ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สมมุติทั้งหลายคือ "อุบาย" ในการยกระดับจิตวิญญาณ


    ไม่จำเป็นต้องยึดถือรูปแบบการฝึกจิตแบบใดๆ ทั้งสิ้น ในชีวิตจริงของเราก็เป็นการฝึกจิตได้โดยใช้สมมุติทั้งหลายนั้นแหละ ทว่า นี่จะเป็นไปได้เมื่อท่าน "ได้ธรรมบัวบานแล้ว" เท่านั้น หากท่านยังไม่ได้ธรรมบัวบาน ท่านก็จะได้แค่คิดหรือพูดอวดโชว์คนอื่นไปเท่านั้น "ท่านจะยังทำจริงๆ ไม่ได้" สุดท้าย ท่านก็จะหลงสมมุติอยู่ดี บางท่านกลัวหลงสมมุติก็เลยใช้อุบายฝึกจิตมองทุกอย่างเป็นความว่างไปหมด เหมือนการสะกดจิตตัวเองให้มองทุกอย่างเป็นความว่าง นี่ก็ยังไม่ถูกต้องนะ เพราะทำให้เรายึดติดความว่างมากเกินไป ความว่างแท้แล้วก็แค่สิ่งที่ถูกรู้ คือ รูปนั่นเอง (รูปคือความว่าง, ความว่างก็คือรูป) ในธรรมบัวบานนั้น เราจะใช้สมมุติธรรมทุกอย่างเพื่อการยกระดับจิตวิญญาณของเรา ยิ่งเรามีสมมุติมาก เรายิ่งต้องมีสติให้มากกว่า มีปัญญาให้เหนือกว่ามัน ดูภายนอกแล้วเราคล้ายปุถุชนแต่แก่นแท้แล้วไม่ใช่ เพราะเราไม่ได้หลงโลภ ไม่ได้หลงสมมุติ

    การกล่าวว่าใช้สมมุติเป็นเครื่องยกระดับจิตวิญญาณนั้น เป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าว ใครก็กล่าวได้ แต่ทำจริงได้ไหม? ได้แค่ไหน? อันนี้ ยาก ในการใช้สมมุติทุกอย่าง จะมีตัวทดสอบเข้ามา เพื่อให้เราไม่หลงสมมุติ และอยู่กับสมมุตินั้นได้เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว เช่น ม่ีคนมาใช้ของร่วมกับเรา เราคิดยังไง? ถ้าเราไม่ยึดถืออะไร คิดว่ามันไม่ใช่ของเราแต่แรก เราแค่หยิบยืมใช้ อันนี้เราก็หลุดพ้นได้ ไม่ติดสมมุตินั้นๆ แต่ถ้าเราถือ เราไม่ชอบให้ใครมาใช้ของร่วมกับเรา เราก็จะยึดติดสมมุตินั้นๆ จิตเราผูกมัดพัวพันด้วยสมมุตินั้นๆ ไม่ได้หลุดพ้นไปได้ ทุกอย่างนะ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, ที่ดิน, รถ, เสื้อผ้า, มือถือ, ของใช้ ฯลฯ หากเราเป็นเจ้าของก็ต้องยอมให้คนอื่นมาใช้ร่วมด้วยได้ แต่ถ้าเราไม่ใช่เจ้าของแต่แรก ก็อาจใช้ได้เหมือนการชักผ้าบังสกุล คือ เขาใช้แล้วจนเก่า จนไม่เอาแล้ว เขาก็ไม่หวงแล้ว เอามาให้เราใช้ต่อได้ แบบนี้ เหมือนของมือสอง สินค้ามือสอง อะไรแบบนั้น ของพวกนี้ หากเราเข้าใจว่าไม่ใช่ของเราแต่แรก เราก็มีสติ ไม่หลงสมมุติแล้ว ก็ใช้สมมุตินั้นๆ ได้

