ถอนของ...ของจริง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย หน้ากากเสือ, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    สอนวิธีรู้ตัวให้เอามั้ยล่า
     
  2. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    เค้าว่าถ้าพกเบี้ยแก้จะกันได้น่ะ ตัวอย่างเบี้ยแก้ นำมาให้ชมค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.8 KB
      เปิดดู:
      2,412
    • F3476951-0.jpg
      F3476951-0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.2 KB
      เปิดดู:
      2,426
    • F3476951-5.jpg
      F3476951-5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      188
    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.7 KB
      เปิดดู:
      2,436
    • s35.jpg
      s35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      191.8 KB
      เปิดดู:
      141
  3. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,595
    ค่าพลัง:
    +6,346
    มีศีล 5 หรือ ถือศีล 8 ทุกวันพระ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สวดมนต์ ทำสมาธิ ก็สามารถป้องกันได้ครับ
     
  4. bigfootbunny

    bigfootbunny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +34
    อนุโทนา ด้วยค่ะ
     
  5. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    (b-ng)

    ถ้าผู้หญิงคนที่ทำ ใส่ของให้กินเรื่อยๆ มันก็ยังคงตัวเรื่อยๆสิครับ ให้เค้าหยุดกินของที่ผู้หญิงใส่ ให้กินก่อนเถอะครับ แล้วค่อยเอาไปรักษา
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    รู้สึกว่า ยันต์เกราะเพชร นั้น กันคุณไสย ได้ ผมก็กะว่าจะมีไว้สักผืน เผื่อออก วิเวกในป่า เพราะผีนั้น ไม่น่ากลัวเท่ากับคน คนมันทำกันได้ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน
     
  7. Mangpoawhite

    Mangpoawhite Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +25
    เกิดมาเอาไรมาก เด๋วก็ตาย

    ทำดีให้ได้ถึงที่สุด ในชีวิตก้แล้วกัน

    แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ
     
  8. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815

    เลิกเพ้อเจ้อซะทีเถอะนะท่านบ๊อง ท่านเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เอาแต่ลอก copy เขามาโพสต์ ท่านจะไปรู้อะไร ให้อธิบายสิ่งที่ไปลอกมาก็ไม่เคยได้ 555
     
  9. samusunn

    samusunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    517
    ค่าพลัง:
    +878
    น่ากลัวจังค่ะ มีผ้าห่อศพด้วยอ่ะ หยึยยยยยยยยยยยย
     
  10. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่จองเวร ทุกขโตทุกขานัง ทำทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

    การถอนของแบบถาวร ถ้าได้สิ่งของเหล่านั้นมา เอาพระคาถาปัดเป่าปล่อยให้คืนไปสู่ผู้ที่กระทำ ให้ฝังดินหรือถ่วงน้ำทำลายเสีย เวทมนต์ที่เขากระทำมานั้นจะกลับไปเข้าตัวคนที่กระทำมาเองครับ
     
  11. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    มันน่ากลัวและทรมาณมาก ผมเคยโดนมาเมื่อเกือบจะ 10 ปีแล้ว เจ็บปวด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทำงานก็ไม่เป็นอันจะทำ จนลูกน้องเห็น เขาบอกว่าสังเกตุมานานแล้ว และเขาก็พาไปหาหลวงพ่อองค์หนึ่ง ที่อยุธยา ท่านเอาน้ำมันมาทา มาถู และเสกไปนานพอสมควร จนมันทะลึ่งแทงทลุเนื้อออกมาเลยแต่เอาไม่ออกเจ็บมาก หลวงพ่อเลยให้ไปผ่าตัดจากหมอในเมืองอยุธยา ได้ข่าวคุณหมอเสียชีวิตแล้ว โดนวัยรุ่นเกย์ฆ่า ส่วนชื่อวัด และหลวงพ่อผมจะติดต่อถามคนที่พาผมไปหาอีกที ตอนนี้แยกย้ายกันไปทำงานที่อื่นกันหมด ได้ที่อยู่มาแล้ว ผมจะเมลล์ไปให้คุณpornsawank ผมเองก็อยากได้สถานที่ ที่ทำพิธีแก้กรรม แก้วิบากกรรมครับ chaleebig@thaimail.com ท่านใดพอทราบกรุณด้วยครับ สาธุ ขอให้จำเริญ ๆครับ
     
  12. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    โทรมาคุยกันซิครับ
    0896696028
     
