ประวัติและประสบการณ์ หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล) อ.สังขละ กาญจนบุรี

ผมเคยไปเดินตามหาอยู่เหมือนกันนิตยสารศักสิทธิ์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพ่อฯ
หาซื้อไม่ค่อยมีนะครับ ยิ่งช่วงน้ำท่วมกทม.ยิ่งทำให้หายากเข้าไปใหญ่ โดนน้ำเสียหายไปเยอะคนขายว่า

ผมไม่ทันยุคนั้นได้แต่นั่งเก็บข้อมูล ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ

 

เคยมีผู้ถามหลวงพ่ออุตตมะว่า "มีวัตถุมงคลรุ่นไหนบ้างที่หลวงพ่อใช้พลังในการปลุกเสกอย่างเต็มที่"

หลวงพ่ออุตตมะ ท่านตอบว่า "แรก ๆ ที่อาตมาสร้างวัตถุมงคลออกมาให้ญาติโยมได้นำไปใช้นั้น จะเป็นลูกประคำลงอักขระพระไตรปิฎก ที่อาตมาสร้างลูกประคำเพราะเป็นของเก่าแก่ที่ได้มีการสร้างกันมานานเป็นเวลาสองพันปีมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปเมื่อ ๒๐๐ปี อาตมามีความประสงค์ที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนาด้วยการสร้างลูกประคำขึ้นมานั่นเอง เมื่อญาติโยมได้รับไปก็จะสวดมนต์ภาวนาสร้างสมาธิ

ประคำสาย ทั้งสองสีรักดำ / ชันมอญ ให้อุ่นใจ ขอให้มีกระดาษอักขระมอญ ห่อมาด้วยนะครับ

เครดิตข้อมูลจากจ่ากองครับ

 

ลูกประคำหลวงพ่ออุตตมะ เหรียญเสาร์ ๕

 

เหรียญเสาร์5มีประสบการณ์ไหมครับ ผมใช้ยังไม่มีประสบการณ์ เพียงแต่รู้สึกชีวิตราบรื่นดี เป็นเหรียญที่แขวนแล้วรู้สึกเย็นสบายใจที่สุด

 

ประสบการณ์ไม่ดียังไม่เคยเจอค่ะ หรือท่านทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยอยู่แล้ว

 

ประคำโทน หลวงพ่ออุตตมะ

ประคำโทนนี้มีวิธีการทำสร้างพิถีพิถันและซับซ้อนมาก โดยหลวงพ่อท่าน สร้างตามตำราโบราณ โดยการนำกระดาษสามาตัดเป็นแผ่นกว้างยาวดังตำราระบุ จากนั้นลง " หัวใจ " พระคาถาศักดิ์สิทธิ์บนกระดาษสา จากนั้นนำมาพับรีดเป็นแผ่นเล็กม้วนเป็นวงกลมแล้วถักด้านสายสิญจน์หุ้มอีกที โดยตลอดเวลาที่ถักต้องภาวนาพระคาถากำกับไปตลอดจนเสร็จ

โดยหลวงพ่ออุตตมะได้อธิษฐานจิตปลุกเสกประคำโทนนี้ด้วย มหามนต์ "อิติปิโสรัตนมาลา" ประคำโทนนี้สามารถใช้แทนประคำสายที่บางท่านไม่สะดวกพกพาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังดีทุกด้านไม่ว่าจะเป็นมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา มหาอำนาจ มหาลาภ มหานิยม และที่สำคัญหลวงพ่อยังได้เคยกล่าวถึงประคำโทนนี้ว่า "ดีเลิศในทางป้องกันคุณไสยทุกชนิด" อีกด้วย

ภาพประคำรุ่น1 2 3 เรียงจากซ้ายไปขวาครับ

ขอบคุณ ข้อมูลจากจ่ากองครับ

ปล. คุณไสยกันได้หมด ขออย่างเดียวอย่ากินเข้าไปเท่านั้น ถ้ากินเข้าไปเองอะไรก็กันไม่ได้ครับ

