ติดตามสถานะการณ์

“วิษณุ”ยันเอาจริงปราบปรามขรก.ทุจริต | เดลินิวส์
„“วิษณุ”ยันเอาจริงปราบปรามขรก.ทุจริต “วิษณุ”ยันเอาจริงปราบปรามขรก.ทุจริต เผยมีเปิดชื่อคนเอี่ยวโกงเพิ่มอีก วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:01 น.


เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปราบปรามการทุจริตในแวดวงข้าราชการ หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว สั่งย้ายข้าราชการที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตว่าสิ่งสำคัญต้องเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยต้องให้ความเป็นธรรม และระวังการกลั่นแกล้ง ซึ่งต้องอาศัยหลักฐานที่องค์กรต่างๆ มีอยู่ โดยใช้ 2 ขั้นตอนคือ 1.ย้ายออกจากตำแหน่ง เพื่อไปช่วยราชการ แต่เงินเดือนสิทธิประโยชน์ยังเหมือนเดิม เพื่อให้ผู้รักษาการในตำแหน่งนั้นสามารถส่งพยานหลักฐานเข้ามาได้ เพราะรายชื่อข้าราชการเกือบ 200 คนที่ถูกส่งมานั้น จากการตรวจสอบทราบว่าเรื่องเกิดนานแล้ว แต่ขอความร่วมมือและหลักฐานไม่ได้ เพราะมีคนนั่งทับเอาไว้จนคดีจะหมดอายุความ จึงเห็นว่าควรจะเอาคนเหล่านี้ออกไปก่อน แต่หากตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วพบว่าไม่ผิด บุคคลนั้นสามารถกลับไปตำแหน่งเดิาได้ และ 2.ถ้าทำผิดจริง ก็จะย้ายออกจากตำแหน่งเดิมไปเลย เพื่อแต่งตั้งคนอื่นทำหน้าที่แทน แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ทั้งนี้จะมีรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตอีก และในอนาคต ตนคิดว่าอำนาจแบบนี้เราต้องให้ไว้แก่รัฐบาลใหม่เพื่อคลายปัญหาบางอย่าง.“

อ่านต่อที่ : “วิษณุ”ยันเอาจริงปราบปรามขรก.ทุจริต | เดลินิวส์

 

ทำแบบนี้ล่ะดีแล้วครับ พวกองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน แทนที่จะเข้าไปดูแลเขาที่ยะไข่ กีบอยากให้พวกเขามาอยู่ที่ประเทศอื่น แล้วถึงจะมาดูแล คงอยากให้มีการตั้งขวนการ IS ในประเทศไทยแน่เลย ถ้าไปหลงกล รับเข้ามามากๆ เดี๋ยว โรฮีนจา ไปสาบาน เข้าร่วมกับ IS เดี๋ยวจะมีการจับคนไทย ไปถ่ายทำวีดีโอ ตัดหัว หรือจับใส่กรงเผา เพื่อเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รีับชม ผมว่าแบบนี้ไม่ดีน่ะครับ

แนะองค์กรตปท.ดูแลโรฮีนจาตั้งแต่ปท.ต้นทาง | เดลินิวส์



„แนะองค์กรตปท.ดูแลโรฮีนจาตั้งแต่ปท.ต้นทาง "ไก่อู"ยันนายกฯตัดสินใจยึดมั่นประเทศเป็นหลัก เมินช่วยโรฮีนจาเลยไม่ได้ หวั่นกระทบเก้าอี้ในประชาคมโลก วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 11:27 น.

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ที่แสดงความคิดเห็นในทำนองที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือชาวโรฮีนจา เพราะเกรงจะกลายเป็นภาระในระยะยาวและกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยนายกฯมีความเข้าใจความห่วงใยของคนไทยทุกคน การตัดสินใจใดๆของรัฐบาลจะยึดเอาประเทศชาติและคนไทยเป็นหลัก อีกทั้งจะไม่ดำเนินนโยบายใดๆที่จะส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของประเทศ สำหรับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และการให้ความร่วมมือกับเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่พึงกระทำในขอบเขตที่เหมาะสม หากปฏิเสธการให้ความช่วยเหลืออย่างสิ้นเชิง อาจส่งผลต่อความเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่ยังต้องประสานพึ่งพากันในกรณีอื่นๆ แต่ขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีนโยบายตั้งศูนย์อพยพหรือค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย โดยเป็นเพียงการจัดหาพื้นที่ควบคุมเป็นการชั่วคราวให้ระหว่างรอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากพื้นที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) มีสภาพแออัด และการแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผลควรแก้ที่ต้นทางของปัญหา อีกทั้งองค์กรนานาชาติควรไปช่วยพัฒนาสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของชาวโรฮีนจาตั้งแต่ประเทศต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายออกไปยังประเทศอื่น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฝากขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ส่งกำลังใจแสดงความห่วงใยเรื่องสุขภาพมายังตัวนายกฯและรัฐบาลที่ขณะนี้มีปัญหารุมเร้าให้ต้องแก้ไขมากมาย ขอยืนยันว่ามีความมุ่งมั่นเต็มที่ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม เหนื่อยบ้าง แต่ไม่ท้อถอย.“

อ่านต่อที่ : แนะองค์กรตปท.ดูแลโรฮีนจาตั้งแต่ปท.ต้นทาง | เดลินิวส์

แนะองค์กรตปท.ดูแลโรฮีนจาตั้งแต่ปท.ต้นทาง | เดลินิวส์

 

ซาอุฯถล่มเยเมนรอบใหม่ | เดลินิวส์



„ซาอุฯถล่มเยเมนรอบใหม่ กองทัพซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรโจมตีทางอากาศในเยเมนครั้งใหม่เมื่อวันอาทิตย์ หลังครบกำหนดข้อตกลงหยุดยิง 5 วันเพื่อมนุษยธรรม วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:35 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 18 พ.ค. อ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพเยเมน ว่าฝูงเครื่องบินรบของกองทัพซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเมืองเอเดน ทางตอนใต้ของเยเมน เมื่อคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมที่เริ่มขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 12 พ.ค. หมดอายุลง ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่รัฐบาลริยาดเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาสันติภาพในเยเมน โดยมีองค์กรการเมืองแทบทุกแห่งในเยเมนเข้าร่วม แต่ยกเว้นกลุ่มกบฏฮูตี สร้างความกังวลให้แก่หลายฝ่ายว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในเยเมนยากยุติเมื่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลปฏิเสธเข้าร่วมการหารือ นายอิสมาอิล โอลุด ชีค อาห์เหม็ด ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเยเมนของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงเรียกร้องให้คู่กรณีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบในเยเมน หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อกันให้มากที่สุด และขอให้กลุ่มกบฏฮูตีเปลี่ยนท่าทีเพื่อผลประโยชน์ของชาวเยเมนเป็นสำคัญ ขณะที่รายงานอีกฉบับของยูเอ็นระบุว่า การยุดยิงชั่วคราวเพียง 5 วันไม่เพียงพอต่อการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประชาชนราว 25 ล้านคน ซึ่งขาดแคลนเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น“

อ่านต่อที่ : ซาอุฯถล่มเยเมนรอบใหม่ | เดลินิวส์

 

มาเลเซียจี้เมียนมาร่วมแก้ปัญหาโรฮีนจา | เดลินิวส์



„มาเลเซียจี้เมียนมาร่วมแก้ปัญหาโรฮีนจา มาเลเซียกดดันเมียนมาแสดง "ความรับผิดชอบ" ต่อวิกฤติเรือผู้อพยพชาวโรฮีนจาร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระของประเทศร่วมภูมิภาค ขณะที่ยูเอ็นเดินหน้าเรียกร้องขออย่าผลักดันเรือผู้อพยพอีก วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:06 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่านายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงเมื่อวันอาทิตย์ เรื่องการหารือทางโทรศัพท์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีของไทยและมาเลเซีย เกี่ยวกับสถานการณ์เรือบรรทุกผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนนี้ โดยเรือพยายามเข้าสู่น่านน้ำของประเทศที่มีอาณาเขตติดกับทะเลอันดามัน ได้แก่ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ผู้นำของไทยและมาเลเซียให้คำมั่นเรื่องการปฏิบัติต่อผู้อพยพตามหลักกฎหมายสากล ขณะที่บันยืนยันท่าทีของยูเอ็นในเรื่องการให้ประเทศที่พบเห็นเรือเหล่านี้ในน่านน้ำของตัวเอง ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพที่อยู่บนเรือตามหลักมนุษยธรรมด้วย และไม่ควรมีการผลักดันเรือออกจากน่านน้ำอีก ซึ่งยูเอ็นยินดีมอบความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ในวันเดียวกัน นายมูห์ยิดดิน ยาสซิน รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาร่วมแสดง "ความรับผิดชอบ" ต่อสถานการณ์การหลั่งไหลออกจากเมียนมาของเรือบรรทุกผู้อพยพชาวโรฮีนจา พร้อมกับตำหนิอีกฝ่ายว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้ควรได้รับการแก้ไขร่วมกัน ไม่ใช่โยนให้เป็นความรับผิดชอบของบรรดาประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้ และรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางการเมียนมาจะร่วมการหารือกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายเป็นวิกฤติระดับโลก ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) รายงานจำนวนผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ลี้ภัยทางเรือออกจากเมียนมาในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ราว 25,000 คน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 2 เท่า“

อ่านต่อที่ : มาเลเซียจี้เมียนมาร่วมแก้ปัญหาโรฮีนจา | เดลินิวส์

 

