ติดตามสถานะการณ์

ถ้ารับเข้ามาในประเทศไทย 76 จังหวัดทั่วประเทศ ไม่เป็นแบบ 3 จังหวัดชายแดนใต้กันหมดเลยหรือ

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 17 พ.ค.58 ค้นพบดินแดนใหม่รับ ชาวโรฮินจาอพยพ ไม่อั้นจำนวนแล้ว
ชาวโรฮินจา คือ ชาวเบงกาลี ของอินเดีย ยุคล่าอาณานิคม อังกฤษนำเข้ามา พร้อมกับชาวกุรข่า ต่อสู้กับพม่า เพื่อยึดดินแดน และโค่นล้มราชวงศ์พม่า จับกษัตริย์สีป่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายพม่า ไปกักบริเวณไว้ที่อินเดีย
จนวาระสุดท้าย แต่ชาวโรฮีนจา ไม่ได้กลับถิ่นฐาน ตั้งรกรากแถวรัฐยะไข่ของพม่า จนแยกแผ่นดินจากอินเดียเป็นประเทศบังคลาเทศ ด้วยความที่นับถือฮินดู และอิสลาม ชาวโรฮินจา จึงขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งกับชาวพุทธพม่าอยู่เนืองๆ
ทุบทำลายพระพุทธรูป และเผาวัดชาวพม่า ก่อจราจลเผาบ้านเผาเมือง ไปจำนวนมาก ชาวโรฮินจา เป็นเผ่านักรบ แต่ไร้ความรู้ จึงถูกกลุ่มอัลกออีดะห์นำไปฝึกเป็นกลุ่มก่อการร้าย จนมีนักรบมูจาฮิดีน โรฮินจา
ชาวโรฮินจา เมื่อผ่านจากไทยเข้าไปในมาเลเซีย ก็ถูกกลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ศัตรูคนมุสลิม วาดะห์ BRN แดง นปช.จ้างมาฝึกอาวุธ แล้วย้อนกลับมาก่อวินาศกรรม ในจังหวัดชายแดนของไทย
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมไทย เคยตรวจ DNA กลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ ปรากฎหลักฐานว่าเป็นชาวโรฮีนจา จำนวนมาก การที่อเมริกา และสื่อมวลชิน เรียกร้องให้ไทยรับ ชาวโรฮีนจา เข้ามาตั้งศูนย์พักพิงนั้น
เกมส์นี้คือการรวมกลุ่มก่อการร้ายขนานใหญ่ที่จะแฝงตัวมากับผู้อพยพเหล่านี้ และอเมริกาจะหนุนอาวุธ สร้างให้เป็นกลุ่ม IS สายเอเซียใต้ และจะทำให้ไทย ตกอยู่ในสภาพเดียวกับยูเครน อิรัก และซีเรีย
รู้ทันอเมริกา และสื่อแดงขายชาติ เท่ากับพาชาติพ้นภัย มีสถานที่ว่างสำหรับสร้างศูนย์พักพิงชาวโรฮินจา ที่เหมาะสมมาก คือ ดินแดนอเมริกานั่นเอง โดย UNHCR แค่กินหัวคิว ชาวโรฮีนจา แล้วใช้เรือลากจูง จากรัฐยะไข่ของพม่า
มุ่งตรงไปยังดินแดนอเมริกาเท่านั้น ก็ไม่ต้องโวยวายใดๆ อีกต่อไป ที่อเมริกา แผ่นดินว่างเปล่ามากมาย จะหวง และงก ไว้ทำไม ??
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

อเมริกาคงอยากได้ เพราะนำไปฝึกอาวุธ แล้วส่งไปช่วยกบฎซีเรีย และยูเครน เพราะเป็นชนชาตินักรบ

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 17 พ.ค.58 แปลก..จู่ๆ แผ่นดินก็แยกตังยาวและลึก โดยไม่มีแผ่นดินไหว
เกิดเหตุแปลกที่หลังเกิดฝนตกหนักที่ประเทศเปรู แล้วจู่ๆ แผ่นดินก็เกิดรอยแยกแนวยาว และมีความลึกมาก กินพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ ประชาชนต่างหวาดผวา
เพราะเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนก็เกิดเหตุแบบเดียวกันนี้ในพื้นที่อีกแห่งทางตอนเหนือของเปรู จนบ้านเรือนเสียหาย อยู่อาศัยไม่ได้ ชาวบ้านต่างบอกว่าไม่รู้สึกแผ่นดินไหว แต่จู่ๆ แผ่นดินก็แยกตัวออกไปเอง
รัฐบาลเปรูก็มึน จึงประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตแผ่นดินแยกตัวนี้ 60 วันเพื่อหาวิธีแก้ไขต่อไป ส่วนในไทยนั้น ช่วงนี้คนชั่วทะยอยได้รับผลกรรม แผ่นดินก็สูงขึ้น แต่ยังไม่แยกตัว
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

รากเหง้าปัญหาโรฮีนจา เหตุจากอังกฤษยึดครองพม่า ปัญหาที่ไร้ทางออก
เขียนวันที่ วันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:04 น.เขียนโดยวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศหมวดหมู่Isranews | เวทีทัศน์
DecreaseIncreaseFont size Send Print




ทำไม ทุกประเทศในแถบนี้ ไม่ยอมรับโรฮีนจาให้ขึ้นฝั่งและให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะโรฮีนจาที่มาจากรัฐยะไข่ในพม่า

เพราะพม่าประกาศมาตั้งแต่ได้รับเอกราชมาจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีมาแล้ว โรฮีนจาไม่ใช่คนพม่า แม้พม่าจะประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆ เกือบ 140 ชนเผ่า ที่รัฐบาลพม่ายอมรับว่าเป็นคนสัญชาติพม่า แต่พม่าไม่เคยยอมรับว่าชนเผ่าโรฮีนจาเป็นหนึ่งในนั้น ในกฎหมายของพม่า ชาวโรฮีนจาไม่ได้รับการนับรวมเป็นชนเผ่าในพม่า ไม่ใช่พลเมือง และไม่ให้สิทธิต่างๆ ในฐานะพลเมือง ยังถือว่าเป็นผู้อาศัยเท่านั้น และกดดันด้วยวิธีต่างๆ อันสบเนื่องมากจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
ความไม่พอใจของพม่าที่มีต่อชาวโรฮีนจา มีมาตั้งแต่สงครามกับอังกฤษ รวมสามครั้ง สองครั้งแรก อังกฤษยึดพม่าตอนล่างรวมทั้งกรุงย่างกุ้งและเมืองต่างๆ บริเวณทางใต้ ครั้งที่สามอังกฤษตีเมืองมัณฑะเลย์ จับกษัตริย์พม่าและครอบครัวไปกักตัวไว้ที่เมืองรัตนคีรีในอินเดียจนตาย พร้อมทั้งยึดเอาทับทิม เพชรพลอยและสิ่งของมีค่า (ที่ราชวงศ์กษัตริย์ของพม่าสะสมไว้มากมายหลายหีบ) ไปจากพม่าเกือบหมด (พระเจ้าสีบ่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า เขียนจดหมายจากเมืองรัตนบุรีไปยังรัฐบาลอังกฤษหลายฉบับ เพื่อทวงคืนทับทิมและเพชรพลอยที่ถูกทหารอังกฤษแย่งเอาไป แต่ไม่ได้การตอบสนองแต่อย่างใด) และอังกฤษยึดพม่าไว้เป็นเมืองขึ้นทั้งประเทศ

ในการรบกับพม่า นอกจากทหารอังกฤษแล้ว อังกฤษยังเอาทหารกูรข่า และพวกโรฮีนจาจากอินเดีย (ปัจจุบันเป็นบังคลาเทศ) มาช่วยอังกฤษรบกับพม่า และเมื่ออังกฤษยึดครองพม่า ก็เปิดให้คนอินเดียอพยพเข้ามาทำมาหากินและค้าขายในพม่าได้สะดวก พวกโรฮีนจาที่มาช่วยรบก็ลงหลักปักฐานในพม่าและอีกจำนวนมากก็อพยพเข้ามาเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีคนโรฮิงยาจำนวน 1.6 ถึง 2 ล้านคนในพม่า ซึ่งพม่ายังถือว่าพวกโรฮิงยาไม่ใช่พม่าเดิมและเป็นพวกศัตรู แม้โรฮีนจารุ่นแรกๆ จะล้มหายตายจากไปตามอายุขัยและลูกหลานรุ่นหลังๆ จะเกิดในพม่า แต่พม่าก็ยังถือว่าไม่มีทางที่จะเป็นคนพม่าได้ เป็นเพียงผู้อาศัยชั่วคราว ถ้าออกจากพม่าไปแล้วจะไม่ให้กลับเข้ามาอีกเด็ดขาด

แม้จะถูกกดดันจากพม่า แต่สถานการณ์ในบังคลาเทศก็ยิ่งยากจนกว่า และเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่น พวกโรฮีนจาที่เกิดในพม่า เมื่อหลบหนีไปประเทศบังคลาเทศ ก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นพลเมือง แม้จะเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันและถือศาสนาอิสลามเหมือนกันก็ตาม มีโรฮีนจาจำนวนมากที่หนีไปบังคลาเทศ บังคลาเทศก็ไม่ให้เข้าประเทศ แต่จัดให้อยู่ในแค้มป์ผู้ลี้ภัยตามชายแดนซึ่งยากลำบากมาก และจะกลับเข้าพม่า พม่าก็ไม่ยอมให้กลับเช้ามา และทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดคนพวกนี้ออกไปจากพม่า