    สมมุติทุกอย่าง ของใช้ทุกชิ้น มีพลังยึดโยงผูกมัดเราทั้งนั้นครับ
     
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณมากครับท่านดอกไม้กล่าวได้ว่า ของทุกอย่างในธรรมชาติที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ย่อมกลับคืนสู่ธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นบ้านรถ รัก โลภ โกรธ หลง หรือว่าง ย่อมกลับคืนไปเมื่อถึงเวลา แต่ระหว่างที่ธรรมเหล่านั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ยังไม่ดับเราจะใช้ธรรมนั้นอย่างไรเพื่อทำให้มันเจริญขึ้นงอกงามขึ้นแม้ในช่วงที่มี โทสะ เกิดขึ้นเพียงแว้บเดียว ย่อมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างอนันนต์ อุปมาเหมือนดัง มือกระปี่ คนแจวเรือ ศิลปิน พ่อครัวย่อมรู้ว่าควรใช้ไฟตอนไหนอุณหภมูิเท่าไหร่ น้ำ อะไร เครื่องปรุงชนิดไหน เพื่อปรุงหมุ ไก่ เนื้อ หรือปลาให้ออกมารสชาติอร่อย
    และกล่าวได้ว่าความรักได้รวมธรรมารมณ์ทั้งหมดไว้แล้ว เพราะรักจึงอยากให้เจริญขึ้นงอกงามขึ้น จึงสามารถ หยิบใช้ โลภะ โทสะ โมหะ ว่าง เมตตา กรุณา อุเบกขา ไปใช้ได้เหมือนน้ำบนใบบัว เพราะมิได้เป็นการกระทำเพื่อตัวเองเลย (ใช้ โทสะ ด้วยรัก ใช้เมตตาด้วยรัก ฟินเลยท่านดอกไม้)เป็นลักษณะแบบนี้หรือเปล่าครับท่านดอกไม้
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
  4. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ธรรมที่ผมใช้เป็นหลักในตอนนี้คือนอบน้อมครับ เพื่อขอเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้มากที่สุด เพราะ ต่อให้มีเมตตาและความรักขนาดไหนแต่ถ้าตัวเองยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย อยู่กับความว่างก็ได้แต่ความว่างละครับ(ไว้พักผ่อนดี)
    พ่อครัวต้องไม่กลัวเลอะ ต้องชิมทุกอย่าง กว่าจะได้เนื้อก็ต้องฆ่าต้องแล่ต้องทำหลายอย่างกว่าจะเป็นพ่อครัวได้ อาหารเบื้องหน้าอร่อย สวยงาม แต่เบื้องหลังไม่มีโลกสวยแบบนั้น มันไม่ง่ายเหมือนในตำรา ไม่เคยรัก ไม่เคยหลง ไม่เคยเจ็บปวด ไม่เคยผิดพลาดผิดหวัง ไม่เคยขาดใจ ไม่เคยชิมสิ่งเหล่านั้นจะรู้เข้าใจรสชาติมันได้อย่างไร จะใช้มันได้อย่างไร จะเจ็บจะปวด จะทรมาณยังไงก็ต้องก้าวต้องเดิน ยิ่งโดนเยอะยิ่งเข้าใจถ้าไม่หมดใจไปเสียก่อน เพราะเมื่อก่อนผมท้าทายลองมาหมด ทั้งเทพเทวดา ท้าวมหาพรหม พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า ท่านอมิตาภะ ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาร โดนหนักมากๆ แต่พอธรรมย้อนกลับได้เข้าใจสำนึกผิดทั้งละลายทั้งเสียใจ ร้องไห้ไปเป็นปี ด้วยความรักจากองค์ท่านทั้งหลายผมจึงได้รับธรรมมากมายหลายแบบ รุมกระหน่ำ ซ้ำซาก บนกายหยาบนี่ เจ็บปวดเจียนตายแต่ไม่ตาย โดนทุกคืน (องค์ท่านควบคุมได้ดี) จึงได้เข้าใจว่ารูปแบบความรักใช้กันแบบนี้ แต่ก็แค่รู้ทางเองครับต้องเดินต่อไป (ขอโทษครับแอบระบายความรักที่มีต่อองค์ท่านให้ฟังครับ)
     
