นิทาน เรื่อง "พญานาค"

พี่ชอบแบบค่ะ แต่ใช้วัสดุอื่นแทน...ก็ดูดีนะคะ
ชอบอะไรที่เป็นเซ็ต แต่ไม่ชอบใส่เหมือนกันค่ะ
ชอบดู ชอบมอง...สงสัยจะเป็นโรคจิต

 

วันนิ ไม่มีเรื่องเล่า

มารออ่านอย่างเดียว

นิทาน จง มา จง มา

^^

 

เราก็พูดไป..ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอะไรแน่นอนชัดเจนหรอก...
รู้ชัดเจนที่ว่า..ขยันฝันจริง..จริ๊ง...ทุกคื๊น..ทุกคืน..นนนน
ตั้งแต่ไปวิหารเซียน..แล้วไปเช่าพระปางนาคปรก กับ สร้อยหยก (เด๋วจะถ่ายภาพให้ชม)
กลับมานอนบ้าน..แล้วมีใครเป่าลมโดนใบหน้านั่นแหละ..
หลังจากนั้นก็ฝันว่าเจอจงอางเผือก แล้วเลื้อยเข้าไปในแขนเสื้อ..
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..ก็จะได้แก้วมณี ได้แก้วจักรพรรดิ และก็ฝันแปลกๆ
ก็เล่าสู่กันฟัง..อย่าเชื่อเรื่องที่เล่าซะทีเดียวเชียว..เพราะเราฟันธงไม่ได้..ว่าเกิดจากอะไร..(ฝันประหลาดยังไม่พอ..ชอบไปฝันเรื่องคนอื่นอีก..นิ )

 

หว๋าย.ยยยย พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกจ้ะ..หรือ..นู๋ เอย่า..จะมีทายาทเป็น..หญิงแฝด
ลองตรวจเช็คดูนะจ๊ะ..ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ...พี่ดาว*

 

ปีนี้ ดาเจออาทิตย์ทรงกลดสองครั้งไล่ๆ กันเลย

มีใครได้ดูบ้างไหมคะเมื่อเร็วๆ นี้

PANTIP.COM : X12454097

 

ไปโดนคาถามหาระรวยของใคร หรือปล่าววววว???
เราก็โดนเป่ากลางกระหม่อมเลยนะ ตอนนี้ก็ยังเอ๋อๆ อยู่
แต่เราไม่เคยโทษอะไรเลย...พิจารณาตามความเป็นจริง
อย่าหลงมายา ดูใจอยู่หรือเปล่า ดูลมหายใจอยู่หรือเปล่า
ระวังศีลข้อมุสา..นะจ๊ะ

สำหรับเราทุกวันนี้ไม่เหลือแล้ว ทั้งศีลและกรรมบทสิบ
เพราะพูดจาเพ้อเจ้อทุกวัน....เลื่อนลอย

 

จะถามเรื่องอะไรจ๊ะ..?? ไม่รู้ว่าจะตอบตรงหรือปล่าว..
เราไม่เคยไปในสถานที่ ที่มีคาถา ไม่รู้เรื่ององค์ เรื่องเทพ..
รู้เท่าที่รู้..มีอาการทางกาย ทางใจ ทางจิต เช่นไร..ก็รู้แค่นั้น
สำหรับเรื่องคำพูด..เราเป็นคนพูดตรงใจ..และก็รักษาคำพูดอยู่แล้วจ้ะ..

 

ถ้าได้แฝดก็จะดีใจมากคะ ไม่อยากท้องหลายรอบ ที่เดียวมาสองคนเลย
แต่ต้องร้องเพลงของทาทาไปก่อน "มันคงยังไม่ถึงเวลาของเรา"

 

อ้อ..! ลืมไป...
เราเคยฝันฝึกใช้พลังจิตยกก้อนหิน...
และก็ใช้คาถา..เปิดฟ้า (เปิดเมฆ)..ได้ เหอะ..เหอะ..(ไม่กล้าหัวเราะ..อิอิ เด๋ว..น้องเจินเจินกลัว)

 

เราก็ไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ที่ทำงานกับห้องพัก
แต่มันมาเอง...อย่าถามอีกนะ...พิิจารณาเอาเอง

 