ปัญหาจึงอยู่ตรงนี้ว่า คนโรฮีนจาจึงไม่เหมือนผู้ลี้ภัยกลุ่มอื่น และมีจำนวนมากเกือบสองล้านคน ที่อยู่ในความกดดันของพม่าอยู่ตลอดเวลา คนลี้ภัยหรือหนีภัยสงครามจากประเทศลาว เขมร เวียดนาม หรือพวกกะเหรียง หรือชนกลุ่มน้อยอื่น ที่เป็นผู้ลี้ภัยชั่วคราว เมื่อภัยนั้นพ้นไป ก็สามารถส่งกลับประเทศได้ เป็นการให้ที่พักพิงลี้ภัยชั่วคราว (แต่ก็เป็นภาระหนักมาก และอย่าไปหวังว่าประเทศอื่นจะเข้ามาช่วย แม้การรับพวกผู้อพยพไปประเทศที่สาม ก็ใช้เวลานานประมาณ 20 ปี โดยคัดเอาแต่คนหนุ่มสาวที่ไปเป็นกำลังแรงงานได้และมีความรู้ไป ทิ้งประชากรที่ด้อยคุณภาพไว้ให้ประเทศไทยรับเป็นภาระต่อมาจนทุกวันนี้) แต่ผู้ลี้ภัยโรฮีนจาจะเป็นผู้ลี้ภัยถาวร ไม่ว่าประเทศใดที่รับไว้ หมายความว่าต้องรับไว้ตลอดชีวิตตลอดจนลูกหลานที่จะเกิดตามมาในอนาคต ไม่มีทางที่จะส่งกลับไปได้ และ UNHCR ก็ไม่กล้าออกมาสนับสนุนเงินทุนเหมือนกรณีอื่น เพราะกรณีนี้หากมีการตั้งค่าย จะต้องเป็นค่ายถาวรไปไม่รู้ว่าจะจัดการส่งกลับต้นทางได้หรือไม่ (ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางทำได้) และจะตั้งค่ายไปตลอดชีวิตจนถึงชั้นลูกหลานได้อย่างไร ใครจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย ในที่สุดก็ต้องกดดันประเทศที่รับไว้ให้หาทางเลี้ยงคนพวกนี้ไปจนตายหรือยอมให้กลายเป็นพลเมือง

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย จึงไม่กล้าที่จะรับชาวโรฮีนจามาไว้ในประเทศ ที่เข้ามาแล้วก็ผลักดันกันไปด้วยวิธีการนอกระบบ ด้วยการส่งออกไปทางชายแดนพม่า แต่ทั้งสามประเทศไม่ยอมให้เข้ามาในน่านน้ำตัวเอง ได้แต่ส่งน้ำ ส่งอาหารและซ่อมเรือให้ แล้วผลักดันออกไปในเขตทะเลสากล หรือในน่านน้ำของต่างประเทศ เพราะไม่มีใครที่กล้ารับภาระที่ไม่รู้จบในขณะที่ประเทศเหล่านี้ยังมีปัญหาประชาชนที่ยากจนและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่

ทางตะวันตกที่เคยเสียงแข็งเรื่องสิทธิมนุษยชน ก็ไม่กล้าเอ่ยปากมากนัก เพราะในยุโรปเอง อิตาลีก็ใช้วิธีกันเรือผู้อพยพไม่ให้เข้ามาในน่านน้ำ เพราะอิตาลีเองก็เจอปัญหาผู้อพยพจากอาฟริกาเข้ามาในอิตาลีจำนวนมาก และได้ร้องขอให้ชาติในยูโรช่วย แต่ก็ถูกทอดทิ้งให้รับภาระตามลำพัง

ออสเตรเลียที่มักเน้นด้านมนุษยธรรมสูง ก็เจอปัญหาผู้อพยพทางเรือเข้าออสเตรเลียมากมาย จนออสเตรเลียต้องใช้ทหารเรื่อกันไม่ให้เรือผู้อพยพเข้ามาในน่านน้ำ และใช้วิธีลากเรือผู้อพยพออกนอกเขตน่านน้ำของตนเช่นเดียวกัน หากผู้อพยพจมเรือ ก็จะเอาไปกักกันไว้ในเกาะคริสต์มาส ซึ่งออสเตรเลียถือว่าไม่ได้อยู่ในดินแดนของตน และสร้างค่ายอพยพให้คนเหล่านี้ไว้ และเมื่อไม่ถือว่าอยู่ในดินแดนของตน คนเหล่านี้จึงไม่ได้สิทธิในฐานะผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย (ที่ทั้งออสเตรเลียและอิตาลี เป็นภาคีอนุสัญญานี้ แต่ประเทศในอาเซียนทั้งหมดไม่มีใครกล้าเป็นภาคี เพราะอนุสัญญานี้ให้สิทธิผู้ลี้ภัยมากมาย และกำหนดให้รัฐบาลที่รับผู้ลี้ภัยไว้ต้องดูแลผู้ลี้ภัยดีกว่าที่ดูแลประชาชนของตัวเองเสียอีก)

ประเทศที่เคยทำตัวเป็นผู้ที่มีมนุษยธรรมสูงและชอบตำหนิประเทศอื่นว่าไม่ยอมรับผู้ลี้ภัย ในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ก็ไม่กล้ามีปากเสียงออกมาอย่างเต็มที่ เพราะหากออกหน้ามาจะถูกสวนทันทีว่า ประเทศนั้นจะรับผิดชอบด้านการเงินไหม และจะรับคนพวกนี้ไปประเทศตัวเองไหม จะได้ส่งให้ทันที

UN ก็ไม่มีศักยภาพพอ เพราะมองเห็นแล้วว่าหากเข้าไปรับภาระเต็มๆ ด้วยตัว UN เอง ก็ต้องรับภาระทั้งหมด โดยเฉพาะด้านการเงิน ทั้งๆ ที UN ก็มีปัญหาด้านการเงินอยู่มากแล้ว จะหาเงินมาใช้แต่ละปีต้องรอประเทศผู้บริจาคซึ่งมีปัญหามากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ถ้ามารับงานนี้เต็มตัว UN จะไม่มีเงินมาจ่าย ต้องตัดเนื้อตัวเอง และจะไปไม่รอดในที่สุด

นอกจากนั้น UN เองก็ไม่มีปัญญาที่จะไปจัดการกับประเทศพม่าให้ลดการกดดันโรฮีนจา และให้รับพวกโรฮีนจากลับ หากพม่ายอมรับกลับ และอยู่ร่วมกันโดยไม่กดดันชาวโรฮีนจา ปัญหาคงจะน้อยไปกว่านี้เยอะมาก

อีกประเด็นหนึ่งที่ประเทศในแถบนี้ไม่กล้ารับโรฮีนจาไว้และดูแลตามมาตรฐานที่ UN กำหนด เพราะยังมีชาวโรฮีนจาอีกล้านกว่าคนที่รอดูอยู่ หากเห็นว่าได้รับการดูแลดี อีกล้านกว่าคน หรืออย่างน้อยหลายแสนคนพร้อมที่จะเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพม่าที่ต้องการไล่ชาวโรฮิงยาออกนอกประเทศอยู่แล้ว

ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่ไม่มีทางออก แต่ประเทศในแถบนี้ (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ บรูไน) ไม่มีใครกล้ารับพวกนี้ไว้และปกป้องน่านน้ำของตนเองอย่างหนาแน่น

ปัญหาต่อไปคือคนกลุ่มนี้ คือพวกเหยื่อจากการค้ามนุษย์หรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ หลักๆ คือผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง ที่ไปจ้างพวกขบวนการลักลอบพาคนเช้าเมืองให้พาเข้ามายังประเทศที่สาม ซึ่งชาวโรฮีนจาอยากไปมาเลเซียและอินโดนีเซียมากกว่าเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมด้วยกัน การจ้างพวกนี้พาเข้าเมืองโดยมีค่าจ้าง กรณีจึงไม่เป็นการค้ามนุษย์ แต่เป็นการลักลอบพาคนเข้าเมือง ตามข้อสัญญาและพิธีสารว่าด้วยการลักลอบพาคนเช้าเมืองของสหประชาชาติ (Smuggling of Migrants Protocol) เว้นแต่บางคนที่ถูกนำไปค้าประเวณีหรือไปบังคับใช้แรงงาน จึงจะเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งมีจำนวนน้อย แม้แต่การที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ก็ไม่เข้าข่ายการเป็นเหยื่อในการค้ามนุษย์ แต่เป็นเหยื่ออาชญากรรมข้ามชาติ

กรณีนี้จึงอยู่ที่ความร่วมมือของทั้งสามชาติหลัก คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ที่จะต้องร่วมมือกันกำจัดกลุ่มที่ร่วมเป็นเครือข่ายการลักลอบพาคนเข้าเมือง ซึ่งมีทั้ง คนพม่า คนโรฮีนจา คนไทย คนมาเลเซีย และคนอินโดนีเซียอย่างเด็ดขาด โดยใช้กฎหมายใหม่ของไทย คือ พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้เป็นต้นตอในการนำคนเหล้านี้ให้ลงทะเลข้ามมา และมาตกระกำลำบากอยู่ในเวลานี้ รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังในการปราบปรามและการกำจัดเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต และเจ้าหน้าที่ต้องไม่เห็นแก่ได้ ต้องไม่รับเงิน และต้องจัดการปราบปรามอย่างจริงจัง ต้องกวาดล้างให้สิ้น เงินเล็กน้อยที่พวกนี้ได้มาจากการทุจริต แต่จะสร้างภาระให้ประเทศไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน

กรณีนี้จึงเป็นการขัดกับความรู้สึกด้านมนุษยธรรมอย่างมาก เพราะมีชาวโรฮีนจาลอยคออยู่ แต่ไม่ประเทศไหนกล้าที่จะรับไว้ เว้นแต่ UN จะสามารถเจรจากับพม่าให้รับกลับคนเหล่านี้กลับไปอยู่ยังแผ่นดินเกิดของตนได้

