ทำไมเมืองไทยจึงวุ่นวายไม่สิ้นสุด ???

โห้... ไปกันไกล... Propaganda เปล่า

ไปดู มังกรสร้างชาติ ดีกว่า ครับ...

อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด... แอ๊คชั่น เท่ากับ รีแอ๊คชั่น

เจ็บนี้ ลึกและยาวนาน...

 

คุณ สุวิภาช อนันตพัชรวิภาส

ข้อพิสุูููจน์มหาปัญญาอรหันต์
มีหลายข้อครับ
ที่จำได้ก็ข้อที่ว่า..............
สามารถย่นย่อพระไตรปิฏกให้กระชับ รู้ความได้อย่างง่ายดาย
และสามารถขยายความ สาธยายพระไตรปิฏกให้เข้าใจง่าย ๆ ได้

คุณ สุวิภาช อนันตพัชรวิภาส ช่วยออกมาตีความพระไตรปิฏกให้คนพ้นทุกข์หน่วยครับ เป็นการคอนเฟริมด้วย ว่าคุณคือของแท้

 

โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ โทษตัวเราแก้ไขได้

 

คนมันชั่ว สังคมมันเลยเสื่อมตาม...มันเป็นสัจธรรม...

 

;ปรบมือ ;ปรบมือ ;ปรบมือ ;ปรบมือ ;ปรบมือ

I SEE

 

วุ่นวายให้เรียนรู้
พังพินาศ แล้วกลับมารักกัน
แต่ไม่ว่าใครจะเรียนรู้อย่างไรหรือไม่
ใครจะเป็นผู้ร่วมก่อความพินาศอย่างไรหรือไม่

เราก็จะทำแต่ส่วนที่ดีให้แก่ประเทศที่เราถือกำเนิด.ในชาตินี้
เราจะรู้คุณองค์พระมหากษัตริย์
เราจะเชิดชูพระพุทธศาสนาและเคารพคุณธรรมของทุกๆศรัทธาความเชื่อ
เราทำส่วนของเรา ฟ้าทำส่วนของฟ้า
กุศลที่ข้าพเจ้าทำ ขอแผ่ให้ประเทศ คณะพระสยามเทวา แผ่ให้ฟ้า และสรรพสิ่งทั้งปวง

 

เราทำส่วนของเรา ฟ้าทำส่วนของฟ้า ชอบครับคำนี้
ต่างก็มีหน้าที่ซึ่งกันและกัน ทำให้เต็มที่กันนะครับ

 

อยู่ที่ใจนะครับ ใจไม่วุ่น คงจะไม่วุ่นตามไปด้วย ที่ระวังคืออายตนะของตัวเอง ต้องควบคุม อย่าให้สรรพสิ่งภายนอกเข้ามากระทบ แล้วจะสงบ

 

เมื่อโลกนี้ ผู้ดี(คนดี)ต้องเดินตรอก ขี้ครอก(คนชั่ว)กร่างเดินถนน

สังคมเสื่อมทราม ยกย่องคนชั่วว่าดี คนดีว่าชั่ว
ไม่อภิบาลคนดี ทำร้ายพระโพธิสัตว์ ที่แบกรับหน้าที่ใหญ่

เบื้องบนก็ช่วยไม่ไหว
คงต้องชำระล้างกันขนานใหญ่
ใครมั่นใจในความดี ก็ไม่ต้องห่วงโลกหน้า ทำดีให้ถึงวาระสุดท้าย รักษาสติให้ดี

 

ไม่เชื่อครับ พระโพธิสัตว์มีแต่ช่วยเหลือมนุษย์สิครับ จะมาลงโทษได้อย่างไร มีแต่เวรกรรมนั่นแหล่ะครับ ที่จะมาเอาคืน

เหตุวุ่นวาย หรือ ภัยพิบัติ เดี๋ยวนี้ก็เป็นกันทั่วโลกนั่นแหล่ะครับ

 

ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติน่ะครับ มันมีเหตุปัจจัยส่งเสริม หักล้างกันอยู่ ทุกๆประเทศก็ประสบกับปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องปกติ กฏแห่งกรรมก็ทำงานไป กฎแห่งอุตุนิยามก็ทำงานไป การกระทำของมนุษย์ก็ทำไป มันสอดคล้องเกี่ยวข้องกันไปมา จะโทษสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็คงจะไม่ถูกนัก
เรื่องอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งรถแก๊สระเบิด โรงงานไฟไหม้ โรงแรมถล่ม เหตุของเรื่องนี้ มันต้องดูที่มาตรฐานและคุณภาพของงานก่อสร้าง และพฤติกรรมผู้เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ

ถ้าสร้างโรงงานไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและวิศวกรรม ทางหนีไฟมีน้อย(ปิดไว้เสียอีก) วัสดุทนแรงกด ทนไฟ ได้ไม่ดีพอ คนงานแออัด เมื่อเกิดไฟไหม้ตายกันเกือบร้อย โทษฟ้าดินไม่ได้ ต้องโทษผู้เกี่ยวข้องที่บกพร่องในงานของตน
เจ้าของโรงงาน รับผิดชอบฐานไม่ส่งเสริมหรือไม่ตรวจสอบให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างมีมารตฐานและความปลอดภัย ไม่ส่งเสริมการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ
วิศวกรผู้ออกแบบ ถ้ามีจรรยาบรรณในวิชาชีพสูง ต้องออกแบบให้ได้มาตรฐานแม้จะแพงไปบ้าง ก็ต้องทำความเข้าใจกับเจ้าของโครงการ
ข้าราชการที่เป็นผู้อนุญาตหรือเกี่ยวข้องให้ก่อสร้าง เมื่ออนุญาติ ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ โทษฐานอนุญาติให้ก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
พนักงานที่มีส่วนให้เกิดไฟไหม้ อาจเกิดจากความประมาท เลินเล่อ ไม่ใส่ใจ (อาจตายไปในกองเพลิงแล้วก็ได้)
จะเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะตายมาก กลับตายมาก แสดงว่ามีความผิดพลาดหลายประการจากการกระทำของคน เป็นหลัก ไม่ใช่โทษโชคชะตา กรรมเวร เทวดา เทพ พรหม
การเข่นฆ่ากันจากการเมือง เป็นเรื่องของคนล้วนๆ คนมีอำนาจหลายกลุ่ม สุมหัว ปั่นหัวประชาชน เพื่อแย่งชิง สร้างสถานการณ์ สุดท้ายก็ตกตายกันไปเป็นร้อยๆ เห็นๆกันอยู่ เกิดจาก ความขัดแย้งของคน ที่บ้าอำนาจและไร้เมตตา

ความผิดของคนเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก จะเหมารวมเป็นชะตากรรมของชาติได้อย่างไรกัน เราต้องเพ่งมองไปที่ต้นเหตุ และองค์ประกอบของความผิดปกตินั้น และแก้ไขตรงจุดนั้น (จะทำอย่างไร ก็ขึ้นกับผู้มีหน้าที่) อย่าลืมว่า แม้คนแสนคนขัดแย้งกัน แต่คนหลายสิบล้านคนไม่ได้ขัดแย้งด้วย เหมารวมแบบนี้ แก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่จะบานปลาย
คนแสนคนที่ขัดแย้ง แยกย่อยลงมา มีใครบ้างเป็นระดับ นโยบาย(กำหนดแผน) ระดับแกนนำ(ผู้นำมวลชน) ผู้สนับสนุนทุน (เงินและเครื่องมือ) เชื่อว่ามีไม่มาก
เพราะโดยเนื้อแท้ ประชาชนที่ถูกปลุกปั่นเข้าร่วมแทบไม่ได้มีส่วนแห่งการทะเลาะเลย เป็นอารมย์ช่วงเวลาสั้นๆ ถ้ากำจัดส่วนหัวได้ ความสงบก็จะตามมาโดยเร็ว
ถ้ารวมระดับหัวของแต่ละฝ่าย รวมกันแล้วไม่น่าเกิน 500 คน แต่เป็นห้าร้อยคน ที่นำความระส่ำระส่ายมาสู่ประเทศชาติ ประเทศที่มีผู้อาศัยอยู่กว่าหกสิบล้านคน การแก้ปัญหาโดยให้ประชาชนส่วนมากในชาติปรองดองกัน มีเมตตาต่อกัน เป็นการแก้ไขผิดทาง และไม่ตรงประเด็นอย่างยิ่ง
เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไปโทษกรรมโทษเทวดาฟ้าดิน มันก็เหมือนโยนความผิดจากคนไปให้ฟ้าดิน คนทะเลาะและฆ่ากันตาย มันต้องโทษที่คน จัดการปัญหาที่คน

ถ้าโยนปัญหาออกจากคนอยู่ร่ำไป สุดท้ายก็หมักหมม บ่มเพราะ จนเกิดพลังความขัดแย้งครั้งใหญ่ เพราะปัญหาเดิมๆไม่ถูกแก้ไข ปัญหาใหม่ก็โถมทับมา ก็คนอีกนั่นแหละที่ต้องออกมาทะเลาะและเข่นฆ่ากันอีก เมื่อจิตใจเริ่มตกต่ำ มีแต่ความชั่วครอบงำจิต มีแต่พลังลบกระจายออกสู่ธาตุทั้ง 4 เมื่อนั้น ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เสพพลังอารมย์ร้ายๆของมนุษย์ ก็เริ่มวิปริตไปตามจิตของมนุษย์ สุดท้ายก็ ดินถล่มล่มจมน้ำ ลมโหมไฟ เร่งเผาผลาญ
พลังที่จะต้านวิปริตแห่งธาตุ คือ ความดีของมนุษย์ในชาติ เปล่งความดีออกจากหัวใจ ให้ธาตุ 4 ได้เสพอารมย์อันดีงาม เมื่อนั้นจะวิปริตน้อยลง
แต่พลังที่จะต้าน กิเลสของมนุษย์ที่ทะเลาะและเข่นฆ่ากันอยู่ มีอยู่แล้วในทุกคน แต่พวกเขาเลือกที่จะลืมมันไป นั่นจึงเป็นวิบากกรรมของพวกเขาเอง ไม่มีใครสามารถช่วยได้อีกแล้ว ปล่อยให้พวกเขาหลั่งเลือดชะโลมดินไปเถิด เพื่อก่อเกิดบทเรียนแก่คนรุ่นต่อๆไปในสังคม

 

มันก็วุ่นวายไปทั่วโลกนั้นแหละเมื่อมนุษย์ทำชั่วกันเยอะ ถึงเวลาฟ้าดินลงโทษมนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติ ทำลายความสมดุลของ ดินน้ำลมไฟ

 

วุ่นวายเพราะไร้ธรรม เป็นไปตามกาล ตามยุค