อินโดฯสกัดเรือผู้อพยพในช่องแคบมะละกา | เดลินิวส์



„อินโดฯสกัดเรือผู้อพยพในช่องแคบมะละกา ทางการอินโดนีเซียเผยการสกัดกั้นเรือลำหนึ่ง ซึ่งต้องสงสัยบรรทุกผู้อพยพจำนวนมาก ในทะเลบริเวณช่องแคบมะละกา เมื่อวันอาทิตย์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:04 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ว่ากองทัพเรืออินโดนีเซียรายงานการตรวจพบเรือโดยสารลำหนึ่งต้องสงสัยบรรทุกผู้อพยพ กำลังเดินทางเข้าในในเขตน่านน้ำของช่องแคบมะละกา โดยต้นทางของเรือเชื่อว่าผ่านมาทางมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงติดต่อผ่านระบบวิทยุสื่อสาร ก่อนที่เรือจะเปลี่ยนเส้นทางออกจากทิศทางมุ่งสู่น่านน้ำของอินโดนีเซีย ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ และทางการจาการ์ตาปฏิเสธให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่อยู่บนเรือ ที่ทำให้เรือหันกลับไป แต่ยืนยันว่า เรือตัดสินใจถอยกลับออกไปเอง และเจ้าหน้าที่สังเกตพบผู้อยู่บนเรือมี "จำนวนมาก" แต่ไม่ชัดเจนว่ากี่คน รายงานระบุด้วยว่า เรือตรวจการณ์ของกองทัพ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวนอีกลำหนึ่ง คอยลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ "เรือน่าสงสัย" รุกน้ำน่านน้ำ นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ให้ความช่วยเหลือเรือบรรทุกผู้อพยพชาวโรฮีนจาแล้วกว่า 3,000 คน แต่ทั้งสามประเทศยังคงปฏิเสธการเป็นสถานที่พักพิง "ชั่วคราว" ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ โดยทางการมาเลเซียยืนยันนโยบายผลักดันเรือโดยสารของชาวโรฮิงญาออกจากน่านน้ำ และจะมอบความช่วยเหลือหากเรือกำลังจะอับปางเท่านั้น เรียกเสียงประณามจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง“

อ่านต่อที่ : อินโดฯสกัดเรือผู้อพยพในช่องแคบมะละกา | เดลินิวส์

 

จีน-รัสเซียซ้อมรบร่วมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน | เดลินิวส์



„จีน-รัสเซียซ้อมรบร่วมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นาวิกโยธินจีนและรัสเซียเปิดฉากซ้อมรบร่วมกันครั้งแรกในน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดกับเพื่อนบ้านที่ทั้งจีนและรัสเซียต่างต้องเผชิญ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 2:34 น.

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่า เรือรบรัสเซียและจีนรวม 9 ลำ ซ้อมรบร่วมกันครั้งแรกใน "ปฏิบัติการร่วมทางทะเล 2015" ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 21 พ.ค. นี้ โดยมีฐานสั่งการเคลื่อนที่อยู่บนเรือรบลาดตระเวนติดขีปนาวุธมอสควาของรัสเซีย พล.ร.ท.อเล็กซานเดอร์ เฟโดเตนคอฟ รองผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซีย ผู้นำการฝึกซ้อมฝ่ายรัสเซียในครั้งนี้ กล่าวว่า การซ้อมรบครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนามุ่งเป้าโจมตีไปที่ประเทศใด แต่เป็นไปเพื่อเสริมศักยภาพและความเข้าใจระหว่างหน่วยนาวิกโยธินของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อยกระดับมาตรการด้านความมั่นคง ในการรับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามใหม่ๆ ทางทะเล ทางการมอสโกเร่งยกระดับการซ้อมรบทางทะเล เมื่อความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จากปัญหาในยูเครน ซึ่งทำให้รัสเซียประกาศว่าจำเป็นจะต้องรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตนเช่นกัน ขณะที่ทางการจีนเองก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และให้ความสำคัญกับด้านนาวิกโยธินมากขึ้น ท่ามกลางปัญหาพิพาทในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้กับประเทศเพื่อนบ้าน.“

อ่านต่อที่ : จีน-รัสเซียซ้อมรบร่วมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน | เดลินิวส์

 

ลักษณะแต่ล่ะ คนดูน่ากลัวมาก

'เมียนมา'กล่าวหา'ไทย' ต้นตอ'วิกฤติโรฮีนจา' | เดลินิวส์



„'เมียนมา'กล่าวหา'ไทย' ต้นตอ'วิกฤติโรฮีนจา' เจ้าหน้าที่เมียนมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุของปัญหาผู้อพยพยทางทะเลในภูมิภาค พร้อมกล่าวโจมตีประเทศปลายทางคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:37 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่า ทางการมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงว่า นายอานิฟาห์ อามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย มีกำหนดหารือในประเด็นการหลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของผู้อพยพทางเรือ กับนางเรตโน มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่เมืองโกตากินะบะลู ในรัฐบาซาร์ของมาเลเซียในวันจันทร์นี้ หลังจากนั้นจะพบกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศของไทย คาดว่าอาจเป็นวันพุธ ขณะที่สื่อของทางการระบุว่า นายเอ เอช มาห์มูด อาลี รมว.ต่างประเทศบังกลาเทศ ได้เข้าพบหารือในเรื่องนี้กับนายอามันในวันอาทิตย์ (17 พ.ค.) ซึ่งเป็นการนัดหมายที่ถูกกำหนดมาก่อนหน้าจะมีวิกฤตการณ์นี้เกิดขึ้น สำนักข่าวเอพียังรายงานว่า พ.ต.ซอว์ ฮเตย์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่า การที่เมียนมาจะเข้าร่วมในการหารือเรื่องผู้อพยพที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ 29 พ.ค. นี้ ขึ้นอยู่กับว่า "ประเด็น" คืออะไร ซึ่งรัฐบาลเนปิดอว์จะไม่เข้าร่วมหากยังยืนยันจะถกเถียงกันในประเด็น "ต้นตอของปัญหา" และมีการระบุคำว่า "โรฮีนจา" ในหมายเชิญครั้งนี้ พ.ต.ฮเตว์ ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาจากหลายประเทศ ที่ชี้ว่าเมียนมาเป็นที่มาของปัญหาเหล่านี้ โดยเบี่ยงประเด็นพุ่งเป้ากล่าวหาไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน และกล่าวโดยอ้างมุมมองทางมนุษยธรรมระบุว่า "ผู้อพยพเหล่านี้ ถูกผลักดันให้ออกเดินทางโดย "บาง" ประเทศอย่างมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ที่พักพิงแก่ชาวโรฮีนจากว่า 45,000 คน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กลับบอกว่า "รับไม่ได้อีกแล้ว" เช่นเดียวกันกับไทยและอินโดนีเซีย" ด้านอดีตประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ของอินโดนีเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลของทุกประเทศที่เกี่ยวข้องร่วมมือหาทางแก้ปัญหา และเลิกกล่าวโทษกัน เพราะชีวิตของผู้อพยพหลายร้อยคนคือเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ มันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะกล่าวหาเพียงอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เพราะอย่างไรเสียเมียนมาและบังกลาเทศก็ปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ผู้นำมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ได้ขอความร่วมมือไปทางรัฐบาลเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหา ที่มีรากฐานมาจากภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมในประเทศ ที่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมชาวโรฮีนจา ต้องหลบหนีการกดขี่และแรงบีบคั้นจากสังคมเมียนมาที่นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่.“

อ่านต่อที่ : 'เมียนมา'กล่าวหา'ไทย' ต้นตอ'วิกฤติโรฮีนจา' | เดลินิวส์

 

บริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด



กระทรวงมหาไทยได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ร.ต.ท. อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจ.สมุทรสาคร ไปรักษาการแทนรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 2558 เป็นต้นไป

 