 

รายการราคาพระเครื่องที่ศูนย์พระแห่งหนึ่งเคยลงประกาศไว้เมื่อ ปี2553
เดี๋ยวนี้คงไม่มีขายแล้ว ลงไว้ให้ดูเผื่อใครไปเจอราคาถูกแพงจะได้เอาไว้เทียบเคียงครับ

ปล.ต้องขอเซ็นเซอร์ชื่อศูนย์นะครับ ให้เครดิตเดี๋ยวโดนลบอีก ข้อหาขายของ
ขออภัยทางศูนย์มานะที่นี้นะครับ

 

วันนี้เป็นวันพระ

"คนเราทุกคนสวดมนต์ไหว้พระเสร็จเรียบร้อย
เราต้องทำจิตให้เป็นสมาธิ ทำจิตให้สงบ ให้เกิดปัญญาขึ้นในสมาธิ
เพราะฉะนั้น พวกเราทุกคนต้องทำสมาธิ"

พระธรรมเทศนาโดย พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)

 

ประวัติของหลวงพ่ออุตตมะนี้
พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ (ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการามได้เมตตามอบให้เพื่อนำมาเผยแผ่บารมีของหลวงพ่อฯครับ


พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ (ป.ธ.9)

วีดีทัศน์ ประวัติของพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) คลิ๊กเพื่อเข้าชมครับ

หมายเหตุ ได้ตัดช่วงท้ายออกเป็นบางส่วนเนื่องจากเสียงไม่ค่อยชัดเจนครับ

 

**หลวงพ่ออุตตมะผู้ริเริ่มการใช้ กระดาษในประเพณีลอยกระทง**

แรกเริ่มเดิมทีนั้น "หลวงพ่ออุตตมะ" แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เสาหลักองค์สำคัญด้านศาสนาของคนไทยเชื้อสายมอญ เป็นผู้ริเริ่มการใช้ "กระดาษ" ในประเพณีลอยกระทงของคนมอญครับ

เนื่องด้วยเห็นว่าในแต่ละปีนั้นจะต้องใช้ใบตองเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอกับลูกศิษย์ที่เดินทางไปทำบุญที่วัด ซึ่งการหาใบตองให้ได้จำนวนมากก็เป็นไปได้ยาก ประกอบกับที่หลวงพ่อเห็นว่าชนชาวมอญนั้นมีภูมิปัญญาที่สามารถตัดและพับกระดาษได้หลายรูปแบบ

จึงดำริให้ชาวมอญนำภูมิปัญญาที่มีอยู่มาใช้ในการทำกระทง เพื่อความประหยัด และได้กระทงจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว


จนกระทั่งเมื่อราว 30 - 40 ปีที่แล้ว กระทงสายก็เริ่มเข้ามาสู่ชุมชนลุ่มน้ำแม่กลอง บริเวณ อ.บ้านโป่ง โดยริเริ่มมาจาก พระครูวรธรรมพิทักษ์ (หลวงพ่อลม)อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง (เหนือ) อ.บ้านโป่ง ที่ได้นำกระทงกระดาษมาลอยในงานลอยกระทงของวัด เนื่องจากเป็นชุมชนชาวมอญเช่นเดียวกับที่สังขละบุรี

ขั้นตอนการทำกระทงสาย (ลอยถาด) เริ่มจากตัดกระดาษโปสเตอร์สีต่างๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส จากนั้น พับ จับมุม กลับด้าน ยกกลีบ ก็จะได้ตัวกระทง จากนั้นก็จะทำ “ตีนกา” เพื่อใช้จุดไฟ ทำจากเชือกกระสอบ 3 เส้น นำมาฟั่นรวมกันแล้วตัดเป็นท่อนๆ จากนั้นก็ดึงปลายด้านหนึ่งออกมาเป็นสามขาแล้ววางในกระทง ส่วนน้ำมันที่ใส่ในกระทงเพื่อเป็นเชื้อเพลิง จะใช้น้ำมันพืชเก่าที่ใช้แล้ว เทลงในกระทง ส่วนขั้นตอนการลอย ก็จะนำกระทงที่เตรียมไว้มาวางเรียงกันในถาดสังกะสี นำลงไปลอยน้ำโดยกดถาดลงไปในน้ำ แล้วดึงถาดออกจากด้านล่าง กระทงก็จะลอยตามน้ำไปเป็นสาย

