ปิดรับบริจาค ประมวลภาพพิธีเททอง"หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์"/วางศิลาฤกษ์เจดีย์องค์ปฐมหน้า 14

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ศิษปู่ใหญ่, 13 กันยายน 2013.

  1. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    "..ใครมีความพอได้ คนนั้นก็จะมีความสุขได้ พอจริงก็สุขจริง พอได้มากก็สุขได้มาก หัดวางเสียบ้าง หัดวางเสียหน่อย ก่อนที่สังขารจะบังคับให้วาง ก่อนที่ความเฒ่าชรา และความตาย หรือโรคร้าย จะเป็นผู้บังคับให้วาง ถ้ายังไม่หัดวาง จะเป็นผู้ที่เหนื่อยจนตาย แล้วก็ขนอะไรไปด้วยไม่ได้เลยในที่สุด..." พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
     
  2. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ..วันเวลาผ่านเลยไป ไม่ย้อนกลับ
    แต่..ความดี..ที่ได้ทำ ไม่สูญหาย
    ที่ติดตัวเราไป จนวันตาย
    ไม่มีอะไรนอกจาก..บุญ..คุณความดี..!!
     
  3. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    เราเกิดมาเพื่อรับเศษของกรรม และสร้างกรรมใหม่ เราจะตัดกรรมได้หรือไม่ได้ อยู่ที่กำลังของเรา ต้องพิจารณาตัวเองว่า ทำยังไงให้หลีกหนีกรรมให้ได้ ต้องตัดตรงไหน รีบเกิด... รีบทำ... รีบตาย... จะได้สร้างกำลัง จะไม่เกิด... จะได้มีกำลัง... พอมีกำลัง... เราจะไม่เกิดก็ง่าย จะไม่เกิดอยู่ที่กำลัง ถ้าหนีไม่ออกก็รับกรรมไป คำว่า กำลัง คือ การทนทุกอย่างได้ ทนทุกกระแสได้ คำว่า มีกำลัง คือ สามารถบังคับจิตให้สามารถสงบได้ในทุกสถานการณ์ จิตไม่มีคำว่าเสียใจ อยู่เหนือความอยาก ตัณหา อุปาทาน ถ้าทำได้ จิตก็ได้ความอดทน เช่น จะกินก็ได้ไม่กินก็ได้ ไปก็ไม่ได้ไม่ไปก็ได้ ไม่มีคำว่าเสียใจ ไม่เสียใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราปรารถนา หรือไม่ปรารถนา ถ้าเราทำได้แสดงว่ามีกำลัง จะมีกำลังต้องค่อยๆ สะสม โดยการฝึกทรงอารมณ์ ภาวนา และนั่งสมาธิ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่
     
  4. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    "วิบากกรรมที่ทำให้พระอริยะเจ้าทั้ง ๕ เครื่องบินตก"

    คราวหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปนมัสการท่านพระอาจารย์วันถึงวัด และท่านพระอาจารย์ได้นำในหลวงเสด็จทอดพระเนตรทั่วบริเวณ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งบนเขาสามารถมองเห็นพลับพลาที่ด้านล่าง และจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ได้

    พลันท่านอาจารย์ก็หายองค์ไปจากเบื้องพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วไปปรากฏองค์ที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ข้างล่าง ไม่นานนัก ท่านก็กลับมายืนข้าง ๆในหลวงอีก

    เหตุการณ์นี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาในองค์ท่านอาจารย์มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ใช่ว่าท่านอาจารย์จะอวดอุตริฯ แต่อย่างใด

    ศิษย์ใกล้ชิดท่านอาจารย์วันเล่าให้ฟังว่า ขณะที่ท่านอาจารย์มองไปที่ลานคอปเตอร์ ท่านก็วิตกขึ้นมาว่าข้างล่างจะจัดของไปถึงไหน ตระเตรียมอะไรเรียบร้อยหรือไม่ นึกอยากไปดู จบความคิดท่านก็ไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น ตรวจงานสั่งงานเสร็จ ท่านก็รู้ขึ้นมาว่าในหลวงยังทรงรับสั่งกับท่านไม่เสร็จ มีพระราชประสงค์จะมีพระราชดำรัสอีก ท่านก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นเอง

    ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ถึงแก่มรณภาพด้วยเครื่องบินตก พร้อมกับพระมหาเถระอีก 4 รูปคือ

    1. หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
    2. ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
    3. ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    4. ท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    ใคร ๆ ก็ว่าท่านไม่เก่ง กล่าวหาว่าท่านเองยังคุ้มตัวเองไม่ได้แล้วเหรียญของท่านจะไปคุ้มครองป้องกันใครได้

    คนพูดไม่ใช่คนศึกษาธรรม คนพูดไม่เชื่อเรื่อง ‘กรรม’

    ขนาดภิกษุองค์หนึ่งในสมัยนั้นถึงกับบอกว่า การที่ท่านตายโหงเยี่ยงนี้ ทำให้วิญญาณพระทั้งหมดต้องติดอยู่กับที่เกิดเหตุไปเกิดไม่ได้ ร้อนถึงตัวท่านต้องไปแผ่เมตตาให้จึงหลุดออกไป เกิดดี มีสุข แผ่ไปแผ่มาท่านเองเลยต้องห่มเขียวแล้วบินไปแผ่ต่อที่อเมริกา

    ไปดีมีสุขแท้ ๆ

    หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมตตาเล่าให้ฟังถึงบุพกรรมในกาลก่อนที่ทำให้พระอริยเจ้าทั้ง 5 องค์ ต้องเครื่องบินตก

    ในอดีตชาติที่นานเนมาแล้ว ท่านทั้ง 5 เกิดในสกุลชาวนาที่ยากจน ต้องขวนขวายหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ ทั้งห้าคนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมา เมื่อยังเด็กได้จูงควายออกไปเลี้ยงพร้อมกัน ผูกควายกันแล้วก็พากันเล่นและออกหากบเขียดไปเป็นอาหารประสาจน

    ทีนี้ 1 ใน 5 เกิดไปเห็นรังนกเข้า ก็ช่วยกันหาไม้เขี่ยรังนกให้ตกลงมาเพื่อหวังเอาไข่นกไปกิน แต่เมื่อรังนกตกลงมากลับกลายเป็นลูกนก 3 ตัวแล้วตายสิ้น ไม่ใช่ไข่นกดังที่เข้าใจ ด้วยวิบากกรรมอันนี้ส่งผลให้ท่านทั้ง 5 ต้องตกจากที่สูงมามรณภาพ

    ในเครื่องบินลำนั้นมีคุณหญิงท่านหนึ่งกลับจากไปปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์จวนมาด้วย ท่านเลยมาสิ้นชีวิตพร้อมกัน

    ในอดีต ขณะที่เด็กชายทั้ง 5 กำลังเขี่ยรังนกอยู่นั้น เด็กหญิงลูกชาวนาผู้เป็นน้องสาวของ 1 ใน 5 คนก็มายืนเชียร์อยู่ข้าง ๆ

    “จะหล่นแล้ว...จะหล่นแล้ว”

    โดยเธอไม่ได้ลงมือทำ

    เด็กหญิงในภพนั้นคือคุณหญิงในภพนี้

    ก็เพียงมีจิตคิดยินดีในการประกอบอกุศลกรรมของผู้อื่น วิบากนั้นยังส่งผลมาให้เกิดในภพชาติเดียวกัน บันดาลให้ไปตกเครื่องบินพร้อมกัน

    แล้วถ้าทำเองเล่า

    ถึงตรงนี้ หลวงปู่หลุยก็สั่งว่า อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว

    วัน ๆ ผมมีทั้งยินดียินร้ายไปทั่ว ชอบใจก็ชมมันไป เกลียดอยู่แล้วก็สมน้ำหน้ามันไป ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะได้เกิดเป็นตัวอะไร

    ฉะนั้น เมื่อท่านหาวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์วันได้แล้ว ก็เชิญเอามาแขวนเถิดแล้วนึกถึงบุพกรรมของท่านอาจารย์ไว้บ้าง ขนาดเส้นเกศาเป็นพระธาตุ กระดูกเป็นพระธาตุ ยังต้องใช้กรรมโดยเครื่องบินตก แล้วเกศาเป็นเกศา กระดูกเป็นกระดูกอย่างเราจะเหลืออะไรล่ะครับ...ถ้าไปทำแต่กรรมชั่ว.