ปอกเปลือก ทรราช

ยุโรปอ่อนแอกำลังสูญเสียการควบคุมทวีปของตนเอง



-------------
คราวนี้มาดูว่าสื่อฯยุโรป (เยอรมันนี) มองสถานการณ์ของอียู-สหรัฐฯ-รัสเซีย ในตอนนี้อย่างไรบ้าง สำนักข่าว Deutsche Wirtschafts Nachrichten ของเยอรมันมองเรื่องอำนาจทางการเมืองของอียูว่า อียูกำลังจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ และไม่สามารถควบคุมกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นในแผ่นดินของตัวเอง ทวีปยุโรปกำลังจะกลายเป็นสนามเล่นของ 2 มหาอำนาจคือ สหรัฐฯและรัสเซีย ซึ่งพยายามที่จะขยายอิทธิพลของตนในภูมิภาคนี้ (แหม… คันปากอยากจะใส่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ของเยอรมันจริงๆ ขอเก็บไว้คิดดอกทบต้นตอนหลังละกัน คริๆ)
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มองว่า รัฐบาลของนางแองเกล่า แมร์เกล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีของเยอรมันอ่อนแอลง เนื่องจากมีปัญหาอื้อฉาวเรื่องถูกสอดแนม (จากสหรัฐฯและอังกฤษอยู่บ่อยๆ) ในขณะที่อียูเองนั้นไม่ได้เป็นประชาคมที่ทรงคุณค่าอีกต่อไป (community of values) เป็นแต่เพียงประชาคมทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวล้วนๆเท่านั้น (economic community) ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็พยายามที่จะรักษาสมดุลความเห็นแก่ตัวของตัวเอง (all parties are trying to balance their respective egoism)
สื่อฯของเยอรมันวิจารณ์ต่อไปอีกว่า อียูไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไร (ไม่มีประโยชน์อะไร) เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นมาในแผ่นดินแม่ของตัวเอง เช่นกรณีของกรีซ ยูเครน และมาซิโดเนีย (Macedonia) รัฐบาลของประเทศต่างๆในกลุ่มอียูได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถที่จะทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่ในฐานะผู้สังเกตการณ์
สื่อฯเยอรมันกล่าวต่อว่า ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริงยกตัวอย่างกรณีความขัดแย้งในยูเครน เมื่อสหรัฐฯบีบบังคับให้รัฐบาลในกลุ่มประเทศอียูแซงชั่นรัสเซีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าขายที่สำคัญที่สุดประเทศหนึ่งของอียู คราวนี้อียูต้องจ่ายสองด้าน ข้างหนึ่งก็คือเศรษฐกิจของยุโรปต้องประสบกับความลำบากเนื่องจากถูกรัสเซียแซงชั่นกลับ (ก็สมควรแล้ว หาเรื่องใส่ตัวเพราะเชื่อคำพูดของสหรัฐฯเอง และเป็นเพราะความโลภของอียูที่อยากได้ยูเครนมาเป็นพวกด้วยหละ ไม่ดูตาม้าตาเรือเองว่าขาใหญ่เขาคุมอยู่ วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปก็เจออีนรัสเซียถีบกระเด็นออกมาสิ) ส่วนอีกข้างหนึ่งรัฐบาลของอียูกต้องเอาเงินภาษีของชาวยุโรปไปคอยอุ้มเศรษฐกิจของยูเครนเอาไว้ไม่ให้จม (พูดเอาดีเข้าตัวจริงๆ ปล่อยเงินกู้ก็ได้ดอกเบี้ยไม่ใช่รึ ขาดทุนซะที่ไหนหละนั่นหนะ มันก็เหมือนกับที่อียูปล่อยกู้ให้กับกรีซนั่นแหละ ไม่เห็นบ่นว่าขาดทุนซักนิดเลย)
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวอีกว่าการที่นาง Victoria Nuland ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯประจำอียูกล่าวว่า "F*ck the EU" ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องจริงซะแล้ว (นางได้พูดอย่างนั้นจริงๆ ช่วงที่อียูเริ่มเสียงแตกในการแซงชั่นรัสเซียครั้งล่าสุด) หนังสือพิมพ์ DWN กล่าวสรุปว่า แนวโน้มด้านลบนี้เป็นผลพวงที่สมเหตุสมผลจากพัฒนาที่ขัดแย้งในตัวเองอียู ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งของความเชื่อมั่น (การขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง?) และจากการขาดความเป็นเอกภาพภายในสังคมของอียูเอง (หมายถึงกลุ่มประเทศสมาชิกอียูไม่มีความสามัคคีกัน ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือกันจริงๆในยามที่สมาชิกมีภัย คอยแต่จะหาโอกาสเอาเปรียบกัน)
สัญชาตญาณของอดีตนักล่าชาวยุโรปที่ก่อนนี้เคยเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันนี้แม้จะหมดยุคล่าอาณานิคมเหมือนสมัยก่อนแล้วก็ยังไม่วายที่จะแสดงออกให้เห็นถึงความทะเยอทะยานในอำนาจแบบเดิมอีก นี่ขนาดแค่สื่อฯนะยังมองแบบนี้เลย ครั้นจะเล่นสหรัฐฯโดยตรงก็อาจจะทำให้สหรัฐฯมีความระแวงอียูมากขึ้นก็ได้ จึงพาลไปลงที่รัสเซียด้วย โดยบอกว่าตอนนี้อียูกลายเป็นสนามเล่นของสองมหาอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ในกรณียูเครนและการแซงชั่นรัสเซียนี้ รัสเซียไม่ได้ไปหาเรื่องสหรัฐฯหรืออียูก่อน รัสเซียเป็นผู้ถูกกระทำต่างหาก เมื่ออียูกับสหรัฐฯรวมหัวกันกลั่นแกล้งและคุกคามรัสเซีย รัสเซียก็จำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง แล้วจะมากล่าวหาว่ารัสเซียไปใช้อียูเป็นสนามเล่นแย่งอำนาจกับสหรัฐฯได้อย่างไร?
การนำเสนอข่าวแบบนี้เป็นการพูดแบบเข้าข้างตัวเองตามสไตล์สื่อฯตะวันตก ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นการแสวงหาความร่วมมือเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย แทนที่จะยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง กลับพยายามโยนไปให้รัสเซียซะงั้น ส่วนที่บอกว่าอียูอ่อนแอลง อันนี้ใช่ สื่อฯเยอรมันวิเคราะห์ถูกที่ว่ามาจากปัญหาภายในของอียูที่ขาดความสามัคคีและความจริงใจให้กันในชาติสมาชิกของอียูเอง
การบอกว่าอียูกำลังอ่อนแอลงนั้นก็เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลอียูให้รีบทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับสหรัฐฯ ไม่ใช่รัสเซีย เพราะว่าตอนนี้กองทัพสหรัฐฯกระจายฐานทัพอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองในอียูต่างหาก ในขณะที่อียูซึ่งบอกว่าตัวเองเป็นมหาอำนาจและเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ กลับไม่สามารถเข้าไปตั้งฐานทัพของตัวเองในประเทศสหรัฐฯอเมริกาได้เลย มันน่าคิดไหมหละว่าใครกันแน่ที่คุมอียูอยู่ตอนนี้ ดังนั้นหากอียูต้องการจะยืดลมหายใจของตัวเองออกไปอีกซักระยะ การหันมาจับมือกับจีนและรัสเซียนั้นถือว่ามาถูกทางแล้ว แต่หากสื่อฯเยอรมันหมายถึงว่าให้อียูกับสหรัฐฯรีบถล่มรัสเซียให้เร็วขึ้น นั่นถือว่าเป็นความผิดมหันต์ของอียูเลยหละ แสดงว่าเยอรมันยังไม่เข็ดจากสงครามโลกครั้งที่สองสินะ
The Eyes
19/05/2558
-----------
Europeans Lose Control Over Their Continent – German Media / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
Grexit อันตรายขั้นร้ายแรงของยุโรป



-------------
มาติดตามดูสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในยุโรปที่กำลังง่อนแง่นในตอนนี้กันบ้างครับ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.58 ที่ผ่านมานาย Sigmar Gabriel รมต.ด้านกิจการเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมันออกมาพูดกับหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag ของเยอรมันเกี่ยวกับกับกรณีที่กรีซอาจจะถอนตัวออกจากสหรภาพยุโรป (Grexit) ว่า "การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของกรีซนั้นไม่ใช่อันตรายทางเศรษฐกิจ แต่เป็นอันตรายทางการเมืองขั้นร้ายแรงของอียูเลยทีเดียว เมื่อประเทศแรกเดินออกไปได้ ประเทศอื่นๆที่เหลือก็จะมองดูยุโรปในมุมที่แตกต่างไปจากเดิม และจะไม่มีใครมีความเชื่อมั่นในยุโรปอีกต่อไป หากพวกเราแตกแยกกันเพียงเพราะประสบกับวิกฤตในครั้งแรก" (จริงๆแล้วที่เยอรมันกลัวก็คือประเทศอื่นก็จะเอาอย่างกรีซด้วย ที่แน่ๆก็อังกฤษหละรายหนึ่ง)
เกี่ยวกับเรื่องวิกฤตหนี้สินของกรีซนี้เคยเล่าให้ฟังหลายรอบแล้ว สิ่งที่ปรากฎเด่นชัดก็คือเมื่อกรีซประสบปัญหาวิกฤตหนี้สินอันเนื่องมาจากนโยบายประชานิยมและกู้หนี้ยืมสินเกินประมาณของตัวเองจากรัฐบาลก่อน จนไม่อาจจะใช้หนี้ได้หมดในเวลาอันสั้น พวกเจ้าหนี้รายใหญ่อย่าง IMF, EU และ ECB ต่างก็รุมกินโต๊ะกรีซ บีบให้กรีซใช้มาตรการรัดเข็มขัดตามที่พวกเจ้าหนี้กำหนดให้ หากทำไม่ได้พวกเจ้าหนี้ก็จะบีบให้กรีซต้องยกกิจการดีๆของตนให้กับเจ้าหนี้ต่างชาติแทน การจะได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่จากเจ้าหนี้รายเดิมก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ คือกรีซจะต้องใช้หนี้เก่าบางส่วนก่อน
จากนั้นเจ้าหนี้ถึงจะปล่อยหนี้ก้อนใหม่ให้กรีซ แล้วกรีซจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ เพราะไม่มีเงินเหลือแล้ว ที่ทำได้ตอนนี้ก็เป็นแบบกู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า เหมือนรูดบัตรเครดิตใบหนึ่งไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตอีกใบหนึ่ง ยิ่งกู้ หนี้ก็ยิ่งเพิ่ม สุดท้ายกรีซก็ต้องหันไปพึ่งรัสเซีย เพราะว่าอียูด้วยกันเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับกรีซได้ มีแต่จะทำให้กรีซถลำลึกลงไปเรื่อยๆ รัสเซียไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้กรีซ แต่ให้ความช่วยเหลือด้วยการผ่อนปรนมาตรการสั่งห้ามนำเข้าผลไม้และสินค้าทางการเกษตรให้กับกรีซแทน เพื่อแลกกับโครงการท่อแก๊ส Turkish Stream ของรัสเซียที่จะต้องเดินผ่านตุรกีเข้าไปยังกรีซ และโดยให้กรีซเป็นผู้ร่วมลงทุน แต่กรีซไม่มีเงิน งั้นรัสเซียก็ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาวให้
เมื่อสร้างเสร็จกรีซก็ได้กำไรจากการกินหัวคิวขายแก๊สของรัสเซียในยุโรปตะวันตกอีกต่อหนึ่ง ก็ win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตรงนี้อียูกับสหรัฐฯให้กรีซไม่ได้ มีแต่รัสเซียเท่านั้นที่ช่วยได้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนนี้ก็ดูเหมือนจะแฮ็ปปี้เอ็นดิ้งดี แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไป เพราะยังมีตัวอิจฉาเหมือนในละครน้ำเน่าอยู่ สหรัฐฯไม่พอใจที่รัสเซียกับกรีซหันมาร่วมมือกันอย่างนี้
สหรัฐฯจึงพยายามที่จะบังคับให้กรีซปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซีย ซึ่งได้เซ็นสัญญาตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว และต้องการให้กรีซใช้ท่อแก๊สของสหรัฐฯจากอาเซอร์ไบจานแทน ปัญหานี้กลายเป็นศึกชิงแนวท่อแก๊สระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ อันที่จริงต้องบอกว่าสหรัฐฯมาแย่งรัสเซียถึงจะถูก ปัญหาไม่ได้อยู่เฉพาะที่กรีซเท่านั้นยังลามไปถึงการก่อเหตุก่อการร้ายใน Macedonia เมื่อเร็วๆนี้อีกด้วย (ขอเล่าในโพสต์ต่อไปนะครับ ค่อนข้างยาวสักนิด ซึ่งน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน)
The Eyes
19/05/2558
-----------
German Economy Minister Warns Grexit Would be ‘Extremely Dangerous’ for EU / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
เปรียบเทียบผู้อพยพทั่วไปกับกลุ่มผู้อพยพที่มีขบวนการค้ามนุษย์อยู่เบื้องหลัง และการนำเสนอข่าวของสื่อฯฝั่งรัสเซียที่ไม่ดึงไทยเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องผู้อพยพชาวโรฮิงญากับสื่อฯตะวันตกและสื่อฯไทยโปรอเมริกา



