ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    แล "อวิชชา" ทั้งหลายนั้น
    ก็กลายเป็น "นิรมาณกาย"

    แห่ง "ปัญญาธิคุณ"
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไม่ต้อง มาแปลง ให้เป็น สมมุติบัญญัตินั่น นี่ โน่น หรอกครับ...เกิดมายังไง ก็เป็นยังงั้นแหล่ะ...แต่ใจเป็นสัมมา...ก็จบ..คนเดิมร่างเดิม...แต่เหมือนเกิดใหม่ในร่างเดิม...ที่เป็นสัมมา...สมมุติเก่าๆ ตายไปหมดแล้ว....ก็เท่านั้น.เองครับ.
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ว่าแล้วผมก็อยากจะไปเที่ยวกลางคืน
    แดกเหล้า เคล้าเสียงดนตรี ขึ้นมาแล้วสิครับ


    555
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แสดงว่า เก็บกด กับการต้องทำให้ตัวเองดูดี ในสายตาของคนอื่น มานานล่ะสิ
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    มาๆ แดกเหล้าแล้วเข้านอนซะนะ บะบายคับ

    [​IMG]
     
  6. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    งืมอีกคนพูดถึงโพธิสภาวะ
    อีกคนพูดถึงพุทธะสภาวะ
    บ่ะ จะให้คนที่อ่านหัวเราะหรือร้องไห้กันดีละนี่
    เอ้านอนนนนนนนนนนน
     
  7. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    พระพุทธะเจ้าเกิดจากการบำเพ็ญบารมีต่างๆ จนเต็มเป็นพุทธะต้องสอนถึงการเข้าสู่นิพพานเพราะยังไม่ได้ชำระตัวตนในอดีต เมื่อชำระหมดก็เป็นอิสระไม่ติดอันใดกลายเป็นศรีอริยะ หรือขั้นผู้ประเสริฐในระดับต่างๆ
    ส่วนโพธิอยู่ในขั้นตอนการบำเพ็ญบารมี อันหาประมาณมิได้ อันนี้แล้วแต่กรุณาขององค์ท่าน
    Zzzzzzzzzzzz
    ผิดถูกอย่างไรแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2016
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    พุทธกับพราหมณ์มักจะมาคู่กัน
    พราหมณ์พูดถึงพุทธะแต่มิใช่พุทธะ
    พุทธะไม่พูดถึงพุทธะ แต่ก็เป็นพุทธะ

    พุทธตรัสรู้ธรรมของตน พราหมณ์ก็เข้ามา
    ทำ "ความเข้าใจ" ในธรรมของพุทธะนั้นๆ
    แล้วนำไปสอนชาวโลกต่อแทนพุทธะเสีย


    จะเจออะไร ก็แล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง ก็แล้วกัน
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เท่าที่ผมไม่ได้ค้นคว้า ไม่ได้หาอ่านมาอะไรมากมายนะ..พระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธะ....ไม่ได้เรียกว่าเป็นโพธิ.เลย...นะ.....เรื่องโพธิญาณก็แค่เคยได้ยินได้ฟัง ในเวปนี้แหล่ะนะ...ปกติเคยได้ยินได้ฟังมาแต่ โพธิปักขิยธรรม...จากตำรา

    ผมว่า การเรียกว่า การสำเร็จเป็นโพธิ..จึงน่าจะเป็นเส้นทางผ่าน เท่านั้น...น่าจะเป็น ทางจีน ทางเซียน...ในหนังจีน มากกว่านะครับ..(ผมว่ามัน แปลงไปเป็น เหมือน ในหนังซะมากกว่า)
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ความเป็นจริง ธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนจริงๆ...(แสดง) มันไม่ได้มีมากมายนะครับ
    ในตำราส่วนมาก ก็เป็น การช่วยแก้สภาวะ แก้ไขปัญหาทาง จิต ทางสมาธิให้กับ พราหมณ์ ..ก็สมัยนั้น มันสมัยของพราหมณ์เขา....แต่คนที่อ่านตำรา สิ..จะไปเข้าใจอะไรยังไง..ว่ายังไง นั่นต่างหากครับ

