ไม่ไปวัดด้วยนะคะ เพราะจะอยู่ทำการบ้าน

พอครอบครัวนี้ กราบกลวงปู่เสร็จ หลวงปู่ก็ถามว่าพี่สาวแกหล่ะ ไม่มาด้วยหรือ เด็กน้อยก็กราบเรียนหลวงปู่ว่าพี่สาวหนูเขาต้องอยู่ทำการบ้านค่ะ หลวงปู่ก็บอกเด็กน้อยว่า ถ้าอย่างนั้น ก็นั่งหลับตาเดี๋ยวนี้เลย จากนั้นท่านก็พาเด็กน้อยผู้นี้ไปดูเหตุการณ์ที่บ้าน เด็กก็พูดเล่าทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า เห็นคนใช้ที่บ้านกำลังซักผ้า พอเข้าไปในบ้านก็เห็นพี่สาวกำลังนอนเหยียดยาวดูทีวีรายการการ์ตูนอยู่หลวงปู่ได้แต่อมยิ้ม เอ่ยว่าพี่สาวเขาหรอกแก

บางครั้งหลวงปู่ก็หลอกให้เด็กอ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟังในยามบ่าย ปลอดจากผู้คนที่มากวนท่าน นัยว่าเด็ก ๆ จะได้ซึมซับธรรมะที่ตนกำลังอ่านอยู่ ที่ข้าพเจ้าสังเกต ก็มักเป็นหนังสือของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งมีเรื่องตัวอย่างภพภูมิและกฎแห่งกรรมอยู่อย่างมากมาย หลวงปู่เคยพูดว่า

"หนังสือของท่านมหาวีระ อ่านดี"

แต่มีเหตุการณ์อันหนึ่งที่ดูจะไม่ธรรมดาเท่าไรนัก คือในเวลาที่จะฉันเพล บางครั้งท่านจะให้อุบายฝึกเด็กทำกรรมฐานโดยให้เขานั่งหลับตาแล้วดูว่าท่านนิมนต์ใครมาร่วมฉันกับท่านบ้าง พอท่านถาม เด็กก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ คือ หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง และ หลวงพ่อโตวัดมงคลบพิตร ลุกขึ้น เดินมาวัดสะแก นอกจากนี้ก็ยังมีพระสงฆ์มาร่วมด้วย แต่เขาไม่รู้จัก หลวงปู่จึงเฉลยว่า คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่ลังกาซึ่งเป็นผู้ที่เรียบเรียงพระไตรปิฎก

 

ปัจจุบันนี้เด็กคนนี้ถ้ายังอยู่ก็น่าจะอายุประมาณไม่เกิน 30 นะครับ ใครรู้ก็มาช่วยตอบกันหน่อยเร้ว เอิ้กๆ