  13. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    พิสูจน์เวรกรรม พิสูจน์การเวียนว่ายใน วัฏสงสาร (1)
    <!-- Main -->[SIZE=-1]เวรกรรม และการเวียนว่ายในวัฏสงสารเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
    เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่าเครื่องมือใดๆ ทางวิทยาศาสตร์จะสัมผัสได้ แต่อย่างไรก็ตามการพิสูจน์
    การสัมผัสทำได้จริง ด้วยการปฏิบัติ ด้วยการขัดเกลาอบรมจิตใจให้ละเอียดอ่อนลดมลทินในจิตให้เกิดความสว่าง
    ผู้ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ น่าจะเป็นผู้ที่ไม่สามารถปฏิบัติจริงจังได้ซะมากกว่า
    ถ้าผู้ใดเคยศึกษาเรื่องราวในพระพุทธศาสนาก็คงจะเคยได้ทราบเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าเปิดโลกอย่างแน่นอน
    เพราะเป็นที่มาของเทศกาลตักบาตรเทโว
    ในสมัยนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพุทธมารดา
    และในวันที่ทรงเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์มีพุทธศาสนิกชนเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก
    ในครั้งนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพเปิดโลก
    แสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏแก่ประชาชนที่มาคอยรับเสด็จในวันนั้น ประชาชนต่างก็ได้เห็นเทวโลก มนุษยโลก
    และอบายภูมิโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาก็เห็นมนุษย์และสัตว์นรก มนุษย์ก็เห็นเทวดาและสัตว์นรก
    สัตว์นรกก็เห็นเทวดาและมนุษย์ ด้วยพุทธานุภาพที่ไร้ขอบเขต ในวันนั้น เทวดา มนุษย์
    และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างก็ได้พบ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน
    ทั้งสุขเวทนา และทุกขเวทนา จึงบังเกิดจิตเมตตาต่อกัน
    อธิษฐานอโหสิกรรมต่อกันแก่ผู้ที่เคยได้กระทำกรรมชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาปกรรมเหล่านั้น ในวันนั้นเอง
    มีผู้มีปัญญาญาณเกิดความเบื่อหน่าย คลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ
    สำเร็จเป็นพระอรหันต์จำนวนมากมาย ในขณะเดียวกัน เทวดา
    มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานอีกกลุ่มหนึ่งต่างก็ได้ประจักษ์ในพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ชองพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จึงได้ตั้งสัตย์อธิษฐานปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล
    นับจากวันพระเจ้าเปิดโลกในวันนั้น
    เรื่องราวของพุทธานุภาพเปิดโลกก็ไม่ได้มีเกิดขึ้นอีกนับล่วงมาหลายร้อยปีทีเดียว
    จวบจนกระทั่งพระเถราจารย์ผู้หนึ่งได้ออกบวชบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า
    ละเว้นจาการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายได้ออกจาริก เพื่อเจริญวิมุตติญาณเข้าสู่โลกุตระ
    จนกระทั่งถึงถ้ำพระอรหันต์ ณ เขาสมโภชน์ จังหวัดลพบุรีท่ารนได้ปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษ
    จนเกิดความตึงเครียดไปทั่วสรรพางค์กาย ก็ยังไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ทำให้รู้สึกท้อใจ
    จึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอจงทรงมาโปรดให้ได้ดวงตาเห็นธรรมด้วยเทอญ
    ในครั้งนั้นเองได้ปรากฏโอภาสแสงสว่าง ท่านได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเครื่องทรงวิสุทธิเทพ
    ได้ทรงชี้แนะแนวทางการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่อดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นพระร่วง
    ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้
    เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังปัญญาเข้าพิจารณาภพภูมิ เกิดนิพพิทาญาณความเบื่อหน่าย
    จิตจึงมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นนั่นเอง
    จากนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานพุทธานุญาต
    ให้หลวงพ่อแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พุทธบริษัททั้งหลายได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ
    และพระสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจในการเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัททั้งหลายเข้าใจเรื่องกรรมและกลไกของกรรม