วิเคราะห์แล้วก็เหนื่่อยแทนครับ กับรัฐบาลคนที่ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะเป็นปัญหาที่ยากมาก เป็นปัญหาที่ไม่มีทางออก และเป็นปัญหาที่อังกฤษทิ้งไว้ให้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว จริงๆ แล้วอังกฤษทิ้งปัญหาไว้ให้พม่าอีกหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่มีผลต่อเนื่องจนเห็นได้ชัดคือเรื่องสนธิสัญญาปางหลวง ที่อังกฤษเข้ามาจัดการ จนทำให้พม่าต้องรบกับชนกลุ่มน้อยมา 70 กว่าปีแล้ว

ขอบคุณภาพประกอบจาก Dek-D.com : เว็บสำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะ - TEEN ONLY SOCIETY

http://www.isranews.org/isra-news/item/38606-aa01.html

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 18 พ.ค.58 ปลิงทะเล มันหนีอะไรขึ้นมาตายชายหาดที่ จ.ตรัง
เกิดเหตุแปลกๆ ที่ชายหาดคลองสน ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง มีปลิงทะเลจำนวนมากมายมหาศาลขึ้นมาตายเกลืรอนชายหาดยาวหลายกิโลเมตร อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจแล้ว เพื่อหาสาเหตุว่าเป็นเพราะเหตุใด
สัตว์ทะเลจากน้ำ จะรับรู้ความผิดปกติไวกว่าจึงดำรงเผ่าพันธุ์มาได้อย่างยาวนาน เพราะพวกมันจะพยายามหนีเอาตัวรอดก่อนภัยจะมา น้ำอาจเป็นมลพิษ อากาศร้อน หนีลงทะเลไม่ทัน หรือ เกิดจากสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ??
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Jeerachart Jongsomchai

... นั่นไงสังหรณ์ใจอยู่แล้ว ทำเหมือนโบโกฮารัมที่ไนจีเรียเลย เอาคนหมดทางไป เช่นคนคุก คนอพยพ มาฝึกเป็นผู้ก่อการร้าย ให้ทำงานเพื่อตัวเอง เพราะถ้าตั้งศูนย์อพยพชั่วคราวเมื่อไร จะเกิดปัญหาก่อการร้ายตามมาแน่ๆ ซาอุด อเมริกา ยิว จะใช้คนกลุ่มนี้แทรกซึมมาป่วน ภาคใต้ของเราแน่นอน ถ้าเปรียบเทียบโลกเราเหมือนคนๆหนึ่ง ภาคใต้เราและช่องแคบมะละกาก็สำคัญเหมือนลำไส้ใหญ่ ที่ใครๆก็อยากควบคุมให้ได้ ... ระวัง เขาทำแน่ ถ้าตั้งศูนย์อพยพเมื่อไหร่ เหมือนตั้งระเบิดไว้ในบ้าน ไม่ใช่ไร้มนุษยธรรมนะครับ ... แต่พวกยาฮูด ซาอุด แอกโกลแซกซอนนี้เขาโหดกว่าที่คิด

หมอพรทิพย์ แฉ ชาวโรฮีนจา ฝึกอาวุธกับอาร์เคเค ก่อเหตุไฟใต้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม



หมอพรทิพย์ เผยตรวจดีเอ็นเอชาวโรฮีนจาพบบางคนใช้ยาเสพติด ขณะที่บางรายอาจมีส่วนเกี่ยวข้องก่อเหตุความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จากการตรวจดีเอ็นเอของชาวมุสลิมโรฮีนจากว่า 800 คน ที่ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย พบว่า บางรายใช้ยาเสพติด แต่ยังไม่ปรากฎข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า ชาวโรฮีนจาบางส่วนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะในช่วงปี 2552 พบชาวโรฮีนจาถือบัตรสัญชาติมาเลเซีย เข้ามาก่อความไม่สงบ แต่ยังสงสัยว่า เข้ามาในเส้นทางใด เพราะชาวโรฮีนจาไม่มีศักยภาพพอที่จะลอยเรือไปขึ้นฝั่งที่มาเลเซียได้ และในกลุ่มผู้ลักลอบเข้าประเทศ ได้ขนวัตถุระเบิดจากอินเดียเข้ามาด้วย จึงสงสัยว่า อาจมีการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ เพราะชาวโรฮีนจา จะขึ้นฝั่งที่ จ.สตูล จ.ระนอง และจังหวัดอื่น ๆ บางส่วนจะถูกส่งต่อไปที่มาเลเซีย แม้จะมีการผลักดันอย่างหนักก็ตาม

นอกจากนี้ ผู้ต้องหา 2 ราย ยังสารภาพว่า ชาวโรฮีนจา จะอพยพมาจากชายแดนแม่สอด มาอยู่ที่ สุไหง-โกลก ก่อนที่ถูกฝึกอยู่กับกลุ่มอาร์เคเค และเข้ามาก่อเหตุในชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะไทยยังไม่มีนโยบายชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร

ติดตาม ข่าวโรฮีนจา แบบอัพเดททั้งหมด คลิกเลย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


หมอพรทิพย์ แฉ ชาวโรฮีนจา ฝึกอาวุธกับอาร์เคเค ก่อเหตุไฟใต้

 

Jeerachart Jongsomchai
... "ยะไข่ โรฮีนจา" แผลเรื้อรังของพม่า มรดกบาปจากอังกฤษ



- ช่วงปฎิวัติอุตสาหกรรม อังกฤษเร่งหาเมืองขึ้นทั่วโลกเพื่อบำเรอคนชั้นนำกลุ่มใหญ่นำโดยบริษัท "อินเดียตะวันออก" และได้รบชนะพม่าครั้งแรกในปี 1824-26 โดยจบลงที่ทำสนธิสัญญา "Yandabo" ที่ระบุว่าพม่าต้องมอบดินแดน ในเขต Assam, Manipur, Rakhine ( ยะไข่ ) และ Taninthayi ให้กับอังกฤษ ( ในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้น อังกฤษมาขอให้ไทยช่วยรบพม่าด้วย ตอนนั้นไทยก็ส่งไปช่วย เพราะพม่าคือศัครูหลักมาตลอด )

... โดย "รัฐยะไข่" อยู่ด้านทิศตะวันตกของพม่าปัจจุบันตรงข้ามกับอินเดีย ติดอ่าวเบงกอล เป็นฝั่งที่ติดต่อกับทางอินเดียสะดวก จึงมีคนเชื้อสายอินเดีย บังคลาเทศ ไปมาหาสู่ข้ามไปมา มาช้านาน

... โดยช่วงที่ทำสงครามนั้น ทหารฝ่ายอังกฤษรวมทั้ง "อินเดีย"( ที่ถูกอังกฤษเกณท์ มารบกับพม่า ) เสียชีวิตมากถึง 15,000 คน ส่วนฝ่ายพม่านั้นไม่ได้ระบุ และเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนพม่าอาจจะไม่ชอบคนอินเดีย หรือลักษณะหน้าตาแบบแขกๆ เพราะมารุกรานพม่า ( คล้ายๆที่ญี่ปุ่นไม่ชอบจีน เพราะจีนถูกบังคับให้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ กุบไลข่านของมองโกล สมัยราชวงศ์หยวน ที่ยกทัพเรือใหญ่จะไปบุกญี่ปุ่น )

... จนสุดท้ายปี 1885-6 ( รัชกาลที่ 5 ของไทย ) ที่พม่าทั้งประเทศตกเป็นของอังฤษ โดยสมบูรณ์ คนพม่าต้องขึ้นใต้บังคับของศาลอังกฤษ และเป็นแค่จังหวัดหนึ่งของอินเดีย

... จนช่วง 1940- 42 ที่พม่าช่วยอังกฤษรบและขับไล่ญี่ปุ่น ซึ่งหัวหน้าฝ่ายพม่านั้นนำโดย นายพลอองซาน ( พ่ออองซาน ซูจี ) จึงเริ่มมีขบวนการเรียกร้องเอกราชโดยพม่าได้หาแนวร่วมในการเพิ่มพลังในการเรียงร้อง จาก "ไทยใหญ่" "กะฉิ่น" "ชิน" และสุดท้ายได้ในปี 1948 พม่าก็ได้เอกราชจากอังกฤษ ( หลังจาก นายพลอองซาน ถูกฆ่าตาย โดย อู ซอ ) และ นาย อู นุ ก็ปกครองพม่ามา

... จาก 1826 - 1948 เป็นเวลารวม 122 ปี ที่"รัฐยะไข่" ตกอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ เหมือนรัฐอิสระ คนพม่าจึงมองว่า "คนแขก" หรือหน้าแบบนั้นเป็นพวกอังกฤษที่มาทำสงครามปล้นบ้านเมืองเขา ... รัฐนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพม่าเพราะสนิทชิดเชื้อกับฝั่งอินเดียมากกว่า ประกอบกับความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ( พุทธ กับ อิสลาม แค่เป็นตัวเสริม ) ทำให้ เกิดการไม่ลงรอยต่อกันตลอดมา

... ในการรบกับพม่า นอกจากทหารอังกฤษแล้ว อังกฤษยังเอาทหารกูรข่า และพวกโรฮีนจาจากอินเดีย (ปัจจุบันเป็นบังคลาเทศ) มาช่วยอังกฤษรบกับพม่า และเมื่ออังกฤษยึดครองพม่า ก็เปิดให้คนอินเดียอพยพเข้ามาทำมาหากินและค้าขายในพม่าได้สะดวก พวกโรฮีนจาที่มาช่วยรบก็ลงหลักปักฐานในพม่าและอีกจำนวนมากก็อพยพเข้ามาเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีคนโรฮิงยาจำนวน 1.6 ถึง 2 ล้านคนในพม่า ซึ่งพม่ายังถือว่าพวกโรฮิงยาไม่ใช่พม่าเดิมและเป็นพวกศัตรู แม้โรฮีนจารุ่นแรกๆ จะล้มหายตายจากไปตามอายุขัยและลูกหลานรุ่นหลังๆ จะเกิดในพม่า แต่พม่าก็ยังถือว่าไม่มีทางที่จะเป็นคนพม่าได้ เป็นเพียงผู้อาศัยชั่วคราว ถ้าออกจากพม่าไปแล้วจะไม่ให้กลับเข้ามาอีกเด็ดขาด
http://www.isranews.org/isra-news/item/38606-aa01.html…

