ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ได้โรฮิญญา มาอยู่ด้วยก็น่าจะดี พวกนี้พูกภาษาอังกฤษน่าจะได้ ทำแผ่นป้ายประท้วงเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่าตนเป็น Jehad ก็ได้

    [​IMG]
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหประชาชาติ ตำหนิอาเซียน ไม่ช่วยผู้อพยพโรฮีนจาในทะเล
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 พ.ค. 2558 09:58

    [​IMG]

    ยูเอ็นออกโรงจวก ประเทศอาเซียน ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่นั่งเรือเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล โฆษก UNHCR ชี้การปฏิเสธเข้าไปช่วยเหลือผู้อพยพขึ้นฝั่ง ถือเป็น ‘สัญญาณเลวร้าย’

    เมื่อวันที่ 19 พ.ค. สำนักข่าวบีบีซี รายงาน สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ออกแถลงการณ์ตำหนิประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮีนจาหลายพันคนที่ยังนั่งเรือลอยลำอยู่กลางทะเล หลังจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของอินโดนีเซียได้ส่งเรือเล็กไปรับผู้อพยพชาวบังกลาเทศ และโรฮีนจาอย่างน้อย 700 คนที่เดินทางจากเมียนมา ให้มาขึ้นฝั่งที่เกาะอาเจะห์ ของอินโดนีเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำไปพักยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ทำให้มีจำนวนของผู้อพยพอยู่ในศูนย์พักพิงอย่างน้อย 1,500 คน

    วิเวียน ตัน โฆษกของ UNHCR แถลงว่า การไม่ยอมเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่นั่งเรือลอยลำเคว้งคว้างในทะเล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็น ‘สัญญาณเลวร้าย’ นอกจากนั้น โฆษกหญิง UNHCR ยังเตือนว่า เวลาของผู้อพยพกำลังจะหมดลงแล้ว ด้วยเหตุนี้ UNHCR จึงหวังว่าจะมีเรือที่แล่นอยู่ในทะเลพบเจอเรือผู้อพยพมากกว่านี้ และให้ความช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านั้นด้วยการนำขึ้นฝั่ง

    ขณะที่มีรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทูตต่างชาติประจำเมียนมา ได้ร่วมประชุมหารือร่วมกับคณะรัฐมนตรีเมียนมา ที่ศูนย์สันติภาพเมียนมา ในกรุงย่างกุ้ง เมื่อ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยความเป็นห่วงกังวลต่อชะตากรรมของผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ยังนั่งเรืออยู่กลางทะเลเหล่านั้น.

    สหประชาชาติ ตำหนิอาเซียน ไม่ช่วยผู้อพยพโรฮีนจาในทะเล - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผยไทย-จีนลงนามขุด ‘คอคอดกระ’
    by Sathit M. 19 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:38 น.

    [​IMG]

    สื่อฮ่องกงระบุไทยกับจีนลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการขุดคอคอดกระ ความยาว 100 กม. รองรับแผนเส้นทางสายไหมทางทะเลของจีน นักวิชาการคาดจีนร่วมคุมเส้นทางเดินเรือ

    เมื่อวันจันทร์ เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ Want China Times ในไต้หวัน รายงานอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์ Oriental Daily ในฮ่องกง ระบุว่า เมื่อเร็วๆนี้ จีนกับประเทศไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยและการลงทุน ที่กว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ว่าด้วยโครงการคอคอดกระ อันเป็นพื้นที่ส่วนที่แคบที่สุดของคาบสมุทรมลายูทางภาคใต้ของไทย การก่อสร้างอาจเริ่มขึ้นในเวลาอีกไม่นาน

    เอ็มโอยูฉบับดังกล่าวเป็นผลจากการผลักดันของจีนตามแผนการสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเล ควบคู่กับการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจ จีน-ปากีสถาน และโครงการรถไฟความเร็วสูง จีน-รัสเซีย

    รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเปิดใช้คลองขุดความยาว 100 กม.สายนี้ เรือจะสามารถเดินทางจากอ่าวไทยทางฟากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่ทะเลอันดามันทางฟากมหาสมุทรอินเดียได้โดยตรง ช่วยย่นระยะทางได้อย่างน้อย 1,200 กม. ขณะเดียวกัน เรือขนส่งน้ำมันและเรือสินค้าจากตะวันออกกลางจะล่องไปยังจีนได้โดยไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา

    ช่องแคบมะละกาเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจีน น้ำมันที่ใช้ในจีนนั้นมาจากตะวันออกกลางกับแอฟริกาในสัดส่วน 80% ในจำนวนนี้จำเป็นต้องผ่านช่องแคบมะละกาถึง 80% ทั้งนี้ การขนส่งน้ำมันของจีนผ่านช่องแคบมะละกาถูกคุกคามด้วยภัยโจรสลัด

    โอเรียนทัลเดลี่ของฮ่องกง รายงานว่า โครงการขุดคอคอดกระใช้เวลาก่อสร้าง 10 ปีด้วยงบประมาณ 28,000 ล้านดอลลาร์ฯ

    เหลียงหยุนเซียง อาจารย์ประจำคณะนานาชาติศึกษา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง บอกกับโอเรียนทัลเดลี่ว่า เอ็มโอยูดังกล่าวระบุว่า จีนจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเปิดคลองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศสายนี้ โครงการจะช่วยเพิ่มความร่วมมือของจีนในกลุ่มอาเซียน พร้อมกับลดการพึ่งพาช่องแคบมะละกา ประหยัดเวลาเดินทางได้ 2-5 วัน จึงช่วยลดต้นทุน พร้อมกับช่วยพัฒนาท่าเรือในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่

    อย่างไรก็ดี เหลียงบอกว่า โครงการนี้มีความเสี่ยงทางการเมือง เพราะต้องขึ้นกับบรรยากาศทางการเมืองของบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯด้วย

    โอเรียนทัลเดลี่ บอกด้วยว่า แรงจูงใจอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้ คือ จีนหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯอาจปิดกั้นช่องแคบมะละกา เป็นการตัดเสบียงน้ำมันของจีน

    หลี่เจิ้นฝู อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยการเดินเรือต้าเหลียน กล่าวว่า บรรดาบริษัทจีนจะเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย ดังนั้น จีนคงจะมีสิทธิอำนาจในระดับหนึ่งในการควบคุมคลองสายนี้ และอาจสามารถเจรจาให้ได้ถือสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการผ่านของเรือรบของบางประเทศ นับเป็นการเพิ่มอิทธิพลของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.

    Source: : Thailand, China to team up on long-proposed Kra Isthmus canal. Want China Times, 18 May 2015.