    บางคนกล่าวว่า คนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม การที่เกิดมาพิการหรือเจ็บป่วย ก็เนื่องเพราะในอดีต
    (อาจเป็นชาตินี้หรืออดีตชาติ) ได้เคยทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาก่อน
    กรรมนั้นจึงมาส่งผลให้ต้องทนทุกข์ในปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะหลุดรอดพ้นจากอำนาจแห่งกรรมได้อย่างไร
    ตามหลักการปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลกของหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ ท่านได้กล่าวไว้ว่า
    การจะหมดกรรมก็ต้องชดใช้กรรม ซึ่งมีด้วยวิธีต่างๆ กันดังนี้
    1. อโหสิกรรม การอโหสิกรรมทำให้บ่วงกรรมที่ร้อยรัดขาดออกจากกัน ส่งผลให้กรรมนั้นเป็นโมฆะ
    ไม่ต้องมีวาระรับกรรมอีก
    2. การชำระล้างจิตจนกระทั่งสะอาดบริสุทธิ์ ขาดจากกิเลสและอวิชชาทั้งปวง
    ทำให้หลุดพ้นจากอำนาจทั้งปวงแม้อำนาจกรรม เมื่อทำลายอัตตาแห่งอวิชชาได้แล้วก็ไม่มีผู้กระทำ
    เมื่อไม่มีผู้กระทำก็ไม่ถูกกระทำ และไม่ต้องรับผลของการกระทำใดๆ บางท่านอาจสงสัยว่า
    ครั้งพระพุทธองค์ทรงพระชนม์อยู่ทำไมยังต้องรับผลกรรมเก่า ซึ่งการที่ท่านรับผลกรรมเก่านั้น
    เพราะท่านยังดำรงขันธ์อยู่ การบันทึกกรรมก็บันทึกไว้ในขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
    การรับกรรมก็รับที่ขันธ์นี้อีกเช่นกัน แต่จิตของพระอรหันต์เจ้าท่านตัดขาดจากขันธ์แล้ว
    ไม่เสวยอาการของขันธ์ ขันธ์เปลี่ยนแปลงอย่างไรท่านก็ทราบ แต่ท่านไม่เข้าไปปรุงแต่ง
    ไม่เปลี่ยนแปลงร่วมไปกับขันธ์อีกแล้ว
    ตราบใดที่ขันธ์ยังอยู่มันก็รับกรรมของมันไปแต่จิตอันบริสุทธิ์ของท่านไม่สะเทือน ไม่หวั่นไหว
    เพราะกำจัดอุปาทานเสียแล้ว ดังที่พระพุทธองค์ท่านกล่าวว่า “เราสิ้นบุญและบาปแล้ว
    เว้นแล้วจากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีโศก ไม่มีความคับแค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน”
    และเมื่อท่านละขันธ์ 5 เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว จักดำรงอยู่ในวิมุติสุขอันไม่เสื่อมคลาย

    ผลต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตทุกชีวิตในปัจจุบัน
    ไม่ใช่เกิดจากผลของกรรมเก่าเท่านั้นแต่ยังมีผลของกรรมใหม่ประกอบด้วย
    หากกรรมใหม่ไม่มีผลแล้วไซร้ท่านองคุลีมาลจักไม่สามารถสำเร็จอรหัตผลได้เลย
    ท่านองคุลีมาลสามารถสร้างกรรมใหม่บำเพ็ญเพียรพลิกจิตเข้าสู่วิมุติหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวงด้วยความเพียรใน
    ปัจจุบัน โดยปกติแล้วอำนาจกรรมเก่าจะส่งผลมากระทำต่อชีวิตเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
    อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกรรมใหม่ ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า สภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน 5 ส่วน มาจากกรรมเก่า 2
    ส่วน และกรรมใหม่ 3 ส่วน ด้วยเหตุแห่งกรรมใหม่มีอำนาจมากกว่ากรรมเก่านี้เอง คนจนจึงอาจร่ำรวยได้หากขยัน
    คนโง่ก็อาจฉลาดได้หากหมั่นศึกษา คนเลวก็อาจสำเร็จอรหันต์ได้ หากบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง
    จึงอาจกล่าวสรุปได้ว่าอำนาจที่มีผลต่อชีวิตมากคือกรรมใหม่นี้เอง เราจึงสามารถหนีพ้นกรรมเก่า
    หรือบรรเทาให้เบาบางลงได้ หรือเบี่ยงเบนวิบากต่างๆ ออกไปให้พ้นตัวได้
    หากอำนาจของกรรมใหม่ของเราดีพอและมีปริมาณมากพอ
    อย่างไรก็ตามกรรมเก่ามักจะคอยขัดขวางการสร้างกรรมใหม่ที่ดีงามอยู่เสมอ
    ด้วยการฝึกกรรมฐานเปิดโลกนี้จะช่วยให้สามารถล่วงรู้กรรมของตน ว่าตนทำกรรมอันใดไว้ กำลังเสวยกรรมอะไรอยู่
    และต่อไปจะเป็นอย่างไร และด้วยอำนาจพระกรรมฐานที่ปฏิบัติจะช่วยคลายกรรมเก่าออกเสียจากขันธ์ 5
    ได้ตามกำลังของสมาธิ และหากมีบ่วงเวรกับเจ้าหนี้กรรม
    ก็จะได้พบเจ้ากรรมนายเวรเพื่อประกอบการอโหสิกรรมต่อกัน เพื่อให้กรรมนั้นเป็นโมฆะหมดผลวิบากไป
    (เรียบเรียงจาก ตำราฝึกกรรมฐานเปิดโลกของ หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์) ติดตามได้ในตอนต่อไป
    [/SIZE]<!-- End main-->
     