... 1948 - 1962 ช่วงนี้ ที่ชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มเริ่มเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองจากพม่าบ้าง แต่พม่ากลับไม่ยอม และ อู นุ ควมคุมไม่ได้ "นายพลเนวิน" เลยยึดอำนาจมา และเริ่มการปรามปราบอย่างรุนแรง ทั้ง กับ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ "ยะไข่" หรืออรากัน ( ทางภูมิศาสตร์มี "เทือกเขาอรากัน" กั้นรัฐนี้กับลุ่มน้ำของพม่ายาวตลอดแนว ยิ่งทำให้การพบปะกัน ของคนกลุ่มนี้น้อยลงไป

... แม้แต่ไทยใหญ่ที่ร่วมช่วยเรียกร้องเอกราช พม่ายังไม่ยอมให้เอกราช ยิ่งยะไข่ที่มีคดีความกันมานาน พม่ายิ่งไม่ยอม จึงเกิดการปะทะกันตลอดมา

... จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น แต่ปัญหายิ่งจะซับซ้อนมากขึ้นอีก เพราะหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ส่งเสริม อุดหนุน จนไม่มีใครรู้ว่าปลายทางจะจบอย่างไร แต่ที่แน่นอนคืิอ "อังกฤษ" เป็นคน "จุดปัญหานี้" นี้ขึ้นมาให้เป็น "แผลร้าย" ที่เผาไหม้ให้คนในดินแดนอยู่ไม่เป็นสุข

.................................
Myanmar profile - Timeline - BBC News

Rakhine State - Wikipedia, the free encyclopedia

http://th.wikipedia.org/…/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8…
http://www.isranews.org/isra-news/item/38606-aa01.html…

 

Jeerachart Jongsomchai



... "โรฮินจา และ ชาวมุสลิมในพม่า ... กับปัญหาที่ตะวันตกสร้างแล้วโยนบาปให้เอเชีย "
.
... ตั้งแต่ปี คศ. 652-660 พ่อค้าอาหรับมุสลิมอาหรับก็ได้ค้าขายไปมาตั้งแต่มาดากัสก้าจนถึงเมืองจีน และได้แวะพักที่พม่าเป็นระยะ โดยจะขึ้นฝั่งที่เมือง Thaton, Martaban แถวอ่าวเมาะตะมะ ใกล้เมืองเมาะลำเลิง และต่ำลงมาบริเวณตะนาวศรี เขตของอาณาจักรของคนมอญเป็นส่วนใหญ่
... หลังจากนั้นชาวมุสลิมได้เข้ามาอีกในช่วง คริสตศักราชที่ 9 โดยเข้ามาสามจุดสำคัญ คือปากแม่น้ำอิระวดี ตะนาวศรี และ "ยะไข่" ( ทางตะวันตกขอพม่าปัจจุบัน ที่ใกล้กับอ่าวเบงกอล ) ก่อนที่ พม่าจะรวมกันเป็นอาณาจักรเดียวคืออาณาจักรพุกาม ในปี 1044 และพระเจ้าอโนรธาจะครองราชในปี 1057
... ในส่วน "ยะไข่" นั้น นอกจากชาวมุสลิมจะแวะทั่วเขตแล้วยังได้ลึกไปในเมือง Maungdaw เป็นหลักอีกด้วย โดยตอนหลังได้แต่งงานกับคนท้องถิ่นและได้ทำงานเป็นทั้งพ่อค้า กองทหารต่างชาติ นักโทษสงคราม ผู้อพยพ เหยื่อของการค้าทาส บ้างก็เป็นผู้บริหารในราชวงศ์ ทหาร หมอแผนโบราณ หรือที่ปรึกษาของราชวงศ์พม่าด้วย
... ส่วนชาวเปอร์เซียมุสลิม ( น่าจะกลุ่มทางอิหร่าน ชีอะห์ ) จะอพยพมาทางเหนือพม่าในเขตยูนนานของจีน ช่วงปี คศ. 860 บางครั้งก็เรียกว่า "ปาธี" Pathi เชื่อว่ามาจากคำว่า เปอร์เซียน
... ปัจจุบัน ประชากร "ชาวพม่ามุสลิม" ต่างก็เป็นลูกหลานที่ผสมผสามกันทั้งอาหรับ เปอรเซีย เติร์ก แขกมัวร์ อินเดียมุสลิม sheikhs ปากีสถาน ปาทาน เบงกาลี ( ชาวโรฮีนจา เป็นหนึ่งในชาวเบงกาลี หรือผู้คนที่อยู่อาศัยรอบอ่าวเบงกอล ) จีนมุสลิม มาเลย์ ที่ต่างก็แต่งงานกับชาวพม่าท้องถิ่น รวมทั้งชนกลุ่มน้อยในพม่าเองเช่น คนยะไข่ ไทย มอญ กะเหรี่ยง และอื่นๆ
. . . . . .
... ปี 1785 พม่าได้ตีแล้วยึดยะไข่ได้อีกครั้ง ที่ช่วงนั้นชาวยะไข่ 35,000 ได้อพยพหนีไปที่ "จิตตะกอง" ( ปัจจุบันอยู่ในบังคลาเทศ ) ที่ตอนนั้นอยู่ใต้อาณัติของอังกฤษ เพราะกลัวการฆ่าของพม่า มีชาวยะไข่ถูกฆ่าตายมากเป็นพันๆคน บ้างก็ถูกเนรเทศ ตอนนั้นรัฐยะไข่เป็นที่น่ากลัวสำหรับชาวยะไข่มากๆ
... พม่าขอตัวเจ้าเมืองยะไข่ที่หนีไปจิตตะกองเมืองใต้อาณัติจากอังกฤษ อังกฤษส่งให้ก็แล้ว พม่าก็ยังตามไปฆ่าถึงจิตตะกอง จนบ่อยครั้งอังกฤษทนไม่ไหวเลยทำสงครามกัน สุดท้ายพม่าแพ้และเสียเมืองในที่สุดในปี 1824
... อังกฤษรบชนะพม่าครั้งแรกในปี 1824-26 โดยจบลงที่ทำสนธิสัญญา "Yandabo" ที่ระบุว่าพม่าต้องมอบดินแดนหลายส่วนรวมทั้ง Rakhine ( ยะไข่ ) ของพม่าให้กับอังกฤษ
... "จุดเปลี่ยน" สำคัญของคนมุสลิม คนเชื้อสายอินเดีย เบงกาลี่ และ "ชาวโรฮีนจา" ในพม่า
... "ชาวโรฮีนจา" เป็นชาวมุสลิมในตอนเหนือของรัฐ"ยะไข่" Rakhine (Arakan) ของพม่าและพูดภาษา Rohingya เป็นชนกล่มน้อยในพม่า นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่า พวกเขาอพยพมาจากเขตเบงกอลของบังคลาเทศในปัจจุบัน ( เบงกาลี่ ใช้เรียกภาษาหรือคนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบอ่าวเบงกอล ) ซึ่งส่วนใหญ่จะอพยพเข้ามาที่พม่ามากตอนช่วงที่อังกฤษครอบครองพม่า เพราะอังกฤษสนับสนุนให้คนแขกทั้งอินเดีย เบงกาลี และ "โรฮินจา" , ที่โดยมากเป็น "มุสลิม" มาอาศัยที่พม่า
... ( มองในแง่รัฐศาสตร์ เหมือนเอามาปราบปรามพม่า ให้ชาวบ้านคานอำนาจกันเอง ให้คนในอาณัติตัวเองมาผสมแต่งงานกับพม่า เพื่อกลืนพม่า หรือให้ "สองศาสนาทะเลาะฆ่ากันเอง" แบบที่ทำมาแล้วที่อินเดีย ในการยุให้ "อิสลามฆ่ากันเองก้บฮินดู" จนอ่อนหล้า เพื่อครอบครองง่ายๆภายหลัง และให้ลดการต่อต้านตัวเองลง ) ไม่ใช่แค่โรฮีนจา เท่านั้น ชาวมุสลิมมาเลย์เองก็มาค้าขายและตั้งรกกรากที่แถวตะนาวศรีด้วยเช่นกัน
... แต่หลังจากปี 1948 ที่พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ชาว "ชาวโรฮีนจา" ก็อพยพมาพม่าน้อยลง เพราะไม่มี "อังกฤษ" ให้การปกป้องเหมือนเช่นเคยแล้ว เพราะพม่าเองก็ไม่ชอบชาวเบงกาลี อินเดีย ที่ในอดีตหลายคนมาในนามของทหารอังกฤษในการมาโจมตีพม่า
... จาก 1826 - 1948 เป็นเวลารวม 122 ปี ที่"รัฐยะไข่" ตกอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ ที่สถานะไม่ได้ต่ำกว่าพม่า ส่วนคนพม่าก็มองว่า "คนแขก" หรือหน้าแบบนั้นเป็นพวกสมุนอังกฤษที่มาทำสงครามปล้นบ้านเมืองเขา หลัง 1948 จึงพยายามขับไล่ออกไป และไม่ยอมรับในความเป็นคนพม่าของชาวโรฮีนจา
... ปี 1982 นายพลเนวินได้ออกกฎหมายไม่ให้สัญชาติแก่ชาว "โรฮินจา" ทำให้กลายเป็นคนเถื่อนในพม่าไปในที่สุด
... ข้อมูลปี 2013 บอกว่า มีชาว "โรฮินจา" ในพม่าจำนวน 735,000 คนที่ส่วนใหญ่อาศัยในทางเหนือของรัฐยะไข่ ที่พวกเขาเป็นคนหมู่มากถึง 80–98% ของเมืองในเขตนั้น นักมนุษยชนบอกว่าชาว โรฮินจา เป็นกลุ่มชนที่ถูกเอาเปรียบด้านสิทธิมนุษยชนมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก
... จากนั้นมาชาว "โรฮินจา"ก็ได้เริ่มอพยพออกจากพม่าไปอยู่ที่ บังคลาเทศบ้างที่ก็ต้องถูกกักอยู่ในเขตที่จำกัดและค่ายอพยพ ( เพราะบังคลาเทศก็มองว่าอยู่พม่ามาเป็นรัอยปีก็ถือเป็นคนพม่าแล้ว ) ตอนหลังบังคลาเทศก็ไม่รับอีก บางส่วนก็อพยพลงเรือมาบริเวณรอยต่อพรหมแดนไทยพม่า ที่ไทยก็ไม่อยากรับอีก เพราะไทยเคยเจอผู้อพยพจากสงครามที่ฝรั่งสร้างมาเยอะแล้วทั้ง ม้งถ้ำกระบอก หรือเขมรอรัญประเทศ
... ปัจจุบันนี้ มากกว่า 100,000 ของชาว "โรฮินจา" ค้องอยู่ในค่ายอพยพของพม่า ห้ามออกนอกเขตไปไหน จนนำมาซึ่งความอึดอัด จนเกิดการประท้วงวุ่นวายในปี 2012 นานาชาติพยายามจะเข้ามากดดันให้พม่าลดแรงกดดันต่อชาวโรฮินจา มากขึ้น ( แต่ก็ยังช่วยเหลือน้อยลง พูดอย่างเดียว แม้แต่ออสเตรเลียที่เป็นเป้าหมายเพราะเจริญยังไม่รับ อินโดนีเซีย มาเลเซียที่เป็นเป้าหมายเพราะเป็นมุสลิมก็ไม่ยอมรับ )
... ตอนนี้อเมริกาพยายามจะบีบให้ไทยที่เป็นทางผ่านในการอพยพ รีบสร้างศูนย์อพยพอ้างว่าชั่วคราว ( อาจจะหลายสิบปีเหมือนก่อน ) อาจจะเพื่อกดดันรัฐบาลทหารไทย บางอย่างเช่น รีบกลับมาสู่โหมด "การเลือกตั้งธิปไตย" หรือ "ปล่อยนายหน้าตระกูลชินพ้นคดีโกงข้าว" หรือ สัมปทานพลังงานรอบใหม่ เป็นต้น โดยอาศัยความทุกข์ยากของชาวพี่น้อง "โรฮินจา" มาเป็นเครื่องมือแค่นั้นเอง เพราะว่าแท้จริงแล้วปัญหาของชาวโรฮินจา มีมานานเป็นร้อยปีแล้ว
... ถ้าเปรียบเทียบโลกเราเหมือนคนๆหนึ่ง ดินแดนปาเลสไตน์อาจจะเหมือนหัวใจจุดยุทธศาสตร์โลก ส่วนภาคใต้เราและช่องแคบมะละกาก็สำคัญเหมือนลำไส้ใหญ่ ที่ใครๆก็อยากควบคุมให้ได้ และตะวันตกก็สนใจมานานแล้ว และมีข่าวเรื่องที่ซาอุดิอาระเบียสนับสนุนกลุ่ม บีอาร์เอ็น และ อาร์เคเค มานานหลายสิบปีแล้ว
... และที่สำคัญมีข่าวว่า "ชาวโรฮินจา" ก็ถูกคนกลุ่มนี้เอาไปใช้ในการฝึกการก่อการร้ายเพื่อจะป่วนปั่นภาคใต้ของประเทศไทย
... ปัญหาของชาวโรฮินจา จึงซับซ้อนมากกว่าเห็น ที่ส่วนหนึ่งของวิบากกรรมปัญหาก็มาจาก "อังกฤษ" พ่อเก่าของอเมริกาสร้างไว้กับคนเอเชียจนถึงปัจจุบันนี้นั้นเอง และที่สำคัญ "อเมริกา" ไม่เคยช่วยเหลือรับพี่น้องชาวโรฮินจา ไปประเทศของตนเลย
.
Rohingya people - Wikipedia, the free encyclopedia
Islam in Burma - Wikipedia, the free encyclopedia