    “จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ”
    (ข้อมูลโดย ธัมมวิตักโกภิกขุ)
     
  5. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    [​IMG]
     
  6. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดยังเพลิดเพลิน ตา... หู... จมูก... ลิ้น... กาย... ใจ...รูป... เสียง... กลิ่น... รส... โผฏฐัพพะ...ธรรมารมณ์ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าย่อมเพลิดเพลินทุกข์ ผู้ใดเพลิดเพลินทุกข์ เรากล่าวว่าผู้นั้นยังไม่พ้นไปจากทุกข์ “ส่วนผู้ใดไม่เพลิดเพลินตา... หู... จมูก... ลิ้น... กาย... ใจ...รูป... เสียง... กลิ่น... รส... โผฏฐัพพะ...ธรรมารมณ์ ผู้นั้นชื่อว่าไม่เพลิดเพลินทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินทุกข์ เรากล่าวว่าผู้นั้นพ้นไปจากทุกข์
     
  7. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ท่านพระยายม ฝากหลวงพ่อ มาบอกกับลูกหลาน ว่าเวลาทำบุญ ให้บอกท่านเป็นพยานและอนุโมทนาด้วย เกิดจับพลัดจับผลู ลงไป ท่านจะบอกว่าทำบุญอะไรไว้บ้าง แล้วส่งไปสวรรค์ทันที ถึงนรกแล้ว ก็ไปสำนักของพระยายม แกนั่งพุงปลิ้น ก็คุ้นเคยกับ ท่านดี เราก็ถามว่า เคยเป็นเพือนกันมาก่อนไม่ใช่หรือ เขาก็เลย อ้างตัวเองว่า็เป็นพี่เมีย(สมัยเป็นมนุษย์) ลงอีแบบนี้เราก็เลยเบ่ง มันเลย(เป็นญาติกับพระยายม) ถามว่า "วันนี้ไม่ไปจุฬามณีหรือ" ก็บอกว่า"ไป แต่เด๋ียวนั่งคุยกัน ก่อนซิ" เขาก็เลยหยิบบัญชีนรกออกมาปึกหนึ่ง วันนี้เป็นวันส่งบัญชี อยาก จะรู้เรื่องขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาให้ดู แกพูดอย่างปวดหัว แกบอกว่า ดูซิท่าน คนทั้งโลกนะ บัญชีคนทำบุญจริงๆ วันนี้นะชั่ว7วัน มันไม่ ถึงล้านคน คนทั้งโลกนะ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แล้วแกก็หยิบบัญชีคนทำผิดขึ้นมาปึกเบ่อเร่อ บอกว่า นี่แน่ะดูซิท่าน นี่นะเัป็นบัญชีคนทำบาปทั้งนั้น แต่ไอ้ที่บาปผสมบุญ(หมายความว่า ทำบาปบ้าง ทำบุญบ้าง)แต่้ไอ้ที่บาปจริงๆมันมาก แล้วแกก็เลยสั่งบอกว่า ไอ้ท่านนี่มันลืมเรื่อยนะ ถาม "ทำไม" ็ผมเคยสั่งท่านแล้วนะ ใำ้ห้บอกลูกหลาน เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศล บอกผมบ้าง ให้ผมเป็นพยาน ถามว่า"เพื่ออะไร" บอก"อ้าว เขาบอกให้ผมเป็นพยาน แล้วแดนนี้มันเป็นแดนกันคนลง นรก ไม่ใช่เอาลงนรก กันไว้ แล้วเวลาใครพลัดลงมาละก็ ผมจะได้ บอกว่าเขาทำบุญ เขาเคยบอกให้ผมโมทนานะ จำได้ เขามีความดีอยู่ ไอ้ท่ีานก็ลืมเรื่อย" ก็เลยบอกเขาว่า"ไอ้เมืองนรกนี่มันมีการคอรัปชั่น เล่นพวกเล่นพ้อง เหมือนกันเรอะ" ท่านบอกว่า "เหอะ ไม่เล่นหรอก ใครบอกข้าข้าก็ จำทั้งนั้นแหละ ช่วยทั้งนั้น แต่ว่าถ้าไม่บอก ก็ไม่ช่วย (ถึงเป็น)ลูก หลานข้า ก็ไล่มันลงไปตามกรรม สนทนาธรรม เล่ม 8
     
