ประสบการณ์ขนหัวลุกของเพื่อนบ้านที่ชอบใส่บาตรทุกวัน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 20 มกราคม 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]


    "ณัชชา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของเพื่อนบ้านที่ชอบใส่บาตรทุกวัน

    ดิฉันเชื่อเรื่องผี เพราะสสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก แต่อาจเปลี่ยนรูปหรือพลังงานเป็นอะไรก็ได้ โดยเฉพาะพลังจิตหรือตัณหาที่ทำให้อยากเกิด อยากเป็น ย่อมมีกระแสอำนาจรุนแรงพอที่จะทำให้เกิดรูปและเสียงต่างๆ ขึ้นได้

    แม้ว่าจะเชื่อว่าผีมีจริง แต่ดิฉันก็เป็นคนไม่กลัวผีหรอกค่ะ

    รู้แน่ว่าวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องตายเหมือนกัน เคยถามตัวเองว่าถ้าตายไปแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน? ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไรหนอ? ข้อสำคัญคือคิดจะไปหลอกหลอนใครหรือเปล่า?

    ตอบได้เดี๋ยวนี้เลยว่าไม่คิดแน่ๆ

    แต่คิดในมุมกลับว่ามีคนถูกผีหลอก หรือบอกว่าเห็นผี สมมติเราเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ผีมาหลอกทำไม? ปรากฏให้เห็นเพื่ออะไร? คงจะไม่ใช่เพื่อความสนุกแบบเด็กๆ แน่ แต่คงจะต้องการส่วนบุญส่วนกุศล หรืออย่างน้อยก็มีจิตที่ยังอาลัยอาวรณ์กับคนๆ นั้นอยู่มาก จึงมาปรากฏให้เห็น

    อาจจะมาทั้งในเวลาตื่นและเวลาหลับ ซึ่งเราเรียกว่า "ฝันเห็นผี" หรือ "ผีมาเข้าฝัน" ก็ได้ทั้งนั้น

    ดิฉันเคยฝันเห็นญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วหลายคน หลายครั้ง ในฝันมักจะทราบดีว่าเขาตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร ตรงกันข้าม กลับพูดคุยกับพวกเขาเป็นปกติด้วยซ้ำ วันต่อมาก็หาโอกาสใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้

    เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหยกๆ นี่เอง ดิฉันได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด ทำให้งุนงงสงสัยมาจนถึงขณะนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่?

    ไม่ใช่ตาฝาด ประสาทหลอนจนเห็นผี หรือวิญญาณ แต่ทำให้คิดถึงทีไรเป็นต้องขนหัวลุกทีนั้นค่ะ

    ดิฉันอยู่ในซอยบาหยัน ถนนเจริญกรุง ก่อนจะออกไปทำงานต้องใส่บาตรพระ 1 รูปเป็นประจำที่หน้าประตูบ้าน กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ถ้าไม่เจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้นจริงๆ ก็จะไม่เว้นใส่บาตรหรอกค่ะ

    มีเพื่อนบ้าน 3-4 คน ที่ได้พบกันตอนนั้น สังเกตว่าทุกคนมีสีหน้าอิ่มเอิบสดใส ทำให้แน่ใจว่าการทำบุญนี้ได้บุญทันตาเห็นจริงๆ เพราะยังไม่เคยเห็นคนหน้าบึ้งตึงหรือหน้าหงิกงอมารอใส่บาตรพระสักคนเดียว

    เคยได้ยินว่า เพียงแต่คิดดีคิดชอบก็ได้บุญแล้ว! คงจะเป็นความจริงนะคะ

    "ป้าอ่อน" อายุราว 70 ปี บ้านอยู่เยื้องๆ กับดิฉัน เราพบกันส่วนมากในเวลารอใส่บาตรพระมาหลายปีแล้ว บางวันก็ทักทายข้ามฟากกัน บางวันก็เพียงยิ้มๆ ให้กัน