    File Photo: AFP

    เผยไทย-จีนลงนามขุด ‘คอคอดกระ’ - VoiceTV
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อียูตกลงตั้งกองกำลังทางทะเลสกัดเรือค้ามนุษย์ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „อียูตกลงตั้งกองกำลังทางทะเลสกัดเรือค้ามนุษย์ รมว.การต่างประเทศของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู)เห็นด้วยกับการจัดตั้งแผนปฏิบัติการกองทัพเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อสกัดแก๊งค้ามนุษย์ที่ขนคนจากลิเบียมาขึ้นฝั่งที่ยุโรป วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 เวลา 2:38 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่19พ.ค.ว่า นางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงฝ่ายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู) แถลงว่า รมว.การต่างประเทศของประเทศสมาชิกอียูต่างเห็นด้วยให้มีการจัดตั้งแผนปฏิบัติการกองทัพเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมรมว.กลาโหมและการต่างประเทศที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อสกัดกั้นเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ขนคนลงเรือมาขึ้นฝั่งในทวีปยุโรป ทั้งนี้ประเทศในอียูต่างต้องการที่จะเข้าสกัดและทำลายเรือผู้อพยพบริเวณนอกชายฝั่งของลิเบีย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพที่หนีภัยสงครามและความยากจนในแอฟริกาเหนือเดินทางเข้ามาในยุโรป อย่างไรก็ตามอียูต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี)ลงมติเห็นชอบ ซึ่งหากไม่มีมติจากยูเอ็นเอสซี กองทัพเรือของอียูที่มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่อิตาลี จะไม่สามารถใช้กำลังทางทหารในน่านน้ำของลิเบียได้ ขณะที่การประชุมฉุกเฉินผู้นำอียูที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเรือผู้อพยพอับปางกลางทะเลทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ผู้นำอียูได้ตกลงวางขั้นตอนดังนี้คือ ระบุ สกัด และทำลายเรือก่อนที่แก๊งค้ามนุษย์จะนำไปใช้ขนผู้อพยพ อย่างไรก็ตามนักการทูตของอียูเผยว่า อียูสามารถนำเรือและเฮลิคอปเตอร์ออกปฏิบัติการเก็บข้อมูลของแก๊งค้ามนุษย์ในเขตทะเลหลวงได้ แม้ผลที่ได้จะมีข้อจำกัดก็ตาม“

    อ่านต่อที่ : อียูตกลงตั้งกองกำลังทางทะเลสกัดเรือค้ามนุษย์ | เดลินิวส์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลิเบียค้านแผนอียูตั้งกองกำลังสกัดเรือมนุษย์ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „ลิเบียค้านแผนอียูตั้งกองกำลังสกัดเรือมนุษย์ รัฐบาลลิเบียไม่เห็นด้วยกับแผนจัดตั้งกองกำลังพิเศษปราบปรามเรือมนุษย์ของอียู เพราะเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอื่นอย่างไม่เหมาะสม วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:40 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ว่าหลังที่ประชุมของสหภาพยุโรป ( อียู ) มีมติเมื่อวันจันทร์ เห็นชอบเรื่องการจัดตั้งกองกำลังพิเศษทางทะเลร่วมกัน เพื่อสกัดกั้นการหลั่งไหลผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าสู่ยุโรปของเรือบรรทุกผู้อพยพจากลิเบีย และอาจเข้ามาปฏิบัติการในน่านน้ำของลิเบียด้วย นายฮาเต็ม เอล-อูเรย์บี โฆษกคณะรัฐบาลลิเบีย แถลงคัดค้านมติดังกล่าวทันที โดยยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารในอาณาเขตทางบกและทางทะเลของลิเบีย ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อจุดประสงค์อันใดก็ตาม ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลตริโปลีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มติของอียูไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐบาลของลิเบีย เนื่องจากเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอื่นโดยปราศจากความชอบธรรม กระนั้นนโยบายดังกล่าวยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ เนื่องจากต้องรอรับการพิจารณาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหากยูเอ็นเอสซีไม่อนุมัติ แนวคิดนี้เป็นอันต้องตกไป รายงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเรือบรรทุกผู้อพยพอับปางกลางทะเลเมดิเตอร์เรเยนตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปลายเดือนเม.ย. ว่าอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ศพ มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 20 เท่า“

    อ่านต่อที่ : ลิเบียค้านแผนอียูตั้งกองกำลังสกัดเรือมนุษย์ | เดลินิวส์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โอบามาห้ามตำรวจสหรัฐใช้อาวุธคล้ายทหาร | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „โอบามาห้ามตำรวจสหรัฐใช้อาวุธคล้ายทหาร ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกคำสั่งห้ามตำรวจในสหรัฐใช้อาวุธและพาหนะที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ใช้ในกองทัพ หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงหลายครั้งระหว่างตำรวจกับประชาชนในรอบปีที่ผ่านมา วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 เวลา 11:02 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองแคมเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงคำสั่งยกเลิกการให้ตำรวจทั่วสหรัฐสามารถพกพาและใช้อาวุธ รวมถึงพาหนะที่มีลักษณะใกล้เคียงกับของกองทัพ ในการจับกุมผู้กระทำผิดและควบคุมฝูงชนขณะเกิดเหตุการประท้วง หลังได้รับเสียงร้องเรียนอย่างหนักจากประชาชน และองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง ว่ามาตรการปราบปรามเหตุร้อยของตำรวจในสหรัฐนั้น มีหลายครั้งที่รุนแรง "เกินกว่าเหตุ" ทั้งนี้ สิ่งที่ตำรวจในสหรัฐห้ามใช้และมีไว้ในสำนักงาน รวมถึง ยานพาหนะทุกประเภทที่มีการติดอาวุธ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนขนาด .50 คาลิเบอร์ หรือมากกว่านั้น ระเบิดมือ ดาบปลายปืน และการสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสันและลายแพรางคล้ายเครื่องแบบทหาร อย่างไรก็ตาม โอบามาไม่ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่ว่า การเสียชีวิตของผู้ต้องสงสัยหรือคนร้ายซึ่งเกิดจากการวิสามัญโดยเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องมีการการรายงานตรงไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้มีการสืบสวนต่างหากอีกขั้นตอนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจในเครื่องแบบกับชาวอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มชนที่มีเชื้อสายแอฟริกัน ตึงเครียดขึ้นอย่างหนักนับตั้งแต่เหตุการณ์ตำรวจผิวขาวยิงเด็กหนุ่มผิวสีเสียชีวิตในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับคนผิวสีครั้งใหญ่ในสหรัฐ และเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับพลเมืองอเมริกันผิวสีในลักษณะคล้ายคลึงกันตามมาอีกหลายครั้ง“

    อ่านต่อที่ : โอบามาห้ามตำรวจสหรัฐใช้อาวุธคล้ายทหาร | เดลินิวส์
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไม ยูเอ็นเอชซีอาร์ ไม่มารับ โรฮีนจา ไปอยู่ในยุโรปด้วยกันเลยล่ะ