เล่าเรื่องฝันเมื่อคืน..บนยอดเขาดีกว่า..
เราฝันว่า..เราขับรถเก๋งไปไหนก็ไม่รู้ โดยมีคนที่ไปนอนเป็นเพื่อนบนเขาไปด้วย..๒ คน
พอขับรถมาได้สักพัก..ปรากฏว่า เราเริ่มขับรถลำบาก..คล้ายๆ จะแช..แวบ ออกข้างทาง หรือไปชนกับรถคันอื่น
เราก็จอดรถแล้วลงมาดู..ก็สันนิษฐานกันว่า..เป็นเพราะยางรถมันรั่ว..มันทำให้ขับรถลำบาก..เพราะรถจะหนักข้างนึง
ลงไปถามคนข้างทาง..เค้าก็บอกทางให้ไปร้านปะยาง เราก็ขับมาเรื่อย ๆ แต่ไม่เจอร้านซักที
จนปรากฏว่าคนที่บอกทางเค้าขับรถ..ตามมาจนทัน แล้วบอกว่า..เรามัวหลงไปไหนกัน
ทำไมยังไม่ถึงร้านซ่อมอีก...หลังจากนั้นเราก็ตื่น.. แต่เป็นตื่นในฝัน ตื่นมาปุ๊บ..เราก็นั่งอยู่ในรถคันเดิม
แต่เปลี่ยนคนขับ (ก็คนที่ไปด้วยกันนั่นแหละ) แล้ววิธีการขับรถของเค้าก็แปลกดี..
มันเหมือนกำหนดหรือป้อนโปรแกรมอะไรซักอย่าง...พอกำหนดเสร็จเค้าก็นอนเอกเขนก
ปล่อยให้รถวิ่งไปเอง..เราดูรถก็วิ่งไปบนถนนได้เอง..แฮะ..แซงรถบรรทุก..หลบรถสวน..ก็ได้
พอถามเค้า..เค้าก็บอกว่า..เค้าเกิดมามีหน้าที่ขับรถ แล้วเค้าก็ได้สิทธิ์พิเศษเรื่องนี้มา..
ก็ฝันแปลกดี..ตอนเช้าเราก็เล่าให้เค้าฟัง ซึ่งปัจจุบันนี้สองคนที่นอนกับเรา เค้าจะเข้าวัดมาด้วยกันตลอด
อีกคนขับรถไม่เป็น ต้องใช้บริการจากอีกคน ก็คือ คนที่ขับรถที่เราฝัน..นั่นแหละ..
(ขนาดนอนไม่ค่อยหลับ..นะเนี่ยะ..ยังจะฝันอีก เว้นบ้างก็ได้..ฮึ..)

 

น้องมุกมิกมา..กะดีแล้ว. มาแล้วเรื่องที่ฝันซะดีดี..!..นะ (พี่ขอร้อง..ฮ่า)

 