  8. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    [​IMG]
     
  9. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ปัญญาวิปัสสนา คือเห็นสิ่งทั้งปวงหมด เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งเหล่านั้น เป็นของไร้สาระ เป็นโทษเป็นทุกข์ เป็นภัยอันตรายแก่จิตใจ จึงปล่อยวาง ทอดธุระในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น อันนี้เป็นปัญญาอันวิเศษสูงสุด เพราะคนจะพ้นจากโลกได้ ก็เพราะเห็นที่สุดของโลก คือได้แก่เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
     
  10. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    คำสอนวิธีปฏิบัติธรรม ของ พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ............................... 1. เริ่มต้นของการภาวนา ให้บริกรรม เช่น “พุทโธ” เพื่อรวมอารมณ์ให้เป็นหนึ่ง แล้วสังเกตว่าใครเป็นผู้บริกรรม "พุทโธ" โดยอาจตั้งฐานของจิตไว้ในบริเวณใดก็ได้ในกายนี้ ตามแต่จะถนัด เช่นบริเวณกลางทรวงอก เมื่ออารมณ์สงบแล้ว คำบริกรรมจะขาดหายไปเอง ไม่ต้องบริกรรมอีก ให้สังเกตดูความรู้สึกที่ฐานกำหนดอยู่เช่นนั้นอย่าเผลอ 2. รู้ทันจิตสังขารแล้วดูจิตต่อไป ทำความเข้าใจในอารมณ์ความคิดนึกปรุงแต่ง สังเกตราคะ โทสะ โมหะที่เกิดขึ้น โดยให้สติจดจ่ออยู่ที่ฐานกำหนดเดิมเช่นนั้น เมื่ออารมณ์อะไรเกิดขึ้นก็ให้รู้และปล่อยวางอารมณ์นั้นทิ้งไป โดยหันมาดูจิตต่อไปอีกไม่ต้องกังวลใจ ใช้สติรู้เท่าทันอารมณ์อยู่ โดยไม่ต้องวิจารณ์กิริยาใด ๆ ของจิตที่เกิดขึ้น เพียงกำหนดรู้ไปเท่านั้น 3. อย่าส่งจิตออกนอก ระวังจิตไม่ให้หลงคิดเรื่องภายนอก และสังเกตดูความหวั่นไหวของจิตตามอารมณ์ที่รับมาทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อจิตเผลอคิดไปก็ให้ตั้งสติระลึกถึงฐานกำหนดเดิม และรักษาสัมปชัญญะให้สมบูรณ์อยู่ที่กายเสมอ ๆ 4. หยุดคิด จิตว่าง เมื่อสังเกตกิริยาจิตไปเรื่อย ๆ จนเข้าใจถึงเหตุปัจจัยของอารมณ์ความคิดนึกต่าง ๆ ได้แล้ว จิตจะค่อย ๆ รู้เท่าทันการเกิดของอารมณ์ต่าง ๆ อารมณ์ความคิดนึกต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ดับไปเรื่อย ๆ จนจิตว่างจากอารมณ์ แล้วจิตก็จะเป็นอิสระอยู่ต่างหากจากเวทนาของรูปกาย อยู่ที่ฐานกำหนดเดิมนั่นเอง 5. ปล่อยวางความว่าง ถึงจิต ถึงธรรม จิตที่ว่างว่านั้น ยังไม่ว่างจริง แต่การเพียรดูจิตเรื่อยไปนั้น จะทำให้จิตสามารถรู้เท่าทันสิ่งละเอียดที่แอบแฝงอยู่ในจิตได้มากขึ้นตามลำดับ ในที่สุดจิตจะรู้โดยไม่คิด คือหมดกิริยาต่างๆ ของจิต จิตก็จะถึงความว่างที่แท้จริง จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง แล้วอยู่เหนือสภาวะสมมุติบัญญัติทั้งปวง
     