“ทุกคนถามว่า ทำไมกระดาษไม่ติดไฟกระทงไม่จมน้ำ แล้วก็ไฟไม่ดับ ประเด็นแรก ตัวกระดาษที่ใช้เป็นกระดาษโปสเตอร์ ตัวมันก็มีพื้นผิวที่ตึงน้ำอยู่แล้ว กว่าน้ำจะเข้าก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมง ประเด็นที่สอง ทำไมไม่จม เวลาเราใส่น้ำมัน น้ำมันเบากว่าน้ำ สุดท้ายเพราะใช้ตีนกาสามขาจุด มันจะดูดน้ำมันขึ้นมา จุดไฟได้จนกว่าน้ำมันจะหมด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ส่วนที่บอกว่าตอนเช้ามาก็จะกลายเป็นขยะ กระดาษมันก็คือกระดาษ มันย่อยสลายได้ง่าย มันอยู่ในน้ำก็ย่อยสลายหายไปได้เอง ซึ่งกระทงแบบนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่าเหลือเชื่อมาก ทั้งสะดวก ทำง่าย และไม่สิ้นเปลือง”

ข้อมูลจาก
http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/entertainment_api/2158523 และ http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000161526

 

วันนี้เป็นวันพระ อย่าลืมสมาทานศึล และสวดมนต์ไหว้พระกันนะครับ
-------------------------------------------------------------



"บูชาพระแล้ว สวดมนต์ให้มากก่อนปฏิบัติกรรมฐาน จะทำให้เกิดสมาธิได้ง่าย"

พระธรรมเทศนา โดย พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)




เครดิตภาพจาก คุณ Sipanan Tongdeelert
ขอบคุณครับ

 

"พระมหาโพธิสัตว์"

​

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระอรหันตเจ้าผู้ยิ่งด้วยปัญญาแห่งวัดป่าสาลวัน นครราชสีมายังเคยกล่าวรับรองถึงพระผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณองค์นี้ไว้กับศิษย์หลวงปู่มา วัดสันติวิเวก ว่า "หลวงพ่ออุตตมะท่านได้รับพยากรณ์แล้ว และเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์อีกด้วยน๊ะ"

เครดิตภาพจาก
http://www.dhammajak.net/

 

"สะเดาะกุญแจ"

หลวงพ่อท่านจะให้อาจารย์จันทิมาเป็นผู้ถือกุญแจห้องของท่านเสมอ เมื่อท่านออกไปรับกิจนิมนต์กลับมาอาจารย์จันทิมาต้องเป็นคนคอยไขกุญแจเปิดประตูห้องให้ท่านทุกครั้ง อาจารย์จันทิมานั้นได้เคยรู้กิตติศัพท์มาก่อนแล้วว่าหลวงพ่อมีคาถาดีสามารถสะเดาะกุญแจได้ จึงคอยหาโอกาสเพื่อจะได้ทดลองวิชาอยู่เสมอ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์จันทิมาแสร้งทำเป็นลืมลูกกุญแจไว้ จำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหนทำทีเดินควานหาไปทั่ว ทั้งๆที่ลูกกุญแจก็อยู่กับตัว หลวงพ่อก็เข้าไปที่ประตูจับกุญแจอยู่ครู่หนึ่ง จึงบอกกับอาจารย์ว่า "กุญแจไม่ได้ล็อคไว้นี่ เปิดได้" แล้วชี้ให้ดูกุญแจที่เปิดแล้วนั้น อาจารย์จันทิมาไปดูแล้วก็เงียบไว้ แต่แสร้งพูดกราบเรียนหลวงพ่อไปว่าเดี๋ยวผมจะหาลูกกุญแจลูกนั้นให้พบ