    ป้าอ่อนเป็นคนผอมสูง ผมสีดอกเลาตัดสั้น ปากติดยิ้มอยู่เสมอ พูดจาอ่อนหวานเสียงเบา เดินช้าๆ ออกจากบ้านที่มีต้นไม้ร่มรื่น อุ้มขันข้าวอะลูมิเนียมพร้อมอาหารใส่ถุงมาหยุดรอพระที่ประตูรั้วเหมือนดิฉัน เวลาออกมาใส่บาตรจะห่มผ้าสไบเฉียงสีอ่อนเป็นประจำ

    ดิฉันอาจจะเว้นทำบุญไปบ้างเมื่อป่วยหรือไปต่างจังหวัด แต่ไม่เคยเห็นป้าอ่อนหายหน้าไปเลยแม้แต่วันเดียว

    กระทั่งถึงวันเกิดเหตุ!

    จำได้ว่าไม่มีลางสังหรณ์หรือมีอะไรผิดปกติเลย ตื่นเช้าลงมาเตรียมใส่บาตรตามเคย มีเด็กยกโต๊ะเล็กๆ มาวางพร้อมกับขันข้าว ถุงใส่หมูผัดขิงกับส้มเขียวหวานสองผล...นึกถึงป้าอ่อนแล้วรู้สึกกระดากชอบกล เพราะแกชราแล้วยังอุ้มขันข้าวออกมาเอง

    รถมอเตอร์ไซค์แล่นผ่านไปมา ขักจะหนาตาขึ้นเรื่อยๆ

    มองไปทางปากซอยก็เห็นจีวรเหลืองๆ ของพระภิกษุกำลังเดินโปรดสัตว์ แวะรับบาตรและใกล้เข้ามาทุกที

    หันไปมองฝั่งตรงข้ามก็เห็นป้าอ่อนยืนอุ้มขันข้าว ผ้าสไบเฉียงสีไข่ไก่ตัดกับเสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้ม ร่างผ่ายผอมยืนตัวตรงอยู่ใต้ซุ้มราชาวดีดอกขาวสะพรั่ง ค่อนข้างดกที่ริมรั้วใกล้ประตู

    หญิงชราหันมามองพอดี รอยยิ้มอ่อนโยนชินตาชินใจเหมือนทุกครั้ง แต่พอยิ้มตอบก็มีรถตุ๊ก-ตุ๊กแล่นผ่านไปถึงสองคัน

    ครั้นจ้องมองอีกทีก็เห็นป้าอ่อนกำลังตักข้าวใส่บาตรพระ ตามด้วยอาหารถุงจนเรียบร้อย ก่อนจะพนมมือจดหว่างคิ้วขณะที่พระท่านให้ศีลให้พร แล้วข้ามฟากมาทางดิฉัน เห็นป้าอ่อนพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันกลับเดินเข้าบ้านไป

    เย็นนั้นเอง ดิฉันจึงทราบว่าป้าอ่อนหกล้มในห้องน้ำ ศีรษะกระแทกพื้นจนหมดสติไป ลูกหลานรีบพาส่งโรงพยาบาลเลิดสินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

    ดิฉันมึนงงจนตาลายพร่า คิดอะไรไม่ออก ตอนแรกนึกว่าโดนผีหลอก ต่อมาก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ดิฉันเห็นป้าอ่อนกลางวันแสกๆ ดูมีเลือดมีเนื้อเหมือนคนปกติ ไม่มีทางตาฝาดเป็นอันขาด

    โชคดีที่ป้าอ่อนกลับมาพักฟื้นอยู่บ้านได้ตามเดิม อีกไม่กี่วันก็ออกมาใส่บาตรได้เป็นปกติ ดิฉันไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ป้าอ่อนกลับชอบมองยิ้มๆ เหมือนจะจำได้ หรือรู้ดีว่าดิฉันกำลังคิดอะไรอยู่...ยอมรับว่าขนลุกค่ะ