    สมัยนั้น เป็นสมัยพราหมณ์ มีแต่พราหมณ์..ที่ไม่ถึงพุทธะกัน...พอมีพระพุทธะ ท่านก็ต้องมาชี้ มาสอน ปัญญาให้กับพราหมณ์..(ไม่แก้ไขเรื่องของพราหมณ์ ไม่เอาเรื่องของพราหมณ์มาพูด พราหมณ์จะฟังเข้าใจมั้ยล่ะ)...มันเป็นแบบนี้ไงครับ
     
  11. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ที่พุทธะยังเป็นพุทธะก็เพราะเหล่าอรหันต์ทั้งหลายจริงๆ ทั้งที่พระองค์เสียสละขนาดนี้ ทำไมลูกๆของพระองค์ไม่ยอมเข้าใจอะไรกันเลย เติบโตให้มากกว่านี้ทำให้พ่อได้ภูมิใจ แล้วกลับไปบอกพ่อว่าผมทำได้แล้ว
    พ่อได้สอนธรรมอันมีค่าให้ผมเพื่อให้ผมเดินได้ด้วยตัวเอง ผมเริ่มเดินต่อได้แล้ว ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณครับพ่อของผม ขอบคุณที่สุดจริงๆ
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นพุทธจริงๆ แต่เป็นแค่ "พราหมณ์พุทธ" ?


    พราหมณ์หมายถึง นักบวช, นักปฏิบัติในภาคฆราวาสซึ่งยังไม่บรรลุมรรคผลนะครับ ลักษณะของพราหมณ์คือ ตนไม่ได้ตรัสรู้เองแต่ไป "อาศัยธรรมะของผู้อื่น" เพื่อศึกษา, ปฏิบัติ ทีนี้ พอ "อัตตา" เข้ามาครอบงำโดยขาดสติ ก็หลงคิดว่าตนเองไม่มีอัตตาแล้ว ว่างเปล่าแล้ว ที่ไหนได้ หลงเอาธรรมะของผู้อื่น ที่ผู้อื่นเขาตรัสรู้ มาใช้เป็นธรรมะของตน พราหมณ์บางตน ได้ยินพระพุทธเจ้าพูดถึงนิพพาน ตนก็สอนเรื่องนิพพานแข่งกับพระพุทธเจ้าบ้าง แถมทำให้คนเชื่อได้มากกว่าด้วย เพราะพราหมณ์พูดเอาใจคนเก่ง ทำให้คนชอบได้มาก แต่พุทธะไม่เอาใจคน ไม่ตามใจคน คนก็ติดใจพราหมณ์กันไป มากกว่าพุทธะองค์จริง องค์ตรัสรู้ องค์ต้นแบบ เสียอีก ตลกไหมที่พุทธะตรัสรู้ธรรมเอง แล้วมีใครไม่รู้ ไม่ได้ตรัสรู้เอง อยู่ๆ ก็เข้ามาดู มาฟังแล้วทำตนเหมือนว่าตนรู้สิ่งนี้มากกว่า กล่าวถูกต้องมากกว่า แต่ก็มีอยู่จริงครับ นอกจากจะมีอยู่จริงแล้ว คนยังชอบพราหมณ์นั้นมากกว่าพุทธะแท้ๆ ชอบของเลียนแบบ มากกว่าของจริงเสียอีก

    ธรรมะในพุทธศาสนาเราทุกวันนี้เป็น "พราหมณ์พุทธ" พราหมณ์นี่มีอยู่หลายศาสนานะ มีทั่วไปหมด ถ้าในศาสนาฮินดูมีเทพฮินดูลงมาจุติ เช่น พระสังกราจารย์ (ศิวะอวตาร) ก็จะมีพราหมณ์ตามไปดู ไปก็อป กลายเป็นพราหมณ์ฮินดู ไม่ใช่ฮินดูแท้ ในพุทธนี้ก็เหมือนกันมีพราหมณ์ตามมาก็อปปี้ได้ตลอด พูดเสียคล้ายของจริงเลยละ เหมือนเราไปซื้อกระเป๋าหลุยส์ มันก็มีของจริงของปลอม ใช่ไหม? เราอยากได้ของปลอมไหม? ถามแบบนี้ หลายคนต้องตอบว่าไม่อยากได้แน่ๆ แต่เอาเข้าจริง เห็นของปลอมขายดี ขายเกลื่อนตลาดไปทั่ว 555 นี่ละ คนเรา มันมีกรรมบังตาอยู่ แม้จะมีบุญวาสนากับของจริงบ้าง แต่อาจไปไม่ถึงของจริงได้ ชาวพุทธเราก็ไปได้ไม่ถึงศาสนาพุทธจริงๆ หรอก ติดตัวธรรมะ ตัวศาสนา หลงกลพราหมณ์กันหมด ศาสนาพุทธเราทุกวันนี้ มันคือ "พราหมณ์" อีกรูปแบบหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง แต่เราชอบมัน หลงเพลินไปกับมันโดยปากก็บอกว่าตนเองเป็นพุทธแท้ ไม่ต่างอะไรกับคนที่ถือกระเป๋าหลุยส์ปลอมๆ แล้วบอกกับคนอื่นว่ากระเป๋าของฉันเป็นหลุยส์ของแท้ นั่นเอง