 

ไพศาล ปูดมหันตภัยธรรมชาติ ทำนายกาญจน์- ใต้ตายเป็นเบือ
วันอาทิตย์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 14.33 น.





17 พ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพศษล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า สังหรณ์ใจว่าจะเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะเป็นช่วงคาบเกี่ยวน้ำกับไฟ ซึ่งไม่เคยปรากฎ เพราะที่เคยปรากฎคือไฟกับดินเป็นภูเขาไฟระเบิด ลาวาไหลท่วมบ้านเมือง

“คราวนี้มฤตยู-พฤหัส-เสาร์ เป็นตรีโกณกันในราศีธาตุน้ำ จ่อเข้าสู่ธาตุไฟทั้งนั้น ส่วนราหูตัวเดียวอยู่ธาตุดินหรือว่าจะเกิดแกสหรือภูเขาไฟระเบิดในทะเลแล้วแผ่นดินไหว ไฟลุกไหม้กว้างขวาง น้ำก็ท่วมประดังกันมา ตั้งแต่ภาคใต้ฝั่งอันดามันขึ้นไปจนถึงกาญจนบุรี ผู้คนจะบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ ก็คอยตามดูเอาก็แล้วกัน แต่น่าจะตระเตรียมบรรเทาสาธารณภัยเอาไว้นะ ไม่เสียหายอะไร”

ในประเทศ - 'ไพศาล'ปูดมหันตภัยธรรมชาติ ทำนาย'กาญจน์-ใต้'ตายเป็นเบือ

 

Vda Nong ได้แชร์โพสต์ของ Ramrome Ronphibun









ไม่กี่วันมานี้ รอยเลื่อนน้ำมา ในประเทศลาว ได้เกิดขยับด้วยการปล่อยพลังออกมา บ่อยมาก รอยเลื่อนน้ำมา (Nam Ma Fault) ประเทศพม่าและลาว เป็นรอยเลื่อนมีพลัง ที่มีการเลื่อนตามแนวระดับไปทางซ้าย มีทิศทางการวางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ในลักษณะเดียวกับรอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย น่าติดตาม รอยเลื่อนแม่จัน มากเป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนมีพลังที่อยู่ในพม่าและลาวและ "รอยเลื่อนแม่จัน" เป็นรอยเลื่อนตามแนวระดับขนาดใหญ่พาดผ่านตั้งแต่ อ.ฝาง อ.แม่จัน อ.เชียงแสน เข้าสู่ประเทศลาว ซึ่งการเลื่อนไปทางซ้ายของรอยเลื่อนแม่จัน อาจเริ่มเกิดขึ้นภายหลังจากมีการชนกันของแผ่นเปลือกโลกอินเดียกับแผ่นเปลือกโลกเอเชียเมื่อประมาณ 40 ล้านปีก่อน

 

Kaokala Fc



16 พ.ค. เหมืองอวกาศกับความฝันที่ใกล้จะเป็นจริง
นอกจากการ์ตูนแล้วการทำเหมืองในอวกาศน่าจะปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด มากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยฝีมือของบริษัท แพลเนทารี รีซอร์สเซส (Planetary Resources) ที่มีสำนักงานในเมืองเรดมอนท์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ที่เตรียมการทำเหมืองในอวกาศอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
การทำเหมืองในอวกาศหมายถึงการเก็บแร่ธาตุที่ต้องการบนดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อย ที่มีแร่ธาตุที่ต้องการและนำกลับมาใช้ประโยชน์ ความเป็นไปได้ในการทำเหมืองประเภทนี้มีอยู่สูง และเชื่อกันว่าจะทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์จากการทำเหมืองบนดาวเคราะห์น้อยเพียงแห่งเดียว
โดยพื้นฐานแล้ว ดาวทุกดวงในอวกาศถือกำเนิดจากธาตุพื้นฐานเดียวกัน นั่นคือฝุ่นในอวกาศที่เข้ามาจับตัวกันเป็นมวลขนาดใหญ่เล็กต่างกันไป มวลฝุ่นอวกาศที่มารวมตัวกันนั้นจะอยู่ในตำแหน่งต่างๆ รอบดวงอาทิตย์ ทำให้คุณลักษณะของดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อยแต่ละดวงมีความเฉพาะตัวออกไป เช่นโลก มีน้ำเป็นหลัก ดาวอังคารมีสีแดงของสนิมเหล็ก เป็นต้น
ดังนั้น การทำเหมืองในอวกาศก็เปรียบได้กับเหมืองขนาดยักษ์ที่มีทรัพยากรต่างๆ ให้เก็บเกี่ยว แต่ปัญหาสำคัญในการทำเหมืองในอวกาศคือการเดินทางไปและกลับจากจุดหมาย ดังนั้น แพลเนทารี รีซอร์สเซส จึงมีแผนการสร้างสถานีเติมเชื้อเพลิงในอวกาศเพื่อขยายระยะการเดินทางของจรวดที่นำเครื่องขุดและแร่ธาตุกลับมายังโลก
เริ่มต้นจากการส่งดาวเทียมสำรวจแหล่งแร่ขึ้นไปยังอวกาศ เพื่อใช้สำรวจพื้นที่เก็บ หรือ ขุดเจาะแหล่งแร่เป้าหมาย โดยดาวเทียมดวงนี้มีชื่อว่า อาร์คิด-3อาร์ (Arkyd-3R) ซึ่งตัว R นั้นหมายถึงความพยายามครั้งที่สองในการส่งดาวเทียมดวงนี้ออกสู่อวกาศ เนื่องจากดาวเทียมอาร์คิด-3 ดวงแรกที่ขึ้นไปยังอวกาศกับจรวดแอนทาเรสต้องสูญสลายไปเพราะจรวดลำนี้เกิดระเบิดหลังจากทะยานขึ้นจากฐานปล่อยได้ไม่กี่วินาที
ดาวเทียมอาร์คิด-3อาร์ สามารถขึ้นไปยังอวกาศได้สำเร็จ ปัจจุบันอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) โดยถูกนำส่งขึ้นไปยังไอเอสเอสพร้อมกับจรวดสเปซเอ็กซ์ ดรากอน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็เหลือเพียงรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แพลเนทารี รีซอร์สเซส ก็จะปล่อยดาวเทียมดวงนี้ออกสู่อวกาศในช่วงฤดูร้อน (ของประเทศตะวันตก) ต่อไป
ในช่วงแรกนี้ บริษัทจะใช้ดาวเทียมอาร์คิด-3 อาร์ เป็นเครื่องทดลองการใช้กล้องโทรทัศน์อวกาศ ก่อนที่จะนำส่งดาวเทียมในลักษณะเดียวกันขึ้นไปอีก 2 ดวงเพื่อใช้ในการสำรวจดาวเคราะห์น้อยและกำหนดเป้าหมายในการทำเหมืองแร่ ก่อนที่จะเดินหน้าส่งเครื่องขุดไปยังดาวเคราะห์น้อยเพื่อตักตวงแร่ธาตุที่ต้องการกลับมายังโลกต่อไป