เล่าให้ฟังอีกเรื่องละกัน..เห็นตั้งใจอ่านกันเป็นอย่างดี..(เงียบ.บบบ กริ๊บ.บบบบ)
เมื่อคืนหลวงพ่อได้แสดงธรรม แล้วก็เล่าเรื่องให้ฟังหลายเรื่อง..ส่วนใหญ่เรื่องที่เล่าก็จะไปกระทบกับเรื่องของคนที่ฟังแต่ละคนนั่นแหละ..
มีเรื่องนึงท่านเล่าถึง..สภาพบนยอดเขาที่ท่านมาใหม่ๆ (ขออนุญาตนะคะ..หลวงพ่อ)
การขึ้นมานั่งสมาธิ การที่วัดมีสภาพเหมือนวัดร้าง..การที่มีคนพยายามมอมเมาชาวบ้าน
เรื่องเข้าเจ้าเข้าทรง โดยนำรูปปั้นพระพรหมมาประดิษฐานไว้บนเขา พยายามที่จะยึดเขาเป็นที่ทำมาหากิน
ตอนหลังท่านก็ขยับพระพรหมลงไปด้านล่างเขานิดนึง ไม่ให้เทียบเท่ากับพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านนับถือและปวารณาเดินตามรอยพระพุทธเจ้า
ท่านก็เล่าว่า ท่านปวดหัวมาก..ปวดมานานแล้ว และก็รู้ว่าเป็นกรรมที่มีต่อกัน ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ใช้กรรมซะ
แล้วก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ให้อโหสิกรรม..เพื่อให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่ต้องจองเวรจองกรรมกันอีก
ท่านก็ว่าวาระกรรมท่านคงหมด..ท่านขึ้นมาบนยอดเขา ซึ่งจะมีปากปล่องถ้ำที่ตื้นขึ้นเรื่อย ๆ
และเมื่อเดินลงไปอีกเล็กน้อย ก็จะเป็นทางเข้าถ้ำ ซึ่งตรงนั้นจะมีพระปางนาคปรก ขนาดเกือบ ๕๐ ซ.ม เป็นทองเหลือง
ตั้งไว้ ท่านว่า ท่านรู้ด้วยปัญญาว่า มีคนทำพิธีสะกดข่มพญานาคไว้..
ท่านก็เลยอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นไปไว้บนเขา..หลังจากนั้นก็ปรากฏว่า อาการปวดหัวของท่าน ก็หายเป็นปลิดทิ้ง...จบ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ดาว*
น้องฟ้ามุ่ย..จ๊ะ น้องมณีรุ้งก็เป็นโป่งข่ามชนิดหนึ่ง ของเมืองเถิน ลำปาง
พอดีพี่เจอลิงค์ F ของน้องมุกมิก ส่งโดยแม่มณี พี่ก็เข้าไปแอบชมแก้วมณี สวยสวย ใสใส ตลอด
แล้วก็ชอบ แก้วมณที่มีชื่อว่า มหาแก้วสักรชาติรัศมีใน (พี่ชอบสีรุ้งที่อยู่ด้านใน)
ก็เลยสั่งจอง แล้วก็ได้มา พี่เห็นว่ามีสีรุ้ง ก็เลยตั้งชื่อว่าน้อง มณีรุ้ง จ้ะ..
น้องมุกมิก เค้าก็จะบอกว่า ตั้งแต่พี่ได้น้องมณีรุ้งมา พี่จะฝันตลอด..ประมาณนั้น
เสร็จแล้ว..น้อง A-ya ก็จับจองแก้วโป่งข่ามชนิดเดียวกับพี่ (ไม่รู้ว่าชื่ออะไร?)
น้องเอย่า..เริ่มฝันแล้ว เหอะ..เหอะ
เมื่อคืนบนยอดเขา..พระจันทร์เต็มดวงสวยมาก ก้อนเมฆเป็นก้อนเล็ก..สลับชั้น ทั่วท้องฟ้า..แบบเกล็ดพญานาค
พอเที่ยงคืน..พระจันทร์ตรงศรีษะ ก็ทรงกลด..เต็มดวง ๓ ชั้นเลย ก็..ว่าได้
สวยมาก.กกก แต่ไม่มีกล้องไปเลย...
</TD></TR></TBODY></TABLE>

หลังจากที่มีน้องหมอก (ชื่อจริง สร้อยสุวรรณ) มาอยู่ด้วย คืนแรกฝันว่า...
มีผู้หญิงคนหนึ่งมาสอนให้ท่องมนต์หรือท่องอะไรสักอย่าง มิกก็ท่องถูกบ้าง
ผิดบ้าง ขณะท่องตัวเราก็จตีลังกาหัวทิ่มหัวตำอยู่พักนึง ก่อนจะมายืนได้ปกติ

ที่ขอบฟ้าฝั่งตรงข้าม ปรากฎ "จักร" และสิ่งอื่นๆ...ระยะทางไกล แต่กลับดูใกล้
มิกเอื้อมมือออกไปในอากาศ แล้วจักรนั้นก็ลอยมาอยู่ในมือขวา ส่วน "อีกสิ่ง"
ก็ลอยมาอยู่ในมือซ้าย

จากนั้น คนๆ หนึ่งก็พามิกไปพบกับผู้หญิงอีกคน ซึ่งนั่งอยู่บนเบาะ บนพื้น ข้าง
หน้าเธอมีเบาะอีก 2 อัน...เบาะหนึ่งเป็นของมิก ส่วนอีกเบาะไม่ทราบเป็นของใคร
เพราะยังไม่เจอตัว (ซึ่งฝันนี้ก็ไปพ้องกับของเพื่อนอีกคน ซึ่งฝันว่ากำลังรอใครอีก
2 คน...หนึ่งในนั้นคือ มิก ส่วนอีกคนไม่ทราบว่าเป็นใคร)

คืนที่สองฝันว่า...
ไปดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล หรือแม่น้ำ แล้วก็ไปภูเขาหิมะซึ่งขาวโพลน ในความ
รู้สึกบอกว่า...เราเคยมาที่นี่แล้ว...ก่อนหน้านี้