    พุทธแท้ๆ เขาไม่หลงธรรมะของใคร เขาตรัสรู้เองกันทั้งนั้นครับ
     
  13. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    พระองค์ได้สอนถึงการมองทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ มองเห็นธรรมทุกอย่างเป็นอย่างนั้น ความเป็นเราก็เป็นอย่างนั้น แล้วเราได้มองตัวเราเองเป็นอย่างนั้นหรือเปล่ารู้สึกเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เมื่อเป็นไตรลักษณ์มันเป็นการเคลื่อนไหวไม่ใช่การหยุดนิ่งอะไรเลย
    เกิด ดับ เป็นจุดต่อเนื่องเป็นเส้นเป็นรูปร่างไม่สิ้นสุด เมื่อเข้าใจการเกิดก็เข้าใจการดับ เกิดเมื่อไหร่ทำหน้าที่จบก็ดับ เพียงแต่เรามองว่าเรา เกิดแล้วก็ดับ ได้ครั้งเดียวจุดเดียวซึ่งเราดูถูกตัวเองเกินไปเราทำได้มากกว่านั้นเยอะเลย
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมเอง หลังจากที่ได้ เข้าใจ ในวงจร ของพระไตรลักษณ์.คือ( การเกิดขึ้น..การตั้งอยู่..การดับไป...การเกิดขึ้น..การตั้งอยู่..การดับไป..การเกิดขึ้น..การตั้งอยู่..การดับไป...)

    วงจรนี้...เท่าที่ผม เข้าใจในพระไตรลักษณ์ได้ครบวงจร..นั่นเพราะ ผมเข้าใจ ตรงจุดเชื่อม นะหว่าง ช่วงของ ( การดับไป..กับ..การเกิดขึ้น..) ซึ่งผมว่าคนส่วนมากจะไม่เข้าใจ..ในช่วงนี้กัน เพราะมันคือ...หลังดับไป.(.ไปไหน หายไปไหน)...ก่อนการเกิดขึ้น (เกิดได้อย่างไร เกิดจากอะไร)....ผมว่าตรงนี้ แหล่ะ ที่ส่วนมาก..คนยังไม่พากัน เข้าใจกัน
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พระไตรลักษณ์เป็น ความจริง ของสรรพสิ่ง...แต่..ใครจะเห็นได้หมด..มั่งล่ะ...เพราะตัวคุณเอง ก็เกิดมาแล้ว..กำลังตั้งอยู่ กำลังดับไป....แต่เกิดมาจากไหน เกิดมาได้อย่างไร ถ้าดับ ดับไปไหน ไปเกิดใหม่ได้อย่างไร...นี่คือส่วนสำคัญ

    เช่นเดียวกันกับ....ความคิด...เวลาความคิดตนเกิด ความคิดเกิดมาจากไหน เวลาความคิดดับ ความคิดดับไปไหน ความคิดใหม่ที่เกิด เกิดมาจากไหน...