    ยูเอ็นเอชซีอาร์จวกอาเซียนผลักดันเรือโรฮีนจา | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „ยูเอ็นเอชซีอาร์จวกอาเซียนผลักดันเรือโรฮีนจา "ยูเอ็นเอชซีอาร์" ประณามกลุ่มประเทศอาเซียนกรณีผลักดันเรือผู้อพยพชาวโรฮีนจาออกจากน่านน้ำของตัวเอง และปฏิเสธการให้สถานที่พักพิงชั่วคราว วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:00 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ว่าน.ส.วิเวียน ทัน โฆษกหญิงของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) แถลงเมื่อวันจันทร์ ประณามท่าทีของกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) นำโดยอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ซึ่งยืนกรานปฏิเสธการจัดสรรพื้นที่ในประเทศให้เป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้อพยพชาวโรฮีนจา อีกทั้งยังคงเดินหน้าผลักดันเรือผู้อพยพออกจากน่านน้ำของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่งและเป็น "ลางร้าย" ทันกล่าวด้วยว่า การแสดงออกของบรรดาประเทศขนาดใหญ่ในภูมิภาคสวนทางกับความคาดหวังของยูเอ็นเอชซีอาร์ ว่าจะมีผู้อพยพรอดชีวิตและได้รับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมากขึ้นในอนาคต ขณะที่น.ส. เอมี สมิธ ผู้อำนวยการองค์กร "ฟอร์ทิฟาย ไรท์ส" หนึ่งในองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวตำหนิกลุ่มประเทศในภูมิภาคอย่างรุนแรงว่า ต่างโยนความรับผิดชอบออกจากตัว ด้วยการผลักดันเรือออกจากน่านน้ำของตัวเอง ด้านรัฐบาลเมียนมาออกแถลงการณ์ "รับทราบ" ความวิตกกังวลของประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก เกี่ยวกับวิกฤติการเพิ่มจำนวนของเรือบรรทุกผู้อพยพในทะเลอันดามัน แต่ยืนยันเมียนมาไม่สมควรเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการกล่าวโทษ กระนั้นยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ว่าเมียนมาจะเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 29 พ.ค.นี้หรือไม่“

    อ่านต่อที่ : ยูเอ็นเอชซีอาร์จวกอาเซียนผลักดันเรือโรฮีนจา | เดลินิวส์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สาเหตุที่เกิดเนื่องจาก ยูเอ็นเอชซีอาร์ และองค์กรด้านมนุษยธรรมไม่ได้ให้การช่วยเหลืออะไรเลย ไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแล มีแต่มาตะโกน เรียกร้องมนุษยธรรม แต่ตัวเองไม่เคยทำอะไรเลย สัญญาว่าจะช่วย ก็ไม่ช่วย

    ผู้อพยพโรฮีนจา เจอชะตากรรมโหด แย่งอาหารฆ่ากันตายเป็นร้อย!! (ชมคลิป)
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558 10:48

    [​IMG]

    ผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิต เผยชะตากรรมสุดโหดบนเรือ ถึงขั้นต่อสู้แย่งชิงอาหาร จนมีคนถูกฆ่าตายโยนทิ้งทะเลนับร้อยคน ขณะที่ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย จี้รัฐบาลเมียนมา ควรเข้ามาหารือแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาร่วมกัน

    เมื่อวันที่ 18 พ.ค. สำนักข่าวบีบีซีรายงานความคืบหน้าถึงปัญหาชะตากรรมของบรรดาผู้อพยพชาวมุสลิม โรฮีนจา ที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ขณะที่ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ประเทศในอาเซียนร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ผู้อพยพชาวโรฮีนจาด้วยการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมสากลนั้น

    นายมาร์ติน แพเทียนส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้สอบถามชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิต ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากทางการอินโดนีเซียส่งเรือเล็กมารับขึ้นฝั่งที่เมืองท่า ลังซา บนเกาะอาเจะห์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. หลังจากโดนเรือรบมาเลเซียผลักดันเรือ 2 ลำที่บรรทุกผู้อพยพชาวโรฮีนจาราว 700 คน ออกไปจากน่านน้ำของมาเลเซียก่อนหน้าว่า ความยากลำบากหิวโหยของผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่ต้องกินต้องอยู่บนเรือที่รอนแรมอยู่กลางทะเลมานานกว่า 2 เดือน ทำให้ถึงขั้นต้องต่อสู้แย่งชิงอาหาร จนมีผู้อพยพทั้งโดนแทง โดนแขวนคอ หรือโยนทิ้งทะเล เสียชีวิตไปถึงประมาณ 100 คน

    ทางการอินโดฯ ยื่นมือช่วยเหลือนำผู้อพยพชาวโรฮีนจาขึ้นฝั่ง เมื่อ 17 พ.ค.
    อย่างไรก็ตาม มาร์ติน แพเทียนส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ชี้ว่า การเปิดเผยของผู้รอดชีวิตทั้ง 3 คน ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือไม่ เพียงแต่ว่าชาวโรฮีนจาทั้ง 3 เล่าตรงกัน ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง จะยิ่งทำให้ประชาคมโลกกดดันประเทศในอาเซียนแก้ไขปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาเพิ่มขึ้น ขณะที่ นายแพเทียนส์ ยังรายงานว่า ชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิตและถูกนำไปพักที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ลังซานั้น ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขาดอาหารและขาดน้ำ จนร่างกายไร้เรี่ยวแรง

    บีบีซี รายงานด้วยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. นายอานิฟาห์ อามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า เขาหวังที่จะหารือถึงวิกฤติผู้อพยพชาวโรฮีนจากับรัฐบาลเมียนมา ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกยกระดับกลายเป็นวาระสากล โดยนายอามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานกลุ่มอาเซียน ยังชี้ว่า อาเซียนควรจะแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาด้วยการคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งปัญหาทางสังคม และความมั่นคง

    ‘พวกเรากำลังขอให้เมียนมามาร่วมแก้ปัญหานี้ด้วยกัน’ นายอามัน กล่าว หลังจากหารือกับ นายอาบู ฮัสซัน มาห์มูด อาลี รมว.ต่างประเทศบังกลาเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลเมียนมายืนกราน จะไม่ขอรับผิดชอบเกี่ยวกับวิกฤติผู้อพยพชาวโรฮีนจาจากบังกลาเทศและเมียนมา ที่ล่องเรือมาขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

    ผู้อพยพโรฮีนจา เจอชะตากรรมโหด แย่งอาหารฆ่ากันตายเป็นร้อย!! (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระนองเตรียมพื้นที่400ไร่สร้างศูนย์พักโรฮิงญา

    [​IMG]