  11. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    วิชาหนังเหนียว วันหนึ่งมีผู้หญิงวัยแก่คนหนึ่ง แกอยากอยู่ยงคงกะพัน อยากหนังเหนียว นิมนต์ให้หลวงปู่เป่าหัวให้สุดยอดไปเลย หลวงปู่ก็สอนว่าของพวกนี้ไม่จีรังยั่งยืนศักดิ์สิทธิ์วิเศษเท่ากับภาวนาพุทโธหรอก แกก็ไม่เอาพุทโธ อยากหนังเหนียวอยู่อย่างเดียว ท่านรำคาญจึงเป่าหัวปู๊ดๆ ให้แกก็กลับไปด้วยความสบายใจที่ได้ถูกเป่าเสกกระหม่อมด้วยวิชาหนังเหนียว หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณครึ่งเดือน เสียงรถพยาบาลวิ่งเข้ามาที่วัดป่าภูริทัตต ฯ อย่างรีบด่วน จอดที่หน้ากุฏิหลวงปู่ ผู้หญิงคนเดิมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แพทย์พยาบาลนำเธอเข้ามากราบเรียนท่านว่า “หลวงปู่เจ้าคะช่วยเป่ากระหม่อมถอดถอนวิชาหนังเหนียวให้ด้วยเถอะ ตอนนี้จะตายอยู่แล้ว ปวดท้องเหลือเกินไส้ติ่งจะแตกอยู่แล้ว หมอพยายามผ่าตัด เข็มฉีดยาก็ไม่เข้า เชือดเท่าไหร่ เฉือนเท่าไหร่ก็ไม่เข้า มันเหนียวจริง ๆ หนังดิฉันนี่” เธอพูดทั้ง ๆ ที่มือกุมท้องอย่างน่าเวทนาสงสาร หลวงปู่จึงเป่าหัวให้ เธอก็กลับไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลโดยรีบด่วนได้อย่างปกติ หลวงปู่เจี๊ยะ...พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง จาก หนังสือ ประวัติ พระครูสุทธิธรรมรังษี หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดประทุมธานี
     
  12. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ครูบาเจ้าศรีวิไชยพบกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านพระอาจารย์มั่นกล่าวว่า... ”โลกนี้มืดมนนัก...น้อยคนจักเห็นแจ้งได้...ขอน้องเราท่านจงมาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานกับผม เพื่อล่วงทุกข์ภัยในวัฏฏะไม่ต้องมาเกิด แก่ เจ็บ และตาย และวุ่นวายด้วยด้วยกิเลศตัณหาให้ได้รับทุกข์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้วยกันเถิด........” เมื่อได้ฟัง ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิไชยก็ได้ยกมือขึ้นวันทาไหว้สาท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก่อนกล่าววาจาว่า ”ที่พี่ท่านกล่าวมาเช่นนี้ ก็ชอบอยู่โดยแท้...แต่สุดวิสัยอยู่แต่เพียงว่า อันตัวของข้าเจ้าผู้น้องนี้ หาได้บำเพ็ญบารมีธรรมทั้งปวงมา เพื่อจะหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้แต่เพียงลำพังก็หามิได้ แต่ข้าเจ้าได้บำเพ็ญธรรมตามจริยาอย่างพระโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาจะล่วงเข้าสู่พระพุทธภูมิอย่างสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งยังได้รับพระพุทธพยากรณ์ไว้แล้วด้วยว่า ข้าเจ้านี้เที่ยงแท้ที่จะได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือจะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคหน้าเที่ยงแท้มิแปรผัน...” “ด้วยเหตุเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าผู้น้องจึงได้แต่จนใจนักที่มิอาจจักออกปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เพื่อล่วงสู่มหาปรินิพพานตามที่ท่านเจ้าได้กรุณาออกวาจาชักชวนเห็นปานนี้ได้...แม้จะเป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ แต่ข้าเจ้าไม่มีอำนาจใดจักไปฝ่าฝืนพุทธพยากรณ์ที่ได้ทรงตรัสพยากรณ์ไว้แล้วดังนี้ ฉะนั้น ขอพี่ท่านจงได้โปรดอดโทษแก่ข้าเจ้าผู้น้องที่มิอาจสนองความปรารถนาดีของพี่ท่านในกาลบัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด...” จากหนังสือ บูรพาจารย์
     