    คอลัมน์ ขนหัวลุก
    โดย ใบหนาด
    - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 6 พค. 47
     
  2. piromsuparp

    piromsuparp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,754
    ไม่ใช่ผีนี่ เขายังไม่ตาย น่าจะเป็นกายทิพย์เขามาคอยใส่บาตร (b-hmm)
     
  3. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    อืมม..ไม่ใช่ผี

    แต่ก็น่าอ่านนะครับ สนุกดี
     
  4. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    อืมม

    น่าจะไปถามเลยนะคับ เผื่อป้ามีอภิญญา ถอดกายทิพย์ได้จะได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์
    (b-smile)
     
  5. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ไม่ใช่ผีแน่ๆ อาจจะเป็นจิตพาไปมั้ง หรือป้าอ่อนถอดกายทิพย์ได้แน่ๆเลยน่ะ...
     
  6. phaktee

    phaktee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +98
    เคยมีคนเห็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่เค้ายังเป็นเด็กอยู่แถวๆ บ้านนะคะ ประมาณ 5-6 ขวบได้ เย็นวันนั้นแม่เค้าถามว่าเห็นคุณตากลับจากงานหมั้นของเพื่อนบ้านรึยัง (งานหมั้นก็อยู่ต่างอำเภอกันนะคะ ไกลพอสมควร) เด็กคนนั้นตอบว่า กลับมาแล้วเห็นนั่งอยู่หน้าบ้านไม่พูดอะไร คุยด้วยก็ไม่คุย สงสัยจะเหนื่อย แม่ก็งงว่ากลับมาตอนไหนทำไมไม่เห็น คือตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องนะคะ ว่ารถที่กลับมาส่งญาติๆ เกิดอุบัติเหตุกลางทางประสานงากับรถบรรทุก มีคนตายคนหนึ่ง อีกสองคนบาดเจ็บสาหัส คือคนขับรถและคุณตาของเด็กคนนี้ที่นั่งคู่กับคนขับอ่ะค่ะ คนอื่นๆ ที่ไปด้วยก็เจ็บระนาว สมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์ ข่าวที่เกิดก็ล่าช้ากว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บครั้งนั้นจะกระเสือกกระสนช่วยกันขนย้ายคนเจ็บไปโรงพยาบาลแล้วมาบอกข่าวก็ปาเข้าไป ทุ่มสองทุ่มเห็นจะได้ พอที่บ้านเค้ารู้เรื่องเข้า แม่ของเด็กคนนี้ก็ร้องไห้ใหญ่เลยอ่ะค่ะ เพราะลูกบอกว่าเห็นตากลับมาตอนเย็น คือช่วงพลบค่ำ เป็นเวลาช่วงที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นพอดี ก็เลยคิดว่าคุณตาคงไม่รอดแน่ๆ คนที่มาบอกข่าวเองก็บอกว่าโคม่า เพราะขาคุณตาติดอยู่ในรถกว่าจะเอาออกมาได้ก็เสียเลือดไปมากเหมือนกัน สุดท้ายนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนก็ได้กลับบ้าน แต่ก็อัมพาตไปแล้วค่ะ ตัวท่อนล่างไปถึงปลายเท้าไม่มีความรู้สึก แกเคยเล่าให้ญาติฟังเหมือนกันนะคะ ว่าตอนที่สลบไปนึกว่าตัวเองตายแล้วเหมือนกันจำได้แต่ว่าตอนนั้นชาไปหมดทั้งตัว ได้แต่นอนมองเลือดตัวเองทะลักออกเป็นลิ่มๆ แล้วก็วูบไป จิตก็คิดถึงบ้าน คิดถึงลูก คิดถึงหลานตัวน้อยที่บ้านกำลังน่ารักน่าชัง แต่ก็แปลกเหมือนกันว่าแกไม่ได้บอกว่าเห็นหลานที่บ้าน หรือว่าได้พูดคุยกับใครเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...