    ระนอง,โรฮิงญา

    วงในหน่วยงานความมั่นคงอ้าง มีความเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการสร้างศูนย์อพยพให้กับโรฮิงญา คาดจะต้องใช้ที่ดินกว่า 400 ไร่

    เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า มีคำสั่งให้จังหวัดระนองเร่งดำเนินการหาสถานที่ในการก่อสร้างศูนย์รับผู้อพยพชาวโรฮิงญา โดยให้มีข้อสรุปภายในเดือน ม.ค.นี้ โดยเฉพาะจุดบริเวณที่จะมีการก่อสร้าง ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงจังหวัดระนอง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจจุดบริเวณที่จะดำเนินการก่อสร้างศูนย์รับผู้อพยพชาวโรฮิงญา พบว่ามีความเหมาะสม 2 จุดคือที่ ต.ราชกรูด อ.เมือง มีข้อดีอยู่ใกล้หน่วยทหาร ร. 25 พัน 2 และ ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ ที่พบว่าเป็นพื้นที่ที่มีชุมชนชาวมุสลิมล้อมรอบ แต่จากการศึกษาถึงรายละเอียดในด้านต่างๆ พบว่าที่ ต.ม่วงกลวงมีความเหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะมีพื้นที่ว่างถึง 400 ไร่ ที่เป็นทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ที่สามารถก่อสร้างศูนย์รับผู้อพยพได้ ทั้งยังอยู่ใกล้มัสยิดซึ่งชาวโรฮิงญาสามารถใช้วิถีชีวิตของชาวมุสลิมได้อย่างสะดวก

    นายปรีชา ปินัง กำนัน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวว่าจะมีการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์รับผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่บริเวณที่ดินทุ่งเลี้ยงสัตว์บ้านบางเบน ซึ่งตั้งอยู่ ม. 2 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ แต่ก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เดินทางลงมายังพื้นที่อย่างผิดสังเกตุทั้ง ทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ไม่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ว่าที่ลงมายังพื้นที่เป็นเรื่องอะไร แต่ที่ตนได้พาไปสำรวจทั้งบนบกและทะเลเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นต่างถ่ายภาพและเก็บข้อมูลจุดสำคัญๆภายในหมู่บ้าน รวมถึงในทะเล

    "หากมีการจัดตั้งศูนย์รับผู้อพยพชาวโรฮิงญาจริงนั้น ส่วนตัวมองว่าการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรที่จะทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ก่อน หากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งกว่า 90% ที่นับถือศาสนามุสลิมเห็นด้วยชุมชนคงไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ทางรัฐมีการศึกษาผลกระทบและหามาตรการในการรองรับไว้ด้วย รวมถึงการดำเนินการหาช่องทางในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวให้กับชาวโรฮิงญาไม่ใช่ให้พื้นที่มีการแบกรับเพียงฝ่ายเดียว หากต้องรับก็ต้องหาทางส่งต่อให้เร็วที่สุด" นายปรีชา กล่าว