  5. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
  6. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณท่านดอกไม้มากนะครับ ธรรมเหล่านี้ผมเห็นแค่มันตั้งอยู่ และสงสัยมานานละ ได้ท่านดอกไม้ช่วยต่อธรรมได้พอดีจึงพอเข้าใจและใช้งานเป็นครับ จริงๆผมกราบท่านศากยมุณี ตั้งแต่ตอนที่รู้สึกว่านี่มันใช่แต่ยังไม่แตกครับ
     
  7. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตอาสา


    แบบทำเพื่อสาธารณชน อะไรแบบนั้น
    จะเป็นลักษณะของธรรมสายสุขาวดีครับ

    ของศากยมุนีพุทธเกษตร น่าจะเรียกว่า
    "หัวใจบริการ" (service mind) มากกว่า


    คือ เราไม่ได้คิดว่าเราไปอาสาทำเพื่อสาธารณชนอะไรนะ
    แต่เราคิดว่าเราเห็นคุณค่าของทุกคนเท่าเทียมกัน เราจึง
    ไม่ต้องไปทำเพื่อเขาก็ได้ เราทำหน้าที่ของเราไปนี่หละ
    แต่หน้าที่ของเราคือ "ให้บริการ" ครับ เหมือนเราทำงาน
    ขายบริการอะไรแบบนั้น เราไม่ได้ทำงานให้สังคมฟรีๆ
    แต่เราทำงานหาเงิน หรือทำกิจของเรา หน้าที่ของเรา
    ด้วยหัวใจของ "ผู้ให้บริการ" เท่านั้นเอง เก็จมั้ยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤษภาคม 2016
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความสัมพันธ์ของนิกายเถรวาทและนิกายเซน


    ในกระบวนการยกระดับจิตวิญญาณนั้น ดังที่กล่าวแล้วว่าจะมีการกำเนิดใหม่ เหมือนพระสมณโคดมที่ตายจากปุถุชนคือเจ้าชายสิทธัตถะ ไปสู่ความเป็นพระสมณโคดม ในกระบวนการนี้ หากไม่มีความรักแล้วก็จะไม่สำเร็จโพธิจิต แต่จะหยุดค้างคาเพียง "สาวกยาน" คือ สำเร็จเป็นพระอรหันตสาวก แต่ถ้ากระบวนการนี้ไม่หยุดอยู่ตรงนี้ก่อน ก็จะดำเนินไปสู่ความเป็นโพธิจิตได้ ในกระบวนการนี้ จิตเก่าที่เป็นปุถุชนจะตาย ดับสนิท เรียกว่า "มโนธาตุนิพพาน" หรือพระธาตุนิพพาน เมื่อเรามีกำลังกล้าแข็งจะก้าวต่อไปก็จะก้าวข้ามนิพพานไปได้ เรียกว่า "ยอมสละนิพพาน" เมื่อนั้น จิตวิญญาณดวงใหม่จะจุติเข้ามาแทนที่ และจะสำเร็จโพธิจิตได้ หรือกล่าวง่ายๆ คือ จะต้องผ่านนิพพานไปก่อนจึงจะถึงโพธิจิต เพราะหากไม่ผ่านนิพพานแล้ว เราก็จะไม่หมดสิ้นในสาวกยาน การบำเพ็ญในสาวกยานจะจบลงได้ที่ "นิพพาน" เมื่อถึงนิพพานแล้วเรายอมสละนิพพานเพื่อสัตว์ทั้งหลายได้แล้ว (ด้วยพลังแห่งรัก) เราจึงเข้าถึงซึ่งโพธิจิตได้