  13. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ..ควรมี"ความสุข" ในชีวิตทุกวินาที
    ..ควรทำ"ความดี" สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้
    ..ควรเตรียม"เสบียง" คือ..บุญ..
    ..สำหรับ"เดินทาง"ไกล เพราะเราเอาไปได้..เท่านี้จริงๆ..!!
     
  14. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ขึ้นชื่อว่า"คนดี"เขาจะทำประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น คนดีอาจจะหาได้ยาก แต่ยังมีอยู่ในสังคมปัจจุบัน ใครที่อยู่ใกล้คนดีย่อมได้รับความสุขสบายใจ เพราะโลกต้องการคนดี คนดีจึงสำคัญกว่าทุกสิ่ง!
     
  15. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    "คนเราประเสริฐอยู่ที่ไหน? คนเราประเสริฐอยู่ที่การให้ ประเสริฐในการรักษาศีล ประเสริฐในการตั้งมั่นในความดีที่เรียกว่า สมาธิ ประเสริฐด้วยสติปัญญา รู้ว่าเมื่อมีความสุข มีทรัพย์ มีลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ไม่ติดไม่ยึด รู้ว่าเป็นของใช้ชั่วคราว" ...หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม..
     
  16. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    “หน้านอกบอกความงาม หน้าในบอกความดี
    หน้าที่บอกความสามารถ หน้านอกแต่งให้พอดี
    หน้าในและหน้าที่ แต่งให้มากๆ”
    -หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ-
     
  17. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ปรกตินั้น เมื่อโกรธก็มักจะไป "เพ่งโทษคนอื่น" ว่าเป็นเหตุให้ความโกรธเกิดขึ้น คือมักจะไปคิดว่าผู้อื่นนั้นพูดเช่นนั้น ทำเช่นนั้นที่กระทบกระเทือนถึงผู้โกรธ "การเพ่งโทษผู้อื่น" เช่นนี้ ไม่ใช่การทำให้จิตใจตัวเองสบาย ตรงกันข้าม กลับเป็นการเพิ่มความไม่สบายให้ยิ่งขึ้น ยิ่งเพ่งเห็นโทษคนอื่นมากขึ้นเพียงใด ใจตัวเองก็ยิ่งจะไม่สบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ถ้า "หยุดเพ่งโทษผู้อื่นเสีย" เขาจะพูดจะทำอะไรก็ตาม ที่เป็นการกระทบกระเทือนถึงตนเองจริงหรือไม่ก็ตาม อย่าไปเพ่งดู ให้ย้อนเขามาเพ่งดูใจตนเอง ว่ากำลังมีสุขทุกข์อย่างไร มีอารมณ์อย่างไร ใจจะสบายขึ้นได้ด้วยการเพ่งนั้น กล่าวสั้น ๆ "การเพ่งโทษผู้อื่น" ทำให้ตัวเองไม่เป็นสุข แต่ "การเพ่งดูใจตนเอง" ทำให้เป็นสุขได้ แม้กำลังโกรธมาก หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธมาก ความโกรธก็จะลดลง หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธน้อย ความโกรธก็จะหมดไป.. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  18. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    [​IMG]

    เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2557 ขอน้อมนำคำสอนของ "สมเด็จพระสังฆราช" เรื่อง "พรขอได้ที่ตัวเอง" มาเป็นพรปีใหม่ 2557 โดยมีความตอนหนึ่งว่า