-------------
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับผู้อพยพจากทั่วทุกมุมโลกตามสื่อฯต่างๆ ซึ่งพากันโหมข่าวนี้มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว และดูเหมือนว่าสื่อฯไทยประเภทสมองไหลก็จะรับลูกจากสื่อฯตะวันตกมาเป็นส่วนใหญ่ซะด้วย โดยเสนอไปในทิศทางเดียวกันกับสื่อตะวันตก วันนี้เห็นข่าวเกี่ยวกับผู้อพยพในต่างประเทศจากสื่อฯฝั่งรัสเซีย และได้เปรียบเทียบกับการนำเสอนข่าวของสื่อฯตะวันตก มีอยู่ 2-3 ข่าวที่น่าสนใจ อยากจะนำมาเล่าให้ฟังดังนี้
ข่าวแรกคือ วันนี้ (18 พ.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านาวิกโยธินของประเทศเม็กซิโกเข้าช่วยเหลือเรือผู้อพยพ(แบบทำเอง)ชาวคิวบาจำนวน 2 ลำมีผู้อพยพจำนวน 23 คนในแหลม Yucatan ใกล้ชายฝั่งเม็กซิโก นาวิกโยธินของเม็กซิโกรายงานว่าผู้อพยพชาวคิวบาเหล่านี้เดินทางมาจากเกาะ Juventud ประเทศคิวบาเพื่อมาเทียบท่าที่ชายฝั่งเม็กซิโกจากนั้นก็จะเดินทางข้ามพรมแดนไปยังประเทศสหรัฐฯอเมริกาต่อไป จุดที่น่าสนใจก็คือผู้อพยพจากคิวบากลุ่มนี้ใช้เรือแพรประเภทต่อเองโดยใช้วัสดุที่หาได้เองเช่นใช้กระติกน้ำพลาสติกหลายใบมาผูกติดกันทำผ้าใบเรือด้วยเศษผ้าธรรมดา ไม่เหมือนมีเรือที่ใช้สำหรับอพยพเข้าเมืองจากลิเบียไปยังยุโรปที่ทันสมัยและจากบังคลาเทศและเมียนมาร์ไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่เลย
ภาพที่1 เป็นเรือผู้อพยพจากคิวบา ภาพที่2เป็นเรือผู้อพยพจากลิเบียไปยังยุโรป ภาพที่3เป็นเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญาจากพม่าและบางคลาเทศไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซีย เห็นความแตกต่างระหว่างพาหนะของทั้งสามกลุ่มนี้ไหม? กรณีของลิเบียไปยุโรปนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นการกระทำของขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งทางยุโรปก็ยอมรับเอง ส่วนกรณีของโรฮิงญานี้ก็มีพวกขบวนการค้ามนุษย์อยู่เบื้องหลังเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นองค์ใหญ่ระดับประเทศเลย เพราะลำพังชาวโรฮิงญาเองคงจะไม่มีความสามารถจัดหาเรือขนาดใหญ่ได้หลายลำขนาดนั้นแน่ แน่นอนว่ารัฐบาลพม่าและกลุ่มสิทธิมนุษยชนสากลอาจจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการจัดหาพาหนะให้คนกลุ่มนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกนี้จะหาเรือขนาดใหญ่และน้ำมันพร้อมทั้งอาหารมาจากไหนสำหรับการเดินทางที่อยู่กลางทะเลได้นานเป็นแรมเดือนขนาดนั้น
พวกโรฮิงญานี่ฉลาดมาก พอใกล้จะถึงฝั่งหรือรู้ว่ามีเรือประมงหรือเรือของทางการประเทศปลายทางหรือของประเทศไทยพบเข้าพวกนี้ก็จะเหมือนจงใจแกล้งทำให้เรือของตัวเองล่ม เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในน่านน้ำใกล้ชายฝั่งของมาเลเซียซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของพวกโรฮิงญา เมื่อทางมาเลเซียบอกว่าไม่รับและพยายามผลักดันออกไปจากชายฝั่งของตนเอง แล้วก็มีข่าวออกมาว่าเรือผู้อพยพอัปปางซะงั้น แน่นอนว่าผู้ที่อ่อนก็ย่อมจมน้ำเสียชีวิตส่วนผู้ที่แข็งแรงก็ลอยคออยู่ได้หรือว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ใครเห็นเข้าก็ต้องรีบให้การช่วยเหลือเพราะไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ได้ขึ้นฝั่งในมาเลยเซียสมใจ
ที่อิตาลีซึ่งพึ่งจะเกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมเมื่อเร็วๆนี้ก็เช่นกัน เรือบรรทุกผู้อพยพขนาดใหญ่จุคนได้ถึง 900 คนล่องเรือมาตั้งนานไม่ล่ม แต่พออยู่เข้าน่านน้ำของอิตาลีกลับเกิดอุบัติเหตุเรือล่มซะงั้น มีผู้เสียชีวิตไปหลายราย ส่วนที่รอดก็ได้รับการช่วยเหลือจากทางการของอิตาลี แผนจมเรือเพื่อกดดันให้รัฐบาลของประเทศปลายทางรับผู้อพยพเข้าประเทศนี้ได้ผลทุกครั้ง
อัพเดทข่าวท่าทีของอียูเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายในยุโรป ล่าสุดทางสหภาพยุโรปไม่รับแผนแบ่งโควต้ารับดูแลผู้อพยพตามจำนวนของประชากร GDP และอัตราการว่างงานของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกอียู โดยทางอียูเสนอว่าให้ส่งผู้อพยพเหล่านั้นกลับประเทศต้นทาง เออ… แล้วอย่างนี้จะมาเรียกร้องให้ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาเข้ามาในประเทศทำไมหละนี่ ขนาดอียูเองก็ยังปฏิเสธผู้อพยพเหล่านั้นเลย สหรัฐฯเองก็ไล่ผู้อพยพผิดกฎหมายจากลาตินอเมริกากลับประเทศ
ขอแถมให้อีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวกรณีผู้อพยพชาวโรฮิงญาในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ สื่อฯตะวันตกนั้นพยายามที่จะดึงไทยให้เข้าไปเกี่ยวข้องในทุกด้าน ส่วนสื่อฯไทย (บางสำนัก) ในเครือสื่อฯตะวันตกก็รับลูกต่อเสนอข่าวในลักษณะเดียวกันกับสื่อฯตะวันตก โดยพยายามทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยได้รับความเสียหาย และพยายามที่จะผลักภาระในการดูแลชาวโรฮิงญาให้เป็นภาระของคนไทย นางผู้สื่อข่าวโรฮิงแยมก็ดราม่ามาก ถ้าอยากจะช่วยเหลือชาวโรฮิงญาจริงๆแนะนำให้ย้ายไปอยู่ที่รัฐยะไข่ในพม่าด้วยกันหรือจะอพยพขึ้นเรือไปกับชาวโรฮิงญาด้วยก็ไม่ว่านะ รัฐบาลไทยช่วยได้เท่าที่จำเป็นแต่คงจะไม่สามารถรับเข้ามาดูแลให้เป็นภาระของประเทศในระยะยาวได้
คราวนี้มาดูข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียที่เสนอข่าวเกี่ยวกับผู้อพยพชาวโรฮิงญาบ้าง สื่อฯรัสเซียก็เอาข่าวมาจากบีบีซีนั่นแหละ แต่ไม่ได้พูดถึงประเทศไทยซักคำเดียวเลย ทั้งๆที่บีบีซีเน้นที่ประเทศไทยเป็นหลัก แปลกมะ? เมื่อพวกโปรอเมริกาและโรฮิงแยมได้อ่านข่าวจากฝั่งรัสเซียแล้วอาจจะไม่ชอบใจก็ได้ เพราะว่าสื่อฯรัสเซียไม่ได้ด่าหรือพาดพิงถึงไทยเลย ไม่ใช่ข่าวเดียว มีตั้งสองข่าว เช็กดูแล้วไม่มีคำว่า "Thailand" ปรากฎอยู่ในข่าวเกี่ยวกับผู้อพยพชาวโรฮิงญาเลย
คำถามจึงมีอยู่ว่า ทำไมสื่อฯรัสเซียถึงได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยแม้กระทั่งในเรื่องแบบนี้ด้วย นั่นเป็นเพราะเขามองว่าเราเป็นมิตรและให้ความสำคัญกับมิตรโดยไม่โจมตีหรือทำลายมิตรของตัวเอง สามัญสำนึกในการที่จะปกป้องประเทศตนเองแบบนี้หายากในสื่อฯไทยเครือตะวันตกโปรอเมริกา เพราะสื่อฯไทยพวกนี้จะยอมรับสื่อฯตะวันตกโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ สหรัฐฯกับยุโรปพูดอะไรมาพวกนี้จะบอกว่าถูกต้องทุกอย่าง เขาด่าประเทศไทย จาบจ้างประเทศไทย บ่อนทำลายประเทศไทย สื่อฯไทยโปรอเมริกาก็จะมองว่าถูกต้อง ดีแล้ว อเมริกาพูดถูกทุกอย่าง ไม่กล้าที่จะแย้งหรือปกป้องแผ่นดินแม่ของตัวเอง ต่างกันกับสื่อฯของรัสเซียมาก
The Eyes
18/05/2558
-----------
Mexican Navy Rescues 23 Cuban Migrants in Caribbean Sea / Sputnik International
Boat Migrants Kill Each Other Over Food Shortage, About 100 Reported Dead / Sputnik International
800 Abandoned Migrants Turned Away by Malaysia Now Adrift at Sea / Sputnik International
EU Needs New Return Policy for Migrants - EC President Tusk / Sputnik International
EU Members Appear Deeply Split on Brussels' Refugee Quota Plan / Sputnik International