(แล้วก็ฝันเรื่องนั่งรถไปกับเพื่อนนั่นแหละค่ะ...อันนี้ก็ดันฝันพ้องกับของเพื่อนด้วย)

อุปปาทานหนอ...^^

 

พี่ดาวของน้องมณีรุ้ง แต่ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วย..รวมทั้งว่างงานเพราะหยุดหลายวัน..
ก็จับน้องมณีรุ้ง..มาสำรวจ แล้วถ่ายภาพโชว์ตัวอีกแระ..
ให้ชมการสร้างสรรค์และการเจริญงอกงาม..ของธรรมชาติ
ภาพที่ ๑ เป็นแผ่นรุ้งดั้งเดิมที่มีให้เห็นได้ชัดเจน
ภาพที่ ๒ แผ่นเดิมซึ่งเป็นฝ้าบาง ๆ ค่อย ๆ ชัดขึ้น
ภาพที่ ๓ แผ่นที่ค่อยๆ ชัดขึ้น จะมีลักษณะเป็นเม็ดผุดนูนสูงขึ้นมา..(คล้าย ๆ ปิ้งข้าวเกรียบว่าว.แผ่นใหญ่ ๆ อ่ะ )
เพิ่งถ่ายภาพเมื่อตะกี๋นี้ (อาจจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่..ถ่ายภาพจากมือถือ)
โปรดชมโดยใช้วิจารณญาณ..นะจ๊า..
ป.ล. น้องมุกมิกโชว์ตัวน้องสร้อยสุวรรณบ้างสิจ๊ะ..ท่านประธานไม่อยู่..นู๋ร่าเริง.งงงง

 

ไม่ค่อยเห่อเลยอ่ะพี่ดาว อิอิ

 

ไม่เห่อ..(น้อย)..จ้า.าาาา ฮ่า..ฮ่า..(deejai)(ping-love(one-eye)

วันนี้ขอตัวไปพักผ่อน..แระ ขอให้สบายกาย สบายใจ ทุกทุกคนนะคะ ดาว*

 

ว้า...จะหมดอีกวันแล้ว ยังไม่มีนิทานให้อ่านเลย เอาเรื่องนี้มาฝากแล้วกันจร้า (อ่านเล่นๆ เป็นนิทานนะจ๊ะ)

นิทานเรื่องตบะของพญานาค

“พญานาคบางตนขณะจำศีลทนคิดถึงนางนาคมาณวิกาไม่ได้ ตบะแตกกลางคัน ต้องกลับวิมานก่อนกำหนดก็มี ”

การออกมาจำศีลของพญานาคนั้น ออกมาทั้งนาคเพศหญิง นาคเพศชาย แต่โดยส่วนใหญ่นาคเพศชาย จะออกมาจำศีลมากกว่า และมักสามารถจะอยู่ได้ตลอดพรรษามากกว่า สาเหตุเพราะโดยปกตินางนาคมาณวิกามีหน้าที่คอยร้องเพลง ร่ายรำระบำ ปรนนิบัติในวิมานของพญานาคเป็นประจำ จึงติดนิสัยรักสวยรักงาม เต็มไปด้วยราคะจริต ไม่ค่อยมีความอดทนที่จะอยู่รักษาศีลให้ตลอดพรรษา

นาค มาณวิกาส่วนมากจะออกมาจำพรรษาเฉพาะวันโกน กับวันพระเท่านั้น จึงไม่มีกำลังพอที่จะพ่นบั้งไฟพญานาค (กำลังในที่นี้ หมายถึง กำลังแห่งมหาปิติ) ทำให้บั้งไฟพญานาคที่ปรากฏในวันออกพรรษานั้นเป็นของพญานาคเพศชายพ่นขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ ของพญานาคเพศหญิงก็มีแต่เป็นส่วนน้อย

ในแต่ละปีพญานาคจะออกมาจำศีลจำนวนไม่เท่ากัน บางปีก็มาก บางปีก็น้อย ขึ้นอยู่กับว่า พญานาคทั้งหลายยังเพลิดเพลินในการบริโภคกามมากน้อยเพียงใด ยังสนุกสนานในการร้องรำทำเพลง หลงชื่นชมทิพยสมบัติของภพพญานาคขนาดไหน บางตนขณะจำศีลทนคิดถึงนางนาคมาณวิกาไม่ได้ ตบะแตกกลางคันต้องกลับวิมานก่อนกำหนดก็มี