 

Kaokala Fc



16 พ.ค. สัตว์กินพืชขนาดใหญ่สูญพันธุ์ก่อนใครในสงครามโลกร้อน
มนุษย์กำลังได้รับผลตอบแทนจากการทำลายสภาพแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ การบุกรุกทำลายพื้นที่ป่า ทำให้ระบบนิเวศระดับโลกเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเทียบกับช่วงศตวรรษก่อน
แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์สายพันธุ์แรกที่จะสูญพันธุ์จากการเอาคืนของธรรมชาติที่ลงโทษมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบไปพร้อมๆ กัน ด้วยการทำให้เกิดภาวะผันผวนของฤดูกาล ส่งความแห้งแล้งมาปกคลุมพื้นที่ต่างๆ ส่งพายุใหญ่กระหน่ำพื้นที่ในเขตเส้นศูนย์สูตรจรดขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ส่งมวลฝนปริมาณมากมาตกยังเขตเมืองและเขตป่า ก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือยาวนาน
แม้ในเขตเมืองใหญ่อย่างแคลิฟอร์เนียที่มีการพัฒนาพื้นที่ มีระบบสาธารณูปโภคชั้นดี ยังเผชิญกับความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เนื่องจากธรรมชาติลงโทษด้วยการส่งความแห้งแล้งมาเยือนและอยู่ยงคงนาน ซึ่งนอกจากชาวแคลิฟอร์เนียแล้ว สัตว์ป่าที่อยู่ในป่าก็ยังต้องอพยพออกมาจากป่ารุกเข้าเขตเมืองเพื่อหาน้ำและอาหารไว้กินเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ และในระยะยาวนั้นสัตว์ที่มีขนาดลำตัวใหญ่ ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ก่อนใครในภาวะการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศโลกเช่นนี้
ผลการศึกษาของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารไซแอนซ์ แอดวานซ์ ในสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าสัตว์กินพืชที่มีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุด 74 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ทั่วโลกเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่จะดับดิ้น สูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นกลุ่มแรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์บางสายพันธุ์ที่ถูกล่าเพื่อใช้ประโยชน์ทางการค้า เช่น แรดดำในแอฟริกา ที่ถูกล่าเพื่อเอานอและชิ้นส่วนร่างกายไปขายในราคาสูง เป็นกลุ่มแนวหน้าที่จะสูญหายไปจากโลก จากปัจจัยทั้งทางธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะฝีมือมนุษย์ และการลั่นกระสุนสังหารจากพรานที่เป็นมนุษย์
ปัจจุบัน แรดดำในแอฟริกามีหลงเหลืออยู่ในผืนแผ่นดินกาฬทวีปเพียง 19% ของจำนวนที่เคยมีอยู่ในอดีต
ด้านนายวิลเลียม ริปเปิล นักชีววิทยาผู้นำการศึกษาครั้งนี้กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ของสัตว์ในองค์รวม ทั้งในแหล่งที่เหล่าสรรพสัตว์ใช้ัชีวิตอยู่กันอย่างหนาแน่น ในป่า ทุ่งหญ้าซาวันนา ทุ่งหญ้าตามพื้่นที่ต่างๆ ของโลก รวมทั้งทะเลทราย
การสูญพันธุ์ของสัตว์กินพืชขนาดใหญ่จะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตมนุษย์บ้าง... สิ่งมีชีวิตเหล่านี้่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของธรรมชาติในพื้นที่อาศัย เป็นแหล่งผลิตพืชพันธุ์ที่เป็นอาหารหลักของป่าและระบบนิเวศ โดยการเป็นผู้แพร่กระจายเมล็ดพันธุ์พืชไปทั่วพื้นที่แหล่งอาศัยขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการกระจายตัวของพืชอาหาร นอกจากนั้น สัตว์กินพืชเหล่านี้ยังเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่อย่างเช่นสิงโตและเสือด้วยเช่นกัน
หากสัตว์กินพืชขนาดใหญ่สูญพันธุ์ ก็จะเป็นการตัดวงจรการกระจายตัวของพืชอาหารสำหรับสัตว์ขนาดเล็กลงมา และตัดวงจรการขยายพันธุ์ของพืชที่เป็นต้นกำเนิดป่าที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ป่าไม้ที่คอยดูดซับก๊าซเรือนกระจกลดลง ส่งผลให้ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงมีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

Kaokala Fc



16 พ.ค. รัฐวอชิงตัน สหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินภัยแล้ง หลังปริมาณหิมะในปีนี้ลดน้อยลงมากจนน่าใจหาย
รัฐวอชิงตันถือเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภัยแล้งในปีนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโอลิมเปีย รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่านายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยแล้ง เมื่อวันศุกร์ ซึ่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทางการ ในการจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือและวางแผนปันส่วนน้ำให้แก่พื้นที่ประสบความเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อินสลีย์ยืนยันว่าปริมาณฝนในรัฐวอชิงตันจึงถึงปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับปกติไม่ต่างจากหลายปีก่อนหน้านี้มากนัก แต่สถานการณ์ที่กำลังเป็นวิกฤติ คืออาณาเขตของทุ่งหิมะที่เมื่อถึงช่วงฤดูร้อนจะละลายลงสู่แม่น้ำ และเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ กลับมีอาณาเขตน้อยลงมากอย่างน่าใจหาย โดยความกว้างของทุ่งหิมะในปีนี้มีขนาดเหลือเพียงร้อยละ 16 ของค่าเฉลี่ยเท่านั้น
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า ภาวะแล้งจัดจะส่งผลกระทบให้ภาวะไฟป่าในฤดูร้อนกินระยะเวลายาวนานขึ้นเช่นกัน โดยรัฐวอชิงตันถือเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภัยแล้งในปีนี้ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในรัฐวอชิงตันอาจสร้างความเสียหายทางการเกษตรมากถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 39,600 ล้านบาท )
อ่านต่อที่ : รัฐวอชิงตันประกาศภาวะฉุกเฉินภัยแล้ง | เดลินิวส์

 

Kaokala Fc



16 พ.ค. แย่แน่ !ไอซิส ยึดสนง.ใหญ่ทางการอิรักในเมืองรามาดีได้แล้ว
เงียบหายไปพัก..กลุ่มไอซิส กลับมาสำแดงเดช บุกยึดสำนักงานใหญ่ของทางการอิรัก ในเมืองรามาดี ได้สำเร็จแล้ว อีกทั้งยังจับตำรวจอิรักไปเป็นเชลยนับ 50 คน หลังบุกโจมตีดุเดือด นำร่องด้วยระเบิดคาร์บอมบ์ถึง 6 คัน
เมื่อ 16 พ.ค. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง "รัฐอิสลาม" หรือไอซิส ยังมีความแข็งแกร่ง สามารถบุกยึดสำนักงานใหญ่ของทางการอิรัก ในเมืองรามาดี ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดในอิรักได้แล้ว เพียงไม่กี่วัน หลังจากกลุ่มไอซิสได้เผยแพร่คลิปเสียง อ้างว่าเป็นคำพูดของ นายอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี หัวหน้ากลุ่มไอซิส ซึ่งเจ้าหน้าที่อิรักเผยไม่นานก่อนหน้าว่า เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกกองกำลังพันธมิตรทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ข่าวแจ้งว่า การบุกโจมตีสำนักงานใหญ่ของทางการอิรักในเมืองรามาดีนั้น กลุ่มไอซิสได้วางระเบิดติดรถยนต์ หรือคาร์บอมบ์ ถึง 6 ลูก และยังยิงโจมตีด้วยกระสุนปืน ค. ถล่มสำนักงานทางการอย่างดุเดือด เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอิรักก็พยายามจะต่อสู้ต้านทานการโจมตีของกลุ่มไอซิสอย่างสุดความสามารถ เพียงแต่ไม่อาจจะต้านทานไหว โดยมีรายงานว่า การบุกโจมตีครั้งนี้ ทำให้มีตำรวจอิรักเสียชีวิตอย่างน้อย 10 นาย บาดเจ็บอีกหลายสิบนาย และมีตำรวจอิรักโดนกลุ่มไอซิสจับเป็นเชลยอย่างน้อย 50 คนด้วย
บีบีซี รายงานว่า การต่อสู้อย่างหนักหน่วงระหว่างสองฝ่าย ดำเนินมาตลอดคืน กระทั่งถึงเวลา 14.00 น. ของวันศุกร์ที่ 15 พ.ค. ในที่สุด กลุ่มไอซิสก็เป็นฝ่ายชนะ สามารถติดธงสีดำของกลุ่มไอซิสเหนืออาคารสำนักงานใหญ่ของทางการอิรักเป็นผลสำเร็จ โดยตำรวจอิรักเผยกับนักข่าวเอเอฟพี ว่า ขณะนี้กลุ่มไอซิสสามารถยึดครองสำนักงานใหญ่ทางการในเมืองรามาดีได้แล้ว ส่วนกลุ่มติดอาวุธสุดโหดก็ได้ออกแถลงการณ์ประกาศชัยชนะในการยึดสำนักงานใหญ่ของทางการอิรักได้เมืองรามาดี ได้สำเร็จ หลังจากได้เกิดการต่อสู้กันมานานหลายเดือน เพื่อจะยึดเมืองรามาดี ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ สำคัญของจังหวัดอันบาร์ และจากการที่กลุ่มไอซิสามารถยึดสำนักงานใหญ่ทางการได้ ทำให้ชาวอิรักในเมืองรามาดี ต่างเร่งรีบอพยพหนีภัยกลุ่มไอซิสออกจากเมืองเป็นจำนวนมาก
แย่แน่ !ไอซิส ยึดสนง.ใหญ่ทางการอิรักในเมืองรามาดีได้แล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc



16 พ.ค. เป็นเรื่องจนได้!! รถไฟ 'แอมแทรค' สหรัฐฯ อาจโดนยิง ก่อนตกรางสยอง
รถไฟ ‘แอมแทรค’ ตกรางในสหรัฐฯ ไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว..จากการสอบสวนพนักงานหญิงบนรถไฟ เผย อาจโดนยิงด้วยกระสุน จรวด หรืออาวุธอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด จนคนขับต้องเร่งความเร็ว ก่อนตกรางสยอง ดับ 8 ศพ บาดเจ็บกว่า 200 คน
เมื่อ 16 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการสอบสวนเหตุการณ์รถไฟโดยสาร ‘แอมแทรค’ ในสหรัฐฯ ตกรางทางตอนเหนือของเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บกว่า 200 คน และเบื้องต้น พบว่าขณะเกิดเหตุรถไฟแล่นด้วยความเร็วสูงถึง 160 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงกว่าที่กำหนดไว้ถึง 2 เท่า
นายโรเบิร์ต ซัมวอลต์ โฆษกคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคมแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) แถลงเมื่อ 15 พ.ค.ว่า จากการที่ทีมสอบสวนของ NTSB สอบถามพนักงานหญิง ทำหน้าที่ ผู้ช่วยควบคุมรถไฟ บนรถไฟโดยสารขบวนดังกล่าว เธอได้บอกว่า รถไฟโดยสารแอมแทรคอาจโดนยิงโดยอาวุธบางอย่าง อาจเป็นกระสุน, จรวด หรืออาวุธที่ไม่คาดคิด ก่อนจะประสบเหตุตกราง เนื่อจาก เธอได้ยินนายแบรนดอน บอสเตียน วิศวกรประจำรถไฟขบวนนี้ วัย 32 ปี พูดวิทยุสื่อสารกับคนขับรถไฟขบวนอื่นที่แล่นมาจากสถานีรถไฟ ‘เซาท์อีสเทิร์น เพนซิลเวเนีย’ ว่า รถไฟของเขาถูกยิง หรือโดนขว้างด้วยวัตถุบางอย่าง จนทำให้กระจกหน้ารถไฟได้รับความเสียหาย จนจำเป็นต้องจอดรถไฟฉุกเฉิน
จากการเปิดเผยของพนักงานหญิง ผู้ช่วยควบคุมรถไฟ ยังบอกด้วยว่า หลังวิศวกรทราบเรื่องแล้ว คนขับรถไฟได้เพิ่มความเร็วกว่ากำหนดถึง 2 เท่า ก่อนจะตกราง ขณะเข้าโค้ง ที่เขตพอร์ต ริชมอนด์ ริมฝั่งแม่น้ำเดลาแวร์ ในเมืองฟิลาเดลเฟีย อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนนายบอสเตียน วิศวกรบนรถไฟขบวนนี้ ในคืนเกิดเหตุ เขาได้บอกว่าไม่สามารถจดจำอะไรได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนรถไฟจะตกราง
ทั้งนี้ รถไฟโดยสาร ‘แอมแทรค’ ขบวนนี้ เป็น สายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนที่ 188 จากรัฐวอชิงตัน ไปยังนิวยอร์ก ได้ประสบเหตุตกราง ทางตอนเหนือของเมืองฟิลาเดลเฟีย จนมีโบกี้รถไฟถึง 7 โบกี้และหัวรถจักรได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่ นายไมเคิล นัตเตอร์ นายกเทศมนตรีเมืองฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นอุบัติเหตุรถไฟที่ทำให้เกิดความเสียหายยับเยินเช่นนี้มาก่อนเลย
เป็นเรื่องจนได้!! รถไฟ 'แอมแทรค' สหรัฐฯ อาจโดนยิง ก่อนตกรางสยอง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc



17 พ.ค. ม็อบประท้วงเชลล์สำรวจน้ำมันขั้วโลกเหนือ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซีแอตเทิลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 17พ.ค.ว่ากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นแกนนำนำนักเคลื่อนไหวหลายร้อยคนใช้เรือคายัคและเรือพายเล็กเป็นพาหนะออกมาแล่นเพื่อประท้วงบริเวณอ่าวเอลเลียตของเมืองท่าซีแอตเติลเมื่อวันเสาร์(16พ.ค.)ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ก็เพื่อประท้วงแผนการของบริษัทรอยัลดัทช์ เชลล์ในอันที่จะรื้อฟื้นโครงการขุดเจาะน้ำมันในเขตขั้วโลกเหนือโดยจะพยายามขัดขวางไม่ให้บริษัทร่วมลงทุนด้านพลังงานน้ำมันระหว่างอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์พยายามใช้เมืองซีแอตเทิลเป็นฐานปฏิบัติการให้แท่นขุดเจาะน้ำมันที่เสร็จภารกิจกลับมาจากทะเลชุคชีนอกชายฝั่งรัฐอะแลสกาโดยระบุว่า การขุดเจาะน้ำมันในทะเลแถบขั้วโลกเหนือจะส่งผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
นักเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังวางแผนที่จะประท้วงเช่นนี้ไปอีกหลายวันทั้งเคลื่อนไหวบนแผ่นดินและในน้ำที่อ่าวเอลเลียตของเมืองท่าซีแอตเทิลซึ่งแท่นขุดเจาะน้ำมันแท่นแรกจอดอยู่ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาและคาดว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันแท่นที่สองจะเดินทางมาถึงในเร็วๆนี้
อ่านต่อที่ : ม็อบประท้วงเชลล์สำรวจน้ำมันขั้วโลกเหนือ | เดลินิวส์

 

Kaokala Fc



17 พ.ค. คนร้ายลอบสังหาร 3 ผู้พิพากษาอียิปต์ หลังตัดสินประหารชีวิตอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ดมอร์ซี และพวกรวม 105คน
ภาพ..ศาลอียิปต์ได้ตัดสินประหารชีวิตอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ดมอร์ซี จากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและพวกรวม 105คน อดีตประธานาธิบดีมอร์ซีซึ่งนั่งอยู่ในคอกจำเลยเป็นกรงถึงกับชูกำปั้นขึ้นมาท้าทายคำตัดสินของศาล(16พ.ค.)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุฆาตกรรม 3 ผู้พิพากษาชาวอียิปต์ ประจำเมืองอัล-อาริช ที่ทำหน้าที่พิพากษาคดีความผิดของนายมูฮัมหมัด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอิยิปต์ และสมาชิกพรรคพรรคภราดรภาพมุสลิม รวมทั้งผู้ฝักใฝ่ในตัวเขารวม 105 คน ฐานช่วยเหลือนักโทษหลบหนีออกจากเรือนจำ เมื่อ 4 ปีก่อน โดยศาลอิยิปต์พิพากษาประหารชีวิตทั้งหมด ทั้งนี้กลุ่มคนร้ายกราดยิงถล่มใส่รถของคณะผู้พิพากษา จนทำให้ผู้พิพากษาเสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บสาหัส 3 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามกลุ่มคนร้าย
มีรายงานคาดว่า กลุ่มคนร้ายอาจเป็นกลุ่มอันซาร์ เบต์ อัล-มัคดิส ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงในพื้นที่และเพิ่งประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า ผู้พิพากษาจะตกเป็นเป้าหมายใหม่ในการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรง ซึ่งเดิมมีเป้าหมายโจมตีอยู่เฉพาะทหารกับตำรวจเท่านั้น สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของอียิปต์รายงานด้วยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ แห่งอียิปต์มีคำสั่งให้ทหารและตำรวจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่บุคลาการที่ทำงานในศาล
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx…

 