 

ผมคิดว่าชาวโรฮินจา ไม่มีประโยชน์อะไรกับ ออง ซาน ซู จี ก็เลยไม่สนใน ผิดกับชาวพม่าที่ต้องแสดงออกถึงความรัก เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนความต้องการของตนเอง

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 19 พ.ค.58 ออง ซาน ซู จี บอกไม่รู้ ไม่เห็น กรณีชาวโรฮินจา เพราะจะกระทบต่อฐานเสียง
ในช่วงที่มีการปะทะกัน ระหว่างชาวพม่าพุทธ กับ มุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และไร้ที่อยู่อาศัยหลายหมื่นคน นางซู จี ก็สงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้น นางออง ซาน ซู จี เงียบกริบ
เพิกเฉยต่อความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ เพราะเหตุผลทางการเมือง ที่กระทบต่อฐานเสียง และตำแหน่งทางการเมือง
ล่าสุด นางออง ซาน ซู จี แกนนำพรรคฝ่ายค้านของเมียนมาร์ ได้เดินทางไปเยี่ยมสุสานสงครามในเมืองตันบูซายัต ในรัฐมอญ ซึ่งเป็นที่ฝังศพของกองกำลังฝ่ายพันธมิตรตะวันตก 3,771 คน ซึ่งส่วนหนึ่งเสียชีวิต ระหว่างก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ
เชื่อมจากไทยไปเมียนมาร์ ที่ถูกทหารญี่ปุ่นเกณฑ์มา เพื่อใช้ทำรางรถไฟ ขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 , นางออง ซาน ซู จี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ก็มีท่าทีที่นิ่งเฉย ต่อปัญหาผู้อพยพชาวโรฮินจา เหมือนเดิม
เพราะช่วงระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม UNHCR กินค่าหัวคิวชาวโรฮินจา จากค่ายกักกันในพม่าและบังคลาเทศ ไปแล้วประมาณ 25,000 คน แล้วร่วมกับนายหน้าชาวพม่า นำผู้อพยพใส่เรือไปปล่อยทอดทิ้ง ในอ่าวเบงกอลแล้ว
ตอนนี้ยังมีเรือผู้อพยพชาวโรฮินจา จากฝีมือการลอยแพของ UNHCR ในกลางมหาสมุทรอินเดีย ที่ยังไม่ได้ขึ้นฝั่งไม่ต่ำกว่า 6 ลำ ๆ ละกว่า 300 - 4000 คน ดังนั้นจะเห็นอาการ้อนรนของอเมริกา และเลขา UN ที่วุ่นวายกับไทยในช่วงนี้
นั้นเพราะ UNHCR กลัวว่าชาวโรฮินจา ที่สามารถรอดชีวิตได้ "จะแฉ" ว่าจ่ายเงินให้ UN เพื่อลี้ภัยไปแล้ว แต่ส่งมอบบริการไม่ครบตามที่รับปากไว้..และชาวโรฮินจา บนเรือที่ให้สัมภาษณ์สื่อ "พูดภาษาอังกฤษ" ปร๋อเลย..พวกเขาแค่เป็นเครื่องมือค้ามนุษย์ให้กัย UN และอเมริกา เท่านั้น
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Un Aun Unther

เมื่อเช้าผมก็คิดแบบนี้ ชั่งใจอยู่ว่าจะโฟสเรื่อง "โรฮิงญา" ทำตัวเหมือน"พวกยิว"ดีไหม พอดี อจ.สมเกียรติ ท่านเขียนไว้แล้ว แปะมาก บรรยายได้เข้าเป้าตรงจุด พอเห็นข่าว ท่านประวิตร ลงไปภูเก็ตเพื่อหาพื่นที่ตั้ง "ศูนย์พักคอย" ตกใจเลย ใจหายมากว๊าบบบบ นี่เราต้องทำตามที่ไอ้กันมันสั่งทุกอย่างเลยหรือนี่. มันจะเข้าแผนไอ้กันแล้วนะนั้น. — กับ สุกิจ จงโชคดี และคนอื่นๆ อีก 46 คน

Somkiat Osotsapa
รัฐบาลไทยวางแผนทำลายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติล่วงหน้ามาหลายเดือน

ต่างชาติ>> ผู้สื่อข่าว หน่วยข่าวกรอง นักการทูต NGO องค์กรต่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศรู้กันล่วงหน้า วงในของพรรคการเมืองก็รู้ เพราะวางเส้นสายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ไว้เอง ใช่ไหม

ต่างชาติ และพรรคการเมืองจืงมีการวางหมาก เดินเกม ขยับเบี้ยต่อหมากของรัฐบาล โดยเล็งเห็นผลล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขื้น จะได้ประโยชน์อะไร ตั้งวงออร์เคสตรากันได้รวดเร็ว ฝรั่งก็มาเอาสื่อมวลชนไทยเป็นเบี้ยหมากด้วย

จู่ๆก็มีคนไปชี้เป้าว่าให้ไปที่นั่นที่นี่ซี จะเจอหลุมศพ บอกไปทั้งสหประชาชาติ บอกอเมริกา บอกรัฐบาลไทย คนที่บอกคือขบวนการโรฮิงยาซื่งมีการจัดตั้งในองค์กรสิทธิ ประสานกับพวกอื่นๆ

พวกมากับเรือก่อนที่จะมีมรสุมเดินเรือไม่ได้จืงกลายเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ ซื่งตั้งใจจะตั้งรัฐแนวปาเลสไตน์ในพม่า

เมื่อหมากไทยเดิน บีบีซีก็มา อเมริกาก็มา ยูเอ็นก็มา มันก็ไปกดหมากมาเลย์ พม่า อินโด บังกลาเทศเป็นเบื้องต้น แล้วจะมีเรื่องตามมาอีกยาว

งานนี้มีคนร่วมด้วยช่วยกันหลายฝ่าย >>ขบวนการสร้างรัฐโรฮิงยา มหาอำนาจตะวันตก NGO

ถ้าคนไทยอยู่เฉยๆ ประเทศไทยจะโดนรุม ต้องช่วยกันสร้างอำนาจต่อรองให้รัฐบาลไทย เพราะถืงจะมาบีบรัฐบาลไทยอย่างไร ถ้าประชาชนไม่ยอม รัฐบาลก็ไม่มีอำนาจชักศืกมาเข้าบ้าน

@@@

งานนี้ซับซ้อนครับ ผมจะบอกว่าจากเรื่องนี้คนวางเกมเขาต้องการโยงไปสู่เป้าหมายอะไร ก็สร้างความแตกแยกปั่นป่วนในเอเซียไง แบบที่เคยทำสำเร็จในตะวันออกกลาง

หนื่ง ระวังความสัมพันธ์ไทย พม่า

ผมเคยศืกษาเรื่องนี้ครับ เคยเดินทางไปแถวนั้น

รัฐยะไข่มีประชากรราว 3ล้านคน เป็นโรฮิงยาอยู่ราว40% โรฮิงยาอยู่ตอนเหนือ และชายฝั่งทะเล การอพยพ จืงง่าย

ยะไข่พม่าอยู่ตอนใต้ เดิมสัดส่วนไม่เยอะเท่านี้ แต่โรฮิงยาประชากรเพิ่มเร็วมาก ลูกดก อพยพมาเรื่อยๆ

เมื่อสามปีที่แล้ว พม่าจัดโรฮิงยาว่าเป็นผู้อพยพไร้รัฐ ทำให้สัดส่วนโรฮิงยาทีได้รับการยอมรับเหลือเพียง 20 % ของประชากร ถ้า UN เข้าไปจัดเลือกตั้งแยกดินแดน พม่าก็เสร็จซีครับ

ในสายตาที่ผมเห็น ศืกษา ที่รัฐบาลพม่าพูดน่ะถูก สมัยที่อินเดียยังไม่ได้เอกราช ปากีสถาน บังกลาเทศอยู่กับอินเดีย โดยชาติพันธ์นี่คือประชากรอินเดีย เมื่อแยกมาเป็นบังกลาเทศนี่คือชาวบังกลาเทศครับ

ที่รัฐบาลพม่าแถลงมาถูกต้องทั้งหมด อย่าไปเชื่อสื่อตะวันตกมาก

บังกลาเทศได้เอกราชเมื่อปี 2513 พอปี 2521 ก็เกิดรบกันระหว่างสองประเทศนี้ พม่าก็ผลักดันโรฮิงยากลับไปบังกลาเทศสามแสนคน ตั้งค่ายให้ UNHCR ดูแลจนปัจจุบันนี้ สองประเทศนี้อยู่ในสถานการณ์ขัดแย้งและสงครามกันมาเรื่อยๆ