  14. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    พิสูจน์เวรกรรม พิสูจน์การเวียนว่ายใน วัฏสงสาร (2)
    <!-- Main -->[SIZE=-1]วิธีปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลกเริ่มต้นผู้ที่จะปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลกจะต้อง ถวายเวรกรรม ให้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน
    เพื่อเป็นการอาราธนาอำนาจพระรัตนตรัยลงมาโปรด
    หากไม่อาราธนาท่านจะไม่สามารถสงเคราะห์ได้เพราะถือว่าเจ้าของไม่ได้อนุญาต
    แต่เมื่ออาราธนาแล้วน้อมธรรมะมาใส่ตัว อานุภาพของพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมเจ้าก็ดี พระสังฆเจ้าก็ดี
    ก็สามารถมาโปรดเปิดโลกให้ได้รู้ได้เห็น
    การถวายกรรม
    พิธีถวายกรรม ต้องจัดให้มีดอกไม้ ธูป เทียน นำไปกราบนมัสการหลวงพ่อคง แทนองค์พระรัตนตรัย
    แล้วกล่าวคาถา
    นะโม 3 จบ ตามด้วยบท บูชาพระไตรสรณคมน์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ จนกระทั่งถึง ตติยัมปิ สังฆัง สรณัง
    คัจฉามิ
    แล้วกล่าวคาถาดังนี้
    พุทธะบูชา มหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มหาปัญโญ สังฆะบูชา มหาโภควโห ติโลกานาถัง อภิปูชายันติ พุทธะบูชา
    ธัมมะบูชา สังฆะบูชา ปฏิปัตติปูชายะ สาธุ สาธุ สาธุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะ พุทธะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะ ธัมมะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะ สังฆะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    โยโทโส โมหะจิตเต บิดามารดานะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    โยโทโส โมหะจิตเต ครูบาอาจารย์นะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    โยโทโส โมหะจิตเต เจ้ากรรมนายเวรนะรัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินาสสันติ
    กายกรรมสาม วจีกรรมสี่ มโนกรรมสาม ที่ข้าพเจ้าได้สบประมาทพลาดพลั้ง ต่อหน้าและลับหลังก็ดี ที่ควรก็ดี
    ที่มิควรก็ดี ต่อคุณพระพุทธ ต่อคุณพระธรรม ต่อคุณพระสงฆ์ ต่อคุณบิดามารดา ต่อคุณครูบาอาจารย์
    ต่อเจ้ากรรมนายเวร บาปกรรมทำเวรมาแต่ชาติปางก่อนถึงชาติปัจจุบันนี้ เพราะข้าพเจ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์
    อยู่ในอวิชชา บัดนี้ข้าพเจ้ารู้แล้ว ว่าทำบาปได้บาปจริง ทำชั่วได้ชั่วจริง ทำดีได้ดีจริง
    ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้มาขอถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร
    จงมายกโทษ จงมาอดโทษให้ข้าพเจ้าหายบาป หายกรรม หายเวร เจ็บหลัง เจ็บเอว ปวดหัว เสียดท้อง
    ปวดทั่วสรรพางค์กาย เสียวทั่วสรรพางค์กาย ข้าพเจ้าขอมอบถวายต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ต่อคุณหลวงพ่อร่วง หลวงพ่อคง ข้าพเจ้าจะถือบริกรรมอยู่เจ็ดวัน ถึงเจ็ดวัน แล้วหายเด็ดขาด ตลอดอวสาน
    ขอให้สงฆ์สาธุการให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดเจ้าข้า สาธุ สาธุ สาธุ
    นะโม ตัสสะ ตัดกรรม ตัดเวร นะโม ตัสสะ ตัดกรรม ตัดเวร นะโม ตัสสะ ตัดกรรม ตัดเวร
    สุทินนัง วะตะเมทานัง กรรมเวร อาสวะ ขะยาวะหัง นิพพานัง โหตุ
    ทุติยัมปิ สุทินนัง วะตะเมทานัง กรรมเวร อาสวะ ขะยาวะหัง นิพพานัง โหตุ
    ตติยัมปิ สุทินนัง วะตะเมทานัง กรรมเวร อาสวะ ขะยาวะหัง นิพพานัง โหตุ

    คำสมาทานพระกรรมฐาน
    สาธุ สาธุ สาธุ ณ โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตนี้ ต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรมเจ้า
    ต่อพระสงฆเจ้า เพื่อเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ข้าพเจ้าจักพ้นจากทุกข์มีชาติทุกข์ เป็นต้น
    ด้วยการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฏฐาน อันชอบนี้แน่นอน
    ขอให้จิตของข้าพเจ้าสงบดิ่งนิ่งสนิทอยู่ในพองหนอยุบหนอ
    ขอให้จิตของข้าพเจ้าสงบดิ่งนิ่งสนิทอยู่ในพองหนอยุบหนอ
    ขอให้จิตของข้าพเจ้าสงบดิ่งนิ่งสนิทอยู่ในพองหนอยุบหนอ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด
    (เรียบเรียงจาก ตำราฝึกกรรมฐานเปิดโลกของ หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์) โปรดติดตามอ่านต่อในครั้งหน้า
    [/SIZE]
    [SIZE=-1]ที่มาhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=praonline&group=2&page=3[/SIZE]
     