จากนั้นอาจารย์จันทิมาก็ได้ทดลองหลวงพ่ออย่างนี้อยู่หลายครั้งหลายครา จนแน่ใจชัดแล้วว่าหลวงพ่อท่านสะเดาะกุญแจได้จริงๆ ต่อมาภายหลังเมือข้าพเจ้าบวชแล้วได้อยู่ใกล้ชิดกับอาจารย์จันทิมา ท่านจึงได้เมตตาเล่าให้ฟัง

พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ (เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม)
จากหนังสือ 100 ปีชาตะกาล หน้า137

 

ประคำรุ่นนี้ที่บ้านผมมีประสบการณ์ ทั้งแคล้วคลาดเวลาเดินทางไกล รอดจากการเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่น่าเชื่อมาหลายครั้ง ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนขายรถไปคนซื้อขอไปด้วยแต่ก็ได้เหรียญของหลวงพ่อจากที่สร้างโดยมูลนิธิโรงพยาบาลวชิรพยาบาลมาใช้แทน ก็ดีเหมือนเดิมแถมศัตรูที่มุ่งร้ายก็มีอ้น้เป็นไปหลายรายจนสังเกตุได้

 

พระสังกัจจายน์รุ่นหมดหนี้สิน หลวงพ่ออุตตมะ

พระสังกัจจายน์ลอยองค์รุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกพระสังกัจจายน์ของหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี ที่ทำจากเนื้อว่าน 108 ผสมผงพุทธคุณ และผงวิเศษต่าง ๆ โดยหลวงพ่อได้เมตตา กำหนดอักขระที่ศักดิ์สิทธิ์ ทรงอานุภาพด้านทวีลาภอย่างแท้จริงมาให้ โดยบรรจุมหายันต์สุดวิเศษนี้ไว้ใต้ฐานของพระสังกัจจา ยน์ ครั้นองค์พระสำเร็จบริบูรณ์ได้นำไปให้หลวงพ่อดู หลวงพ่อได้ตั้งมงคลนามให้กับพระสังกัจจายน์รุ่นนี้ด้ วยตัวท่านเองว่า " รุ่นหมดหนี้สิน " เพราะหลวงพ่อท่านตั้งใจมุ่งมั่นให้พระสังกัจจายน์รุ่ นนี้บันดาลความหมดหนี้สินให้ลูกหลานได้อย่างแท้จริง สมกับนามที่ท่านตั้ง ซึ่งเป็นดังคำพรอันประเสริฐ ที่แฝงมากับองค์พระสังกัจจายน์

สำหรับพระสังกัจจายน์องค์นี้ มีผู้ที่นำไปบูชาแล้วมีประสบการณ์ทางด้านโชคลาภ และประสบความสำเร็จตามที่ได้อธิษฐานขอพรจากองค์พระสั งกัจจายน์ โดยมีลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งได้พระสังกัจจายน์นี้ไป และในช่วงเวลานั้นเกิดภาวะฟองสบู่แตก เมื่อปี พ.ศ. 2540 ได้ถูกให้ออกจากงาน จึงมีความจำเป็นต้องหางานใหม่ทำ ก่อนไปสมัครงานใหม่ ก็ได้อธิษฐานขอพระสังกัจจายน์ที่ห้อยคออยู่ว่าให้ช่ว ยให้ได้งานด้วยเถอะ ผลปรากฎว่าทุกที่ ๆ ลูกศิษย์คนนี้ไปสมัครงาน ต่างก็ตอบรับให้เขาเข้าทำงานทุกที่ แถมที่ทำงานเก่ายังเรียกกลับเข้าไปทำงานอีกด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวขวัญกันมากในหมู่ลูกศิษย ์หลวงพ่ออุตตมะ