Kaokala Fc



17 พ.ค. เปรูประกาศภาวะฉุกเฉิน 60 วัน หลัง "แผ่นดินแยกเป็นแนวยาวลึก" หลังฝนตกหนักทางเหนือของประเทศ
เมื่อวานนี้ (16พ.ค.) เปรูประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมในบางส่วนของประเทศ หลังเกิดรอยแยกแนวยางและลึกคล้ายกับแนวเลื่อนของแผ่นดินไหว เกิดขึ้นหลังฝนตกหนักในบริเวณหมู่บ้านในแคว้นอังกัช (Ancash) ทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้ชาวบ้านต่างตกตื่นขวัญผวา
รอยแยกลึกเป็นแนวยาวบนแผ่นดินนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวเปรู ทางเหนือของประเทศไม่กี่สัปดาห์มาแล้วบริเวณแคว้นอังกัช(Ancash) และทำให้บ้านของชาวบ้านส่วนหนึ่งเสียหายมากจนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยต่อไปได้ และร้อนถึงรัฐบาลเปรูต้องหาทางแก้ไข
ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า รอยแยกลึกขนาดยักษ์นี้คล้ายกับแนวรอยแยกที่เกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหว แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างระบุว่า ฝนตกหนักในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนส่งผลทำพื้นดินเคลื่อนตัว ซึ่งทำให้เกิดการขยายและหดตัวขึ้นและส่งผลทำให้แผ่นดินเกิดรอยแยกขึ้น
“โลกไม่ได้สั่น เราเห็นรอยแยกทางยาวในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ซึ่งมันดูใหญ่และลึกมากขึ้น” เลโอโปลโด เอกูซคูอิซา (Leopoldo Egusquiza) ชาวบ้านที่อาศัยใน โซคอสแบมบา (Socosbamba )ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เปรู
อย่างไรก็ตามประกาศภาวะฉุกเฉินนี้จะมีกำหนดระยะเวลา 60 วัน
และในระหว่างนี้รัฐบาลเปรูจะพยายามหาทางแก้ไขในวิกฤตภัยธรรมชาติแผ่นดินแยกนี้
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Piyacheep S.Vatcharobol

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/b6Z_4HtXyD0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>







ภูเขาไฟฮาโกเน่และแผ่นดินโดยรอบสูงขึ้น ๔ นิ้ว ในเวลา ๑๘ วัน
นอกเหนือไปจากไอน้ำ ความร้อนที่ลอยขึ้นมาปกคลุมทั่วไป
บ่งบอกว่าจะต้องมีการระเบิดใหญ่ในไม่ช้า ระเบิดใหญ่นะครับ ไม่น่าเกิน ๓๐ พฤษภาคมนี้

เป็นครั้งแรกที่มีรายงานว่าแผ่นดินรอบภูเข่ไฟยกตัวสูงขึ้น บ่งบอกถึงพลังแรงดันที่อัดอั้นอยู่ใต้พิภพ ที่ต้องมีพลังงานมหาศาลถึงดันให้แผ่นดินสูง เสมือนฝีที่เป่งจะระเบิดออก

ณ ข้อมูล ปัจจุบันนี้ หาก ฮาโกเนะ ระเบิดออกมา จะเทียบเท่าแผ่นดินไหว ๘ ริคเตอร์ ถึง ๙.๕ ริคเตอร์อย่างแน่นอน และต้องมีปฏิกิริยาลู๔กโว่ ไปยัง ภูเขาไฟ ฟูจิยาม่า ด้วย

การเดินทางไปญี่ปุ่น ในระยะนี้ ก็อาจผจญภัยตื่นเต้น เพราะต้องมีการปิดสนามบิน นาริตะ เป็นบางช่วงเวลา และจะต้องมีแผ่นดินไหวบนบกไม่ใหญ่มากตามมาให้ตกใจเล่น

ใครจะไปญุี่ปุ่นในรัศมี ๒๐๐ กิโลเมตรจากฮาโกเน่ แนะนำให้พกหน้ากากอนามัยอย่างน้อยแบบมีคาร์บอนด์กรอง พร้อมแว่นครอบตา ติดไปด้วยนะครับ

นอกจากนี้ การพบแสงสีรุ้งบนท้องฟ้า และ เหนือเมฆ ที่เรียกกันว่า หมวกเมฆนั้น บ่งบอกพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศที่สูงไม่เกิน ๒๐ กิโลเมตร ว่ามีพลังงานมากกว่าปกติ การก่อตัวของพายุฝนในประเทศ ก็มีลักษณะของ Cell Storm วงใหญ่มากๆจลอด

ตราบใดที่ฝนยังตก ชายฝั่งตะวันตก ภาคตะวันตกอยู่ โอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โดยมีจุดศูนย์กลางที่เทือกเขาตะนาวศรียังน้อยอยู่ แต่หากฝนขาดช่วง อากาศร้อนอบอ้าวช่วง ๒๕-๓๑ พฤษภาคม ก็มีโอกาสไหวใหญ่ และมีผลต่อเขื่อนในเมืองกาญไม่มากก็น้อยได้ได้ ให้สังเกตุพฤติกรรมสัตว์ ท้องฟ้า ว่ามีเมฆแผ่นดินไหว กระจายทั่วเหนือชายแดนตะวันตกหรือไม่นะครับ ฝึกดู สังเกตุ เพื่อความไม่ประมาท

หากยังจำได้ที่ผมโพสว่า หลัง ๒๑ เมษายน จะเกิดพิบัติภัยใหญ่ และหลัง ๒๑ พฤษภาคม จะเกิดพิบัติภัยที่ใหย๋กว่า หรือ จำนวนครั้งมากกว่า ลองตามข่าวสถานการณ์โลกทั้งใบดูนะครับ และลองเปรียบเทียบสถานการณ์ในบ้านเราระหว่าง ๒๑ เมษาถึง ๒๐ พฤษภา และ ๒๐ พฤษภาถึง ๒๐ มิถุนายน เพราะทุกๆวันที่ ๒๑-๒๒ ของเดือน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มขึ้น หรือ อาจก้าวกระโดดของพิบัติภัยทั่วโลกไปเรื่อยๆ จนถึง ๒๑ กันยายน ที่จะเข้่าสู่ช่วงเวลา Destruction time period เป็นต้นไป

อะปะมาทะ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก
สติสมาธิเป็นที่ตั้งนะครับ

5/17/2015 — Japan volcano hasn’t erupted in 800 years — Has now RISEN FOUR INCHES in 2-3 weeks!

May 17, 2015 tatoott@yahoo.com Reply
Two weeks ago, at the beginning of May 2015, Japanese officials closed the area around Mount Hakone in Southeast Japan due to “gushing dangerous steam” which began to appear rather suddenly from areas which normally don’t show much activity.

hakone volcano close up a
Above: Location of Mount Hakone in relation to Mount Fuji, and downtown Tokyo Japan reveals how close this volcano is to the largest city in Japan, and the largest Volcano (Fuji).


New reports today (May 17, 2015), indicate that the area has risen over FOUR INCHES (10cm) in the past few weeks. The sudden rise, as well as the major steaming geothermal activity indicate the near term threat of eruption is growing rapidly.

Video below from May 6, 2015 shows the new steam activity from a water well stack located behind one of the hot springs resorts.

Ground swells near Mount Hakone - News - NHK WORLD - English

“Japanese experts say they have confirmed ground swelling in the no-entry zone on Mount Hakone since an increase of volcanic activity last month.

Officials at the Geospatial Information Authority released findings from data collected by a ground observation satellite.

NCS20150516150014000
Above: May 16, 2015 – Webcam view near Mount Hakone streaming live from the Japanese service shows excessive steam coming from multiple areas around the flanks of this long dormant volcano

The experts compared measurements taken on Friday with those from April 17th, before intensified volcanic activity. They found an upthrust of up to 12 centimeters. The swelling is in the southwestern part of a 100-meter radius in the Owakudani valley.

The experts say that ground around the center of the no-go area has also swollen by up to 10 centimeters.

Officials have prohibited anyone from going into an area around the valley after an increase in the number of minor earthquakes on the volcano.

Kojin Wada of the Geospatial Information Authority said he believes local swelling is continuously taking place at shallow depths in Owakudani.

The Meteorological Agency has warned of possible small eruptions and falling rocks in the Owakudani area.”

Mount Hakone is an ancient volcano located 45 miles Southwest of Tokyo Japan, and has not shown activity in over 800 years (since the middle ages 12-13th century A.D.).

hakone volcano close up

In modern times, Mount Hakone has become a popular tourist destination for the regional hot springs, and a popular recreational area for locals.

These hot springs, and hiking areas have been designated “off limits” for non-authorized personnel due to the threat of eruption.

https://www.youtube.com/watch?v=b6Z_4HtXyD0

 

ถ้านายกตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริง ฟ้าดินย่อมคุ้มครองเสมอ



อาทิตย์ทรงกลดทำเนียบฯ ซินแสเชื่อหนุนดวง"บิ๊กตู่" | เดลินิวส์
„อาทิตย์ทรงกลดทำเนียบฯ ซินแสเชื่อหนุนดวง"บิ๊กตู่" "ซินแสภาณุวัฒน์" ชี้พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือทำเนียบรัฐบาล หนุนดวง “บิ๊กตู่” พาชาติฝ่าฟันอุปสรรคได้ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 12:47 น. เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เวลาประมาณ 11.00 น. ได้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดบนท้องฟ้าเหนือพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นทั่วไปในช่วงที่ไม่มีเมฆ โดยนายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ การที่พระอาทิตย์ทรงกลดเป็นเรื่องที่ดี ถ้ามีการทำงานอะไรแล้วเกิดปรากฏการณ์นี้จะถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และในช่วงที่ไม่ค่อยมีเมฆเช่นเวลา 11.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นมงคลต่อประเทศชาติ อีกทั้งปรากฏการณ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ เกิดปีมะเมีย และวันนี้ (18 พ.ค.) เป็นวันมะเมีย เวลา 11.00 น.ก็เป็นเวลามะเมีย ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกื้อหนุนการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีอุปสรรคมาขัดใจอยู่บ้างแต่จะผ่านไปได้ และแม้เดือนนี้จะเป็นเดือนมะเส็ง งูอาจจะพันขาม้าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายใจต่อพล.อ.ประยุทธ์บ้าง แต่เนื่องจากปีนี้เป็นปีเป็นปีมะแม ที่เกื้อหนุนดวงนายกฯ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่สามารถขัดขวาง พล.อ.ประยุทธ์ที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้.“

อ่านต่อที่ : อาทิตย์ทรงกลดทำเนียบฯ ซินแสเชื่อหนุนดวง"บิ๊กตู่" | เดลินิวส์