พศ 2535 ก็รบใหญ่กันอีกครั้ง สิบปีที่ผ่านมาสองประเทศนี้อยู่ในสถานการณ์สงครามครับ ทัพเรือ ทัพบกประชิดชายแดน ปีที่แล้วจมเรือกันไปหลายลำ ก็เรื่องนี้

นี่คือปัญหาของเอเซียใต้ ไม่ใช่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตามที่ฝรั่งมายัดให้

ต้องระวังว่าการประชุมที่เจะมีขื้นที่กรุงเทพ ไม่ทำให้บังกลาเทศได้เปรียบ มีบทบาทใช้เป็นเวทีเล่นงานพม่า ไม่งั้นพม่าจะโกรธไทยมากๆๆๆๆ

ฝรั่ง UNHCR องค์กรต่างๆ คือตัวแทนของบังกลาเทศ และตะวันตก ตอนนี้ดูแลไม่ไหว จะมาให้ไทยตั้งศูนย์ ไม่เอาครับ บังกลาเทศมี168 ล้านคน ออกมาอยู่นอกประเทศได้แล้วร่วมสิบล้านคน ยังมีโรฮิงยาอีกล้านสามแสน ประเทศไทยรับไม่ไหว

อีกเรื่องที่สำคัญคือ รัฐยะไข่นั้นมีแก้สมาก จีนได้สัมปทานขุด ส่งไปจีน อินเดียก็มาซื้อด้วย ทุกชาติจืงตาโต รัฐยะไข่นั้น ตั้งอยู่ริมอ่าวเบงกอล สำรวจในอ่าวแล้วมีแก้ส น้ำมันมาก ฝรั่งจืงสนใจมาก เดินเกมกันใหญ่

ถ้าพม่ายอมรับโรฮิงยา ก็เท่ากับยกอ่าวเบงกอลทางออกทะเลให้บังกลาเทศไป ตอนนี้สองชาติกำลังทะเลาะกันเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในอ่าว อย่าไปยุ่งกับเขา

เรื่องเขตอำนาจอธิปไตยของพม่าตรงนี้เรื่องใหญ่มากนะครับ เปลี่ยนชื่อการประชุมเป็นเรื่องผู้อพยพทางเรือน่าจะดี ไปยุ่งกับเขาเรื่องนี้เสียหายหนักมาก

สอง รัฐยะไข่ในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของพม่า จีน อินเดียในสมรภูมิปักหมุดเอเซียของอเมริกา

เมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้ว อเมริกามาขอใช้อู่ตะเภา บินไปเนปาลวันละ 8-9 เที่ยวบิน หนื่งเดือน ร่วมสองร้อยกว่าเที่ยว นี่เป็นโอกาสไปสอดส่องดูโน่นนี่แถวชายแดนจีน อินเดีย สองประเทศนี้เพิ่งประกาศเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กัน

ด้านทะเลจีนใต้อเมริกาจะเอาเรือรบไปจ่อที่เกาะที่ขัดแย้งกัน

มาเล่นเรื่องผู้อพยพทางพม่าเพื่อจะใช้ UN ไปตั้งฐานที่รัฐยะไข่หรือเปล่า แถวนี้ติดกับอินเดีย และฐานพลังงานของจีนมาก เป็นทางออกทะเลของจีน ในกรณีถูกปิดล้อม มีคนบอกว่ามีนิวเคลียร์แถวนั้น

ประชุมเรื่องนี้สองชาตินี้จ้องเขม็งเชียวหละ

ตอนนี้อเมริกาเปิดยุทธการโอบล้อมจีนรอบด้าน

สาม ระวังความสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่างประเทศในเอเซีย

โรฮิงยาในรัฐยะไข่นั้นมีการจัดตั้งองค์กรทางการเมือง การสู้รบ การระดมความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ได้รับการสนับสนุนจากลิเบีย ซาอุ โอไอซี เมื่อสงครามกับบังกลาเทศรั้งแรก สถานการณ์คล้ายๆภาคใต้ของไทย แนวโน้มคือรัฐแนวปาเลสไตน์

ผู้อพยพนั้นเขาต้องการไปประเทศมุสลิมนะครับ เขาไม่ต้องการมาอยู่ในไทย ที่นายเคอรี่บอกให้ไทยมาตั้งศุนย์รับในไทย ต่อไปไทยจะมีฐานะแบบรัฐยะไข่ องค์การก่อการร้ายมากันตรืม คิดอะไรของมืง

สามจังหวัดภาคใต้ยังไม่จบเลย

สี่ ถ้าไทยเปิดศูนย์รับโรฮิงยาจะเกิดอะไรขื้น

NGO จะแห่มาตั้งฐานในไทย พวกนี้เคลื่อนไหวไม่ได้ในพม่า บังกลาเทศ มาเลย์ อย่าเอาเข้ามา ประเทศนี้จะถูกด่าทุกวัน รู้จักม้าอารีไหม

อเมริกาจะใช้องค์กรของ UN เข้ามาวุ่นวายมาก โลกยุคนี้ไม่มีประเทศที่สามที่จะมารับไปแน่นอน

ประเทศนี้จะกลายเป็นฐานทัพสู้รบกับพม่า จีน ในด้านข่าวสาร อาวุธ งานซวยแท้ๆ

ประชากรจากบังกลาเทศ จากโรฮิงยาจะมากันทุกปี เมื่อมาแล้วจะขนตรอบครัวมาเพิ่มเรื่อยๆ มี UNHCR คอยรอรับ กำกับดูแล ไหวหรือ

@@@

เรื่องผู้อพยพทางเรือเที่ยวนี้ มีคนวางแผนล้ำลืกไว้
ทำไมไม่ขอให้มาเลย์จัดประชุม

ถ้ารัฐบาลจะรับพวกนี้เข้ามาซื่งเป็นภัยถืงสิ้นชาติ จะต้องทำประชามติ ต้องถามความเห็นชุมชน ต้องถามผู้เสียภาษี ต้องทำการศืกษาด้านสิ่งแวดล้อมก่อนสองสามปี

มีสื่อไทยแทนที่จะช่วยประเทศได้ กลับกลายเป็นเบี้ยหมากของต่างชาติ

มีสื่อรัฐบาลก็ไม่รู้จักพูดกลับว่าไทยมีคนต่างชาติมาอยู่ตั้งสามสี่ล้านแล้ว มีปัญหาทางใต้อยู่

นี่เป็นเรื่องระดับทวีป ไม่เอาออสเตรเลีย อินเดีย จีนมาด้วยหรือ

ช่วยลงแรงกันครับ รักษาประเทศของเรา

เสียงของคนไทยต้องดังกว่าบีบีซี องค์กรนี้รับลูกจากอเมริกาประสาปิงปองฝรั่ง ไม่ให้อังกฤษมารับไปเหรอ ประเทศไทยไม่เคยยืดพม่าหรืออินเดียนะครับ

 

นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกัน เผย เยเมนต้องการเป็นอิสรภาพจากสหรัฐและซาอุดิอาระเบีย by เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 18, 2015



Kaleb Mapyn นักข่าวและนักเคลื่อนไหวด้านสันติภาพในอเมริกา เผยว่า สงครามในเยเมน ไม่ใช่สงครามระหว่างนิกาย แต่เป็นการลุกขึ้นต่อสู้ของพี่น้องประชาชนเพื่อปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระและหลุดพ้นจากอำนาจของอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย
farsnews – นักเคลื่อนไหวด้านสันติภาพชาวอเมริกัน ออกมาค้านทัศนะของสื่อต่างๆของตะวันตกและอาหรับ กรณีสงครามในเยเมน โดยเผยว่า ชาวเยเมนมีความพยายามให้หลุดพ้นจากอำนาจการควบคุมของวอชิงตันและซาอุดิอาระเบีย
ขณะที่เรือบรรเทาทุกข์ของอิหร่าน กำลังแล่นเข้าสู่ท่าเทียบเรือในเยเมนเพื่อส่งสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เยเมน นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกัน ถือว่า การดำเนินการของอิหร่านเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของนานาชาติที่จะบรรเทาความยากลำบากและความเดือดร้อนจากสงครามที่เกิดขึ้น

13940227000178_PhotoA
สำนักข่าว sputniknews.com รายงานว่า Kaleb Mapyn นักข่าวและนักเคลื่อนไหวสันติภาพในอเมริกา ให้สัมภาษณ์ โดยย้ำว่า ภารกิจของเรือบรรเทาทุกข์ “ ชาเฮด” ของอิหร่าน เพื่อสื่อสารถึงความจำเป็นในความพยายามของนานาชาติในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับพลเมืองเยเมน เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จากผลกระทบที่กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรได้โจมตีเยเมนทางอากาศอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
เขากล่าวเสริมว่า บนเรือบรรเทาทุกข์ดังกล่าว นอกจากจะมีทีมแพทย์พยาบาลจำนวน 50 นาย และช่างเทคนิคอิหร่านแล้ว ยังมีนักเคลื่อนไหวด้านสันติภาพจากอเมริกา เยอรมันและฝรั่งเศสร่วมอยู่ด้วย
เขาได้ชี้ถึงการโจมตีทางทหารของซาอุดิอาระเบียต่อประเทศเยเมน ว่า ซาอุดิอาระเบีย ไม่เพียงแต่จะโจมตีเป้าหมายของพลเรือน เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียนแล้ว แต่พวกเขากลับใช้อาวุธเคมีฟอสฟอรัสขาวอีกด้วย
นักข่าวอเมริกัน ได้ตำหนิในความร่วมมือของอเมริกากับซาอุฯ ในการโจมตีเยเมน ว่า สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียกำลังกระทำอยู่ในเยเมนนั้น ได้รับการสนับสนุนความร่วมมือและการช่วยเหลือทางการเงินและยุทธวิธีจากรัฐบาลสหรัฐ และอเมริกาเองก็มีส่วนร่วมในการโจมตีอย่างป่าเถื่อนและโหดร้ายต่อเยเมน
เขาได้ออกมาค้านทัศนะที่สื่อต่างๆของอเมริกานำเสนอ ในประเด็นเยเมน ว่าเป็นสงครามชีอะห์ –ซุนนี ว่า ในความเป็นจริงแล้ว การลุกขึ้นต่อสู้ของชาวเยเมน เพื่อประชาธิปไตยและความอิสรภาพของประเทศ ประธานาธิบดี มันศูร ฮาดี เป็นผู้นำที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและการลงคะแนนเสียงแต่อย่างใด สงครามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่สงครามนิกาย แต่เป็นสงครามเพื่อความเป็นอิสรภาพ เนื่องจากชาวเยเมนต้องการความเป็นอิสระและหลุดพ้นจากอำนาจของวอลสตรีตและรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
فعال آمریکایی: ایران به دنبال کمک به یمن است/ یمنی‌ها خواهان استقلال از آمریکا و عربستان هستند
Iranian Aid Ship Mission Aimed at Relieving Yemenis' Suffering –Activist / Sputnik International

http://www.abnewstoday.com/4544

 