 

****เรื่องเล่าอัศจรรย์****

โดย พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ (เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม)

เรื่อง "สยบเริม"

เหตุนี้เกิดขึ้นกับตัวของข้าพเจ้าเอง เมื่อตอนที่อายุได้ประมาณ ๘ขวบ ข้าพเจ้าป่วยเป็นไข้เพราะมีเริมขี้นตามลำตัว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วจนต้องหยุดเรียนไปหลายวัน พอดีวันนั้นเป็นวันที่โยมแม่รับเวรทำสำรับกับข้าวไปถวายเพลแก่หลวงพ่อ จึงมีโอกาสได้กราบเรียนให้ท่านทราบว่าลูกชายกำลังป่วยเป็นเริมขึ้นตามลำตัวได้เกือบ ๒สัปดาห์แล้ว


หลวงพ่อท่านจึงบอกให้โยมแม่พาข้าพเจ้าเข้าไปพบ แล้วก็หยิบเอาหมากพลู ปูนกินหมากส่งมาให้ พอเคี้ยวได้สักคำหนึ่ง คือ พลูหนึ่งใบ หมากนิดหน่อย และปูนป้ายลงที่ใบพลู วันนั้นหลังจากที่หลวงพ่อท่านฉันเพลเสร็จแล้ว ก็กวักมือส่งสัญญาณให้โยมแม่พาข้าพเจ้าเข้าไปหา

ท่านบอกว่าให้เปิดแผลให้ท่านดู แล้วท่านก็หยิบหมากพลูนั้นมาจัดให้เป็นคำ แล้วเคี้ยวอยู่สักพักจนละเอียด ท่านบอกให้ข้าพเจ้ายื่นแขนออกมา แล้วท่านก็พ่นน้ำหมากลงไปที่ท้องแขน และตามลำตัวซึ่งกำลังเป็นแผลเริมอยู่นั้น ท่านยังกำชับว่าไม่ให้โดนน้ำ ๗วัน ซึ่งต่อมาหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ปรากฏว่าแผลเหล่านั้นก็ค่อยๆ แห้งลงไปเรื่อยๆ และหายสนิทเมื่อครบ ๗วันพอดี

ปัจจุบันนี้ที่แขนของข้าพเจ้ายังคงพอเหลือร่องรอยของแผลเป็นที่เกิดจากเริมในครั้งนั้งให้เห็นอยู่บ้าง.

 

กราบ หลวงปู่อุตตมะ ครับ

 

**** เรื่องเล่าอัศจรรย์ ****

โดย รศ.อาภัสสร์ จันทวิมล

เมื่อประมาณ 30กว่าปีมาแล้ว สมัยที่หลวงพ่อท่านยังมาพักค้างคืนที่ คณะ 2 วัดมหาธาตุฯ
เนื่องจากอาจารย์มหาแพได้จัดห้องพักถวาย บรรดาลูกศิษย์ที่จะมาพบหลวงพ่อนั้นต้องมารอกันตั้งแต่หัวค่ำ
เพื่อจะได้พบเมื่อท่านเดินทางมาถึงในตอนกลางคืน


ผู้เขียนได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อเป็นครั้งแรกที่วัดมหาธาตุฯ นั่นเอง เห็นท่านต้องต้อนรับแขก
ซึ่งก็คือลูกศิษย์จำนวนมากมายนั้นจนดึกจนดื่น จึงได้จำวัด
ท่านจะแจกลูกประคำให้ทุกคน และสอนให้ท่องคาถาพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ในขณะที่นับลูกประคำนั้น
เป็นคำย่อว่า "นะโม พุทธายะ ยะธา พุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ"