    ระนองเตรียมพื้นที่400ไร่สร้างศูนย์พักโรฮิงญา - กรุงเทพธุรกิจ Mobile
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    18 พ.ค. จีนอ่วม! พายุฝนซัดถล่ม-ตายเจ็บสูญหายเพียบ เร่งอพยพ 2 พันกว่าชีวิต
    เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์รายงานถึงพายุฝนตกอย่างหนักไปทั่วเขตปกครองตนเองกว่างจีจ้วงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กรณีดังกล่าวทำให้เกิดน้ำท่วม โคลนถล่ม และฟ้าแลบอย่างรุนแรง คร่าชีวิตชาวบ้านที่กำลังหาที่หลบภัยบริเวณป้ายรถบัสในหมู่บ้านเหลียวหม่าไปไม่ต่ำกว่า 4 ราย บาดเจ็บ 9 คน นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 5 คน
    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้อพยพชาวบ้านกว่า 2,400 คน ออกจาก 11 เขตในมณฑลกุ้ยโจวแล้ว ส่วนสภาพของแหล่งที่อยู่อาศัยนั้นดูแล้วน่าสลดใจไม่น้อย เพราะฟ้าคะนองทำลายบ้านไปหลายร้อยหลัง พร้อมกันกับที่น้ำท่วมได้ปิดกั้นช่องทางการจราจรหลายจุด
    ซึ่งถ้าประเมินดูแล้วภัยธรรมชาติครั้งนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเงินถึง 41 ล้านหยวน (ราว 225 ล้านบาท)
    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    18 พ.ค. เผยกลุ่มประเทศทะเลจีนใต้กำลังเผชิญภัยคุกคามไซเบอร์
    แคสเปอร์สกี้ แลป ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภัยคุกคามออนไลน์ล่าสุดพบว่า กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า “ไนกอน” (Naikon) กำลังเป็นภัยคุกคามในองค์กรระดับชาติทั่วภูมิภาคทะเลจีนใต้เป็นเวลานานกว่า 5 ปี
    โดยสมาชิกในกลุ่มดังกล่าวใช้ภาษาจีนในการสื่อสารและมีเป้าหมายหลักในการโจมตีระบบของหน่วยงานรัฐบาลระดับสูง รวมถึงองค์กรทางการทหารและพลเรือนในภูมิภาคทะเลจีนใต้ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ สิงคโปร์ เนปาล ลาว จีน และไทย
    แคสเปอร์สกี้ แลป ระบุอีกว่า กลุ่มไนกอนใช้เทคนิคการโจมตีแบบ "สเปียร์ฟิชชิ่ง" โดยใช้อีเมลพร้อมไฟล์แนบที่ออกแบบให้ดึงดูดความสนใจของเป้าหมาย ซึ่งไฟล์แนบดังกล่าวอาจดูเหมือนไฟล์เอกสารทั่วไป แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ที่บรรจุโปรแกรมคำสั่งที่พร้อมเปิดการใช้งานทันทีที่ผู้ใช้คลิ๊กดาวน์โหลดไฟล์แนบในอีเมล
    อย่างไรก็ตาม แคสเปอร์สกี้ แลป ได้แนะนำให้องค์กรป้องกันตัวเองจากไนกอน ด้วยการ ไม่เปิดไฟล์และเว็บลิ้งก์จากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก, ใช้โซลูชั่นป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง, ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นที่อัพเดทล่าสุด
    http://www.posttoday.com/…/เผยกลุ่มประเทศทะเลจีนใต้กำลังเผช…
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    18 พ.ค. พายุลูกเห็บถล่ม'โอคลาโฮมา' อึ้ง!ขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล
    18 พ.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุพายุฝนพัดถล่มพื้นที่หลายรัฐของสหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐเท็กซัส ไปจนถึงมินเนโซตา มีรายงานว่า ประชาชนที่เมืองมอสบี ทางตะวันตกของรัฐมิสซูรี ต้องอพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากน้ำท่วมฉับพลัน หลังจากที่น้ำในแม่น้ำฟิชชิ่ง เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 30 หลัง รถยนต์จำนวนมากถูกกระแสพัดพา ขณะที่ต้นไม้หักโค่น เมืองมอสบีเพิ่งได้รับการฟื้นฟูจากทอร์นาโดพัดถล่ม เมื่อปีที่แล้ว
    ส่วนที่รัฐโอคลาโฮมา มีรายงานว่า เกิดพายุลูกเห็บขนาดใหญ่เท่ากับลูกเบสบอล ประชาชนหลายพันคนอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ หรือความเสียหายใดๆ จากพายุในครั้งนี้
    นอกจากนี้ พื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐไอโอวา ก็ได้รับผลกระทบจากพายุทอร์นาโดเช่นกัน พายุที่มีความเร็ว 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้รถไฟหลายสิบขบวนหลุดออกจากราง อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น
    ต่างประเทศ - พายุลูกเห็บถล่ม'โอคลาโฮมา' อึ้ง!ขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    18 พ.ค. ผวา !! นาซ่าเผยแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาอายุกว่า 10,000 ปี กำลังจะละลายหมดไปภายในปี 2020 สืบเนื่องจากภาวะโลกร้อน
    วันนี้ (18พ.ค.) สำนักข่าว ‘ซีเอ็นเอ็น’ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ว่าองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ ‘องค์การนาซา’ รายงานผลการศึกษาชิ้นใหม่ ที่ระบุเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกน้ำแข็ง ‘ลาร์เซน บี’ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 10,000 และเป็นแผ่นน้ำแข็ง 1 ใน 3 ส่วนของแผ่นเปลือกน้ำแข็ง ‘ลาร์เซน’ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรเวดเดล ทางตะวันออกของทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสุดท้ายของจุดแผ่นน้ำแข็งที่มีความสำคัญ ว่าละลายรวดเร็วอย่างน่าตกใจ โดยปัจจุบันมีพื้นที่เพียง 1,600 ตารางกิโลเมตร และหนาเพียง 500 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณระบุว่า ระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่จะเพิ่มสูงขึ้น และถือเป็นข่าวร้ายสำหรับมนุษยชาติ
    ทว่า ปัญหาดังกล่าว ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ที่หากปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้งดำเนินต่อไป แผ่นเปลือกน้ำแข็งลาร์เซน บี และเป็นการรวมตัวกันของธารน้ำแข็ง 3 แผ่น คือ เลพพาร์ด,ฟลาสก์ และ สตาร์บัก จะละลายกลายเป็นน้ำจนหมดภายในปี 2563 และจะส่งผลกระทบต่อยังระดับน้ำทะเลบนโลก และอาจก่อให้เกิดความแปรปรวนอย่างหนักในอนาคต
    กระนั้น สำนักข่าว ‘รอยเตอร์’ เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศกว่า 200 ประเทศ ร่วมลงนามเพื่อตกลงเจรจาต่อรองในข้อตกลงขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีกำหนดการณ์ในช่วงปลายปี 2558 ที่จะถึงนี้ ในหัวข้อต่อสู่กับปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเกิดอุทกภัย หรือ วิกฤตความแห้งแล้ง รวมไปถึงภาวะโลกร้อน ที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลที่กำลังจะสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่ง มาจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ การเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มาจากซากฟอสซิล
    MThai News / ที่มา CNN
    ผวา !! นาซ่าเผยน้ำแข็งแอนตาร์กติกาส่อละลายหมดโลก
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    สาเหตุที่ทำให้หิ้งน้ำแข็งลาร์เซน บี ละลายอย่างต่อเนื่อง เกิดจากฤดูร้อนที่ร้อนผิดปกติและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา โดยในปี 1995 ลาร์เซน บีมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4,445 ตร.ไมล์ แต่เมื่อถึงเดือน ก.พ.ปี 2002 มีขนาดลดลงครึ่งต่อครึ่ง เหลือเพียง 2,573 ตร.ไมล์ และในอีก 1 เดือนต่อมา หดเหลือแค่ 1,337 ตร.ไมล์ ปัจจุบันมีขนาดเพียง 618 ตร.ไมล์

    ขั้วโลกใต้ใกล้ละลายสิ้่น! อีก5ปีไร้แผ่นน้ำแข็งยักษ์
    •18 พฤษภาคม 2558 เวลา 12:41 น. |

    [​IMG]

    นาซาเผยผลการศึกษาพบแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมขั้วโลกใต้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว คาดอีก 5 ปีหายไปจากโลก

    ผลการศึกษาล่าสุดขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา ทำให้ชาวโลกต้องหวาดวิตกอีกครั้ง เมื่อพบว่า “หิ้งน้ำแข็ง” (Ice Shelf) หรือแผ่นขนาดมหึมาที่ปกคลุมขั้วโลกใต้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหิ้งน้ำแข็งลาร์เซน บี (Larsen B) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ในช่วงหลังกลับมีอัตราการละลายเร็วจนน่าตกใจ คาดว่าภายในเวลาเพียง 5 ปี หิ้งน้ำแข็งอายุ 10,000 ปีผืนนี้จะอันตรธานหายไปจากโลก

    ทีมศึกษาที่นำโดย เอลา คาเซนคาร์ แห่งห้องทดลองพลังขับเคลื่อนเจ็ตขององค์การนาซาในเมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย พบว่า หิ้งน้ำแข็งมีการเคลื่อนที่เร็วขึ้น และทำให้แผ่นน้ำแข็งไม่เสถียร กระทั่งแตกเป็นชิ้นๆ ง่ายขึ้น โดยมีการตรวจสอบพบปรากฏการณ์นี้ครั้งแรกเมื่อปี 2002 ครั้งนั้นแผ่นน้ำแข็งที่แตกออกมาละลายหายไปในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ สร้างความตื่นตะลึงให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างมาก เพราะไม่มีใครเคยเห็นแผ่นเแข็งมหึมาอันตรธานไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น

    สาเหตุที่ทำให้หิ้งน้ำแข็งลาร์เซน บี ละลายอย่างต่อเนื่อง เกิดจากฤดูร้อนที่ร้อนผิดปกติและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา โดยในปี 1995 ลาร์เซน บีมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4,445 ตร.ไมล์ แต่เมื่อถึงเดือน ก.พ.ปี 2002 มีขนาดลดลงครึ่งต่อครึ่ง เหลือเพียง 2,573 ตร.ไมล์ และในอีก 1 เดือนต่อมา หดเหลือแค่ 1,337 ตร.ไมล์ ปัจจุบันมีขนาดเพียง 618 ตร.ไมล์