ซาอุฯ เริ่มโจมตีทางอากาศในเยเมนอีกครั้งหลังพ้นหยุดยิง 5 วัน
ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 18, 2015



ซาอุดีอาระเบียเริ่มการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มเฮาซีย์ในเมืองเอเดนของเยเมนอีกครั้งช่วงกลางดึกที่ผ่านมาหลังผ่านพ้นการหยุดยิง 5 วัน
presstv – ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า ได้ยินเสียงระเบิดในเมืองดังกล่าวหลังจากการหยุดยิง 5 วันผ่านพ้นไปเมื่อเวลา 20.00 น.วันอาทิตย์ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 03.00 น.วันจันทร์ตามเวลาในไทย
ซาอุดิอาระเบียได้โจมตีแคว้น ศออ์ดะห์ และตามรายงานระบุว่า อย่างน้อยมีการยิงปืนคอ 4 ลูก ยังเมืองอัลฮะซาห์
แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายอีก
การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นหลังผ่านพ้นการหยุดยิง 5 วัน
อิสมาเอล วาลิด ทูตสหประชาชาติว่าด้วยเยเมนเรียกร้องให้ขยายเวลาหยุดยิง เพิ่มอีก 5 วัน เพื่อให้สามารถจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเยเมนที่ติดอยู่ในความขัดแย้งนับตั้งแต่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคม
อย่างไรก็ดี แม้มีการหยุดยิง 5 วัน แต่ก็ยังคงมีการสู้รบประปรายในบางเมือง และซาอุฯยังละเมิดคำประกาศหยุดยิงอีกด้วย โดยมีการโจมตีเมือง ซาฮาร์ มัซราค และมาลาฮีด ในแคว้นศออดะห์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเยมน ยิงขีปนาวุธยังเมืองชายแดน อัลฮะศอมะห์ และทิ้งระเบิดโจมตีเมือง คอร์ มักซาร์ ตะวาฮีย์ และมุอัลลา ส่วนเมืองเมืองเอเดน มีการโจมตีแค่ครั้งเดียวในช่วงค่ำของเสาร์ที่ผ่านมา

ขณะที่กลุ่มบรรเทาทุกข์ระบุว่า การหยุดยิงเพียง 5 วันไม่พอที่จะจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่ชาวเยเมนซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยถึง 300,000 คน และไม่มีอาหารถึง 12 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรทั้งประเทศ 25 ล้านคน
สำนักข่าวอัลมะยาดีน เผยว่า ทางซาอุดิอาระเบียได้ละเมิดคำประกาศหยุดยิง โดยมีการยิงขีปนาวุธและจรวดจำนวน 20 ลูก ยังเมืองศออ์ดะห์ และฮัจญา

PressTV-حملات عربستان به یمن همچنان ادامه دارد
ادامه حملات عربستان به یمن با پایان آتش بس

ซาอุฯ เริ่มโจมตีทางอากาศในเยเมนอีกครั้งหลังพ้นหยุดยิง 5 วัน | abnewstoday

 

เนทันยาฮู ย้ำ เยรูซาเล็ม “คือเมืองของยิวอิสราเอล”
ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์ปาเลสไตน์by เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 18, 2015



นายกรัฐมนตรีอิสราเอล อ้างว่า เมืองอัลกุดส์คือดินแดนของยิวอิสราเอล และเราจะปักหลักอยู่ที่นี้ เราจะไม่หนีไปไหนเป็นอันขาด


farsnews – เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 ) เบยามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล พร้อมกับ นาฟตาลี เบนเนตต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอิสราเอล ได้เข้าร่วมงาน “วันแห่งเยรูซาเล็ม” โดยอ้างว่า เมืองอัลกุดส์คือดินแดนของยิว และเราจะปักหลักอยู่ที่นี้ เราจะไม่หนีไปไหนเป็นอันขาด
งานในครั้งนี้ ทางยิวไซออนิสต์ จัดขึ้นมาเพื่อรำลึกวันแห่งการยึดครองแผ่นดินอันกุดส์ ยิวอิสราเอล ในเบื้องต้น ปี 1948 ในสงครามกับอาหรับ อิสราเอลสามารถยึดครองส่วนหนึ่งทางตะวันตกของเมืองอัลกุดส์ หลังจากนั้นในปี 1967 ในสงครามหกวัน กับชาติอาหรับ ก็สามารถยึดครองด้านตะวันออกของเมืองอัลกุดส์เพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยังกล่าวเสริมในงานดังกล่าวว่า เมื่อ 70 ปี ที่แล้ว เรายังไม่แน่ชัดว่าชนชาติยิวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่มาวันนี้ เราทราบแล้วว่าพวกเขามีชีวิตอยู่
เขากล่าวว่า เยรูซาเล็ม “ชื่อฮิบรู กุดส์” เป็นแผ่นดินที่เป็นปึกแผ่น และเราจะไม่มีวันแยกออกจากกัน เราได้กลับมายังบ้านของเราแล้ว และจากนี้ไปเราจะไม่หนีไปไหนอีก
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล อ้างว่า ตั้งแต่การประทานลงมาของคัมภีร์อินญีล(ไบเบิ้ล) ยังบัยตุล มุก็อดดัส (อัลกุดส์ ) เป็นที่ถูกยอมรับในนามดินแดนของอิสราเอล (ยิว)
เขากล่าวเสริมว่า “นี่คือดินแดนและแผ่นดินของเรา นี่คือเมืองของเรา ก่อนหน้านี้ก็เป็นของเราและในอนาคตมันก็จะเป็นของเราตลอดไป ในเยรูซาเล็ม เราได้ผ่านพ้นวันแห่งความยากลำบากต่างๆนานา จากการถูกโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้บริสุทธิ์
نتانیاهو: اورشلیم شهر یهودی‌هاست/ از اینجا تکان نمی‌خوریم

เนทันยาฮู ย้ำ เยรูซาเล็ม “คือเมืองของยิวอิสราเอล” | abnewstoday

 

ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ชี้ หากอ่าวเปอร์เซียไม่มีความสงบสุขและมั่นคง ทุกภูมิภาคก็จะไม่มีความปลอดภัย by อิบรอฮีม อาแว - พ.ค. 18, 2015



ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ย้ำถึงการรักษาความปลอดภัยในอ่าวเปอร์เซีย ชี้ “อ่าวเปอร์เซีย ปลอดภัยสำหรับผู้ที่ถือว่าปลอดภัย และหากอ่าวเปอร์เซียไม่มั่นคงปลอดภัย ทุกภูมิภาคก็จะไม่มีความปลอดภัยเช่นกัน”

อยาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัย ในวันอีดมับอัษ (วันแต่งตั้งศาสดามุฮัมหมัด) เมื่อช่วงเช้าของเสาร์ที่ 16 พ.ค. ในการพบปะกับเจ้าหน้าที่ของประเทศ บรรดาทูตานุทูตแห่งประเทศอิสลาม โดยกล่าวย้ำว่า นโยบายอันสกปรกของมหาอำนาจในภูมิภาค เพื่อสร้างสงครามตัวแทนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่ทว่าเราชาติอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย มีผลประโยชน์ร่วมกัน อ่าวเปอร์เซียปลอดภัยสำหรับผู้ที่ถือว่าปลอดภัย และหากอ่าวเปอร์เซียไม่มั่นคงปลอดภัย ทุกภูมิภาคก็จะไมมีความปลอดภัย

เยเมน บาห์เรนและปาเลสไตน์เป็นชาติที่ถูกกดขี่

ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ได้ชี้ถึงกรณีที่ซาอุดิอาระเบียได้โจมตีเยเมนทางอากาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า เราขอปกป้องและสนับสนุนบรรดาผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย ผู้ปฏิเสธแห่งมักกะห์ยังได้ยุติการทำสงครามในเดือนที่ต้องห้ามทั้งหลาย แต่ทว่าในวันนี้ พลเมืองและครอบครัวชาวเยเมนต้องมานั่งไว้อาลัยและร่ำไห้ในความสูญเสียจากการถูกซาอุฯโจมตีทางอากาศ บาห์เรนและเยเมนเป็นประชาชาติที่ถูกกดขี่ และประชาชาติปาเลสไตน์ก็เช่นกันที่กำลังถูกกดขี่อย่างหนักหน่วง