  15. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    วัดเขาสมโภชน์
    เลขที่ 11 หมู่ 5 ต.บัวชุม
    อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
    ตู้ ปณ. 10 ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
    โทร. 08-1216-5168, 08-1817-8341


    พระครูภาวนาวิสุทธิ (ผิว วณฺณคุตฺโต) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
    มีฐานะเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคง จตฺตมโล


    หลวงพ่อคง จตฺตมโล อดีตประธานสงฆ์



    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วิธีการปฏิบัติ : นั่งสมาธิภาวนาแบบ “ธรรมะเปิดโลก”
    (หลายใจแรงๆ เข้า ออก-เข้า ออกๆ)


    ขอแนะนำวัดเขาสมโภชน์ เพราะว่าวัดนี้เป็น การปฏิบัติกรรมฐานแบบเปิดโลก (การเปิดให้เห็นทั้ง 3 โลก แบบที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากการขึ้นไปโปรดพุทธมารดา) แต่ที่วัดนี้ คำว่า เปิดโลก ไม่ใช่ว่าสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้า แต่เป็นการให้นั่งดูกรรมตัวเอง ดูว่าที่เราปวดหัว ปวดเข่า เป็นอะไร เพราะว่าอะไร อย่างบางคนเห็นตัวเองเป็นทหารสมัยของพระเจ้าตากสิน พอมาที่วัดก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บคน พอนั่งดูแล้วก็จะเห็น พอเห็นแล้ว ถ้าเขาทำเราให้ตายก็อโหสิให้เรา จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันอีก แต่ว่าถ้าเราทำให้เขาตาย ก็ให้เราขออโหสิกับเขา

    วิธีปฏิบัตินำมาจากหลวงพ่อคง จตฺตมโล (ท่านอาราธณาพระพุทธเจ้าช่วย) แต่ตอนนี้ท่านปลงสังขารแล้ว แต่มีหลวงพ่อผิว ซึ่งเป็นผู้ติดตามของหลวงพ่อคง (จึงเรียกได้ว่าเป็นมือขวา) ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำญาติโยมฝึกต่อ

    วัดเขาสมโภชน์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมเห็นกรรมเวรอดีตชาติทำกรรมอะไรไว้บ้าง
    ชาตินี้ถึงส่งผลมาเป็นเช่นนี้ อยากรู้ไปค้นหา ปฏิบัติรู้ได้ด้วยตนเอง


    - เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านกฎแห่งกรรม
    - ไปไหว้พระอรหันต์ที่กลายเป็นหินบนยอดเขา
    - ไปกราบมนัสการหลวงปู่คง อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อย
    - ไปทำบุญให้กับฝูงลิงที่นับวันมากขึ้นทุกที อาหารการกินน้อยลง
    - ไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร มีถ้ำและธรรมชาติที่สวยงาม
    - ไปค้างจะมีบริการให้ครบหมดที่นอน หมอน มุ้ง กลด ผ้าห่ม
    - อาหารจะเป็นมังสะวิรัติหมด ไม่มีเนื้อสัตว์
    - เพียงแต่หอบสังขารและจิตคิดศรัทธาที่จะปฏิบัติเท่านั้น

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1617
     
  16. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก

    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก คือ กาลครั้งหนึ่งสมัยที่สมเด็จพระบวรนาถสมณโคดมยังทรงพระชนม์อยู่ ในกาลนั้นได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในวันที่เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากคอยรับเสด็จอยู่ ในครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพแสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏแก่พสกนิกรผู้เป็นศานุศิษย์ของพระพุทธชินสีห์ ประชาชนที่มารับเสด็จในวันนั้น ต่างก็ได้รับทิพยจักขุญาณ เห็นเทวโลก มนุษยโลก และอบายโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาทั้งหลายก็เห็นมนุษย์และสัตว์ในอบาย มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นเทวดาและสัตว์ในอบาย สัตว์ในอบายทั้งหลายก็เห็นทั้งมนุษย์และเหล่าเทวดา เรียกว่าทั้งสามโลกมองเห็นกันทะลุปรุโปร่ง