ขณะจำศีล พญานาคจะมีพุทธานุสติเป็นอารมณ์ พวกที่เคยเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเทโวโรหณะ ก็จะระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วจะบอกเล่าให้ผู้ที่มาในภายหลังให้ระลึกถึงตามไปด้วย

โอฆินทร นาคราช กับ สุวรรณมธุรนาคราช ทั้งบิดาและบุตรได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเทโวโรหณะทั้งคู่ ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อถึงฤดูเข้าพรรษา จึงเกิดกุศลศรัทธาแรงกล้า สามารถจำศีลได้ตลอด ๓ เดือน ตั้งแต่วันเข้าพรรษา จนกระทั่งถึงวันออกพรรษา พญานาคจะยึดถือการนับวันเวลาเข้าและออกพรรษาเอาตามปฏิทินของเทวดาชั้นจาตุ มหาราชิกา ซึ่งเป็นปฏิทินเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เขตของเทวดา ส่งบัญชีบุญไปให้ท้าวจตุโลกบาลตรวจสอบ และตรงกับวันออกพรรษาของลาว (วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตามปีปฏิทินลาว คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของปีปฏิทินไทย) ในวันนั้น พระจันทร์จะกลมโตใสสว่างกว่าวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ของไทย

พยานาคจะพร้อมใจกันกับบริวารพ่นบั้งไฟตอนกลางคืน ทั้งๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ในตอนสายของวันออกพรรษา หรือขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ

ประการที่ ๑ เทวดาและพญานาคทั้งหลายจะยึดวันเวลาตามจันทรคติ จึงใช้ดวงจันทร์เป็นเครื่องกำหนดรู้
ประการ ที่ ๒ ดวงจันทร์วันเพ็ญนั้น มีอิทธิพลต่อจิตใจของพญานาคมาก เมื่อพญานาคได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวง ก็จะทำให้มีกำลังปิติมาก มากพอที่จะพ่นบั้งไฟพญานาคออกมา
ประการที่ ๓ ในคืนเดือนเพ็ญเป็นคืนที่มนุษย์และเทวดา สามารถรับกระแสบุญจากพระนิพพานได้อย่างเต็มที่

หาก สังเกตอย่างใกล้ชิดจะพบว่า บางพื้นที่บริเวณกลางลำแม่น้ำโขง เมื่อก่อนเคยมีบั้งไฟบังเกิดขึ้นในวันออกพรรษา เป็นระยะทางต่อเนื่องกันยาวหลายกิโลเมตร แต่ภายหลังหายไปบางส่วน ทั้งนี้เพราะพญานาครุ่นเก่าๆ ส่วนหนึ่งละโลกไปตามอายุขัย หรือบางแห่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีบั้งไฟ แต่บัดนี้กลับมามี ก็เพราะได้มีพญานาครุ่นใหม่มาเกิดในบริเวณนั้น และมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยตามนาคบริเวณอื่นๆ ส่วนบางแห่งเป็นเพียงสระน้ำใหญ่ก็มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น เพราะใต้สระน้ำนั้นมีพญานาคไปจำศีลอยู่เป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม พญานาคที่สามารถพ่นบั้งไฟได้ จะเป็นเฉพาะพวกกำเนิดในโอปปาติกะ กับพวกสังเสทชะเท่านั้น และจะต้องเป็นพวกที่จำศีลอย่างเคร่งครัดในช่วงเข้าพรรษาด้วย

มนุษย์ ที่มาคอยดูทั้งสองฝั่งก็มีผลต่อการพ่นบั้งไฟพญานาคด้วย เพราะถ้าปีไหนมีมนุษย์ไปดื่มเหล้าเมายามาก และต่างพากันส่งเสียงดังเป็นการรบกวน ก็จะทำให้พญานาคขาดสมาธิในการกลั่นใจให้เกิดเป็นบั้งไฟพญานาค ให้เป็นดวงไฟสวยๆ ผ่านท้องน้ำขึ้นไปบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนท้องฟ้า ปีนั้นบั้งไฟก็จะเกิดขึ้นน้อย และเกิดไม่ตรงตามเวลา ซึ่งน่าเสียดายอย่างยิ่ง