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ว่า ปัจจัยแห่งความไม่สงบและการเข่นฆ่าพี่น้องผู้บริสุทธิ์ในเยเมน เป็นชาติที่เรียกตัวเองเป็นมุสลิม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่งที่พวกเขาเหล่านี้ถูกหลอก โดยมีอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้กาสนับสนุนและวางแผนการก่อสงครามในครั้งนี้ อิหร่านได้ทำการต่อสู้กับการก่อการร้าย และได้ตบหน้าพวกเขามาแล้ว เราได้ต่อยหมัดบนใบหน้าของพวกเขามาแล้ว เราได้สร้างความปราชัยให้กับพวกเขามาแล้ว และเราก็จะยังคงเดินหน้าปราบปรามต่อสู้กับพวกเขาต่อไป

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ว่า นโยบายของศัตรูในภูมิภาคและอิสลาม สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นระหว่างประเทศอิสลาม สร้างศัตรูอันงมงายขึ้นมาเพื่อหันเห ศัตรูหลักของอิสลามที่มีมหาอำนาจและอิสราเอล ซึ่งการเผชิญหน้ากับนโยบายอันสกปรกเหล่านี้คือการเผชิญหน้ากับยุคแห่งอวิชชา

ผู้นำสูงสุดอิหร่านย้ำว่า กลุ่มก่อการร้ายที่อันตรายที่สุด อาทิเช่น ไอซิส อเมริกาเป็นผู้สร้างขึ้นมาเองและยังให้การสนับสนุน รัฐบางเถื่อนยิวไซออนิสต์ก็ยังให้การสนับสนุนอีกด้วย ซึ่งเราสามารถที่จะยืนหยัดเผชิญหน้ากับยุคสมัยแห่งอวิชชาเหล่านี้ได้

ผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ประชาชาติในภูมิภาคได้ตื่นตัวแล้ว แม้นว่ามีการปราบปรามการแสการตื่นตัวอิสลามให้หยุดลงเป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่การตื่นตัวและความรู้แจ้ง (บาศีรัต) จะไม่มีวันถูกปราบปราบอย่างแน่นอน และไม่ควรละเลยและเพิกเฉยในกองกำลังอันมากมายของประชาชาติอิสลาม



ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ชี้ หากอ่าวเปอร์เซียไม่มีความสงบสุขและมั่นคง ทุกภูมิภาคก็จะไม่มีคว

 

“เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” ถึงอ่าวเอเดนแล้ว คาดพฤหัสนี้จะเข้าเทียบพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์” ของเยเมน by เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 18, 2015 19



BBC ระบุว่าสื่อของอิหร่านรายงานว่า “เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” เพื่อชาวเหลือด้านมนุษย์ธรรมให้กับพี่น้องชาวเยเมนได้ถึงอ่าวเอเดนแล้ว และในวันพฤหัสบดีนี้จะเข้าเทียบยังพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์” ของเยเมน

สื่ออิหร่านรายงานว่า เรือบรรเทาทุกข์อิหร่านดังกล่าว ชื่อว่า “อิหร่าน ชาเฮด” เรือแห่งความรอดพ้น” เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิหร่านเพื่อประชาชนเยเมน บรรทุกความช่วยเหลือต่างๆ ทางด้านอาหารและการแพทย์จำนวน 2,500 ตัน และขณะนี้ได้ฝ่าเส้นทางไปกว่าพันไมล์แล้ว

“มะฮ์ดี รูซคูช” รองกัปตันเรือ “แห่งความรอดพ้น” กล่าวว่า : เมื่อคืนวันเสาร์เรือนี้ได้แล่นผ่านบริเวณชายฝั่งตะวันออกของเยเมนและเช้าวันอาทิตย์ หลังจาก 6 วันของการเดินทางได้ไปถึงอ่าวเอเดนแล้ว และขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ช่องแคบมันเดบ (Bab El-Mandab) และผมเชื่อว่าอีก 3 วันจะไปถึงยังช่องแคบนี้ และตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ภายใน 4 วันจะทิ้งสมอลงในพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์”

เรือ “แห่งความรอดพ้น” ของอิหร่าน ได้เข้าสู่น่านน้ำสากลของอ่าวเอเดนแล้ว โดยไม่มีอุปสรรค์กีดขวางและปัญหาใดๆ ในการที่จะเดินทางต่อไปให้ถึงยังพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์” ของเยเมน

“มะฮ์ดี รูซคูช” รองกัปตันเรือ “แห่งความรอดพ้น” กล่าวว่า เมื่อคืนวันเสาร์เรือนี้ได้แล่นผ่านบริเวณชายฝั่งตะวันออกของเยเมนและเช้าวันอาทิตย์ หลังจาก 6 วันของการเดินทางได้ไปถึงอ่าวเอเดนแล้ว และขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ช่องแคบมันเดบ (Bab El-Mandab) และผมเชื่อว่าอีก 3 วันจะไปถึงยังช่องแคบนี้ และตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ภายใน 4 วันจะทิ้งสมอลงในพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์”

“มะฮ์ดี รูซคูช” กล่าวเสริมว่า จนถึงขณะนี้เรือมิไม่ได้ถูกคุกคามด้านความปลอดภัยใดๆ เนื่องจากเรือรบของประเทศของเราได้เดินทางคุ้มกันไปกับเรือลำนี้ด้วย

ทางอิหร่านได้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นโดยกลุ่มก่อการร้ายในเครือข่ายของซาอุดีอาระเบียหรือในเครือของอเมริกาหรือโจรสลัด

บนเรือบรรเทาทุกข์ดังกล่าว นอกจากจะมีทีมแพทย์พยาบาลจำนวน 50 นาย และช่างเทคนิคอิหร่านแล้ว ยังมีนักเคลื่อนไหวด้านสันติภาพจากอเมริกา เยอรมันและฝรั่งเศส นักข่าวอีกจำนวนหนึ่งร่วมอยู่ด้วย

“เรือบรรเทาทุกข์อิหร่าน” ถึงอ่าวเอเดนแล้ว คาดพฤหัสนี้จะเข้าเทียบพอร์ต “อัลฮะดีดะฮ์” ขอ

 

อิสราเอลรู้สึกเสียใจที่ไม่ลอบสังหารอิมามโคมัยนีในปารีส
Category: News & Event Published on Sunday, 17 May 2015 14:59 Written by Islamicstudiesth Team.



อดีตนายทหารของกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลในสถาบันวิจัยด้านความมั่นคงของเทลอาวีฟได้เปิดเผยว่า "ชาปู บัคเตียร์" (อดีตนายกรัฐมนตรีอิหร่านในสมัยการปกครองของกษัตริย์ชาฮ์) ได้ขอร้องให้มอสสาดลอบสังหารอิมามโคมัยนี

ญอมนิวส์รายงาน : หนังสือพิมพ์เลบานอน "อัดดิยาร" รายงานว่า อดีตนายทหารของกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลในสถาบันวิจัยด้านความมั่นคงของเทลอาวีฟได้เปิดเผยว่า "ชาปู บัคเตียร์" (อดีตนายกรัฐมนตรีอิหร่านในสมัยการปกครองของกษัตริย์ชาฮ์) ได้ขอให้มอสสาดลอบสังหารอิมามโคมัยนี

ตามรายงานนี้ "ยอสซี่ อัลเฟอร์" (Yossi Alpher) ได้กล่าวในที่ประชุมของสถาบันวิจัยนี้ว่า ในมกราคม ค.ศ.1979 "ชาปู บัคเตียร์" ได้ขอร้องบรรดาเจ้าหน้าที่ของมอสสาดที่ประจำอยู่ในกรุงเตหะรานให้ทำการฆาตกรรมอิมามโคมัยนี อัลเฟอร์ได้กล่าวว่า : ในช่วงเวลาที่คำขอร้องนี้ถูกส่งไปยัง "Eliezer Tzafrir" เจ้าหน้าที่ของมอสสาดในกรุงเตหะรานนั้น อิมามโคมัยนียังพำนักอยู่ในย่าน Neauphle le Chateau ของกรุงปารีส

อัลเฟอร์กล่าวว่า : "Yitzhak Hofi" (ผู้อำนวยการของมอสสาดในขณะนั้น) ได้กล่าวในช่วงเริ่มต้นของการประชุมกับ "Eliezer Tzafrir" ว่า บนพื้นฐานของหลักการทางจริยธรรมมอสสาดไม่สามารถที่จะสนับสนุนคำขอร้องนี้ได้ แต่ก็จะขอรับฟังความคิดเห็นของบรรดาผู้ร่วมประชุมก่อน

อดีตดเจ้าหน้าที่มอสสาดซึ่งขณะนี้อยู่ในวัยชราแล้ว ได้ชี้ถึงทัศนะความเห็นของตนในช่วงเวลานั้น โดยกล่าวว่า : ผมเองก็ได้กล่าวกับบรรดาหัวหน้าของมอสสาดว่า การสนับสนุนการร้องขอนี้เป็นเรื่องยากสำหรับผม เพราะเรายังไม่รับรู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับสถานภาพของ (อิมาม) โคมัยนี

ยอสซี่ อัลเฟอร์ ได้กล่าวในท่ามกลางชาวไซออนิสต์ทั้งแก่และหนุ่มที่อยู่ในสถาบันวิจัยด้านความมั่นคงของเทลอาวีฟถึงทัศนะในวันนี้ของเขาเกี่ยวกับการปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าว โดยบอกว่า : "ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจว่าทำไมถึงไม่สนับสนุนการร้องขอดังกล่าว"



ที่มา : jamnews

อิสราเอลรู้สึกเสียใจที่ไม่ลอบสังหารอิมามโคมัยนีในปารีส

 

Varangkana Chandanabhumma ได้แชร์โพสต์ของ เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา

ช่วยกันบอกต่อๆไปนะคะ
นี้คือภาพชุด ของโรฮิงญา ที่ก่อจราจลในปี 2555 ในพม่า และภาพโรฮิงญาร่วมกับ กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ในตะวันออกกลาง