ผู้เขียนเองนั้นยังไม่ตระหนักในความสำคัญของลูกประคำ และการสวดคาถา
ทั้งยังไม่มีความเชื่อในเรื่องการสวมประคำซึ่งหลวงพ่อลงคาถากำกับไว้
จนกระทั่งต่อมาอีกหลายปี ผู้เขียนได้ติดตามเพื่อไปนั่งสมาธิกับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่มาจากจังหวัดระยอง
พร้อมๆกับคณะศิษย์ของท่านอีกหลายคน จัดขึ้นที่ชั้นบนสุดของอาคารสูงแห่งหนึ่ง ใกล้สี่แยกศาลาแดง

เมื่อแรกที่ได้พบกับพระอาจารย์ท่านนั้น ยังถูกดุเอาว่า "ห้อยลูกประคำมาทำไม ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง"

ในวันนั้นคณะศิษย์จำนวนมากได้มานั่งสมาธิกัน โดยมีพระอาจารย์ท่านนั้นเป็นผู้นำ
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ผู้เขียนซึ่งไม่เคยนั่งสมาธินานๆ เช่นนี้มาก่อนก็เกิดเป็นเหน็บชาที่ขาทั้งสองข้าง
อยากจะเลิกนั่งแต่ก็ไม่กล้าลุกเพราะคนอื่นเขายังคงนั่งกันอยู่

ผู้เขียนรู้สึกอึดอัดจึงเริ่มท่องคาถาของหลวงพ่ออยู่ในใจ
"นะโม พุทธายะ ยะธา พุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ" แล้วอธิษฐานขอให้หลวงพ่อช่วย
ภาวนาไปได้สักราว 5นาที ก็ได้ยินเสียงพระอาจารย์ท่านนั้นเรียกขี้นว่า

"อาภัสสร์ กลับบ้านได้แล้ว" ทันทีที่ได้ยินยังรู้สึกงงว่าท่านจำชื่อเราได้อย่างไร
ทั้งๆที่เพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นแล้วเดินทางกลับบ้านทันที

วันรุ่งขึ้นจึงไปกราบหลวงพ่อ ท่านถามขึ้นว่า "เมื่อคืนไปไหนมา"
ผู้เขียนจึงคิดเอาเองว่า หลวงพ่อคงได้เจรจากับอาจารย์ท่านนั้น
และการที่ผู้เขียนท่องคาถาของหลวงพ่อนั่นหล่ะ เป็นสื่อให้ท่านมาช่วยลูกศิษย์ได้ทันเวลา
เลยไม่ให้ต้องขายหน้าคนอื่นว่านั่งสมาธิไม่เป็น

มาทราบภายหลัง ที่หลวงพ่อท่านเล่าเรื่องนี้ให้กับลูกศิษย์คนอื่นฟังว่า
"อาภัสสร์ เขาเที่ยวไปนั่งสมาธิกับอาจารย์อะไรที่ไหนกัน...
จนจะถูกเขาครอบเอา มาร้องให้เราช่วย...
เราเลยต้องไปบอกให้เขาปล่อยมาเพราะคนนี้เป็นลูกศิษย์ของเรา"

หลวงพ่อท่านเล่าด้วยเสียงบ่นๆ แล้วส่ายหน้า
ศิษย์ที่ฟังอยู่จึงถามต่อ ถึงวิธีการที่หลวงพ่อท่านไปช่วย อ.อาภัสสร์
ได้รับคำตอบว่า " เราก็ไปด้วยจิต"

จากหนังสือ
100 ปีชาตะกาล เล่ม 1 "ประวัติหลวงพ่อ และเรื่องเล่าอัศจรรย์"

 

ท่านใดมีคาถาบูชาพระสังกัจจายน์ของหลวงพ่ออุตตมะ บ้างไหมครับ เคยเห็นอยู่ว่าเป็นบทสั้นๆ ไม่ยาวมาก แต่ไม่ได้ท่องจำ พอได้พระสังกัจจายน์ของหลวงพ่อมาบูชา เลยอยากได้คาถาบูชาของท่านไว้ครับ

ขอบคุณครับ

 

ลูกอม ของมรดกพ่อผม