    ในวันนี้พระพุทธคุณนั้นเป็นอานุภาพที่ไร้ขอบเขต ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในจักรวาล ในวันนั้นเทวดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างๆ ก็ได้พบพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย และบริวารเก่าๆ ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน เป็นทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง จึงเกิดเมตตาจิต อธิษฐานอโหสิกรรมผู้ที่ได้เคยกระทำชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาป กรรมเวรเหล่านั้น

    ในวันนั้นเอง มีผู้มีปัญญาเกิดความเบื่อหน่ายคลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก จากนั้นมาธรรมะเปิดโลกก็มิได้ปรากฏในพระประวัติพระพุทธศาสนาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อคง จตฺตมโล พุทธสาวกสมัยพุทธกาลนี้ ได้ถือเนกขัมมะวัตรเป็นบรรพชิตบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า วิรัติแล้วจากการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม ตั้งแต่อยู่ในฆราวาสวิสัย ดำริมั่นที่จะออกจากกาม ได้จาริกเพื่อเจริญวิมุติญาณเข้าสู่โลกกุตระสภาวะมาโดยลำดับ

    จนกระทั่งลุถึง ถ้ำอรหันต์ เขาสมโภชน์ ลพบุรี ท่านได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอุกฤษฏ์ จนบังเกิดความตึงเครียดในทุกส่วนของประสาท ก็ยังไม่สำเร็จผลดังหวัง ทำให้รู้สึกท้อแท้ ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อคงเคยเป็นหลวงพ่อร่วง ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้ เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังสติปัญญาเข้าพิจารณาภูมิอันเป็นอาสวะแห่งงวัฏฏะแล้ว เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตใจมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นเอง

    จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกเชษฐ์ได้ทรงประทานพุทธานุญาตให้หลวงพ่อคงโปรดแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และอริยสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ้งเรื่องกรรมและกลไกของกรรมโดยถ่องแท้

    กรรมฐานธรรมะเปิดโลก จึงได้รับการถ่ายทอดสาธิตจากหลวงพ่อคงนับตั้งแต่นั้นมา
     
  17. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    หลักการฝึกจิตแบบธรรมะเปิดโลก

    ธรรมเปิดโลกเป็นอานุภาพที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สมัยเสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยใช้พุทธานุภาพเปิดโลกทั้งสามให้มนุษย์ เทวดา และเปรต นรก เห็นกันได้หมด จากนั้นก็ไม่มีปรากฏการณ์ทำนองนี้อีกเลยในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

    จนกระทั่งหลวงพ่อคงท่านปฏิบัติมหาสติปัฏฐานอยู่ที่ถ้ำอรหันต์ ลพบุรี หวังหลุดพ้นแต่ยังไม่หลุดพ้นสักที ท่านจึงอธิษฐานว่าหากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริงขอให้โปรดท่านให้มีดวงตาเห็นธรรมะและหลุดพ้นด้วยเถิด

    และในที่สุดท่านก็ปฏิญาณว่าท่านได้พบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง และถึงฝั่งอรหันตภูมิแล้ว จึงประกาศธรรมะเปิดโลก แต่กำลังพระอรหันต์ไม่เท่าพระพุทธเจ้าที่จะสามารถทำให้เห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่ทำให้เห็นด้วยญาณ และปรากฏการณ์ทางกายและจิตใจได้

    ด้วยกายนี้เป็นที่ตั้งแห่งกรรมชรูป และจิตชรูป กรรมกิเลส ตัณหา และอวิชชามากมาย โดยมีจิตและเจตสิกเป็นผู้ทำงานร่วมพร้อมด้วยตลอดเวลา จึงให้ใช้กายเป็นฐานในการบำเพ็ญจิต เพื่อคลายอาสวะเหล่านั้นแห่งเจตสิกออกมา

    เมื่อมีการกระทบกันของกาย จิต เจตสิก ย่อมเกิดการเคลื่อนไหว และการคลายตัวตามธรรมชาติ คลายมลทินต่างๆ ที่ฝังแน่นในอัตตาออกมาในรูปของการสะท้อน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่อัดแน่นอยู่ในตัวตน และเพื่อให้ปลอดภัยและรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านให้ถวายกรรม ถวายเวรให้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน และให้อาราธนาพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพมาโปรดกำกับกระบวนการด้วย

    ก่อนอื่นผู้ประสงค์จะเจริญกรรมฐานธรรมะเปิดโลก จะต้องถวายกรรม ถวายเวรให้กับพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าก่อน เพื่อเป็นการอาราธนาอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ลงมาโปรด หากไม่อาราธนาแล้วท่านจะไม่มายุ่งด้วย เพราะถือว่าเจ้าของไม่อนุญาต แต่เมื่อาราธนาแล้ว น้อมธรรมะมาใส่ตัว อานุภาพของพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมเจ้าก็ดี พระสังฆเจ้าก็ดี จะลงมาโปรดเปิดโลกให้ได้รู้