แต่ถ้าปีไหนมนุษย์ไปรวมกันด้วยความสงบ มีการสั่งสมบุญต่างๆ ตั้งแต่เช้าของวันออกพรรษา เช่น มีการใส่บาตร เจริญภาวนา รักษาศีล และพร้อมใจกันสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ ประสานงานร่วมใจกันบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระหว่างมนุษย์และพญานาค ปีนั้นพญานาคก็จะเกิดจิตปิติยินดี สมาธิจะตั้งมั่นเป็นพิเศษ และสามารถสร้างเหตุอัศจรรย์อื่นๆ ยิ่งกว่าบั้งไฟตามมาอีกด้วย

บั้งไฟพญานาคไม่ใช่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ หรือสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น แต่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เกิดด้วยแรงปิติ มหาปิติของพญานาค ซึ่งเจริญพุทธานุสติบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นการร่วมชุมนุมกันเป็นมหาสมาคม เพื่อสร้างบุญใหญ่ประจำปีของเหล่าพญานาคทั้งสองแผ่นดินนั่นเอง

 

เอ๊....เมื่อคืน ใครกันหนอบอกเราว่า...

วันนี้จะเอาภาพถ่ายมาอวด...เราก็รอ...ร้อ...รอ

จนตะวันจะตกดินแล้ว ยังไม่เห็นภาพใครสักคน??

 

นิทาน เรื่อง กิเลสพญานาค

“ พญานาคจะมีเรื่องทะเลาะกันก็เพราะเรื่องกามนี้เป็นหลัก คดีที่เกิดขึ้นมักจะเป็นเรื่องเหล่านี้ ผู้ปกครองต้องตัดสินเกี่ยวกับเรื่องผัวๆ เมียๆ ตลอดเวลา”

แท้จริงแล้วพญานาคก็คืออดีตมนุษย์ จึงต่างต้องวนเวียนตกเป็นทาสของกิเลสมาร อยู่ในทั้งสามเรื่องเช่นเดียวกับมนุษย์ คือ เรื่องกิน กาม และเกียรติ

เรื่องอาหารการกินของพญานาคใน กำเนิดของโอปปาติกะ เกิดขึ้นจากบุญซึ่งตนเองทำไว้ในสมัยเป็นมนุษย์ ส่วนบริวาร คือ พวกที่เกิดแบบสังเสทชะ เกิดในน้ำสกปรก ในเหงื่อไคล ก็จะอาศัยอาหารการกินที่เกิดจากบุญของเจ้านายรวมกับบุญของตน

รวมถึงการบริโภคสมบัติ ซึ่งแต่ละชิ้นก็จะเกิดด้วยบุญ ใครจะแย่งชิงกัน หรือลักขโมยกันไม่ได้ เพราะบุญของผู้นั้นคุ้มครองสมบัติของตนเอาไว้ ปกครองกันแบบบุญญาธิปไตย

ในเรื่องของเกียรติและศักดิ์ศรีก็แย่งชิงกันไม่ได้เหมือนกัน มีการแบ่งพื้นที่เขตแดนในการดูแลตามกำลังบุญของตน หรือตามแต่เจ้าเมืองนั้นจะมอบหมายให้ตามกำลังบุญ ไม่มีการรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงพื้นที่กัน ยกเว้นพวกกำเนิดต่ำกว่า คือกำเนิดแบบอัณฑชะและชลาพุชะ บางครั้งจะมีการแย่งชิงพื้นที่หรือหากินข้ามเขตกันบ้างเป็นครั้งคราว

เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ก็แบ่งกันตามกำลังบุญ และตามกำเนิดสูงต่ำ จึงไม่มีการทะเลาะกันเรื่องตำแหน่งและเกียรติยศ ไม่เหมือนมนุษย์ซึ่งยังแย่งชิงกัน ทั้งตำแหน่งหน้าที่และการงาน.....

ส่วนเรื่องกามนั้น พญานาคจะมีเรื่องทะเลาะกันก็เพราะเรื่องกามนี้เป็นหลัก คดีที่เกิดขึ้นมักจะเป็นเรื่องเหล่านี้ ผู้ปกครองต้องตัดสินเกี่ยวกับเรื่องผัวๆ เมียๆ ตลอดเวลา ดังเช่นคดีตัวอย่างอีกคดีหนึ่ง เกิดขึ้นที่เมืองของเจ้าแม่สองนาง