    จะเห็นได้ว่า "ความรักแท้" มีความสำคัญในกระบวนการนี้มาก หากไร้ซึ่งความรักแท้แล้ว ก็จะไม่ถึงซึ่งโพธิจิตได้เลย เพราะจิตจะไม่มีกำลังมากพอที่จะก้าวข้ามนิพพาน สละนิพพานไปได้ก็จะจบลงตรงที่นิพพาน เป็นอรหันตสาวกได้เท่านั้น ไม่อาจได้ถึงโพธิยาน เข้าใจความแตกต่างของสองยานนี้นะครับ สาวกยานไปสุดที่นิพพาน ได้ผลคือ "อรหันตสาวก" เมื่อหมดยานนี้ สุดสายยานนี้แล้ว ก็จะไปต่อสายโพธิยานได้ หากยังไม่ถึงนิพพาน ไม่ถึงที่สุดแห่งสาวกยานก็จะไม่ได้โพธิยานแท้ ดังนี้ "พระมหากัสสปะ" ผู้ให้กำเนิดทั้งสองนิกาย คือ นิกายเถรวาทและนิกายเซนจึงแยกเนื้อหาไว้สองส่วน ส่วนของสาวกยานจะอยู่ในนิกายเถรวาท จะไม่พูดอย่างอื่นเกินเลยไปกว่านิพพานเลย ส่วนของโพธิยานจะอยู่ในนิกายเซน และจะเน้นพูดถึงโพธิจิตมาก เพราะเหตุว่า "หากไม่ผ่านนิพพานแล้ว ก็จะถึงซึ่งโพธิยานอันแท้จริง ไม่ได้" ท่านจึงต้องแยกเนื้อหาไว้สอนสาวกยานอีกอย่าง โพธิยานก็อีกอย่าง และคุมเข้มให้เถรวาทมุ่งสู่นิพพานอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ว่าท่านไม่ยอมรับเรื่องโพธิจิต หรือเรื่องราวที่นอกเหนือไปกว่านี้เพราะท่านถ่ายทอดไว้ในนิกายเซนหมดแล้วนั่นเอง

    ทั้งสองนิกายเกิดจากคนๆ เดียวกันแต่แยกกันด้วยเหตุผลดังกล่าว
     
  10. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่าพอเข้าใจครับ เป็นเด็กเสริฟอาหารมา 9 ปี ทำด้วยใจล้วนๆเจอลูกค้าทั้งไทยฝรั่ง เป็นเหมือนเพื่อนกันเลย ได้แลกเปลี่ยนธรรมกับคนมากมายซึ่งเป็นธรรมในการใช้ชีวิตปรกตินี่เอง ซึ่งเขาก็เชื่อในสิ่งที่เราพูดด้วยแถมเราก็แก้ปัญหาอะไรให้เขาได้ด้วย ซึ่งมีบางคนก็ขนปัญหามาถามเรามากมาย เราก็ตอบได้ซะงั้นแบบไม่ต้องคิดมันไหลออกมาเองเลย
    แบบที่ท่านดอกไม้กล่าวก็คือทำหน้าที่การงานของเราไปโดยปรกติ เจอคนที่แลกเปลี่ยนธรรมได้ก็ทำ ไม่ได้ก็ปล่อยไป แบบนั้นเหรอครับ
     
  11. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สมมุตินะครับถ้าพุทธะออกจากวัดแล้วมาเรียนรู้ธรรมเพิ่มเติม แล้วพระอรหันต์รุ่นใหม่ๆ ที่มุ่งไปนิพพานจะไปต่อธรรมที่ไหนเหรอครับ
     
  12. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ท่านดอกไม้ครับผมไม่กล้าที่จะกล่าวว่าผมรู้ธรรมบัวบานนะครับ แค่พอเข้าใจเล็กน้อยแต่ผมพยายามเรียนรู้รูปแบบธรรมต่างๆเพื่อประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวผมเท่านั้นเองครับมันจะได้คล่องตัวเวลาจะใช้ธรรมนั้น เหมือนเราขยับร่างกายของเราครับ
    ความรู้สึกของผมเหมือนขอโขมยวิชาท่านเลยครับ ส่วนท่านก็เหมือนบอกทางให้โขมย โขมยได้เท่าไหร่ก็เอาไป ขอบคุณครับ
    ในจินตนาการอยากจะลองหล่อรวมความรู้สึกรักกับแสงจ้า รักกับโทสะไว้ด้วยกันดูว่าจะเป็นไงครับ อืมหรือจะเป็นดาบแสงที่อัดสภาวะรักลงไปดี
    แต่คงเป็นไปได้ฝันลมๆแล้ง
     