    วิธีภาวนา

    เมื่อมอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ต่อไปก็น้อมรับอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาสถิตประสิทธิ์ประสาทในขันธสันดานของตน อำนาจวิสุทธิทิพย์จะเข้ามาเพื่อบุคคลน้อมเข้ามาใส่ตนเท่านั้น

    ผู้ปฏิบัติพึงเฝ้าดูอาการของลมหายใจที่ลิ้นปี่ (ก้นปอด) ยามขยายตัวพองออกก็รู้แจ้งชัดว่าขยายพองตัวพองออก บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “พองหนอ” เมื่อมันยุบแฟบลงก็รู้แจ้งชัดว่ายุบแฟบลง บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “ยุบหนอ” นี่คืออานาปานสติฐานเดียว

    เมื่อทราบวิธีการแล้วจึงลงมือปฏิบัติได้ โดยนั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับขาซ้าย หรือเท้าซ้ายทับขาขวา ก็ได้ตามถนัด เอามือขวาทับมือซ้าย หรือมือซ้ายทับมือขวา หรือประสานกันไว้วางบนหน้าตัก ตั้งกายให้ตรงดำรงสติให้มั่น

    มองไปที่พระพุทธรูป บอกกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันได้ถวาย ร่างกายและชีวิตนี้ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะปล่อยให้เป็นไปตามอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บัดนี้ฉันจะเจริญสมาธิ ให้นิ่งอยู่ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม ฉันจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ฉันจะไม่ยินดียินร้ายกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่อาจมากระทบ จะสนใจเพียงประการเดียวคือความรู้ตัวอันบริสุทธิ์เท่านั้น” จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง

    แล้วเริ่มสังเกตดูอาการของลมหายใจ เอาจิตจดจ่ออยู่ที่ลิ้นปี่ เฝ้าดูอาการของลมปราณอยู่อย่างปกติเฉย เมื่อมันพองออกก็บริกรรมว่า “พอง” เมื่อมันยุบก็บริกรรมว่า “ยุบ” ลมจะสั้นจะยาวจะช้าจะเร็ว อย่าเข้าไปบังคับมัน การเข้าไปบังคับลมหายใจจะทำให้ขาดความสมดุลในกระบวนการ อาจเกิดการอึดอัด เหนื่อยหอบ คอแห้ง เป็นต้น

    ด้วยอำนาจของสตินั้นจะทำให้จิตถอนตัวออกจากขันธ์และอาการของขันธ์ เมื่อเราถอนจิตออกจากขันธ์ ขันธ์จะผ่อนคลาย และสงบเย็น สิ่งผิดปกติในขันธ์จะถูกกำจัดออกไปปรากฎเป็นอาการต่างๆ ก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ตามและไม่ต้าน เสมือนขณะที่เรากวาดฝุ่นละอองออกจากบ้าน ฝุ่นกระจายฟุ้งไปเราก็ไม่คว้าฝุ่นนั้นไว้ หรือไล่ตามฝุ่นไปฉันใด ในยามที่เราชำระขันธ์ ความเครียดของกรรมเก่าคลายออกไป เราก็ไม่ต้องไปคว้ากรรมนั้นมาไว้อีก หรือไหลตามกรรมนั้นไปฉันเดียวกัน ปล่อยให้มันคลายออกไปตามกลไกธรรมชาติ เราพึงทรงสติรู้ดูเฉยอยู่ ขันธ์จะกระตุกเต้นก็ปล่อยไป แต่จิตจะไม่เข้าไปเต้นกระตุกด้วย ให้ทรงสติรู้อยู่ ด้วยวิธีนี้จิตจะถอนออกไป เมื่อกรรมนั้นคลายออกไปหมดก็เป็นอันสิ้นกรรมตัดเวรนั้นๆ ขาดไป แต่หากมีกรรมใหญ่ที่ไม่อาจคลายได้หมด หรือกรรมที่ตัดไม่ขาดเพราะยังมีเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญอยู่ ก็ให้เชิญเจ้ากรรมนายเวรมาแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล และทำพิธีอโหสิกรรม ตัดเวร เพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเสีย
     
  18. Blossomiez

    Blossomiez สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนาด้วยค่ะ คนที่โดนของอยู่ก็ขอให้ไปรักษาหายกันเร็วๆนะคะ
     
  19. note_bank

    note_bank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +968
    คนทำของนี่เก่งมากนะ ขนาดเสกเข้าไปในร่างกายได้
    เราก้อเคยไปแอบเรียนมา แต่ไม่เคยไปทำใครหรอกนะ แค่อยากรู้เท่านั้น จะได้เอาไว้ป้องกันตัวเอง