    ซึ่งล้วนเป็น จุดบอด..หรือสิ่งที่มองไม่เห็น ผมว่าเป็นช่วง อรูป....ของชีวิตนะหลังตาย และหลังความคิดดับ ก็เป็นช่วงอรูปของความคิด...(ช่วงที่ไม่รู้นั่นเอง)...ถ้ารู้ความจริงส่วนนี้ได้..ก็คงจะพากันเข้าใจ..ในความไม่รู้ของตนเองได้บ้างนะครับ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ในเรื่อง ของ อริยสัจสี่.....ทุกข์ (สิ่งที่ตั้งอยู่) สมุทัย(ต้นเหตุของทุกข์ หรือทุกข์เกิดได้จากอะไร) นิโรธ (หรือความดับไปของทุกข์ ดับไปแล้วเป็นอย่างไร)...นี่คือ..พระไตรลักษณ์

    ส่วนของมรรค...ที่พากันเข้าใจว่าเป็น หนทางในการดับทุกข์ พ้นทุกข์...มันเป็น...ผล..ที่จริง มันเป็นผลของการพ้นทุกข์แล้ว..ถ้าหยิบมรรคแปดมาใช้กับคนที่ยังมีทุกข์อยู่เพื่อช่วยเขาให้พ้นทุกข์ จึงเรียกว่าเป็นมรรค..นั่นเพราะ

    มรรค ทั้งแปด แปลว่า สัมมาทั้งแปด คือ เป็นกลางแล้วทั้งแปด คือความเป็นธรรมชาติแล้วทั้งแปด...มันคือ..ผลของการพ้นจากทุกข์ไปแล้ว...นั่นเอง
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พระพุทธะคือ ผู้ที่ ได้ผลของมรรคแล้ว คือพ้นทุกข์แล้ว เป็นกลางแล้ว เป็นธรรมชาติแล้ว อยู่กับผลแล้ว

    ทีนี้ เมื่อพระพุทธะ จะช่วยชี้ทางพ้นทุกข์แก่คนที่ยังมีทุกข์อยู่..ทุกกรรม กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ของพระพุทธะที่ช่วยชี้ให้กับคนที่มีทุกข์เพื่อให้ได้พ้นจากทุกข์นั้น..เรียกการกระทำ การช่วยเหลือนี้ว่า..เป็นมรรคแก่คนที่ถูกช่วย..และพระพุทธะ ช่วยคนที่ติดสมมุติเพื่อให้พ้นสมมุติ ก็ต้องลงมาหยิบจับสมมุติ เรียกสิ่งนี้ว่า..กระทำมรรคเพื่อช่วยคน..ให้พ้นทุกข์..(ซึ่งพระพุทธะจริงๆแล้วท่านเป็นผลไปแล้ว แต่คนที่ถูกช่วยยังไม่รู้จักผล เขารู้แต่มรรคนั่นเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2016
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่ผมต้องยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ เสียยืดยาว ก็เพื่อจะได้พากัน..เข้าใจครับ

    สมมุติ คนที่สอบผ่าน ย่อมพ้นจากการสอบ พ้นจากห้องสอบไปแล้ว..เรียกผล
    แต่เวลาที่คนที่สอบผ่าน มาช่วยติวให้คนที่ยังไม่ผ่าน..เขาก็ต้องลงมาหยิบจับ ข้อมูล ข้อสอบ สมมุติ อีกครั้ง..แต่เพื่อช่วยคนอื่น ไม่ไช่เพื่อตัวเอง..จึงเรียก กิริยา ที่เขาทำว่า..เขากระทำมรรค..เพื่อให้คนอื่น เข้าถึงผล เหมือนเขา...นั่นเอง
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความรู้ ไม่ได้ช่วยให้คนพ้นจากความไม่รู้
    แต่มันช่วยให้คนหลงตัวเองว่า "รู้" เท่านั้นเอง

    เหตุนี้ จึงปรากฏมี "ปรัชญาปารมิตาสูตร"
    แสดงถึง "ความว่างเปล่า" ในการรู้รูปทั้งปวง

    และเหตุนี้ จึงปรากฎมี "ท่านเว่ยหลาง"
    ผู้ไม่รู้หนังสือ ไม่ได้เรียนธรรม เป็นแค่คนทำครัว
    กลับบรรลุธรรมได้โดยง่ายดายกว่าเหล่าศิษย์ที่ได้เรียนธรรมะ

    คนที่เรียนธรรมเพื่อรู้ จึงไม่เข้าใจคำว่า "ศิษย์โง่ไปเรียนเซน"
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ความรู้
    ความไม่รู้
    .....
    รู้อะไร ไม่สู้..รู้.ความไม่รู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...