  13. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๓๕

    แหม..ท่าน ใช้คำว่าขโมยไม่เหมาะมั้ง นะ
    ให้ใช้คำว่า "ครูพัก ลักของครูไปขาย"
    เอ้ย..ไม่ใช่สิ ต้อง "ครูพักลักจำ"
    หรือ "ชี้โพรงให้กระรอก"
    หรือ "ขุดบ่อล่อปลา"

    ทำได้ ไม่ยากหรอกครับ จะแนะเคล็ดให้นะ ว่า
    ให้เข้าจิตด้วยเซ็นก่อนครับ ทำในใจให้มั่น
    ไม่เชี่ยวเซ็นก็ไม่เป็นไร สมมุติว่าเก่ง
    เซ็นแจ๋วเรื่องผสมไอเท็ม เนอะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้

    .
     
  14. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    เด็กแนวตัวจริงเขาไม่เข้าใจธรรมนี้หรอก เขาจะเข้าใจก็แค่ในมุมมองของเขาเท่านั้น

    ยกเว้นเราจะทำตัวเป็นนักศึกษาธรรมะแบบแนว ๆ เปลี่ยนมุมมองในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ โดยไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนร่วม หรือเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนร่วมได้แต่ต้องสมมุติตัวเองว่า เป็นบุคคลที่สาม ที่กำลัง ดูว่าตัวเรา กับบุคคลที่สอง ทำอะไรกันอยู่ ประมาณนั้น คือพิจารณาทุกสิ่ง โดยไม่ตัดสินอะไร ถ้าตัดสินก็ต้องตัดสินโดยไม่เอาใจตัวเองไปมีส่วนร่วม, ข้องเกี่ยว แม้ตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ ก็ตาม

    จะว่าไปที่ผมว่ามานี่ก็ไม่แนวเท่าไร พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้สาวกมองโลกกันแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่พวกเราเข้าไม่ถึงเองเพราะปุถุชนเราเป็นพวกถือตนเสมอ ประมาณว่า ไม่ชอบให้คนอื่นเอาเปรียบ ดูถูก เหยียบย่ำ ก้าวล่วง ทำอะไรก็ตามที่ตนไม่ชอบ อยู่ในสันดาน และเรามักถูกปุถุชนด้วยกันสอนกันมาให้มองปัญหาในรูปแบบของบุคคลที่ 1 และ 2 โดยที่เอาตัวเองเข้าไปเป็น บุคคลที่ 1 หรือ 2 กับเขาเสมอ แม้บางสถาณการณ์เราจะเป็นบุคคลที่สามที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาเลยก็ตาม

    อย่างกรณี หกโจ๋ ทำร้ายชายพิการ
    หกโจ๋เป็นบุคคลที่ 1 ชายพิการเป็นบุคคลที่ 2
    พ่อแม่และญาติทั้งสองฝ่ายเป็นบุคคลที่สาม

    ถ้ากระบวนการยุติธรรมมันเที่ยงตรงจริงปัญหาต่าง ๆ คงยุติได้โดยง่าย

    แต่ มนุษย์ปุถุชนก็ย่อมเป็นมนุษย์ปุถุชน และปุถุชนในยุคนี้เริ่มมีความคิดที่ว่าความยุติธรรมมีสิทธิโอนเอียงได้ฝังอยู่ในหัว

    พ่อแม่ โจ๋ ก็อยากปกป้องลูก ญาติชายพิการก็ต้องการความเป็นธรรม

    มันก็เลยเป็นปัญหาสนั่นโซเชี่ยลแบบในปัจจุบัน

    คนในโซเชี่ยลแทนที่จะมองในฐานะบุคคลที่สาม ก็เลือกข้างอีก บ้างก็อยู่ข้างหกโจ๋ บ้างก็อยู่ข้างชายพิการก็ว่ากันไป
    มันคือกระแสอิสระ ที่ดูเหมือนจะเป็นอิสระ แต่แท้ที่จริง มันถูกชักพาด้วยอะไรบางอย่างให้เป็นไปแบบนี้

    ซึ่งมีแต่คนที่มองปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยมุมมองของบุคคลที่สามเท่านั้น จึงจะเห็น