    ขั้วโลกใต้ใกล้ละลายสิ้่น! อีก5ปีไร้แผ่นน้ำแข็งยักษ์ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    18 พ.ค. รู้จัก ′โอปาห์′ ปลาเลือดอุ่นชนิดแรกของโลก
    ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสำนักงานสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (โนอา) ค้นพบว่า ปลาโอปาห์ หรือปลาพระจันทร์ เป็นปลาเลือดอุ่นสายพันธุ์แรกของโลก ที่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์จำพวกนก โดยปลาโอปาห์นี้จะโบกครีบไปรอบๆ ด้วยความเร็วที่คงที่ทำให้มันมีเลือดที่อุ่น และยังสามารถโบกครีบอกเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ซึ่งแตกต่างไปจากปลาทั่วไป โดยกล้ามเนื้อบริเวณอกของมันจะช่วยปกป้องความเย็นจากน้ำเอาไว้ได้ด้วยชั้นของไขมันที่มีอยู่
    รายงานการวิจัยในวารสารไลฟ์ไซน์ซ ระบุว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของโนอาได้ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและแท็กติดตามด้วยดาวเทียมไว้บนตัวปลาโอปาห์ แล้วคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของปลาโอปาห์เป็นเวลา 8 เดือน เพื่อดูอุณหภูมิในร่างกายของปลาระหว่างการว่ายลงไปยังใต้ทะเลลึกที่มีอุณหภูมิต่ำลง พบว่า ไม่ว่าอุณหภูมิของปลาจะอยู่ที่เท่าไหร่ ก็จะมีอุณหภูมิที่อุ่นกว่าอุณหภูมิของน้ำที่อยู่รอบตัวราว 5 องศาเซลเซียส ขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกจะสามารถคงระดับอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นไว้อยู่เสมอ ปลาโอปาห์ถือเป็นปลาชนิดแรกที่พบว่าสามารถรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นกว่าสภาพแวดล้อมได้
    นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าเส้นเลือดบริเวณเนื้อเยื่อของเหงือกปลานั้นอยู่ในรูปแบบที่ทำให้เลือดเย็นจากบริเวณเหงือกไปสัมผัสเข้ากับเส้นเลือดอุ่นที่วิ่งสวนทางกันและด้วยกระบวนการนี้ทำให้เลือดที่ออกมาเป็นเลือดอุ่นโดยปลาโอปาห์สามารถเพิ่มอุณหภูมิของหัวใจได้ ซึ่งช่วยทำให้มันสามารถว่ายลงไปได้ลึกกว่าปลาทั่วไปและอยู่ใต้ทะเลลึกได้นานกว่า
    สำหรับปลาโอปาห์นั้นมักจะพบอยู่ในทะเลเขตร้อน และมักจะไม่ถูกจับเป็นฝูง เนื่องจากมันจะไม่ว่ายน้ำเป็นฝูงใหญ่
    รู้จัก ′โอปาห์′ ปลาเลือดอุ่นชนิดแรกของโลก : มติชนออนไลน์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบปลาที่เรียกกันว่า “ปลาพระจันทร์” (moonfish) ปลารูปร่างกลมและมีขนาดประมาณล้อรถยนต์นั้นสามารถอบอุ่นร่างกายตัวเองได้เหมือนหม้อน้ำรถยนต์ ซึ่งในรายงานของเอเอฟพีระบุว่า นักวิจัยได้เผยแพร่การค้นพบนี้ลงวารสารไซน์

    พบปลาสร้างเลือดอุ่นสู้ความหนาวใต้มหาสมุทรลึก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2558 16:26 น.

    [​IMG]

    นิค เวกเกอร์ นักชีววิทยาประมงของโนอาอุ้มปลาโอปาห์ระหว่างการสำรวจวิจัยทางชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ซึ่งรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารไซน์ระบุว่า ปลาชนิดนี้เป็นปลาชนิดแรกที่ค้นพบว่า มีระบบอบอุ่นร่างกายทุกส่วนโดยการหมุนเวียนเลือดในร่างกาย เพื่อคงความเป็นนักล่าที่กระฉับกระเฉงใต้มหาสมทุรลึกที่หนาวเหน็บ (REUTERS/NOAA Fisheries/Southwest Fisheries Science Center/Handout)

    นักวิทยาศาสตร์พบปลาที่สามารถสร้างเลือดอุ่นให้ตัวเอง เพื่อช่วยอบอุ่นร่างกายให้ปลาข้ามขีดกำจัดในการอาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรที่หนาวเหน็บได้

    นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบปลาที่เรียกกันว่า “ปลาพระจันทร์” (moonfish) ปลารูปร่างกลมและมีขนาดประมาณล้อรถยนต์นั้นสามารถอบอุ่นร่างกายตัวเองได้เหมือนหม้อน้ำรถยนต์ ซึ่งในรายงานของเอเอฟพีระบุว่า นักวิจัยได้เผยแพร่การค้นพบนี้ลงวารสารไซน์

    ปลาดังกล่าวมีเส้นเลือดในเหงือกปลาที่นำเลือดอุ่นมาจากแกนในของร่างกาย เส้นเลือดดังกล่าวพันรอบเส้นเลือดอื่นในบริเวณใกล้เหงือกปลา ซึ่งเป็นบริเวณที่ปลาหายใจ แลกเปลี่ยนออกซิเจนและเลือดเย็น กลายเป็นระบบสร้างความร้อนด้วยตัวเองที่ช่วยให้สมองปลาเฉียบคมและกล้ามเนื้อตื่นตัว จึงว่ายน้ำได้เร็วและล่าเหยื่อได้

    จากการติดอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิพบว่า ปลาพระจันทร์หรือปลาโอปาห์ (opah fish) ทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ นั้นมีอุณหภูมิกล้ามเนื้อเฉลี่ยสูงกว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆ ประมาณ 5 องศาเซลเซียส ขณะว่ายลงลึกจากผิวน้ำ 45-300 เมตร

    การค้นพบนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์ เพราะปลาส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลือดเย็น แต่ปลาที่พบนี้สามารถอบอุ่นร่างกายได้เกือบเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนก

    “ก่อนการค้นพบนี้ผมรู้สึกประทับใจว่าปลาชนิดนี้เป็นปลาที่เคลื่อนไหวช้า ซึ่งเหมือนปลาส่วนใหญ่ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น แต่เพราะมันสามารถอบอุ่นร่างกายได้ มันจึงกลายเป็นนักล่าที่ว่องไว และไล่ล่าเหยื่ออย่างหมึกได้ และยังอพยพได้เป็นระยะทางไกล” นิโคลัส เวกเนอร์ (Nicholas Wegner) จากศูนย์วิทยาศาสตร์ประมงตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Fisheries Science Center) ขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือโนอา (NOAA) นักวิจัยหลักในการค้นพบนี้กล่าว