    คำสอนในพระพุทธศาสนา เน้นสอนเรื่องกรรม ทำกรรมดี ได้ผลดี ทำกรรมชั่วได้ผลชั่ว ดังนั้น ควรทำกรรมดี เช่น การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต การบูชาผู้ควรบูชานี้เป็นมงคลสูงสุด ในวาระขึ้นปีใหม่นี้ หากระลึกถึงคติแห่งพรหรือมงคลทางพระพุทธศาสนาดังกล่าวและหันมาขอพรอย่างนี้กันให้มากขึ้น พรอย่างนี้ไม่ต้องไปขอจากใคร

    ให้ขอจากตนเอง คือ
    ขอให้ตนเองเว้นความประพฤติต่างๆที่ชั่วร้าย
    ขอให้ตนเองสร้างคุณความดี
    ขอให้ตนเองระงับใจจากความโลภโกรธหลง
    พรเหล่านี้ตนเองเท่านั้นที่จะให้ได้ ใครอื่นจะขอหรือแนะนำตักเตือนสักเท่าไร ถ้าตนเองไม่ทำแล้วก็ไม่สำเร็จประโยชน์

    พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
    “จงเตือนตนด้วยตนเอง จงพิจารณาตนด้วยตนเอง ท่านมีสติคุ้มครองตนได้แล้ว เป็นผู้เห็นภัยในโทษ แม้เพียงเล็กน้อย จักอยู่เป็นสุข”
    นี้คือวิธีขอพรตนเองของพระพุทธเจ้าผู้เลิศล้ำ

    ขอให้พรนี้จงสำเร็จแก่ทุกๆท่าน
     
  19. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    [​IMG]

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
  20. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    การฝึกหัดจิตให้มีสติทุกเมื่อ.. ..การสำรวมระวังใจ ถ้าอยู่เฉยๆ ใจไม่มีเครื่องอยู่ ให้เอาคำบริกรรมอันใดอันหนึ่งมาเป็นเครื่องอยู่มาเป็นหลักผูกใจ เช่น พุทโธ อานาปานสติ ตามลมหายใจเข้าออก ยุบหนอพองหนอ หรือสัมมาอรหังก็ได้ เอาอันนั้นมาเป็นเครื่องอยู่เสียก่อน นึกคิดอยู่เสมอๆจนเป็นอารมณ์ มีสติควบคุมจิตอยู่ตรงนั้นแหละ จิตอยู่ที่ใดให้เอาสติไปตั้งตรงไว้ในที่นั่น จึงจะเรียกว่าควบคุมจิต รักษาจิต ที่จะห้ามไม่ให้คิดไม่ให้นึก นั้น ห้ามไม่ได้เด็ดขาด ธรรมดาของจิต มันต้องมีคิดมีนึก แต่หากมีสติควบคุมจิตอยู่เสมอ คิดนึกอะไรก็รู้ตัวอยู่ทุกขณะ เรียกว่า บริกรรมภาวนา การบริกรรมภาวนานี้มิใช่ของเลว คนบางคนเข้าใจว่าเป็นของเลว เป็นเบื้องต้น ที่จริงไม่ใช่เบื้องต้น ธรรมไม่มีเบื้องตน ท่ามกลาง ที่สุดหรอก ธรรมะอันเดียวกันนั่นแหละ ถ้าหากสติอ่อนเมื่อไรก็เป็นเบื้องต้นเมื่อนั้น สติแก่กล้าเมื่อไร ก็เป็นท่ามกลางและที่สุดเมื่อนั้น คือหมายความว่าสติคุมจิตอยู่ทุกขณะ จนกระทั่งเป็นมหาสติปัฏฐาน จะยืน เดิน นั่ง นอน ในอิริยาบถใดๆทั้งหมด มีสติรอบตัวอยู่เสมอ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจให้มีสติ แต่มันเป็นของมันเอง สติควบคุมจิตไปในตัว เมื่อมีสติเช่นนั้น มันก็ไม่เกี่ยวข้องพัวพันกันกับสิ่งต่างๆ เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ลิ้นลิ้มรสต่างๆ กายได้สัมผัส มันก็เป็นสักแต่ว่า สัมผัสแล้วก็หายไปๆ ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์ ไม่เอามาคำนึงถึงใจ อันนั้นเป็น “มหาสติ” แท้ทีเดียว.. หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี..
     

แชร์หน้านี้

Loading...