    ---------------------
    ทำไมแขวนพระแล้วยังโดนมนต์ดำ
    พระที่คอก้อคืออำนาจพุทธานุภาพ แต่ของที่เข้าก้อคือเข้าทางทวาร หรือไม่ก้อปั้นหุ่นเป็นตัวแทนเลย

    เช่นเวลากลางคืนโบราณท่านห้ามทักตอบเวลาได้ยินอะไร เพราะบางครั้งก้อเป็นไสยศาสตร์ที่ลอยมา แล้วพอทักปั๊ป ทวารเปิด ของก้อเข้าตัวเลย
    ห้ามพูดเวลาถ่าย ทวารเปิดของก้อเข้าได้

    ไสยศาสตร์จะเข้าตัวก้อต่อเมื่อเวลาดวงตก, จิตตก, ทวารเปิด

    ลมเพลมพัด ก้อคือ เวลาคนที่เรียนมนต์ดำต้องการลองวิชชาที่เรียนว่าเป็นยังไง ก้อปล่อยของไปในอากาศ ถ้าใครดวงตกก้อรับไป เช่น บางครั้งเราไปซื้อข้าวมาทาน ไอ้เราไม่รู้ก้อกินเข้าไป เสร็จเลย เพราะเคยเจอว่าเห็นแม่ค้าทำกับข้าว (ส้มตำ+ของก้บแกล้ม) ก้อเห็นๆกันอยู่ แต่พอทานสงสัยเอาน้ำมนต์ราด ก้อเป็นตะปู งง ไปเลย หลังจากนั้นก้อเริ่มศึกษาเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเอง

    -----------------
    วิธีป้องกันไม่ให้ของดำเข้าตัว
    1. พกเบี้ยแก้ เบี้ยแก้เป็นเครื่องลางที่ใช้ป้องกันมนต์ดำของคนโบราณ
    ส่วนตัวไปเช่ามาจากวัดกลางบางแก้วที่นครปฐมของหลวงพ่อเจือ ปัจจุบันยังหาได้ ราคาสัก 200ได้มั้ง จำไม่ได้แล้ว เช่ามาหลายปีแล้ว
    2. น้ำมนต์ค่ะ ดื่มน้ำมนต์ หรือไม่ก้ออาบไปเลย
    นี่ก้อเอาน้ำมนต์ชงนมให้ลูก ปัจจุบัน ก้อเอาใส่ขวดนมให้ลูกดื่มเป็นประจำ เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะมาลองของบ้าง ช่วยได้ในระดับนึง
    3. ท่องคาถา <สัมปจิตฉามิ>
    คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    <ก่อนภาวนาให้ตั้งนะโม 3จบและต่อด้วยพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ และสวด อิติปิโสฯ 3จบ จึงภาวนาเรื่อยไป ขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบายๆ ผลของคาถาบทนี้จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน --- คัดลอกมาจากหนังสือพ่อรักลูก หน้า 66>
    3. ไปเขาโบถส์ ไหว้พระบ่อยๆ มนต์ดำเข้าไม่ได้ หรือไม่ก้อนอนในโบถส์นั้นเลย (ก้อบวชไปเลย จบ)
    4. ยันต์เกราะเพชร (ไม่ได้มีประสบการณ์ก้อเลยไม่เล่า เพราะถ้าเล่าก้อมุสา เอาไว้ให้คนมีประสบการณ์เล่าแล้วกัน)

    ไสยศาสตร์ มนต์ดำ มีตั้งแต่ง่ายๆ แบบว่าชาวบ้านอย่างเราๆก้อทำได้ จนไปถึงขั้น advance คือปั้นหุ่นเป็นตัวแทน แล้วแต่ว่าจะทำให้ถึงตายหรือป่าว
    ไม่อยากเล่าวิธีทำ เดี๋ยวเอาไปใช้หล่ะยุ่งเลย เอาวิธีแก้ดีกว่า
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE class=tborder id=post580478 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">23-05-2007, 09:23 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>6953697<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_580478", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 14-11-2007 10:23 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2006
    ข้อความ: 46 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 234 ครั้ง ใน 37 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_580478 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้อีกมาก เดี๋ยวนี้เขาใช้เดรัญฉานวิชานี้หากินบนความทุกข์ของคนอื่น เพราะมันมีคาถามนต์ดำสำหรับทำเรื่องชั่วช้าหลอกเงินคนอื่นโดยที่พวกมันไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ ขอให้กรรมตามสนองมันโดยเร็วเถิด
    <!-- / message -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เรื่องนี้หมายความว่าอะไร และที่คุณอักขรสัญจรบอกว่ามีวิธีรู้ตัวว่าถูกไสยศาสตร์ จะทำได้ยังไง
     

แชร์หน้านี้

Loading...