    ปลาอื่นๆ อย่างปลาทูนาหรือปลาฉลามนั้นสามารถอุ่นร่างกายและกล้ามเนื้อบางส่วนได้ เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการว่ายน้ำเมื่ออยู่ในความลึกที่หนาวเย็น แต่อวัยวะภายในก็เย็นลงอย่างฉับพลัน บีบให้ปลาเหล่านั้นต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่ออบอุ่นร่างกาย

    ส่วนปลาโอปาห์นั้นอาศัยอยู่ในมหาสมุทรลึกที่นักล่าส่วนใหญ่มักจะซุ่มโจมตีเหยื่อมากกว่าไล่ล่า และด้วยครีบสีแดงที่สะพัดอย่างคงที่คงวาทำให้ปลาโอปาห์ยังรักษาความอบอุ่นไว้ได้ แม้น้ำจะยิ่งเย็น และช่วยเพิ่มความเร็วในกระบวนการเผาพลาญพลังงานกับคงปฏิกิริยาตอบกลับอัตโนมัติอย่างฉับพลันได้

    นอกจากนี้ยังมีเนื้อเยื่อไขมันรอบเหงือกปลา หัวใจและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เป็นเครือข่ายเสริมของเส้นเลือดอุ่น เพื่อเป็นฉนวนให้แก่ร่างกายและคงความอบอุ่นไว้

    “ไม่เคยมีอะไรอย่างนี้ในเหงือกปลาให้เห็นมาก่อน นวัตกรรมเจ๋งๆ ของปลาเหล่านี้ช่วยให้พวกมันอยู่เหนือกว่าในสนามแข่งขัน” เวกเนอร์กล่าว

    http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000056519
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    18 พ.ค. นักวิทย์ชำแหละหายนะเนปาล! ชี้ "เมียนมา" เสี่ยงแผ่นดินไหวใหญ่
    เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ตามมาตราริกเตอร์ซ้ำอีกเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมในพื้นที่ใกล้เคียงกันที่ประเทศเนปาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 8,500 ราย เป็นหายนะที่น่าเศร้า ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับนักวิทยาศาสตร์เนื่องจากสาเหตุของแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้ และเป็นปรากฏการณ์เดียวกันกับที่ทำให้เกิดเทือกเขาหิมาลัย และยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเกือบล้านคนไปยังภูมิภาคอันห่างไกลแห่งนี้ทุกๆ ปี
    ซูซาน ฮัฟ นักวิทยาแผ่นดินไหวจากสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐที่เคยเดินทางไปยังประเทศเนปาลหลายครั้งก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดระบุว่า ชาวเนปาลรู้ดีถึงความเสี่ยงดังกล่าว ทว่าวัฒนธรรมชะตาฟ้าลิขิตทำให้คนจำนวนมากที่รู้สึกว่าสถานการณ์นั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุม
    ฮัฟเตือนว่าเนปาลไม่ใช่พื้นที่เดียวที่เสี่ยงกับแผ่นดินไหว หากแต่นครย่างกุ้งของพม่าก็มีความเสี่ยงกับแผ่นดินไหวใหญ่ๆ ด้วย นอกจากนี้บังกลาเทศ ตอนเหนือของอินเดีย ที่ใกล้กับเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงปากีสถาน อิหร่าน และตุรกี ก็อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเช่นเดียวกัน
    ย้อนกลับไปหลายร้อยล้านปีก่อน พื้นที่ซึ่งเป็นอนุทวีปอินเดียในปัจจุบันแยกตัวออกจากมหาทวีปโบราณที่มีชื่อว่า "มหาทวีปกอนด์วานา" ก่อนที่เมื่อ 10 ล้านปีก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นเหนือชนเข้ากับ "แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย" ส่งผลให้เกิดเทือกเขาหิมาลัยขึ้นนับแต่นั้น การเคลื่อนตัวเข้าหากันดังกล่าวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ ในปัจจุบัน โดยแผ่นเปลือกโลกของอนุทวีปอินเดียจะเป็นฝ่ายเลื่อนตัวเข้าใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย ในอัตราเร็ว 2 นิ้ว ทุกๆ ปี
    ลูซี่ เฟลสช์ นักวิทยาแผ่นดินไหวจากมหาวิทยาลัยเพอร์ดู สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ภูมิภาคดังกล่าวเป็นภูมิภาคที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง "การที่แผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเคลื่อนตัวเข้าชนกัน บวกกับแรงโน้มถ่วงจากภูเขาที่กดทับลงมาทำให้พื้นที่นี้เป็นภูมิภาคที่มีความซับซ้อนมาก" เฟลสช์ ผู้ที่ศึกษาด้านธรณีวิทยาในภูมิภาคนี้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี ระบุ
    แม้ว่าจะเป็นความโชคร้ายของชาวเนปาล แต่หายนะดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่คาดไม่ถึง แม้แต่แผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่านี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2477 แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ตามมาตราริกเตอร์เคยคร่าชีวิตผู้คนในเนปาลและอินเดียไปกว่า 10,000 ราย ย้อนกลับไปอีกในปี 2448 แผ่นดินไหวที่อินเดีย รวมถึงเมื่อไม่นานมานี้เมื่อปี 2548 ในเขตแคชเมียร์ ปากีสถาน ก็ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นไปอีกที่ 20,000 และ 85,000 รายตามลำดับ ขณะที่สถิติทางธรณีวิทยาบันทึกหลักฐานแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่านี้ย้อนหลังไปได้ถึงในปี 1643 เลยทีเดียว
    นักวิทย์ชำแหละหายนะเนปาล! ชี้ "เมียนมา" เสี่ยงแผ่นดินไหวใหญ่ : มติชนออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    17 พ.ค. คอมมานโด “เดลตา ฟอร์ซ” ของทัพบกมะกัน บุกรัง IS ในซีเรีย สังหารผู้นำอาวุโส “อาบู ไซยาฟ” หัวหน้าใหญ่ดำเนินงานด้านน้ำมัน
    หน่วยคอมมานโดกองทัพบกอเมริกัน บุกโจมตีภาคพื้นดินลึกเข้าไปในดินแดนซีเรีย สังหารชายผู้หนึ่งซึ่งถูกระบุว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ดำเนินงานด้านน้ำมันของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) พร้อมกับจับตัวภรรยาของเขากลับมาซักถามเพื่อขยายผล และช่วยเหลือหญิงผู้หนึ่งที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าตกเป็นทาสของสามีภรรยาคู่นี้
    เบอร์นาเด็ตตี มีฮาน โฆษกหญิงสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันเสาร์ (16 พ.ค.) ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุมัติให้กองกำลังปฏิบัติการพิเศษ “เดลตา ฟอร์ซ” ของกองทัพบก บุกเข้าไปที่ อัล-โอมาร์ ทางตะวันออกของซีเรียเมื่อคืนวันศุกร์ (15พ.ค.) เพื่อจับตัว อาบู ไซยาฟ ผู้นำอาวุโสของกลุ่มไอเอส และภรรยาของเขาที่ชื่อ อุมม์ ไซยาฟ ใน นับเป็นการปฏิบัติการทางภาคพื้นดินของกองกำลังรบพิเศษของอเมริกาภายในซีเรียครั้งแรกที่มีการเปิดเผย หลังจากภารกิจการช่วยเหลือตัวประกันอเมริกันและต่างชาติเมื่อปีที่แล้วประสบความล้มเหลว
    การอนุมัติของประมุขทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจากได้รับคำแนะนำเป็นเอกฉันท์จากทีมที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และปฏิบัติการนี้วางแผนมานานหลายสัปดาห์
    มีฮานเสริมว่า อาบู ไซยาฟ ซึ่งเป็นผู้กุมงานของไอเอสในเรื่องการดำเนินการการขายน้ำมันและก๊าซในตลาดมืด ได้ต่อสู้ขัดขืนจึงถูกสังหารระหว่างการปฏิบัติการคราวนี้ ส่วน อุมม์ ภรรยาของเขาถูกจับกุมและถูกนำมาควบคุมตัวอยู่ในอิรัก เพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการของไอเอส ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันที่มีทั้งพลเมืองอเมริกันและต่างชาติ นอกจากนั้น กองกำลังเดลตา ฟอร์ซยังสามารถช่วยเหลือหญิงสาวชาวยาซิดีคนหนึ่งที่ถูกสองสามีภรรยาใช้เยี่ยงทาส
    ทางด้าน แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯระบุว่า การปฏิบัติการนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อไอเอส ขณะที่อดัม ชิฟฟ์ สมาชิกพรรคเดโมแครตและสมาชิกผู้หนึ่งของคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎร ขานรับว่าความเคลื่อนไหวนี้จะเพิ่มความกดดันทางเศรษฐกิจต่อไอเอส
    มีฮานสำทับว่า กองกำลังรบพิเศษของสหรัฐฯ ใช้อิรักเป็นฐานในการปฏิบัติการครั้งนี้ โดยได้รับความยินยอมอย่างสมบูรณ์จากทางการแบกแดด อย่างไรก็ตาม เธอย้ำว่า วอชิงตันไม่ได้แจ้งเรื่องนี้หรือร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียแต่อย่างใด และระบุว่า กองกำลังอเมริกันไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งเสร็จสิ้นและถอนตัวกลับมาจากอิรักก่อนเวลาฟ้าสาง
    ข่าวปฏิบัติการสังหารอาบู ไซยาฟ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากวอชิงตันอนุมัติการส่งอาวุธให้กองทัพอิรัก เพื่อรับมือไอเอสที่รุกคืบยึดอาคารรัฐบาลในเมืองเราะห์มะดี เมืองหลวงของจังหวัดอันบาร์ ทางตะวันตกของอิรัก ซึ่งหากยึดเมืองนี้สำเร็จ จะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญที่สุดของไอเอสในอิรักในปีนี้ และเป็นการยึดเมืองหลวงของจังหวัดใหญ่ที่สุดแห่งที่สอง หลังจากยึดโมซูล เมืองหลวงของจังหวัดนิเนเวห์ไปได้เกือบปีแล้ว
    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาโยนาระ! เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน มุ่งหน้ากลับ US หลังทำหน้าที่คุ้มครองอธิปไตยให้ญี่ปุ่น 7 ปีเต็ม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤษภาคม 2558 06:24 น. (แก้ไขล่าสุด 19 พฤษภาคม 2558 09:50 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตันของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวของสหรัฐฯที่ประจำการถาวรในต่างแดนได้เดินทางออกจากท่าเรือโยโกสุกะ ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวแล้วในวันจันทร์ (18 พ.ค.) ถือเป็นการอำลาแผ่นดินญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ลำนี้