    ในเมื่อกระแสโลกผันไปอย่างอิสระ เราก็หัดทำตัวอิสระจากโลกซะบ้าง แล้วมองดูโลกในฐานะที่เราเป็นผู้เฝ้ามองไกล ๆ คนหนึ่ง โดยไม่เอาใจไปมีส่วนร่วมกับอะไร เพื่อเรียนรู้ ความเป็นไปของมัน สะสม ความรู้และสติปัญญา






    อยากเปลี่ยนโลก ต้องมี "ของ" มากพอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2016
  15. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    จริงๆน่าจะพอทำได้ครับเคยอยู่สายสร้างมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมเพราะพอมองทุกอย่างเป็นรูป มันก็ตีเป็นรูปได้หมดละครับ ปัญหาคือจะให้มันทรงสภาวะนั้นได้นานแค่ไหนมากเท่าไหร่อยู่ที่ตัวผู้ใช้ เป็นคนใส่มากกว่าครับ ถ้าจะทำจริงๆ ก็ต้องเป็นดาบปืนระเบิด ขึ้นรูปด้วยสภาวะดูดกลืนของโลกันต์+หลุมดำ กระสุนมีหลายแบบ ทั้ง ดิน น้ำ ลมไฟ ธรรมารมณ์ ระบบติดตามใช้วิธี่ดึงตัวตนในอดีตที่ติดอยู่ใน นรก กับหลุมดำ ยิงออกไปรับรองไม่มีพลาดเป้าเพราะมันวิ่งหาตัวตนปัจจุบันแน่นอน ยิงคนดี คนบริสุทธิ์ไม่ได้เพราะไม่มีกระสุนติดตาม แต่ไม่ใช้ระบบติดตามก็ยิงได้หมด ให้ตัวรู้เขาทำเขาก็จัดได้นะครับเพราะเขาคือตัวรู้ที่เกิดจากการเรียนรู้ของเรา
    ฝันเป็นตุเป็นตะเลยนะผม เรื่องขำๆนะครับท่านกระต่ายป่า
    จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่ไม่มีความรู้เป็นพื้นฐานจินตาการอะไรไม่ได้ครับ เราจึงต้องเรียนรู้ในทุกๆอย่างเท่าที่จะทำได้ น่าจะเป็นแบบนี้รึเปล่าครับท่านกระต่าย
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    คนที่ไปไม่ทัน จะโอนไปฝากพระศรีอาร์ฯ หมดนะครับ

    - พระจะไม่ทำตัวสมถะแบบคำสอนเดิม แต่จะอยากรวยเงินทอง
    - พระจะไม่อยู่เฉยๆ ไปวันๆ เหมือนพระสมณโคดม จะเป็นนักพัฒนาครับ
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ถ้ากลัวถูกขโมย ผมคงไม่โพสหรอก
    อีกอย่าง ไม่ใช่ธรรมของผม
    ผมแค่สะท้อนมาให้


    ก็เท่านั้น
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมก็ทราบว่าท่านไม่กลัวแน่นอน คนโขมยยิ่งไม่กลัว เพราะธรรมเหล่านี้ย่อมกลับคืนเมื่อถึงเวลา ดังนั้นเราย่อมไม่อาจรับธรรมตรงๆที่เจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ได้ ถึงแม้แสงจากดวงจันทร์ก็ตามถ้าเราไม่ทำตัวเหมือนธรรมชาติเหมือนต้นไม้ใบหญ้าที่ค่อยๆดูดซึมแสงและสารอาหารเหล่านั้นเพื่อใช้ในการเจริญเติบโด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเราย่อมถ่ายทอดกลับคืนสู่ธรรมชาติ ตามวิ๔ีทางที่ต้นไม้ใบหญ้าอย่างเราสามารถกระทำได้ครับ
     
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    และก็กล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีผู้สะท้อนแสงนั้นมา ต้นไม่ใบหญ้าอย่างเราจะเติบโตได้อย่างไรถึงแม้จะไม่แห้งตายแต่มันก็คงไม่มีวันชุ่มชื้นเต็มใบครับ
    ขอบคุณครับ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ครับ

    ก็คิดว่าคนที่เว็บนี้
    ปฏิบัติจริงกว่าทุกที่ที่เคยเจอนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...