    รายงานข่าวระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 1992 และเคยผ่านการปฏิบัติภารกิจในสงครามอ่าวเปอร์เซียมาแล้ว ได้แล่นออกจากท่าเรือโยโกสุกะของญี่ปุ่นแล้ว หลังปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองอธิปไตยให้กับญี่ปุ่นมานานถึง 7 ปีเต็มนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2008 แทนที่เรือยูเอสเอสคิตตี้ฮอว์กที่ปลดประจำการ

    ทางกองทัพเรือสหรัฐฯมีแผนนำเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน เข้ามาประจำการในญี่ปุ่นแทน ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

    ด้าน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุว่า ในจำนวนลูกเรือทั้งหมดกว่า 5,000 คน ของเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตันนั้น จะมีประมาณ 2,000 คนเท่านั้น ที่จะถูกโอนย้ายไปสังกัดเรือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ซึ่งในขณะนี้ประจำการอยู่ที่ฐานทัพเรือในซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนจะเข้าประจำการที่ญี่ปุ่นต่อไป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000056718
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลือหึ่ง! ซาอุฯจ่อซื้อ “อาวุธนิวเคลียร์” จากปากีสถาน ตอบโต้ US ผูกไมตรีอิหร่าน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤษภาคม 2558 06:55 น. (แก้ไขล่าสุด 19 พฤษภาคม 2558 09:48 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของสหรัฐฯเผยผ่านสื่อดังของอังกฤษ “ซันเดย์ ไทม์ส” ระบุ ซาอุดีอาระเบียเตรียมทุ่มเงินก้อนโตซื้อ “อาวุธนิวเคลียร์” จากปากีสถาน คาดตอบโต้ที่รัฐบาลวอชิงตันหันไปผูกไมตรีกับอิหร่าน

    แหล่งข่าวระบุ ข้อตกลงระหว่างซาอุฯและปากีสถานซึ่งมีการจัดทำขึ้นมานานแล้ว จะถูกผลักดันให้เป็นรูปเป็นร่างโดยราชวงศ์ซาอุฯในเร็วๆ นี้ และในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจำนวนหลายร้อยคนที่สำนักงานใหญ่ ของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ใน “แลงลีย์” กำลังเร่งตรวจสอบว่าปากีสถานได้เริ่มจัดส่งอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปให้กับซาอุดีอาระเบียแล้วหรือไม่

    แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า ทางการซาอุฯ คือ ผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ให้กับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ปากีสถานตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ซาอุฯแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการมีอาวุธมหาประลัยนี้อยู่ในความครอบครอง

    ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่งเพิ่มงบประมาณทางทหารของตนอีก 54% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาเสื่อมทรามลง นับตั้งแต่ที่วอชิงตันหันไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่านที่ถือเป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ของซาอุฯ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000056723
     

แชร์หน้านี้

Loading...